.
.ตูดก็ยังกระเด้าเนิบๆ อยู่เนี่ยะนะ
ก่อนแกจะเอ่ยถามว่า "จะตายได้ยังไงล่ะ ก็มีเณรนันท์ และมีพี่คอยปกป้อง ต้าอยู่ทั้งคน ใครก็ไม่กล้าแกล้งหรือ ทำอะไร ต้าได้แน่ รับรอง พี่จะดูแลหนูสุดชีวิต " "ต้าไม่ได้กลัว พวกนั้นจะมารังแก ซะกะหน่อย... แต่กลัวพี่นี่แหละ จะเอาต้า ทั้งวัน ทั้งคืน ต้าตายแน่ " แกก็ไม่พูดอะไรได้แต่ยิ้มๆ ก่อนจะกระซิบข้างหู "ก็มีน้องชายน่ารัก และ เก่งอย่างนี้ จะไม่อยากให้เอา ทั้งวันได้ไง ใครได้ลองแล้วก็ติดใจทุกราย " พูดเสร็จแกเอามือ มาจับข้อพับขา ทั้งสองข้างผม ยกขึ้น ชี้กลางอากาศ แล้วก็แบะออกเหมือนกับจะสอน ท่ากายกรรมเลย ตูดผมก็ลอยเด่นขนหมอย บริเวณหัวหน่าวแก บดเสียดสี กับขอบตูดคันยิยๆไปหมด ปากรู ก็คงจะเปิดโล่ง อ้าแบบสะดวก โดยไม่มีอะไรมากีดขวาง อยู่ในระดับ ควยแกพอดี ขอบอกว่าควย แกเข้าลึกสุดๆ และ แกก็เร่งชนิด รัวถี่ยิบ ตูดเราก็ดันไปตอดขมิบ รัดควย พี่เขาอย่างอัตโนมัติ ถี่ยิบเช่นกัน ก่อนที่จะมีเสียงครางยาวเหมือน คนกินของเผ็ด ซี๊ดสสสส........ยาว ก่อนจะมีเสียงลอดออกจากปาก " โอ้ยยย ต้า... พี่ไม่ไหวแล้ว " และก็กด ควยแก เข้าสุดด้าม คาตูด กระตุกน้ำ หงึก ๆ ๆ ๆ ยาวหลายหงึกเข้าไปในตูด จนหมดไส้หมดพุง นอนหอบแน่นิ่ง ก่อนจะหันมาหอมแก้ม และ หน้าผาก อย่างเช่นทุกครั้ง พร้อมคำชมว่า " ต้าเก่งจัง " แต่โชคดีที่หลวงตาฟื้น แกหูตา ไม่ค่อยดี แกเลยไม่สนใจ ฉันอาหารแล้วก็จำวัด เหอ เหอ ผมก็จะย่องออกไปเข้าห้องน้ำ ไปเบ่ง เอาน้ำว่าว พี่เค้าออก มีเสียงตดคล้ายลม ออกมายาวเชียว เสร็จล้างตูดแล้ว ก็กลับหอตัวเอง **************************************************** วันที่ชะตาตูดจะขาด ให้เณรองค์อื่น ได้อัดตูดเรา ก็มาถึง เมื่อวันหนึ่งในวัดมีคน หาละครชาตรี มาแสดงแก้บน ให้กับหลวงพ่อใหญ่ในโบสถ์ ฟังจากที่เขาเล่ากันว่าหลวงพ่อใหญ่เนี่ยศักดิ์สิทธิ์ ใครบนอะไร มักจะสมหวัง เมื่อได้ในสิ่งที่ตนบน ตนสมหวัง ก็จะมาแก้บน และช่วงนั้นจะเป็นช่วงตรุษ ช่วงสงกรานต์ และ ใกล้วันพระใหญ่ด้วย ภายในวัดจึงค่อนข้างจะคึกคัก มีญาติโยมเข้าวัด มาสักการะหลวงพ่อใหญ่ กันเยอะพอสมควร ผมก็รู้สึกสนุกครึ้มอก ครึ้มใจ ตามประสาเด็กๆ และก็พลอยตื่นเต้น กับผู้คน ที่มาทำบุญในวัด พร้อมกับวันนี้จะมีละครชาตรี มาแก้บนด้วย จึงอยากจะไปดูเพราะเคยดูแต่ลิเก ที่แม่กับยายเคยพาไปดู แต่ละครชาตรียังไม่เคยดู จึงอยากจะรู้ว่า มันจะเหมือนกับลิเกมั้ย พระเณรส่วนใหญ่ก็จะง่วนอยู่กับการ จัดศาลา เตรียมพวกเสื่อปูนั่ง เตรียมไปขนลังขนตาเข่ง ที่บรรจุภาชนะ เช่นถ้วยโถ โอชาม สำหรับใส่กับข้าวและ ภัตตาหาร ไปขนเอาออกมาจากห้องเก็บของ เพราะพรุ่งนี้ จะมีการทำบุญใหญ่ที่วัด พระเณรที่บวชประจำ ก็จะมีหน้าที่ แยกงานกันทำ ตามความถนัด และตามที่ได้รับมอบหมาย จากหลวงพี่มหา ว่าใครต้องทำอะไร ยังไง ส่วนเณรบวชใหม่โดยเฉพาะตัวเล็กๆ อย่างผม ก็ไม่ได้ถูกมอบหมาย งานอะไรให้ทำเป็นพิเศษ ใครจะช่วย หรือ ไม่ช่วย ก็ไม่มีใครว่า ส่วนพี่นันท์และพี่ชิน ก็ง่วนกันอยู่บนศาลา พระเณร บางองค์ ก็ลงมาอยู่ในโบสถ์ เพื่ออำนวยความสะดวก ให้ญาติโยม เรื่องดอกไม้ธูปเทียน บูชาพระ ตรวจเช็ค กระดาษเซียมซี (คำทำนาย ที่แต่ละคน จะเสี่ยงทาย ได้เบอร์อะไรจากติ้ว ) ว่ามีจำนวนพอเพียง ครบทุกเบอร์ ไม่ขาดไม่หาย เดี๋ยวญาติโยมจะหงุดหงิด ถ้าใบทำนายหมด ฯ ส่วนผมก็เตร็ดเตร่อยู่แถวหน้าโบสถ์ ตามประสาเด็ก ที่กำลังตื่นเต้น ที่จะได้ดูละครชาตรี ที่จะมาทำการแสดง ไม่ห่างจากโบสถ์เท่าไร ถ้ายืนตรงกำแพงโบสถ์ก็สามารถดู ได้อย่างสบาย เพราะเป็นการแสดงกลางวัน ช่วงนั้นเป็นเวลาประมาณ11 โมงกว่าๆ (ตอนเช้า) หลังฉันเพลเสร็จ แสงแดดเริ่มจะแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะเป็นช่วงฤดูร้อน แถวหน้าโบสถ์ จะเป็นลานกว้างๆไม่มีหลังคา แดดจึงส่องตรง มาถึงบริเวณหน้าโบสถ์ และส่องโดนตัวผมเต็มๆ ขณะนั้นทางคณะละครชาตรี ก็จะเริ่มโหมโรง ซึ่งคล้ายกับลิเกก่อนที่จะเริ่มทำการแสดง เพื่อเรียกคนดู เสียงปี่พาทย์ระนาด ตะโพน กลอง และวงมโหรีเริ่มขึ้นแล้ว ยิ่งทำให้บรรยากาศดูคึกคักยิ่งนัก ขณะที่ผมกำลังยืนมองดูคณะละคร ที่กำลังพร้อม จะเปิดทำการแสดงเพลินๆอยู่นั้น พี่ชินก็เดินมาประกบข้างหลังผม เอามือสองข้างมาวางที่บ่าผมเบาๆ แล้วพูดว่า "ต้าทำไม ไม่ไปหลบ แถวในโบสถ์ มายืนตรงนี้ แดดส่อง เดี๋ยวไม่สบายนะ " ผมแหงนหน้ากลับขึ้นไปมองหน้าแก และส่ายหัวช้าๆ 2 - 3 รอบ ก่อนจะตอบว่า "ไม่เอาอ่ะ ต้าอยากดูละคร ไปอยู่ในโบสถ์ ก็มองไม่เห็นเซ่ะ " "ทำไมจะไม่เห็น พี่ยังมองเห็นเลย " "ก็พี่ตัวสูงอ่ะ ก็เห็นซิ ต้าตัวแค่เนี๊ย จะไปเห็นได้ยังไง กำแพงมันบังอ่ะ " "ต้า...ดื้ออีกแระน๊า ไม่น่ารักเลย เดี๋ยวไม่สบายนะ " ผมชักงอนนิดๆที่แกว่าผม ' ดื้อ ' ผมไม่ชอบ ให้ใครมาว่าว่าเป็นเด็กดื้อ ช่วงนั้นบังเอิญเป็นมุมที่ปลอดโปร่ง ญาติโยม ไม่ค่อยเดินผ่าน เลยหมั่นเขี้ยวกะจะแกล้งแก ก็เลยเอามือขวาอ้อม ไปด้านหลัง แล้วหงายฝ่ามือแล้ว ' บีบไข่ ' แกทั้งพวงทั้งไข่ทั้ง ควยแก โดนผม ' กำ ' ขยำๆเล่น แกสะดุ้ง โหย่งตูด หลบนิดนึงก่อนพูดว่า "อย่าเล่นซิ เดี๋ยวคนเห็น เดี๋ยวพี่ทำงานไม่ได้ " แกพูดแต่ ก็ไม่เอา ' ควย ' หลบ ผมก็ยังกำขยำๆ นึกแปลกใจนิดๆ ทุกทีแกจะไม่ยอม ให้ผมจับเล่น ในที่สาธารณะเด็ดขาดควยแกก็เริ่มแข็ง แต่แปลกมันไม่โด่งชี้ ที่สบง เหมือนวันก่อนๆอ่ะ แกก้มลงมากระซิบ" พี่มีกางเกงในใส่ใว้ กันมันแข็ง จะได้ไม่โด่ เดี๋ยวขายหน้า เพราะต้องทำงานนอกกุฏิทั้งวัน เลยวานให้ไอ้นุ ( เด็กวัด ) ไปซื้อกางเกงในมาให้เมื่อวานตอนเย็น "เป็นเณร เค้าห้ามนุ่งเกงใน ไม่ใช่หรอ " ? "ไม่ได้ถึงกับห้าม เพราะไม่มีศีล ข้อไหนบัญญัติไว้ มีเณรในวัด หลายองค์เขาก็นุ่งกัน" ผมก็นิ่งไม่ได้โต้ตอบแต่มือก็ยังคลำๆ พวงไข่แก ซึ่งบัดนี้มัน ' แข็ง ' เป็นหิน แก ' งัด ' เอา ' หัวควย ' แกแหงนขึ้น พาดไว้กับท้องน้อย เอียงไปทางขวา ผมกำควยแกเน้นๆเต็มกำมือ แบบหมั่นเขี้ยว ที่แกว่าผมเป็นเด็กดื้อ กะแกล้งแกด้วย "จะเลิกจับได้ยัง อายคน เดี๋ยวพี่ก็ทำงาน ไม่ได้กัน กว่าจะถึงเวลา 2 ทุ่ม (เวลาโดนกระหน่ำตูด ) พี่จะหมดความอดทนซะก่อน " "แล้ว จะทำมัย ถ้าหมดความอดทนอ่ะ " ผมต่อล้อต่อเถียง (ที่กล้าต่อกร ก็เพราะสนิทกัน และรู้ว่า แก ' แคร์ 'ผมมาก แหมดูไปก็ไม่ต่างอะไร กับผัวหนุ่มเมียเด็กอ่ะนะ มาถึงขั้นนี้แล้ว พูดก็พูดเถอะ ) "ถ้าหมดความอดทน ต้าก็จะต้อง ' เจ็บตัว ' ก่อน 2 ทุ่ม อ่ะเซ่ะ " "ฝันไปเหอะ อยากมาว่าต้า เป็นเด็กดื้อ ก่อนทำมัยล่ะ โกรธแล้วนะ " "ก็ ต้าไม่เชื่อพี่อ่ะ เป็นห่วง กลัวจะไม่สบาย เพราะแดดมันแรง เอ้าถ้างั้นพี่ขอโทษก็ได้ ต้า น่ารัก ต้าไม่ดื้อ " พี่ชินพูดเสร็จก็หันซ้าย หันขวา พอไม่เห็นมีคน ก็ก้มลงมาหอมแก้มฟอดใหญ่ ยาวๆหนึ่งที (เพราะช่วงนี้ คนหันไปสนใจ ละครชาตรี กันหมด บวกกับเสียงปี่พาทย์ที่ดังระงมไปทั่ววัด ทำให้ไม่มีใคร สนใจเราทั้งสอง อีกอย่างผมก็วางตัว เหมือนเด็กซื่อๆ แก่นๆ ใครก็ไม่คิดอกุศล กับเด็กอย่างผมแน่ ) ผมปล่อยมือจากควยแกผมหันไปมอง ตรงสบงที่แกนุ่ง
. |