.สักครู่ใหญ่ๆพี่นันท์ก็กลับมา พร้อมยาชุด ที่ร้านจัดให้
มีนมกล่องชนิดหวาน มา 2 แพ็ค พร้อมขนมปัง แบบมีใส้อีกครึ่งโหล พอแกมาถึงทั้งสองคนก็ช่วยกัน ประคองตัวให้ ผมลุกขึ้นเพื่อกินยา ก่อนกินยาพี่นันท์บอก ให้ผมกินอะไร รองท้องก่อน เดี๋ยวยากัดกระเพาะ เสร็จให้ดื่มนมให้หมดกล่อง แล้วให้ผมนอนพักยาวเลย ไม่ต้องกลัวเดี๋ยวต่อศีลเอา เพราะพระ - เณร ถ้าป่วย เขาอนุโลม ให้กินอาหารเย็นได้ หลังจากทำทุกอย่างที่พีนันท์บอก ผมก็ง่วง สงสัยยากำลังออกฤทธิ์ และก็หลับยาว แบบไม่รู้เรื่อง จนมาตื่นอีกที ก็เช้ามืด วันรุ่งขึ้นเลย ลืมตามาเห็นพี่นันท์กับพี่ชิน ห่มจีวรครบเครื่อง แต่ห่มเฉียง เหมือนกำลังจะไปขึ้นศาลาเพราะเป็นวันพระใหญ่ พระเณรทุกองค์ต้องขึ้น ยกเว้นป่วย "ต้าค่อยยังชั่วยัง อาการตอนนี้ เป็นไงบ้าง " ? พี่นันท์ถาม ผมพยักหน้าเป็นคำตอบ เสมือนหนึ่ง จะบอกว่า ดีขึ้นแต่ยังเพลียๆอยู่ "เดี๋ยวพวกพี่ ต้องไปขึ้นศาลา เพราะเป็นวันพระใหญ่ ต้าลุกขึ้นกินโจ๊กก่อน พี่วานนุมันไปซื้อมาให้แล้วกินยา เดี๋ยวถ้าเสร็จจากศาลา พวกพี่จะรีบกลับ มาดูแลต้านะ" ผมพยักหน้าช้าๆ พี่ทั้งสองก็เอามือมา อังหน้าผาก และ ลูบแก้ม ทั้งสองคน แล้วพูดว่า "ดีขึ้นมากแระ ดีกว่าเมื่อวานเยอะ คิดว่าไม่น่าเกินพรุ่งนี้ ก็จะหาย นะคนเก่งนะ" ผมยิ้มรับแหยๆแบบมันไม่มีแรงจะพูดอ่ะ แล้วทั้งหมดก็ไปขึ้นศาลา ผมก็นอนแกร่วคนเดียว หลับไปสักพัก พวกเขาก็กลับมาพร้อมให้พี่นุ ( เด็กวัด ) หิ้วถุงขนม ผลไม้มาเยอะแยะเลย ผมก็แค่ดูๆไม่ได้กินอะไรมากมาย เพราะมันยังไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น มันยังเพลียอยู่และ ก็ยังนอนพักที่เดิมอีกวัน เดินไปไหนไม่ค่อยไหว เวลาจะลุกเข้าห้องน้ำไม่พี่นันท์ ก็พี่ชิน คอยผลัดกัน พยุงตัวผมไป แล้วก็หมดไปอีกหนึ่งวัน.......... ============================================= รุ่งขึ้นเป็นวันที่3 ที่ผมป่วย แต่วันนี้อาการดีขึ้นมาก มากกว่าเมื่อวาน พูดคุยพอได้ขาดอย่างเดียวคือ ยังลุกไม่ค่อยได้ ถ้าลุกแล้วจะโงนเงน ช่วง3 วันที่ผ่านมา ทั้งพี่นันท์ และ พี่ชิน ผลัดกันป้อนข้าว ป้อนน้ำ เพราะผมไม่มีแรงจิงๆเข้าห้องน้ำ ก็ต้องมีคนพยุง วันนี้เป็นวันที่พระ - เณร จะต้องขึ้นศาลา หมดวัดอีก เป็นวันสุดท้าย นับว่าสิ้นสุดเทศกาลทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่ ภาวะปกติ ใครจะไปไหนมาไหน ไม่ต้องคอยกังวล "เดี๋ยวตอนฉันเพลเสร็จ ผมมีกิจนิมนต์ ต้องไปเทศน์ที่ วัดต่างอำเภอ คงจะกลับเย็นหรือ อาจจะค่ำ เพราะต้องไปเทศน์ ให้ญาติโยมที่นั่นฟัง ผมฝากดูแลเณรต้าด้วย คิดว่าเณรต้า อาการดีขึ้นมาก ถ้าได้พักวันนี้อีกซักวันเต็มๆ รับรองพรุ่งนี้ ก็วิ่งได้ " พี่นันท์หันไปพูดกับพี่ชิน "ไม่ต้องห่วง เณรไปเถอะ ทางนี้ผมจัดการเอง เพราะดูจากอาการแล้ว น่าจะเหลืออีกแค่ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ พรุ่งนี้น่าจะกลับมาเป็นปกติ " พูดเสร็จแกก็ขอตัวไปเตรียมตัว พูดถึงพี่นันท์นี่แกเป็นเณรที่ มีพรสวรรค์ ทางด้านการเทศน์ แกฝึกมาหลายปีแล้วจนชำนาญ ถ้าเปรียบเหมือนนักร้อง แกก็จัดอยู่ประเภทแถวหน้าคนหนึ่ง มีญาติโยมชอบกันเยอะ วันนี้หลังจากที่พระเณรฉันเพล บนศาลาเสร็จ ต่างคนต่างก็แยกย้าย กันไปทำธุระส่วนตัว ใครจะออกไปหาซื้อของใช้ส่วนตัว ในตลาดก็ไป ใครใคร่จำวัด ( นอน ) ก็ตามใจ แล้วแต่ว่า ใครจะเลือกทำอะไร ทุกคนอิสระเชิญตามสบาย บนหอรวมก็เหลือเณรไม่กี่องค์ หนึ่งในนั้นคือเณรหมิง ( สมิง ) (ซึ่งอีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นกิ๊ก โดยบังเอิญที่สุด คอยติดตามอย่ากระพริบตา) ส่วนพี่ชินเห็นว่าผมดีขึ้นมาก ก็ซักถาม ชวนผม พูดคุยบ้าง เนื่องจากแกเห็นว่าผมไม่ได้อาบน้ำมา 3 วันแล้ว จึงลองชวนผมลงไปอาบที่กุฏิแก ผมก็สั่นหัว บอกยังไม่ค่อยมีแรงเดิน ไว้พรุ่งนี้ก่อนค่อยไปแกก็ไม่ได้เซ้าซี้ คงกลัวผมงอน จึงไม่ว่า แกก็นอนอ่านหนังสือตามที่แกชอบ ไปเงียบๆ อย่างที่แกเคยทำ วันนี้หลังจากพระเณรฉันเพลแล้ว บนหอดูเงียบๆ อย่างที่บอกเหลือเณรบนหอ ไม่กี่องค์ แต่ก็หลับกันเป็นตาย เหมือนว่าเหนื่อยกับการเตรียม เรื่องบุญใหญ่ กันมาหลายวัน พองานเสร็จก็เพลียจึงหลับกัน บางคนกรน ซะดังเชียว พี่ชินเห็นว่าบ่าย2 กว่าๆแล้ว ก็เตรียมกาละมัง ผ้าชุบน้ำ เพื่อจะเช็ดตัวให้ผม ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่แกปฏิบัติมา ตลอดสามวันเต็มๆ ที่ผมป่วย หลังจากเตรียมอุปกรณ์สำหรับเช็ดตัวเสร็จ พี่ชินก็เริ่มใช้ผ้าชุบน้ำ บิดพอหมาดๆเข็ดบริเวณใบหน้า หู คอ หน้าอก ตามลำตัว แขนทั้งสองข้างรวมทั้งซอกจั๊กแร้ด้วย ขณะที่แกกำลังใช้ผ้าลูบไล้ ไปมาตามร่างกายผมนั้น ในความรู้สึกตอนนั้นมันดูอบอุ่น และสบายยังไงไม่รู้ เหมือนเราไม่ได้อยู่ห่างพ่อแม่เลย ทำให้หายคิดถึงบ้านไปได้มาก ที่ได้มาเจอพี่ชายที่น่ารักทั้งสองคน อย่างพี่ชิน กับพี่นันท์ พอเช็ดอวัยวะส่วนบนเสร็จก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นส่วนล่าง เริ่มจากปลายเท้าไล่ขึ้มาหน้าแข้ง และต้นขา ทั้งสองข้าง แกเอามือสอดเข้าไปในสบง ผมนอนมองหน้าแก ขณะแกเช็ดตัวให้ปล่อยให้แก เอามือล้วงเข้าไปเช็ด ข้างในสบง แกก็เช็ดแบบไม่ได้คิดอะไรคงเห็นว่าผม ไม่ได้อาบน้ำ มาหลายวันแล้วกลัวจู๋ผมเหม็น ก็เอาผ้าสอดเข้าไปเช็ดแบบเร็วๆ แถวบริเวณหัวหน่าว และจู๋ด้วย ช่วงนี้รู้สึกเขินนิดๆจะร้องห้าม ก็ไม่มีแรงจะพูด อีกอย่างก็ไม่จำเป็นต้องปิดต้องบังอะไร แกเห็นจนเบื่อแล้วช่วงที่ตอน ' เลิฟซีน ' กัน บางที่แกยังเคยเอามือขยำๆเล่นแบบหมั่นเขี้ยวเลย แต่แกไม่เคยมาดูดมาอม หรือพยายาม จะจับชักว่าวเหมือนเด็กชายคนอื่นๆ ที่โดนเกย์วัยรุ่นชำเรา ซึ่งเกย์วัยรุ่นเหล่านั้นบางคน ที่ชอบมีเพศสัมพันธ์กับเด็กๆ ส่วนใหญ่ขี้มักชอบให้เด็กเล่นเป็นพระเอก แล้วตัวเองสวมบทเป็นนางเอกซะเอง ก็เลยจะพิศวาสจู๋เด็กเป็นพิเศษ ทั้งหอม ทั้งจับทั้งดูด ทั้งคลึงทั้งเคล้น ตั้งแต่เด็กยังไม่มีน้ำจนได้กิน น้ำแรกของเด็ก ทำให้บางคนปลื้ม ถึงกับภูมิอกภูมิใจ ที่ได้เปิดบริสุทธิ์ เด็กเป็นคนแรก ซึ่งจะแตกต่างกับเรื่องราว หรือ ประสบการณ์ เซ็กส์ของผม ที่ได้พบเจอมาโดยสิ้นเชิง ผู้ชายของผมไม่เคยมีใคร มาคลั่งไคล้ ' จู๋ ' ผมเลย มีแต่คลั่งไคล้ ' ตูด ' กับ ' ปากน้อยๆ ' และมือของผม (เพราะมือเด็กๆ มันจะเล็ก และนิ่มไม่สาก เวลาจับควยชักว่าวให้พวกเค้า มันจะกระชับ และนุ่มกว่ามือผู้ใหญ่ ซึ่งจะเป็นตัวช่วย เร่งให้พวกเขา เกิดความกระสันและ ช่วยให้พวกเค้า น้ำแตกเร็วขึ้น ) ซึ่งต่างกับพี่ชินที่เป็นชายแท้ แกแทบจะไม่มอง หรือยุ่ง กับ จู๋ผมเลย แต่จะยุ่งและพิศวาสกับตูด และ แก้มก้นผม เป็นพิเศษ ซะมากกว่า เรียกว่าถ้าได้จับหรือ ลูบคลำ ' ตูด ' ผมเล่น หรือ เอาตูดไปโดนควยแก หรือแม้แต่แค่เห็นตูดผม ควย แกจะแข็งทันที แกบอกไม่รู้เป็นไง แกบอกตูดผมสะอาด นิ่ม เหมือนตูดสาวๆเลย บางครั้งยังอยากจะถามแกเลยว่า เห็น หรือ เคยจับ ของผู้หญิงหรอมาบวชตั้งแต่ 8 ขวบ แต่ก็ไม่อยากไปเซ้าซี้เดี๋ยวแกจะเขิน รู้ว่าแกคงหื่น ตูดเด็กแค่นั้น อิอิ ลึกๆในใจแกอยากจะเปรียบ รูตูดเด็ก เป็นเหมือน รูหอยผู้หญิงอ่ะแหละ แต่เลี่ยงกลัวเด็กจะต่อว่า หาว่าลามก และ แกก็อยู่ในเพศบรรพชิต
. |