หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 80 ตอนเพื่อนต้องช่วยเพื่อน (อีกครั้ง)โดย Orama ผมมีโอกาสได้คุยปรึกษากับลุงสมหมายพี่ชายป้าเจ้าของหออีกหลายครั้ง จึงนัดให้เจอกับพ่อและแม่ไอ้เชน เรานัดเจอกันที่ร้านอาหารแถวศาลหลักเมืองในวันเสาร์ ร้านอาหารวันนี้ค่อนข้างเงียบ ร้านอาหารจำพวกปลาเผา ไก่ย่าง ส้มตำ โดยทางร้านจัดซุ้มมุงแฝก เก้าอี้ทำจากไม้ไฝ่ แต่ละซุ้มห่างกันประมาณ 5 เมตร เราไปกัน 5 คน มีพ่อแม่ไอ้เชน และไอ้ชิน ส่วนผมไปกับลุงสมหมายพี่ชายป้าเจ้าของหอ “ขอบใจต๊ะมากนะที่เป็นธุระให้พ่อกับแม่ได้คุยกับลุงแก พ่อเองก็มืดแปดด้านไม่รู้จะไปปรึกษาใคร” พ่อไอ้เชนหันมาตบบ่าเบา ๆ เพื่อเป็นการขอบใจ “ไม่เป็นไรครับพ่อ ไอ้เชนมันเพื่อนผม นิสัยมันดีมาตลอด ไม่เคยเกเร” “ตามที่เล่ามาก็ถือว่าเป็นการป้องกันตัวได้นะครับ แล้วมีพยานมั้ย” หลังจากที่พ่อกับแม่เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลุงสมหมายฟัง ลุงสมหมายก็เริ่มสรุปออกมาทีละประเด็น “ก็มีแต่ผู้หญิงนั่นแหละที่จะเป็นพยานให้ได้ แต่เขายังปิดปากเงียบ ได้ข่าวว่าทางโน้นเขามีอิทธิพลแล้วก็ไปข่มขู่ผู้หญิงด้วยว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกเขาตาย จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด” ผมปล่อยให้พ่อกับแม่ไอ้เชนคุยกับลุงสมหมายพี่เจ้าของหอ ส่วนผมกับไอ้ชิน หันมาสนใจอาหารบนโต๊ะกันอย่างจริงจัง จริง ๆ แล้วก็อยากฟังเหมือนกันว่าผู้ใหญ่คุยเรื่องอะไรแต่กลัวผู้ใหญ่คุยกันไม่ถนัด เพราะต่างคนก็ต่างคุยกันเหมือนกระซิบคงไม่อยากให้ใครรู้เรื่องมากนัก ผมเป็นเด็กจะถามก็กลัวเสียมารญาต เลยขยับออกมานั่งปลายโต๊ะสองคนกับไอ้ชินแล้วหันมาสนใจอาหารดีกว่า “พี่ต๊ะสนิทกับพี่เชนมากหรอครับ” ไอ้ชินแทะไก่ไปตั้งคำถามผมไป “ก็เรียนห้องเดี๋ยวกัน พี่เป็นหัวหน้าห้องด้วย สนิทกันมั้ยล่ะ” “ผมไม่เคยเห็นพี่ต๊ะไปบ้านผม เคยเห็นแต่พี่เจต กับเพื่อน ๆ วอลเล่บอลของพี่เชน” “พี่เจตเคยเล่นวอลเล่บอลมาก่อน เลยคุยกันรู้เรื่อง แต่พี่สายกองเชียร์ เลยคุยกันไม่รู้เรื่อง” “ยังไงครับสายกองเชียร์” “พี่เล่นกีฬาไม่เก่งสักอย่าง แทบจะเล่นไม่เป็นเลยก็ว่าได้ แต่ภาคทฤษฎีพี่ถนัด เลยหันมาเป็นกองเชียร์หรือผู้สนับสนุนแทน” “อ๋อ แล้วทำไมพี่ไม่เล่นละครับ” “ไม่รู้ดิ ใจไม่รักมั้ง เพราะเห็นนักกีฬาแต่ละคนต้องเสียสละเวลาฟิตซ้อมกันมาก บางครั้งต้องขาดเรียนด้วย” “ใช่ ผมเห็นพี่เชนขาดเรียนเพื่อไปเข้าค่ายบ่อย ๆ แต่ไม่เห็นพี่เชนตกสักวิชา” “นั่นแหละ พี่เป็นคนชอบเรียนหนังสือ พอใครไปเข้าค่ายกลับมาพี่ก็มีหน้าที่ติวให้ เพื่อจะได้ทันเพื่อน” “อ๋อ..............................แบบนี้นี่เอง” ไอ้ชินลากเสียงยาว “ทำไมล่ะ” “ก็ผมเห็นพี่เชนไปเข้าค่าย หรือไปแข่งกีฬาที่ไหน แต่ทำไมการเรียนไม่ตก เป็นเพราะพี่คอยช่วยนี่เอง” “พี่ช่วยทุกคน ห้องพี่เป็นนักกีฬาเสียส่วนใหญ่ นอกนั้นก็นักดนตรีบ้าง นักมวยก็มี” “แล้วพี่เอาเวลาไหนไปติวครับ ผมไม่เคยเห็นพี่ไปติวให้พี่เชนที่บ้านเลย” “ช่วงไม่มีเรียนพวกพี่ก็จะหาห้องเรียนที่ว่างติวกัน หรือติวกันที่ช็อฟบ้าง ที่ห้องสมุดบ้าง ที่โรงอาหารบ้าง ถ้าใกล้สอบก็ติวกันที่หอพี่” “งั้นผมไปติวที่หอพี่ด้วยคนได้มั้ยครับ” “ได้ดิ ว่าแต่เราอ่อนวิชาอะไร” “ผมอ่อนวิชาคำนวณ ไม่รู้สูตรอะไรเยอะแยะไปหมด” “วิชาคำนวณนั่นนะความถนัดพี่เลยนะ” “จริงดิ” “อืม” “แล้วหอพี่อยู่ที่ไหน” “อยู่ซอยหน้าโรงเรียนเรานั่นแหละ” “พี่อย่าบอกนะว่าอยู่หอ........” “อืม...นั่นแหละ รู้จักหรอ” “โหพี่ใครบ้างไม่รู้จักหอนั้น แต่ผมไม่เคยไปหรอก เคยแต่ผ่าน” “อ้าวแล้วบ้านพี่ไม่ได้อยู่ในตัวจังหวัดหรอ” “เปล่า..บ้านพี่อยู่ต่างอำเภอ” “แล้วพี่กลับบ้านบ่อยมั้ย” “ปีนึงกลับครั้งนึงมั้ง เฉพาะปิดเทอมใหญ่” “โห.....นานแท้” “ปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมาพี่ก็กลับไปอยู่บ้าน พอดีญาต ๆ ทางฝ่ายแม่เสียพอดี เลยอยู่ช่วยงานจนเปิดเทอมพี่ถึงไม่รู้ข่าวว่าพี่เชนติดคุก” “อ๋อ..........มิน่าล่ะ” “อีกอย่างลุงสมหมายที่กำลังคุยกับพ่อแม่เราก็เป็นพี่ชายป้าเจ้าของหอนั่นแหละ” “ถึงว่าทำไมพี่ต๊ะดูสนิทสนม” “พวกพี่เคยไปเดินสายไฟให้แกที่บ้านตอนแกปลูกบ้านใหม่ ไอ้เชนก็เคยไปช่วย แต่มันไปแค่ครั้งเดียว พอดีมันติดซ้อมวอลเล่บอล” “มิน่าละลุงแกถึงช่วย” “ไม่ถึงขนาดช่วยหรอก แต่อยากให้ลุงช่วยหาทางออกให้ เพราะดูท่าทางแกจะเจอเรื่องแบบนี้มามาก เผื่อแกแนะนำให้พ่อกับแม่พอจะหาทางออกได้บ้าง” “ดูท่าทางลุงแกใจดีนะ” “ใจดีด้วย ต้มไก่อร่อยมากด้วยนะขอบอก” ผมพูดเสร็จก็หันไปทางลุงแกพอดี “มึงนินทาอะไรลุง ไอ้ต๊ะ” “เปล่าลุง แค่บอกไอ้ชินมันว่าลุงต้มไก่อร่อยมากกกกกกกก” “มึงนี่น้า เห็นแก่เรื่องกิน” ลุงเอามือมาขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดู “ลุงท่าจะเอ็นดูเจ้าต๊ะเป็นพิเศษนะครับ” เสียงพ่อพูดขึ้น “ก็รักมันเหมือนลูก........ เห็นหน้ามันแล้วนึกถึงลูกชาย” “แล้วลูกลุงไปไหนล่ะค๊ะ” แม่อดสงสัยไม่ได้ “เขาเกิดอุบัติเหตุรถคว่ำตายตอนไปงานศพน้องเขย” “ผัวป้านะหรอลุง” ผมอดสงสัยไม่ได้เลยถามทะลุกลางป้อง “อืม น้องเขยลุง ก็คือผัวป้าเอ็งนั่นแหละ เป็นไข้มาลาเรียขึ้นสมองตายที่จังหวัดสารคาม เมียลุงกับลูกชายเลยไปช่วยงาน ลุงติดงานเลยกะว่าจะตามไปวันเผา พอรถบัสออกจากขอนแก่นไปได้ไม่นานก็มีวัววิ่งตัดหน้า รถเลยเสียหลักพุ่งลงนาไปกระแทกกับคันนา ลูกชายลุงยังเล็กเลยคอหักตายคาที่ ส่วนเมียลุงบาดเจ็บสาหัส รักษามาปีกว่า ๆ ก็มาตาย” “นานหรือยังลุง” “10 กว่าปีแล้ว” “แล้วป้าไม่มีลูกหรอลุง” ผมเริ่มซักต่อ “ไม่มีหรอก พอผัวป้าแกตาย และไม่มีลูกด้วย ลุงก็เลยให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่นี่จะได้ดูแลกันไป พอดีได้ที่ตรงนั้นก็เลยปลูกเป็นหอพักให้เขาเช่า แล้วเก็บเงินเลี้ยงตัวไปวันๆ” ผมเข้าใจชีวิตลุงและป้ามากขึ้น เพราะเห็นแกอยู่สองคนตั้งแต่ผมย้ายมาอยู่หอนี้ ตอนแรกคิดว่าแกเป็นผัวเมียกัน มารู้ว่าเป็นพี่น้องกันตอนที่ไปเดินสายไฟให้บ้านลุง ลุงแกแวะเวียนมาป้าบ่อยช่วงผมไปเรียน “ก็ได้เจ้าต๊ะนี่แหละช่วยดูป้าเขา แถมยังช่วยดูแลเรื่องไฟฟ้าในหอ ห้องไหนเสียก็มีเจ้าต๊ะนี่แหละเป็นธุระให้ ทั้งซื้อทั้งซ่อม ทั้งเปลี่ยน นิสัยมันดี มีน้ำใจ ได้ข่าวว่าเป็นหัวหน้าห้องด้วย และยังเป็นคนติวหนังสือให้เพื่อน ๆ ที่เรียนไม่ทันด้วย” “แหม....ลุงยอซึ่งๆหน้าแบบนี้เดี๋ยวผมก็ลอย” “เคยได้ยินเจ้าเชนพูดถึงต๊ะเหมือนกัน” เสียงพ่อพูดขึ้น “ทางดีใช่มั้ยครับพ่อ” “ทางดี เชนมันบอกว่าเวลาไปเข้าค่ายหรือไปแข่งวอลเล่บอลกลับมา เรียนไม่ทันซึ่งพ่อก็ห่วง แต่ไม่เคยเห็นเจ้าเชนมันตกวิชาไหน ถามมันก็บอกว่ามีเพื่อนคอยติวให้ตลอด เพิ่งมาเห็นตัวจริง” “เห็นเชนมันบอกมาติวหอเพื่อน แรก ๆ ก็คิดว่าเขาโกหกเหมือนกัน ออกจากบ้านทีไรก็ไม่สบายใจ กลัวไปมีเรื่อง...........” แม่เว้นคำพูดเหมือนมีอะไรติดคอก่อนที่จะพูดต่อ “ก่อนสอบเขาก็ขอตัวไปค้างที่หอต๊ะบ่อย ๆ ไม่ใช่หรอ” “ใช่ครับ ตอนแรกว่าจะติวกันที่วิทลัย ป้าบอกมาติวที่หอก็ได้ป้าอนุญาติ เพราะปกติแล้วป้าไม่ค่อยให้ใครที่ไม่ใช่คนเช่า หรือไม่เกี่ยวข้องเข้าไปพลุ้งพล่านในหอ กลัวของหาย” “เห็นป้าบอกว่าติวกันจริงจังมาก เคยต้มข้าวต้มไปให้กินรอบดึกบ่อย ๆ” ลุงสมหมายหันมาถามผม “ป้ากรุณาพวกผมมากครับ นอกจากไม่ว่าแล้วยังต้มข้าวต้มมาให้พวกผมกินรอบดึกด้วย” “ก็เราเป็นเด็กดี ชินดูพี่เขาเป็นตัวอย่างไว้นะลูก” แม่หันมาทางชิน “ครับ ผมขอให้พี่ต๊ะช่วยติวคำนวณให้ผมด้วยนะแม่” “อ้าวจริงหรอต๊ะ เจ้าชินมันอ่อนคำนวณมาก” แม่หันมาถามผม “ก็พอได้ครับ” “ได้ลูกศิษย์เพิ่มอีกคนแล้วเอ็ง ....ไอ้ต๊ะ” ลุงเอามือมาขยี้หัวผมด้วยความเอ็นดู พ่อกับแม่ต๊ะมองด้วยสายตาที่เป็นประกาย คงเพราะลุงชี้แนวทางช่วยเหลือ ผ่อนหนักให้เป็นเบาเกี่ยวกับเรื่องของไอ้เชน ************** ลุงพยายามช่วยพ่อกับแม่ไอ้เชนเท่าที่จะทำได้ ผู้หญิงเองก็สารภาพออกมาหมดว่าทางผู้ตายเป็นฝ่ายผิด ลงมือก่อน ถือว่าเป็นการป้องกันตัว ถ้าจะเล่าแบบสรุปคือผู้หญิงโดนผู้ตายทิ้งแล้วไปมีผู้หญิงอื่นอีกหลายคน พอผู้หญิงมาสนใจไอ้เชนเลยกลัวเสียหน้าจึงจะมายื้อผู้หญิงคืนผู้หญิงไม่ยอมเลยเกิดการทะเลาะ ไอ้เชนไปห้ามไม่ให้ฝ่ายชายทำร้ายผู้หญิง เลยเกิดการชกต่อยกันรูปร่างพอ ๆ กันฝ่ายโน้นอายุมากกว่า แต่ไอ้เชนเป็นนักกีฬาจึงได้เปรียบ ฝ่ายโน้นดูเป็นรองเลยเอามีดพกออกมาจะแทงไอ้เชนแย่งกันไปแย่งกันมาสุดท้ายแย่งมีดกันอีท่าไหนไอ้เชนเลยแทงฝ่ายโน้นตายคาที่ ไอ้เชนมันไม่หนียืนรอให้การตำรวจอย่างสงบ ส่วนสาวเจ้าตอนแรกสติแตกไม่ยอมให้การใด ๆ ตอนแรกจะประกันตัวออกมาไอ้เชนบอกว่าไม่ต้อง ความจริงก็คือความจริง จนผลตัดสินออกมาว่าไอ้เชนติดคุก 20 ปี สารภาพและไม่เคยมีประวัติเสียเมื่อเที่ยบกับฝ่ายตรงข้าม และถือเป็นการป้องกันตัว ลดลงมาเรื่อย ๆ จนเหลือ 5 ปี แต่ก็ไม่ติดคุกเห็นว่ารอลงอาญา 2 ปี โดยให้มารายงานตัวตามระยะเวลาที่กำหนด ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ก็ไม่ได้ซักถาม พ่อกับแม่ไอ้เชนกลัวว่าไอ้เชนจะโดนเพื่อนล้อว่าขี้คุกเลยส่งไอ้เชนไปเรียนที่กรุงเทพกับลูกชายคนโต “ขอบใจมากนะต๊ะที่ช่วยกูอย่างเต็มที่” ผมและเพื่อน ๆ มาส่งไอ้เชนที่ บขส “ไม่เป็นไร ว่าแต่มึงเถอะ อย่าเครียด ทำใจให้สบาย เรื่องผู้หญิงก็ลด ๆ ลงบ้าง อย่าหว่านเสน่ห์นัก เดี๋ยวจะเดือดร้อนอีก” “กูก็ไม่อยากยุ่งเกี่ยวหรอก มันมาของมันเอง” “จะบอกว่าหล่อเลือกได้ ฉันเปล่านาเขามาเองว่างั้นเถอะ” ไอ้นะทะลุกลางป้องขึ้นมา “เดี๋ยวกูถีบไปโน่นไอ้เหี้ยนะ วัวเขาจะหามเสือกเอาคานเข้ามาสอด” ไอ้เจตพูดสำนวนไทยแบบผิดๆทะลุขึ้นมาพร้อมกับถีบไอ้นะอย่างแรง “ผลั๊ว” เสียงไอ้อ้อมตบหัวไอ้เจตเสียงดังสนั่น “มึงตบหัวกูทำไมไอ้อ้อม” “มึงรู้มั้ยว่ามึงพูดอะไรออกไป เขาเรียกว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็ม แม่งเสือกทะลึ่งพูดออกมาได้แบบผิดๆ” “555555555555 พ่อว่าพอ ๆ กันทั้งหมดนั่นแหละ สำนวนไทยเสียหมด ไปเชนขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวรถจะออกแล้ว อีกสามเดือนก็กลับมารายงานตัวก็เจอกันแล้ว” พ่อคงรำคารพวกผมที่พูดสำนวนไทยแบบผิด ๆ ไอ้เชนเข้าไปกราบที่อกพ่อ แล้วเข้าไปกอดแม่มันนิ่ง พอมันปล่อยจากการกอดแม่มัน มันโผเข้ากอดผมนิ่งน้ำตาไอ้เชนไหลสู่บ่าผมอีกครั้ง มันซุกหน้าลงที่บ่าผมแน่น พร้อมสะอื้นเบา ๆ เป็นอีกครั้งที่ไอ้เชนร้องไห้ให้คนเห็น ซึ่งไอ้ชินมองด้วยความงุนงง “กูฝากดูแลครอบครัวกูด้วยนะต๊ะ” “ได้ กูสัญญา” ผมรับปากไอ้เชนว่าจะดูแลครอบครัวมัน ซึ่งจริง ๆ แล้วคงไม่ต้องดูแลอะไรมาก ไอ้เจต ไอ้อ้อม ไอ้วิท ไอ้นะ ไอ้วัน เข้ามาลูบหลังลูบหัวไอ้เชนเพื่อให้กำลังใจ ไอ้เชนค่อย ๆ ปล่อยมือพวกเราแล้วก้าวขึ้นรสทัวร์อย่างช้าๆ เราทั้งหมดยืนดูจนรถทัวร์วิ่งออกไปจาก บขส จนลับตา “งั้นพ่อกลับก่อนนะต๊ะ ขอบใจมากที่ทำเพื่อเจ้าเชนมัน” “เพื่อนต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้วครับพ่อ” ไอ้เจตกับไอ้นะพูดขึ้นมาเกือบพร้อมกัน “ขอบใจทุกคนมาก พ่อหวังว่ามิตรภาพที่ดีระหว่างกันจะเป็นแบบนี้ตลอดไปนะลูก” “ครับผม” พวกเราขานรับขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน “ไปชิน กลับบ้าน” “เดี๋ยวผมไปกับพวกพี่ต๊ะนะพ่อนะ เดี๋ยวเย็น ๆ ผมกลับ” “ตามใจ แล้วอย่าไปรบกวนพี่ๆเขามากล่ะ” พ่อกับแม่พอเห็นนิสัยใจคอและความห่วงใจของพวกเราเลยยอมปล่อยให้ไอ้ชินไปไหนมาไหนกับพวกเราได้ง่ายขึ้น ไม่ห่วงเหมือนแต่ก่อน โดยเฉพาะผมที่ไอ้ชินเริ่มติดแจ เพราะติวหนังสือกันหลายครั้งจนเกิดความสนิทสนมกันมากขึ้น ผลการเรียนของไอ้ชินพ่อแม่ก็พอใจที่ดีขึ้นตามลำดับ ไอ้ชินหัวไว แนะนิดแนะหน่อยมันก็ไปต่อได้สบาย ทำให้การเรียนมันรุดหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว “คราบบบบบบบบ” “ไปแม่กลับบ้าน หมดเคราะห์เสียที” “พวกเราจะไปไหนกันดี แต่วันนี้กูนัดเด็กว่ะ” ไอ้อ้อมพูดขึ้นมาก่อนเพื่อน และเด็กที่มันพูดถึงก็คงหมายถึงเอ เงือกหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนั้น “กูกลับบ้านว่ะ” ไอ้วิทขอตัวกลับบ้าน “กูก็กลับบ้าน” ไอ้วันก็ขอตัวกลับบ้าน “แล้วมึงสองคนล่ะ” ผมหันไปทางไอ้เจตกับไอ้นะ ที่ยืนกระซิบกันอยู่ “กูกับไอ้เจตมีนัดแล้ว” ไอ้นะพูดขึ้นมาก่อนที่จะหันไปชวนไอ้เจต “มึงสองคนจะไปไหน” ผมหันไปถามไอ้เจต “ไอ้นะมันจะพากูไปดูของ” “ของอะไรของพวกมึง งั้นกูไปด้วย” ผมกะว่าจะตามมันไปด้วย “มึงไม่ต้องเลย กูไปกันสองคน มึงไปกับไอ้ชินแล้วกัน...บาย” ไอ้เจตกับไอ้นะมันไม่รอคำตอบ มันขี่มอไซต์ไอ้นะออกไปทันที “อ้าว แล้วเราสองคนจะไปไหนกันดี” ผมหันไปถามความเห็นไอ้ชิน “ดูหนังมั้ยพี่” “พี่ไม่ชอบดูหนังกลางวันว่ะ ออกมาแล้วแสบตาชิบหาย” “ผมก็ว่างั้นแหละ งั้นไปไหนดีพี่” “ไปไหว้ศาลหลักเมืองมั้ย แล้วปล่อยปลาล้างซวยให้ไอ้เชน แล้วค่อยคิดว่าจะไปไหน” “ดีเหมือนกันพี่” ผมพาไอ้ชินซ้อนท้ายจักรยานคู่ใจที่นาน ๆ ครั้งจะได้เอามาขี่ แล้วค่อย ๆ ปั่นไปทางศาลหลักเมือง พอพ้น บขส. เสียงไอ้วิทเรียกจากข้างหลัง “ต๊ะ ต๊ะ” “มีไรวิท กูฝากมอไซต์ด้วย ค่ำ ๆ จะมาเอา” “อ้าวแล้วมึงจะไปไหน” “พี่สะไภ้กูให้ขับรถพาไปดูที่ .......นั่นไงมาแล้ว” มีรถกระบะสีน้ำเงินวิ่งมาจอดใกล้ ๆ ไอ้วิทวิ่งขึ้นไปนั่งแล้วขับออกไป “เอาไงล่ะทีนี้” “พี่ต๊ะขี่มอไซต์เดี๋ยวผมถีบจักรยานตามเอง เอามอไซต์ไปไว้ก่อนแล้วค่อยไปศาล “เอาจักรยานไปไว้ แล้วเอามอไซต์ไปดีกว่ามั้ง” “เออจริงด้วย” ผมสองคนค่อย ๆ ขี่ตามกันไปจนถึงหอ “พร้อมยัง” |