มีแฟน ๆ ไอเอ็มมาบอกว่า บทหนึ่งของชีวิต ตอน เจ้าบ่าวลองชุดแต่งงาน ตอนแรก ทำเอาน้ำแตกไปหลายน้ำแต่เหมือนน้ำแตกไม่สุด เลยขอให้ลงตอน 2 ต่อให้จบ และขอแบบไม่ต้องจ่ายเหลียนด้วยนะ....จัดให้ตามคำขอครับ 2 r* i# M8 k; A0 q
บทหนึ่งของชีวิต ตอน เจ้าบ่าวลองชุดแต่งงาน http://www.g4guys.com/forum.php?mod=viewthread&tid=111200&highlight=%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95 ( c3 c) S+ f& a
บทหนึ่งของชีวิต ตอน วันแต่งงาน โดย Orama ปลายเดือนมีนาคมผมได้มีโอกาสกลับมาเชียงใหม่อีกครั้งแต่ครั้งนี้ไม่ได้มาเที่ยวแต่มาตามคำเชิญเพื่อร่วมงานแต่งของคุณพงษ์และได้รับมอบหมายให้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วยพี่สาวผมถามยกใหญ่ว่าไปรู้จักกันมาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวผมก็เล่าให้ฟังวันที่ลองชุดคุยกันถูกคอ เลยชวนมางานแต่งตอนนั้นผมก็รับปากไปงั้นแหละไม่คิดว่าคุณพงษ์เขาจะเชิญจริง ๆ พี่สาวผมคลายสงสัยเพราะตั้งแต่เปิดร้านมา ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเอ่ยปากชวนไปร่วมงานทั้งนั้นแต่เราก็ไม่เคยไปร่วม เพราะถ้าขืนไปจริงๆ ค่าเช่าคงไม่เหลือ 5555+ “คุณพงษ์เลือกชุดไว้ให้แกใส่ด้วยนะและจ่ายค่าเช่าให้ด้วยทั้งชุดเช้าและชุดค่ำแกจ่ายค่าเช่าให้ด้วยพี่บอกไม่ต้องแกก็ไม่ยอม เดี๋ยวพี่เอามาให้ดู” พี่ต้อยเดินไปหยิบชุดมาให้ดูเป็นเสื้อทรงพระราชทานแขนยาวคอตั้งสีกลีบบัวอ่อน ๆ มีสะไบปักดิ้นทองพาดมาด้วยส่วนผ้านุ่งเป็นผ้าไหมสีน้ำเงินเข้ม ชายผ้าเดินดิ้นทองเล็ก ๆ “คุณพงษ์เขาเลือกผ้าและสั่งตัดให้ใหม่รวมทั้งของคุณพงษ์ด้วย” ผมหันไปมองหน้าพี่ต้อยด้วยความสงสัย “ทำไมครับ” “พี่ควรจะถามแกมากกว่า ที่แกจะมาถามพี่” ผมแน่นจุกอกขึ้นมาทันทีเลย พูดไม่ออก “ไม่รู้เหมือนกันครับ” “ปกติเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็จะจ่ายค่าเช่าให้เพื่อนเจ้าสาว เพื่อนเจ้าบ่าวอยู่แล้วแต่ของแกนี่ตัดใหม่หมดเลย เลือกสีที่เหมือนกันด้วย” “สีเหมือนกันด้วยหรอครับ” “ใช่ ทั้งสีทั้งแบบเหมือนกันเลยงานนี้ชั้นว่าเจ้าสาวล้วงผิดล้วงถูกแน่มึงเอ้ย 55555” พี่ต้อยพูดไปหัวเราะไปแต่ก็คงแอบสงสัยนิด ๆ กำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆมีเสียงมือถือดังนั้น เป็นเบอร์ใครก็ไม่สู้ “สวัสดีครับนั่นใครครับ” “สวัสดีครับคุณต๊ะ ผมพงษ์เองครับ” ผมนิ่งไปชั่วขณะก่อนที่จะตั้งสติกลับมาได้ “ผมโทรมาถามคุณต้อยว่าคุณมาหรือเปล่าคุณต้อยบอกว่าคุณมาถึงตั้งแต่เมื่อวานเลยขอเบอร์จากคุณต้อย โทรมาหาคุณไม่ว่าอะไรนะครับ” “เออ..ไม่ครับ” “ไม่คิดว่าคุณจะมาชอบชุดที่เตรียมไว้ให้มั้ยครับ” “ไม่น่าสิ้นเปลืองเลยนะครับผมแต่งยังไงก็ได้” “ไม่ได้ครับเพราะคุณเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวคนเดียวต้องให้ดูหล่อหน่อย” “เพื่อนเจ้าบ่าวคนเดียวหมายความว่าไงครับ” “ออ...คือเพื่อนผมที่พอไปวัดไปวาได้ก็แต่งงานกันหมดแล้วนะครับส่วนที่เหลือสภาพแต่ละคนไม่ผิดอะไรกับโจร นอกนั้นก็เพื่อนผู้หญิงแฟนผมเลยให้ผมลองหาเพื่อนคนอื่น ผมก็นึกถึงคุณต๊ะขึ้นมาเลยเสนอไปแฟนผมเขามาที่ร้านคุณต้อย พอเห็นรูปคุณต๊ะแฟนผมตกลงทันทีขอร้องให้คุณต้อยติดต่อคุณมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้” “ออ แบบนี้นี่เอง” “คุณต๊ะไม่ว่าอะไรนะครับที่ผมจัดการเองหมดโดยไม่ถามความเห็น” “ผมกลัวจะเสียงานคุณพงษ์มากกว่าครับเกิดมาไม่เคยเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวใครมาก่อน” “ครั้งแรกก็แบบนี้แหละครับ” พอคุณต๊ะพูดเสร็จก็รีบนิ่งคงสะดุดกับคำว่าครั้งแรกซึ่งก็ทำให้ผมสะดุดเหมือนกัน “ครับ” “งั้นเดี๋ยวเจอกันนะครับ ตามกำหนดการพรุ่งนี้พิธีเช้าเริ่มเวลา09.09 น. คุณต๊ะไปก่อนพิธีก็ดีนะครับจะได้มีเวลา ไปที่โรงแรมเลยนะครับเพราะเราจัดที่โรงแรมทั้งพิธีเช้าและเย็น” “ได้ครับ”ผมรับปากแบบงง ก่อนที่จะเดินขึ้นไปยังห้องตัวเอง ผมมองดูชุดที่คุณพงษ์เตรียมให้ซึ่งมันเกินคำว่าเพื่อนเจ้าบ่าวมากแต่ก็เพียงเก็บความสงสัยไว้ในใจ วันรุ่งขึ้นผมตื่นนอนประมาณ 7.00น.เพราะเสียงพี่ต้อยปลุก “ต๊ะ ต๊ะ ตื่นได้แล้วเดี๋ยวไม่ทัน” “ครับ ๆ ผมอาบน้ำแปบนึง” “อาบเสร็จแล้วบอกพี่นะเดี๋ยวพี่ขึ้นมาช่วยแต่งตัว” “ครับ”ผมรีบเข้าห้องน้ำชำระร่างกายไม่ถึง 30 นาทีก็ออกมานั่งหน้ากระจกพี่ต้อยก็เดินขึ้นมาพอดีพร้อมอุปกรณ์แต่งหน้าแต่งผมครบชุด “อันนี้มันของส่วนตัวไม่รวมกับของลูกค้ามาเดี๋ยวพี่เซ็ตผมให้” “ต้องทำด้วยหรอ” “แกจะบ้าหรอเพื่อนเจ้าบ่าวเขาก็แต่งเต็มที่กันทั้งแหละ ถือเป็นงานเปิดตัวว่าที่เจ้าบ่าวคนต่อไปดีไม่ดีงานนี้มีสาวเหนือตามมาถึงบ้านแน่มึงเอ้ย น้องชายชั้นก็หล่อขั้นเทพซ๊ะขนาดนี้” “แหมพี่ต้อย อวยกันมากเกินไปแล้วผมกลัวจะไปทำให้งานเขาขายหน้าละไม่ว่า” “เอาน่านั่งนิ่ง ๆ เดี๋ยวพี่จัดการให้” พี่ต้อยจัดการเป่าผมแล้วจับเป็นลอนทิ้งไว้แล้วหันมาแต่งหน้าให้ผมอย่างชำนาญ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็ออกมาในสภาพที่เกือบจำตัวเองไม่ได้ หน้าเนียน คิ้วได้รูป ปากสีชมพูอ่อน ๆตาผมโตอยู่แล้วจึงไม่ต้องทำอะไรมาก พี่ต้อยสวมชุดให้อย่างชำนาญ จนครบเครื่องผมมองดูตัวเองในกระจกอีกครั้ง ผมเซ็ตได้รูปมีปลายผมตกลงมาที่ใบหน้าเพื่อเพิ่มความหวานใบหน้าแต่งอ่อน ๆ เสื้อทรงพระราชทานคอตั้งแขนยาวสีกลีบบัวอ่อน ๆบนบ่ามีสไบปักด้วยดิ้นทองอย่างงดงาม นุ่งโจงกระเบนแบบนุ่งจริงด้วยผ้าไหมสีน้ำเงินเข้มเดินชายผ้าเป็นลายไทยด้วยดิ้นทอง ใส่ถุงเท้าสีขาวที่คลุมถึงหัวเข่า แล้วสวมรองเท้าหนังแบบปลายแหลมผมเองยังตะลึงกับสภาพตัวเองหน้ากระจก “ไหนดูซิ โอ้ โห พี่ว่าแกหล่อขั้นเทพจริงๆ ว่ะต๊ะ” พี่ต้อยพูดพลางพร้อมกับคล้องสายสร้อยเส้นใหญ่ให้ที่คอ “กรีสสสสสสสส”ผมและพี่ต้อยตกใจหันไปตามเสียงร้องที่อยู่ตรงประตูห้อง “แกเป็นอะไรอีจก” พี่ต้อยดุพี่จกเสียงดัง “เทพบุตรลงมาจุติค่ะเกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยพบเคยเห็นใครงามดังเทพบุตรได้ขนาดนี้” “เวอร์ไปแล้วครับพี่จก ผมจะลอยอยู่แล้ว” “จริง ๆ ค่ะคุณต๊ะ หล่อสะบั้นหั่นแหลกหล่อซิบหายวายป่วงเลยค่ะ” ผมขำกับคำชมพี่จก “เอาแค่หล่อเฉย ๆ ก็พอครับพี่จก อย่าถึงขั้นหล่อซิบหายเลยครับ” “พี่ต้อยคะมีรถมารับคุณต๊ะรออยู่ข้างล่างแล้วค่ะ” “อ้าวหรอ ไม่เห็นบอกว่าจะมีรถมารับพี่ว่าจะไปส่งเจ้าต๊ะมันพอดี เออ..คุณพงษ์นี่ก็บริการดีเหลือเกินแต่อย่างว่าแหละงานเขา เขาก็ต้องเทคแคร์เราเป็นของธรรมดา เนาะต๊ะเนาะ” “ครับ” “ไป ๆ อย่าให้เขารอไปรอเขาที่โน่นดีกว่า งั้นพี่ไม่ไปด้วยนะ” “อ้าว...แล้วผมจะอยู่ยังไงครับผมไม่รู้จักใครเลย” “ให้จกไปเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ” พี่จกเสนอตัวขึ้นมาทันที “เองอย่าสาระแน อยู่ช่วยข้าที่นี่แหละ” “ก็คนอดเป็นห่วงไม่ได้ คุณต๊ะหล่อซ๊ะขนาดนี้เกิดมีคนดักฉุดหนูจะได้โดดเข้าขวาง” “ย่ะ โดดเข้าขวางแล้วแกก็ลากโจรไปสวาปามแล้วก็ปล่อยน้องชั้นทิ้งลงข้างทาง” “แฮะ ๆ ๆ” ผมเดินลงไปชั้นล่างโดยมีสายตาพนักงานทั้งร้านมองเป็นตาเดียวบางคนหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปไว้ “พวกเอ็งไม่ต้องแอบถ่ายกันหรอก มีเวลา 5นาที ใครอยากถ่ายรูปก็ออกมาเลย”พี่ต้อยพูดจบพนักงานทั้งหญิงทั้งชายก็กรูมาถ่ายรูปกับผมยกใหญ่ ทั้งเดี่ยวทั้งหมู่ทั้งเซวฟี่ “ไป ๆ พอได้แล้ว จะแปดโมงแล้ว ขับรถอีก20 นาที ถึงงานจะได้มีเวลาเตรียมตัว” ผมเดินไปขึ้นรถโตโยต้าสีทองคันที่มารับผมคนขับเป็นชายสูงอายุน่าจะประมาณ 40 ปลาย ๆ ผมนั่งนิ่งโดยไม่พูดอะไรส่วนลุงคนขับหันมามองผมเป็นระยะ ไม่ถึง 20นาทีก็มาถึงโรงแรมลุงเดินไปเปิดรถให้ผมอย่างชำนาญ “หล่อยังกับเทพบุตรเลยครับคุณ” แกพูดออกมาเปรย ๆ ผมได้แต่ยิ้มให้ถือเป็นการขอบคุณ ขณะที่ผมกำลังจะก้าวขึ้นบันไดเข้าไปในโรงแรมคุณพงษ์ก็เดินออกมาจากประตูโรงแรมด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มซึ่งมีอาการดีใจอย่างออกนอกหน้า “ยินดีต้อนรับสู่เมืองเชียงใหม่ครับคุณต๊ะ” ผมมองชุดที่คุณพงษ์ใส่กับชุดที่ผมใส่มันเหมือนกันยังกะแกะ เราสองคนผิวขาวหน้าตาเกลี้ยงเกลา รูปร่างสมส่วนเท่ากัน พอมายืนคู่กันมันเหมือนฝาแฝด คุณพงษ์ยื่นมือมาจับมือผมแล้วเขย่า “ขอบคุณจริง ๆครับที่ยอมมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับผมในครั้งนี้” “ด้วยความยินดีครับ” หลังจากกล่าวทักทายกันแล้วคุณพงษ์ก็เดินนำหน้าเข้าประตูโรงแรมไปยังห้องที่จัดพิธีซึ่งอยู่ชั้น4 ของโรงแรม ช่วงที่เราเดินผ่านรอบบี้ พนักงานโรงแรมมองเป็นตาเดียวกันรวมทั้งแขกต่างๆ บางคนถึงขนาดยกมือถือกดแบบรัว ๆทุกสายตาเพ่งมองมาที่เราสองคนเป็นจุดเดียวจนทำให้เกิดอาการเขิล “คุณต๊ะหล่อมากครับวันนี้คนมองกันใหญ่เลยครับ” “ไม่หรอกครับ คงมองเราสองคนนั่นแหละครับอีกอย่างใส่ชุดเหมือนกันด้วย เขาคงคิดว่ามางานอะไร” กว่าจะเดินผ่านสายตามาได้เล่นเอาเดินไม่ถูกพอพ้นจากลิฟท์ก็เข้าห้องจัดงานซึ่งตกแต่งไว้อย่างสวยงามตั้งแต่หน้าประตูพอเปิดประตูเข้าไปได้ยินเสียงฮู้จากคนที่นั่งอยู่ข้างใน “เฮ้ย เทพบุตรมาว่ะ” เสียงสุภาพสตรีท่านหนึ่งตะโกนมา ทำให้ทุกสายตาหันมาจ้องเราสองคน “กูเหมาหมด ใครแย่งมีตบ” มีเสียงสุภาพสตรีอีกคนพูดมาลอย ๆ ด้วยความสนุกสนาน “ไม่ต้องแย่งครับ ได้ครบทุกคน” คนพงษ์ก็เล่นด้วยกับสตรีกลุ่มนั้น คิดว่าคงเป็นเพื่อนกันแน่นอน “กูว่าเจ้าบ่าวเพื่อนกูหล่อแล้วนะมาเจอเพื่อนเจ้าบ่าวหล่อกว่าอีกกูว่างานนี้ไอ้กาญจน์คิดหนักอาจเข้าห้องหอผิดแน่ ๆ 5555” “มึงก็ว่าไป เลิกแซวได้แล้วคุณต๊ะเขาเขิลใหญ่แล้ว” ผมมองดูคนในงานส่วนใหญ่มีแต่ญาติผู้ใหญ่นอกนั้นก็สาว ๆ ที่แต่งชุดไทยแต่ท่าทางคงนุ่งได้ไม่นานเพราะแต่ละนางน้อง ๆ ลิงมีเด็ก ๆ วิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน คงลูกเพื่อน ๆ “เดี๋ยวไปไหว้พ่อกับแม่ผมก่อนนะครับท่านอยู่ทางโน้น ส่วนที่จับกลุ่มคุยกันนั่นก็เพื่อนผมที่ยังไม่แต่งงานและเป็นกลุ่มที่กาญจน์ไม่ยอมให้มาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว” ผมหันไปตามมือพงษ์ก็คงจะจริงแหละครับ สภาพแต่ละคน มีเอกลักษณ์ทั้งนั้นผมเดินตามคุณพงษ์เพื่อไปไหว้พ่อกับแม่ “นี่พ่อกับแม่ผมครับ” พ่อกับแม่พงษ์นั่งอยู่บนโซฟารับรองหันหน้ามามองผมตาค้าง ผมเดินไปใกล้ ๆแล้วย่อตัวเดินด้วยเข่าเข้าไปหาท่านทั้งสองแล้วกราบลงที่ตัก “บุญรักษานะลูก เพื่อนตาพงษ์หรอหน้าตาหล่อเหลายังกะเทพบุตร กริยาก็งดงาม” แม่คุณพงษ์เอามือมาจับมือผมที่พนมไว้ที่ตักอีกมือนึงก็ลูบหัวผมเบา ๆ “จริงด้วยแม่งานนี้เจ้าบ่าวถึงกับหมองเลยนะแม่เนาะ” “พ่อก็” ผมนั่งพับเพรียบลงข้าง ๆดูพ่อกับแม่หยอกลูกชาย “งานนี้สาว ๆ มองตาเป็นมันแน่ไอ้หนูเอ้ยหล่อซ๊ะขนาดนี้” เวลาประมาณ 9.00 น. เจ้าสาวเพื่อนเจ้าสาว พร้อมด้วยพ่อและแม่เดินเข้ามาในงาน ผมเพิ่งเห็นเจ้าสาวครั้งแรกเธอสวยมาก รูปร่างบอบบางสมส่วนผิวขาวเหมือนหยวก แต่งหน้าอ่อน ๆเกล้าผมมวยต่ำปักด้วยปิ่นทองสวมด้วยสุดไทยสีชมพูอมส้มอย่างสวยงาม ผมกับคุณพงษ์ลุกขึ้นแทบจะพร้อมกันเมื่อเจ้าสาวเดินมาถึง ผมสังเกตเห็นคุณกาญจน์มีอาการตกใจ ยืนนิ่งก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ “เพื่อนพงค์หรือค๊ะ” “ใช่ครับ” “ไปเอามาจากสวรรค์แดนไหนหล่อราวกับเทพบุตร กาญจน์เปลี่ยนตัวเจ้าบ่าวยังทันมั้ยค๊ะ” “พูดแบบนี้ผมน้อยใจนะครับ 55555” “แหม ล้อเล่นค่ะงานนี้ไม่มีใครหล่อเกินคุณไปได้หรอก” “ผมรู้ครับ”ผมยืนดูคู่บ่าวสาวแซวกันด้วยความสงบ โดยมีสาวนางหนึ่งมายืนใกล้ ๆ แต่ไม่รู้ตัวคือเพื่อนเจ้าสาวนั่นเอง มารู้ชื่อทีหลังว่าคุณเมย์ ช่วงทำพิธีมีแต่คนสูงอายุ ส่วนแขกอื่นๆ เอาแต่ถ่ายรูปแสงแฟลต เข้ามากระทบตาไม่ขาดระยะ จนทำให้ผมถึงกับตาพร่าไปเลยผมกับเพื่อนเจ้าสาวไม่ต้องทำอะไรมากแค่นั่งข้างหลังเฉย ๆพิธีกรรมจะอยู่ที่เจ้าบ่าวกับเจ้าสาว โดยพีธีกรรมแบบผสมผสานมีทั้งพุธ และแบบล้านนารวมทั้งแบบพาหมร์ พิธีกรรมประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ก็เสร็จสิ้นประมาณ 11 โมงเช้าต่างคนต่างถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ผมถูกดึงไปถ่ายรูปมากที่สุดจนไม่รู้ว่าใครเป็นใครส่วนเจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็โดนดึงไปถ่ายรูปกับญาติผู้ใหญ่ “พอแล้วครับสาว ๆเดี๋ยวเพื่อนผมหลุดติดมือ” คุณพงษ์เข้ามาแยกสาว ๆออกจากการเกาะกุมผมถ่ายรูป “ไอ้พงษ์มึงไม่เห็นใจเพื่อนเลยกูยังไม่แต่งงานมึงไม่คิดจะให้กูมีโอกาสได้สานสัมพันธ์บ้างหรอ เผื่อกูจะได้ลงจากคานบ้าง” ท่าทางจะเป็นเพื่อนคุณพงษ์แน่ ๆ “เดี๋ยวกูให้ไอ้ชัยมาช่วยลากลงจากคานดีมั้ย” ไอ้ชัยที่คุณพงษ์พูดถึงคือเพื่อนกลุ่มที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง “อ๊วกกกกกกกกกถ้ากูได้กะไอ้ชัยกูขอยอมตายดีกว่า” “มึงอย่าไปดูถูกมันนะมันรักจริงหวังแต่งนะโว้ย” “กูรับไม่ไหวกับโลกส่วนตัวมันว่ะกูยังมีกิเลส ยังต้องการสังคม” “ไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมมางานเลี้ยงเดี่ยวไม่มีเวลาแต่งตัวนะ” “เออจริงด้วยนี่กี่โมงแล้วว๊ะ” สาว ๆ กับเรื่องความสวยความงามนี่ยอมกันไม่ได้ต่างคนต่างกรูวิ่งเก็บของเพื่อกลับไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อมางานเลี้ยงคืนนี้ “พงษ์คะเดี๋ยวกาญจน์กับเมย์ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนนะค๊ะเจอกันอีกที 6 โมงเย็นนะค๊ะ” คุณกาญจน์ขอตัวไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่เพื่อเตรียมตัวมางานเลี้ยงคืนนี้โดยปล่อยให้ผมกับคุณพงษ์อยู่กันตามลำพัง “เดี๋ยวผมกับไปร้านก่อนนะครับไม่ได้เอาชุดมา” “ผมให้รถไปรับชุดมาเรียบร้อยแล้วครับเดี๋ยวขึ้นไปเปลี่ยนที่ห้อง งานเริ่มหนึ่งทุ่มกว่าจะถึงก็อีกนาน นอนได้หลายงีบ “รบกวนเปล่า ๆ ครับ เผื่อเจ้าสาวจะพักผ่อน” “ไม่รับกวนหรอกครับ เราเปิดไว้สองห้องห้องเจ้าสาว 1 ห้อง ห้องเจ้าบ่าว 1 ห้องสำหรับเตรียมตัว ส่วนห้องหอเราก็มีอีก 1ห้อง” “อ๋อ...ครับ” “กาญจน์เขาเพื่อนเยอะครับแต่ละคนเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ไม่ค่อยระวัง กาญจน์กลัวผมอึดอัดเลยเปิดให้พักผ่อนอีกห้องผมแต่งตัวไม่มาก เพื่อน ๆ ส่วนใหญ่ก็มีครอบครัวไม่สะดวกที่จะมานอนด้วยเลยกลับบ้านไปก่อน” “ได้ครับ เอาอย่างนั้นก็ได้” กำลังจะเดินเข้าลิฟท์เพื่อไปห้องพักที่อยู่ชั้น11 เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “สวัสดีครับพี่ต้อย” “เป็นไงบ้าง ได้ข่าวว่าสาว ๆรุมทึ้งทั้งงานเลยหรอ” “ใครส่งข่าวพี่ต้อยล่ะ รู้ไวแท้” “น้องที่โรงแรม รู้จักกันเขาโทรมาเล่าให้ฟังเขาบอกเห็นแกถึงกับตลึงจะขอเป็นน้องสะไภ้ทันที 55555” “พี่ต้อยก็เวอร์เกินไป” “ไม่เวอร์หรอก แล้วนี่เสร็จหรือยังพี่ส่งชุดไปให้นะเปลี่ยนที่โน่นเลยเสร็จงานแล้วค่อยกลับ” “ได้ครับ” “งั้นไม่กวนล่ะ พี่ไปดูลูกค้าก่อนดูแลตัวเองนะ” “ครับ”ผมกดโทรศัพท์ปิดแล้วเอาใส่กระเป๋า “ใครโทรมาหรือครับ” “พี่ต้อยโทรมานะครับ” “คงเป็นห่วงน้องชาย หล่อซ๊ะขนาดนี้” “ไม่หรอกครับ คงเป็นห่วงกลัวผมมาทำขายหน้ามากกว่ามั้งครับ” “ขายหน้าที่ไหนครับ มีแต่ได้หน้า พี่ชายกับพี่สะไภ้ผมยังชมเลยว่าคุณหล่อมากพ่อกับแม่ผมยังปลื้มไม่หาย ชมคุณใหญ่เลยว่ากริยาก็นอบน้อมงดงาม” “อย่าชมมากเลยครับ เดี๋ยวจะลอย” “เออว่าแต่หิวหรือยังครับผมสั่งอาหารไปไว้ที่ห้อง ถ้าหิวจะได้ให้เขายกมาให้” “ยังไงก็ได้ครับ” “งั้นเดี๋ยวสั่งมาเลยดีกว่า” เราสองคนเดินมาถึงห้อง 1109คุณพงษ์ล้วงเอาคีการ์ดออกมารูด ภายในห้องมีเตียงคู่สองเตียงมีโต๊ะหนังสือโต๊ะเครื่องแป้ง และชุดรับแขกเล็ก ๆ มีเสื้อผ้าพาดไว้เต็มไปหมด “รกหน่อยนะครับ แต่งตัวเมื่อเช้ายังไม่ได้เก็บ” “ไม่เป็นไรครับ” “จะพักผ่อนหรือจะอาบน้ำก่อนก็ได้นะครับเดี๋ยวอาหารมาผมจะปลุก” “เชิญคุณพงษ์ก่อนก็ได้ครับผมไม่มีเสื้อผ้ามาเปลี่ยน” “เออ...ผมลืมไปขอโทษด้วยงั้นเดี๋ยวใส่เสื้อคลุมทางโรงแรมก็ได้ครับ มีอยู่สองตัว” “ไม่เป็นไรครับ ผมใส่อย่างนี้ก็ได้” “เอาน่าไปอาบน้ำก่อนจะได้สดชื่นแล้วใส่ชุดคลุมนี้แทน”คุณพงษ์พูดพร้อมกับดันหลังผมเข้าไปในห้องน้ำ ผมสังเกตคุณพงษ์ไม่มีอาการใด ๆว่าเราสองคนเคยมีอะไรกัน เขาเท็กแคร์ผมปกติ ที่ผ่านมาคงเป็นอารมณ์ชั่ววูบจริง ๆซึ่งก่อนมานี้ทำให้ผมคิดมากว่าจะวางตัวยังไง ผมอาบน้ำไปใช้ความคิดไปเรื่อย ๆพอออกมาจากห้องอาหารก็พร้อมรับประทาน “อาหารมาพอดีเลยครับเดี๋ยวทานข้าวก่อนนะครับค่อยพักผ่อน ผมขอตัวอาบน้ำก่อน” “เดี๋ยวรอทานพร้อมคุณพงษ์ดีกว่าครับ” “ทานไปก่อนได้เลยครับ” “ครับ” ผมรับปากแต่ยังไม่ทานนั่งเช็ดผมให้หมาด เพราะเหนียวกับสเปร์ที่พี่ต้อยเซ็ดมาให้ตอนเช้านั่งคิดอะไรเพลิน ๆ จนคุนพงษ์อาบน้ำเสร็จ “อ้าวยังไม่ทานอีกหรือครับ คงหิวแย่ผมอาบน้ำนานไปหน่อยขอโทษด้วย” “ไม่นานหรอกครับ” “งั้นเดี๋ยวเรามาทานกันเลยดีกว่าเดี่ยวจะเย็นเสียหมด” “ครับ”เราสองคนนั่งทานข้าวกันตรงชุดรับแขกเล็ก ๆ ที่อยู่มุมห้องโดยใส่เพียงเสื้อคลุมสีขาวของโรงแรม เราทานกันเพลินจนลืมดูว่าเสื้อคลุมผมเปิดอ้าจนควยโผล่โดยไม่รู้ตัวคุณพงษ์กะแอมหลายครั้งแต่ผมก็ไม่เอะใจ จนคุณพงษ์ชี้มาที่เป้าผม ผมก้มลงมองอย่างตกใจรีบลุกขึ้นแล้วเอามือปิด ด้วยความที่รีบลุกเกินไปเลยเสียหลักล้มขณะที่กำลังจะล้มคุณพงษ์รีบเข้ามาพยุงแต่น้ำหนักตัวผมทิ้งลงไปเต็มที่ไม่สามารถพยุงไว้ได้แล้วทำให้คุณพงษ์ล้มมาทับผมอย่างจังบนพื้นพรหมหนานุ่มของโรงแรม เสื้อคลุมท่อนล่างเราสองคนเปิดอ้าเนื้อสัมผัสเนื้อควยและพวงกระโปกคุณพงษ์กองอยู่บนหน้าขาผมเต็ม ๆคุณพงษ์เท้าแขนขึ้นทำให้ควยกดทับหน้าขาผมหนักกว่าเก่าควยคุณพงษ์มันเริ่มขยายตัวขึ้นมาอย่างช้า ๆ แนบไปตามหน้าขาผมส่วนควยผมเริ่มแข็งโผล่ขึ้นมาตั้งตะหง่านนอกเสื้อคลุม คุณพงษ์จ้องตาผมนิ่งแล้วค่อย ๆ โน้มตัวลงมาจูบปากผมอย่างช้าๆ แล้วแทรกลิ้นเข้าไปควานในปากผม ผมสนองตอบคุณพงษ์โดยอัตโนมัติ มือจับหัวคุณพงษ์ไว้แน่นพร้อมกับบดขยี้ริมฝีปากใส่คุณพงษ์อย่างเร่าร้อนเราแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่คุณพงษ์จะค่อย ๆ ก้มลงไปจับควยผมตั้ง แล้วก้มลงเอาลิ้นเลียอย่างช้าๆ ที่ปลายควย คุณพงษ์เงยหน้าขึ้นมามองผมแต่ลิ้นก็ยังคงทำงานปกติผมใช้ข้อศอกยันตัวเองขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอนดูคุณพงษ์ปฏิบัติการเลียควยสลับกับการดูดควยเป็นระยะคุณพงษ์ใช้มือถอกควยผมช้า ๆ แล้วใช้ปากดูดกระโปกผมเข้าไปทั้งสองลูกจนผมถึงกับจุกแกคงรู้เพราะผมเกิดอาการกระตุก ผมมองดูการกระทำของคุณพงษ์นิ่งแต่ควยผมมันไม่นิ่งตาม มันกระดกสู้ริมฝีปากคุณพงษ์อย่างดี แล้วคุณพงษ์ก็ลุกขึ้นมาคล่อมจับควยผมตั้งตรงแล้วค่อยๆ ย่อตัวกดตูดใส่ควยผมอย่างช้าๆ ควยคุณพงษ์หดตัวลงทันทีแต่ควยผมกับแข็งขึ้นอย่างเต็มที่ หัวบานเบ่งจนมันไม่สามารถเข้าไปในรูตูดคุณพงษ์ได้คุณพงษ์ค่อย ๆ กดหน้าตาบูดเบี้ยวเต็มที่ ผมบ้วนน้ำลายไปชโลมควยผมแล้วบีบปลายควยให้เล็กลงแล้วพยักหน้าให้คุณพงษ์ลองกดตูดลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้ควยผมค่อย ๆไหลเข้าไปอย่างช้า จนหัวหยักผ่านวงแหวนเข้าไป หูรูดตูดคุณพงษ์บีบแน่นคุณพงษ์มีอาการเกร็งขาสั่น มือสั่น ใช้สองมือมาวางทับไว้บนอกผม ส่วนตูดค่อย ๆกดลงไปทีละนิด “ไหวมั้ยครับ”ครั้งแรกที่เราส่งเสียงกัน ซึ่งเป็นเสียงผมที่ถามคุณพงษ์ “อืม”คุณพงษ์ไม่พูดแต่ก้มหน้ามองผมนิ่ง พร้อมกับกดตูดลงมาช้า ๆ จนในที่สุดควยผมก็เข้าไปเต้นตุบๆ ในรูตูดคุณพงษ์ทั้งดุ้น คุณพงษ์ถึงกับทิ้งเข่าลงข้าง ๆ แล้วซบลงที่อกผม “อย่าเพิ่งขยับนะครับเจ็บและจุกมากเลยครับ” คุณพงษ์ซบลงบนแผ่นอกผมแล้วกระซิบอย่างแผ่วเบาข้างๆ หูผม ผมได้แต่เอามือลูบข้างหลังอย่างแผ่วเบา รูตูดคุณคุณพงษ์ตอดรัดผมเป็นระยะทำให้ผมอดที่จะขมิบทำให้ปลายควยพองสู้กับการตอดรัดของลำไส้คุณพงษ์ ผมนอนนิ่ง ๆจนสังเกตได้ว่าควยคุณพงษ์กลับมาแข็งอีกครั้ง คุณพงษ์เริ่มขยับตูดขึ้นลงอย่างช้า ๆพร้อมกับอาการเกร็งตัวและสั่น ไม่ถึง 5 นาทีคุณพงษ์ก็ทิ้งตัวลงมาบนอกผมอีกครั้งผมสังเกตได้ว่ามีน้ำอุ่น ๆ ไหลลงหน้าท้องผม คุณพงษ์เสร็จแล้วแน่เลย คุณพงษ์นอนสักพักสักครู่แล้วก็ยันตัวขึ้น “ ผม เออ ผม” “เสร็จแล้วใช่มั้ยครับ” “คือมันเสียว มันจุก มันเจ็บ บอกไม่ถูก ต๊ะละเสร็จหรือยัง” “ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับคุณพงษ์ทำเองหมด” “บ้า ก็เห็นจับตั้งให้” “มันไม่ตรงนี่ครับ แล้วก็ฝืดมากด้วย” “มันฝืดมาก ทำไงถึงเข้าง่ายเกย์มันเอากันทีลำบากแบบนี้ทุกคนมั้ยครับ” “ไม่หรอกครับเขามีเจวหล่อลื่นไม่เจ็บด้วย” “ผมก็เคยได้ยิน แต่ไม่เข้าใจ ” คุณพง์นอนทับผมไปคุยกันไปทั้งที่ควยผมยังแข็งฝังในตูดคุณพงษ์เต็มๆ “คุณพงษ์จะปล่อยผมทิ้งค้างแบบนี้หรือครับ” “ก็มันเจ็บ แค่ต๊ะขยับมันก็เจ็บ” “งั้นค่อย ๆ ถอดออกก็ได้ครับจะได้ไม่เจ็บ” ผมค่อย ๆประคองตูดคุณพงษ์ขึ้นควยคุณพงเหี่ยวหัวห้อย แต่ควยผมแข่งเบ่งหัวบาน จนมาถึงคอหยักที่ดึงออกไม่ได้เพราะมันติดคอหยัก คุณพงก้มดูตูดตัวเองที่มีควยผมฝังหัวไว้แล้วกลั้นใจยกก้นขึ้นจนควยผมหลุดออกจากตูดดีดผึงทีหน้าท้องผมอย่างแรง ไม่มีของแถม ไม่มีเลือดแสดงว่าตูดคุณพงษ์ไม่ฉีกแค่ปริเล็กน้อยพอแสบ ๆ คัน ๆ คุณพงษ์รีบเข้าไปในห้องน้ำล้างน้ำควยที่แตกเมื่อสักครู่ผมเข้าห้องน้ำตามเพื่ออาบน้ำอีกครั้งเพราะนอนราบไปกับพื้นอีกทั้งน้ำควยคุณพงษ์แห้งติดหน้าท้อง ผมอาบน้ำล้างควยที่แข็งไม่ยอมหดเพราะโดนกระตุ้นแล้วหดยากกะชักว่าวก็เกรงใจคุณพงษ์ที่อยู่ข้างนอกเลยได้แต่เปิดน้ำเย็น ๆ ลาดตัว ผมออกมาจากห้องไม่เจอคุณพงษ์เจอโน๊ตเล็ก ๆว่าไปธุระเดี๋ยวมา คงไปหาคุณกาญจน์แน่ผมเช็ดผมเสร็จก็ขึ้นไปนอนเล่นบนเตียงจนเผลอกลับไป มารู้สึกตัวอีกทีเหมือนมีอะไรอุ่น ๆ ที่ควยผมตกในเงยหน้าขึ้นมาดูเป็นคุณพงษ์กำลังดูดควยผมอย่างเมามัน ไม่รู้แกมาตอนไหนผมปล่อยเลยตามเลย อย่างว่าแหละครับ วัวเคยค้า ม้าเคยขี่ผมปล่อยให้คุณพงษ์ดูดเลียควยผมได้สักระยะคุณพงษ์ก็หยิบหลอดคล้าย ๆหลอดยาสีฟันขึ้นมาผมจำได้ว่ามันเป็นเควาย แกบีบใส่ควยผมแล้วกำลูดขึ้นลูดลงแล้วเอาไปป้ายที่ตูดแกก่อนที่แกจะขึ้นมาหย่อนตูดใส่ควยผม มันไหลเข้าไปอย่างง่ายดายผมเกร็งควยสู้ทำให้หัวบานเบ่งครูดกับผนังลำไส้ คุณพงษ์แหงหน้าสูดปากขึ้นเป็นระยะ “อ้า.......” มันเข้าไปจนสุดในทีเดียวผมเสียวสันหลังวาบคุณพงษ์ยกก้นขึ้นลงอย่างช้า ๆ มันทำให้ผมเงี่ยนสุด ๆ ไม่ทันใจ “ให้ผมเย็ดเองดีกว่าครับ” ผมเริ่มเงี่ยนเต็มที่จนเผลอพูดภาษาตั้งเดิมออกไป ซึ่งคุณพงษ์ก็ไม่ว่าอะไรค่อยๆ ยกขาขึ้นแล้วนอนหงายราบไปกับเตียงโดยที่ควยผมยังไม่หลุดจากตูด ผมจับขาคุณพงษ์พาดบ่า แล้วกระหน่ำเย็ดอย่างรุนแรง “กระแทกลงมาแรง ๆ ก็ได้ ไม่เจ็บแล้ว” คุณพงษ์สั่งให้กระแทกแรง ๆ ซึ่งผมทั้งกระแทกทั้งควงควยอย่างเมามัน ผมกระหน่ำเย็ดท่านี้ไปเกือบ20 นาทีแต่ไม่มีท่าจะแตก มันเสียว แต่น้ำไม่เดิน “เย็ดท่าหมานะครับ” คุณพงษ์ไม่ตอบแต่ค่อย ๆ ลุกขึ้นหมุนตัวแล้วค่อยๆ ก้มหน้าลงไปโดยที่ตูดยังคาบควยผมแน่นพอคุนพงษ์คุกเข่าได้ผมใช้สองมือยึดสะโพกกระชากเข้าหาตัวพร้อมกับเย็ดสวนไปอย่างแรง “อ้า.....เสียวมากเลย เย็ดแรง ๆ เลยครับเสียว” คุณพงษ์สั่งให้กระแทกแรง ๆ ส่วนมือก็ชักว่าวตัวเองไปด้วย “ใกล้แล้วครับ จะแตกแล้ว” คุณพงษ์ส่งเสียงมาแบบอู้อี้ ผมกระหน่ำซอยเพื่อให้ทันเกมส์สุดท้ายเราแตกเกือบพร้อมกัน ผมปล่อยน้ำพุ่งเข้าตูดคุณพงษ์หลายระรอกพร้อมกับเกร็งควยกระดกอย่างต่อเนื่องปะนะกับผนังลำไส้ที่ดูดควยอย่างรุนแรง คุณพงษ์เหนื่อยหอบนอนคว่ำหน้าราบไปกับที่นอนผมนอนทับตามไปติดๆ ควยยังอ่อนตัวไม่มาก เลยกระเด้าเย็ดแถมไปเรื่อย ๆ “เสียวมากเลยต๊ะ”คุณพงษ์พูดทั้งที่ยังหลับ “หลังจากวันนั้นผมก็คิดถึงต๊ะมาตลอดคิดว่าตัวเองเป็นเกย์ เคยคิดจะยกเลิกงานแต่ง แต่กับคนอื่นผมไม่มีอารมณ์ร่วมเลยแต่กับต๊ะผมรู้สึกอบอุ่น” “ผมเองก็เหมือนกันครับแต่ไม่กล้าเพราะคุณกำลังจะแต่งงาน” “เราสองคนกำลังทำผิดศีลหรือเปล่า” “ยังมั้งครับเพราะคุณพงษ์ยังไม่ผ่านพิธีแต่งงาน” ผมเริ่มแถไปเรื่อย ๆ “อืม ก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” ผมกอดคุณพงษ์ที่นอนหันหลังให้ผม แผ่นหลังขาวเนียนนุ่มควยผมหลุดออกมาจากตูดตอนไหนไม่รู้ตัว ไม่ถึงกับเหี่ยวยังพอกึ่ม ๆ คิดในใจถ้าได้อีกสักยกคงจะดีคิดอะไรเพลิน ๆ แล้วสวรรค์ก็เป็นใจ “งั้นตอนนี้ถ้าเรามีอะไรกันเราก็ยังไม่ผิดศีลใช่มั้ย เพราะยังไม่ผ่านพิธีแต่งงาน”คุณพงษ์หันหน้ามาอย่างรวดเร็วจนผมตกใจ พร้อมกับลุกขึ้นวิ่งเข้าไปในห้องน้ำได้ยินเสียงเปิดฝักบัวคงอาบน้ำแน่ ๆ “ต๊ะ ต๊ะ เข้ามานี่หน่อย” “ครับ มีอะไรครับ” ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำเจอคุณพงษ์นอนแช่น้ำอยู่ในอ่าง “มาอาบน้ำด้วยกันมะ” “จะดีหรือครับ” “มาน่า ถึงขั้นนี้แล้วเอาให้เต็มที่” “ครับ ครับ”ผมสลัดผ้าพันกายออกแล้วค่อย ๆ หย่อนขาลงไปในน้ำคุณพงษ์กวักน้ำล้างควยผมปลิ้นเข้าปลิ้นออก แล้วก้มลงไปดูดอย่างช้าๆ “คุณพงษ์”ผมได้แต่อุทานออกไปคุณพงษ์ไม่สนใจผมก้มหน้าก้มตาดูดดุนควยผมจนพอใจก็ลุกขึ้นมาดูดปากแลกลิ้นกับผมซึ่งผมก็สนองตอบเราแหย่ลิ้นหากันแบบหิวกระหาย ควยเราทั้งคู่แข็งชูชันเต็มที่ คุณพงษ์ลุกขึ้นไปยืนหน้ากระจกห้องน้ำก่อนที่จะเอาเควายค่อยๆ ทาไปที่ตูดตัวเอง ผมรู้โดยสัญชาตญาณว่าคุณพงษ์ต้องการให้ผมเย็ดแล้วผมลุกเดินตามไปควยแข็งโด่ เอามือป้ายเควายที่ตกค้างที่ตูดคุณพงษ์แล้วเอามาป้ายที่ควยผมจนชุ่มคุณพงษ์หันหน้าไปทางกระจก ยกหัวเข่าข้างนึงไว้ที่ขอบอ่างล้างหน้าทำให้ตูดลอยเด่นผมเอานิ้วเขี่ยรูตูดคุณพงษ์มันมีอาการบวมฟูเล็กน้อย ผมแหย่นิ้วเข้าไปช้า ๆ “อ้า.....”เสียงคุณพงษ์ครางกระเส่า “เย็ดเถอะไม่ไหวแล้ว” ผมจับปลายควยจ่อตรงรูตูดที่บวมนิด ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆดันเอวเข้าไปอย่างช้า ๆ พอเข้าได้สุดผมกระหน่ำเย็ดอย่างต่อเนื่อง “เสียวมากเลย ท่านี้เข้าลึกมากเลยต๊ะ” ผมไม่พูดตอบแต่กระแทกควยเขาออกอย่างรุนแรง กระโปกผมฟาดกับง่ามตูดเสียงดังผสมกับเสียงน้ำที่ไหลออกจากฝักบัว เวลานี้ไม่สนใจใครแล้วคุณพงษ์เองก็มีอาการไม่ต่างจากผมมือนึงชักว่าว อีกมือนึงขยำนมตัวเอง คงเสียวสุด ๆ เหมือนกัน “จะแตกแล้ว อ้า.....” ผมเองก็ใกล้เช่นกันเพราะท่านี้มันจะเข้าลึกมากปลายควยกระแทกโดนขดลำไส้เต็มๆ มันจะเสียวสุด ๆ “ผมก็จะแตกแล้วเหมือนกันตูดคุณพงษ์มันตอดควยผมมากเลยครับ” “ต๊ะเย็ดเก่งมากแรงอีก ใกล้แล้ว” ผมกระหน่ำอีกไม่ถึง 10ทีก็กระแทกกดควยแช่นิ่งเกร็งควยพ่นน้ำที่สองเข้าในในรูตูดคุณพงษ์ส่วนคุณพงษ์เองมีอาการเร็งกระตุกจนน้ำที่สามแตก พอน้ำแตกคุณพงษ์ถึงกับเข่าอ่อนจะทรุดตัวลงกับพื้นดีที่ควยผมยังเกี่ยวตูดเอาไว้ได้ผมรีบพยุงคุณพงษ์ขึ้นมา โดยที่ควยผมยังคงฝังแน่นในตูด พอคุณพงษ์ยืนได้ก็เอนหลังมาพิงอกผมใช้หัววางบนบ่าผมแล้วแหงหน้าซบมาทางผม พร้อมกับจับมือผมกอดไปด้านหน้าแล้วลูบไล้ไปมาอย่างแผ่วตูดคุณพงษ์ก็ยงคงไม่เลิกตอดควยผม “หลังจากนี้เรายังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมั้ยต๊ะ” “เป็นซิครับ ผมยังเหมือนเดิม” “ผ่านวันนี้ไปผมกำลังจะมีเจ้าของแล้วนะ” “ครับ ผมจะเก็บความรู้สึกดี ๆระหว่างเราสองคนไว้ตลอดไปครับ ผมสัญญา” “ผมคงคิดถึงคุณมากนะต๊ะ” คุณพงษ์แหนงหน้าซบไหล่ผม ซึ่งผมรู้สึกว่ามีน้ำอุ่น ๆ ไหลลงที่บ่าผม “คุณร้องไห้” “มันบอกไม่ถูก ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจมันรู้สิกหวิว ๆ พอรู้ว่าพรุ่งนี้ไปแล้วเราคงเป็นได้แค่เพื่อน” “ผมเข้าใจครับ “ ควยผมหลุดออกมาตอนไหนไม่รู้คราวนี้ควยผมไม่มีอาการกึ่มๆ เหี่ยวหัวห้อย คงเริ่มเข้าบทซึ้งแน่ ๆ “อาบน้ำเถอะครับเดี๋ยวก็ถึงเวลางานเลี้ยงแล้ว” เราอาบน้ำแบบเงียบ ๆไม่พูดไม่จาออกมาจากห้องน้ำต่างคนก็ต่างนอนคนละเตียง ผมยังไม่หลับแต่ได้ยินเสียงคุณพงษ์สะอื้นเบา ๆ จนเผลอหลับไป ตื่นขึ้นมาอีกทีตอนสี่โมงเย็นเตรียมอาบน้ำเพื่อรอช่างแต่งหน้า แต่คุณพงษ์ยังคงหลับนิ่งผมเข้าไปปลุกเพื่อให้ตื่นมาอาบน้ำ “คุณพงษ์ครับตื่นมาอาบน้ำครับเดี๋ยวแต่งตัวไม่ทัน” “อืม ไม่อยากลุกเลย เพลียมาก” “ก็น่าเพลียอยู่หรอกครับ แตกไปสามน้ำ” พอผมพูดจบคุณพงษ์ตารุกวาวทันที “เดี๋ยวจะโดนเอาคืน” คุณพงษ์ก็พูดไปงั้นแหละครับซึ่งผมเคยบอกแล้วว่าผมรุกออริจิ ไม่รับ ซึ่งคุณพงษ์ก็เข้าใจดีแต่ผมยอมดูดควยให้แต่ก็ไม่ทุกคน เราอาบน้ำเสร็จสัก 20นาทีก็มีกระเทยแสนสวยมาเคาะประตูชื่อน้องเบสบอกว่าเป็นช่างแต่งหน้าผมเชิญเข้ามาข้างใน “แต่งใครก่อนดีค๊ะ” “แต่งให้เจ้าบ่าวก่อนเลยครับผมไม่ต้องก็ได้” “ค่ะ”หล่อนรับคำพร้อมกับบรรจงแต่งหน้าให้คุณพงษ์อย่างมืออาชีพแต่สายตาหล่อนกับไม่อยู่ที่คุณพงษ์ คอยชำเรืองมาทางผมเป็นระยะ “เสร็จแล้วค่ะ ถึงคิวคุณแล้ว” “ไม่ต้องแต่งถึงขนาดเจ้าบ่าวก็ได้ครับ ผมไม่ค่อยชินมันเหนียว ๆ” “ได้ค่ะ”ช่างสาวสวยจับผมนั่งเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ลงครีมลองพื้นบาง ๆแล้วตามด้วยแป้งปัดนั่นนิดปัดนี่หน่อยแล้วเซ็ดผม คล้าย ๆกับที่พี่ต้อยเซ็ดมาให้ตอนเช้าแต่ไม่ลงสเปร์มากเหมือนตอนเช้า “มาค่ะเดี๋ยวแต่งตัวให้” “คงไม่ต้องนะครับเดี๋ยวเราสองคนแต่งตัวกันเองดีกว่า”เสียงคุณพงษ์ปฏิเสธสาวน้อยทันที “กริ้ง”เสียงโทรศัพท์ที่หัวเตียงดังขึ้น “กาญจน์หรอ ผมเสร็จแล้วนะ เจอกันกี่โมงครับ ๆ” “กาญจน์ถามว่าเสร็จหรือยังของกาญจน์ใกล้เสร็จแล้ว นัดเจอกันที่หน้าห้อง หกโมง นี่เพิ่ง 5 โมงครึ่ง แต่งตัวเสร็จเดี๋ยวเราลงไปรอดีกว่า” “ได้ครับ” คุณพงษ์แต่งชุดทักชิโต้แบบสั้นสีดำมีผ้าสีแดงคาดที่เอวส่วนผมใส่ชุดสูท สากลทั่วไปซึ่งตอนแรกคุณพงษ์บอกให้แต่งเหมือนกันแต่พี่ต้อยบอกว่าคงไม่เหมาะเลยให้ใส่แค่สูทธรรมดา เราเดินออกจากห้องลงไปที่ห้องจัดเลี้ยงพร้อมกันสายตาทุกคู่จ้องมาที่เราเป็นตาเดียวกัน แล้วหันไปกระซิบกระซาบบางคนก็หยิบมือถือมาถ่ายรูปไว้ “เจ้าบ่าวก็หล่อ เพื่อนเจ้าบ่าวก็หล่อในใจกูอยากได้ทั้งสองเลยว่ะ” ผมได้ยินเสียงสาว ๆกลุ่มนึงรำพึงออกมา ผมหันหน้าไปสบตากับคุณพงษ์ที่มีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเดินไปทักทายแขกต่าง ๆ ผมยืนคู่กับคุณพงษ์บริเวณหน้างานพร้อมด้วยเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวบรรดาเพื่อนเจ้าบ่าวและเพื่อนเจ้าสาวทั้งโสดและไม่โสดต่างมาเกาะแขนผมขอถ่ายรูปไม่ขาดสายผมเองก็ได้แต่ยืนยิ้มตลอดงาน “พวกหล่อนสงสารคุณต๊ะบ้างนะรุมทึ้งอยู่นั่นแหละ เนื้อจะหลุดติดมือแล้ว”คุณกาญจน์อดแซวเพื่อน ๆ ไม่ได้ “แกได้เจ้าบ่าวสุดหล่อไปแล้วเพื่อนเจ้าบ่าวก็ตกเป็นของพวกเราซิว๊ะ”ผมถึงกับสะดุ้งในคำพูดของสาว ๆ กลุ่มนี้คำพูดช่างรุนแรงเหลือเกิน ผมได้รับความสนใจจากสาว ๆแหละหนุ่มเทียมหนุ่มแท้หรือเปล่าตลอดเวลา เดี๋ยวคนนั้นลากไปถ่ายรูปมุมโน้นมุมนี้ซึ่งผมก็ไม่ขัดจนถึงช่วงเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องเดินแจกชองชำร่วยตามโต๊ะผมได้รับมอบหมายให้ถือพานใส่ของชำร่วย ซึ่งเป็นเซรามิกรูปหัวใจคู่สำหรับแขวนซึ่งมีน้ำหนักพอสมควร โดยเพื่อนเจ้าสาวจะถือบ้างเล็กน้อย แต่จะช่วยหยิบส่งให้เจ้าสาวมากกว่า คุณพงษ์มีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัดคงหิวน้ำด้วย พอดีของชำร่วยหมดผมจึงรีบอาสาไปเอาของชำร่วยเพิ่มพร้อมกับหยิบน้ำเย็นๆ มาสามขวด ผมส่งให้เพื่อนเจ้าสาว เจ้าสาว และคุณพงษ์ คุณพงษ์หยิบขึ้นมาดูดอย่างกระหายจนเจ้าสาวต้องยื่นให้อีกขวด “พอแล้วครับ เหนื่อยจนคอแห้งดีนะที่ได้น้ำเย็น ๆ” “ต๊ะนะซิไปเอามาให้ ขอบคุณมากนะต๊ะ” คุณกาญจน์หันมาขอบคุณผม “ไม่เป็นไรครับ”เราแจกของไปเกือบครบก็ถึงเวลาที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณแขกที่มาร่วมงานพ่อแม่ฝ่ายเจ้าบ่าว พาอแม่ฝ่ายเจ้าสาวถูกเชิญขึ้นไปอย่างต่อเนื่องประธานในงานถูกเชิญขึ้นไปกล่าวอวยพร แขกเหลื่อต่างจ้องสายตาไปบนเวทีว่าจะมีอะไรเซอร์ไพล์หรือไม่ตากล้อง กระหน่ำกดชัตเตอร์เพื่อให้ได้ภาพที่ดีที่สุดใครมีมือถือก็เอามากดกันอย่างเต็มที่ ทุกคนให้ความสนใจบนเวที ผมค่อย ๆ เลี่ยงออกมาจากในงานเพื่อมารับลมเย็นๆ ข้างนอก เสียงข้างในยังคงอื้ออึงเชียร์กันอย่างสนุกสนาน คิดว่าคงอีกนานกว่าจะจบ ผมเลยเดินลงมาข้างล่างหยิบมือถือขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความลงไปว่า “ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งสองคนด้วยนะครับ......ลาก่อน” ผมกดส่งข้อความถึงคุณพงษ์แล้วเดินออกประตูโรงแรมด้านหน้าอย่างช้า ๆ หายเข้าไปในความมืดยามค่ำคืนแห่งราตรีกาลของเมืองเชียงใหม่ ******************************
d W) c& E0 q! a( ]' n) B& P |