ผมกลับมาเพลียมากเอาจริง ๆ ยังไงก็เสียแรงกว่าชักว่าวอยู่แล้ว พี่วินรับเงินค่ารถผมแล้วก็เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมขึ้นห้องมา ก็ล้มตัวลงนอน แล้วก็หลับชายคนนั้นกลับมาอีกแล้ว แต่คราวนี้ เราคุยกันในห้องของผม เขายังเปลือยเปล่า “คุณเป็นใคร” ผมถามในความฝัน“ข้าคือคนที่เจ้าพามา” “พามา ผมพาคุณมาตอนไหน” ผมยิ่งสงสัย “เจ้าพาข้ามาเจ้าพาข้ามา ฮ่า ๆ ๆ ๆ”เสียงหัวเราะดังก้องห้อง ผมตกใจตื่นเก้าอี้พี่ผมพาดเสื้อตัวที่ผมใส่ไว้ เลื่อนไปมาโดยไม่มีอะไรมาโดนเลื่อนไปมาแล้วเสื้อที่ผมพาดไว้ก็ปลิวจากเก้าอี้ตกลงมาที่เตียงหน้าตัวผม ผมตกใจแน่พอตั้งสติได้ ผมเรียบเรียงลำดับเรื่องราว ฝันกับเรื่องที่เห็นเมื่อกี้ต้องมีอะไรเกี่ยวกันแน่ ผมสำรวจดูเสื้อ กระเป๋าเสื้อผม มีเครื่องรางชิ้นนั้นอยู่ผมจับขึ้นมา มันร้อนมาก ร้อนจนจับไม่ได้ ผมปล่อยมันลงบนเตียง แล้วก็จับขึ้นมาดูอีกครั้งเรื่องทั้งหมด มันต้องเกิดจากสิ่งนี้แน่ ๆ ผมคิดถึงตาแก่ที่ขายผมมาเย็นนี้มีตลาดนัดนั้น ผมต้องไปให้ได้ ... เย็นวันนั้น ผมไปที่ตลาดนัดที่เดิม ผมหาไม่เจอตาแก่คนนั้นแล้ว ผมเดินจนทั่ว ถามคนแถวนั้นก็ไม่เคยเห็นผมเดินหาจนเหนื่อย กำลังจะเดินไปขึ้นมอไซด์กลับ ที่มุมตึกมุมหนึ่งผมเห็นชายแก่คนนั้น กำลังเดินลับเข้าไปในซอย ผมวิ่งตามไป ซอยมึด มันเป็นซอกตึกมากกว่าซอย “ตา ๆหยุดก่อน” ผมตะโกนเรียก ชายคนนั้นหยุด หันหน้ามาช้า ๆแต่ความมืดทำให้เห็นหน้าแกไม่ชัดอยู่ดี “ผมจะ...” “พ่อหนุ่ม ของเขาเลือกเจ้า เจ้าขัดขืนไม่ได้”“ของ?ของอะไร มันคืออะไร” ผมยิงคำถาม ตาแก่เดินเข้ามาใกล้ ยื่นกำมือมาหาผมและส่งให้ผมในกำมือ ผมก้มหน้า แบมือ มันเป็นกระดาษ ผมเงยหน้าอีกทีตาแก่คนนั้นหายไปแล้ว ผมเดินออกมาจากซอย กลับบ้านพร้อมกระดาษใบนั้น ผมเปิดอ่านมันเขียนว่า หลังวัด.... ผมเปิดgoogle หาชื่อวัดทันทีมันเป็นวัดในจังหวัดหนึ่ง ที่ไปจากกรุงเทพไม่ไกล แน่นอน ผมไปแน่ พรุ่งนี้ พรุ่งนี้ คืนนี้ ผมก็ตั้งตัว รับกับฝันและชายในฝัน คนนั้น แต่แปลก วันนี้กลับเห็นเขายืนอยู่ตรงที่ผมวางเครื่องรางเอาไว้ แล้วหัวเราะ ดังลั่น วันรุ่งขึ้น ผมยืมรถเพื่อนไปวัดนั้นพร้อมของชิ้นนั้น ผมจอดรถที่วัด แล้วก็เดิน ไป วัดทั้งวัดเงียบมากพระผมยังไม่เห็นเลย อาจเป็นเพราะ เป็นวัดเล็ก ๆ กระดาษเขียนว่าหลังวัดผมตัดสินใจอยู่อึดใจหนึ่ง กลัวว่าจะเจอปล้น เพราะมันเปลี่ยวมาก แต่ถึงนี่แล้วเป็นไงเป็นกัน ผมก็เลยเดินลัดเลาะตามเมรุเผาศพ ไปทางป่ารกร้าง ทีแรกมันก็ไม่เห็นมีอะไร ผมกำลังจะหันหลังกลับ แต่ตาผมก็ไปเห็นทางเดินเข้าไปในป่ารกร้างเอาวะ ผมค่อย ๆ เดินเข้าไป พร้อมเอาท่อนไม้ แถว ๆ นั้นติดมือไปด้วยเดินเข้าไปสักพัก เข้าไปจนกลัว ทางเดินไปสิ้นสุดที่ลานกว้าง มีบ้านไม้สองชั้นอยู่หลังหนึ่งสภาพเก่า แต่พออยู่ได้ คงเป็นที่นี่แหละที่ผมจะสามารถตอบคำถามทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับผม ผมเดินขึ้นไปบนบ้านช้า ๆจนถึงข้างบน ประตูเปิดออก ชายอายุประมาณห้าสิบกว่า สามคน ใส่ชุดสีขาวเหมือนคนทรงนั่งอยู่คนละมุมบ้าน “เข้ามาสิ”เสียงทุ้มต่ำของคนที่นั่งอยู่ตรงกลาง เรียกผม“ข้ารู้ ว่าเจ้ามาทำไม”อีกคนพูดบ้าง “นั่งลงก่อน” ผมทำตามอย่างว่าง่าย แถมพนมมือไหว้ทั้งสาม “เจ้าจะมาถาม เรื่องของที่เจ้าได้มาใช่ไหม”ชายคนกลางถาม “ครับมันคืออะไรครับ”ผมได้คำตอบแล้ว “ก่อนเจ้าจะรู้ เจ้าก็ได้ใช้มันแล้วไม่ใช่เหรอ”เขาถาม“ครับ” “เจ้ายินดีใช้หรือไม่” ผมนึกย้อนถึง สิ่งที่ผมเจอ มีก็ดีนะ สนุกแน่ ๆผมคิดแค่นั้น “หากเจ้ายินดีที่จะมี เอาเชือกเส้นนี้ ผูกกับเครื่องรางนั่นแล้วคล้องคอ”เขายื่นเชือกเส้นเล็ก ๆ มาให้ผม ผมรับแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมากร้อยของสิ่งนั้น แล้วก็เอาเชือกเส้นนั้นมาผูกที่คอ เหมือนสร้อยพอผูกเสร็จผมรู้สึกว่ามันร้อนขึ้น แล้ว ผมหาปมเชือกที่ผูกนั้นไม่เจอ“เจ้าอยากรู้อะไร จงถามมา”ชายคนกลางถาม “มันคืออะไรครับ” “มันคือ โหงพรายโบราณ”ผมเคยรู้จักมาบ้างว่า มันเป็นเครื่องรางที่สะกดวิญญาณผีไว้ใช้งาน “ดีสิครับ”ผมกระหยิ่มเจอของดีเข้าแล้ว “แต่” อ้าว แต่อะไรวะ “โหงพรายตัวนี้ มันฤทธิ์มาก จนเป็นปีศาจจะใช้มันได้ก็ต้องมีสิ่งที่ต้องแลก...” อ้าวแลกอะไรวะ “อย่างแรกเจ้าจะถอดมันไม่ออกอีก จนกว่าจะมีคนแทน และโหงมันเลือกคนแทน” “สบายครับ” “สองพวกข้าต้องทำพิธีให้เจ้า เพื่อจะได้ควบคุมมันได้” “พีธีอะไรครับ” “ไม่ต้องถามอยากทำก็ต้องทำเลย” ถึงขั้นนี้แล้ว อะไรก็ได้แล้ว “ได้ งั้นผมทำ” “ดีงั้นไปเปลี่ยนชุด” สามคนนั่นลุกขึ้นพร้อมกัน คนหนึ่งเดินเอาผ้าขาวมาให้ผมมันเป็นผ้าขาว สั้นเหนือเขา บางๆ พอพันรอบเอวได้ ผมถอดเสื้อผ้า เปลี่ยนชุดออกหมด เหลือผ้าผืนนั้นผืนเดียว พิธีเตรียมไว้แล้วมันมีเทียนวางรอบเสื่อ ชายสามคน เปลี่ยนเป็นการนุ่งโจงกระเบนสีขาว ไม่ใส่เสื้อเขาให้ผมนอนลงบนเสื่อ แล้วเอาผ้ามาคลุมหน้าอีกผืนหนึ่ง “เกิดอะไรขึ้น ห้ามหยุด มิฉะนั้นปีศาจตนนั้นจะมาเอาชีวิตเจ้านะ”คนหนึ่งบอกผมหลังจากนอนคลุมผ้า เสียงสวดพึมพำเริ่มขึ้น สักพักผมรู้สึกว่า ผ้าที่ผมนุ่งถูกดึงออก มีเมือกเย็น ๆ ไหลมาตามตัวผมเหมือนน้ำมันแต่มันเหนียวกว่า กลิ่นคละคลุ้งบอกไม่ถูก แต่เมือกนั้นกลับทำให้ผมเกิดมีอารมณ์มากขึ้น ท่อนของผมแข็งขึ้นจนปวด จากนั้นเริ่มมีมือมาละเลงน้ำมันนี้ไปทั่วตัวผมไม่เว้นแม้กระทั่งท่อนผมก็มีคนเอามาถูและชัก มันยิ่งทำให้ผมอยากจนปวดไปทั้งท่อน สักพักผมก็สะดุ้งเพราะมีความรู้สึกว่าโดนน้ำตาเทียนหยดทั่วตัว มันเจ็บแต่กลับเพิ่มความเสียวให้ผมมากขึ้นอีก ผมแทบทนไม่ไหวแล้วผมดิ้นไปเกรงตัวด้วยความเสียว ปากก็ร้องครางออกมาเบา ๆน้ำมันยังเทลงมาตรงหว่างขาผมไม่หยุดมันไหลลงไปนองง่ามก้นผม จากมือนวดผมรู้สึกถึงลิ้นสามลิ้น กำลังเลียไปทั่วตัวผม สลับกับการเป่า มันยิ่งเสียวใหญ่เลยตัวผมเกรงทั้งตัว ผมโดนจับถ่างขาออก ท่อนเอ็นแข็งขนาดใหญ่ สอดเข้ามาที่ประตูหลังผมผมกัดฟันแน่น มันใหญ่มาก เสียวมาก ทำให้ผมนึกถึงท่อนของคนในฝัน เขากดเข้ามาจนสุดแล้วกระแทกผมเป็นจังหวะ มันยิ่งเสียวเข้าไปใหญ่ ผมทนไม่ไหวแล้วน้ำแตกออกมาเต็มหน้าท้องตัวเอง ลิ้น สองลิ้นมาเลีย และละเลงไปทั่วตัวผมท่อนก็ยังกระแทกเร็วแรงขึ้น จนเขาเสร็จ ปล่อยน้ำออกมาเต็มรูผม มีคนจับเอวผมอยู่ในท่าหมา ท่อนที่สองสอดเข้าไปกระแทกไม่ยั้งคนที่สองนี่เอาแรงกว่าคนแรกอีก แปลกที่ท่อนผมก็แข็งขึ้นมาอีกแล้วและก็แตกเพราะโดนเอาอีกรอบ ผมแทบหมดแรง สุดเขาก็ปล่อยน้ำใส่ตัวผมอีกคนยังไม่ทันได้พัก อีกคนก็จับผมขึ้นคร่อม ขย่มตอ มันไม่มีอะไรจะเหลือแล้ว ผมขย่มต่อด้วยความเงี่ยนอีกครั้งมันไม่ไหวจริง ๆ ผมเสร็จเพราะขย่มตออีกรอบและตอที่ผมขย่มก็ปล่อยน้ำใส่ผมอีกรอบเหมือนกันพอน้ำที่สามเข้าตัวผมมีเสียงหัวเราะดังลั่นไม่มีที่มา ฟ้ามืดน่ากลัว ผมนอนหมดแรงบนเสื่อผืนเดิม มีคนเอาน้ำมนต์มาสาดผมอีกครั้งแล้วให้ผม ไปอาบน้ำแต่งตัวหลังบ้าน พอผมกลับมา ผมก็นั่งลงกลางบ้าน ทุกอย่างเหมือนตอนก่อนทำพิธี “อ้าว สองอย่างแล้วเหลืออย่างสุดท้าย” อะไรอีกวะเนี่ยผมคิด “เจ้าต้องบูชามันด้วยกามเจ้าต้องเสพกามให้มันที่อยู่กับเจ้าพอใจ หากเจ้าหยุด มันจะกลับมาฆ่าเจ้าเอง”เสียงสั่งคำสั่งสุดท้ายแล้วผมก็เหมือนวูบไม่ได้สติ พอลืมตาขึ้นมา บ้านหลังนั้น กลายเป็นบ้านร้าง ผมค่อย ๆเดินลงมา แล้วกลับไปตามทางถึงรถ แล้วขับรถกลับ ตอนนี้ ผมเหมือนทุกฝีก้าวผมไม่ได้มีผมคนเดียว
. N0 B5 K5 B+ z t- v |