ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 642|ตอบกลับ: 2

10 อันดับ ผีสิ่งที่ยังหาคำตอบไม่ได้

[คัดลอกลิงก์]

มหาลัยซีเนียร์

กรู..อยากจะเป็นชู้..แต่ยังหาแฟ

กระทู้
59
พลังน้ำใจ
2576
Zenny
22889
ออนไลน์
79 ชั่วโมง

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิม


อันดับ 10 The Caleuche

เป็นตำนานเรือผี ที่หลายคนรู้จักดี เป็นเรือผีที่มักปรากฏตัวที่หมู่เกาะชิโลเอ้ ทางตอนใต้ของประเทศชิลี ตามตำนานของคนท้องถิ่นเล่าว่าเรือผีนี้กำเนิดขึ้นจากดวงวิญญาณของคนจมน้ำใน ทะเล
โดยสาเหตุมาจากสามพี่น้องเงือก ที่หลอกล่อเรือให้อัปปาง จนวิญญาณดังกล่าวไม่ผุดไม่เกิดรวมตัวจนกลายเป็นเรือผีซึ่งมักปรากฏขึ้นทุก คืน(บางตำนานเล่าว่าเป็นเรือผีที่เกิดจากเวทมนต์หมอผีที่มักลักพาตัวชาว ประมงและชาวเรือให้กลายสัตว์เป็นประหลาดเพื่อให้เป็นทาสทำงานเป็นลูกเรือชั่วกาล นาน) โดยมันมักปรากฏเป็นเรือใบโบราณขนาดใหญ่อลังการและสวยงาม เต็มไปด้วยดวงไฟพร้อมกับเสียงดนตรีและเสียงคนหัวเราะจำนวนมากมาย และหลังจากมันปรากฏตัวแล้วเรือจะหายไปหรือจมดิ่งไปใต้ทะเล


อันดับ 9 The SS Valencia

SS วาเลนเซียเป็นเรือกลไฟที่ประสบภัยจนเรือจมอยู่นอกชายฝั่งแวนคูเวอร์, บริติชโคลัมเบียในปี ค.ศ. 1906 เรือได้เผชิญสภาพอากาศที่เลวร้ายใกล้แหลมเมนโดซิโน ทำให้เรือสูญเสียการบังคับแล้วไปชนกับแนวหินปะการังจนน้ำเข้าเรือ จนเรือแตก ลูกเรือและผู้โดยสารได้พยายามสละเรือแล้วหนีโดยใช้แพชูชีพลงน้ำ
ซึ่งมีผู้โดยสารในแพชูชีพแตกหายไปในช่วงนั้น ส่งผลให้ผู้โดยสารกว่า 136 คนเสียชีวิตซึ่งส่วนมากเป็นเด็กและผู้หญิง เหลือรอดเพียง 37 คนเท่านั้น ห้าเดือนต่อมาชาวประมงอ้างว่าพวกเขาได้พบโครงกระตูก 8 โครงบนเรือชูชีพอยู่ในบริเวณใกล้ที่เกิดเหตุเรือจม แต่แล้วเมื่อมีการค้นหาก็ไม่ได้พบอะไร นอกจากนี้ชาวเรือยังพบเรือกลไฟวาเลนเซียล่องลอยอยู่แนวปะการังใน Pachena Point ใกล้เกาะแวนคูเวอร์ไป 12 กิโลเมตร และ 27 ปีต่อมาก็ยังมีการพบเรือและแพผีในบริเวณนั้นอยู่เป็นระยะ



อันดับ 8 Medan Ourang

เรื่องราวได้ เริ่มต้นขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ 1948 เมื่อเรืออเมริกันได้รับข้อความแปลกประหลาดจากเรือบรรทุกสินค้าของชาวดัตช์ Ourang Medan ในขณะไปช่องแคบมะละกา นอกชายฝั่งของประเทศมาเลเซีย - ที่อินโดนีเซีย โดยข้อความระบุว่าสมาชิกทั้งหมดบนเรือกำลังจะตาย ก่อนปิดท้ายด้วยคำว่า "ฉันตาย" และเมื่อคนในเรืออเมริกันได้รับข้อความนี้ต่างแล่นเรืออย่างรวดเร็วเพื่อ ช่วยเหลือหากแต่สิ่งที่พวกเขาเจอในเรือดังกล่าวก็ คือ ลูกเรือทั้งหมดและกัปตันเรือดังกล่าวตายหมดแล้วตาของพวกเขาเปิดโพลงใบหน้ามองแขนยื่นไปยังดวงอาทิตย์(บางคน เอามือชี้ไปยังสิ่งที่มองไม่เห็น)และใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด
แม้แต่สุนัขบนเรือก็ตายโดยสภาพเหมือนกับว่ามองเห็นศัตรูที่มองไม่เห็น บางอย่าง ระหว่างเรืออเมริกันกำลังลากเรือลำนี้นั้นก็ได้เกิดไฟลึกลับ ทำให้ต้องตัดลวดที่ล่ามกับเรือนี้ออก และเรือเจ้าปัญหาก็เกิดระเบิดขึ้นและจมหายไปในท้องทะเลในที่สุด ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้ยังเป็นปริศนาที่หาข้อสรุปไม่ได้ บางคนบอกว่าเรืออาจถูกโจมตีโดยยูเอฟโอหรือพื้นที่สามเหลี่ยมอาถรรพณ์ แต่คนไม่เชื่อก็บอกว่าอาจเกิดพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ หรือเรืออาจบรรทุกสินค้าวัสดุอันตรายต้องห้ามที่ผิดกฎหมายจำพวกพิษที่ทำให้ หายใจไม่ออกและเกิดรั่วขึ้น แต่จนถึงทุกวันนี้เรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือ และลูกเรือทั้งหมดของเรือยังคงลึกลับ



อันดับ 7 Carroll A.Deering

เป็นชื่อเรือ ของเรือใบซคูเนอร์ ซึ่งถูกดัดแปลงเป็นเรือพาณิชย์ และถูกพบเกย์ตื้นในแหลม Hatteras ทางทิศเหนือของคาโรไรน่า เมื่อปี 1921หลังจากที่เดินทางขนส่งถ่านหินไปทวีปอเมริกาใต้ที่รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิลเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 1920 ก่อนที่จะหายไปและปรากฏตัวเมื่อ 31 มกราคม 1921 ที่แหลมดังกล่าว จากการตรวจสอบพบว่าลูกเรือบนเรือหายตัวไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอย อุปกรณ์หลายชิ้นบนเรือยังใช้ได้
แต่อุปกรณ์นำทางและสมุดจดรายการต่างๆ หายไป ในห้องครัวของเรือปรากฏว่าอาหารบางอย่างได้ถูกเตรียมไว้สำหรับมื้ออาหารในวัน ถัดไปแต่ถูกยกเลิกกลางคันเสียก่อน สุดท้ายเรือลำนี้ก็ถูกปลดและถูกทำลายโดยระเบิดเพื่อป้องกันในการนำมันมาใช้ งานอีกครั้ง แต่ปริศนาคนหายในเรือนี้ยังถูกกล่าวขานต่อไปหลายคนเชื่อว่าและลูกเรือลำนี้ เป็นเหยื่อของสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เมื่อวันที่ 11 เมษายน 1921 มีคนชื่อเกรย์ได้อ้างว่าพบข้อความในขวดลอยน้ำที่ข้อความที่เชื่อว่าเป็นข้อ ความที่จะไขปริศนาเรือนี้ได้ โดยข้อความนี้เป็นอักษรสีเทาที่เขียนว่า "DEERING CAPTURED BY OIL BURNING BOAT SOMETHING LIKE CHASER. TAKING OFF EVERYTHING HANDCUFFING CREW. CREW HIDING ALL OVER SHIP NO CHANCE TO MAKE ESCAPE. FINDER PLEASE NOTIFY HEADQUARTERS DEERING."



อันดับ 6 The Baychimo

หนึ่งในกรณีที่ น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดเกี่ยวกับเรือผีของจริง ก็คือกรณีเรือสินค้าเดินสมุทรลำหนึ่งชื่อ "เบย์ชิโม่" ที่ถูกทิ้งจนเป็นเรือร้าง แต่มันสามารถลอยทะเล ท่องมหาสมุทรแถวอลาสก้ากว่า 38 ปีโดยไม่มีกัปตันและลูกเรือขับมันเลยแม้แต่คนเดียว โดยเรือลำดังกล่าวเป็นของบริษัทฮัดสันส์เบย์ สร้างขึ้นใน 1914 เรือขนส่งสินค้าบนเส้นทางระหว่างแคนาดาและอลาสกา ดังนั้นเรือนี้จึงออกแบบแข็งแกร่งเป็นพิเศษเพื่อทนต่อสภาพอากาศและสภาพท้อง ทะเลแถบขั้วโลกเหนือที่เต็มไปด้วยก้อนน้ำแข็ง จนกระทั้งในปี 1931 เรือเบย์ชิโม่ก็ถูกขังอยู่ในก้อนน้ำแข็งใกล้อลาสก้าและหลังจากพยายามและหา วิธีมากมายในการแก้ปัญหานี้ แต่ปรากฏว่าล้มเหลว กัปตันและลูกเรือจึงต้องออกจากพื้นที่ ที่เรืออยู่เพื่อความปลอดภัยหลังจากเกิดพายุหิมะ
จากนั้นเวลาต่อมาเรือก็ถูกทิ้ง และเมื่อคนของบริษัทกลับมาดูอีกทีก็พบว่ามันหายไป คาดว่ามันคงจมสู่ก้นทะเลไปแล้ว หากแต่ว่ามันกลับเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องลึกลับในเวลาต่อมา เมื่อมีคนเห็นเรือเบย์ชิโม่ลอยไปมารอบๆ อลาสก้าหลายครั้งและหายไปทุกครั้งอย่างไร้ร่องรอยเมื่อทีมกู้เรือมาถึง และหลายครั้งที่หลายคนเห็นมันติดผืนน้ำแข็งก่อนที่จะหายไปเมื่อละสายตา จนมันถูกเรียกขานว่า "เรือปีศาจแห่งอาร์กติก" และครั้งสุดท้ายที่มันปรากฏคือปี 1969 ในสภาพที่มันกำลังหลุดออกจากผืนน้ำแข็งอลาสก้า และมันหายไปตลอดกาล จวบจนปัจจุบันไม่มีใครรู้ว่าเรือเบย์ชิโม่หายไปไหน หลายฝ่ายเชื่อว่ามันคงจมอยู่ใต้ท้องทะเลเพราะหมดสภาพ หรือมันยังคงล่องลอยอยู่ในทะเลน้ำแข็งแถบขั้วโลกเหนืออยู่ไม่ได้ไปไหน



อันดับ 5 Octavius

ตำนานออคตา เวียคนั้นไม่สามารถยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ หากแต่เรื่องราวของเรือดังกล่าวได้เล่าขานจนมีชื่อเสียงไม่แพ้เรือผีทุก เรื่องในเรื่องโชคชะตากรรมที่น่าสยดสยองของลูกเรือในลำดังกล่าว ที่เต็มไปด้วยเรื่องลี้ลับเป็นอย่างยิ่ง โดยตำนานนี้ได้อ้างว่าในปี 1775 เรือล่าวาฬลำหนึ่งชื่อเฮราลด์ ได้สะดุดพบเรือออคตาเวียสเข้าโดยบังเอิญนอกชายฝั่งกรีนแลนด์ในสภาพจับตัว เป็นน้ำแข็งไม่สามารถไปไหนได้ โดยเรือลำนี้เป็นเรือที่ออกจากประเทศอังกฤษเมื่อปี 1761 และหายสาบสูญไปถึง 13 ปี แต่ตอนนี้มันปรากฏขึ้นมาอีกครั้งต่อหน้าลูกเรือเฮราลด์ ซึ่งกัปตันและลูกเรือเฮราลด์ได้ไปสำรวจเรือดังกล่าวก็พบร่างของลูกเรือนอน ตายอยู่ที่นอนคลุมร่างกายไว้ด้วยผ้าห่มหนา ร่างกายถูกแช่แข็งเหมือนอยู่ในสภาพที่เย็นจัด
นอกจากนี้ยังพบเด็กผู้หญิงที่ตายคลุมด้วยผ้าห่มเหมือนลูกเรือเช่นกัน ส่วนกัปตันเรือตายในลักษณะนั่งคว่ำหน้าทับสมุดบันทึกเดินเรืออยู่ ในมือถือปากกาเหมือนจะเขียนอะไรบางอย่าง มีกองไม้ที่ถูกเหลาไว้แสดงให้เห็นถึงความพยายามเป็นครั้งสุดท้ายที่จะจุดไฟ แต่ก็หมดหวัง เมื่อพวกเขาอ่านบันทึกเรือก็ตกใจมากเพราะว่าบันทึกดังกล่าวบอกว่าเรือนั้น เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งในขณะที่เรืออยู่ตอนเหนือของอลาสก้า เมื่อเดือน พฤศจิกายน ค.ศ.1762 แสดงให้เห็นว่าเรือนี้หายสาปสูญและเดินทางอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายมานานถึง 13 ปี มันสามารถแล่นเรือได้อย่างไรในเมื่อลูกเรือทั้งลำตายหมดแล้วนอกเสียจากลูก เรือกับกัปตันเป็นผี ก่อนที่เรือจะหยุดลงเพราะติดน้ำแข็งที่เกาะกรีนแลนด์ดังกล่าว และทุกวันนี้ไม่มีใครรู้เส้นทางเดินเรือที่แท้จริงของเรือที่เผชิญโศก นาฏกรรมดังกล่าวเลย



อันดับ 4 The Joyita

เป็นชื่อเรือ ยอชท์ ยาวกว่า 21 เมตร ถูกสร้างในปี 1931 และผ่านมือมาหลายคน จนกระทั้งถูกทำให้กลายเป็นเรือประมง เช่าเหมาลำในที่สุด และเรื่องราวลึกลับก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อ 3 ตุลาคม ในปี 1955 เมื่อเรือบรรทุกผู้โดยสารกว่า 25 ชีวิต บนเรือนี้ได้หายไปอย่างลึกลับในแปซิฟิกใต้ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ 5.00น.เรือได้ออกเดินทางจากท่าเรือไปยังหมู่เกาะโตเกลา(ระยะห่างกว่า 430 เมตร) บนเรือประกอบด้วยเจ้าของเรือ พร้อมลูกเรือ 16 คนและผู้โดยสาร 9 คน(หนึ่งในนั้นมีศัลยแพทย์ชื่อดังชื่อ อัลเฟรด "แอนดี้" เดนิส พาร์สัน รวมอยู่ด้วย)
ต่อมา 6 ตุลาคมเรือก็ถูกระบุว่าค้างหนี้ชำระ แต่กระนั้นมันก็ได้หายไปโดยไม่มีการติดต่ออีกเลย ทำให้มีการค้นหาทางอากาศครั้งใหญ่ครอบคลุมพื้นที่น่าจะเป็นไปได้ถึง 260,000 ตารางกิโลเมตรในมหาสมุทร แต่ไม่พบเรือดังกล่าวเลย จนกระทั้งห้าสัปดาห์ต่อมา(10 พฤศจิกายน) เรือก็ถูกพบแถวเส้นทางเดินเรือจากซูวาไปฟูนะฟูตี ในสภาพจมเป็นบางส่วนและเครื่องยนต์หลายเครื่องเกิดความเสียหาย และไม่มีร่องรอยเกี่ยวกับผู้โดยสารหรือลูกเรือ สินค้าหนักกว่าสี่ตันได้หายไป
ส่วนหลักฐานที่น่าสนใจบนเรือก็มีนาฬิกาบอกเวลาที่หยุดเมื่อ 10.25น. แสดงให้เห็นว่าเป็นเวลาที่เกิดเหตุและน่าจะเป็นตอนกลางคืน วิทยุเรือถูกปรับเพื่อขอความช่วยเหลือสากล และมีการพบกระเป๋าแพทย์บนด่านฟ้าข้างในมีผ้าพันแผลและมีดผ่าตัดที่เปื้อน เลือด เรื่องราวของเรือลำนี้ยังคงความลึกลับถึงปัจจุบัน โดยทฤษฏีที่นิยมมากที่สุดคือโจรสลัดฆ่าและร่างกายของพวกลูกเรือถูกโยนลงน้ำ หรือไม่ก็ถูกลักพาตัว หรือโกงเงินประกันภัย



อันดับ 3 The Lady Lovibond

ในประเทศอังกฤษ มีตำนานอันยาวนานเกี่ยวกับเรือผี ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เรือเลดี้ โลวี่บันด์ ซึ่งเป็นเรือใบสกูเนอร์ ผีที่มีชื่อเสียงมากที่สุด โดยเรื่องราวของเรือนี้เริ่มขึ้นในเดือน 13 กุมภาพันธ์ 1748 กัปตันเรือเลดี้ โลวี่บันด์ ชื่อไซม่อน พีล (Simon Peel) ได้ตัดสินใจเอาเรือออกมาเฉลิมฉลองงานแต่งงานของเขาที่นอกชายฝั่งอังกฤษ โดยความเชื่อดั้งเดิมนั้นหากเรานำผู้หญิงขึ้นเรือไปด้วยจะนำความหายนะสู่เรือ นั้นๆ และปรากฏว่าเป็นเช่นนี้จริง
เมื่อต้นหนประจำเรือคนหนึ่งเกิดไปหลงรักภรรยาของกัปตันเรือไซม่อนเข้า ทำให้เขาเกิดความริษยา ความโกรธและความหึงหวง และในวันนั้นเองในขณะที่กัปตันหนุ่มและแขกกำลังฉลองการแต่งงานที่ด่านฟ้า ต้นหนเรือได้บังคับเรือเลดี้ โลวี่บันด์ให้เป็นเรือมฤตยู ผลสุดท้ายเรือก็เกิดอุบัติเหตุที่แหลมกู๊ดวินด์ทางชายฝั่งตะวันออกเฉียง เหนือของอังกฤษ ทุกคนบนเรือตายเกลี้ยง หลังจากนั้นเป็นต้นมาในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ เมื่อเวลาผ่านไปทุกสิบห้าปี เรือเลดี้ โลวี่บันด์จะปรากฏตัวในฐานะเรือผี ครั้งแรกปรากฏในปี 1798 ต่อมา 1848, 1898, 1948 ในลักษณะแตกต่างกันออกไป เช่นเรือในรูปซากปรักหักพังหรือแสงสีเขียวประหลาด อย่างไรก็ตามในมันไม่ได้ปรากฏครั้งล่าสุดในปี 1998 แต่กระนั้นมันก็ยังเป็นตำนานที่มีชื่อเสียงของเรือผียุโรปอยู่ดี



อันดับ 2 Mary Celeste
ปริศนาเรือแม รี่ เซเลสต์ยังเป็นปริศนาที่มีชื่อเสียงจนถึงปัจจุบัน โดยเรื่องเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1872 เมื่อเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติอังกฤษชื่อ เดอี กราเซีย เห็นเรือแมรี่ เซเลสต์ เรือใบสองเสาขนาด 100 ฟุตลำหนึ่งที่ร้างคนและลอยอย่างไม่มีจุดมุ่งหมายกลางทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก ตอนเหนือ ระหว่างประเทศโปตุเกสกับหมู่เกาะอะซอเรส
ซึ่งเรือดังกล่าวแล่นจากนิวยอร์คสู่เจนัวในวันที่ 7 พฤศจิกายน โดยสมาชิกเรือประกอบด้วยกัปตันบริกก์ ภรรยาซาราห์ ลูกสาวโซเฟีย และลูกเรือ รวมเป็น 11 คน ในเวลาต่อมาก็มีการสำรวจเรือแมรี่ เซเลเลสต์ ก็พบว่าไม่มีร่องรอยคนอยู่บนเรืออยู่เลย อีกทั้งสภาพในเรือก็น่าพิศวงเพราะทุกอย่างบนเรืออยู่ในสภาพที่ราวกับว่าเพิ่งมีคนอยู่ที่นั่น จนถึงเมื่อครู่ ที่โต๊ะอาหารว่างของกัปตันยังพบร่องรอยไข่ลวกกระเทาะเปลือกทิ้งไว้โดยไม่ตัก รับปะทาน ขนมปังและจานซุปยังวางอยู่บนโต๊ะ ไปป์ถูกวางไว้รอจุดไฟ รองเท้าบู้ธถูกวางทิ้งทั้งๆที่ยังขัดค้างไว้อยู่ สมุดโน้ตภรรยาเปิดคาเหมือนยังเล่นค้างอยู่ รูปการบ่งบอกชัดเจนว่าสละเรือเป็นไปอย่างเร่งรีบโดยไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน
นอกจากนั้นสภาพห้องของเรือส่วนใหญ่ถูกรื้อกระจุยกระจาย ของหลายชิ้นตกแตกเต็มพื้นเหมือนมีเหตุต่อสู้กันบนเรือ แต่กระนั้นสินค้าที่เป็นสุรายังอยู่ปกติ(ปริมาณกว่า 1,500 บาร์เรล) บันทึกเดินเรือถูกฉีกขาดไปหลายหน้า แต่ก็ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นว่าคนทั้ง 10 หายไปไหนและหายไปได้อย่างไรกัน และที่น่าตกใจก็คือวันสุดท้ายที่มีการบันทึกคือวันที่ 25 พฤศจิกายน หรือประมาณ 10 วันมาแล้ว หากตำแหน่งเรือปัจจุบันจะพบว่าเรือแมรี่ เซเลสต์ กางใบแล่นมาโดยปราศจากคนบังคับเกือบ 100 ไมล์
มีหลายทฤษฏีที่อธิบายเรื่องลึกลับที่เกิดขึ้นกับเรือแมรี่ เซเลสต์ คนบนเรือถูกฆ่าโดยโจรสลัด หรือได้รับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อราจนประสาทหลอนและเสียสติ หรือเกิดจากผีและสัตว์จากจากทะเล หรือมนุษย์ต่างดาวลักพาตัว แต่ทฤษฏีที่หลายคนยอมรับมากที่สุดคือเรือแมรี่ เซเลสต์เผชิญกับพายุหรือคลื่นลมแรง ทุกคนเลยสละเรือและต่อมาก็เสียชีวิตในทะเลทั้งหมด แต่ข้อสันนิษฐานนี้ก็ไม่สามารถไขปริศนาของมันได้จนเรือถูกขายต่อไป และท้ายที่สุด มันก็ถูกจมทิ้งเพื่อหวังเงินประกันใกล้ๆ เกาะเฮติ ในปี 1884 จนกลายเป็นปริศนาที่ไขไม่ออกจนถึงปัจจุบัน



อันดับ 1 Flying Dutchman

คงไม่มีเรือ ผีที่ไหนแล้วที่ยิ่งใหญ่ไปกว่า "เรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมน" ที่ออกหลอกหลอนแก่คนในน่านน้ำทั่วโลกและได้เป็นแรงบันดาลใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพวาด นิยายสยองขวัญ ภาพยนตร์ รวมทั้งเป็นชื่อเรือโจรสลัดลำหนึ่งในภาพยนตร์ชุด ไพเรทส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียน และแม้กระทั้งโอเปร่าโดยเรือลำนี้ถูกกล่าวถึงครั้งแรกปลายปี 1700 ในหนังสือ "Voyage" และได้รับความนิยมในยุคนั้นและจากนั้นเป็นต้นมาตำนานนี้ก็แพร่หลายไปทั่วโลก โดยตำนานมีอยู่ว่ากัปตันชาวดัตช์คนหนึ่งชื่อ แวน แดร์ เดคเคน (Van Der Decken) ได้นำเรือไปพบสภาพอากาศที่เลวร้ายในแหลมกู๊ด โฮป ประเทศแอฟริกาใต้ เขาพยายามนำเรือผ่าพายุนี้แต่ไม่เป็นผลจนเรือใกล้อัปปาง
ซึ่งเขาโกรธมากเขาเลยสาบานแก่ฟ้าว่า "ข้าจะวนเวียนอยู่บริเวณแหลมนี้ ตราบฟ้าดินสลาย" และแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาและเรือได้กลายเป็นปีศาจที่ต้องคำสาปให้เดินทางในมหาสมุทรชั่วกัลปาวสาน ไม่สามารถเดินทางกลับบ้านได้ ตราบโลกนี้สิ้นสลาย ฟลายอิ้ง ดัตช์แมนได้รับการบันทึกเป็นเอกสารมาตั้งแต่คริสต์สตวรรษที่ 17 และมีรายงานการพบเห็นเป็นครั้งคราวมาจนถึงคริสต์สตวรรษที่ 20 เรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนมักปรากฏตัวในคืนที่มีหมอกหนาทึบ บางครั้งพบเห็นเป็นแสงประหลาดในเวลากลางคืน ในรูปของเรือสำเภาสามใบเสา และกัปตันผู้ซึ่งยังแต่งกายในแบบศตวรรษเก่าใบหน้าของเขาบิดเบี้ยว กรีดเสียงหัวเราะบ้าคลั่งชวนขนลุก
หลายคนเริ่มมีความเชื่อว่าหายนะมักจะตามมาหากใครที่ได้เห็นเรือลำนี้ เช่น ในปี ค.ศ.1881 คนประจำเรือของพระเจ้าจอร์จที่ 5 ได้เห็นเรือลำใหญ่ลึกลับปรากฏขึ้นทางด้านหัวเรือเมื่อเวลา 4.00น. และหลังจากนั้นไม่กี่วัน คนประจำเรือคนนั้นก็พลัดตกเสากระโดงเรือตายคาที่ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนกล่าวอ้างอยู่เสมอว่าเห็นเรือฟลายอิ้ง ดัทช์แมนยังคงรอนแรมอยู่เดียวดายกลางทะเลด้วยรูปลักษณ์อันเศร้าโศกและสยด สยองอยู่ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ได้คำอธิบายปรากฏการณ์ฟลายอิงดัตช์แมน ว่าเป็นปรากฏการณ์ทางแสงที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เป็นมิราจหรือฟาตา มอร์กานา ที่เกิดจากการหักเห และการสะท้อน ที่พบเห็นในทะเล

ขออภัย! โพสต์นี้มีไฟล์แนบหรือรูปภาพที่ไม่ได้รับอนุญาตให้คุณเข้าถึง

คุณต้อง เข้าสู่ระบบ เพื่อดาวน์โหลดไฟล์นี้ หากยังไม่มีบัญชี กรุณา สมัครเข้าเรียน

×

คะแนน

จำนวนผู้เข้าร่วม 1พลังน้ำใจ +30 Zenny +500 ย่อ เหตุผล
ภูตะวัน + 30 + 500

ดูบันทึกคะแนน

 นักศึกษาภาคพิเศษ (M.D.A)
ปริญญากิตติมศักดิ์

สมาชิกจีโฟกาย 100%สมาชิกระดับเพชรคู่สมาชิกระดับแพลตตินั่มสมาชิกระดับทับทิมสมาชิกระดับไพลินสมาชิกระดับตรีเพชรสมาชิกระดับเพชรสมาชิกระดับมรกตสมาชิกระดับเพชรบริหารสมาชิกระดับมงกุฎ

โพสต์ 2011-5-4 12:41:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
การที่เราจะรักใครใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต ...

รุ่นน้องจูเนียร์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
176
Zenny
1992
ออนไลน์
22 ชั่วโมง
โพสต์ 2011-5-13 17:09:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ชอบแนวผีเรืออ่ะครับ  หลอนดี อิอิ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-12-22 21:33 , Processed in 0.102175 second(s), 31 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้