แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย orama เมื่อ 2024-6-13 21:54 , F" L5 i4 T* A# i2 T, X7 u# a
/ Q* H- X$ h( `3 i8 v+ ]/ d8 E G/ qบทหนึ่งของชีวิต ตอนจ่ายหนี้พนันบอล 1 โดย orama ประมาณ ปี 2541 เพลงที่ทำให้ทุกคนลุกขึ้นโยกเขย่าเอวแบบลืมตัว ไม่ว่าจะชายจริงหญิงแท้ หรือเทียม แค่ได้ยินอินโทร ก็ต้องลุกขึ้นมายักย้ายส่ายสะโพก กับจังหวะสไตล์ลาติน จากเสียงร้องทั้งเวอร์ชั่นภาษาสเปน และอังกฤษ ของ "ริคกี มาร์ติน" นักร้องหนุ่มหล่อหัวใจสีม่วง ชาวเปอร์โตริโก ที่โด่งดังเป็นพลุแตก พร้อมกับท่อนฮิต Here we go! Ale, Ale Ale! Go, go, go! Ale, Ale Ale! และท่าเต้นอันยั่วยวน ซึ่งทำให้ฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่ยอดเยี่ยม ของแฟนบอลจนถึงทุกวันนี้ ) D5 ]( O p/ S1 a
และด้วยเพลง La Copa De La Vida (The Cup of Life) (1998) ของ ริคกี มาร์ติน ทำให้หลายคนสงสัยว่าผมเป็นเกย์หรือเปล่าเพราะเวลาเพลงขึ้นเอวผมมันจะบังคับไม่ค่อยอยู่ มันจะไปตามเพลงอยู่เรื่อย (ตอนนั้น ริคกี มาร์ติน ยังไม่เปิดตัวว่าเป็นเกย์) ซึ่งใครถามผมก็ได้แต่ยิ้ม ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่มีไอ้โอ๋คนเดียวที่รู้ว่าผมเป็นเกย์ เพราะมันเป็นเมียผมอยู่ประมาณปีเศษ ๆ จนมันแต่งงานกับน้องรัตไป ผมก็เลิกเย็ดมันอย่างถาวร “พี่ต๊ะ” ผมหันไปตามเสียงเรียก ขณะที่ผมกำลังจะกลับบ้านหลังเลิกงาน “ว่าไงกานต์” ไอ้กานต์หรือน้องกานต์ เป็นลูกจ้างชั่วคราว แต่ก็จ้างกันมา 5 ปีแล้ว ทำสัญญาทุกปี สมัยเรียนพานิช ปวส.2 เคยมาฝึกงาน พอจบออกมาพี่ ๆ เลยชวนมาสมัครเป็นลูกจ้างชั่วคราว เงินเดือน 4000 กว่าบาท ตอนแรกก็ทำงานไปเรียนปริญญาตรีไปด้วย แต่ระยะหลัง ๆ ไม่เคยเห็นมันพูดเรื่องเรียนเลย ทำงานมา 5 ปี เงินเดือนขึ้นปีละ 200 บาท แต่วัน ๆ นึงก็ไม่ค่อยเห็นมันได้ใช้เงินเท่าไหร่ เพราะพี่ ๆ จะเลี้ยงข้าวมันเป็นส่วนใหญ่เพราะมันเป็นคนค่อนข้างมีน้ำใจ ใครให้ทำอะไรมันไม่เคยเกี่ยง หน้าตาก็เป็นมิตร แถมรูปหล่อด้วย “คือผมมีเรื่องอยากคุยกับพี่นิดนึง” ร้อยวันพันปีไอ้กานต์แทบไม่เคยพูดกับผม นอกจากยิ้มให้กันเวลาเดินผ่านกัน เพราะไอ้กานต์มันทำงานคนละฝ่าย และอีกอย่างฝ่ายมันอยู่ชั้น 2 ฝ่ายผมอยู่ชั้น 3 “มีเรื่องอะไรจะคุยกับพี่” “พี่รีบกลับมั้ย” “ก็ไม่ได้ได้รีบ กลับบ้านก็นอนไม่มีไรทำ” “งั้นพี่คุยกับผมนิดนึง” ไอ้กานต์มันพาผมเดินเข้าไปในห้องทำงานของมัน ซึ่งทุกคนกำลังเตรียมของกลับบ้าน “อ้าว...ไปไหนต๊ะ” พี่หมูรุ่นพี่ในฝ่ายไอ้กานต์เห็นผมเดินเข้าไปทักทันที “ผมพาพี่เขามาเอาของนะครับพี่หมู” ไอ้กานต์ออกรับแทน “เออ...เสร็จแล้วปิดห้องด้วยนะกานต์ วันนี้วันศุกร์ด้วย” “ได้ครับพี่หมู” พี่หมูสั่งเสร็จก็รีบเดินลงไปข้างล่าง “ใจหายแว็บบบบบเลย นึกว่ากลับหมดแล้ว” “เดี๋ยว...มึงมีอะไร...ทำไมต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ” ผมเริ่มผิดสังเกตในพฤติกรรมของไอ้กานต์ “ไม่มีอะไรพี่” มันพูดเสร็จก็หันซ้ายหันขวาว่าไม่มีคนในห้องแล้ว “แน่ใจนะ..... งั้นว่ามา” “คืออย่างนี้ครับ ผมอยากจะยืมตังพี่สักหน่อย” “นั่นไง ไหนบอกว่าไม่มีอะไร” “คือผมกับเพื่อน....เออ.........กับเพื่อน...เออ” “เสียบอลว่างั้นเถอะ” “แหม.....พี่นี่เข้าใจง่ายดี” “ปกติมึงไม่เล่นนี่หว่า” ผมงงเพราะไม่เคยได้ยินว่าไอ้กานต์เล่นพนันบอล “คือผมไม่ได้เล่นตรง ๆ เพราะผมเล่นไม่เป็น แต่เพื่อนมันมาชวนไปแทงด้วยแรก ๆ มันก็ได้เงิน ทีละ 500-1000 บาท พอเข้ารอบรองมันเล่นหนักผมก็เลยตามมันไปด้วย สุดท้ายแพ้ผมเลยไม่รู้จะเอาเงินไหนไปจ่าย ตอนแรกผมก็คิดว่าแทงลงไปเท่าไหร่ถ้าไม่ถูกก็จบ แต่ที่ไหนได้ มันไม่จบ ยังต้องหาเงินเพิ่มให้เขาอีก” ผมเองก็ไม่เข้าใจการเล่นพนันบอลเหมือนกันเลยไม่รู้จะถามอะไรต่อ “เยอะมั้ย” ผมเริ่มถามยอดเงินเผื่อพอช่วยมันได้ “ก็ไม่เยอะเท่าไหร่หรอกพี่” “ไม่เยอะนะเท่าไหร่” “สองหมื่นกว่า ๆ” “เฮ้ย.....นั่นนะเงินไม่เยอะ……แล้วกว่าไปเท่าไหร่” “ทั้งหมด 58,000 บาท ผมกับเพื่อนคนละครึ่ง คนละ 29,000 บาท” “เฮ้ย.....เกือบสามหมื่นเลยนะมึง” เงินสามหมื่นสมัยนั้นเท่ากับเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เลยนะครับ “มันก็เยอะไงพี่ ผมถึงมายืมพี่ เดือน ๆ นึงเงินเดือนผมแทบไม่เหลือ” “แล้วเพื่อนเราล่ะว่าไง” “มันก็ใช้หนี้ในส่วนของมันเรียบร้อย แต่ของผมก็ต้องใช้หนี้เอง” “กูว่าแล้ว...พนันบอลคนที่รวยมีแต่เจ้ามือ กูไม่เห็นคนแทงคนไหนมันรวยเลย มีแต่โดนแทงตาย” “พี่อย่าพูดงั้นซิครับ ผมยิ่งกลัว ๆ มันบอกให้รีบเอาไปให้” “แล้วเงินที่ได้มาล่ะ” “โหพี่...ได้มาทีละนิดรวมกันไม่ถึงหมื่นผมก็ใช้ไปกินไป ไม่เหลือแล้ว” “แล้วมันจะเอาเงินก้อนหรอ” “มันบอกเอาเงินก้อน แต่ถ้าไม่มีจ่ายเป็นก้อนให้ผ่อนก็ได้แต่ต้องไปคุยกับเฮียมัน” “แล้วทำไมไม่ไปคุยล่ะ” “ผมไม่กล้าไป ขืนไปมันเอาผมตายแน่” “แล้วมึงจะหลบ ๆ ซ่อน ๆ อย่างนี้หรอ” “ผมก็จะยืมพี่ต๊ะ แต่ถ้าพี่ต๊ะไม่มีพี่ต๊ะช่วยออกหน้าไปคุยกับพวกมันให้ผมหน่อย” “เฮ้ย.....มึงจะส่งกูไปตายเรอะไอ้นี่” “นะพี่ต๊ะนะ ผมยืมเงินสัก 29000 พี่จะให้ผมทำอะไรผมยอมหมด” “แล้วทำไมมึงถึงมายืมกู” ผมเริ่มสงสัย “คือ......” “มีไรว่ามาตรง ๆ ไม่ต้องมาอ้อมค้อม “คือ......ถ้าพี่ช่วยผมเดี๋ยวผมยอมนอนกับพี่” ผมถึงกับจุกเข้าไปในอก ถึงแม้จะไม่ปิดบังแต่ก็ไม่ได้เปิดเผยให้ใครรู้ อีกอย่างเป็นรุ่นน้องด้วย “มึงจะมานอนกับกูทำไม” ผมแกล้งตีหน้าซื่อ “ผมคิดว่าพี่ชอบผู้ชายด้วยกัน เพราะพี่ไม่เคยจีบหญิงคนไหนเลย” “มึงก็เลยเดาว่ากูเป็นตุ๊สว่างั้นเถอะ” “ก็ไม่เชิง ผมว่าพี่เป็นเมียพี่โอ๋” ผมยิ่งอึ้งหนักเข้าไปอีก “ทำไมมึงคิดว่ากูเป็นเมียไอ้โอ๋” “ก็เห็นพี่สนิทกัน แล้วอีกอย่างพี่โอ๋ก็มีเมียแล้ว พี่คง.......” “คงไม่มีใครเอากูว่างั้นเถอะ” “ประมาณนั้นแหละครับ” “กูจะบอกให้นะว่าเกย์มีหลายประเภท อย่างแรกคือเกย์ควีน หรือเกย์รับ พวกนี้จะเป็นเมียทั้งชีวิต ไม่แต่งสาว ไม่ตัดควย แต่งตัวเหมือนผู้ชาย แต่งหญิงบ้างบางโอกาส ส่วนอีกประเภทหนึ่งคือเกย์โบท คือเอาก็ได้ โดนเอาก็ได้ และเกย์โบทก็แบ่งออกเป็นสองพวกคือพวกโบทถนัดรับ กับโบทถนัดรุก และสุดท้ายคือเกย์คิง หรือเกย์รุก พวกนี้เอาเป็นอย่างเดียวไม่รับ” “เออ......ผมไม่เข้าในนะพี่ อะไรควีน ๆ คิง ๆ” “พูดง่าย ๆ คือมึงจะมายืมเงินก็แล้วมึงจะเอากูเพื่อใช้หนี้…..ใช่เปล่า” ผมเริ่มถามมันตรง ๆ เพราะตอนนี้ท้องร้องเริ่มหิวแล้ว “เออ...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่ยืมเดี๋ยวผมรีบหามาใช้” “อ้าวแล้วที่มึงจะมานอนกับกูล่ะ” “คือผมขอโทษ คือ......ผมคิดว่าพี่เป็นเมียพี่โอ๋” “กูไม่ได้เป็นเมียไอ้โอ๋ และไอ้โอ๋มันมีเมียแล้ว อย่าไปยุ่งกับมันเลย” ผมพูดความจริงเพราะผมไม่ได้เป็นเมียไอ้โอ๋ แต่ไอ้โอ๋มันเป็นเมียผม 55555555555555 “ผมขอโทษ” ไอ้กานต์หน้าซีดพร้อมกับรีบยกมือไหว้ประหลกๆ “มึงคิดว่ากูเป็นเมียไอ้โอ๋ พอไอ้โอ๋มันมีเมียแล้วมึงก็เลยจะมาเป็นผัวกู แทนไอ้โอ๋ว่างั้นเถอะ” ผมถามมันเสียงดังขึ้น “ผมขอโทษพี่ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ไอ้กานต์มันน้ำตาคลอเบ้าพร้อมที่จะไหลรินลงสู่แก้มที่ขาวผ่องของมัน “ช่างเถอะ กูไม่โกรธหรอก” “ขอคุณครับพี่....ว่าแต่พี่พอจะช่วยผมได้มั้ย” ไอ้กานต์ยังไม่เลิกอ้อน “กูไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอก เหลือเก็บไม่กี่บาท ว่าแต่เมื่อกี้มันบอกว่าผ่อนได้ไม่ใช่หรอ มึงทำไมไม่ไปตกลงผ่อนกับมันล่ะ” “ผมไม่กล้าไปพี่” “แล้วไม่ชวนเพื่อนที่เล่นด้วยกันไปล่ะ” “พ่อมันรู้เรื่องเลยไม่ไห้ไปไหน” “กำ…แล้วทำไมต้องเป็นกูว๊ะ” “นะพี่ต๊ะนะ ถือว่าช่วยลูกนกลูกกา พี่ให้ผมทำอะไรผมยอมหมด” “ยอมหมดโดยการมาเป็นผัวกูนี่นะ” “ผมขอโทษผมนึกว่าพี่เป็นตุ๊ส งั้นให้ผมทำอย่างอื่นก็ได้” “งั้นมาเป็นเมียกูมั้ยล่ะ” ผมเริ่มแหย่ “จะบ้าหรือพี่ ผมเป็นชายทั้งแท่ง” “อ้าว....แล้วทีมึงจะมาเอาตูดกูนี่คิดว่ากูเป็นชายไม่เต็มแท่งหรอ” ผมเริ่มหงุดหงิด “ก็.......ผมคิดว่าพี่เป็นตุ๊สไง” ผมเองก็อดขำกับความคิดของมันไม่ได้ “เดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที ตอนนี้หิวข้าว กลับบ้านก่อนเถอะ ค่ำแล้วด้วย” ผมมองออกไปข้างนอกฟ้าเริ่มมืด เราสองคนเดินออกมาจากห้องทำงาน ไอ้กานต์แสดงสีหน้าอย่างคนผิดหวัง ดูหงอย ๆ ซึม ๆ อย่างเห็นได้ชัด “เอาน่า .....เดี๋ยวกูช่วยไปบอกพวกนั้นว่านัดคุยกันก่อนว่าจะผ่อนใช้ ถ้ามันไม่ยอมค่อยว่ากันอีกที “จริงนะพี่ต๊ะ อย่าหลอกผมนะ” ไอ้กานต์แสดงสีหน้าอย่างลิงโลด พร้อมกับจับแขนผมเขย่าอย่างแรง “เออ.......” ผมตัดรำคาร แล้วเดินไปขึ้นรถขับกลับอพาร์ทเม้น โดยไอ้กานต์ยืนส่งด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “กริ้งงงงงงงงงงงงง” วันนี้วันเสาร์ใครโทรมาแต่เช้าว๊ะ ผมงัวเงียลุกออกมารับโทรศัพท์หน้าห้อง “มีสายนอกค่ะ” เสียงโอเปอร์เรเตอร์ประจำอพาร์ทเม้นพูดมาตามสาย “ครับ” “พี่ต๊ะ ผมกานต์เอง” “มึงไปเอาเบอร์กูมาจากไหน” “ผมขอพี่โอ๋” “มีไรแต่เช้าว๊ะ” “ผมนัดพวกมันได้แล้ว” “นัดอะไร” ผมลืมไปสนิทว่าผมไปนัดอะไรกับมัน “อ้าวพี่...ก็นัดที่จะไปคุยเครียเรื่องเงินให้ผมไงครับ” “อ๋อ...เมื่อไหร่” “วันนี้ ตอนบ่าย ๆ” “ไปคุยที่ไหน” “มันบอกให้ไปแถวประชาสงเคราะห์” “โห....ไกลแท้มึง คนละฝั่งกรุงเทพเลยนะ ทำไมไม่นัดมาแถว ๆ นี้” “ถ้าให้เงินทีเดี๋ยวหมด มันบอกให้ที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าจะผ่อนมันให้ไปที่บ้านมัน” ผมเริ่มหนาวสันหลังขึ้นมาทันที กูจะเอาชีวิตไปทิ้งกับเรื่องไม่ใช่เรื่องแบบนี้หรือยังไง แต่ก็รับปากมันไปแล้ว เดี๋ยวจะเสียคำพูดเปล่า ๆ “งั้นเอ็งมาหาพี่ที่อพาร์ทเม้นตอนบ่าย ๆ แล้วไปด้วยกัน” “ได้พี่...เจอกันสักบ่ายโมงนะพี่นะ” “เออ.............” ผมวางสายเสร็จก็เริ่มเครียดกับสิ่งที่ตัวเองต้องเผชิญในเย็นวันนี้ ผมอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงไปหาอะไรกินตอนเช้า บ่ายโมงครึ่งไอ้กานต์แวะมาหาผมที่อพาร์ทเม้นผมไม่เอารถไป โดยขึ้นรถเมย์ไปที่สนามหลวงแล้วต่อรถเมย์จากสนามหลวงไปอนุสาวรีย์ แล้วต่อรถเมย์ไปประชาสงเคราะห์ กว่าจะถึงปากซอยปาเข้าไป 4 โมงเย็น หูตาโดนลมเป่าแหกหมด เราสองคนมายืนอยู่หน้าปากซอยพุฒิโพธิ์ ถนนประชาสงเคราะห์ดินแดง ตามที่ไอ้กานต์บอก มองเข้าไปในซอยเป็นอาคารพานิชย์ บางห้องก็ทำเป็นห้องแบ่งเช่า บางห้องก็ทำเป็นร้านค้า ร้านทำผม ซอยนี้สงสัยหมอนวดเยอะ เพราะเดินเข้ามามีแต่สาว ๆ นุ่งสั้น ๆ แต่งหน้าเข้มจัดจ้าน เดินสวนออกมา บางคนจ้องมองผมจนเหลียวหลัง ไอ้กานต์เดินอย่างระแวง ๆ มันเดินไปหลบไป “ห้องไหนว๊ะกานต์” “เออ...เขาบอกว่าเป็นร้านเสริมสวยร้าน ที่ 5 นับจากฝั่งซ้ายนะพี่” ผมหันหลังไปนับร้านเสริมสวยเราเดินผ่านมาแล้ว 3 ร้าน น่าจะเป็นร้านที่มีป้ายไฟสวยงามกว่าเพื่อน “หวัดดีครับ ผมมาหาคุณชัย” ผมเปิดประตูร้านเสริมสวยเข้าไปเจอช่างทำผมรูปร่างอวบ ผิวขาวยังกะหยวกกล้วย นุ่งกางเกงขาสั้นรัดรูป กำลังไดร์ผมให้ลูกค้า “ไอ้ชัย ชัย มีคนมาหา” ช่างเสริมสวยตะโกนเข้าไปข้างใน และมีชายหนุ่มร่างท้วมเดินออกมา หน้าตาไม่ค่อยจะรับแขกเท่าไหร่ ไอ้กานต์พอเห็นหน้าไอ้ชัยถึงกับถอยกรูด ผมรีบจับมือมันไว้ มือมันเย็นเฉียบ ผมเองก็ใจเต้นขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากเจอหน้าไอ้ชัย อายุน่าจะ 20 ปลาย ๆ “มีไร” เสียงไอ้ชัยไม่เป็นมิตรเลย “เออ...จะมาคุยเรื่องที่น้องเขานัดไว้” ไอ้ชัยทำหน้างงนิดนึงก่อนที่มันจะกวักมือเรียกเข้าไปคุยข้างใน ผมเดินเข้าไปข้างในแบบใจดีสู้เสีย ส่วนไอ้กานต์ไม่ต้องถามถึง มือมันเย็นเฉียบหนักกว่าเดิม เดินไปสั่นไป ไอ้ชัยมันพาเดินขึ้นไปชั้น 4 พอพ้นบันไดจะมีโซพาชุดใหญ่ และด้านในกั้นเป็นห้องกระจกสีทึบ มองแทบไม่เห็นคนข้างใน “นั่งลง” เสียงไอ้ชัยพูดเหมือนตะคอกให้ผมนั่งลง เราสองคนค่อย ๆ หย่อนตูดลงนั่ง โดยไอ้กานต์เกาะผมแน่น “คือผมจะมาขอผลัดผ่อนเรื่องเงินของไอ้กานต์มัน” “เป็นงี้ทุกคน ตอนได้แม่งทวงยิก ๆ แทบไม่ทันปิดเกมส์ พอเสียขึ้นมาแม่งอิดออด มาขอผ่อน ขอความเห็นใจ แล้วชื่อไร หนี้อยู่เท่าไหร่” “คือ” เจอคำพูดตรง ๆ ผมถึงกับใบ้แดก ไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ “ชื่อกานต์ ติดหนี้อยู่ 29000 บาท” “แปบนึงเดี๋ยวดูบัญชีก่อน” ไอ้ชัยเปิดสมุดเล่มใหญ่ ค่อย ๆ ไล่ชื่อไปทีละชื่อ “เคยถูกไปหลายแมทเหมือนกันนี่ เอ้า....ว่ามาจะจ่ายทีเดียวหรือจ่ายเป็นงวด” “จะขอจ่ายเป็นงวดครับ” “เดือนละ 10000 บาท จำนวน 3 เดือน ตามนั้น” “เออ.....ไม่ไหวครับ เงินเดือนมันเดือนนึงยังไม่ถึง 5000 บาทเลย” “เฮ้ย อะไรว๊ะ ตอนแทงแม่งทำไมไม่คิดว่าเงินเดือนน้อย” ผมนึกในใจก็จริงของมันอีกนั่นแหละ “เอางี้ เดือนละ 5000 บาท 6 เดือน ถ้ามากกว่านั้นกูคิดดอก” “มีไรกันเสียงเอะอะลงไปถึงข้างล่าง” ผมหันไปตามเสียง เป็นผู้ชายแต่งตัวภูมิฐานใส่เสื้อยืดโปโลสีชมพูสดไว้ข้างใน สวมทับด้วยสูทสีขาว กางเกงขาว และรองเท้าหนังสีเดียวกัน “ก็ไอ้นี่แหละพี่ มาขอผ่อนหนี้พนันบอล” “เอาอีกแล้วหรอ ตอนเล่นแม่งใจใหญ่กันจัง พอเสียขึ้นมาแม่งแทบมากราบตีน…ไอ้นี่หรอ” ไอ้เสี่ยมันชี้มาทางผม “ไม่ใช่พี่......โน่นไอ้ตัวที่นั่งลีบอยู่ข้างหลัง” ผมเห็นหน้าไอ้เสี่ยแล้วนึกไม่ออกว่าผมเคยเจอที่ไหน มันคุ้น ๆ รวมทั้งรอยยิ้มที่มุมปากและมาดกวนตีน ๆ แบบนี้ด้วย ไอ้เสี่ยเองก็จ้องหน้าผมนิ่งเหมือนกัน “เดี๋ยวมึงไปคุยกับกูข้างใน” ไอ้เสี่ยชี้มาที่ผม มันเดินนำหน้าเข้าห้องกระจกทึบ ผมลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะลุกขึ้น ไอ้กานต์ตัวสั่นหนักกว่าเก่า มันกอดผมแน่น ผมค่อย ๆ แกะมือมันออก “รออยู่นี่...คงไม่มีไรหรอก” ผมค่อย ๆลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยมีไอ้เสี่ยนั่งหน้าเครียดบนเก้าอี้หนังตัวใหญ่ ภายในห้องมีตู้เอกสาร และโต๊ะหมู่บูชาชุดใหญ่ มีพระเต็มไปหมด ดูเผิน ๆ นึกว่าตำหนักทรงเจ้า “นั่งลง” ไอ้เสี่ยมันชี้ให้ผมนั่งลงเก้าอี้ตรงหน้ามัน “กูคุ้น ๆ หน้ามึงมาก เคยเจอกันมั้ย” “ผมก็คุ้นครับ แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน” “มึงเคยเรียนเทคนิคที่จังหวัด.................นี้ปะ” ไอ้เสี่ยเอ่ยชื่อจังหวัดที่ผมเรียนเทคนิคระดับ ปวช. “เคยครับ” “ไอ้ต๊ะ........ใช่มั้ย” “เออ....ใช่ครับ” “กูว่าแล้ว จำกูไม่ได้หรอ” “เออคุ้น ๆ แต่จำไม่ได้ครับ” “กูพี่นาวไง” พอไอ้เสี่ยบอกชื่อเสร็จ หน้าพี่นาวที่กำลังเย็ดตูดกระทยลอยเด่นขึ้นมาทันที ผมแหงนหน้ามองฟ้าแล้วจ้องมองหน้าไอ้เสี่ยสลับกันไปมา “เออ............” ผมอึ้งเพราะภาพลักษณ์แกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีน สมัยก่อนแกเซอร์ ๆ ซกมก ๆ เกงยีนส์เก่าๆซักเดือนละครั้ง กับเสื้อยืดย้วย ๆ ทับด้วยเสื้อเชิ๊ดลายสก็อต เก่า ๆ แต่ตอนนี้ ดูสำอางมาก แต่งตัวผิดกันราวกับฟ้ากะเหว “มึงไม่ต้องมองกูแบบนั้นก็ได้ไอ้ต๊ะ” ความกลัวเมื่อสักครู่ผมหายเป็นปลิดทิ้ง แถมดีใจที่เจอพี่นาวหลังจากที่ไม่ได้เจอแกมา 10 กว่าปี “พี่ไปไงมาไงถึงมาเป็นเสี่ยที่นี่” ผมเริ่มซักประวัติ “จบมากูก็ไปทำไร่ พ่อกับแม่กูรถคว่ำตาย กูก็เลยตามพี่ชายมาทำงานที่กรุงเทพ” “เสียใจด้วยพี่” “เฮ้ย ไม่ต้องเสียใจ ป่านนี้พ่อกับแม่กูไปทะเลาะกันที่ไหนแล้วก็ไม่รู้” ดูพี่นาวแกอารมณ์ดีขึ้นมาทันที “ว่าแต่มึงเถอะ เล่นบอลเป็นเหมือนกันหรอ” “ไม่ใช่ของผมหรอกพี่ ของไอ้น้องที่นั่งหน้าห้อง เป็นน้องที่ทำงาน มันขอให้ผมมาช่วยพูดว่าจะขอผ่อน กำลังต่อลองกับพี่ชัยเขา” “พี่ชงพี่ชัยที่ไหน ไอ้นั่นนะยังไม่ถึง 20 เลย ลูกน้องพี่เอง เออ...เมื่อกี้ว่าทำงานที่ไหนนะ” “ผมทำงานราชการแถวฝั่งธนพี่” “เฮ้ย โชคดีว่ะ” “ผมเรียนต่อจนจบปริญญา แล้วก็มาสอบทำงานเป็นข้าราชการได้” “แล้วเจอไอ้ดอนบ้างมั้ย” พอพี่นาวพูดชื่อไอ้ดอนเสร็จหน้าและตูดไอ้ดอนลอยขึ้นมาทันที “ไม่เจอเลยพี่ ตอนเรียนปี 2 ผมย้ายออกมาจากหอก็แทบไม่ค่อยเจอมันอยู่แล้ว” ความคุ้นเคยเริ่มมา ผมก็เริ่มนั่งสบายขึ้น “พี่ก็ไม่ค่อยได้กลับว่ะ ที่นั่นไม่มีใคร ตอนนี้ก็เหมือนเป็นคนกรุงเทพเต็มตัว ลูกเมียก็อยู่ที่นี่หมด” พอพูดเรื่องลูกเมียผมทำหน้างง กึ่งสงสัยว่าเมียแกเป็นหญิงหรือเป็นกระเทย แล้วกระเทยมีลูกได้ด้วยหรอ “มึงไม่ต้องสงสัย เมียกูเป็นผู้หญิงแท้โว้ย” ผมอมยิ้มกับคำพูดที่ร้อนตัวของพี่นาว “ไอ้เหี้ยเดี๋ยวกูถีบไปโน่น...มึงไม่ต้องมาอมยิ้ม” พี่นาวไม่พูดเฉย ๆ เตรียมยกตีนถีบผมอย่างเต็มที่ ผมเองก็เตรียมตัวหลบอย่างเต็มที่เหมือนกัน.... “เปล่า......” ผมปฏิเสธเสียงสูง “อย่ามาตอแหล อ้าปากกูก็เห็นถึงไส้ตึ่งมึงแล้ว ว่าแต่มึงเถอะเลิกกินถั่วดำหรือยังว๊ะ” คำสุดท้ายพี่นาวยื่นหน้ามากระซิบเบา ๆ แบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ “พี่รู้หรอ.........” ผมแกล้งถาม “ตอนแรกกูก็ไม่แน่ใจ ไอ้ดอนมันชอบมาถามกูว่าเอากระเทยเป็นไง กระเทยมันเจ็บมั้ย มีขี้ติดมั้ย ตอนแรกกูก็คิดว่ามันจะเป็นแบบกูชอบเอาตูดกระเทย แต่ที่ไหนได้วันนั้นกูลงไปหาพวกมึงเห็นของได้ยินเสียงตับ ๆ เลยแอบดูเห็นไอ้ดอนนอนให้มึงเย็ดตูดตับ ตับ” “แหมพี่....แอบดูก็ไม่บอก ผมอายย้อนหลังนะนี่” ผมเองก็นึกอายขึ้นมาทันที แล้วไอ้ดอนล่ะถ้ามันรู้ว่าพี่นาวรู้เรื่องมันจะอายแบบผมมั้ย นึกขึ้นมาก็อดอมยิ้มไม่ได้ “มึงอมยิ้มอะไร” “นึกถึงรสตูดไอ้ดอนนะพี่ 5555555” “แหม......ไอ้เหี้ยนี่” “เออ...ว่าแต่ไอ้น้องคนนั้นมึงเย็ดมันหรือยังว๊ะ...น่ารักดีนะ” “พี่สนหรอ เดี๋ยวผมติดต่อให้” ผมแกล้งถามพี่นาวตรง ๆ “เฮ้ย...เดี๋ยวนี้กูเลิกหมดแล้ว ขืนมีไรกับผู้ชายลูกเมียเอากูตาย” “เลิกจริง ๆ หรอ” ผมจ้องเข้าไปในดวงตาพี่นาวนิ่ง “ไอ้เหี้ยต๊ะ .......มึงจะถามหาอะไร” พี่นาวพูดเสร็จก็ก้มหน้าหลบสายตาผม “ก็แค่อยากรู้เฉย ๆ ผมจะได้หาเด็ก เห้ยทำตัวถูก” “ไอ้นี่ยิ่งพูดเหมือนยิ่งยุ...เดี๋ยวกูถีบไปโน่น” “ท่าทางแบบนี้สมกับเป็นพี่นาวหน่อย 55555 ว่าแต่อดได้จริงรื้อ” ผมพูดลอย ๆ ขึ้นมา “เออ......กูบอกก็ได้ มันก็มีบ้างเวลาไปต่างจังหวัด แต่มึงอย่าพูดไปนะ ไม่งั้นกูเอามึงตาย” “แหมพี่.....ผมเห็นพี่ล่อตูดกระเทยมาตั้ง ปวช.ผมไม่เคยเอาไปเล่าให้ใครฟังจนถึงตอนนี้ เอ.....หรือจะเริ่มเล่าดี” “ไอ้เหี้ยต๊ะ...พอ ๆ เปลี่ยนเรื่อง ว่าแต่ไอ้น้องคนนั้นมันเป็นหนี้อยู่เท่าไหร่” “29000 บาทพี่” “แล้วไอ้ชัยมันว่าไง” “มันให้ผ่อนเดือนละ 5000 บาท 6 เดือน แต่เงินเดือนมันไม่ถึง 5000 บาทเลย มันเลยขอให้ผมมาช่วยต่อรอง คือ....ผมว่าจะขอให้มันผ่อนใช้หนี้พี่เดือนละ 1000 บาท จนหมดได้มั้ยครับ” พี่นาวจ้องตาผมนิ่ง แล้วใช้ความคิดนิดนึง “เอางี้ พี่ให้ผ่อนเดือนละ 1000 แต่เอาเงินไว้ที่ต๊ะก่อน ครบเมื่อไหร่ค่อยเอามาให้พี่” “จะดีหรือพี่ เดี๋ยวให้มันเอามาให้ก็ได้” “เอาน่า ลำบากเปล่า ๆ ครบเมื่อไหร่ค่อยเอามาให้ แต่ไม่ต้องไปบอกมันนะว่าเงินอยู่ที่ต๊ะ แต่บอกว่าให้เอามาไว้ที่ต๊ะ เดี๋ยวพี่ไปเอาเอง” “เออ....ตามนั้นก็ได้พี่” ผมเองก็สงสัยว่าเพราะอะไร แต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดเดี๋ยวแกเปลี่ยนใจ แค่นี้ไอ้กานต์ก็คงหายเครียดไปบ้างแล้ว “วันนี้เดี๋ยวพี่ต้องรีบไปก่อน นี่เบอร์โทรพี่นะ ว่าง ๆ เองก็โทรมาหาพี่ หรือแวะมาหาพี่บ้างจะได้กินข้าวกัน” “ได้พี่” “งั้นพาน้องมันกลับได้เลย ส่วนไอ้ชัยเดี๋ยวพี่จัดการเอง” “ขอบคุณพี่มากครับ” ผมยกมือไหว้พี่นาว แล้วเดินออกมาข้างนอกเห็นไอ้กานต์นั่งหน้าซีดตัวสั่นบนโซฟา “ว่าไง” ไอ้ชัยเงยหน้าขึ้นมาถามผม “ไปถามลูกพี่แกดูแล้วกัน” เมื่อกี้ยังเรียกมันว่าพี่ชัย แต่ตอนนี้เรียกว่าแก ไม่เปลี่ยนเป็นมึงก็บุญแล้ว ไอ้ชัยหันหน้าเลิกลักพร้อมกับรีบเดินเข้าไปในห้องกระจกอย่างรวดเร็ว ผมหันไปเห็นเงามันชี้มือชี้ไม้ แล้วหันหน้ามาทางผมกับไอ้กานต์ “ไปกานต์ กลับบ้าน” ไอ้กานต์ถึงกับเข่าอ่อนลุกไม่ขึ้น ผมต้องเข้าไปซ้อนปีกมันขึ้นมา มันเดินลงบันไดเหมือนคนหมดแรง “เขาว่าไงบ้างพี่ เขายอมมั้ย” “ถึงบ้านค่อยคุยกัน” พอพ้นประตูร้านเสริมสวยออกมา พระอาทิตย์ตกดินแสงสว่างถูกทดแทนด้วยไฟแสงสียามราตรี ผมพามันเดินออกมาจนถึงปากซอยแล้วเรียกแท็กซี่ไปสนามหลวงทันที ถึงสนามหลวงผมพาไอ้กานต์ไปหาอะไรกินตรงพระแม่ธรณีบีบมวยผม ซึ่งตรงนี้จะมีขนมจีน ข้าวแกง รวมทั้งของกินอื่น ๆ ขาย จนถึง 3 ทุ่ม ผมนั่งกินขนมจีนอย่างหิวโหย ส่วนไอ้กานต์ถือจานในมือนิ่ง แทบจะไม่แตะขนมจีนเลย เอาแต่จ้องหน้าผม “กินดิ” “กินไม่ลงพี่” “กินเข้าไปเถอะ....ข่าวดี” “ข่าวดีอะไรพี่” “เอาน่ากินก่อน เดี๋ยวกูเล่า” ไอ้กานต์ตักขนมจีนใส่ปากแบบไม่ต้องเคี้ยว ไม่ถึงอึดใจขนมจีนหมดจาน “เล่าได้หรือยังพี่” “เฮ้ย เดี๋ยวไปเล่าที่บ้าน” “พี่นี่โยกโย้” “มึงจะฟังมั้ย” “ได้ ๆ” ผมจ่ายตังค่าขนมจีนเสร็จก็ ขึ้นรถเมย์กลับอพาร์ทเม้นทันที พอถึงหน้าอพาร์ทเม้นไอ้กานต์เซ้าซี้ทวงถามอยากรู้เรื่องทันที “พี่เล่าได้หรือยัง” “วันจันทร์ก็ได้มั้ง วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” “พี่ต๊ะ............” ไอ้กานต์ตะโกนเสียงดัง “มึงจะเสียงดังทำไม” “พี่เล่าสักทีดิ” “ไปเล่าบนห้อง” ไอ้กานต์เดินตามขึ้นไปอย่างว่าง่าย ผมเข้าไปล้างมือออกมาจากห้องน้ำไอ้กานต์ดิ่งมาหาผมทันที “ไป ๆ นั่งที่เดิมเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง” “เขาให้ผ่อนเดือนเท่าไหร่พี่ เดือน ละ 5000 ผมไม่ไหวหรอกพี่ เงินเดือนผมยังไม่ถึง 5000 เลย” “เข็ดมั้ย” “เข็ดแล้วพี่ ผมไม่เอาอีกแล้ว สาบาน” “เขาให้แกผ่อนเดือนละ 1000 บาทจนกว่าจะครบ 29000 บาทโดยไม่มีดอกเบี้ย” “แล้วผมต้องเอาไปให้เขาที่ไหน” “เอ็งเอามาไว้ที่พี่ทุกเดือน เดี๋ยวเขาจะแวะมาเก็บกับพี่เอง” “ไชโย....รอดตายแล้วกู” ไอ้กานต์โดดตัวลอยอย่างลิงโลด “ขอให้เข็ดหลาบจริง ๆ นะ เพราะการพนันมันไม่ทำให้ใครรวยหรอก มีแต่หนี้สิน” “ผมไม่เอาอีกแล้วพี่ ...เข็ดจนวันตาย” ไอ้กานต์ทิ้งตัวลงนอนไปบนโซฟาแบบหมดแรง หลังจากที่เครียดมาเกือบทั้งวัน ผมเข้าไปในห้องนอนเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมอาบน้ำ ออกมายังเห็นมันนอนหงายหลับตานิ่ง “เสร็จแล้วก็กลับบ้านได้” “หิวพี่ .........ไม่มีแรงกลับ” “เมื่อกี้ก็กินขนมจีนไปแล้วนี่” “แค่นั้นไม่พอกระเพาะผมหรอก เมื่อกี้มันเครียดกินอะไรก็ไม่ลง” “งั้นไปดูของกินในตู้เย็นเอาแล้วกัน อะไรกินได้ก็จัดการเลย พี่อาบน้ำก่อน” ผมพูดเสร็จก็เข้าไปอาบน้ำด้วยความอ่อนเพลีย เพราะวันนี้นั่งรถเมย์ไกลที่สุดเท่าที่นั่งมา ผมอาบน้ำออกมาเห็นโต๊ะเกลื่อนไปด้วยจานกับเศษอาหาร มองไปที่โซฟา เห็นไอ้กานต์นอนหงายหลับตานิ่ง “มึงอย่ามาเนียนแกล้งกลับ ลุกขึ้นมากลับบ้านได้แล้ว” ไอ้กานต์ลืมตามองหน้าผมนิ่ง “ตามสัญญาพี่ พี่จะให้ผมทำอะไร” อยู่ ๆ ไอ้กานต์ก็พูดขึ้นมาขึงขัน “สัญญาอะไร” ผมลืมเสียสนิทว่าไปสัญญาอะไรกับมัน “ก็สัญญาว่าถ้าพี่ช่วยผม พี่จะให้ผมทำอะไรผมทำให้ทุกอย่าง” “อย่าบอกนะว่ามึงจะมาเอากู” “ก็ถ้าพี่ไม่ให้ผมเอา แล้วจะให้ผมทำอะไร ผมทำอย่างอื่นไม่เป็น” “มึงเคยเอาใครหรือ” “ไม่เคยพี่” “อ้าว................ไม่เคยเอาใครแล้วมึงจะมาเอากูนี่นะ” “พี่ก็บอกซิว่าต้องทำยังไง” เออ....เอากับมันดิ “ไปกลับบ้าน วันหลังค่อยคุยกันว่าจะทำอะไร” “ไม่กลับ........วันนี้ผมจะนอนที่นี่” : F5 A: v: b4 R' x. A# j+ ?# X" h
) B3 U% [' Z; @+ \8 ^, l
|