แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย INPUT เมื่อ 2018-5-13 15:52
บทที่ 2 “กร” หลังจากกินข้าวเสร็จก็เป็นเวลาของการเรียนในช่วงบ่ายบ่ายนี้ยังคงเรียนรวมอยู่ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากเพราะหนังท้องตึงหนังตาก็ต้องหย่อนเป็นธรรมดาครับ ต่อให้อาจารย์พูดเสียงดังขนาดไหนก็ทำอะไรพวกผมไม่ได้เพราะพวกผมกำลังทำสมาธิเพื่อไปเข้าเฝ้าพระอินท์!!! ก็ทนๆเรียนกันไปตามเวลาครับ
“พรุ่งนี้อย่าลืมเอาหนังสือการ์ตูนมาให้กูอ่านด้วยนะตุ๊ด”กิ๊ฟพูดกับผม ขณะที่กำลังเก็บกระเป๋านักเรียน
“เออออออ ย้ำอยู่นั่นแหละ แล้วมึงจะเรียกกูตุ๊ดทำไมกูไม่ชอบ” หลังจากที่เพื่อนๆรู้เรื่องที่ผมชอบตันเพื่อนๆก็มักจะ เรียกผมว่าตุ๊ด แต่ผมเฉยๆนะคือผมก็เหมือนผู้ชายปกติธรรมดานี่แหละเพียงแค่ชอบผู้ชายเฉยๆ
“เอ้า ก็กูกลัวมึงลืม กลัวไม่ได้อ่านอะมึงเข้าใจไหม”กิ๊ฟตอบ
“เอออออออออออ” ผมตอบพร้อมกับมองไปหน้าห้องเพื่อหาตันแต่ก็ไม่พบแล้วมีแค่พวกเพื่อนๆบางกลุ่มยืนคุยกันหน้าห้องยืนออๆกันวันเปิดเทอมวันแรกวันนี้ผมยังไม่ได้คุยอะไรกับตันเลยครับคุยกันก็แค่ในโทรศัพท์เมื่อเช้านี้เอง
“ก็ยังไงดีละ...ปกติก็ชอบจำแค่เรื่องของคนนั้นคนเดียวมิใช่หรออิอิ” กิ๊ฟล้อผม
“เดี๋ยวกูถีบ!!!มึงจะพูดทำไมเงียบๆดิ” ผมพูด
“โอ้ย อะไรนักหนามันอยู่ตรงนี้หรือไง”กิ๊ฟบ่นๆ
“มันไม่อยู่ แต่คนอื่นละอย่าลืมนะว่าพวกกลุ่ม 2 มันไม่รู้เรื่อง” ผมพูดแล้วก็เหลืบไปเห็น กรกับอาม และพวกเบญกำลังเดินออกนอกห้องแต่พวกนี้มันไม่รู้เรื่องหรอกครับ คนที่จะรู้เรื่องคือพวกเพื่อนผมเท่านั้น
เก็บกระเป๋าอะไรเสร็จผมก็เดินออกไปรอรถเมล์ที่หน้าเทคนิคกับเพื่อนๆส่วนกิ๊ฟกับภีม ไปรออีกฝั่งเพราะกลับคนละทาง
ปี๊นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ(เสียงแตรรถเมล์ดังขึ้นเมื่อมาจอดที่หน้าประตูเทคนิค)
“พรุ่งนี้เจอกันเด่ออิเหยิน” ผมโบกมือบ๊ายบายกิ๊ฟกับภีมที่ยืนรอรถอยู่อีกฝั่งหนึ่งคำว่าเหยินนี้คือกิ๊ฟนะครับ กิ๊ฟมันฟันเหยิน 555+
“เออออออออออ” กิ๊ฟโบกมือกลับ
พวกผมก็เดินไปต่อแถวขึ้นรถเมล์ซึ่งผมอยู่คนท้ายๆเลย เมื่อขึ้นไปบนรถผมมองหาที่นั่งแถวหน้าๆก็เต็มหมดพวกบาสกับแรก และคนอื่นๆเขานั่งกันหมดแล้ว
“อินๆ นั่งนี่ดิ” กรทักผมจากเบาะหลัง ผมจึงเดินไปนั่งกับกรท้ายรถเมล์
“กรกูไม่เห็นมึงรอรถหน้าเทคนิคเลยมึงไปขึ้นที่ตลาดใช่ไหม” ผมถาม
“ใช่ๆ เบญขับรถเครื่องไปส่งไงขึ้นตรงนั้นไม่มีคนแย่ง” กรตอบ
ผมกับกรนั่งคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย รถก็ขับออกไปตามทางจนกระทั่ง
“ไอ่ห่าเอ๊ย!!!ข้างหน้าเขาตั้งด่านนี่หว่า ควันรถดำด้วยโดนแน่เลยไอ่เวร!!!” ลุงคนขับรถเมล์ตะโกนเสียงดัง
“เอ้า!!! เธอเลี้ยวเข้าซอยหน้าไปเลยเร็วๆ”ป้ากระเป๋ารถเมล์สั่งให้ลุงคนขับรถเข้าซอยเพื่อหนี
“ขอโทษด้วยนะค่ะ รถจอดอีกที่ในตัวเมืองเลยนะค่ะพอดีมีตำรวจมาตั้งด่านค่ะ” ป้าแกประกาศในรถ คือแบบนี้ก็มีด้วยหรอเผด็จการมาก!!!555+
รถก็ขับเข้าซอยข้างๆไปมันเป็นทางตีนเขาอ่างเก็บน้ำครับ มีแต่ป่าบรรยากาศดีมาก เห็นแม่น้ำและเขาด้วย
“บรรยากาศดีว่ะ ตั้งแต่เรียนเทคนิคมายังไม่เคยมาตีนเขาอ่างเก็บน้ำเลย”กรพูดขึ้น
“ใช่ๆ เหมือนกันเลยว่ะไม่เคยมาทางนี้เลย”
“แล้วนี่ที่บ้านอินพ่อแม่ทำอะไรหรอ”กรทักถามผม
“อ๋อแม่เปิดร้านตัดผมส่วนพ่อทำงานในโรงงาน แล้วมึงละพ่อแม่ทำงานอะไร” ผมตอบและถามกลับ
“อ๋อที่บ้านหนะหรอ....คือทำงานอยู่ที่ศูนย์ขายรถของฟอร์ดอะส่วนแม่ก็....เป็นพวกเซลอะ 5555+” กรตอบกลับเหมือนไม่มีอะไรแต่สีหน้าเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ
“อ๋อหรอ แล้วพักอยู่แถวไหนละ” ผมถาม
“อยู่ในเมืองนี่แหละ อินละ”
“นี่อยู่ออกนอกเมืองไปหน่อย” เราคุยกันในเรื่องทั่วๆไป กรเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีหัวเราะง่ายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดคำหยาบอาจเป็นเพราะเราเพิ่งจะรู้จักกันแรกๆด้วยจึงอาจจะยังเกรงใจกันอยู่ กรดูเป็นคนร่าเริงตลอดเวลาคุยด้วยแล้วสบายใจครับ
“เมื่อก่อนเราเคยคุยกันผ่านๆไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้มาเรียนด้วยกัน” กรพูด
“ใช่ๆ ปรับตัวแทบไม่ทันเลยยังคิดถึงเพื่อนสมัย ปวช. อยู่เลย แยกย้ายกันไปหมดมาต่อ ปวส.มีแค่กู บาส แรก ตันแค่นี้เอง” พูดไปก็หวนคิดถึงเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันตอน ปวช.ครับ
“เหมือนห้องนี่แหละ มาต่อ ปวส. มี นี่เบญ อาม นายก ปิ๊ก แค่นี้เอง ส่วนที่เหลือไปเรียนระบบทวิภาคีกันต้องมารวมกับพวกกลุ่ม 1-2 เก่าปรับตัวยากเหมือนกันกลัวพวกนั้นไม่ชอบไงเพราะพวกนั้นเขากลุ่มเด็กเรียน” กรพูดเล่าบ้าง
“เรียนๆไปเดี๋ยวก็คุ้นกันไปเองอย่าไปคิดมากเลย”ผมพูด
“ใช่ๆ แต่นี่ไม่คิดอะไรหรอกดีเสียอีกได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆ” กรมักเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเสมอ
“แล้วนี่อินมีแฟนหรือยัง” กรถาม
“ถามแบบนี้เลยหรอว่ะ 555+พูดอย่างไรดีละ” ผมไม่รู้จะพูดอย่างไรดีเพราะกรก็ไม่รู้ว่าผมชอบตันอยู่
เอาว่ะเป็นไงเป็นกันพูดๆไปเลยเพราะยังไงกรก็ไม่มีพิษภัยอยู่แล้วตอนนั้นผมไว้ใจกรจริงๆเพราะกรคุยด้วยแล้วดูเป็นคนซื่อบริสุทธิ์
“ยังไม่มีแฟนหรอกแต่มีคนในใจแล้วละแต่เขาแค่ไม่ชอบก็เท่านั้นเอง” ผมตอบกร
“ตันอะหรอ” กรพูดขึ้นผมตกใจเลย
“เฮ่ยรู้ได้อย่างไร” ผมถาม
“แหมก็เมื่อเย็นตอนเลิกเรียนได้ยินกิ๊ฟล้ออินอยู่จริงๆนี่ไม่ได้แอบฟังนะ แต่มันได้ยินจริงๆ ขอโทษด้วย” กรพูด
“นั่นไง กูว่าแล้วอิเหยินกิ๊ฟมึงไม่น่าเล๊ย!!!” ผมบ่นๆถึงกิ๊ฟ
“นี่ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังจริงๆ”กรพูดขอโทษผม แต่จริงๆผมก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกนะครับผมเป็นคนเปิดเผยอยู่แล้วถ้ารู้ก็รู้ไปผมไม่ได้แคร์อะไรครับ
“ไม่ต้องขอโทษหรอกกูไม่ได้อะไรขนาดนั้น ก็ไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้วแต่แค่เห็นเป็นกลุ่มเพื่อนใหม่ยังไม่ค่อยสนิทกัน เลยคิดว่าอยู่ๆกันไปเดี๋ยวก็รู้กันเองแหละ”
“งี้อินก็เป็นอะดิใช่ไหม”
“จะพูดแบบนั้นก็ได้นะแต่นี่ก็ชอบได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงนะไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรเหมือนกันแต่ก็เทไปทางผู้ชายมากกว่า” ผมตอบ
“อ๋อ” กรตอบ
“อืม....เห็นอินพูดแบบนี้นี่ก็สบายใจหน่อย” กรพูดขึ้น
“สบายใจอะไรว่ะ”
“จริงๆแล้วนี่ก็เป็นเหมือนอินนะแต่นี่เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงมาก่อนสมัยเรียน ม.ต้น อะอินอย่าบอกใครนะนี่ไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลยแต่คุยกับอินแล้วสบายใจเห็นอินพูดเรื่องความลับส่วนตัวของตัวเอง นี่ก็เลยขอพูดบ้าง”กรตอบ
“แล้วนี่ที่บ้านรู้หรือป่าว” ผมถาม
“ไม่รู้หรอก เพราะพ่อนี่ดุมากขืนรู้นี่โดนแน่ๆ 555+” กรพูดติดตลก จริงๆแล้วเรื่องของกร ผมก็พอได้ยินมาจากเพื่อนๆบ้างเพราะมันจะมีช่วงหนึ่งที่กรสนิทสนมกับอาจารย์วิโรจน์ที่เป็นข่าวดังในหมู่นักเรียนด้วยกันแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายเพราะตอนนั้นยังไม่เคยรู้จักกัน
“แล้วทำไมถึงไปชอบตันได้ละพอจะเล่าให้ฟังบ้างได้ไหม” กรถามต่อ
“นี่ชอบตันมาตั้งแต่ ปวช.1 แล้วแอบชอบมานานมาก ช่วงแรกเราไม่สนิทกันเลยเพิ่งจะเริ่มมาสนิทกันก็ตอนที่ตันโดนแฟนทิ้งนี่แหละ นี่ก็คอยเทคแคร์ตามใจทุกอย่างจนตันกับนี่สนิทกันตันก็เริ่มไว้ใจนี่เวลามีเรื่องทุกข์ใจอะไรก็จะมาปรึกษานี่ก็คอยหาทางออกให้เป็นแบบนี้อยู่บ่อยๆจนตันไว้ใจ แต่สุดท้ายแล้วความลับมันไม่มีในโลกวันหนึ่งตันก็รู้แต่ตันไม่ได้รังเกียจอะไรนี่ก็ไม่ได้อะไรเพียงแค่อยากได้คำตอบจากตันเฉยๆว่ารู้สึกอย่างไรกับนี่ว่าชอบหรือไม่ชอบจนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งไปเดินห้างด้วยกันกับเพื่อนๆเจอสาวๆตันก็ใช้ให้เพื่อนไปขอเบอร์มาจนได้ นี่ก็เลยรู้เลยตั้งแต่วันนั้นว่าตันชอบผู้หญิงนี่เสียใจมากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย จะตัดใจก็ทำยากเพราะตันก็ชอบทักแชทมาประจำเฮ้อพูดถึงแล้วก็เหนื่อยใจ” ผมเล่าเรื่องตันกับผมให้กรฟัง
“โห น่าสงสารเหมือนกันนะเนี่ยทำใจเถอะอินเดี่ยวก็มีคนดีๆเข้ามา เชื่อนี่ดิ” กรปลอบใจผม
“ขอบใจมากแต่นี่คงเลิกชอบตันไม่ได้จริงๆ นี่ตัดใจไม่ได้จริงๆ”
“พอๆ ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วนี่ขอโทษก็แล้วกันไม่รู้จริงๆว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ ทำให้รู้สึกไม่ดีอีก”กรพูด
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษ 555+”
จากนั้นเราก็นั่งคุยอะไรกันไปจนกระทั่งถึงในเมืองพวกเราก็ลงรถเมล์ผมบอกลากรและเดินขึ้นสองแถวกับบาสไปส่วนกรก็เดินเข้าไปในตัวเมืองเพื่อกลับบ้านของตัวเอง
เวลาที่ผ่านมาช่วง ปวช.ผมกับกรไม่เคยได้รู้จักและพูดคุยกันนานขนาดนี้มาก่อนเลย ทักกันก็แค่เวลาเดินผ่านแต่วันนี้ได้รู้จักกันและได้แลกเปลี่ยนความคิดของกันและกันถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะผมได้พบมิตรสหายใหม่ที่เป็นคนที่ดี
แค่นี้ก่อนนะครับ . . . . .
|