ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 492|ตอบกลับ: 8

จ้าวธารา

[คัดลอกลิงก์]

โสด

   ศาสตราจารย์เอื้ออาทร
อาจารย์พิเศษ
คัดลอกมาครับ

-๑๐-
   ผมไม่ได้ตอบไปหรอกครับ  อย่าตกใจไป
   สาเหตุน่ะหรือ?

   ประการแรกก็คือ..ผมค่อนข้างมั่นใจว่ากระดาษคำตอบใบนั้นไม่ศูนย์แน่ๆ ถึงแม้จะเขียนน้อยแต่พออ่านดูดีๆ

แล้วก็สรุป(แบบรวบรัดฉิบหาย)ไว้แล้วครับ  

สาเหตุประการที่สอง..ถึงจะพลาดตรงนี้แต่ปลายภาคก็ทำใหม่ได้ครับ  

และอย่างว่า..ผมค่อนข้างถนัดวิชาดังกล่าว  ปกติก็ได้ A เสมอดังนั้นไม่กลัวว่าจะติดF เท่าไหร่  

สาเหตุประการที่สาม..ผมไร้ซึ่งทักษะในการเขียนแผนที่โดยสิ้นเชิง  ไม่มีทางจรดปากกาบอกอาจารย์คงให้รู้เรื่อง

ได้แน่ๆ  สาเหตุประการ

ที่สี่…ผมคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นความลับระหว่างเรา..ซึ่ง…ถึงคำว่า ‘ระหว่างเรา’มันจะไม่มีความหมายแล้วก็ตาม…

แต่ความลับก็คือความลับครับ
   และสาเหตุที่สำคัญที่สุด ที่เป็นปัจจัยหลักที่ผมปฏิเสธอาจารย์คงมาก็คือ….
  …..จะอะไรซะอีก….
   ……..อย่างผมเนี่ยนะ….จะไปจำทางเข้าบ้านมันได้?
   เออ  หยุดหัวเราะ แล้วฟังสิ่งที่ผมจะทำให้ดีได้แล้วครับ
   เพราะว่าคำถามที่ถูกถามราวจะบดขยี้ผมเมื่อวานมันช่างน่าสงสัยนัก..สงสัยจนผมอดสงสัยไม่ได้ ครับใช่  งงกับประโยคเมื่อครู่กันใช่มั้ย?
ผมแค่อยากจะแทนมันว่าผมงงชิบหายเลยน่ะครับ
   ..อาจารย์คงจะอยากรู้เรื่องบ้านพี่วันไปทำซากอ้อยอะไร?

   ถามตัวเองจะได้อะไรครับ  ถามอาจารย์คงก็ไม่ได้แน่ๆ  และถ้าถามไอ้พี่วัน…บอกเลยว่าถึงได้คำตอบแต่ผมก็ไม่หน้าด้านไปถามครับ  ไม่แน่ๆ…ถ้าคุณไม่เคย ‘อกหัก’คุณอาจไม่เข้าใจ  ถึงกรณีของผมจะไม่สามารถเรียกแบบนั้นได้เต็มปากแต่มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก…สิ่งเดียวที่เราทำได้คือ ‘การตัดใจ’
   คำรักของเขาทำให้ผมนอนไม่หลับ
   
และคำตอบของเขายิ่งทำให้ผมห่อเหี่ยวหนักกว่า
   ‘…ถ้ามึงชอบเค้าจริงๆ  มึงทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นเค้ามีคนอื่น...’

   คำพูดของไอ้โป๊ยวิ่งเข้ามากระแทกอกผมอีกครั้งหนึ่ง
   ‘...ไอ้ความรักที่ไม่ต้องการสิ่งตอบแทนถึงจะเรียกว่า‘รักแท้’ น่ะ..มันงี่เง่าสิ้นดี รู้ป่ะ?  สุดท้ายมันก็เจ็บที่เห็นเค้า

มีใคร  สุดท้ายมันก็ทนไม่ได้หรอก และสุดท้าย..แม้แต่หน้าเค้ามึงก็ยังไม่อยากเห็นด้วยซ้ำ...’

   เดี๋ยวนะโป๊ย  กูว่ามีบางอย่างในคำพูดมึงที่ผิดๆอยู่อ่ะ
   …เพราะกูว่า…
กูยังอยากเห็นหน้าแม่งอยู่
   ………
อนาถกว่าเดิมอีกครับ
   แต่วันนี้ผมไม่ได้จะเครียดเรื่องเขาครับ ไม่เด็ดขาด..ผมต้องลบเขาออกจากสมอง  แม้จะแอบคิดถึงคำพูดเมื่อวานของเขาทุกสิบวินาทีก็ตาม…
และแม้ว่าผมกำลังพยามยามรื้อฟื้นความจำแล้วเดินทางไปบ้านเขาก็ตาม
   ..ไปทำไมน่ะรึ?

   เพราะลางสังหรณ์ของผมมันบอกว่า..เรื่องนี้มันมีกลิ่นแปลกๆ…
   ผมต้องบอกเขาว่าอาจารย์คงพูดเรื่องอะไร ต้องบอกว่าอาจารย์ถามผมเรื่องอะไร..ก่อนที่เรื่องราวจะแย่ไปกว่านี้

ผมชักกลัวอาจารย์คง..กลัวแทนพวกจระเข้ทั้งหมดในบ้านนั้น(ถึงผมจะรู้จักแค่2 – 3 ตัวก็เหอะ…)
   โทรศัพท์หรือ? ไม่ล่ะ..ไม่อยากได้ยินเสียงด้วยซ้ำ
   ไลน์? ไม่เอา..ผมว่าการโต้ตอบมันไวเกินไปหน่อย  
ผมยังไม่พร้อม
   จดหมาย?
ใช่ครับ..ทางเลือกที่ถูกกับจดหมายน้อยๆฉบับนี้ที่อยู่ในมือผมนี่!
   และนั่นแหละคือปัญหา
..ผมไม่รู้บ้านเลขที่มัน..
   เพราะงั้นมันคงจะดีกว่าถ้าผมหาบ้านเขาให้เจอ แล้วไปหย่อนไว้เงียบๆที่ตู้จดหมาย  เขียนจ่าหน้าถึงนายทิวัน

จากบุคคลนิรนาม(และสาบานได้เลยว่าเขาต้องไม่รู้แน่ๆว่าใคร…)  ภายในมีเนื้อหาที่ควรระบุไว้อย่างครบถ้วนและ..ออกจะเป็นพิธีรีตรองมากเกินไปหน่อย ถึงกระนั้นผมก็จะส่งครับ
   
ไม่ได้อยากจะเห็นหน้าเลยสักกะติ๊ด
   …จริงๆนะ!  ใครมันจะอยากไปเห็นหน้าคนที่เพิ่งสลัดรักตัวเองมากันล่ะ?
บ้าฉิบ!
   ผมสวมหมวกคลุมฮู้ดใส่แว่นกันแดดปิดบังหน้าตามาเรียบร้อยครับ ไม่ต้องห่วงว่าจระเข้แถวนี้ตัวไหนจะจำผม

ได้หรอก…ถึงจะประหลาดนิดหน่อยเพราะเวลานี้ไม่มีแดด แถมฟ้าครึ้มคล้ายฝนจะตกอีก  เอาน่า อย่าได้แคร์
   ว่าแล้วก็สาวเท้าดุ่มๆข้ามถนนใหญ่ที่ผมจำได้ครับ ต่อจากนี้แหละที่อยาก..ตรอกซอกซอยไหนห่าเหวอะไรวะ...

ครั้นจะเดินไปถามคนแถวนี้ว่ารู้จักบ้านจระเข้มั้ยก็เห็นจะใช่เรื่อง  ดังนั้นต้องอาศัยความคุ้นตาเอาละ!
   สิ่งเดียวที่ผมจำได้แน่ๆคือละแวกนั้นเป็นบ้านร้างที่ไม่มีคนอยู่เลย ไม่มีใครเลย..และเท่าที่ผมเดินมาทั้งหมดนี่คนแอบจะพลุกพล่านทีเดียวครับ เป็นย่านร้านค้าติดถนนใหญ่…ไม่มีซอยไหนสักซอยที่เปลี่ยวร้างแบบที่ผมเจอ แต่พอมาคิดๆถึงเรื่องเวลากลางวันกลางคืน  
กับความลึกที่ผมต้องเดินเข้าไปแล้วก็พอจะเข้าใจอยู่
   ต่อให้แปลงร่างเป็นโคนันตอนนี้ ก็หาเบาะแสไม่ได้หรอกครับ…

   ...กูทำบ้าอะไรอยู่!
   “เอาไรจ๊ะหนู”

   “โค้กใส่ถุงฮะ”
   “จ้า”
   หลังจากสั่งน้ำดื่มมาดับกระหายเสร็จสรรพผมก็ทิ้งตัวลงที่เก้าอี้พลาสติกหน้าร้าน จ้องมองไปรอบๆหวังจะเจอสักที่พึ่งที่ผมพอจะได้เค้าลาง
   ว่าแล้วกลิ่นหมูตุ๋นร้านข้างๆก็ลอยมาแตะจมูกครับ
ประหนึ่งจะบอกให้ผมแวะพักตรงนี้สิจ๊ะก็มิปาน
   “นี่จ้ะ”

   “อ๊ะ  เท่าไหร่ครับป้า?”
   “15 บาทลูก”
   ผมรับถุงโค้กมาถือดูด  นี่คือนวัตกรรมอัจฉริยะที่ไทยแลนด์โอนลี่ครับ  มันสดชื่นและดับกระหายได้ดีกว่าดื่มจากขวดแบบในโฆษณาเป็นไหนๆ น่าจะมีบรรจุภัณฑ์แบบนี้ขายบ้างนะ..
   “เอ้อป้าครับ” ผมทักในที่สุด

“…แถวนี้…มีบ้านไทยบ้างป่ะครับ?”
   ป้าขายน้ำกระพริบตาปริบๆ

“เอ  บ้านไทยเหรอจ๊ะ?”
   “ครับ  หลังใหญ่ๆ”
   “ป้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันนะ” เธอตอบ “ป้าไม่เคยเดินเข้าซอยเลยลูก…อาจจะมีก็ได้นะ  ข้างในๆน่ะ”
   “ขอบคุณครับป้า”
   “จ้า  แล้วหนูมาหาบ้านไทยแถวนี้หรือ?”
   ผมหัวเราะ

“ทำรายงานอ่ะฮะ  นี่ก็หลงทางอยู่เหมือนกัน”
   แกทำท่าเหมือนจะตะโกนถามร้านข้างเคียงให้ครับ ผมเลยปฏิเสธเป็นพัลวัน  แล้วกราบขอบพระคุณไปหนึ่ง

ทีเต็ม  แกเลยให้ลูกอมโอเล่ย์มาเม็ดนึง…เอ่อ…เห็นผมกี่ขวบแล้วครับป้า…แต่ก็ดีครับ เติมน้ำตาลเข้ากระแสเลือด

สักหน่อยก็ไม่เลว…….
   “อ้าวหนูมาลา  ว่าไงจ๊ะวันนี้เอาอะไรเอ่ย?”
   ผมหยุดเดินทันทีครับ
   แล้วจึงกลับหลังหัน…
เผชิญหน้ากับใครคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักผมแต่ผมรู้จักเขาดี
   คนถูกเรียกหมุ่นคิ้ว “เลิกเรียกมาลาว่า ‘หนูมาลา’ เถอะฮะ ดูเด็กชะมัดเลย”

   “ก็ไม่ยอมโตสักทีนี่นา  ฮ่าๆ”
   “มาลาโตแล้วนะ!”
   “เอ้า!  งั้นเด็กตัวโตวันนี้อยากได้อะไรคะ?”
   “ผัดซีอิ๊วสามห่อครับ  ห่อนึงไม่ใส่ผัก”
   “ไม่กินผักเดี๋ยวก็ไม่โตหรอกจ้ะ”
   “อันนั้นไม่ใช่ของมาลา!แค่ผักคะน้ามาลากันได้เหอะ!”
   อีกฝ่ายตัวเล็ก..ใช่ครับ  มาถึงจุดนี้ถึงได้รู้ว่า ‘มาลา’ ที่ว่านั่นเป็นเด็กอายุไม่น่าเกิน 13 – 14 ปี  ซึ่งยังไม่ถึงช่วงเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ของวัยหนุ่ม ทำให้เขาดูตัวเล็ก..และแขนผอมๆที่หิ้วของเต็มมือนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายดูตัวเล็ก

เข้าไปอีก
   ครั้งที่แล้วผมเห็นเขาแค่ผ่านๆครับ ครั้งนี้ในระยะไม่เกิน2เมตรแบบนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้จริงๆว่า..
   …หน้าตาน่ารัก…

   ตาโตคิ้วเข้มจมูกรั้นๆ  จิ้มลิ้มน่ารักในแบบเด็กชาย..แต่สาบานได้เลยว่าถ้าโตขึ้นก็คงหล่อเหลาเอาการ และถึงตรงนี้ผมก็อยากหยิบกระจกขึ้นมาส่องเลยล่ะครับว่าจะเอาที่ไหนไปสู้ได้วะ!?
   …เดี๋ยว  หยุดเลยไอ้ไกร
   …แกจะไม่สู้  เพราะแกบอกจะถอย ดังนั้นข้ามประเด็นนั้นไปก่อน………..

   “มีอะไรรึเปล่าครับ?”
   ผมสะดุ้ง  เมื่อเด็กมาลานั่นขมวดคิ้วมองผม
   ..เล่นเอาเปิดสกิลแถแทบไม่ทัน..

“เปล่าครับ  เอ่อ..พอดีพี่แค่คุ้นหน้าน้องน่ะ”
   “หน้าผม?”
   ..กูแค่พูดไปเรื่อยไม่ต้องถามต่อได้ป่ะวะ!..

“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนรึเปล่าครับ?”
   อีกฝ่ายขมวดคิ้วจ้องเป๋ง “นี่จีบมาลาเหรอ?”
   “เจ้ย  เปล่า!”
   “เสียใจนะ  พี่ก็หน้าตาไม่เลวหรอกครับ แต่มาลาชอบเข้มๆมากกว่า”
   ..ชะงัก..ช่างเป็นคำปฏิเสธที่แบบ..เล่นหูเล่นตามากครับ..
   ผมกำลังนึกย้อนไปว่าไอ้ลีลาคำพูดแบบนี้มันคลับคล้ายคลับคลาเหลือเกินครับ ที่จริงแล้วไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่กับไอ้พี่วันนั่น…แล้วก็อดอุทานในใจไม่ได้นะครับว่า ‘ไอ้เข้เอ้ย...’กับคำว่า ‘อย่างงี้นี่เอง…’

   ..จระเข้ก็คือจระเข้ครับ  สำนึกในการเป็นมนุษย์เลยต่ำเตี้ยเรี่ยดินไปเสียหน่อย..
   “ขอบคุณที่ชมนะ” ผมยิ้มเจื่อน

“แต่พี่ไม่ได้จีบนะ…พี่แค่คุ้นหน้าเราเฉยๆ”
   “ครับๆ  ก็พูดกันอย่างนี้ทุกคนแหละ”
   “น้องเป็นคนแถวนี้เหรอ?”
   “ฮั่นแน่  จะหลอกถามบ้านมาลาน่ะสิ ไม่บอกซะให้ยากหรอก” แถมด้วยการแลบลิ้นตอบแบบหนุ่มน้อยขี้เล่นมาทีนึงครับ

“พี่ชายเถอะ..ไม่คุ้นหน้าเลย  มาเที่ยวเหรอ?”
   ผมเลยแลบลิ้นกลับ

“ฮันแน่  จะหรอกถามทำความรู้จักกับพี่เหรอ? ไม่บอกซะให้ยากหรอก”
   “ว้อย!  อย่ามายียวนนะ!”
   ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังส่องกระจกชอบกลครับ

“ชื่อมาลาเหรอครับ?”
   “ถามชื่อคนอื่น..บอกของตัวเองมาบ้างรึยังครับ?”
   “พี่ชื่อ ก-………” ผมชะงัก แล้วเลื่อนคำ

“กายครับ  ชื่อกาย”
   “ชื่อประหลาดจัง”
   “ประหลาดตรงไหน..เรานั่นแหละ  มาลา  ชื่อโบร๊านโบราณ”
   “อะไรฟะ!  ชื่อนี่นายมาลาตั้งให้เลยนะ! อย่ามาดูถูกชื่อมาลานะ!”
   ผมแกล้งทำเป็นขมวดคิ้ว

“นาย..ของมาลาเหรอ?”
   “เจ้านายไง  แค่นี้ก็ไม่รู้เรื่อง..โง่ป่ะครับ?”
   “บ๊ะ  คนถามดีๆนะเนี่ย”
   “แล้วมาลาตอบไม่ดีตรงไหน?” อีกฝ่ายทำหน้าเหรอหราส่ายไปส่ายมา

“มาลาออกจะพูดเพราะ~”
   “เออ  เพราะก็เพราะครับ”ผมโคลงศีรษะ

“มาลาเป็นเด็กแถวนี้เหรอ?”
   “ม่ายบอก”
   “ไอ้เด็กนี่…”
   “ถ้าจะจีบมาลาน่ะไปเกิดใหม่สักสิบปีนะฮะ…มาลามีนายอยู่แล้ว  ไม่มองใครหรอก แบร่ๆ”
   ผมอ้าปากค้าง

“พี่บอกว่าไม่ได้จีบไง!”
   “มาลาก็แค่บอกว่าไม่ได้สนใจเฉยๆ ไม่ได้ว่าสักหน่อย”

   มันเป็นจังหวะที่ผมอยากจะจับอีกฝ่ามาตีก้นมากๆครับ แต่เพราะผัดซีอิ๊วที่คนตรงหน้าสั่งไว้เสือกได้ซะก่อน  มันก็เลยแยกยิ้มยิงฟันให้ผมแล้วหันไปจับจ่ายเงิน  ก่อนจะเดินระริ่วหายไป  แน่นอนครับว่าผมไม่รอช้า มองซ้ายมองขวาไม่เห็นว่ามีใครอยู่..ก็แอบสะกดรอยเดินตามไปทันที
   เคราะห์ดีที่อีกฝ่ายค่อนข้างเป็นจุดเด่น ผิวขาวๆสะท้อนแสงได้นั่นมองหาได้ไม่ยากนัก..เขาแวะซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อครั้งหนึ่ง ซื้อชานมไข่มุกด้วย…แถมยังยืนมองการ์ตูนหน้าร้านหนังสือตาละห้อย…พอสังเกตไปสักพักผมเริ่มคิดว่านี่จะได้อะไรไหมหนอ  ทำตัวเหมือนสตอล์คเกอร์โรคจิตแอบตามหนุ่มน้อยหน้าตาดีหลังจากคุยกันได้ไม่กี่ประโยคชอบกล…

   …แล้วนี่จะใช่ ‘มาลา’คนเดียวกันป่ะวะ……แต่แก่แดดแก่ลมขนาดนี้คงมีไม่กี่คนล่ะมั้ง…
   ในที่สุดผมก็มาถึงปากทางเข้าที่เริ่มคุ้นตาบ้างแล้วครับ..
   ..หลังจากจุดนี้เป็นจุดที่ยากแล้วล่ะ เพราะยิ่งเดินเข้าซอยลึกมากเท่าไหร่คนก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ..จนในที่สุดก็ไม่มีใครเลยนอกจากผมกับเด็กมาลา(ที่กำลังกระโดดโหยงเหยงไม่สนใจจะมองข้างหลัง…จะว่าไปมันก็ดีแล้วล่ะ)  แต่เพราะผมเริ่มกังวล..กลัวไอ้เด็กมาลาจะจำได้ เลยถอดเสื้อนอกที่เป็นฮู้ดออกเก็บใส่กระเป๋า  เลิกใส่แว่นกันแดด  แล้วก็ทำทีเหมือนเด็กวัยรุ่นมาเที่ยวบ้านเพื่อนแบบเนียนๆครับ แหม..แดดร้อนใช่เล่นฮะประเทศไทย  อีกฝ่ายก็ยังกล้าใส่เสื้อกล้ามกางเกงขาสั้นอีกหนอ…
เสียดายผิวขาวๆชะมัด
   ผมเอาแต่ตามเขาจนลืมจำทางเดิมไปเสียชิบ…เพราะฉะนั้นอย่าให้เดินกลับออกไปเองเลยครับ  ผมคงนอนแห้งตายกลางแดดแบบนี้แน่ๆ…โชคดีที่โค้กถุงยังเหลืออยู่  ไม่งั้นตาย
กระหายจนตาย
   สิ่งที่ทำให้ผมหยุดเดิน  
ก็คือกำแพงรั้วบ้านที่มีอยู่เสี้ยวหนึ่งในความทรงจำครับ
   และเมื่อผมเริ่มจะจำได้บ้างแล้ว ผมก็หยุด  และเลิกที่จะเดินตามเด็กมาลาเพื่อแอบมองเข้าไประหว่างร่องไม้

กำแพงบ้าน….บ้านเรือนไทยหลังนั้น…ในมุมมองที่แตกต่างจากเดิม…
   ผมกำลังใช้สมองอย่างหนัก  กำลังพิจารณาว่าแต่ละส่วนเสี้ยวพวกนั้นมันเป็นเรือนหลังที่ผมเคยมาจริงรึเปล่า? แต่ก็ยากอยู่ครับ  ตอนนี้มันเวลากลางวัน…แตกต่างจากตอนกลางคืนอย่างเห็นได้ชัด  และขอบอกเลยว่าความกว้างของขอบเขตพื้นที่มันบอกผมว่าเราไม่อาจรู้ได้เลยว่ากำลังส่องเข้าไปตำแหน่งไหน!

   ผมยังคงใช้สายตามองเข้าไประหว่างที่ค่อยๆเดินไปด้านข้างอย่างช้าๆ หวังว่าจะมีสักบางจุดที่ผมพอจะจำได้..บ้าง…
   นั่นครับ…นั่นคือบ่อน้ำ!
   เย้!  ในที่สุดผมก็หามันเจอ..เออ..จะว่าไปมันกว้างไปป่าววะบ่อน้ำอันนี้……………………………

   และเมื่อผมเห็นอะไรบางอย่างที่ริมสระ…ผมก็ต้องยกมือปิดปาก..กันไม่ให้เผลอปล่อยเสียงร้องอุทานด้วยความตกใจนั้นดังออกไป
   ผมเคยเห็นสิ่งมีชีวิตประเภทนี้หลายต่อหลายครั้งผ่านลูกกรง ผ่านหน้าจอทีวี  ผ่านอินเตอร์เน็ต หรือผ่านอะไรก็ตามที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองปลอดภัย  แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่…


   พวกมันทั้งหลายอยู่ในระยะไม่ไกลเกินห้าเมตร บางตัวกำลังคืบคลานขึ้นมาจากสระน้ำขนาดใหญ่นั่น  บางตัวก็อ้าปากระบายความร้อนแบบที่ผมเห็นพวกมันทำในสวนสัตว์  บางตัวอยู่เฉยๆคล้ายรูปปั้น  บางตัวมีขนาดใหญ่กว่าตัวผมสามคนรวมกัน บางตัวก็เล็กจิ๋วเท่าต้นขา…แต่ไม่ได้ดูน่ารักเลยสักนิด
   จระเข้จำนวนหนึ่งไม่ต่ำกว่าสิบตัว….
รวมตัวกันอยู่ข้างสระน้ำนั่น
   มันทำให้ผมระลึกได้อีกครั้งว่าจุดที่ผมกำลังยืนอยู่นี่คืออะไร…นี่คือ….
รังจระเข้…
   ผมถอยหลังช้าๆ  คิดว่าตัวเองกลัวเกินกว่าจะกล้าทำอะไรนอกจากการหนีไปให้เร็วที่สุด…

   ปึก!
แต่ก็ต้องหยุดทันทีเมื่อชนกับอะไรบางอย่างที่อยู่ด้านหลัง…ในระยะประชิดที่ผมสามารถได้ยินเสียงลมหายใจ

ใกล้จนรับรู้ถึงสัมผัสของผิวหนังที่คล้ายมนุษย์  แต่ตอนนั้นผมรู้ดี…มันแค่คล้าย แต่ไม่ใช่
   ถ้าสามารถบังคับให้หัวใจหยุดเต้นได้
ผมคงทำไปแล้ว
   ผมยืนนิ่ง  ปล่อยให้ร่างกายลดอุณหภูมิของตัวมันเองช้าๆ สมองที่แสนชาญฉลาดประมวลไม่ออกว่าควรจะทำยังไงต่อไป  และระหว่างที่ผมกำลังสับสน..ลมหายใจก็เร่งจังหวะเร็วขึ้นด้วยตัวมันเอง…

   …มันเป็นความรู้สึกที่เรียกว่า…หวาดกลัวจนจะร้องไห้…แต่ผมไม่ได้ร้อง  เพราะเสียงหลุดขำอันคุ้นเคยแม่งดัง

ขึ้นมาก่อน
   ผมหันกลับไป  เผชิญหน้ากับเขาที่ก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าผมก็ยังไม่อยากจะเห็น..แต่เมื่อเสี้ยววินาทีที่แล้วผมกลับกำลังนึกถึงอย่างเอาเป็นเอาตาย มองหน้ามันที่กำลังพยายามกลั้นขำอย่างสุดชีวิตแล้วก็อดที่จะหงุดหงิดขึ้นมาไม่ได้
   “ไอ้พี่วัน”ผมเค้นฟัน  แล้วเอากำปั้นทุบเขา

“ไอ้พี่วัน  ไอ้พี่วัน ไอ้พี่วัน!”
   “อะไรเล่า?  พี่ก็รอดูอยู่ว่าไกรจะทำยังไง”
   “ตลกเหรอ?”
   “เปล่า!”
   “ขำมากป่ะ  ขำมากใช่ป่ะ?”ผมยังทุบเขาอยู่  และเริ่มถลึงตาใส่

“กลัวแทบตายนะเว้ย”
   “เออ  กลัวซะบ้างก็ดี…รู้ใช่มั้ยว่าถ้าคนที่มาเจอไม่ใช่พี่จะเป็นยังไง?”
   “รู้!”
   เขายิ้ม  จูงมือผม

“งั้นก็เป็นเด็กดี  แล้วตามมาทางนี้นะครับ”
   หัวใจบอกให้ผมสะบัดมือทิ้งครับ ต้องสั่งสอนซะหน่อยว่าอย่าทำอะไรแบบนี้!  แต่ความกลัวแม่งมากกว่าครับ  

เลยเลื่อนจากการจับมือเป็นเกาะแขนเขาแทน  แล้วเดินตามดุกๆๆว่าง่ายขึ้นมาทันที
   
เขาพาผมมาที่กำแพงเดิมครับ
   ผมเลยต้องรั้งเขาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะปีนขึ้นไปก่อน

“เดี๋ยว!”
   “หืม?  อะไรล่ะ?”
   “ไกรไม่ได้จะเข้าไป!”
   “อ้าว?  งั้นมาทำไมล่ะ?”
   ผมชะงัก  แล้วรีบๆหยิบจดหมายน้อยฉบับนั้นยื่นให้เขา

“นี่!”
   ร่างสูงเลิกคิ้ว

“จดหมายรัก?”
   “ตลกป่ะ!  ใครจะไปเขียนให้คนที่เพิ่งปฏิเสธตัวเองมากันวะ!”
   “เข้าใจผิดแล้ว”
   เขาหัวเราะ  รับจดหมายนั้นไป..แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่รู้สึกอะไร
   “คนที่ไม่เคยพูดคำว่ารัก…คือไกรต่างหาก”

   ผมเงียบทันที  รู้สึกเหมือนโดนน้ำร้อนสาดหน้า
   “มาแค่นี้ใช่มั้ย?”
เขายังไม่เปิดอ่าน..แต่ถามผมแบบนั้น
   “อื้อ” ผมตอบ..เสียงเบาลง รู้สึกประหลาดในอก  

“เอ่อ…พี่วัน……”
   “แต่ถ้าไม่มีธุระอะไรต่อก็…เข้าบ้านเถอะ..นะ” เขาบอกก่อนที่ผมจะทันได้พูดอะไรซะอีก

“พี่หมายถึง..ถ้าไกรสะดวกใจน่ะนะ  และก็…..”
   ผมเลิกคิ้ว

“อะไร..?”
   เขายิ้ม
   “…อยู่ด้วยกันอีกนิดเถอะ..นะ?”

   ผมปฏิเสธคำขอร้องจนเหมือนจะร้องไห้แบบนั้นไม่ได้ครับ
   …ไม่ได้…จริงๆ…

   การปีนครั้งนี้ไม่ยากเหมือนครั้งที่แล้ว สิ่งเดียวที่กังวลคือไอ้เข้ที่ไหนจะมาโผล่แถวๆนี้รึเปล่าหนอ..แต่ครั้งนี้ผมก็ปีนขึ้นบันไดไม้ไผ่ไปอย่างว่าง่ายด้วย ทุกอย่างดำเนินอย่างเงียบกริบ..อาจเพราะผมเพิ่งรู้สถานะของตัวเองกระมัง..

เพราะงั้นครั้งที่แล้วจึงโชคดีมากที่ไม่เจอใครสักตัว..
   ไอ้พี่วันเอาบันไดไปซ่อนไว้เหมือนเดิม แล้วเขาก็เดินอ้อมไปเข้าทางตัวบ้านโดยตรง
   
และผมก็นั่งกับพื้นรอเขาอยู่เงียบๆ
   ในสมองผมปั่นป่วนไปหมด  ไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหลายเรื่องมันประดังประเดเข้ามากันเกินไปแล้ว ทั้งๆที่ผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆอะไรก็ได้ไม่เรื่องมากแท้ๆ แต่กับเรื่องของไอ้พี่วัน…มันเริ่มทำให้ผมประสาทเสียขึ้นไป

ทุกที  และที่แย่กว่าก็คือผมเลิกยุ่งกับเขาไม่ได้!

   ผมยังดีใจที่ได้ยินเสียงเขาอยู่
   ..ผมยังหวั่นไหวเสมอที่เขายิ้มให้ ที่เขาแหย่ผม  ที่เขาสัมผัส
หรือเขาจะทำห่าอะไรให้ก็ดีใจไปเสียหมด..
   ถ้าโป๊ยรู้  มันคงบอกว่าผมอาการหนัก..และผมไม่ปฏิเสธครับ ผมอาการหนักมาก  พอนึกๆย้อนไปแล้วถามหาเหตุผลว่าทำไมผมถึงถลำลึกกับเขามาได้ขนาดนี้ และผมตอบไม่ได้…

   เสียงเปิดประตูดังขึ้น  ผมลุกขึ้นคุกเข่าหันไปมอง
   พี่วันชะโงกหน้าถาม

“กินอะไรมารึยัง?”
   ผมส่ายหน้า  อยากจะตอบต่อว่าไม่เป็นไร..แต่อีกฝ่ายก็ผลุบหายออกไปจากบานประตูเสียแล้ว
   ก็เลยตัดสินใจกลับมานั่งรอที่เดิม
ที่ข้างๆเตียง
   ไม่นานก็ได้ยินเสียงเปิดประตูอีกครั้ง ผมเลยทำเรื่องเดิมๆคือการ……….

   “วางไว้ที่โต๊ะเลย”
   “ขอรับ”
   ……มุดเข้าไปซ่อนใต้เตียง
   ไอ้พี่วันครับ!  จะเอาใครเข้ามาเสิร์ฟอาหารในห้องนั่งเล่น(ถัดไปน่ะครับ  ผมอยู่ห้องนอน)  ทำไมไม่บอกกัน

แต่แรกครับ!  กูนี่เสียวไส้นึกว่าจะได้ไปเป็นอาหารในจานซะละ!
   “ไกร  ทำอะไรน่ะ?”

   เสียงนั่นเป็นสัญญาณบอกผมว่าคนอื่นไปแล้ว นั่นทำให้ผมค่อยๆคลานออกมา

“เล่นซ่อนแอบไง”
   เขาหัวเราะ

“ใต้เตียงมันเห็นชัดไปนะ”
   “ก็ตกใจหมด  นึกว่าจะโดนกินซะแล้ว”
   “ใครจะยอมให้กินไกรกัน” เขายื่นมือมาช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้น

“พี่ไม่ยอม…ไม่ว่าใครทั้งนั้นแหละ”
   ผมใจเต้น..และมันแย่มาก..
   พี่วันจูงมือผมเดินมาที่อีกห้องครับ ประตูลงกลอนเรียบร้อยปลอดภัยเชียว…และอย่างน้อยอาหารที่ถูกยกมาก็ไม่ได้หรูหราอะไรเหมือนที่ผมกลัว ก็เป็นแค่อาหารสองจานธรรมดา……………
คือผัดซีอิ๊ว
   ผมกลืนน้ำลาย  
รู้ถึงที่มาที่ไปของมัน..แล้วถาม
   “บ้านพี่ทำกับข้าวกันเองเหรอ?”

   คนถูกถามเลิกคิ้ว

“ปกติก็ใช่  มีคนครัวอยู่..แต่นี่ให้เด็กไปซื้อมา”
   “มาลาเหรอ?”
   ผมโพลงออกไปอย่างลืมตัว  อีกฝ่ายกระพริบตา
   “ถามทำไม?”

   “…..เปล่า”
   “..ก็มาลาน่ะแหละ” เขาตอบ เป็นฝ่ายนั่งลงก่อน

“นึกว่าไม่อยากได้ยินชื่อนั้น…พี่ก็เลยไม่ได้พูด”
   “ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่”
   “ไกร”
   “ครับ”
   “มานั่งนี่สิ  ข้างๆพี่”
   “ถ้าไม่ทำตามจะโดนกินมั้ย?”

   ผมพยายามพูดติดตลก  แต่อีกฝ่ายไม่ได้ยิ้ม..และไม่ได้ตอบอะไรเลย
   เขาก้มหน้าก้มตาทานอาหาร  ปล่อยให้ดวงตาตัวเองกลายเป็นสีทอง..และก็ไม่ได้เงยหน้ามองผมอีกยันคำที่ 3

(ซึ่งมันเร็วมากๆ..)  และความเงียบแบบนั้นมันทำให้ผมอึดอัด  เลยย้ายที่นั่งไปนั่งข้างๆเขา
   “ขอโทษ” ผมบอก

“แค่ล้อเล่น…”
   เขาผ่อนลมหายใจ “มันไม่ขำนะ”
   “จะไม่เล่นแล้วครับ”
   “อืม”
   “พี่วัน…”
   “กินก่อนเถอะ” เขายิ้มให้

“เดี๋ยวเย็นหมดนะ”
   ..และผมคิดว่าเขาก็ยิ้มไปอย่างนั้นเอง..
   เส้นใหญ่ผัดซีอิ๊วตรงหน้าจืดชืดไปเลยหลังจากบทสนทนานั้น แต่ผมก็ยอมนั่งทานให้หมด(ถึงแม้จะช้ากว่าเขาเท่านึงก็ตาม) ท้องเริ่มอิ่มนิดๆหลังจากเดินทางไกล(ทางไกลบ้าไรวะในกรุงเทพฯชัดๆ!)
เสียงกิ่งไม้จากหน้าต่างด้านนอกเสียดสีกันเป็นแบคกราวน์..บอกให้ผมรู้ว่าที่นี่บรรยากาศดีแค่ไหน
   พอเงยหน้าหา  อีกฝ่ายมองผมอยู่…
ด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก
   ผมหยิบทิชชู่มาเช็ดปากทันที

“อะไร?”
   “เปล่า”
   “ยิ้มอะไรเล่า!”
   “เปล่านี่”
   “ตะกี้ขอโทษ” ผมชิงบอก ก่อนเขาจะเปลี่ยนเรื่องให้ผมไม่ได้มีโอกาสพูด..ในสิ่งที่ควรจะพูด

“ไม่ได้ตั้งใจจะ…กัดพี่แบบนั้น แค่ล้อเล่น”
   เขาลูบหัวผม

“พี่รู้น่า..”
   “อย่าโกรธนะ”
   “ไม่ได้โกรธครับ”
   “จริงนะ?”
   “จริงสิ” เขาผละมือออกไป..แต่ยังมองหน้าผมอยู่“แค่อย่าล้อเล่นแบบนั้นอีกก็พอ”
   “ครับ..”
   “วันนี้ว่าง่ายจังนะ”
   “อะไรเล่า!”
   “นึกว่าจะไม่ยอม…เจอหน้าพี่แล้ว…ซะอีก”
   เขาปรือตา..เบือนสายตาไปทางอื่นขณะเอนหลังไปกับเบาะโซฟา..ผมมองเขาที่เพิ่งพูดด้วยเสียงเบาขนาดนั้นออกมา แล้วขยับเข้าไปใกล้อีกนิด…เขย่าขาสะกิดเรียกร้องความสนใจ ซึ่งเขาก็หัวเราะ…ก่อนจะวาดแขนมาโอบผมเอนศีรษะพิงไหล่เขาไว้…ราวกับว่านี่เป็นเรื่องปกติ
   ผมหลับตา “ตอนแรกก็ไม่อยากเจอหรอก…”

   “หืม?”
   “…แต่มันช่วยไม่ได้นี่นา…”
   “อ้อ” เขาหยิบจดหมายขึ้นมา“เพราะไอ้นี่เหรอ?”
   “อื้อ”
   “มีอะไรทำไมไม่บอกพี่ตรงๆล่ะ? หืม?”
   “ก็เพราะไม่อยากเจอหน้าไง” ผมหลุบตาลง “เจ็บ”
   “…แล้วตอนนี้เจ็บไหม?”
   “เจ็บ”
   เขาเงียบไป “พี่ขอโทษ…”
   “ช่างเถอะ” ผมตัดบท ซุกหน้าลงกับไหล่เขา “ไกรเข้าใจ”
   “แล้วมีอะไรล่ะ?”
   “เมื่อวานอาจารย์คงเรียกผม”
   สิ้นคำอีกฝ่ายก็นิ่งไปจนสัมผัสได้ แต่เพราะผมยังไม่อยากเปลี่ยนโพสิชั่นตอนนี้เลยไม่ยอมขยับดูเขา…

มันเสียดาย  และผมบ้าที่อยากให้ช่วงเวลานี้อยู่กับเรานานๆ…
   และในที่สุด..เขาก็ถามย้ำ
   “ว่าไงล่ะ?”

   “ว่าไงอะไร?”
   “อาจารย์คงไง”
   “อ้อ” ผมดันตัวเองออกมา ถึงเวลาจะต้องพูดเรื่องนี้จริงจังแล้วสินะ “อาจารย์คงถามเรื่องพี่”
   “เรื่องอะไร?”
   “ถามว่าไกรสนิทกับพี่มากแค่ไหน…” ผมคิดว่าตัวเองสั่นตอนที่กำลังพูด..อาจเพราะดวงตาสีทองคู่นั้นดูน่ากลัว

กว่าทุกที

“…ถาม….ว่าบ้านพี่อยู่ที่ไหน…”
   เขาเงียบ
   
ผมเอง..ก็เช่นกัน
   แต่เราเงียบด้วยคนละเหตุผลกันครับ ผมเงียบเพราะผมรอให้เขาพูดอะไรสักอย่าง  
แต่เขาเงียบ..เงียบเหมือนอึ้งทึ่งไป
   ก่อนจะถามต่อ

“แล้วไกรบอกไปรึเปล่า?”
   “เปล่า  ไกรบอกว่าจำไม่ได้”
   “เพราะตอนนั้นแน่เลย…”
   “ตอนไหน?  อะไร?”
   “ตอนที่พี่แกล้งไกร  แล้วตะโกนดังๆว่าพี่เป็นจระเข้” เขาผ่อนลมหายใจ…ยกมือเสยผมสุดคูล

“ให้ตายเถอะ…พี่ผิดเองเรื่องนี้ หมอนั่นต้องรู้แล้วแน่ๆ”
   “อาจารย์คงรู้ว่าพี่เป็นจระเข้เหรอ?”
   “น่าจะ”
   “ล-แล้ว..แล้วยังไง?  เราต้องทำยังไง?”
   “ทำอะไรมากไม่ได้หรอก” เขายิ้ม  ขยี้หัวผมเพื่อบอกเป็นนัยว่าผมไม่ได้ผิดอะไร

“ได้แต่ระวังตัวเท่านั้น”
   ใจผมน่ะมีคำถามว่า..ระวังทำไม..อยู่ครับ แต่ก็เสนอตัวเองออกไปก่อน “งั้นให้ไกรไปคุยกับอาจารย์คงให้ไหม? บอกว่าอย่าบอกใคร  บอกว่าพี่ไม่ได้อันตราย…หรือบอกไปว่าตอนนั้นเราแค่ล้อเล่นกันก็ได้!  บอกว่าคนตรงหน้าเป็นจระเข้ใครมันจะไปเชื่อกันล่ะ จริงมั้ย?”
   “ถ้าเป็นรายนั้นน่ะเชื่อแน่..”
   “ทำไมล่ะ?”
   “พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าจระเข้กับมนุษย์เป็นศัตรูกันน่ะ…”เขาผ่อนไหล่ที่เกร็งจนถึงเมื่อครู่ลง  แล้วมองออกไป

นอกหน้าต่าง

“เราไม่ได้จองล้างจองผลาญมนุษย์ทั่วไปหมดหรอกนะ แค่คอยระวังตัวเอาไว้เท่านั้น..ศัตรูจริงๆน่ะคือเจ้าพวก

นั้นแหละ
   “อาจารย์คงน่ะเหรอ!?”
   “ใช่”
   “เดี๋ยวก่อนนะ” ผมยกมือขึ้น

“ไกรไม่เข้าใจ…ทำไมถึงเป็นอาจารย์คง…อาจารย์เนี่ยนะ!?”
   “ตกใจทำไม  ก็อารมณ์เดียวกับจระเข้ไปเรียนมหา’ลัยน่ะแหละ”
   ..จริงของมันครับ..
   “พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยว่าพ่อแม่พี่เสียแล้ว?”เขาถาม  ผมพยักหน้า

“ถึงยังไม่มีหลักฐานอะไร..แต่ก็เป็นฝีมือพวกนั้นน่ะแหละ จระเข้อย่างเรามีอำนาจมากเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดา

จะฆ่าได้….”
   สงสัยผมยังทำหน้ามึนอยู่กระมังครับ เขาถึงได้ยิ้มเอ็นดูแบบนั้น
   “ไกรเคยได้ยินเรื่อง…หมอปราบจระเข้รึเปล่า?”

กูจักอยู่ยืนยั้งยืนยง
สืบเผ่าต่อคงชั่วลูกหลาน
ตามเข่นฆ่าไล่ล่าแต่บรรพกาล
เพียงต้องการให้มึง…สูญเผ่าพันธุ์

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
32472
Zenny
40634
ออนไลน์
3894 ชั่วโมง
โพสต์ 2014-12-7 15:37:39 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มหาลัยซีเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
2573
Zenny
583
ออนไลน์
440 ชั่วโมง
โพสต์ 2015-3-26 15:18:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณคร้าบ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
7
พลังน้ำใจ
40786
Zenny
35240
ออนไลน์
3552 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-2-24 09:16:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนค๊าฟ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
15687
Zenny
3636
ออนไลน์
1077 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-2-25 10:28:16 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
79933
Zenny
26208
ออนไลน์
12275 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-2-26 23:44:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
30190
Zenny
21874
ออนไลน์
2288 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-4-23 17:58:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 16:49 , Processed in 0.105960 second(s), 28 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้