ลืมรหัสผ่าน
 สมัครเข้าเรียน
ค้นหา
ดู: 270|ตอบกลับ: 3

เริ่มด้วยใคร่ ลงท้ายด้วย..? 17 (50%)

[คัดลอกลิงก์]

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
39
พลังน้ำใจ
579
Zenny
15
ออนไลน์
27 ชั่วโมง
XVII



           ถึงจะไม่ได้นึกเอ็นดูอะไรไอ้เด็กไม่รู้จักโตคนนี้นักแต่จะให้ปล่อยมันไว้ท่ามกลางความมืดมิด หมาหลังอานหนึ่งตัว และยุงอีกเป็นฝูงเขาก็ทำไม่ลง สุดท้ายเลยต้องพยุงกึ่งแบกไอ้เด็กที่สูงมากกว่าเขานิดหน่อยแต่หุ่นหนากว่ากันเยอะเข้าบ้านอย่างทุลักทุเล


           ตัวมันหนักกว่าที่คิดนัก

           แบกคนเมาที่เพ้อเหมือนคนไม่มีสติ แถมยังทำตัวเป็นภาระด้วยการปล่อยขาให้มันลากพื้นไปเฉยๆ ไม่มีการช่วยพยุงตัวเองเดินเสียอย่างนั้น จะให้ไปส่งถึงเตียงนอนบนชั้นสองอันเป็นห้องนอนของมัน(ซึ่งก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนของชั้นสอง)เห็นทีกระดูกของเขาคงจะเคลื่อนไม่ตำแหน่งใดก็ตำแหน่งหนึ่ง สิ่งที่อเล็กซ์เลือกทำคือการหย่อนไอ้เด็กโข่งไว้บนโซฟาตัวยาวกลางบ้าน

           คนที่เป็นผู้ใหญ่กว่ากวาดสายตามองบริเวณรอบโซฟา เกลื่อนกลาด ....ไปหมด ไม่ว่าจะขวดเบียร์เอย กระป๋องเบียร์เอย กับแกล้มเบสิคอย่างพวกถั่วริสงไว้เคี้ยวเล่นเอย เกลื่อนพื้นไปหมด ก็เดาได้ไม่ยากสักเท่าไหร่ว่ามันคงใช้ที่ตรงนี้เป็นฐานมอมเมาตัวเอง


           “เด็กหนอเด็ก...”


           โอเคจะไปว่าความเด็กของมันอย่างเดียวก็เห็นจะไม่ถูกนัก เพราะตอนเขาวัยพอๆกับมันก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน ...ประเด็นเดียวกันด้วยล่ะมั้ง อกหัก ....อืม ความจริงแล้วในเหตุการณ์ของเขาเรื่องราวมันไม่ใช่แค่โดนสลัดรักอย่างเด็กเจเจอร์นี่อย่างเดียว ปัญหาของเขา มันเกี่ยวโยงในหลายๆอย่างหลายๆด้าน

           ปัญหาที่คล้ายจะคลี่คลายไปนานแล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่ามันแค่กำลังรอวัน‘ปะทุ’ขึ้นมาใหม่เท่านั้น


           ~ You make me wanna call you in the middle of the night. You make me wanna hold you till the morning light ~


           “หือ?”อเล็กซ์มองหาต้นตอของเสียงเพลงที่ได้ยิน จนมั่นใจว่าจะต้องมาจากตัวของไอ้เด็กขี้เมานี่แน่ๆ ไม่ได้อยากเผือกแต่เพราะเป็นเพลงที่ตัวเขาเองก็ชื่นชอบเป็นการส่วนตัว จะให้ปล่อยไปก็กระไรอยู่ดังนี้เขาถึงได้ย่อตัวลงข้างโซฟาแล้วคลำไปตามตัวกำยำเพื่อหาที่มาที่คงจะเป็นโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวนั่นหละ

           แล้วก็เจอ

           “หึ รสนิยมดีเหมือนกันนี่”หมายถึงเพลงที่ไอ้เด็กขี้เมานี่ใช้ตั้งเป็นเสียงเรียกเข้า You make me wanna ของวง Blue ที่เขาชอบคือเพลงแต่ไม่ได้ถึงขั้นติ่งนักร้องตามสมัยนิยมอย่างในตอนนี้

           ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะต้องรับสายนี้แทนเจ้าของที่เมาหลับหมดสภาพไปแล้วหรอก แต่ชื่อที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอทำให้เขาไม่คิดจะคิดอะไรให้มากความ เด็กที่ชื่ออดัมส์เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของหมอนี่ อาจจะเรียกได้ว่าสนิทที่สุดในบรรดาพวกพ้องในกลุ่มแล้วก็ว่าได้ ที่โทรมาก็คงไม่พ้นเป็นห่วงเพื่อน เขารู้ได้ยังไงน่ะหรือ?


           ( ไอ้เจร์! กูก็นึกว่ามึงฆ่าตัวตายประชดรักไปแล้ว ทำไมถึงเพิ่งรับสายล่ะวะ กูโทรหามึงจนมือจะหงิกหน้าจอจะพังเพราะเอาแต่กดซ้ำๆอยู่แล้ว! )

           ท่าจะเป็นห่วงมากเสียด้วย


           “เขายังไม่ตายหรอกครับ แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ ผมหวังว่าคุณจะโผล่มาดูใจเพื่อนของคุณทันเวลานะครับ อ้อ เขาตายรังอยู่ที่บ้านของตัวเองนี่ล่ะไม่ได้ไปตายที่ไหนไกล รีบมาล่ะครับเพราะผมจะกลับแล้ว”

           อเล็กซ์ไม่รอฟังเสียงตะโกนถามว่าเขาเป็นไงแล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงหรอก กดวางสายเสร็จก็วางมือถือยี่ห้อแพงที่กินข้าวได้หลายร้อยมื้อไว้บนโต๊ะกระจกหน้าโซฟา ร่างสูงเหลือบมองคนที่แม้จะหลับไปแล้วก็ยังไม่วายเพ้อเรียกชื่อคุณหนูของบ่าวพร้อมประโยคคำพูดเดิมๆซ้ำๆเหมือนเปิดเทปย้อนกลับอย่างที่ว่า กลับมานะ เจร์รักวิว กลับมานะ เจร์รักวิว ไม่หยุดปาก


           ก็ได้แต่หวังว่าไอ้เด็กขี้เมานี่จะตั้งหลักได้ในเร็ววัน


           มือเรียววางบนกระหม่อมของร่างที่นอนขดตัวเป็นกุ้งโดนความร้อนแผ่วเบาแล้วผละออกพร้อมกับร่างกายที่หมุนเดินออกไป และไม่ได้เลี้ยวหันไปมองทางนั้นอีก ทิ้งคำพูดไว้ให้กับคนเมาที่ไม่ได้หลับสนิทไม่รู้เรื่องให้ได้คิด...


           “นายอายุยังน้อยยังมีโอกาสได้เจอคนที่ใช่อีกนาน ...อย่ายึดติดอยู่กับสิ่งที่เรียกกลับมาไม่ได้เลย”

           .

           .


            “มันจะโอเคจริงๆหรือวิว?”

           “อื้อ เราว่าโอเค มันก็ต้องโอเคสิ”


           อืม เพราะคำว่า‘ต้องโอเค’ตอนนี้ผมถึงได้อยู่ที่เรือนเล็กของเพราตามาได้เกือบสองอาทิตย์แล้ว

           หลังจากตกลงปลงใจกันวันนั้นวิวก็ให้ผมย้ายไปอยู่กับเขาที่เรือนเล็กในวันต่อมา ไม่ใช่ว่าขัดใจเขาไม่ได้นะแต่พอเจอลูกอ้อนที่ผมสุดแสนจะแพ้ทางเข้าไปก็อดที่จะใจอ่อนตามใจเขาไม่ได้ทุกที แต่เพราะไม่อยากทำตัวเหมือนว่าเอาเปรียบเขาจนเกินไปว่างๆผมเลยมักจะหาโอกาสช่วยคุณอเล็กซ์ทำงานบ้านทุกครั้งไป


            แรกๆวิวก็บ่นว่าผมไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แบบนี้ก็เท่ากับแย่งงานคุณพ่อบ้านประจำตัวเขาเสียเปล่า แต่เพราะผมยืนกรานไม่ว่ายังไงก็ต้องได้ช่วยบ้าง จะให้อยู่เฉยๆงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลยผมทำไม่ได้หรอกแล้วมันก็ไม่ใช่นิสัยด้วย สุดท้ายวิวก็เลยต้องเป็นฝ่ายยอมลงให้ผมบ้าง คุณอเล็กซ์เองก็บ่นแต่เหมือนจะแซวแบบขำๆมากกว่าว่าผมจะทำให้เขาตกงานเอาได้เพราะเล่นแย่งเขาทำแทบทุกอย่างเลย

            ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ห้าม หากผมอยากช่วยในงานบ้านส่วนไหนเขาก็จะถอยแล้วให้ผมทำ ส่วนตัวเขาละไปทำงานอย่างอื่นแทน


            ....


            เพราะอยู่ปีสามแล้วตารางเรียนเลยไม่แน่นเอี๊ยดอย่างพวกเฟรชชี่ปีหนึ่ง เวลาว่างผมเลยค่อนข้างจะมีมากกว่าวิวในขณะที่เขาเรียนแน่นเต็มวันแทบทุกวันอย่างเช่นวันนี้ที่ผมมีเรียนแค่ช่วงบ่ายแต่วิวมีเรียนทั้งเช้าและบ่าย เลิกอีกทีก็ประมาณสี่โมงครึ่ง

            หลังจากทานข้าวกลางวันกันเสร็จผมก็เดินไปส่งวิวที่หน้าตึกคณะของเขาท่ามกลางสายตาอยากรู้อยากเห็นผสมกับเสียงซุบซิบของใครหลายคน ผมเลือกที่จะไม่สนใจสายตาของคนเหล่านั้น คนเดียวที่อยู่ในสายตาของผมตอนนี้คือคนตัวเล็กคนที่เป็นทั้งเจ้าของกายเจ้าของหัวใจคนนี้ต่างหาก


            อ่า ...โอเค ทำเป็นว่าคุณมองไม่เห็นบรรทัดข้างบนแล้วกันนะครับ คิดเองผมก็อายเองเหมือนกันล่ะหน่า


            “ถ้าเลิกเรียนแล้ว..อ่ะ”ผมเบิกตากว้างเมื่อคนตัวเล็กกว่าโน้มต้นคอผมลงแตะปากลงบนกลีบปากของผมแผ่วเบา ถึงจะเป็นเพียงเสี้ยวนาทีแต่ก็ทำเอาผมแทบจะเทของในกระเป๋าหนังสำหรับถือทิ้งให้หมดแล้วเอามาคลุมหัวตัวเองแทน


            เสียงฮือฮาดังจากทั่วสารทิศทันทีที่วิวผละปากออก


            “เราจะโทรหานะ”เหมือนว่าอาการนิ่งอึ้งของผมจะทำให้เขาพอใจ เพราะเพราตาหัวเราะเสียงใสออกมา มือเล็กยกขึ้นบีบแก้มของผมเบาๆ เขาพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมยิ้มออกมาได้ก่อนที่จะผละกายหันหลังเดินเข้าตึกเรียนไป

            ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆเพื่อเรียกสติของตัวเอง ไม่สนใจคำพูดคำจาที่เสียดสีกันว่า หน้าไม่อาย ทำไมต้องเป็นผม ไม่เหมาะสมกันเลยสักนิด บลาบลาแล้วแต่ปากของคนจะพูดออกมาได้ แต่ไหนแต่ไรมาผมก็ไม่เคยสนใจคำพูดของคนพวกนี้อยู่แล้ว ตั้งแต่คราวเรื่องของเจเจอร์กับผมที่คนเข้าใจผิดกันไปเอง เอาไปเป็นประเด็นพูดกันสนุกปากแล้วล่ะ


            เสียงนกเสียงกาจะสำคัญไปกว่าเสียงของคนที่ผมแคร์ได้ยังไง?


            “อย่าไปสนใจคนอื่น น้ำน่ะสนแค่เราก็พอแล้ว”


            นั่นคือคำพูดที่คนตัวเล็กทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนเดินเข้าตึกเรียน ตัวผมเองก็อยู่ในโอวาทซะด้วยสิ ..ฮ่ะๆ


            “น้ำ”

            ผมชะงักขาที่กำลังจะก้าวขึ้นรถรางที่ทางมหาลัยจัดเอาไว้เพื่อความสะดวกสบายของนักศึกษา หลีกทางให้คนอื่นขึ้นส่วนตัวผมเดินไปทางต้นเสียงที่เรียกชื่อผมเอาไว้เมื่อครู่ ...อดัมส์ยืนกอดอกพิงรถยี่ห้อบีเอ็มที่ผมไม่รู้จักชื่อรุ่นของมัน ดวงตาสีฟ้าที่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่ามันหม่นลงไปมากไม่สดใสอย่างแต่ก่อนจับจ้องอยู่ที่ผม

            ทั้งส่วนบนและส่วนล่างราวกับกำลังสำรวจว่าผมมีส่วนไหนที่สึกหรอไปหรือไม่อย่างไรอย่างนั้น


            “ไปคุยกันหน่อยสิ”เขาเปิดประตูรถฝั่งที่นั่งข้างคนขับส่วนผมยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่

            “เดินไปไม่ไกลมีสวนเพาะพันธุ์พฤกษ์อยู่ ไปคุยตรงนั้นแล้วกันนะ”


            ไม่รู้หรอกว่าเขาจะคุยอะไรกับผม ที่คาดไว้ก็อาจจะเป็นเรื่องของวิว หรืออาจจะเป็นเรื่องของเจเจอร์เพื่อนรักของเขา หรือไม่ก็.... เรื่องของผมกับเขา


            ....


            สวนเพาะพันธุ์พฤกษ์เป็นสวนหย่อมขนาดกลางที่ปลูกพวกพืชไม้ยืนต้นเอาไว้เยอะ รวมทั้งจำพวกดอกไม้หลากสีสันเป็นพุ่มๆกระจายกันไป เพราะแบบนั้นเลยทำให้บรรยากาศของที่นี่ค่อนข้างจะร่มรื่นถึงแม้จะเป็นช่วงกลางวันพระอาทิตย์อยู่กลางหัวก็ตาม ผมเดินตรงไปยังโต๊ะเก้าอี้ไม้ตัวยาวขัดเงาที่ตั้งอยู่ใกล้ต้นประดู่ต้นใหญ่เอาไว้ให้นักศึกษามาพักผ่อนพักสมอง ทิ้งตัวลงนั่งพร้อมก้มลงมองเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา

            เพิ่งจะบ่ายโมงยี่สิบห้า ผมเข้าเรียนตอนบ่ายสองเพราะฉะนั้นยังพอมีเวลา


            “น้ำย้ายหอแล้วเหรอ?”

            ผมส่ายหน้า พอเห็นอดัมส์ทำสีหน้าสงสัยผมถึงได้พูดออกมาเพื่อคลายข้อสงสัยนั้นของเขา “แค่ย้ายไปอยู่ที่อื่นชั่วคราวน่ะ”

            “กับเพราตา?”

            อดัมส์ไม่ใช่คนโง่ ...ผมรู้ บางทีเขาอาจจะรู้เรื่องราวทุกอย่างหมดแล้วก็ได้ แต่ที่มาถามก็เพราะคงแค่อยากได้ยินจากปากของผมเสียมากกว่า ผมไม่ตอบแต่พยักหน้ารับและนั่นทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นทะมึนถึงแทบจะในทันที

            “รู้มั้ยว่าไอ้เจร์มันเมาหัวราน้ำทุกวัน”ผมเงยขึ้นมอง ร่างสูงที่ไม่มีทีท่าว่าจะนั่งลงจ้องผมเขม็ง“บางวันก็อาละวาดบ้านแทบพังแต่บางวันก็ซึมเหมือนคนหมดอาลัยตายอยาก”

            ผมเงียบส่วนเขาพอเห็นผมเงียบก็ส่งเสียงเฮอะออกมาเบาๆในลำคอ ร่างสูงของอดัมส์เดินอ้อมโต๊ะมาหาผมที่นั่งอยู่อีกฝั่ง เขาโน้มตัวลงท้าวมือเข้ากับโต๊ะคล้ายกับจะกักผมเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหน แต่เอาเถอะยังไงผมก็ไม่คิดหนีอะไรอยู่แล้ว เขาอยากพูดอะไรก็พูด ก็เข้าใจว่าบางทีเขาคงจะอึดอัดและคงจะโกรธแทนเพื่อนของเขาล่ะมัง ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องผิดอะไรกับคนที่รักเพื่อนมากอย่างอดัมส์


            ลมหายใจร้อนรดแผ่วๆอยู่บริเวณกกหู... โชคดีที่ตอนนี้ผมนั่งหันหลังให้เขาอยู่เลยไม่ต้องเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดขนลุกไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงความชื้นที่ไล่เลียติ่งหูของผมอยู่ ผมสะดุ้งจะผละออกห่างแต่เขากลับไม่ยอมให้ผมทำอย่างนั้น


            อดัมส์ทิ้งตัวลงนั่งซ้อนหลังของผมเอาไว้โดยใช้แขนข้างหนึ่งโอบเอวยึดไว้ส่วนมืออีกข้าง... “หยุดเดี๋ยวนี้นะอดัมส์!”


            ถึงเขาจะแสดงออกให้รู้ว่าคิดแบบไหนกับผมแต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำกิริยาจาบจ้วงใส่กันอย่างนี้ ผมเม้มกัดปากในขณะที่มืออีกข้างของเขาปัดลูบแถวเนินอกผ่านเสื้อเชิ้ตนักศึกษาตัวบาง ไม่ได้รู้สึกวาบหวามแต่กลับกันตอนนี้ผมกลับรู้สึกไม่ดีกับสัมผัสนั้นของเขาเลยสักนิด

            ผมหอบหายใจหนักขึ้นพยายามปัดมือเขาออกแต่เขากลับละออกจากอกแล้วรวบจับข้อมือทั้งสองข้างของผมเอาไว้แล้วใช้มือที่รั้งกอดเอวของผมอยู่สอดเข้าไปในเสื้อนักศึกษาแล้วลูบไล้แถวหน้าท้องแทน


            “อดัมส์!!”

            “ชู่วว อยากให้คนอื่นมาเห็นนักหรือไงครับน้ำ”


            ผมเม้มปากแน่นพลางเอียงคอหนีเมื่อสัมผัสนุ่มหยุ่นแตะลงบนเนื้ออ่อนตรงแอ่งชีพจรบนลำคอ ได้ยินเสียงหัวเราะผะแผ่วข้างหู “ตัวสั่นเชียว กลัวฉันขนาดนั้นเลยหรือไง หื้ม?”

            “....”ผมเงียบและนั่นทำให้เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้นกว่าเดิม

            ในขณะที่ผมยังมึนงงอดัมส์ก็ละมือออก จะว่าปล่อยให้ผมเป็นอิสระก็คงจะไม่ใช่เสียทีเดียวเพราะเขายังคงนั่งซ้อนหลังผมอยู่อย่างนั้นไม่ลุกไปไหน

            “จีบมาตั้งนานไม่ติดสักที ก่อนที่จะไม่มีโอกาสดีๆแบบนี้อีก.... ขอของขวัญปลอบใจให้ฉันหน่อยแล้วกันนะ”


            ฟอดดดด

            โอเค ยอมรับว่าตอนนี้ผมก็ยังคงงงอยู่ว่าเขาทำบ้าอะไรของเขาอยู่กันแน่ น้ำเสียงที่ได้ยินแตกต่างจากก่อนหน้าลิบลับ ผมยกมือขึ้นกุมแก้มข้างที่โดนฉวยหอมแล้วหันไปจะว่าที่เขาเล่นอะไรไม่เข้าท่าแต่ก็ต้องชะงักเมื่อมองข้ามไหล่ของเขาไปเห็นร่างคุ้นตายืนนิ่งอยู่


            “อะไรกันน้ำ? แกล้งนิดแกล้งหน่อยทำมากลัว เป็นคนขวัญอ่อนตั้งแต่เมื่อไหร่ ฮ่าๆ”อดัมส์ยังคงหัวเราะไม่หยุดส่วนผมกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดๆเมื่อรู้สึกถึงรังสีทะมึนจากร่างคุ้นตาที่ตอนนี้กำลังเดินเข้ามาใกล้


            "แล้วมันสมควรไหมล่ะ ก็ดูนาย....ทีหลังอย่าเล่นอะไรแบบนี้อีกนะ ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะเข้าใจไปผิดๆได้"

            “โดยเฉพาะเพราาตาคนนั้นน่ะสินะ เฮ้อ....น้ำ เอาจริงๆฉันก็โกรธนายอยู่เหมือนกันนะสำหรับเรื่องที่นายกับ... เพราตาทำกับไอ้เจร์ แต่ก็ถือว่าดีเหมือนกันมันจะได้คิดอะไรได้มากกว่าเดิม เพื่อนอย่างฉันก็ได้แต่หวังว่าเรื่องนี้จะทำให้มันเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาได้... เฮ้ย!”


            ไม่รู้ว่าตัวเล็กๆอย่างนั้นแต่ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน

            รู้ตัวอีกทีอดัมส์ก็ล้มก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้นหญ้าข้างเก้าอี้แล้ว สีหน้าของผู้กระทำไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆออกมานอกเสียจากความเฉยชายามมองร่างสูงที่นอนตาโตมองเจ้าตัวอย่างอึ้งๆอยู่ ใบหน้าสวยหันขวับมาทางผมที่ยืนค้างอยู่กับที่ก่อนที่มือเล็กๆนุ่มๆนั่นจะจับประสานกับมือของผมเอาไว้ เขาหันกลับไปมองอดัมส์ที่ตอนนี้คล้ายว่าตั้งสติได้แล้วกำลังลุกขึ้นยืนปัดเนื้อตัว


            “มีอะไรจะพูดกับน้ำอีกหรือเปล่า?”

            อดัมส์เงียบแต่ดวงตาคมสีฟ้าครามคู่นั้นกลับมองร่างเล็กที่ยืนอยู่หน้าผมราวกับกำลังประเมินและครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนที่แย้มยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อย


            “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว... ทีหลังอย่าทำตัวเหมือนหนูหิวปลาย่างอีก”

            “หึ จะบอกว่าแมวหวงปลาย่างมากว่าอย่างนั้นเถอะ?”

            “ก็ไม่ได้โง่เหมือนหน้าตานี่”

            อดัมส์ชะงักในขณะที่มือเล็กที่กุมมือของผมอยู่กระตุกเบาๆ ผมเอ่ยลาอดัมส์ยังไม่ทันสิ้นคำดีเพราตาก็ดึงให้ผมเดินตามเขาจากมา ไม่วายยังได้ยินเสียงอดัมส์ตะโกนไล่หลัง


            “ถ้าทนความเอาแต่ใจของแมวตัวน้อยไม่ได้เมื่อไหร่ อ้อมกอดของหนูตัวโตคนนี้ยินดีอ้ารับปลาย่างเสมอนะครับ”


            พูดบ้าอะไรของเขากัน!


            ....


            สรุปช่วงบ่ายเราก็โดดเรียนด้วยกันทั้งคู่ แต่เพราะว่าวิวดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ดีจากเรื่องปลาๆหนูๆอะไรนั่นอยู่ผมเลยเลือกที่จะพาเขานั่งแท็กซี่มาเดินเล่นที่ห้างแถวๆมหาลัยแทน มือเล็กที่จับกุมมือของผมอยู่ยังคงไม่ผละไปไหนตั้งแต่ที่มหาลัยมาจนถึงหน้าโรงหนัง

            ผมได้ยินจากคุณอเล็กซ์มาว่าวิวชอบหนังเรื่องหนึ่งมาก แล้วตอนนี้ภาคต่อของมันก็กำลังเข้าโรงพอดี บางทีการพาเขามาดูหนังที่เขาชอบอาจจะทำให้เพราตาอารมณ์ดีขึ้นก็ได้.... ล่ะมั้ง?

            แต่ผมไม่อยากให้เขาเป็นแบบนี้เลย ให้เขาอ้อนแบบเอาแต่ใจเหมือนเดิมดีกว่ายืนเงียบไม่พูดไม่จาแบบนี้

            ระหว่างรอเวลาเข้าโรงหนังผมอดไม่ได้จริงๆเลยดึงคนตัวเล็กให้เดินตามมาจนถึงห้องน้ำ อาจจะเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาเลยแทบไม่มีคนสักเท่าไหร่ พอมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใครผมก็จัดการดันวิวเข้าไปในห้องน้ำแล้วตามเข้าไปลงกลอนปิดล็อคประตูทันที


            “วิว..”


            เสียงของผมหายเข้าไปในลำคอเมื่อถูกคนตัวเล็กโน้มลงประกบปากปิด ลิ้นอุ่นดุนดันกลีบปากเบาๆ ผมเผยอปากออกน้อยๆเปิดโอกาสให้เขาได้สอดลิ้นเข้ามาโรมรันกับเกลียวลิ้นของผมอย่างง่ายดาย จูบครั้งนี้ไม่ได้เร้าร้อนหรือดูดดื่มอะไรแต่กลับหวานละมุนเต็มตื้นในหัวใจอย่างน่าประหลาด แต่ผมกลับรู้สึกดีมากกว่าจูบครั้งไหนๆของเรา

            เราจูบกันอยู่สักพักก็ผละออกจากกัน ผมหอบในขณะที่หน้าหวานๆของเพราตาแดงซ่าน ผมเม้มปาก.. อดไม่ได้จริงๆ ผมดันเขาให้นั่งลงบนฝาชักโครกที่พับปิดเรียบร้อยก่อนที่จะเคลื่อนกายขึ้นนั่งคร่อมคนร่างเล็กกว่าเอาไว้ โน้มต้นคอขาวประกบปากจูบกับเขาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ผมเป็นฝ่ายที่ส่งลิ้นเข้าไปทักทายลิ้นนุ่มๆของเขาบ้าง


            จากจูบแสนหวานแปรเปลี่ยนเป็นดูดดื่มราวกับจะสูบความเร่าร้อนของกันและกันผ่านจูบนี้ ผมครางในลำคอเมื่ออีกคนขยับช่วงล่างบดถูกับช่วงล่างของผมไปมา ผมผละออกจากปากหวานๆของเขาแล้วฝังหน้าแตะจูบไปตามช่วงลำคอของเขาแทน


            “อ๊าา...”


            เสียงครางหวานจากเพราตาเร้าอารมณ์มากเสียจนผมหยุดไม่อยู่

            เร็วเท่าความคิดจัดการปลดกระดุมกางเกงรูดซิปลงไม่นานสองมือของผมก็กอบกุมท่อนเนื้อขนาดไล่เลี่ยกันของเราเอาไว้ด้วยกันพร้อมทั้งขยับรูดเบาๆ


            “อื้ออ อ๊ะ...”


            ผมปรือตามองอีกคนที่ตาปรือไม่ต่างกัน ดวงหน้าเนียนใสแดงก่ำไปหมด เหงื่อเม็ดน้อยเกาะพราวอยู่บนดวงหน้าหวานจัด.... เรากับมีแรงดึงดูดระหว่างกัน เราเลื่อนหน้าเข้าหากัน สัมผัสริมฝีปากของอีกฝ่ายอีกครั้ง ขบเม้มดูดดึงก่อนที่บดคลึงสอดลิ้นเข้าไปกวาดลิ้มความหวานจากโพรงปากอุ่นอย่างไม่รู้เบื่อ

            เอวเล็กๆขยับโยกตามจังหวะรูดของมือผมในขณะที่ผมเร่งจังหวะเร็วขึ้นจนได้ยินเสียงเฉอะฉะเข้ามาในโสตประสาทหู รู้สึกได้ถึงไอร้อนระอุจากท่อนเนื้อที่ขยับขยายขึ้นกว่าเดิมของเราสองคน มันเสียดสีกันไปมาจนผมแทบจะทนไม่ไหว

            ในขณะที่ผมกำลังจะแตะขอบสวรรค์อยู่รอมร่อเพราตาผละริมฝีปากออก ดวงตากลมโตหวานเชื่อมมองสบกับดวงตาที่คงจะหยาดเยิ้มไม่ต่างกันของผมอย่างเว้าวอน ทั้งน้ำเสียงที่ใช้พูดก็ช่างออดอ้อนหวานหู....


            “เรา อ๊า... ยอมรับว่าเราเอา ...อ๊ะ เอาแต่ใจ แต่ ....แต่น้ำอย่าเบื่อเราเลยนะ.... อ๊ะ..”


            ผมรีบส่ายหน้า เพราะแบบนี้สินะตลอดทางเขาถึงได้เงียบมาตลอด คงจะกังวลเรื่องนี้อยู่คนเดียว... อ่า น่ารักจริงๆ ให้ดิ้นตาย!


            “น้ำรักวิว ไม่มีวัน อ๊ะ... รู้สึกแบบนั้นแน่นอน อ๊าาส์ วิว....วิว”


            ผมครางเรียกชื่อเขาไม่หยุด เราโผเข้าจูบกันอีกครั้งในขณะที่เร่งมือในการชักนำเราทั้งคู่ให้ไปถึงสวรรค์พร้อมๆกัน ใช้เวลาไม่นานเราต่างก็กระตุกเกร็งขึ้นมา ผมรีบดึงทิชชู่มาปิดส่วนหัวของส่วนอ่อนไหวทั้งของผมและของเขาเอาไว้ โชคดีที่ไม่มีหยาดกำหนัดเล็ดรอดออกมาไม่อย่างนั้นคงได้เลอะเทอะกันแน่ๆ

            เราหอบจนหายเหนื่อยสักพักก็หัวเราะออกมาพร้อมกัน ผมโน้มลงจูบกลีบปากอิ่มแผ่วเบาพลางยกมือขึ้นลูบแก้มเนียนที่ยังคงขึ้นสีก่ำอยู่อย่างอ่อนโยน ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รักคนคนนี้มากมายขนาดนี้ ผมรู้แค่เพียงว่าต่อให้วันข้างหน้าจะต้องเจอกับอะไรแต่แค่มีเขาอยู่ข้างๆกันอย่างวันนี้ ผมก็ไม่นึกกลัวทั้งนั้น


            “เพราตา รักนะครับ”ผมพูดชิดริมฝีปากในขณะที่อีกฝ่ายยิ้มจนตาหยีให้ได้อึ้ง จะว่ายังไงดี ผมไม่เคยเห็นเขายิ้มแบบนี้มาก่อน พอได้มาเห็นในระยะใกล้สายตาอย่างนี้แล้วมัน.... อดเขินไม่ได้


            “เพราตาก็รักโตยธารนะครับ”


            ผมคิดว่าต่อให้ตายไปตอนนี้ผมก็ไม่เสียดายอะไรแล้วล่ะ .....


            ....


            เพราะเพิ่งปลดปล่อยออกไปอารมณ์ของเราเลยยังคงค้างๆกันอยู่ จะให้ออกไปทั้งแบบนั้นก็เห็นว่าคงไม่ได้ดูหนังกันแน่ๆ อุตสาห์ซื้อตั๋วแถมยังตั้งใจแน่วแน่ที่จะเอาใจคนตัวเล็กด้วย จะให้ล้มเลิกไปง่ายๆไม่ได้หรอก.... และกว่าจะออกจากห้องน้ำเราใช้เวลาสงบอารมณ์ไปร่วมยี่สิบนาทีเชียว เลยเวลาหนังฉายไปสิบห้านาทีแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ ยังไงเสียโฆษณาก่อนหนังฉายจริงก็กินไปครึ่งชั่วโมงอยู่แล้วล่ะ


            ซึ่งในระหว่างที่ผมยื่นตั๋วให้พนักงานฉีกหันไปมองเพราตาก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังยืนจ้องตากับเด็กผู้ชายตัวสูงเกือบเท่าเอวคนหนึ่งอยู่ เสียงพนักงานทำให้ผมต้องหันกลับไปกล่าวขอบคุณพร้อมกับรับตั๋วอีกส่วนไว้ หันไปมองตำแหน่งเดิมอีกที หนึ่งเด็กหนึ่งผู้ใหญ่ก็ยังคงไม่เลิกเล่นเกมจ้องตากัน อมยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อภาพที่เห็นมันดูน่ารักแปลกๆ

            จ้องตากันสักพักเด็กผู้ชายอายุน่าจะสัก 7-8 ขวบกลับวิ่งตรงหรี่เข้าไปกอดหมับเข้าที่เอวของผู้ใหญ่ในชุดนักศึกษา  ใบหน้าหวานที่ส่อความเย็นชาในตอนจ้องตากลับเปลี่ยนเป็นตะลึงงัน และนั่นล่ะ... ผมหลุดหัวเราะออกมาจนได้


            กำลังจะเดินเข้าไปหากลับต้องชะงักเมื่อจู่ๆสีหน้าของเพราตาก็เปลี่ยนไป แลดู.. น่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก ร่างเล็กอุ้มเด็กตัวน้อยขึ้น เขาหันมองไปรอบๆกายก่อนที่เรียวคิ้วจะขมวดยุ่งมากขึ้นกว่าเดิม เขาขยับปากพูดกับเด็กน้อยในอ้อมแขนแต่ผมไม่รู้ว่าเขาคุยอะไรกันเพราะอยู่ไกลเกินกว่าจะได้ยินชัดเจน แต่พอจะก้าวเข้าใกล้....


            ตุบ!

            “โอ๊ย!”


            “ขอโทษหนาครับ! คุงเป็งอะไรหรือเปล่า?”น้ำเสียงแปร่งหูทำให้ผมต้องเงยขึ้นมองคนที่เดินชนจนเสียหลักเกือบล้ม ใบหน้าขาวราวกับหยวกกล้วยช่วยขับดวงตาตี่สีดำสนิทเป็นประกายลึกล้ำแปลกๆให้โดดเด่นขึ้นมา แค่ดูก็รู้ว่าเขาคงจะไม่ใช่คนไทย อาจจะมีเชื้อชาติเกาหลี สิงค์โปร์ หรือไม่ก็...จีน?

            แต่น่าแปลก

            ผมก้มลงมองกล่องป๊อบคอร์นสองกล่องที่ตกพื้นข้าวโพดป๊อบคอร์นกระจัดกระจายเต็มไปหมด ก่อนที่จะเงยขึ้นมองการแต่งกายของเขาที่ไม่เข้ากันกับการมาดูหนังเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้อยากจะวิพากษ์วิจารณ์คนอื่นนะครับแต่ว่า.... ใครกันจะมาดูหนังทั้งที่ยังอยู่ในชุดสูทเต็มยศแบบนี้?


            แต่บางทีเขาอาจจะเพิ่งเลิกงานก็ได้เลยมาดูหนังแก้เครียด..... โดยการซื้อป๊อบคอร์นถึงสองกล่องทั้งที่น่าจะมาคนเดียว...?


            “มะ ไม่เป็นไรครับ เอ่อ....”ผมดันกายออกจากดแขนของเขาที่รวบโอบเอวของผมเอาไว้อยู่คงจะช่วยกันผมไม่ให้ล้มก้นจิ้มพื้นเมื่อครู่ เขารีบปล่อยผมทันทีก่อนที่จะโค้งติดกันหลายๆครั้งพร้อมทั้งพูดขอโทษไม่หยุดจนผมต้องจับเขาเอาไว้ไม่ให้โค้งอีกพลางย้ำอย่างหนักแน่นว่าผมไม่ได้เป็นอะไรไม่ต้องขอโทษขนาดนั้นนั่นแหละเขาถึงได้หยุด

            หนุ่มต่างชาติยิ้มให้ผมก่อนจากยังเอ่ยปากบอกคนไทยใจดีจริงๆ ผมไม่คิดติดใจอะไร เขาจะใส่สูทผูกไทซื้อป๊อบคอร์นสองกล่องมาคนเดียวหรือมากับเพื่อนยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่แล้ว ที่ผมต้องสนใจน่ะ.....

            แต่เมื่อหันกลับไปมองตำแหน่งที่ควรจะมีคนร่างเล็กอยู่กลับไม่เจอแม้แต่เงา กระทั่งเด็กผู้ชายคนนั้นก็ตาม


            ผมหันมองไปรอบกายท่ามกลางผู้คนที่เดินกันขวักไขว่ไม่มีใครคนไหนเลยที่ใช่คนที่ผมกำลังมองหา หยิบมือถือขึ้นมากดโทรออกแต่ที่ได้ยินกลับมาจากปลายสายคือเสียงของผู้หญิงที่ผมไม่รู้จักบอกว่าไม่สามารถติดต่อเลขหมายนี้ได้ในขณะนี้....
ผมลดมือถือลงหลังจากที่พยายามโทรหาวิวแล้วหลายครั้งแต่ก็ได้รับการตอบรับกลับมาเหมือนเดิมคือติดต่อไม่ได้ มือที่ถือมือถืออยู่สั่นจนไม่ต้องสังเกตก็เห็นได้ชัดเจน


            ไม่สิ โตยธารตั้งสติไว้สิวะ!

            ผมกดโทรออกอีกครั้งหากแต่ครั้งนี้ปลายสายคือคุณอเล็กซ์



            ไม่รู้ทำไม แต่ผมกลับรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆอย่างไรไม่รู้ ยิ่งได้ยินน้ำเสียงร้อนลนของคุณอเล็กซ์ว่าจะรีบตามมาผมก็ยิ่งรู้สึกไม่ดี


           มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ประธานนักศึกษา

กระทู้
30
พลังน้ำใจ
67459
Zenny
73464
ออนไลน์
6685 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-5-19 09:57:14 | ดูโพสต์ทั้งหมด

นิสิตสัมพันธ์

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
27506
Zenny
12206
ออนไลน์
3102 ชั่วโมง
โพสต์ 2018-5-19 17:17:33 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอบคุนครับ

พี่ว้ากตัวร้าย

กระทู้
0
พลังน้ำใจ
635
Zenny
81
ออนไลน์
16 ชั่วโมง
โพสต์ 2022-3-16 02:50:30 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | สมัครเข้าเรียน

รายละเอียดเครดิต

A Touch of Friendship: สังคมจะน่าอยู่ เมื่อมีผู้ให้แบ่งปัน ฝากไวเป็นข้อคิดด้วยนะคะชาวจีโฟกายทุกท่าน
!!!!!โปรดหยุด!!!!! : พฤติกรรมการโพสมั่วๆ / โพสแต่อีโมโดยไม่มีข้อความประกอบการโพส / โพสลากอักษรยาว เช่น ครับบบบบบบบบ, ชอบบบบบบบบ, thxxxxxxxx, และอื่นๆที่ดูแล้วน่ารำคาญสายตา เพราะถ้าท่านไม่หยุดทีมงานจะหยุดท่านเอง
ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านโปรดโพสตอบอย่างอื่นนอกเหนือจากคำว่า ขอบคุณ, thanks, thank you, หรืออื่นๆที่สื่อความหมายว่าขอบคุณเพียงอย่างเดียวด้วยนะคะ เพื่อสื่อถึงความจริงใจในการโพสตอบกระทู้ และไม่ดูเป็นโพสขยะ
กระทู้ไหนที่ไม่ใช่กระทู้ในลักษณะที่ต้องโพสตอบโดยใช้คำว่าขอบคุณ เช่นกระทู้โพล, กระทู้ถามความเห็น, หรืออื่นๆที่ทีมงานอ่านแล้วเข้าข่ายว่า โพสขอบคุณไร้สาระ ทีมงานขอดำเนินการตัดคะแนน และ/หรือให้ใบเตือนสมาชิกที่โพสขอบคุณทันทีที่เจอนะคะ

รูปแบบข้อความล้วน|โทรศัพท์มือถือ|ติดต่อลงโฆษณา|จีโฟกายดอทคอม

ข้อความที่ท่านได้อ่านในเว็บจีโฟกายดอทคอมนี้ เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ หากท่านพบเห็นข้อความใดๆ ที่ขัดต่อกฎหมาย และศิลธรรม ไม่เหมาะสมที่จะเผยแพร่ ท่านสามารถแจ้งลบข้อความได้ที่ Link “แจ้งลบโพสนี้” ที่มีอยู่ใต้ข้อความทุกข้อความ หรือ ลืมพาสเวิดล๊อกอิน/ลืมชื่อที่ใช้สมัคร หรือข้อสงสัยใดๆแจ้งมาที่ G4GuysTeam[at]yahoo.com ขอขอบพระคุณที่ให้ความร่วมมือ

กรณีที่ข้อความ/รูปภาพในกระทู้นี้จัดสร้างโดยผู้ลงข้อมูลเอง ลิขสิทธิ์จะเป็นของผู้ลงข้อมูลโดยตรง หากจะทำการคัดลอก/เผยแพร่ ต้องได้รับอนุญาตจากผู้ลงข้อมูลก่อนนะคะ หรือลงที่มาไว้ด้วยค่ะ

©ขอสงวนสิทธิ์คอนเซ็ปต์,คำอธิบาย,หัวข้อ/หมวดหมู่เว็บ ห้ามลอกเลียนแบบ คิดเอาเองนะคะอย่าเอาแต่ลอก

GMT+7, 2024-11-24 01:44 , Processed in 0.103747 second(s), 25 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.8

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้