+ o: _1 I- t1 B& U6 m9 P& z4 V) V
* x) ^0 z) ?8 z6 d& y8 \( p4 u9 [: i3 h9 J4 U
19 ใครนะที่ช่างบอกว่าคนรักกันจะต้องไม่ระแวงกัน มันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ หรือที่คนสองคนรักมารักกันชอบกัน ฝ่ายหนึ่งอาจจะรักอีกฝ่ายหนึ่งมากกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งที่ทำเฉย ๆต่อความรักที่อีกฝ่ายหนึ่งมอบให้ ความรักที่อีกฝ่ายหนึ่งมอบให้ทั้งหัวใจและกลับโดนอีกฝ่ายหนึ่งทำร้าย ไม่แคร์ต่อความรู้สึก อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยี่หระต่อการให้ความรักไปโดยที่รู้ทั้งรู้ว่ามันเจ็บแสนเจ็บจะถอย จะเดินหนี จะเลิกรากันไปก็ทำใจลำบากไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ด้วยกันด้วยความใคร่ แต่เป็นการอยู่ด้วยกันเพราะความรักความสัมพันธ์ที่มันหยั่งรากลึกลงไปในใจของฝ่ายหนึ่ง...บ่อยครั้งที่นนท์ กับ นัททะเลาะกัน เพราะความหวาดระแวงที่ตอนนี้ทั้งสองต่างกลัวว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะมีคนใหม่ หรือพบคนที่ดีกว่า...เกือบ10 ปีแล้วซินะ...ที่นัท กะ นนท์ผ่านห้วงของกาลเวลามีด้วยกัน...ผ่านหนทางเดินของชีวิตคู่ที่แทบจะต้องพรากจากกันหลายต่อหลายครั้ง...แทบจะเลิกกันก็หลายครั้ง... เป็นใครก็คงจะทนไม่ได้เป็นแน่....หากจะต้องพรากจากคนที่รัก...โดยเฉพาะนนท์...ชีวิตที่ไม่มีใครอีกแล้วในชีวิตนี้....ก้าวเท้าออกจากครอบครัวที่รุมทำร้ายนนท์อย่างสาหัสสากรรจ์ทางจิตใจ....ครั้นจะหันหลังกลับไป...คงต้องพบแต่คำประณามและเหยียดหยาม “อ๋อ...ไปไม่รอดละซิ...แกถึงได้ซมชานกลับมา” “เป็นไงล่ะ.... มันคงปลอกลอกแกไปจนหมดตัวแล้วซิ ถึงกลับมา” “ที่แท้ก็ไม่เก่งจริง...ทำไมไม่ไปให้ตลอดรอดฝั่ง” “กรูว่าแล้ว...คนอย่างเมิงมันเอาตัวเองไม่รอดหรอก” นนท์พยายามนึกพยายามคิดคำที่เขาจะโดนสบประมาท ถ้าหากเขาหันหลังกลับไป...พร้อม ๆ กับระลึกถึงเหตุการณ์ที่เขาถูกกระทำขนาดนั้น...รวมทั้งเขากรีดเลือดหลั่งรดแผ่นดินผืนนั้นไปแล้ว...ต่อให้ต้องนอนตายข้างถนนอย่างไม่เหลืออะไรเลย ....นนท์ก็ตั้งใจแล้วว่าจะไม่กลับไปอย่างแน่นอน... ชีวิตนนท์...ไม่มีใครที่จะเข้าใจว่าคงต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหนหากคน ๆ นั้นไม่เคยถูกหรือได้รับความทุกข์มาเท่ากับนนท์หรือมากกว่า....ถึงวันนี้...วันที่นนท์ก้าวข้ามผ่านความรู้สึกนั้นมาได้แล้วก็ตาม... แม้แต่ความรักระหว่างนัทกับ นนท์ ที่ใครต่อใครก็พยายามบอกให้เลิกกันเถอะ ...เจ็บแป๊บเดียวทำใจแป๊บเดียว...แต่มันไม่อย่างนั้นแน่...ใครไม่ลองมาเป็นแบบที่นนท์เป็นจะไม่มีทางรู้เลยว่า....มันเจ็บปวดแค่ไหนมันทุกข์มันเหงาแค่ไหน...ลองดูซิ...ลองรักใครสักคน...คนที่เรารักเขาหมดหัวใจ...ไม่ได้ต้องการแค่sex ...แต่เป็นความรักที่เรียกว่า รัก ความรักที่มากกว่าห่วงใย...เคยคิดมั้ยว่าการรักใครสักคน จะต้องเป็นอย่างไร ต้องคิดยังไง ต้องทำยังไง...นนท์เห็นมามากมายรักระหว่างเกย์ที่เป็นรักแค่ฉาบฉวย...นนท์เองก็ผ่านประสบการณ์แบบนั้นมา...คนที่คบกันเจอกันก็เพื่อ sex เจอกันก็เพื่อแค่เป็นเพื่อนเที่ยว กินข้าวดูหนัง แล้วจบลงบนเตียง...แต่สำหรับนนท์นั้นไม่ใช่ เพราะนนท์ตามหารักแท้ที่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น...แต่เป็นคนที่เข้าใจความรัก...ต้องการสร้างครอบครัว...อยู่ด้วยกันได้ตลอดชีวิต.. นนท์เคยเถียงเพื่อนไปหลายคน...ถึงความรักที่เขามีต่อนัท... “เมิงเลิกไปเถอะว่ะ...นกกระจอกยังไงก็เป็นนกกระจอกวันยันค่ำ” “เออ...ก็เมิงมันไม่เคยรักใครจริงนี่หว่า” “กรูจะบอกให้...ต่อให้เมิงเอามาใส่กรงทองป้อนข้าวป้อนน้ำอย่างดี มันก็เป็นนกกระจอกแหละวะ...มันไม่มีทางจะกลายเป็นนกแก้วนกหงส์หยกได้หรอก” “เมิงมองคนแบบนี้เองเหรอ... เสียดายที่กรูคบเมิงมาตั้งนาน กรูเพิ่งรู้ตัวตนที่แท้จริงของเมิงวันนี้เอง” “รู้ไงว่ะ....ไอ้นนท์ เมิงพูดมาดีดี” “กรูเพิ่งรู้ว่าเมิงแยกชั้นวรรณะคนด้วยไง...เมิงนึกว่าเมิงมีเงินมีทองมากมายละซิ...เมิงถึงได้มองคนอื่นว่ากระจอก...ว่าชั้นต่ำกว่าเมิง...แย่ว่ะกรูไม่น่าคบคนอย่างเมิงเลย” นับตั้งแต่วันนั้นนนท์ก็ตัดขาดจากเพื่อนคนนั้น นนท์รู้ข่าวมาว่าเพื่อนคนนี้มันถูกจับให้แต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มันไม่ได้มีความรักเลย...เพื่อที่จะพยุงฐานะของที่บ้านเพราะพ่อติดการพนันและเป็นหนี้สิน...เมื่อไม่นานมานี้...ก็ได้ข่าวว่าเพื่อนคนนี้ติดโรคร้ายใกล้จะตาย...แม้เพื่อนคนนี้จะไม่เคยหลับนอนกับภรรยาที่แต่งด้วยสักครั้งเดียว.....แต่มันก็จะออกไปเที่ยวกินเหล้าเมามายทุกคืนและมี sex กับหญิงขายบริการมากมาย...นนท์ กับ นัทได้เคยไปเยี่ยมเพื่อนคนนี้ด้วยกันที่ใกล้วาระสุดท้ายของชีวิต….จากที่ไอ้แจ๊คส่งข่าวมาบอกนนท์...ว่าตุลย์......เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันมาสมัยมัธยม....อาการทรุดมาก...ทีแรกนนท์ตั้งใจว่าจะไม่ไปเพราะเขายังโกรธเพื่อนคนนี้อยู่...แต่ในเมื่อวาระสุดท้ายแล้วที่จะได้พบเจอกันในชาติภพนี้...นนท์จึงตัดสินใจไปเยี่ยม “ตุลย์...กรูมาเยี่ยมนัทก็มาด้วย” ตุลย์ปรือตาขึ้นมอง สภาพของชายวัย 40 เศษที่เดิมเคยมีรูปร่างเป็นอาเสี่ยสมฐานะ ผิวขาวเพราะเป็นลูกคนจีน...ผิวพรรณเปล่งปลั่งเพราะอาหารที่ทานเข้าไปตอนที่ยังดีดีอยู่...เพราะเขาจะไม่ลงไปนั่งทานร้านข้าวแกงข้างถนน...แต่จะต้องกินร้านอาหารดีดี...เสมอ...บัดนี้ภาพเดิมที่นนท์เคยเห็นเพื่อนคนนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง....คนที่ผิวขาวกลับกลายเป็นผิวดำ...เพราะอาการของโรค...คนที่เคยอ้วนท้วนสมบูรณ์...กลับกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก... “อือ”ตุลย์ส่งเสียงเบา ค่อย ๆยกมือที่ผอมบางเหลือแค่หนังหุ้มกระดูกเหมือนบอกให้นนท์รับรู้ว่าเขารู้ว่านนท์มา “ทำใจดีดี..ทำใจให้สบาย…เมิงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว...กรูไม่เคยโกรธเมิงเลยนะ”นนท์พูดออกไปทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหลพรากออกจากดวงตาทั้งสอง “กรูขอโทษ...ที่กรูเคยดูถูกเมิง”ตุลย์พูดช้า ๆ เสียงเหนื่อยๆ “กรูบอกแล้วไง...ว่ากรูไม่เคยโกรธ...ตอนนี้เมิงทำใจให้สบายก่อนดีกว่า”ตุลย์ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเหมือนแสดงความดีใจที่นนท์ไม่โกรธเขาตุลย์เคยเป็นเพื่อนรักและเพื่อนสนิทของนนท์ ตอนที่เรียน แต่พอตุลย์รู้ว่านนท์เป็นเกย์...ตุลย์ก็เริ่มรังเกียจและห่างออกไป...จากเพื่อนที่เคยรักและเคยสนิทกันมากกลายเป็นแทบไม่รู้จักกัน... “กรูเอาพระมาให้เมิง...กรูเอาวางไว้ที่หน้าอกนะพระจะได้อยู่ที่ใจเมิง...” ตุลย์ พยักหน้ารับรู้“เมิงสวดมนต์กับกรูมั้ย...นัทเขาซื้อพวงมาลัยมาให้เมิง...เผื่อเมิงจะได้ไหว้พระ”ตุลย์ละสายตาจากนนท์ไปมองนัท ด้วยแววตาที่จะแสดงความขอบคุณ นัทนั่งอยู่ข้าง ๆเตียงที่ร่างผ่ายผอมของตุลย์นอนอยู่..นนท์สวดมนต์ช้า ๆ เพื่อให้ตุลย์ได้ฟัง...ตุลย์เองก็พยายามจะขยับปากเพื่อสวดตามไปด้วย....จนจบ... “กรูยังไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมาเยี่ยมเมิงอีกเมื่อไหร่...กรูอยากให้เมิงรู้ไว้นะ...ตุลย์...เมิงเป็นเพื่อนที่กรูสนิทที่สุด...แม้แต่ตอนนี้ก็ยังใช่...ไม่ว่าที่ผ่านมาจะเป็นยังไงและต่อไปจะเป็นยังไง..เมิงก็คือเพื่อนที่สนิทที่สุดของกรูตลอดไป”นนท์ใช้เวลาอยู่กับตุลย์ตลอดบ่ายวันนั้น...ตอนเย็นจึงลาครอบครัวตุลย์เพื่อกลับไปเชียงราย...พ่อแม่ของตุลย์ต่างก็รักนนท์เหมือนลูกคนหนึ่ง...เพราะช่วงที่สองคนสนิทสนมกันนนท์จะไปที่บ้านตุลย์เสมอ...ไปอ่านหนังสือ ไปนั่งเล่น ไปกินข้าวจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของที่บ้านตุลย์ไปในเวลานั้น...ก่อนจะกลับพ่อและแม่ของตุลย์เดินออกมาส่งนนท์หน้าห้องพักที่โรงพยาบาลแห่งนั้น “นนท์...พ่อขอบใจนะที่นนท์ไม่ลืมตุลย์..มันเคยโกรธนนท์เรื่องที่นนท์เป็น....” “พ่อจะพูดทำไม”แม่รีบพูดชิงขึ้นมา “ไม่เป็นไรหรอกแม่...นนท์รู้และเข้าใจว่าตุลย์เขารับสภาพที่นนท์เป็นแบบนี้ไม่ได้…เขาไม่เชื่อว่าเพื่อนที่เขารักและสนิทที่สุดจะเป็นเกย์” “พ่อเอง...ก็เสียใจที่ไปบังคับมันแต่งงาน...ตอนนี้เมียมันก็ไม่อยู่แล้วกลับไปอยุ่บ้านเขา..ตั้งแต่รู้ว่านนท์เป็นโรคนี้…เขาก็ขอหย่าเลย” “แม่...อย่าร้องไห้ซิคับ...แม่ต้องเข้มแข็ง...ตุลย์มันรักแม่มากนะ” “แม่โทรไปบอกแจ๊ค...ให้โทรบอกนนท์...เพราะเมื่อสองวันก่อน..หมอมาบอกว่าตุลย์คงอยู่ไม่เกิน3 วัน” พูดเท่านั้นแม่ก็ปล่อยโฮออกมา...นนท์รีบเข้าไปกอดแม่ไว้ เพื่อให้กำลังใจ “นนท์เองก็ยังไม่อยากกลับหรอกแม่...แต่นี่นัทมาด้วย ...ไม่มีใครทางนั้นเลย” “นี่เหรอ...นัท..แฟนนนท์ที่อยู่กับนนท์มา...”นัทหันมายกมือไหว้แม่อีกครั้ง ครั้งแรกไหว้เมื่อเข้ามาในห้องพักแล้วแล้วยังหันไปไหว้พ่ออีกครั้ง “คับ” “ตุลย์...พี่ตุลย์ซินะ..นัท...เขาเล่าเรื่องของนัทกะนนท์ให้แม่ฟังมาตลอด...ฟังแล้วแม่ก็อดสงสารทั้งคู่ไม่ได้...ที่ต้องผ่านอะไรร้ายๆของชีวิตทั้งคู่มามากมาย...แม่ฝากดูแลลูกแม่คนนี้อีกคนนะ....นนท์ก็เหมือนลูกอีกคนของแม่...พี่ตุลย์ก็คงอยู่ได้ไม่นานแล้ว...นัทจะดูแลลูกของแม่...ดวงใจของแม่คนนี้ได้หรือป่าว” “ได้คับ...ผมเปลี่ยนตัวเองใหม่แล้วคับ..ตอนนี้ผมรู้แล้วคับ...ว่า...ชีวิตนี้ที่เหลือของผมผมจะอยู่เพื่อพี่นนท์คับ ถึงตอนนี้เราเพิ่งจะเริ่มต้น.... เหนื่อยแต่ผมก็สู้คับพี่นนท์เหนื่อยเพื่อผมมาเยอะแล้ว” “ดีแล้วลูก...แม่ได้ยินแค่นี้ก็ดีใจแล้วที่ลูกแม่อีกคนอย่างน้อยก็ไม่ต้องอยู่คนเดียว...แม่ขอให้ลูกทั้งสองรักกันนาน ๆไปชั่วชีวิต...มีอะไรก็อภัยให้กัน...เป็นผัวเมียกันหนักนิดเบาหน่อยก็อภัยกันมีเรื่องอะไรก็ต้องคุยกันนะลูก....” พ่อของตุลย์เดินเข้ามาบีบไหล่นัท“พ่อฝากนนท์ให้นัทดูแลอีกคน...นนท์มันก็อายุเริ่มมากขึ้นแล้ว...มีอะไรคิดถึงกันก็ลงมาหาพ่อกับแม่บ้าง...” “คับ..ผมจะพยายามชวนพี่นนท์ลงมาคับ”ที่นัทพูดแบบนี้เพราะนนท์ตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ลงมากรุงเทพอีกตลอดชั่วชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา...คราวนี้ที่ลงมาเพราะเพื่อนสนิทที่สุดที่กำลังป่วยหนัก “พ่อกับแม่...วันไหนว่างๆ ก็ขึ้นไปอยู่กับนนท์ ก็ได้...ตอนเด็ก ๆนนท์ไปรบกวนพ่อกับแม่มาเยอะแล้ว...ตอนนี้ให้นนท์ได้ทำกับข้าวให้แม่กินมั่งละกัน” “เอาไว้ว่างๆ แล้วแม่กับพ่อจะขึ้นไป” “ไม่ต้องขับรถขึ้นไปหรอกนะ...นั่งเครื่องไป...นนท์จะไปรับที่สนามบินเอง...หรือจะนั่งรถทัวร์มา...ก็จะไปรับ...ไปอยู่ที่โน่นเลยก็ได้นะ...ดีซะอีก...จะได้มีคนจัดบ้านให้นนท์...ไงแม่...จะได้เรียบร้อยสวยๆ อย่างบ้านแม่...แม่กับพ่ออยากไปเที่ยวไหน...รถก็มี...ถ้าไม่อยากขับก็ให้นัทขับพาไปเที่ยว” “เอาไว้พ่อกับแม่จะหาโอกาสไปนะ... ตอนนี้จัดการเรื่องตุลย์ก่อน...ตกลงนนท์จะไม่อยู่จริง ๆ หรือลูก...” “อยู่ไม่ได้จริงๆ คับแม่...ทางโน้นทุกอย่างกำลังเริ่มต้นเลย...แล้วก็ไม่มีใครดูด้วย...เพราะลงมากันสองคนเลย...เจ้าน้องชายนัท...ก็ยังไว้ใจอะไรไม่ได้เท่าไหร่” “ผมลานะคับ...ฝากบอกตุลย์ด้วยนะแม่...ว่านนท์กลับแล้ว...แล้วจะมาเยี่ยมมันใหม่” นนท์กับนัทยกมือลาพ่อแม่ของตุลย์อีกครั้ง...แล้วเดินหันหลังกลับไป....น้ำตานนท์ไหลพราก....เขาเองก็ไม่อยากจะจากเพื่อนสนิทไป...นัทเดินเข้ามากุมมือนนท์แล้วบีบเบาๆอย่างเข้าใจ...อีกข้างก็หยิบล้วงผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋ากางเกงส่งยื่นให้นนท์...พ้นจากตึกโรงพยาบาลนัทเรียกรถแท็กซี่เพื่อให้ไปส่งที่หมอชิต...เพื่อขึ้นรถโดยสารกลับบ้าน...ตอนนั้นเวลา2 ทุ่มแล้ว รถออก 4ทุ่มยังมีเวลาทัน...แท๊กซี่ก็ขับเร็วเหลือเกิน...นี่เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่นนท์ไม่อยากเข้ามากรุงเทพอีก.... คืนนั้นเวลาตี 3 เสียงโทรศัพท์มือถือของนนท์ดังขึ้น... “นนท์....แม่เองนะลูก....ตุลย์เขาไปสบายแล้วลูกเพิ่งไปเมื่อกี้นี้...แม่เลยกดโทรมาหาลูกก่อน...ตุลย์เขาบอกกับแม่เมื่อตอนที่นนท์กลับไปแล้วว่า...เขาขอบใจลูกที่มาเยี่ยมเขา...แล้วบอกว่าถ้าเขาเป็นอะไร...ไม่ต้องให้นนท์กลับมาอีกแล้ว...เพราะไม่อยากให้นนท์เปลืองเงินลงมาอีก”ไม่มีเสียงตอบจากนนท์ แต่น้ำตานนท์ไหลพรากเพื่อที่เขารักและสนิทที่สุดตั้งแต่เด็กจากเขาไปแล้ว... “คับแม่....แล้วววว....แม่จะจัดการยังไง....” “แม่ก็คงให้โรงพยาบาลเขาจัดการให้เลย....เพราะจะได้ไม่ต้องทำไรมาก..แม่กับพ่อคุยกันแล้วว่าพอพรุ่งนี้ทำใบมรณะบัตรแล้ว...ก็จะให้ทางโรงพยาบาลจัดการเผาศพเลย...พ่อกับแม่อยู่กันสองคนคงทำอะไรไม่ไหวหรอก” “แม่...นนท์ขอโทษที่นนท์ไม่ได้อยู่ตรงนั้นด้วย....ไม่อย่างนั้นแม่ก็จะได้มีคนช่วยจัดการเรื่องศพของตุลย์” “ไม่เป็นไรหรอกลูก....ตุลย์เค้าสั่งไว้แล้วว่าให้เผาเลยไม่ต้องสวด พอเช้าพ่อเขาจะไปนิมนต์พระมาสวดให้ตุลย์แล้วก็เผาเลย...นนท์ไม่ต้องห่วงทางนี้นะ...แค่นี้ก่อนนะลูก” แม่พูดเสร็จก็วางสายไป...นนท์ยังไม่ทันจะได้แสดงความเสียใจด้วยเลย....นัทเห็นนนท์ร้องไห้อีก...จึงจับมือนนท์ขึ้นมาบีบเบาๆ แล้วจับศีรษะนนท์ให้หันไปซบไหล่ของเขา “พี่นนท์...นอนเถอะ...อย่าคิดอะไรมาก...เราทำอะไรไม่ได้แล้ว...แต่เรายังอยู่ก็ต้องสู้ต่อไป” นนท์ซบไหล่นัทร้องไห้จนหลับไป...ตื่นมาอีกทีก็วิ่งเข้ามาใกล้กับสถานีรถแล้วการจากไปของเพื่อนสนิทของนนท์ครั้งนี้ ....นนท์เริ่มรู้สึกว้าเหว่ขึ้นมาอีกครั้ง...เขานึกถึงว่า ถ้าวันไหนเขาตาย นัทจะอยู่ได้หรือป่าว...นัทจะเป็นอย่างไร...แต่ใจอีกใจหนึ่งก็เกิดกำลังฮึดสู้กับกิจการเล็กๆที่เขากำลังสร้างเพื่อให้เป็นสิ่งที่เมื่อเขาไม่มีชีวิตอยู่...นัทก็จะได้สานต่อตรงนี้เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดได้...เพราะตอนนี้นนท์ไม่ได้มีเพียงนัทคนเดียวอีกแล้ว...แต่ยังมีเจ้าหลานสาวตัวน้อย...ที่เกิดจากพี่สาวของนัทอีกคน...นนท์รักและเอ็นดูหลานสาวคนนี้มาก...เขาไม่อยากให้หลานเติบโตมาท่ามกลางความยากลำบากอย่างที่แม่ของเขาและน้าชายของเขาทั้งสองคนต้องเผชิญมา...และแม้จะไม่ได้สุขสบายเท่ากับชีวิตนนท์ที่เกิดมา...แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับความสุขที่เด็กหญิงเล็กๆ คนหนึ่งที่พึงจะได้รับ…. เหตุการณ์ความรักของนัทกะ นนท์ก่อนหน้าที่ ตุลย์เพื่อนสนิทของนนท์จะจากโลกนี้ไปประมาณ 2ปีกว่า...ก็มีเรื่องราวที่เขาสองคนแทบจะต้องเลิกจากกันอีก...ซึ่งเป็นความใฝ่ฝันของนนท์ที่ต้องการจะเรียนต่อปริญญาเอกมันใกล้ตัวนนท์เข้ามา...ช่วงนี้ยังเป็นช่วงที่นนท์ไม่มีงานทำ...ไม่ใช่เพราะนนท์ไม่กระตือรือร้นหางาน...แต่ด้วยความรู้ความสามารถของนนท์ที่มีมากมาย...นนท์ก็พยายามระบุไว้ใน resume ซึ่งคิดว่ามันน่าจะให้เขามีโอกาสมากกว่าคู่แข่งคนอื่น ๆ....แต่กลับกลายเป็นผลเสียมากกว่า เพราะหลาย ๆที่ที่เรียกนนท์ไปสัมภาษณ์ต่างบอกว่า ประวัติและประสบการณ์ของนนท์ overqualification เขาไม่สามารถจ้างได้ในอัตราเงินเดือนที่สูงขนาดนั้นนนท์เองก็ไม่ได้เรียกเงินเดือนอะไรมากมาย...เขาเพียงต้องการงานทำเพื่อไม่ให้อยู่เฉยๆ ....นนท์บ่นกับเพื่อนตลอดว่า “ถ้ามันบอกว่ากรู over spec แล้วเสือกเรียกกรูไปสัมภาษณ์ทำไมว่ะ” นนท์เข้าใจดีถึงระบบการคัดเลือกคนเข้าทำงานที่จ้องเอารัดเอาเปรียบตอนจบปริญญาตรีก็ครั้งนึงแล้ว.....นนท์ย้อนคิดไปถึงเรื่องในอดีตที่ยังจำได้อย่างดีว่าต้องไปเดินเตร่หางานทำ ในมือถือแฟ้มที่มีบัตร ใบปริญญา ใบtranscriptใส่เชิ้ตขาวผูกไทด์ เดินไปเขียนสมัครงานไว้ทั่ว...ครั้งหนึ่งนนท์เคยไปสมัครงานแถวอโศก...จากที่ได้อ่านหน้าประกาศในหนังสือพิมพ์ ...ตำแหน่งเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูล...นนท์ไปสมัครที่บริษัทแห่งนั้น...เขารับเข้าทำงานทันที...เวลานั้น...นนท์ทั้งดีใจและทั้งงง...เงินเดือนตั้งหมื่นกว่าบาท...เขาบอก....และถ้ามีความสามารถก็จะได้เงินในแต่ละเดือนมากกว่านี้....วันนั้น...นนท์กลับมาบอกที่บ้านว่าได้งานทำแล้ว....นนท์อยากจะออกไปเผชิญโลกภายนอกดูว่าเป็นอย่างไร... รุ่งขึ้น...นนท์ไปทำงานแต่เช้า...มีเจ้าหน้าที่รุ่นพี่คอยสอนงานให้ดูข้อมูลจากคอมพิวเตอร์...ซึ่งบริษัทที่นนท์ไปทำเป็นบริษัทตลาดหุ้นล่วงหน้า...สอนให้ดูและจับหุ่นสินค้าว่าตัวไหนจะขึ้นหรือจะลง...สามสี่วันนี้ให้เรียนรู้เรื่องนี้ไปก่อน....พอเริ่มสัปดาห์ที่สอง.... ก็เรียกพนักงานใหม่เข้าประชุมว่า คราวนี้ต้องทำผลงานให้เห็น...นั่นหมายความว่าทุกคนจะต้องลองลงทุนเล่นหุ้นดู...แต่แรก ๆให้ลองเป็นแค่หุ้นที่เป็นตัวเลขก่อน...และถ้าคิดว่า...คิดและวิเคราะห์เก่งแล้ว....ให้เอาเงินจริงๆมาลง...เริ่มต้นที่สามหมื่นบาท....แล้วนนท์จะเอาที่ไหนละนี่....เย็นวันนั้น...เขาแวะไปที่บ้านอาของเขาคนหนึ่งเพื่อปรึกษาว่าจะขอยืมเงิน....แต่ก็ถูกยับยั้งไว้...เพราะอาคนนี้เป็นนักธุรกิจ...เขาบอกกับนนท์ว่า “มันโกหกทั้งนั้นแหละ...ไม่มีใครรวยจากการเล่นหุ้นหรอก...แล้วยิ่งตลาดล่วงหน้าแบบนี้...มันผิดกฎหมายด้วย”ไม่เพียงพูดกับนนท์อย่างเดียว ยังโทรศัพท์ไปหาพ่อของนนท์เพื่อบอกให้รู้เรื่องนี้....และสั่งห้ามไม่ให้นนท์ไปทำงานที่นั่นอีก.... นนท์จึงต้องออกมาเดินหางานอีก....คราวนี้เขาไม่ฟังคำคัดค้านของใครอีกเขาได้งานทำที่โรงแรมแห่งหนึ่งในจังหวัดระยองนนท์ไม่รีรอที่จะไป...แม้ว่าจะถูกสั่งห้ามไม่ให้ไปก็ตาม...นนท์ต้องการจะไปเรียนรู้ชีวิตของการที่ต้องจากบ้าน...ทำอะไรด้วยตัวเอง...พึ่งพาและยืนหยัดด้วยขาของเขาเอง....สมัยนั้นระยองไม่เจริญเหมือนเดี๋ยวนี้เลย....การเดินทางด้วยรถโดยสารจากเอกมัยไปลงที่บ้านเพ ....แล้วยังต้องเหมารถไปส่งที่รีสอร์ทที่นนท์ทำอีก...นนท์ไปทำหน้าที่พนักงานต้อนรับ...รีสอร์ทแห่งนี้เป็นรีสอร์ทที่รับแต่ชาวต่างชาติ...ไม่รับคนไทยเลยแม้ว่าจะขับรถหลงเข้ามาก็ตาม...ในรีสอร์ทจะมีคนไทยเพียงแค่พนักงานเท่านั้น... นนท์เริ่มทำงานที่นั่น...วันแรกที่เดินทางไปนันเดินทางไปกับรถตู้ของรีสอร์ทจากกรุงเทพฯซึ่งเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วยเลย...นนท์คิดแล้วว่าจะอยู่นานที่สุดเท่าที่จะอยู่ได้...นนท์ได้พักห้องพักเดียวกับเพื่อนที่มาทำงานอยู่ก่อนหน้านนท์เพียงสัปดาห์เดียว...โอ...คือชื่อของคนๆนี้ที่นนท์ต้องไปทำงานร่วมกับเขา...แค่นนท์มองไปก็รู้ว่าโอเป็นเกย์สาวแน่นอน...แต่นนท์ก็เฉยๆ...เพราะคนที่นนท์สนใจในตอนนั้น...เห็นจะเป็น...วุฒิ...ซึ่งเป็นพ่อครัวและเป็นพ่อครัวเพียงคนเดียวในรีสอร์ทแห่งนั้น...นอกนั้นพนักงานที่ทำงานในครัวก็จะเป็นหญิงทั้งหมด...นนท์เริ่มคุ้นเคยกับคนที่นี่มากขึ้น...เพราะนนท์อยู่ฝ่ายต้อนรับจึงต้องติดต่อพูดคุยกับพนักงานในทุกแผนก...นนท์มาทำงานที่นี่...ต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี5เพื่อออกมาเตรียมงาน...พอเช้าได้เวลานนท์ก็จะต้องโทรไปปลุกลูกค้าที่ห้อง....สมัยก่อนไม่มี morningcall อัตโนมัติเหมือนสมัยนี้....แล้วก็ต้องดูความเรียบร้อยของการจัดอาหารเช้า...เตรียม check out แขกที่จะกลับเพราะรีสอร์ทแห่งนี้ส่วนใหญ่จะรับทัวร์เป็นกรุ๊ป...บางวันตอนกลางคืน..นนท์ก็ต้องไปกับแขกเพื่อที่จะพาไปพัทยา... วันหนึ่ง...พี่วุฒิ...ที่เป็นพ่อครัว...เดินมาหานนท์ที่เคาน์เตอร์... “นนท์...พรุ่งนี้วันหยุดพี่...นนท์หยุดวันไหน” “นนท์ก็หยุดพรุ่งนี้พอดี...ตอนแรกว่าจะเข้ากรุงเทพฯแต่ถ้าเย็นนี้คงไปไม่ทันรถเที่ยวสุดท้ายแล้ว...พี่วุฒิมีไรหรือป่าว” “พรุ่งนี้8 โมง พี่จะมาบอก....”นนท์ครุ่นคิดอยู่ทั้งคืนว่าพี่วุฒิเขาจะบอกอะไร...เพราะอยู่ทำงานมาเดือนนึงแล้ว...พยายามเข้าไปพูดคุยทำความสนิทสนมด้วย...ก็เห็นทำเฉยๆ....แต่นนท์ก็มักจะได้กินอะไร ๆ อร่อย ๆ แปลก ๆ อยู่เรื่อยตามที่ลูกค้าสั่ง...พี่วุฒิก็จะแอบทำไว้ให้นนท์กินอยู่เรื่อย ๆ “นนท์...ตื่นยัง...”เสียงพี่วุฒิมาเคาะประตูห้องพัก “ตื่นแล้ว...แป๊บนะพี่....อาบน้ำอยู่...ไปแล้ว...ไปแล้ว”นนท์เดินพันผ้าเช็ดตัวไปเปิดประตูให้พี่วุฒิ “อาบน้ำเสร็จหรือยังล่ะ...” “เสร็จแล้ว...พี่จะชวนไปไหนหรือป่าว...จะได้แต่งตัวถูก” “ไม่เห็นต้องแต่งตัวดีเลยไปยังไงก็ได้” “โห....ไม่ดีไรละนี่...ดูพี่ดิ...ไม่เหมือนพ่อครัวยืนหน้าเตาทุกวันเลย...วันนี้มาหล่อกว่าทุกวันเลย” “ไม่หรอกน่า...ไปรีบไปแต่งตัว”นนท์ให้หลังเดินไปที่ตู้เสื้อผ้า ก็มีเสียงพี่วุฒิพูดออกมาเบา ๆ“นนท์...หลังเนียนขาวอย่างนี้เลยเหรอนี่...โฮววว...” นนท์ต้องหยุดก้าวเท้าเพราะพี่วุฒิเอามือมาแตะที่แผ่นหลังแล้วลูบไล้....สักพักก็เดินเข้ามาสวมกอดนนท์จากด้านหลัง “ไม่เอาอ่ะ...พี่วุฒิ...เดี๋ยวใครมาเห็นมันไม่ดี”ทั้ง ๆ ที่ใจจริงนนท์โหยหาที่จะได้รับสิ่งนี้จากพี่วุฒิคนนี้มานานแล้วพี่วุฒิจำใจต้องปล่อยมือแต่จับตัวนนท์ให้หันมาเผชิญหน้ากับหน้าพี่วุฒิแล้วพี่วุฒิก็หอมที่แก้มนนท์....เลือดในกายนนท์ที่ร้อนผ่าวอยู่แล้วกลับร้อนผ่าวมากขึ้น...นนท์รีบหลบตัวออกเพราะกลัวว่าจะมีคนเดินผ่านมาเห็นเพราะพี่วุฒิไม่ได้ปิดประตูห้อง….แล้วเลี่ยงไปแต่งตัว...นนท์นุ่งชุดสบาย ๆเพราะคิดว่าพี่วุฒิคงจะชวนไปซ้อนมอเตอร์ไซค์เล่นแถวหาดแม่พิมพ์หรือไม่ก็ไปในเมือง... นนท์ล๊อคห้องเดินเอากุญแจไปให้โอที่อยู่ที่เคาน์เตอร์ขณะที่พี่วุฒิหลบไปอีกทางหนึ่งเพื่อไม่ให้คนอื่นเห็น...สาว ๆที่นั่นพยายามเข้ามาจีบมาคุยกับพี่วุฒิแต่พี่วุฒิกลับไม่สนใจใครเลย...นนท์คิดว่าพี่วุฒิต้องเป็นเกย์แน่ๆ แต่ไม่เปิดให้ใครรู้และไม่แสดงออกเลยแม้แต่นิดเดียว...พี่วุฒินี่แหละ...ที่เป็นIdol ที่ทำให้นนท์ไม่ชอบคนที่แสดงออกเลย...จนได้มาพบกับนัท... พี่วุฒิให้นนท์ซ้อนมอไซค์...พาขี่ออกไปจากรีสอร์ทแห่งนั้น...พี่วุฒิแกล้งเร่งบิดเครื่องมอไซค์เพื่อที่จะให้นนท์กอดเอวของเขา...แล้วมันก็ได้ผล...เพราะเกิดมาในชีวิตของนนท์...ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้ซ้อนมอไซค์...นนท์กอดรัดพี่วุฒิไว้แน่น...พี่วุฒิจึงเบาเครื่องลง...เอามือข้างหนึ่งมาจับกุมมือของนนท์ที่กอดเอวพี่วุฒิไว้...นนท์รู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก...เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่นนท์รู้สึกว่า...นี่มั้งที่เรียกว่ารัก....นนท์ซบหน้าลงบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นของพี่วุฒิ...ไม่รู้ว่าไปที่ไหนแต่ที่รู้คือถนนสายนั้นเป็นถนนชายทะเล...ที่ไม่มีรถวิ่งสวนมาเลย....
w1 O' k% v) h* D6 V' j |