แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย earthies เมื่อ 2018-1-23 11:45
ฤดูกาลผ่านพ้นไป ผมที่นั่งมองจอทีวีฉายรายการต่างๆ ที่สถานีจัดสรรสร้างความบันเทิงแก่ผู้คน แต่ทั้งหมดกับไม่ได้มีผลทำให้ผมรู้สึกตามจุดประสงค์หวังผลของทางสถานีฤดูร้อนแสนสนุกปีก่อนกับปีนี้ชั่งต่างกันราวกับว่าในอดีตเป็นเพียงแค่ความฝัน เสียงโทรศัพท์บ้านดังถี่ราวกับสัญญาณกันขโมย ผมที่เหม่อมองจอสี่เหลียม แต่กับจิตใจไม่ได้จดจ่อตามเป้าสายตา
“เอิร์ธรับโทรศัพท์”
เสียงแม่ผมดังตะโกนผ่านอากาศสั่งให้ผมทำสิ่งที่ท่านบอกสติที่หลุดลอยเหมือนถูกกระชากตกกลับมาในบ้านตามเดิม ก่อนจะรีบลุกไปยกหูขึ้นมาแนบแก้มกล่าวคำที่ถูกสั่งสอนกับปลายสาย
“สวัสดีครับ”
“ฮาโหล พี่เอิร์ธ เหรอครับ” เสียงใสๆคุ้นหูแต่ในความทรงจำกับยังนึกไม่ออก
“ครับ ใครนะ”
“บิ๊กเองครับ น้องพี่แบงค์”เหมือนเสียงชื่อบุคคลท้ายประโยคจะดังซ้ำสะท้อนไปมาในช่องหู จนทำให้รู้ว่าปลายสายคือเด็กชายแสนน่ารักที่ผมรู้จักเป็นอย่างดี น้องชายแท้ๆ ของพี่ชายคนโปรด
“ว่าไงบิ๊ก” น้ำเสียงที่เหมือนหุ่นยนต์ก่อนหน้าถูกแทนที่ด้วยเสียงใสๆ ขึ้นมา
“ปิดเทอมมาเล่นกับผมนะ”
“จะให้พี่ไปอยู่เล่นกับเราที่นั่นเหรอ”
“ครับ มานะครับ บิ๊กมีของเล่นกับเกมใหม่เยอะแยะเลยนะ”
“พี่ต้องขอแม่ก่อนนะ”
“นะครับนะ บอกป้าเลยนะครับ บิ๊กคิดถึงที่เอิร์ธอยากให้มาอยู่เล่นด้วยกันนะๆ” เสียงออดอ้อนปลายสายและรูปแบบประโยคเหมือนกับผม ที่มักชอบใช้เวลาอยากได้อะไรไม่มีผิดจนรู้สึกอดขำอาการของเด็กในสายไม่ได้
“อืม ไปขอแม่ให้ รอแป๊บ” ผมวางโทรศัพไว้ข้างๆ เครื่อง ก่อนจะเดินไปหาทิศทางเสียงตะโกนก่อนหน้าแล้วบอกเรื่องราวที่ได้รับฟังมาทั้งหมด ก่อนจะได้รับคำตอบ
“โหลบิ๊ก”
“ครับๆ พี่เอิร์ธ”
“แม่พี่ให้ไปได้”
“ดีใจจัง มาไวๆ นะครับ”
“อืม”
“งั้นบิ๊กว่างสายละ”
“อืม”
เสียงสัญญาณสนทนาขาดหายไปบอกให้รู้ว่าการสนทนาสิ้นสุดลง ผมวางโทรศัพท์กลับเข้าที่ก่อนจะหมุนตัวกลับไปนั่งที่เดิมและมองจอทีวีต่อ
บ้านสีขาวหลังใหญ่ของน้าชายผมกับน้าสะใภ้ภรรยาคนที่สองของเขาที่หน้าบ้านปรากฏภาพเด็กชายอายุ 11 ขวบที่มีใบหน้าไม่แตกต่างกับผมเท่าไหร่นัก หากแต่ถ้าดูให้ดีๆจะพบว่าโครงหน้าคลับคล้ายพี่แบงค์มากว่าผม ทันทีที่ผมเปิดประตูลงรถเด็กชายหน้าใสก็วิ่งเข้ามากอดเอว กระโดดดีใจจนเหมือนผมเป็นของขวัญที่ทำให้เขามีความสุข
“คิดถึงมากเลยเหรอ” ผมถาม
“สุดๆ มานี้พี่ บิ๊กมีอะไรอวด”
“เดี๋ยวๆ พี่ยังไม่ได้ขนของลงรถเลย”
“มาๆ บิ๊กช่วย”เด็กสองคนเดินไปรับกระเป๋าของใช้ส่วนตัวจากคนขับรถที่มาส่งก่อนจะเดินเข้าไปทักทายเจ้าของบ้าน
“สวัสดีครับน้าพล สวัสดีครับน้าตาล” ผมพนมมือยกไหว้ผู้ใหญ่ตามคำสั่งสอนที่เคยถูกปลูกฝังมา
“หวัดดีๆ กินน้ำกินท่าก่อนเอิร์ธแล้วค่อยให้ไอ้บิ๊กพาไปเก็บของ”
“ครับ”
ผมนั่งพักพูดคุยกับน้าทั้งสองอยู่นาน จนสีหน้าของเด็กชายตัวเล็กแก้มค่อยๆป่องขึ้น
“พ่อ... พี่เอิร์ธมาเล่นกับผมนะไม่ได้มาเล่นกับพ่อ”
เสียงน้อยใจตัดพ้อของบิ๊กแทรกการสนทนาร้อยยิ้มอมขำของคนในห้องเลยปรากฏออกมาหลังประโยคดังกล่าวสิ้นสุด
“เดี๋ยวผมไปเล่นกับน้องก่อนนะน้า”ผมบอกเจ้าบ้านเพื่อขอตัว
“บิ๊กยกของพี่เขาไปด้วย”
น้าพลหันมาสั่งเด็กชายที่ หลังอาการหวงพี่ชายเบาลงผมเดินตามน้องขึ้นบนบ้าน ห้องด้านในสุดมีประตูไม้บานใหญ่ ที่มีป้ายเขียนว่า “บิ๊ก”และอีกประตูใกล้ๆ กันว่า “แบงค์” ใช่แล้วมันคือประตูห้องนอนของพี่แบงค์ พี่เขาจะได้มาอยู่ในช่วงปิดเทอมและหยุดยาวห้องนี้คือห้องที่พ่อเขาทำเอาไว้ให้ เมื่อลูกชายคนโตมาเที่ยวหาแต่ตอนนี้เจ้าของห้องกับไม่ได้อยู่ใช้มันในฤดูร้อนปีนี้ ผมที่ยืนมองแผ่นป้าย แต่ในอกรู้สึกเหมือนถูกกดบีบรัด “พี่เอิร์ธ คิดถึงพี่แบงค์เหรอ” เสียงใสที่พูดเบากว่าปกติแต่แฝงไปด้วยอารมณ์เศร้าไม่ต่างกัน
“บิ๊กละคิดถึงพี่แบงค์ไหม”
“ครับ”
คำพูดสั่นๆ แต่แฝงด้วยความจริงใจคำว่าพี่น้องถึงจะคนละแม่แต่ก็คือสายเลือดเดียวกัน ความผูกพันเส้นสายใยที่ตาเปล่ามองไม่เห็นผมปล่อยมือจากเป้ใบเล็กทิ้งมันลงพื้น โผล่ตัวเข้าไปกอดเด็กชายที่อยู่เบื้องหน้า
“พี่ก็คิดถึงเหมือนกัน...”
หลังผมและน้องชายปรับทุกข์เรื่องพี่แบงค์ไปแล้ว อารมณ์เก่าก็ถูกแทนที่ด้วยความสนุกสนามเราทั้งสองเล่นเกมด้วยกัน บิ๊กกับผมเราคล้ายกันมาก ทั้งหน้าตาและนิสัย ผมรู้ดีว่าพี่แบงค์รักน้องชายคนนี้ไม่ต่างกันกับที่ผมรักและเอ็นดู ที่เขาต้องไปอเมริกาเพราะแม่พี่แบงค์ย้ายไปอยู่ที่นั้นลูกชายคนเดียวเลยต้องตามไปอยู่ด้วย ผมรับรู้ข่าวเรื่องนี้ช่วงปิดเทอมกลางภาคเรียนน้าพลมารับผมที่บ้าน บอกข่าวเรื่องการเดินทางของลูกชายคนโตของแก ผมรีบเก็บข้าวของตามน้ามาทำให้พวกเรายังพอมีเวลาอยู่ด้วยกันก่อนที่แกเดินทาง ภาพในวันสุดท้ายที่สนามบินยังคงติดตาผมถึงวันนี้
“พี่เอิร์ธ”
“... อะไรเหรอ?”
“เดินสิพี่ ผมไปต่อไม่ได้นะ ถ้าตัวละครพี่ไม่เดินมาใกล้ๆ”
“อืม โทษทีๆ เหม่อไปหน่อย”
“แหนะ แอบคิดถึงพี่แบงค์อีกแล้วนะ”
“ทำเป็นรู้ดี” ผมเอามือผลักหัวน้องข้างๆ จนเกือบหงายหลัง
“ชอบแกล้งผมจังเลย...” บิ๊กป่องแก้มใส่จนดูน่ารักแบบเด็กๆ
“ก็มีกันอยู่แค่นี้จะไปแกล้งใคร”
“ครับๆ”
พากันยิ้มให้กันแล้วก็เล่นเกมกันต่อ พอหลังอาหารเย็นพวกเราก็พากันขึ้นห้องนอน
“พี่เอิร์ธ อาบน้ำกัน”
“อาบพร้อมกันเหรอ”
“นะๆ อยากอาบน้ำพร้อมพี่”
“ก็ได้”
ไม่นานสองหนุ่มน้อยก็พากันนุ่งผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ
“พี่เอิร์ธ ใหญ่จัง ขนก็เยอะ”
“ก็ จะขึ้น ม. 2 แล้วนิ อายุ 13 แล้วนะ”
“อีก 2 ปีผมก็จะเท่าของพี่ปะ”
“ไม่รู้ดิ แต่พี่แบงค์บอกว่า ชักว่าวบ่อยๆเดี๋ยวก็ใหญ่เอง”
“ชักว่าว? ไม่เหนื่อยตายเลยหรอ วิ่งกันลิ้นห้อยพอดี”
“บ้า ไม่ใช่ว่าวแบบนั้น แบบนี้” พูดจบผมก็เริ่มจับโคยน้อยๆของตัวเอง ให้ตั้งลำก่อนจะจับชักรูดเข้าหาลำตัวถอกหนังหุ้มให้เปิดเผยให้เห็นหัวสีชมพูดูสุขภาพดี
“ใหญ่มาก!ขอ..ขอจับหน่อยได้มะ”
“อืม... ชักให้พี่ด้วยเลยนะ” แล้วผมก็ยืนแอ่นให้น้อยชายแสนซนจับชักให้
“บิ๊กก็แข็งแล้ว ดูดิ”
“อ้า...น่ารักดี...” ก็ดูกระจู๋อันน้อยๆ ที่แข็งขึ้นลำแต่ก็ยังไม่ได้เศษเสี่ยวของโคยผมตอนหด
“เจ็บเหรอครับ” บิ๊กถามเพราะเห็นผมครางแถมทำหน้าเบี้ยวบางจังหวะ
“ไม่เจ็บหรอก ชักแรงๆ เลย”พออีกฝ่ายโดนสั่งก็รีบชักให้เร็วและแรงขึ้น ก่อนที่ผมจะกระตุกน้ำสีขาวพุ่งใส่อกของน้องวัย 10 ขวบกว่าๆ
“พี่เอิร์ธ ฉี่ใส่ผมทำไมอะ” แก้มป่องโวยวายเข้าใจผิด
“บ้า เขาเรียกน้ำว่าว” ผมเอามือไปปาดมันขึ้นมาให้น้องเห็นชัดๆ ว่ามันเป็นสีขาวๆ ขุ่นๆ
“ตลกดีอะ”
“อืมตลกดี”แล้วก็หมั่นไส้เอาของเหลวที่ปลายนิ้วป้ายปากบางๆ ของไอ้บิ๊กมัน
“ตกใจหมด ...หวาน!?...”
“อืม อย่าเที่ยวไปกินน้ำว่าวคนอื่นละ”
“อ้าว แล้วเอามาป้ายปากผมทำไม”
“ก็จะแกล้ง ไง” แล้วก็เอาน้ำฝักบัวฉีดใส่หน้า พากันเล่นกันจนเหนื่อย
|