ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 1522|ตอบกลับ: 20

นัท กะ นนท์ ตอนที่ 26 จบบริบูรณ์

[คัดลอกลิงก์]

ประธานนักศึกษา

กระทู้
457
พลังน้ำใจ
79646
Zenny
202762
ออนไลน์
9900 ชั่วโมง
6 C, e# v7 y- W. m, F
) K" Z1 T4 L$ B7 ]- e, t5 x
, h6 f2 t2 N+ w0 Y, C
  R7 R* z! b1 n4 H6 Q+ n0 H# d
26
ตอนนี้เป็นตอนที่สรุปเรื่องราวทุกอย่างของชีวิตชาย2คนที่เดินบนทางสายสีม่วง...
*********************************
ใครหนอช่างบอกว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน...มันใช่เฉพาะบางเรื่องเท่านั้นแหละ เช่นการเรียนสายอาชีพทำโน่นประดิษฐ์นี่...เรียนทำขนม...อะไรอย่างนี้มากกว่าที่จะมาเรียนในระบบแบบนี้...การเรียนระดับปริญญาโท....ที่นนท์ว่ายากแล้ว....พอมาเจอระดับนี้สุดๆ ไปเลย...คนที่เรียนมาหรือกำลังเรียนอยู่จะรู้ว่าไอ้ที่ยากมันได้ยากที่เนื้อหาที่เรียน....แต่ที่ยากที่สุดคือ...ความแปรปรวนทางอารมณ์ของคนที่เป็นอาจารย์มากกว่า...ไม่รู้จะยังไง...เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย.....ตั้งแต่เริ่มเรียนชีวิตของนนท์ก็เปลี่ยนไป....ตื่นนอนตั้งแต่ตี5 เพื่ออาบน้ำแต่งตัวออกมาไปมหาวิทยาลัย...นนท์ไม่อยากใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนท้องถนน...เพราะรถราในกรุงเทพฯพอฟ้าเริ่มสว่างก็ติดกันเป็นแถวแล้ว...ชีวิตเมืองกรุงที่แสนจะน่าเบื่อ...แต่นนท์ไม่ขับรถไปเรียน...เพราะที่มหาวิทยาลัยที่จอดรถก็หายาก...ดีไม่ดีโดนเฉี่ยวอีก...นนท์จึงอาศัยรถโดยสารประจำทางบ้าง...รถตู้บ้าง...เพื่อไปมหาวิทยาลัยแต่เช้า...ไปถึงก็ทานข้าวเช้า....เข้าห้องสมุดอ่านหนังสือ....รอเวลาเรียน....นนท์ไม่คิดเลยว่าเรียนระดับนี้ยังต้องเช็คชื่ออีก...ไม่แตกต่างกับเรียนระดับประถมเลย...เลิกเรียนส่วนใหญ่ก็จะคลุกอยู่กับหนังสือในห้องสมุดเพื่อค้นคว้าทำรายงานที่โถมประดังเข้ามาทุกวิชา...แล้วเรียนระดับนี้ไม่ใช่ copy ตัดต่อ แล้วpaste แต่ต้องเขียนเองใหม่ทั้งหมด...กลับไปคอนโด...ก็แทบจะไม่ได้คุยกับนัทเลย....เพราะกลับมาก็รีบอาบน้ำทานข้าว...นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อทำรายงานให้เสร็จๆ บางคืนต้องนอนตี 3 บางคืนไม่ได้นอน...สว่างคาตาเลย...ก็มีอยู่เป็นประจำ....โดยเฉพาะเทอมแรก..ที่นนท์ต้องปรับตัวอย่างมาก...บางครั้งก็คิดท้อแท้ใจว่า“มาเรียนทำไรว่ะนี่” ความคิดนี้ส่งผลถึงนนท์ในภายหลัง
ช่วงที่นนท์เรียนนี้...ปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับนัท...เกิดขึ้นทั้งๆ ที่ไม่น่าเกิด...นัทคงเบื่อที่นนท์เอาแต่อ่านหนังสือ...ทำรายงานค้นคว้า...ไม่มีเวลาให้นัทเลย...นัทก็เลยหันไปดื่มเหล้ากับเพื่อนฝูงที่ทำงาน...แทบทุกวันจนดึก...บางคืนนนท์รอจนหลับไป...มาตื่นอีกทีก็ได้ยินเสียงเคาะประตูตอนกลางดึกบางทีก็ตีสองตีสาม...ที่นัทกลับมา...พอตื่นมาเปิดห้องให้...นนท์ก็หลับต่อไม่ได้อีก...ด้วยวัยขนาดนี้...เมื่อตื่นมากลางดึกก็ยิ่งทำให้นอนหลับต่อไม่ได้เลย...แทบทุกคืนที่นัทเป็นแบบนี้...แทบทุกคืนที่นนท์ต้องลุกมาเปิดประตู...แทบทุกคืนที่นนท์ต้องลุกมาอ่านหนังสือต่อ...แต่นัทหลับสบายไปแล้วเพราะฤทธิ์เหล้า...เหล้านี่มันเป็นตัวทำลายชีวิตคนจริงๆ มันไม่ใช่เพียงแค่ทำลายชีวิตคนที่กินเพียงคนเดียว...แต่มันยังทำร้ายชีวิตของคนรอบข้างคนที่กินเข้าไปอีกด้วย...นนท์เคยพูดกับนัทหลายครั้ง
“นัท...ขอได้มั้ย...ถ้ากินเหล้าก็กลับมาให้เร็วหน่อย...ไม่ใช่ติดลมแบบนั้น...กลับมาก็มานอนเลย...กลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่คลุ้งไปหมด...พี่นอนด้วยไม่ได้เลย...พี่ต้องเรียนนะ...”
“พี่เรียนก็เรียนไปซิ...”
“นัทพูดแบบนี้ไม่ถูกแล้วนะ...ตอนนั้นนัทบอกให้พี่เรียนเองด้วยซ้ำจริงอยู่นะ...พี่ฝันอยากเรียนแต่พี่ก็รู้ตัวเองว่าไม่ไหว....แต่ถ้านัทไม่ช่วย...พี่จะเรียนได้ยังไง”
“ผมช่วยพี่เรียนไม่ได้หรอก”
“ไม่ได้หมายความว่าให้นัทมาช่วยพี่เรื่องเรียน...แต่นัทช่วยเปลี่ยนตัวเองได้หรือป่าว...พี่เรียนมานี่เกือบปีนึงแล้ว...นัทกินเหล้ากลับมาทุกคืน...กลับดึกทุกคืน...ช่วงที่พี่ใกล้สอบก็บอกนัทว่าพี่จะสอบ...พี่ต้องอ่านหนังสือ...แต่เหมือนนัทไม่สนใจ”
“พี่ให้ผมทำไง...ผมอยากกิน...บางทีผมก็เบื่อ...กลับมาจะดูทีวีเสียงดังก็ไม่ได้”
“ห้องเราห้องเล็กแค่นี้...พี่รู้ว่าบางทีนัทอยากดูทีวี...แต่พี่ขอแค่พี่เรียนให้จบเท่านั้นแหละทุกอย่างก็ดีขึ้น”นนท์พูดแค่นั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรต่ออีกเลยจวบจนวันหนึ่งที่เป็นวันที่นนท์ตัดสินใจอะไรบางอย่างกับชีวิต
ช่วงอ่านหนังสือเตรียมสอบ...ที่นนท์ต้องการความสงบ...ความเงียบ...ทุกครั้งนนท์จะโทรไปบอกชาย....ว่าจะขอไปอ่านหนังสือที่คอนโดของชาย...บางครั้งนนท์อยู่เป็นอาทิตย์....ระหว่างนั้นก็ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากชายเป็นอย่างดี...นนท์แทบไม่ต้องออกจากห้องเพื่อไปหาอะไรทาน....เพราะพอเที่ยง...ชายก็จะขับรถเอาอาหารกลางวัน...น้ำผลไม้...มาให้นนท์ถึงห้อง...อยู่รอจนนนท์ทานเสร็จ....ก็กลับไปที่ร้าน...มื้อเย็นก็เช่นกัน....ประมาณ1 ทุ่มแม้ว่าจะเป็นเวลาที่ลูกค้าเข้าร้านมาเยอะก็ตาม...ชายก็จะเอาอาหารมาส่งให้....บางวันนนท์เบื่ออ่านหนังสือ...ก็จะเรียกรถมอไซค์...ไปที่ร้านของป้าชาย...เพื่อไปช่วยจัดอาหาร...ช่วยเสริฟ...
“พี่นนท์...พี่กลับไปอ่านหนังสือเถอะ”
“ไม่ไหวแล้ว... พี่อ่านเยอะแล้ว...ขอพักหน่อย”
“พักพี่ก็นั่งพักซิคับ....มาทำงานทำไม”
“นั่งเฉยๆ ก็เบื่อซิ...มากินของร้านป้าหลายมื้อแล้ว...ขอทำงานเป็นค่าข้าวละกัน”
“ปลงเปลืองอะไรกันเล่า...คุณนนท์...คุณนนท์กินข้าวอย่างกะดม...ป้าจะไปเปลืองอะไรที่ไหน”
“ก็ให้ผมช่วยทำโน่นทำนี่เถอะคับ....วันนี้ผมจะอยู่ช่วยเก็บร้านจนเสร็จแล้วค่อยกลับไปกับชาย”
“เอางั้นก็ได้...แล้วเรียนเป็นไงบ้างละ...หน้าดำคร่ำเครียดเลยนะ...ป้าว่าหน้าหมองๆไปนะ...ถ้าเครียดก็มาที่ร้านป้านี่...ไปพักกับชายมัน...ตั้งแต่วันนั้นมันก็บ่นถึงนนท์ให้ป้าฟังทุกวัน....ยังดีที่นนท์โทรหามันทุกเช้าไม่งั้นมันไปหานนท์แน่ ๆ”
นนท์โทรไปหาชายทุกเช้าเมื่อนนท์เดินทางไปถึงมหาวิทยาลัยแล้ว...นนท์รู้ว่าบางวันชายทำงานเหนื่อย...บางทีรับสายด้วยเสียงงัวเงีย...แต่พอได้ยินเสียงนนท์พูดตามสายไป...เสียงงัวเงียของชายก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นทันที...นนท์เองก็รู้สึกดีกับเด็กคนนี้มากๆ ไม่ใช่เพราะว่าที่สุดกิจการร้านอาหารที่ต้องตกเป็นของเขา....แต่ด้วยความเอาอกเอาใจ....ความเสมอต้นเสมอปลายที่ชายปฏิบัติต่อนนท์...ทุกวันและเวลาเดียวกันนนท์จะได้รับข้อความ sms จากชาย....นี่ถ้าเขาไม่มีนัท...ไม่มีความผูกพันกับนัทอย่างที่เป็นอยู่...นนท์คงรักเด็กหนุ่มที่ชื่อชายคนนี้แน่ๆ เพราะเค้าโครงใบหน้าและการปฏิบัติต่อนนท์ที่เหมือนกับพี่วุฒิเอามาก ๆบางครั้งที่นนท์มองผ่านแว็บไปที่ใบหน้าของชาย...มันมองดูคล้ายกับใบหน้าของพี่วุฒิเสียเหลือเกิน...พี่วุฒิ...ผ่านมาหลายปีแล้ว...นนท์ยังไม่สามารถลืมพี่วุฒิได้เลย...นนท์คิดถึงพี่วุฒิจัง...
การมานอนค้างเพื่ออ่านหนังสือที่คอนโดของชาย...ชายก็ขอมีsexกับนนท์ทุกคืน เขามีsex กับนนท์ได้อย่างไม่รู้จักเบื่อ...ชอบนอนกอดนนท์ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน...จนวันนี้ก็ยังกอดเหมือนเดิม...ทุกคืนก็จะไปนั่งที่ระเบียงเหมือนเดิม...ชายเอาผ้าปูที่นอนผืนนั้น...ผืนที่นนท์มานอนด้วยคืนแรกคืนนั้น...แล้วก็มีรอยเปรอะคราบน้ำรักของทั้งคู่...ชายเก็บใส่ถุงพลาสติกไว้อย่างดี...นี่ไง...เขามีอะไรเหมือนพี่วุฒิจริงๆ ....เพราะครั้งหนึ่งที่พี่วุฒิพานนท์ซ้อนมอไซค์ไปข้างนอกรีสอร์ท...อยู่ ๆพี่วุฒิก็เกิดเล่นพิเรนทร์ขึ้นมา...จอดรถเข้าไปในพงหญ้า....แล้วก็ชวนนนท์มีไรด้วย...เมื่อทำเสร็จไม่รู้ว่าจะเช็ดน้ำรักของทั้งคู่ที่เปรอะยังไง...นนท์จึงควักเอาผ้าเช็ดหน้าออกมา....เช็ดน้ำรักที่เปรอะตามตัวของทั้งคู่...แล้วพี่วุฒิก็เก็บผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นไว้อย่างดี...
นัทกะนนท์เคยไปดูบ้าน...เพื่อจะซื้อบ้านเป็นบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่แถบชานเมือง...นนท์คิดว่าเวลานี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเรียนที่เป็นการสอบประมวลความรู้ทั้งหมดหลังจากที่เรียนมา...เพราะเวลาที่เหลือก็จะเป็นเพียงแค่การทำวิทยานิพนธ์เท่านั้น...แต่เหตุการณ์ที่เลวร้ายกลับเกิดขึ้นกับนนท์อีก…
“คุณควรจะลาออกหรือไม่ก็ไปหาจิตแพทย์เพื่อเซ็นรับรองว่าคุณไม่พร้อมที่จะสอบ”นี่คือประโยคที่อาจารย์ที่สอนนนท์...ที่เป็นด๊อกเตอร์กล่าวออกมาจากปาก...
เพราะนนท์ทำข้อสอบไม่ผ่าน...ข้อสอบที่ต้องให้ท่องจำเข้าไปตอบ...นนท์แอนตี้ข้อสอบแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร...ข้อสอบแบบนี้วัดแค่ความจำเท่านั้น...แม้นนท์จะพยายามท่องเข้าไปสอบแล้ว...ก็ยังไม่ได้...เขาไม่โทษข้อสอบแต่โทษตัวเอง...อายุขนาดนี้ต้องมานั่งท่องจำคำต่างๆ นิยามของคำต่าง ๆใครจะไปจำได้หมด...เพราะแทบทุกวิชาก็เป็นอย่างนั้น...มีบางวิชาที่ให้เขียนแบบวิเคราะห์สังเคราะห์..ข้อสอบข้อนั้นนนท์ก็ผ่านมาได้อย่างสบาย...นนท์คิดมาตลอดระยะเวลาของการเรียนในระดับนี้...ที่ต้องท่องจำ...ทำไมระดับนี้ในที่สุดเมื่อจบไปทำงานที่ไหนก็ต้องทำงานในระดับสูงที่ต้องใช้การวิเคราะห์..สังเคาราะห์ทั้งนั้น...กระบวนการเรียนการสอนก็สอนแบบนั้นมาแต่ข้อสอบกลับออกแบบท่องจำ...
นนท์ตัดสินใจไปหาจิตแพทย์ในมหาวิทยาลัย....เพื่อให้เซ็นใบรับรองว่าไม่พร้อมที่จะสอบเพื่อจะได้ยืดเวลาในการอ่านหนังสือออกไปอีก...แต่หัวใจนนท์ตอนนี้มันแตกสลายไปแล้ว...เมื่อใดที่คิดหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน...เมื่อนั้นก็เกิดอาการกลัว Phobia กับการอ่านหนังสือ...ทั้งร่างกายและสมองมันไม่รับแล้ว....ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่เครียดที่สุดของนนท์...นัทเข้าใจสภาพของนนท์ดี...นัทจึงหยุดเที่ยวหยุดกินเหล้าเพื่ออยู่ดูแลนนท์ในยามที่นนท์มีปัญหาเครียดแบบนี้
วันหนึ่ง...นนท์ตัดสินใจไปกราบพระอาจารย์องค์หนึ่งที่นนท์นับถือ...ท่านพยายามบอกมาเป็นปริศนาธรรมเพื่อให้นนท์เข้าใจ...ท่านบอกนนท์
“ลองคิดดูซิ...จำเป็นมั้ยที่คนเราจะต้องขึ้นไปสูงแบบนั้นทุกคน...ฐานของคนในประเทศเราก็อยู่กลางๆ แล้วเราจำเป็นหรือป่าวที่ต้องขึ้นไปอยู่สูงแบบนั้น...ถ้าอยู่กลาง ๆแบบนี้แล้วมีความสุข...ทำไมเราไม่อยู่...ขึ้นไปอยู่สูงรู้หรือยังว่ามีความสุขหรือป่าว”
“พระอาจารย์ถือหนังสือในมือ...นนท์ว่าหนังสือเล่มนี้ด้านไหนสวยกว่ากัน”
“ด้านหน้าปกซิคับ”
“งั้นนนท์จะไปมองด้านหลังปกทำไม...ในเมื่อมันไม่สวยก็ไม่ต้องไปมองมัน...อะไรที่ทำให้เราเกิดความทุกข์...นั่นคือสิ่งที่เราไม่ควรจะมอง...เมื่อมองไปก็เกิดความทุกข์อยู่ดี...ในเมื่อตัวเราเราเลือกและกำหนดชีวิตของเราได้...อย่างที่หลักธรรมบอกว่า...วิญญูชนย่อมรู้ได้ด้วยตน....นนท์ก็ต้องรู้ได้ด้วยตัวของนนท์เอง...นนท์เข้าใจที่พระอาจารย์บอกมั้ย”เพียงแค่นั้น...นนท์ก็น้ำตาไหลพราก...นนท์ไม่คิดว่า...ที่ผ่านมานาน...ชีวิตของนนท์จะไม่มีใครเข้าใจอีกแล้ว...มีพระอาจารย์ที่ยังเข้าใจนนท์...ตอนนี้นนท์รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไรกับชีวิตต่อไปกับเรื่องเรียน
วันรุ่งขึ้น...นนท์โทรไปหา advisor เพื่อบอกว่าตั้งแต่นี้ต่อไปนนท์ขอdrop การเรียนไว้ก่อน...และเมื่อวางสายจากadvisorนนท์ก็โทรหาเพื่อนที่เรียนด้วยกันคนหนึ่ง ให้ไปห้องทะเบียนเพื่อขอใบลาออก...แล้วให้ส่งมาให้นนท์ทางไปรษณีย์เพราะนนท์ต้องเซ็นชื่อ...นนท์คงไม่กลับไปที่คณะที่มหาวิทยาลัยแห่งนั้นอีก...
อย่างที่เกริ่นไว้แรกๆ ว่าการเรียนในระดับปริญญาโทหรือปริญญาเอกมันไม่ปกติเท่าไหร่นัก...ไม่เหมือนไปเรียนเมืองนอกที่คงจะเรียนจบได้ง่ายกว่า....เพราะคนที่เป็นอาจารย์ที่นั่นไม่มีอคติไม่มีอีโก้สูงเหมือนพวกที่สอนในเมืองไทย...เพราะคนพวกนั้นต่างไปจบเมืองนอกมา...แต่ก็แปลกทำไมไม่รู้จักเอาวิธีการของฝรั่งมังค่ามาใช้...คาบเอามาแต่ทฤษฎีที่พวกฝรั่งมันคิด...นิสัยใจคอของด๊อกเตอร์ส่วนใหญ่ต่างก็มีอารมณ์ที่ไม่ปกติ...หรือเพราะหน้ากากหรือเพราะหัวโขนที่ตัวเองต้องสวมใส่เพื่ออำพรางตัวตนที่แท้จริง...ตำแหน่งหน้าที่การงานในมหาวิทยาลัยในสังคมมันค้ำคอหอยอยู่...เชื่อว่าหลายๆคนคงประสบกับการที่ advisor ที่ดูงานวิจัยไม่อ่านงานให้...ไม่ช่วยปรับช่วยแก้ไข...มีแต่สั่งให้เอาไปปรับมา...พอปรับมาให้ดูก็ว่าว่าใครสั่งให้ทำแบบนี้...ทั้ง ๆที่ตัวเองเป็นคนสั่งให้ทำ...แต่กลับทำสมองเสื่อมไปซะอย่างนั้น....มีเงินมีทอง...อย่าเรียนเลยในเมืองไทย...หาความยุติธรรมไม่ได้ในวงการศึกษาไทย
แม่ของนัทรู้เรื่องการเรียนของนนท์มาตลอด....บ่อยครั้งที่นนท์เหนื่อยและท้อแท้หมดหวัง....นนท์จะโทรไปร้องไห้กับแม่ของนัท...ที่ตอนนี้นนท์ก็คิดว่าเป็นแม่ของตนด้วยเหมือนกัน...
“ถ้าทนไม่ได้ก็ออกเถอะลูก...จะเรียนไปทำไม....ลูกเรียนมานี่ปีกว่าแล้ว...ลูกเรียนแล้วเครียดร้องไห้แบบนี้...อย่าเรียนเลยกลับมาอยู่บ้านเราเถอะลูก”คำพูดของแม่ที่เป็นคนที่ไม่มีวุฒิการศึกษาใด ๆ ที่ยังเข้าใจจิตวิญญาณและชีวิตของคนๆ หนึ่งหรือหลาย ๆ คนที่เรียน...มากกว่าคนที่มีวุฒิการศึกษาใบปริญญาบัตรที่เป็นถึงระดับด๊อกเตอร์ที่ดีแต่ใช้คำพูดเชือดเฉือนคนอื่น...ไม่มีความจริงใจ....คิดว่าตัวเก่งเพราะเรียนจบถึงระดับด๊อกเตอร์...และยังแสดงอีโก้ของตัวเองได้สูงกว่าคนอื่นที่ไม่ได้เรียนสูง...วางอำนาจบาตรใหญ่ว่าข้าเก่งข้าแน่...นนท์เคยคิดอยากจะท้าว่า...ถ้าเก่งจริงลองมาทำจริงๆแข่งกันดูมั้ย...ในสายงานเดียวกัน....เพราะนนท์เช็คประวัติของด๊อกเตอร์ที่พูดใส่นนท์มาก็ไม่ได้มีประสบการณ์ใด ๆ นอกจากเรียน ตรี โท เอกต่อเนื่องกันมาแล้วก็มาเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งนี้...ไม่เคยผ่านงานใด ๆในสายนี้มาก่อน...พวกเก่งแต่ในตำรา...ปฏิบัติจริงจะทำได้จริงหรือป่าว...นนท์ชักสงสัย...พวกที่เรียนจบปริญญาเอกมาซะแล้ว...โดยเฉพาะพวกที่เรียนต่อเนื่องตรีโทเอก...โดยไม่เว้นวรรคทำงานเลย....
วันที่นนท์เซ็นเอกสารลาออกจากการเรียน....นนท์ถอดสร้อยที่สวมคอมาสิบกว่าปีซึ่งเป็นสร้อยที่ใส่กระดูกของพี่วุฒิ....ออกมาวางบนโต๊ะ...จุดธูปบอกพี่วุฒิ
“พี่วุฒิ....นนท์ไม่สามารถทำฝันของพี่วุฒิที่อยากให้นนท์เรียนสูงๆ ได้สำเร็จ....พี่วุฒิไม่ว่าอะไรนนท์นะ...นนท์ไม่ไหวจริง ๆนนท์คิดแล้วว่ามันไม่จำเป็นกับชีวิต...เรียนไปนนท์ก็ไม่มีความสุข...จบไปก็ยังไม่รู้เลยว่าจะมีความสุขจริงหรือป่าว...นนท์ขอโทษนะพี่วุฒิ”นนท์รู้ว่าพี่วุฒิยังวนเวียนอยู่รอบ ๆ ตัวของนนท์...เพราะหลายครั้งที่นนท์อยู่ที่ห้องในคอนโดคนเดียว...นนท์มีความรู้สึกเหมือนพี่วุฒิมานอนอยู่บนเตียงเหมือนที่เคยทำเมื่อครั้งที่อยู่กันที่ระยอง...นนท์กำลังเก็บโน่นเก็บนี่...พี่วุฒิก็จะนอนตะแคงตัวมามองนนท์ที่กำลังเก็บของอยู่...หรือบางครั้งนนท์ก็เห็นมีคนเดินผ่านกระจกแวปนึง...ทั้งๆ ที่นนท์อยู่คนเดียว...แม่บ้านทำความสะอาดที่คอนโดยังเคยทักถามนนท์ว่า...มีใครอยู่ที่ห้องอีกคนนึงหรือป่าว....เพราะแม่บ้านกำลังถูพื้นไปทางห้องของนนท์...ก็เห็นประตูเปิดออกมา...แล้วก็มีผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งผิวเข้ม...ออกมายืนหน้าห้อง...สักพักก็เดินกลับเข้าไปปิดประตู....แต่พอแม่บ้านถูมาถึงหน้าประตูห้องของนนท์...ก็เห็นกุญแจคล้องล๊อกอยู่...นนท์ได้แต่บอกแม่บ้านไปว่าคงเป็นพี่ที่เขายังเฝ้าดูแลนนท์อยู่....
“พี่วุฒินนท์ขอโทษจริง ๆนะ...ตอนนี้นนท์คุยกับนัทเขาแล้วว่า...หลังจากนี้นนท์จะย้ายไปอยู่ที่บ้านที่เชียงรายที่ซื้อไว้...นนท์จะไปเปิดร้านขายของเล็กๆไม่ใหญ่โตเอาแค่พอมีพอใช้...นัทเขายังอยากทำงานอยู่ที่นี่...นนท์ก็จะให้เขาอยู่ก่อน...นนท์จะขึ้นไปลองลุยดูก่อน...ถ้าอยู่ตัวนัท...นนท์จะเรียกให้นัทกลับขึ้นไปอยู่กับนนท์ทางโน้น...นนท์รู้ว่าพี่วุฒิเป็นห่วงนนท์...ตอนนี้นนท์ตัดสินใจกับชีวิตของนนท์แล้วละ...นนท์อยากอยู่อย่างเรียบๆ ง่าย ๆเหมือนที่เคยอยู่กับพี่วุฒิ...นนท์ตัดสินใจแล้วนะ...นัทเขาก็ดีกับนนท์...แม้ว่าเขาจะรักนนท์ไม่เท่ากับที่พี่วุฒิรักนนท์...แต่เขาก็บอกว่าเขาผูกพันกับนนท์..พี่วุฒิไม่ต้องห่วงนนท์แล้วนะ...พี่วุฒิจะได้หมดเวรหมดกรรมไปเกิดใหม่นะ...นนท์จะระลึกถึงพี่วุฒิตลอด....หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราเกิดมารักกันใหม่และมีชีวิตรักกันยืนยาวกว่านี้...มากกว่า1ปีที่เรารักกัน...ชาติหน้าเราจะรักกันไปตลอดนะ...และไม่ว่าชาติไหน ๆนนท์ก็ขอเป็นคนรักคนเดียวของพี่แบบนี้ตลอดไป” นนท์กราบลงที่กระดูกของพี่วุฒิทั้งน้ำตา...จังหวะนั้นนัทเปิดประตูคอนโดเข้ามาพอดี
“พี่นนท์...พี่นนท์ร้องไห้คิดถึงพี่เขาอีกเหรอ...”นัทหยิบธูปอีกดอกจุดแล้วพนมมือไหว้
“ผมนัทคับ...ผมไม่เคยรู้จักพี่วุฒิมาก่อน...ผมรู้จักพี่จากพี่นนท์มาตลอด...พี่ไม่ต้องห่วงพี่นนท์นะคับ....ผมจะดูแลพี่นนท์เอง...อาจจะไม่ดีเท่ากับที่พี่เคยดูแลพี่นนท์...แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด...ผมสัญญาคับว่าผมจะไม่มีใคร...ผมจะอยู่กับพี่นนท์จนตายจากกันไป...ผมรู้ว่าพี่นนท์ยังลืมพี่ไม่ได้...ผมไม่คิดจะเข้ามาแทนที่ของพี่ในหัวใจของพี่นนท์...แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด...จะรักและดูแลพี่นนท์ตลอดไป”นัทปักธูปลงแล้วกราบไปที่กระดูกของพี่วุฒิ...ดึงนนท์เข้ามากอด
“พี่นนท์...ผมไม่ทิ้งพี่นนท์หรอกนะ...แม้ว่าเราจะเคยทะเลาะกันมามาก...ผมทำตัวไม่ดีกับพี่มาเยอะ...แต่ที่ผมมีทุกวันนี้...ก็เพราะพี่ที่ให้โอกาสผม...พี่ที่ให้ความรักกับผม...สิ่งที่ผมทำผิดไปผมขอโทษ”นัทขยับตัวลงไปกราบนนท์...นนท์รีบก้มลงไปดึงนัทขึ้นมา
“พี่ลืมไปหมดแล้วละ...พี่อยากเริ่มชีวิตใหม่...อยากอยู่บ้านๆของเราแม้จะต้องลำบากต้องอดต้องอยากพี่ก็ทนได้....ขอเพียงมีนัทอยู่กับพี่...อยู่กับชีวิตพี่ตลอดไป...”
“ผมสัญญากับพี่วุฒิที่เขารักพี่มากมายแล้วนะ...ผมไม่ทำหรอก...อดเราก็อดด้วยกัน...มีเราก็มีความสุขด้วยกัน....ต่อจากนี้เราจะเข้าใจกัน...ไม่ทอดทิ้งกัน..ผมสัญญา”
“พี่บอกพี่วุฒิว่าไม่ต้องห่วงพี่อีกแล้ว...พี่จะย้ายไปอยู่ที่บ้านของเราที่เราซื้อไว้...พี่วุฒิเขาคงเข้าใจ”
“อือ...คับ”
ตอนนี้คงจะเป็นบทสรุปทางเดินชีวิตของนัทกะ นนท์ซะทีคับ....ชีวิตของ2คน 2 วัยที่ต่างคนต่างฐานะ ต่างการเลี้ยงดูผ่านปัญหาอุปสรรคที่เป็นเวรเป็นกรรมของแต่ละคน...เวรกรรมที่ทั้ง2คนอาจจะเคยร่วมสร้างร่วมทำกันมาตั้งแต่ชาติปางไหน....
นนท์หลังจากตัดสินใจออกจากบ้านเปลี่ยนชื่อนามสกุลไปใช้นามสกุลของนัท..แม้จะไม่ใช่นามสกุลที่ใหญ่โต...แต่ก็มีไออุ่นที่มาจากครอบครัวของนัทที่ส่งมาให้นนท์รู้สึกได้ถึงความรักความเข้าใจที่ทุกคนในครอบครัวเข้าใจนนท์...นนท์พยายามจะไปเรียนต่อเมืองนอก...แต่เขาคิดว่า...ชีวิตและหัวใจของเขาอยู่ที่เมืองไทย...ครั้นจะพานัทไปอยู่ด้วยกันก็คงยาก...เพราะสภาพการเงินตอนนี้ไม่เหมือนแต่ก่อน...งานที่ไม่มีทำมาระยะหนึ่ง...ก็ทำให้เงินที่เก็บไว้หมดไปเรื่อยๆ ....จะเรียนต่อไปทำไมอีก...เรียนจบสูงก็ไม่เห็นจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองเลย...นนท์เห็นพวกด๊อกเตอร์มากมาย...ที่ไม่ได้มีชีวิตเป็นของตัวเอง...กลับถูกพันธนาการด้วยอะไรต่อมิอะไรมากมาย...เกียรติยศและศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่...ทำให้ไม่สามารถทำอะไรที่เป็นตัวของตัวเองได้...นนท์พบกับทางสายแห่งความสุขของชีวิต...ปลงกับชีวิต...ย้อนกลับไปมองภาพเหตุการณ์ต่างๆ ที่เลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของนนท์...นนท์ไม่ติดต่อกับทางครอบครัวของนนท์อีกเลย...ออกมาใช้ชีวิตของตัวเองที่มีนัทอยู่ข้างชีวิต...แม้จะมีปัญหาอุปสรรคก็คิดเสียว่ามันคือแบบทดสอบหนึ่งที่ให้เราได้ฝึกทำ...แล้วก้าวผ่านมันไปให้ได้...แบบทดสอบชีวิตของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป...ตามแต่ชะตาชีวิตของแต่ละคน...ตามแต่วิถีของแต่ละคนว่าจะต้องเผชิญกับอะไร...นนท์ได้เผชิญกับบทเรียนแบบทดสอบของชีวิตมาพอสมควรแล้ว...เขาคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาน่าจะอยู่อย่างสงบเสียที...ไม่ต้องดิ้นรนอะไรมากนัก...อยู่แค่มีพอกินพอใช้โดยที่ไม่เดือดร้อน...
นัทเองก็เข้าใจนนท์มากขึ้น...แม้ว่าบางครั้งจะมีงอนๆกันบ้างหรือมีอารมณ์ใส่กันบ้าง...แต่นนท์จะหยุดและสงบลงทุกครั้ง...เพราะนนท์ไม่อยากจะมีชีวิตที่ต้องอยู่กับความทุกข์...ต้องทะเลาะเบาะแว้งกับนัท...ทั้งๆที่นัทก็อยู่กับนนท์มาสิบกว่าปีแล้ว...มันไม่ได้อยู่ที่การอยู่ด้วยกันเพียงอย่างเดียว.... แต่อยู่ที่หัวใจของคนทั้งคู่ว่ามีความรักกันมากเพียงใด.....มีความเข้าใจในกันและกันมากเพียงใด...การอยู่ด้วยกันเป็นแบบทดสอบที่ทำให้คนสองคนได้เรียนรู้และเข้าใจกันมากขึ้น
มีชีวิตแบบนนท์หลายคู่...แต่ต่างก็อ้างว่าเป็นแฟนกัน...แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน...แล้วจะเป็นแฟนกันได้ยังไง...เพราะแต่ละคนก็ยังต้องการอิสระเป็นของตัวเอง...ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน...กินนอน ทำกิจกรรมต่าง ๆร่วมกัน...จะเที่ยวบอกใครต่อใครว่าเป็นแฟนก็คงไม่ใช่...คนเราจะเรียนรู้จักนิสัยจริงๆ หรือสันดานกันก็ต่อเมื่อมาอยู่ด้วยกัน...ใช้ชีวิตด้วยกัน...นอนก็นอนด้วยกัน...จะทนกันได้หรือป่าวที่อีกคนนอนกรนเสียงดัง...นอนดิ้น...ตื่นมาก็เจอหน้ากัน...นัทจะเข้ามากอดนนท์ทุกเช้าและหอมแก้มนนท์ทุกเช้าก่อนออกไปทำงานแม้ว่าบางวันนนท์...ยังไม่ลุกจากเตียงก็ตาม..ถึงเวลาต่างคนต่างออกไปทำงาน...ถึงเวลากลับมามาทานข้าวด้วยกัน....ทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันไม่ว่าจะอยู่บ้านหรือคอนโด...ช่วยกันเก็บกวาดเช็ดถู...ซักผ้า...ล้างห้องน้ำ....วันไหนอยากหุงข้าวทำกับข้าวทานกันก็ทำ...แล้วช่วยกันเก็บช่วยกันล้าง....แต่ที่อ้างกันว่าเป็นแฟนกันทุกวันนี้...นัดกินข้าวกันข้างนอกบ้าน...มีsexกันในโรงแรมม่านรูด เพราะต่างก็ไม่ต้องการที่จะมานั่งรับภาระจากกันและกัน...โธ่...แล้วอย่างนี้จะเรียกว่าเป็น“แฟน เป็นคู่รัก” กันได้ยังไง การอยู่ด้วยกันของคนสองคนจะเห็นว่าแต่ละคนนั้น มีแชร์ และแคร์ให้กันและกันหรือป่าว…
ใครต่อใครอาจจะแย้งขึ้นมาในใจว่า...นัทกะนนท์จะไปกันได้หรือป่าว...เพราะขนาดกับพี่น้องยังอยู่ไม่ได้...แต่นนท์คิดเสมอว่า...พี่น้องกันนี่แหละตัวดี...เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ของตัวเอง...เป็นที่ตั้ง....ยิ่งถ้าพี่น้องของใครที่มีครอบครัวแล้ว...ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น....เพราะไม่ใช่แค่ตัวเองคนเดียวอีกแล้ว...ไหนจะลูกเมียอีก...คราวนี้ยิ่งไม่เห็นแก่สายเลือดความเป็นพี่น้องกันมาหรอก...เขาก็จะเห็นแก่ลูกเมียของตัวเขาเองมากกว่า….ในเมื่อเห็นคนอื่นสำคัญกว่า...ทำไมเราเองจะคิดบ้างไม่ได้...และที่สุดชีวิตก็ต้องเป็นของเราที่เราต้องเลือกเดินเอง
หลายต่อหลายคนที่ละล้าละลังในการตัดสินใจที่จะเลือกคู่ครองของชีวิตตน...ปัจจัยไม่ได้อยู่ที่คนอื่นเลยแม้แต่น้อย...แต่อยู่ที่ตัวเองและคนที่เรารักเขาหรือคนที่เราจะตัดสินใจใช้ชีวิตคู่กับเขาต่างหาก...หลายคนมานั่งวิตกว่า...ที่บ้านครอบครัวจะยอมรับหรือป่าว....ก็ต้องมาคิดว่า...ที่สุดชีวิตเป็นของใคร....ชีวิตก็เป็นของเราเอง...ครอบครัวไม่ได้มาอยู่กับเราด้วยและไม่ได้อยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต....หลายครอบครัวพยายามเลือกคู่ครองให้...โดยที่ไม่ได้คิดว่าเขาจะอยู่กันได้หรือป่าว...คิดเพียงแค่....อยู่ ๆ กันไปก็รักกันไปเอง....มันไม่ใช่แบบนั้นอะซิ...เพราะถ้าอยู่กันไปแบบไม่รักกันมาก่อนก็ต้องมาปรับตัวกันอย่างมาก...แล้วถ้าลองปรับแล้วยังเข้ากันไม่ได้ก็ยิ่งแย่กันไปใหญ่...หลายครอบครัวที่ไม่รู้ว่าลูกหรือคนในครอบครัวเป็นเกย์...แต่จับไปแต่งงานกับหญิง...สัญชาติญาณของการเป็นเกย์ก็ยังคงอยู่ในตัวคนนั้น...ถึงจะฝืนธรรมชาติอย่างไรสัญชาติญาณก็กลับหวลไปหาสิ่งที่เป็นอยู่...บางคนพยายามโกหกตัวเอง...แต่งงานอยู่กับหญิงมีลูก...แต่ก็โกหกตัวเองไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง...ที่สุดก็หวลกลับไปเหมือนเดิม...กลับไปเป็นเกย์สมสู่กับผู้ชายเหมือนเดิม...สร้างปัญหาสร้างความทุกข์ใจให้กับอีกฝ่าย..และลูกที่เกิดขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องมารับกรรมที่พ่อที่เป็นเกย์ก่อไว้...กลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ...กลายเป็นเด็กที่โตมาถูกคำประณามจากสังคมและคนรอบข้างเพราะคงไม่มีใครที่อยากโตมาแล้วได้ยินคนอื่นมาว่า....ว่าพ่อเป็นเกย์เป็นตุ๊ด....
สองหนุ่มสองวัย...ที่ตอนนี้ใจตรงกัน...ความคิดหลายๆ อย่างหลาย ๆเรื่องที่ตรงกันและเข้าใจกัน...ทั้งสองร่วมกันวางแผนชีวิตที่จะอยู่อย่างสงบ...หลีกหนีความวุ่นวายจากสังคมเมือง...กลับไปใช้ชีวิตร่วมกันที่บ้านเกิดของนัท...กลับไปเปิดกิจการเล็กๆ ที่พออยู่พอกิน...ที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับตัวเอง....ไม่เบียดเบียนใคร....ความฝันของนนท์ที่อยากจะอยู่กับธรรมชาติ...อยู่ในที่ที่อากาศบริสุทธิ์กับต้นไม้ภูเขา...ชีวิตที่ตื่นมาวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้า...เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง....เหนื่อยจากวิ่งก็มานั่งพักแล้วก็ทำกิจกรรมส่วนตัว...อาบน้ำอาบท่า....เลี้ยงดูหลาน...แล้วก็ออกไปเปิดร้านขายของ....ได้กำรี้กำไรสักวันละสามร้อยห้าร้อยบาทก็อยู่ได้แล้ว...ถึงเวลาบ่ายๆก็ปิดกลับมาบ้าน...ทำกับข้าวกินกันในครอบครัว...ไม่มีอะไรที่จะทำให้มีความสุขมากไปกว่าการทานข้าวกันในครอบครัวล้อมวงทานข้าว กินไปคุยกันไป....วันไหนอยากไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวก็ปิดร้าน...ขับรถไปเที่ยวกัน....อยากกินอยากทานอะไรอร่อยๆก็ขับรถไปหาทานกัน...จากบ้านมาเชียงใหม่ไม่ได้ไกลจนเกินความสามารถของการเดินทางที่จะเดินทางมา....อยู่บ้านก็ปลูกผักไว้กินเองไม่ต้องซื้อไม่ต้องหา....ไม่ต้องกลัวสารพิษ....
สองหนุ่มต่างวัยที่เริ่มเบื่อสภาพของกรุงเทพเมืองฟ้าอมรที่ที่มีแต่ความวุ่นวาย...มีแต่มลพิษ มลภาวะ..ทั้งอากาศ น้ำ อาหารก็ยังมีสารพิษโดยเฉพาะคน...ที่เป็นพิษและเป็นตัวที่ทำให้เกิดพิษมากที่สุด...และคนที่ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างแย่ลงเรื่อย ๆ...นนท์เคยทำงานพักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่บ้านเกิดของนัท...นนท์ต้องเผชิญกับความแปรปรวนทางอารมณ์ของคนที่เป็นระดับหัวหน้างานของนนท์...อารมณ์ที่เธอคนนั้นไม่สามารถควบคุมด้วยตนเองได้...นนท์ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้...กลับยิ่งทำให้เธอคนนั้นระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างคนเสียสติ....นนท์คิดว่า...นี่กรูมาทำงาน...ไม่ได้มารองรับอารมณ์ใคร....ทั้งๆ ที่นนท์ไม่ได้ทำงานผิดอะไรตรงไหน ....แต่ความไม่พอใจในตัวนนท์ของหัวหน้างานของนนท์...
สองคนต่างฝันว่าสักวันจะเก็บเงินเพื่อซื้อที่ทำไร่สักแปลง...จะดำเนินรอยตามนายหลวง(คนเหนือเรียกนายหลวง...ต่อมาเพี้ยนเป็นในหลวงดังที่เรียกกันทุกวันนี้)ตามทฤษฎีเกษตรแนวใหม่...ไม่ต้องซื้อไม่ต้องหาผักหญ้ามากินเพราะปลูกเอง...เลี้ยงไก่ไว้กินไข่...เลี้ยงปลาไว้กิน...ชีวิตที่ไม่จำเป็นต้องฟุ้งเฟ้อตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของนายหลวง...แบ่งที่ดินทำนาปลูกข้าว..แปลงนึง...แปลงที่สอง...ปลูกพืขยินต้นและล้มลุกผักสวนครัวไว้กิน เหลือก็ขาย...แปลงที่สามขุดบ่อไว้เก็บน้ำใช้...เลี้ยงปลาในบ่อ....เลี้ยงไก่บนบ่อให้ปลากินขี้ไก่...แปลงสุดท้ายก็เป็นที่อยู่...คนที่มีที่ทางอยู่ต่างจังหวัดถ้าทำตามนายหลวงได้...ไม่จำเป็นต้องเข้ามาแย่งชิงดิ้นรนไขว่คว้าหาชีวิตในเมืองกรุงเลย...ถ้าทำแบบนายหลวงได้...ชีวิตทั้งชีวิตก็มีพอกินพอใช้ไปตลอดแล้ว...แต่กลับกลายเป็นว่าต่างขายที่ดินของตัวเองในต่างจังหวัด...แล้วเข้ามาสู่เมืองกรุง...ที่สุดเงินที่ขายที่ดินได้ก็หมดไป....เพราะค่าเช่าห้องเล็กๆ เท่าแมวดิ้นตาย....แทนที่จะสามารถมองฟ้ากว้างได้ไกลสุดสายตา...มาสูดเอาควันพิษแทนอากาศบริสุทธิ์ที่เคยสูด...มาเจอคนที่เห็นแก่ตัว...มิจฉาชีพ...บางคนเจอตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเหยียบย่างในกรุงเทพ...ต้องกลับบ้านไปแบบไม่เหลืออะไร...หรืออยู่ต่อก็ต้องดิ้นรนอย่างสุดๆ
ยิ่งปัจจุบันนี้ด้วย...ยิ่งไปกันใหญ่...พวกมิจฉาชีพมีทุกรูปแบบ...เป็นตัวทำลายสังคมที่เราอยู่ให้ไม่น่าอยู่...มีทั้งลักเล็ดขโมยน้อย...ไปจนถึงปล้นชิงทรัพย์ฆ่ากันตาย...หลายคนที่เข้ามากรุงเทพก็เจอสภาพนี้...หลายคนที่เข้ามาเผชิญกับความยากลำบาก...ที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพที่คิดว่าเรียนสถาบันในกรุงเทพแล้วจะดีกว่าเรียนที่ต่างจังหวัด...แต่มันก็ไม่ได้แตกต่างกัน...แต่กลับต้องมาเสียเงินทองมากมายทั้งค่าเรียนค่าที่พักค่ากินอยู่...ไหนจะยังเที่ยวอีก...ไม่รู้ว่าพ่อแม่คิดถูกหรือป่าว...บางรายเหมือนขายควายส่งควายเรียน...บางคนที่เข้ามาเรียนก็อาศัยรูปร่างหน้าตาและสิ่งที่ติดตัวมา...ประกาศขายตัวทางอินเตอร์เน๊ท...บางรายก็เป็นขอทานไฮเทค...อาศัยเทคโนโลยีหาเงินทำตัวเป็นขอทานในโลกอินเตอร์เน๊ท...
ชีวิตของนนท์ที่เกิดและโตในกรุงเทพ...กลับเบื่อสภาพที่ย่ำแย่ของกรุงเทพสภาพความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้....ตอนนี้นนท์ก็มีนัทเพียงคนเดียว...สองคนให้คำมั่นสัญญาต่อกันว่าจะอยู่ด้วยกันไปจนกว่าใครคนใดคนหนึ่งจะตายจากกันไป....บทสรุปของชีวิตทั้งคู่ณ เวลานี้ไม่มีใครสามารถสรุปได้ว่าจะเป็นเช่นไร...แต่นับจากก้าวนี้ไปสู่ก้าวต่อ ๆไป เท้าของทั้งคู่จะก้าวไปพร้อม ๆกัน...ให้เกียรติซึ่งกันและกัน...รักและดูแลหัวใจของกันและกันอย่างทะนุถนอม
เผื่อท่านผู้อ่านทั้งหลายผ่านไปจังหวัดบ้านเกิดของนัทผ่านไปอำเภอบ้านเกิดของนัท...อาจจะได้เห็นชายสองคน สองวัยที่เริ่มจากการมาต่างฐานะ...ตอนนี้เขากลายเป็นคนคนเดียวกัน...ชีวิตของชายสองคนที่เข้าใจชีวิตของกันและกันมากขึ้น...เป็นชีวิตคู่ที่หลายๆ คนมอง...เพราะชายสองคนนี้เป็นเหมือนคู่ผัวตัวเมียกัน...ชายสองคนจะยืนขายของอยู่ด้วยกัน....เป็นความสุขที่ต่างฝ่ายต่างเต็มใจร่วมกันทำ...มีหลานตัวเล็ก ๆวิ่งอยู่ในร้านอย่างมีความสุข...เป็นภาพที่ใครผ่านไปผ่านมาหรือคนที่แวะมาซื้อของอดชื่นชมไม่ได้...ที่ชาย2คน2วัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข...คำสัญญาที่ทั้งคู่ให้กันไว้ว่า....จะดูและซึ่งกันและกัน.....ไม่ทอดทิ้งกันไปจนวันตาย...
จบบริบูรณ์
ขอบคุณนะคับที่ติดตามอ่าน...และเม้นท์ให้กำลังใจกันมาตลอด) G5 ^3 U# X4 B

3 p: D4 T4 {# F$ G' f  [+ I
( g0 c8 ]/ }( N% n+ }0 D9 o# I5 C2 U; P- d
บางตอนยาวมากครับ โพสต์ไม่ได้ ต้องตัดแบ่งเป็นสองกระทู้ครับ
9 M7 Y# O+ @2 E- C/ \# G# Q6 e
! _1 `! k. K) b6 u' V! Y
; e2 S+ L7 a: V/ M/ R4 G3 h
7 Q  T" M! v, v3 G. @& B

  y- H4 S2 A8 k  J! M! f% e+ C.
$ p" X) o% V% L' ~# T% T# a  r5 |) d' V1 V  ^/ T3 D! b# R7 U4 A
+ |* k/ |6 {; |% a9 S

% Q! R. S6 B- p' n7 G' E" ^

. b  v- a2 {3 `; K.
" j$ J6 j& ~2 w" M% U

นายกสโมสร

กระทู้
1
พลังน้ำใจ
159541
Zenny
289708
ออนไลน์
46421 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-5-14 19:16:26 | ดูโพสต์ทั้งหมด

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
3374
Zenny
10531
ออนไลน์
773 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-5-15 01:03:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
35104
Zenny
10616
ออนไลน์
4187 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-5-15 14:41:44 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
15
พลังน้ำใจ
57889
Zenny
27352
ออนไลน์
21879 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-5-15 16:03:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
6988
Zenny
2998
ออนไลน์
672 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-5-19 01:19:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สนุกมากเลย

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
17
พลังน้ำใจ
16657
Zenny
37345
ออนไลน์
1869 ชั่วโมง
โพสต์ 2017-7-7 12:12:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ประธานนักศึกษา

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
86073
Zenny
39158
ออนไลน์
14113 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-2-4 01:13:36 | ดูโพสต์ทั้งหมด
 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์
โพสต์ 2018-11-18 13:48:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด
แฮปปี้

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
30101
Zenny
7851
ออนไลน์
2606 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-11-18 20:09:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
15929
Zenny
1197
ออนไลน์
1164 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-12-28 23:04:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
4606
Zenny
769
ออนไลน์
194 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-6-15 02:25:10 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

มาเฟียนักศึกษา

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
4606
Zenny
769
ออนไลน์
194 ชั่วโมง
โพสต์ 2019-6-15 02:25:12 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
28261
Zenny
341
ออนไลน์
1403 ชั่วโมง
โพสต์ 2020-5-11 02:07:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
15583
Zenny
1488
ออนไลน์
852 ชั่วโมง
โพสต์ 2020-7-12 19:24:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
47746
Zenny
20373
ออนไลน์
2060 ชั่วโมง
โพสต์ 2020-9-12 08:50:52 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณนะครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
46684
Zenny
20428
ออนไลน์
2268 ชั่วโมง
โพสต์ 2021-4-15 23:40:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
31078
Zenny
12896
ออนไลน์
1615 ชั่วโมง
โพสต์ 2021-5-14 06:25:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุณครับ

ประธานนักศึกษา

กระทู้
9
พลังน้ำใจ
86073
Zenny
39158
ออนไลน์
14113 ชั่วโมง
โพสต์ 2021-5-14 11:11:07 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดีจังเลยครับ

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
24373
Zenny
81
ออนไลน์
1608 ชั่วโมง
โพสต์ 2023-5-6 02:35:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-19 21:47 , Processed in 0.132996 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้