แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย virgogun เมื่อ 2018-10-2 07:59
ก็เด็กมันหิว 13 “จะออกแล้วแอม จะออกแล้ว!” เขยใหม่ครางเสียงกระเส่าราวกับคนเป็นไข้ ซอยบั้นเอวใส่บั้นท้ายเด็กชายถี่ยิบ เด็กแอมเจ็บแสบร่องรูราวกับตัวมันจะขาดออกจากกันเป็นสองซีกแต่ก็ไม่อาจขัดขืนได้ ความเจ็บปวดนั้นส่งผลให้ร่างกายของมันสั่นริกๆ ข้อต่อกระตุกเป็นพักๆตอบสนองเองโดยอัตโนมัติโดยที่ตาเบิกโพลงอ้าปากค้างราวกับคนช็อคไปแล้ว “โอ๊ะ แตกแล้ว! แตกแล้ววว!!” เขยใหม่กระทั้นครั้งสุดท้ายจนสุดลำ หลังร้องบอกเด็กแอม แล้วท่อนเนื้อแข็งก็กระตุกงัดโพรงรูน้อยๆหงักๆหงึกๆ ต่อเนื่องเหมือนปลาโดนทุบหัวแล้วดิ้นรนในเสี้ยวชีวิตสุดท้าย เด็กชายรับรู้ถึงน้ำอุ่นๆที่กระฉูดอัดดันใส่รูก้นน้อยๆของมันเป็นระลอกๆถึง5-6 ครั้งก่อนที่ท่อนเนื้อแข็งที่แทรกคาร่องรูของมันอยู่จะค่อยๆกระดุกห่างออกไป..ห่างออกไป จนหยุดแช่แน่นิ่งสนิทในโพลงนั้น....ปลาที่ถูกทุบหัวได้ตายสนิทแล้ว...ไปพร้อมกับความไร้เดียงสาของเด็กชายที่ขาดสะบั้นลงนับแต่วินาทีนั้น……. เขยใหม่โถมทิ้งร่างใหญ่ของเขาลงใส่แผ่นหลังน้อยๆของเด็กชาย ที่ยังแน่นิ่งอยู่ในท่านอนคว่ำโดยมีหมอนหนุนใต้ท้องน้อยเพื่อให้บั้นท้ายลอยเด่น เขาหอบแฮ่กๆหมดท่า ลมหายใจอุ่นๆรินรดอยู่แถวกระหม่อมเล็กๆของเด็กแอม กลิ่นเหล้าคละคลุ้งไปทั่ว ในขณะที่เด็กแอมรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ ตายจากเด็กคนเดิม แล้วเกิดเป็นคนๆใหม่ ที่ไม่มีวันมองโลกใบเดิมได้เหมือนเดิมอีกแล้ว..
..........
เวลาจะเข้าตีหนึ่งแล้ว เสียงกรนจากชำนาญยังคงดังทำลายความเงียบจากทั่วท้องนา เด็กชายเขย่าตัวเรียกอยู่นานสองนานก็ไม่มีทีท่าว่าเจ้าเขยใหม่จะรู้สึกตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวชำนาญเวลานี้เหลือแค่เสื้อยืดโทรมๆตัวเดียว ท่อนล่างไร้อาภรณ์ใดๆปกปิดแม้เพียงชิ้นเดียว แสงสลัวสะท้อนให้เห็นเพียงร่างประดับขนอุกอุยดูน่ารังเกียจพิลึก ยิ่งท่านอนหลับเพราะฤทธ์เหล้าที่เหมือนเด็กไม่ประสา มันทำให้เด็กแอมที่เฝ้ามองอยู่เกิดความรังเกียจขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ชายหนุ่มที่เคยเป็นดวงใจสุดสวาทของมันเมื่อก่อนหน้านั้น ในตอนนี้เด็กชายกลับมองเขาเป็นเพียงเด็กโข่ง งี่เง่า ไม่รู้จักโตคนหนึ่ง
เด็กแอมถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความไม่รับผิดชอบและไม่คิดรอบคอบของเขยใหม่คนนี้ เพราะหลังจากเสร็จกามกิจโดยใช้ร่างกายเด็กแอมบำบัดไปแล้ว พ่อก็เล่นฟุบหลับโถมใส่หลังเด็กชายอย่างไม่เอาอะไรอีกแล้ว เด็กแอมโดนทาบทับอยู่นานสองนาน ท่อนลำยังคงถูกเสียบคารูจนมันอ่อนและหลุดออกมาเอง เด็กชายจึงตัดสินใจผลักร่างของเขยใหม่ออกจากตัว แล้วหันมาชำระล้างตัวเอง พอจะปลุกให้ไปส่ง ชำนาญก็ไม่มีที่ท่าว่าจะรู้สึกตัวแต่อย่างใด ซึ่งมันทำให้เด็กชายเกิดอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมาแล้ว
ในที่สุดเด็กแอมก็ตัดสินใจกึ่งเดินกึ่งวิ่งจากมา ปล่อยให้เจ้าคนงี่เง่านอนเปลือยอยู่เถียงนาเดียวดาย ขณะเดินทางฝ่าความมืดจากเถียงนาสู่บ้านแม่ใหญ่ เด็กแอมทั้งเจ็บและทั้งกลัว แต่ก็กลั้นใจวิ่งจนถึงบ้านแม่ใหญ่จนได้ หมาตามบ้านเห่าตามกันมาเป็นทอดๆ จนเด็กชายลัดเลาะเข้าดงกล้วยหลังบ้าน แล้วทำทีเป็นออกจากห้องส้วม สวมรอยขึ้นนอนตามปกติ .
จวบจนสายของวันอาทิตย์ที่เด็กชายตื่นนอนมา ถึงรู้ว่าที่บ้านของพี่ฝนตามหาชำนาญกันวุ่นวาย เพราะเมื่อฝนนำข้าวไปส่งชำนาญที่เล้าหมูแล้วไม่พบใคร จึงได้เที่ยวตระเวณตามหาสามีตามวงเหล้าที่คาดว่าเขาจะไปร่วมวงตั้งแต่เมื่อวาน พอทราบว่ามีการนำผู้หญิงมาลงแขก ก็ทำให้ฝนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เที่ยวเสาะหาตัวเขยใหม่จนทั่วหมู่บ้าน เพราะคิดว่าอาจจะนำตัวผู้หญิงไปกกอยู่ตามแหล่งมั่วสุมลับตาคน โชคดีที่ไม่มีใครระแคะระคายเรื่องเด็กแอมเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุด เมื่อฝนไปเจอชำนาญนอนเปลือยท่อนล่างที่เถียงนาเก่าทิดต้อม ทฤษฎีสมคบคิดในหัวของนางก็ประติดประต่อเป็นรูปเป็นร่างตามจินตนาการ ความสงสัยว่าเขยใหม่อาจพาผู้หญิงวงเหล้ามาสมสู่เริ่มเข้าเค้าความเป็นจริง จึงเกิดการทะเลาะวุ่นวายไปหมด ส่วนเด็กแอมก็ลอยตัวเหนือปัญหา และไม่มีใครใส่ใจมันเหมือนอย่างเคยอยุ่นั่นเอง นอกจากที่มันไปบอกแม่ใหญ่ว่าอึไม่ออก จนแม่ใหญ่ต้องหายามาสวนให้ในวันนั้น .
หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านไป ความสัมพันธ์ฉันผัวเมียของชำนาญและฝนที่กระท่อนกระแท่นอยู่แล้วก็ห่างเหินยิ่งขึ้น เขยใหม่ที่เคยสำมะเลเทเมาอยู่บ้าง ก็กลายเป็นคนเละเทะหนักขึ้น เมาเหล้าหนักขึ้น วันๆคลุกอยู่แต่คอกหมู ไม่ค่อยจะยอมโผล่หน้าเข้าไปในบ้าน เหมือนเป็นการประชดฝนที่ทำตัวเอาแต่ใจ ด้วยสาเหตุสะสมหลายประการที่ล้วนแล้วแต่ฝนเป็นผู้กระทำขึ้นมา ตั้งแต่ ให้ชำนาญอยู่เฝ้าคอกหมูที่ปลายนา ส่วนตัวเองอ้างว่าเหม็นขี้หมูแล้วแยกมาอยู่ในบ้านเฉย พอผัวกลับไปค้างด้วยก็บ่ายเบี่ยงเกี่ยงงอนเรื่องอย่างว่า พอไปดื่มเหล้ากับวงเพื่อนซึ่งกว่าชำนาญจะหาเพื่อนใหม่ๆในหมู่บ้านได้เพราะเป็นคนต่างถิ่น แม่นางก็ไปตามด่าทอหักหน้าเสียกลางวงหลายครั้ง ซึ่งเขยใหม่ก็ยอมอ่อนให้เสมอมา จนมาแตกหักเรื่องที่โดนเข้าใจพาผู้หญิงไปนอนเถียงนานั่นเองที่ทำให้ความอดทนของชำนาญขาดผึง .
เมื่อไล่เรียงจนได้ความว่าเขยใหม่ไม่ได้นอกกายอย่างที่ฝนเข้าใจแล้ว ฝนกลับทำเป็นเฉยเสีย เหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้ล้วนอยู่ในสายตาของคนในครอบครัวตลอดเวลา ทุกคนล้วนเข้าใจและเห็นใจเขยใหม่เป็นอย่างยิ่ง หันไปตำหนิฝนแทน ข้างฝ่ายลุงของเด็กแอมที่เคยไม่ชอบใจลูกเขยอย่างชำนาญนัก พักหลังกลายเป็นแสดงความเห็นอกเห็นใจจนออกนอกหน้า จนฝนเองที่ในที่สุดละอายใจ ไม่กล้าสู้หน้าและทนฟังเสียงตำหนิจากคนในครอบครัวไม่ไหว ต้องอัปเปหิตนเองไปอยู่ในตัวอำเภอ โดยอ้างว่าได้ที่ทางในโรงเรียนประจำอำเภอเตรียมไปเปิดร้านขายของชำที่นั่น .
ความสัมพันธ์ของสองผัวเมียที่ระหองระแหงเต็มที ก็ห่างเหินแห้งแล้งเสียจนยากจะประสานแล้ว แม้ว่าในที่สุดจะปรับความเข้าใจกัน แต่ความหวาดระแวงก็ไม่สามารถทำให้ทั้งคู่รักกันสนิทใจได้อย่างเดิม เมียคอยต่อว่าผัวที่กินเหล้า ผัวคอยระแวงเมียว่าเข้าไปอยู่ในเมืองเพราะอาจจะมีชู้ ลงท้ายก็มีปากเสียงไม่เว้นแต่ละวัน แต่คำว่าเลิกลาไม่เคยออกมาจากปากของกรรมคู่นี้ และยังคงไว้ซึ่งความสัมพันธ์ลุ่มๆดอนๆแบบนี้ต่อมา .
ผู้ได้รับผลประโยชน์เต็มที่กลับกลายเป็นเด็กแอม เพราะหน้าที่เมียอันบกพร่องของฝน ทำให้เด็กชายได้เข้าไปรับหน้าที่แทนแทบจะเต็มตัว โดยที่ชำนาญเองก็ปลงใจให้เป็นหน้าที่ของแอมอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจอีกต่อไปแล้ว
จะเว้นก็แค่วันที่ฝนกลับจากในเมือง สัปดาห์ละครั้ง ซึ่งก็คือเย็นวันศุกร์ ต่อวันเสาร์ ส่วนเสาร์เย็นฝนก็จะกลับไปในเมืองเพื่อเตรียมของจัดร้านขนมแถมยังขยายเป็นร้านขายอาหารกลางวันอีกด้วย .
ชำนาญ มักเก็บแรงในการรุกสอดใส่ไว้ให้ภรรยาในคืนวันศุกร์ ซึ่งจะเป็นเพียงครั้งเดียวในสัปดาห์ ส่วนวันอื่นๆ ก็จะให้เด็กแอมได้ดูดกินท่อนลำตามประสงค์ เพียงแต่การสอดใส่ เขยใหม่เก็บไว้ให้ฝนเท่านั้น เหตุผลง่ายๆคือ อย่างไรเสีย เขาก็ชอบรูหน้า มากกว่ารูหลัง รูหลังถ้าไม่ใช่แก้ขัด ก็เป็นเพียงเพื่อแลกเปลี่ยนเงินในช่วงวัยที่เคยสู้ชีวิต ส่วนปาก มันก็คือปาก จะปากผู้หญิงหรือปากเด็กแอม มันก็คืออวัยวะชิ้นเดียวกัน แถมเด็กชายยังกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านโอษฐ์มรรคไปแล้ว ไม่มีทางที่ผู้หญิงอย่างฝนจะสู้ได้เลย หน้าที่ดูดน้ำค้างท่อจึงตกเป็นของเด็กแอมโดยปริยาย สัปดาห์ละสองครั้งเป็นอย่างต่ำ แต่ทุกอย่างยังเป็นเรื่องลับๆที่รู้กันเฉพาะเด็กชายกับเขยใหม่เช่นเดิม ทุกอย่างต้องมีการนัดแนะ หลบซ่อน เพียงแค่มันบ่อยขึ้น สนิทใจขึ้น รู้ใจกันมากขึ้น .
นานวันเข้า เขยใหม่และเด็กชายต่างแต่งเติมจินตานาการในโลกแห่งความเพ้อฝันแห่งเพศรสให้แก่กันอย่างเข้าขาและบรรเจิดขึ้นทุกวัน เขยใหม่จะมีบทบาทในหัวที่จะใช้กับเด็กชาย และคอยบอกคอยสอนเด็กแอมให้โลดแล่นตาม เป็นต้นว่า ให้เด็กชายจินตนาการว่าตนเองรอนแรมในทะเลทรายที่ร้อนระอุ เด็กชายขาดน้ำมาหลายวันจนคอแห้งผาก ส่วนเขยใหม่จะรับบทเป็นอูฐหนุ่ม ทางเดียวที่เด็กแอมจะรอดตายจากความหิวกระหายได้ คือดูดกินน้ำจากอูฐหนุ่ม ซึ่งก็จะได้กินทั้งน้ำข้นคาว และเขยใหม่จะปัสสาวะใส่ปากเด็กน้อยเป็นการส่งท้าย .
หรือเขยใหม่จะรับบทเป็นโจรขโมยของ แล้วเด็กแอมจับได้ ต้องรีดเค้นเอาความจริงว่าเก็บงำของไว้ที่ใด โดยการทรมานเขยใหม่จอมโจรให้เปิดเผยให้ได้ วิธีการทรมานก็คือมัดมือเขยใหม่โยงไว้กับอะไรซักอย่าง และดูดดุนท่อนลำเขยใหม่จนหลั่งน้ำทะลักเสร็จสมแต่เด็กแอมจะไม่หยุดแค่ตรงนั้น เด็กชายต้องดูดดุนท่อนลำต่อไปจนกว่าเขยใหม่จะพูดว่า “ยอมแล้วคร๊าบบบ ผมยอมแล้วครับบบบบ” เป็นอันเสร็จสิ้น .
บางทีชำนาญก็จะทำเป็นแกล้งหลับให้เด็กแอมลักหลับ แต่แบบนั้นก็จะง่ายไปเหตุการณ์ต่อมามักจะเป็น “เฮ้ย..!! ไอ่น้อง ทำอะไรน่ะ มาดูด—พี่ทำไม อย่าดูด มันไม่ดี โถ!! พี่บอกว่าอย่า” แน่นอนว่าเป็นการเตรียมกันมาแล้วว่าชำนาญจะพูดแบบนี้พร้อมขัดขืนพอเป็นพิธี ส่วนเด็กแอมก็มีหน้าที่ทำเป็นหน้ามึน เดินหน้าตื้อดูดจนกว่าเขยใหม่จะกระฉูดคาปาก
บางทีก็เรียบง่าย โดยเขยใหม่จะพกลิปสติกของฝนมาให้เด็กแอมทาปาก พร้อมทั้งให้เด็กชายใส่เสื้อยกทรงของเมียขณะทำรักให้ด้วยปาก เท่านั้นชำนาญก็กระฉูดทะลักทะลาย แต่ส่วนใหญ่จะไม่พูดพล่ามทำเพลง มองหน้ากันแล้วก็จัดการดูดดุนให้เสร็จๆไป ไม่ว่าจะเป็นที่เถียงนา ในที่นอน ในป่ากล้วยหลังบ้านแม่ใหญ่ ริมฝั่งน้ำ บนห้างดักนก ฯลฯ ที่ไหนๆ ทั้งสองก็โยกย้ายไปดูดกันมาหมดแล้ว ขอแค่ลับตาคน เด็กแอมเองก็สนุกและเร้าใจไปกับบทบาทที่ได้รับในแต่ละครั้ง แต่ติดข้อแม้กับเขยใหม่ไว้เพียงอย่างเดียวคือขอให้เขยใหม่มีกางเกงชั้นในไว้ติดกายขณะที่เด็กชายทำรักให้ด้วยปาก ซึ่งมันทำให้ชำนาญรู้สึกติดอยู่ในใจแต่ก็ไม่ใช่สาระที่เขาจะต้องหาความกับมัน แล้วมันก็ไม่ใช่เงื่อนไขที่เหลือบ่ากว่าแรงซักนิด เขยใหม่ยินดีที่จะทำตามความต้องการของเด็กชาย พอๆกับเด็กแอมที่บ้าจี้ทำตามความต้องการของเขา ซึ่งนับว่าวินกันทั้งสองฝ่าย .
จวบจนโตแล้วนั่นเองที่เด็กแอมเริ่มเข้าใจว่า ทำไมฝนจึงไม่ค่อยชอบมีเพศสัมพันธ์กับชำนาญ อาจจะเป็นเพราะเรื่องแฟนตาซีที่ชำนาญชอบแบบนี้นี่เองที่ทำให้ฝนกระดากอายและพาลทำให้เบื่อหน่ายการมีเพศสัมพันธ์กับชำนาญไป .
ขวบปีผ่านไปที่เด็กชายและเขยใหม่แอบมีสัมพันธ์กันแบบลับๆจนเข้าขากันดีทุกอย่างและเป็นความลับอยู่ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ อาจเป็นเพราะเด็กแอมโตขึ้นรู้ความมากขึ้นตามวันและเวลา รวมถึงข้อแม้ต่างๆที่ชำนาญตั้งขึ้นมากมายและคอยย้ำเด็กชายอยู่เสมอๆ เอาเข้าจริงๆ ความหฤหรรษ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในปีนั้น มันถี่แค่ช่วงเวลาแรกๆ เข้าสู่ครึ่งปีหลังมันเหมือนเป็นความเคยชินเสียมากกว่า .
เด็กแอมถึงแม้จะชอบการใช้ปากดูดอมอวัยวะเพศชายแค่ไหน แต่การที่กินแต่ของเดิมๆ ก็ทำให้ชักจะหน่ายเข้าเหมือนกัน เขยใหม่เองก็คุ้นทางกับปากของเด็กแอมจนกลับไปหาแนวทางเดิมๆและเรียบง่ายอย่างการใช้มือบ่อยครั้งในระยะหลัง และรอการได้สอดใส่ฝนอย่างเต็มสูบในสุดสัปดาห์ นอกเสียจากว่าฝนจะหงุดหงิดรำคาญใส่ จึงจะมาระบายลงกับเด็กแอมในวันถัดมา ความถี่จากตอนต้นๆที่เด็กชายโดนเรียกใช้บริการจากสัปดาห์ละสอง ถึง สามครั้งก็กลายเมาเป็นสัปดาห์ละครั้ง สองสัปดาห์ครั้ง หรือตามแต่สะดวกใจ เด็กชายที่โตขึ้นอายุร่วม สิบขวบในปีนั้น (2530) เริ่มสนใจในอย่างอื่น เช่นความสวยความงาม หันไปคลุกคลีกับเด็กสาววัยแรกรุ่นแถวๆบ้าน และสนใจเรื่องราวน้ำเน่าอย่างละครโทรทัศน์เช่นทองเนื้อเก้า , บ้านทรายทอง ฯลฯ เป็นต้น ประกอบกับ เขยใหม่มักมางุ่นง่านใส่เด็กชายช่วงละครออนแอร์อยู่ เมื่อไม่ได้ดั่งใจก็ไปจัดการใช้มือเองให้แล้วเสร็จไป เด็กชายเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องงอแงอะไรเหมือนช่วงแรกๆ .
แต่หากชำนาญหายไปนานนัก เด็กแอมก็แค่เดินลัดเลาะไปแถวคอกหมู ก็เหมือนเป็นอันรู้กันว่า เด็กมันหิว ชำนาญก็จะป้อนให้ แต่ถ้าวันไหนที่เขยใหม่ไม่มีอารมณ์ก็ปัดไปง่ายๆว่า “ไว้วันหลัง” หรือถ้าเด็กแอมเกิดหิวเพราะไม่ได้กินนาน และบังเอิญไปเจอเขยใหม่เมาหลับไม่เป็นท่าอยู่ มันก็จะถือวิสาสะเข้าไปสวาปามเอาดื้อๆบางทีเขยใหม่ก็ทะลักให้กิน แต่หลายๆทีที่ความเมาเป็นปัญหา คือเด็กแอมดูดให้ตายยังไง ท่อนเอ็นก็ไม่แข็ง หรือแข็งก็ไม่เสร็จ มันจึงทำได้แค่ดูดเล่นจนหนำใจสมควรแก่เวลาก็กลับ โดยที่เขยใหม่ปล่อยให้มันดูดเล่นไปตามสบาย หรือไม่ เด็กชายก็แค่เฝ้ารอในคืนวันพระที่แม่ใหญ่จะไปจำศีลที่วัด และตัวมันเองก็แค่รอเวลาที่เขยใหม่จะแอบมาตลบมุ้งเข้าหากลางดึก บ่อยครั้งที่รู้สึกตัวขึ้นมาก็มีท่อนเอ็นแข็งหัวมนน้ำเยิ้มจ่ออยู่ที่ปากเสียแล้ว ถึงเวลานั้น เต็มใจหรือไม่เต็มใจ เด็กชายไม่มีสิทธิ์เกี่ยงงอน ทำได้แค่อ้าอมเข้าปาก กล้ำกลืนดูดให้เขยใหญ่เสร็จๆไป .
ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างสองคนจึงเรียบง่ายอยู่แค่นั้น เป็นธรรมชาติ ไม่มีการเรียกร้อง ไม่มีเรื่องดราม่า และที่สำคัญ ไฟสวาทนี้ครุกรุ่นอยู่เงียบๆไม่เคยดับ เป็นควาลับตลอดมา ราวกับไฟไหม้แกลบ.... . .
รุ่งขึ้นปีใหม่...หลังจากการเข้ารับราชการทหารของทิดต้อมผ่านไปหนึ่งปี แทนที่จะกลับมาบ้านตั้งแต่ปลดประจำการ ชายหนุ่มกลับจดหมายมาบอกที่บ้านว่า ขอไปดูทำเลที่ทำกินกับพรรคพวกที่เจอกันในค่ายทหารแถวโคราช แว่วๆว่าจะร่วมหุ้นกันปลูกน้อยหน่าแถวเขาใหญ่สระบุรี แต่ก็มีญาติๆตั้งข้อสังเกตกันว่า ไอ่ทิดจะติดสาวเสียล่ะมากกว่า ทั้งๆที่ไม่ได้อะไรมานานมากแล้วกว่าขวบปี แต่ข่าวลือเล็กๆนี้ก็ทำเอาเด็กแอมแอบน้อยใจน้ำตารื่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ก็เป็นอยู่เพียงครู่เดียว .
จนกระทั่งเทศกาลปีใหม่เวียนมาบรรจบ หมู่บ้านที่เคยเงียบเหงาก็กลับมาคึกคักอีกคราวหนึ่ง บรรยากาศตลบอบอวลไปด้วยการเฉลิมฉลอง ชำนาญและฝนถือโอกาสนี้พาลูกสาวอายุครบปีไปไหว้ปู่ย่าที่ จ.ประจวบฯ ส่วนเด็กแอมก็ตื่นเต้นรอคอยการกลับมาของแม่ที่ไปทำมาหากินที่ชลบุรี เทศกาลทีหนึ่งถึงจะได้กลับบ้าน อีกความตื่นเต้นก็เห็นจะเป็นการที่จะได้พบเจอกับทิดต้อมที่ไม่ได้พบเจอกันมาถึงหนึ่งปีเต็มแล้ว .
เช้าวันที่ 31 ธันวาคม2531แม่ก็เดินทางมาถึงบ้านแม่ใหญ่โดยรถยุโรปคันหรู พร้อมกับฝรั่งวัยกลางคน ตาน้ำข้าวชาวอังกฤษที่แม่แนะนำใครต่อใครว่า“ชื่อวิลเลี่ยม” เป็นวิศวะกร และเป็นสามีใหม่ของแม่ ทำเอาวงศาคณาญาติแตกตื่นกันยกใหญ่ รุมเห่อล้อมหน้าล้อมหลังเขยชาวต่างชาติจนทั้งวันแทบจะไม่ได้ทำอะไร มีเพียงแม่ใหญ่คนเดียวที่ไม่ยินดียินร้าย ไม่แม้แต่จะมองหน้าแม่ และพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า
“เอามันหนีๆอย่าให้มันมาเหยียบบ้านกู” แถมยังฉุดเด็กแอมหนีไปจากวง ทั้งๆที่เด็กชายก็เห่อฝรั่งและแม่พอๆกับญาติคนอื่น แต่ด้วยความรักและความผูกพันกับแม่ใหญ่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าทำให้เด็กชายยอมตามแม่ใหญ่ไปแต่โดยดี รู้ตัวอีกที ก็ได้มานั่งเป็นเพื่อนแม่ใหญ่เฝ้าธาตุเก็บกระดูกพ่อใหญ่ (ตา – ผัวของแม่ใหญ่) ที่วัดแล้ว
“เบิ่งเอาเด้อออพ่อใหญ่มี ลูกสาวเจ้า มันใจแตกคักแล้ว ข่อยเหมิดปัญญาซิบอกซิสอนมันแล้วเฒ่าเอ้ยยยย” แม่ใหญ่เฝ้าคร่ำครวญต่อหน้าโกฏิกระดูกพ่อใหญ่อยู่จนค่ำ แม่ของเด็กแอมสลับกับญาติๆมาตามตัวกลับบ้านสองสามครั้งก็ไม่ยอมกลับ ข้าวปลาก็ไม่ยอมกิน ลงท้ายที่สุดแม่ของเด็กแอมก็ต้องมานั่งเฝ้าแม่ใหญ่ด้วยอีกคน ส่วนเขยฝรั่งก็ปล่อยให้ญาติที่บ้านรับหน้ากันไป .
ปรับความเข้าใจต่อหน้าธาตุพ่อใหญ่จวบเช้ายันค่ำ โดยมีท่านพระครูเจ้าอาวาสมาคอยไกล่เกลี่ยเป็นระยะๆ แม่ใหญ่จึงเย็นลง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยอมกลับเข้าบ้านแต่อย่างใด ตราบจนร่างสูงๆกำยำของใครคนหนึ่งปรากฏขึ้นในค่ำวันนั้น ร่างที่เด็กแอมคุ้นเคยถึงแม้จะไม่ได้พบกันมาแรมปีแล้วก็ตาม .
เมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวเด่นชัด แม่ใหญ่ก็ร้องไห้โฮใหญ่ โผเข้ากอดหลานชายคนโปรดอย่างหาที่พึ่ง ทิดต้อมเองก็โผลลงกราบแทบตักผู้เป็นยายเช่นกัน ช่วงเวลาเช่นนี้เองที่เด็กแอมมีเวลาสำรวจทิดต้อมอย่างเต็มตา รูปร่างยังสูงโปร่งดังเดิมผิดแต่ผิวคล้ำลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายดูกำยำกว่าครั้งที่เคยนอนเฝ้านาด้วยกันเป็นไหนๆหัวไหล่และหน้าอกดูพึ่งผาย ผมตัดสั้นเกรียนนั้นเริ่มยาวขึ้นแล้วทำให้เห็นปลายผมที่สะบัดหยักศกเหมือนอย่างผมของพ่อใหญ่ ที่เสียไป .
ทหารหนุ่มชายตามามองเด็กแอมชั่วแว่บหนึ่งก็เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างเช่นกัน เด็กชายสูงขึ้นนับห้าเซนติเมตรได้ แก้มที่เคยตอบกลับมีน้ำมีนวลขึ้น ขนตางอนยาว ผิดวิสัยเด็กผู้ชายทั่วๆไป ประกอบเข้ากับหน่วยตาสีน้ำตาลอ่อนแล้วทำให้หน้ามันออกโทนของเด็กผู้หญิงมากกว่า แม้จะเป็นเด็กชายอายุแค่ สิบขวบ แต่ก็เห็นแววความเป็นผู้หญิงชัดเจนมากกว่าความเป็นเพศกำเนิดของตัวมัน
เด็กแอมทำตัวไม่ถูกได้แต่หลบสายตาทิดต้อมลงต่ำ จะด้วยสถานการณ์ที่กำลังโศกเศร้า หรืออะไรก็ไม่ทราบได้ แต่ช่วงเวลานั้นก็ไม่มีช่องทางให้เด็กชายได้แทรกตัวเข้าไปทักทายชายหนุ่มได้เลย
หลานชายคนโปรดเกลี่ยกล่อมแม่ใหญ่ไม่นาน ก็ยอมลุกหลับบ้านแม่โดยดี อาจจะเพราะแม่ใหญ่หาทางลงของสถานการณ์นี้มานานแล้วเช่นกัน แต่จะกลับพร้อมแม่ของเด็กแอมก็เคอะเขิน นั่นเท่ากับว่าทิดต้อมเป็นผู้มากอบกู้สถานการณ์ของบ้านได้อีกคราวหนึ่ง .
ก่อนกลับไอ่ทิดได้แวะไปไหว้กระดูกพ่อของตนเองพร้อมกับสนทนากับท่านพระครูครู่หนึ่งพร้อมกับขอตัวลากลับ ก่อนจะสัญญากับพระท่านว่าจะแวะมาหาใหม่ ตลอดระยะทางเดินกลับบ้านทิดต้อมกับแม่ของเด็กแอมประคองแม่ใหญ่คนละข้าง ทิ้งให้เด็กชายเดินตามหลังมาห่างๆ โดยทิดต้อม คอยหันมองด้านหลังเป็นระยะ
ชั่วแว่บนึงที่ได้สบตากับไอ่ทิด เด็กชายก็เห็นรอยยิ้มจากมุมปากของพี่ทิดราวกับเป็นการทักทาย แถมไอ่ทิดทหารใหม่ยังยักคิ้วให้มันด้วยข้างหนึ่ง ใจของไอ่ทิดคงไม่มีอะไรนอกใน แต่เด็กชายกลับทำตัวไม่ถูกใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ จากสองปีก่อนที่มันคิดว่าทิดต้อมก็คือทิดต้อมเป็นพี่ชายคนหนึ่งที่มีเอ็นให้ดูดเล่นได้ กลับกลายเป็นมันเห็นว่าพี่ทิดเป็นชายหนุ่มรูปงามที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดทางเพศอย่างมหาศาล แต่มันจะทำยังไงดีล่ะจะเริ่มต้นทักทายอะไรเหมือนตอนปี สองปีก่อนมันก็ทำไม่เป็นเสียแล้ว อายุที่โตขึ้นบวกกับความแก่แดดที่หล่อหลอมมันมาทำให้มันรู้จักการเคอะเขินแบบสตรีที่เป็นสาวรุ่นไปเสียอย่างนั้น .
ในที่สุดวันที่หนักหนาวันนั้นก็ผ่านพ้นไปได้อีกวันหนึ่ง ถึงแม้ว่าแม่ใหญ่จะยอมรับและอ่อนลงแล้วกับทางเลือกของลูกสาว แต่ก็ยังไม่ยอมให้เขยฝรั่งเหยียบขึ้นบ้านของตน แม่ของเด็กแอมและสามีฝรั่ง จึงต้องปักหลักที่บ้านแม่ของทิดต้อมที่เป็นบ้านพี่สาวแทน
หลังกินข้าวกินปลารวมญาติกันในเย็นวันนั้น ดูเหมือนการสนทนาอันยาวนานจะเกิดขึ้นในหมู่ญาติ ญาติพี่น้องบ้านที่อยู่ห่างๆออกไป ก็ถือวิสาสะเข้ามาเยี่ยมชมบารมีแม่ของเด็กแอมกันให้ครึกครื้นไปหมด สุรายาดองของแกล้มถูกเติมเลี้ยงด้วยเงินของแม่ของเด็กแอมอย่างไม่อั้น เพียงเพื่อให้ญาติๆยอมรับในแนวทางการตัดสินใจและชะตาชีวิตใหม่ของนาง ญาติหลายคนที่ก่อนหน้านั้นไม่เคยคิดคบค้าสมาคมกับแม่ของเด็กแอม เพราะระแคะระคายว่าหาเลี้ยงชีพด้วยอาชีพน่ารังเกียจ บัดนี้กลับมาเสนอหน้าแถมยังยกย่องแม่ของมันว่าเป็นคนวาสนาดีเสียอย่างนั้น .
ญาติๆฝ่ายชายตั้งวงเหล้า แถมยังไปนำหมูจากคอกของชำนาญมาล้มทำหมูหันและของแกล้มกันเสียอีก ทิดต้อมเองก็ถูกดึงไปร่วมวงกับเขาด้วย เด็กชายแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นพี่ทิดของมันก็ดวดสุรากับพวกเขา ทั้งๆที่ไม่เคยแตะต้องของมึนเมาเลยทั้งชีวิต รั้วค่ายทหารคงทำให้พี่ทิดของมันเปลี่ยนไปไม่มากก็น้อยแล้ว ชายหนุ่มเงียบขรึม สุภาพเรียบร้อย บัดนี้พูดเก่งขึ้นมีอัธยาศัยไมตรีต่อคนรอบข้าง ไม่ขี้อายขี้เก๊กวางมาดผู้บวชเรียนอย่างแต่ก่อน ผิดกับเด็กแอมจากที่เคยเป็นเด็กเจื้อยแจ๊ว ร่าเริงกลับกลายเป็นเด็กเรียบร้อย พูดน้อย กริยามารยาทสงบเสงี่ยมราวกับสาวรุ่น แต่กลับซ่อนความร้อนรุ่มราคะไว้ภายใต้ความเรียบร้อยนั้นอย่างมิดชิด เหมือนดั่งดอกไม้สีขาวสะอาดที่ซ่อนเกสรสีแดงสดไว้ภายใน .
นับตั้งแต่ทิดต้อมกลับมาถึงบ้าน เด็กแอมกับไอ่ทิดยังไม่มีเวลาส่วนตัวด้วยกันเลย และดูเหมือนไอ่ทิดจะไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย ปล่อยให้เด็กชายคอยลอบมองตัวเองตาละห้อยไปมา จะผิดสังเกตก็เพียงกิริยาที่เปลี่ยนไปของมัน ดูเรียบร้อยขึ้น เงียบมากขึ้น ทั้งๆที่ถ้าเป็นสมัยก่อน มันคงจะตามติดตัวเขาแจแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร และประเมินเอาเองว่าเวลาผ่านไปหนึ่งปีแล้ว เด็กชายคงรู้อะไรผิดชอบชั่วดี และคงลืมเรื่องครั้งหนหลังไปหมด เนื่องจากมันเกิดขึ้นตอนมันยังเด็กมากแค่แปดขวบกว่า .
ราวสามทุ่มกว่า เมื่อวงสุราเริ่มสนุกสนานได้ที่ เหล่าญาติบ้านห่างๆหลายคนที่เข้ามาเกาะกินของฟรีจากงานสังสรรค์ เริ่มคะนองปากแซวเด็กชายในสิ่งที่มันไม่ชอบหลายอย่างอาทิเช่น โตขึ้นแล้วสวย สงสัยเชื้อแม่มันจะแรง หรือ แต่ก่อนติดทิดต้อมแจยังพอเบาใจได้ว่าจะไม่เป็นตุ๊ด แต่เดี๋ยวนี้เห็นไปเล่นแต่กับผู้หญิง ซึ่งข้อนี้ทำเอาทิดต้อมสลดลงนิดหนึ่ง คนไม่สังเกตคงไม่รู้ แต่ทิดต้อมกับเด็กแอมรู้ดีแก่ใจ........ว่ามันเป็นไปในสิ่งที่ตรงกันข้าม . .
เสียงสเตอริโอที่เปิดเพลงสาวจันทร์กั้งโกบเวียนไปมาหลายรอบ ทำให้เด็กชายหงุดหงิดรำคาญหู รวมถึงเหม็นหน้าพวกช่างแซะ มันจึงแยกตัวกลับขึ้นบ้านแม่ใหญ่เงียบๆ อากาศเดือนธันวาคมหนาวเย็นยะเยือกเวียนมาอีกหนแล้ว โชคดีที่เด็กแอมอาบน้ำตั้งแต่หัวค่ำ หวนนึกถึงวันเก่าๆที่เคยไปนอนกกกับทิดต้อมที่เถียงนาแล้วก็สะท้อนในใจ นับแต่นี้อีกไม่รู้กี่ฤดูหนาว ถึงจะมีวันเวลาอย่างนั้นเกิดขึ้นอีก หรืออาจจะไม่มีเลย เพราะการกลับบ้านครั้งนี้ของทิดต้อมก็ได้เปรยๆกับครอบครัวแล้วว่า อีกซักระยะหนึ่ง อาจจะเดือน สองเดือน หรือสามเดือนหลังจากนี้ เมื่อทุกอย่างทางสระบุรีลงตัว ชายหนุ่มคงต้องย้ายไปทำไร่องุ่น สวนน้อยหน่ากับเพื่อนๆที่รู้จักกันในค่ายทหาร ตอนนี้แค่รอเวลาเพื่อนติดต่อกลับมาเท่านั้นเอง .
คนที่ค้านหัวชนฝาก็คงจะมีแต่ไอ่โต้ง น้องของทิดต้อม เพราะฤดูเก็บเกี่ยวที่ผ่านมามันต้องแบกรับภาระในการเฝ้านาแต่เพียงผู้เดียว ส่วนเสียงคัดค้านก็มีอยู่บ้าง เพราะกลัวว่าจะไม่มีใครรับช่วงทำนาต่อ ไอ่โต้งมานอนเฝ้านาข้าวก็พาเพื่อนมาทำสำมะเลเทเมา ผู้ใหญ่ในบ้านไม่ชอบนัก อีกอย่าง มันเรียนมาทางเทคนิค ย่อมอยากจะเจริญก้าวหน้าในสายที่เรียน แต่ก็นั่นแหละ เมื่อแม่ใหญ่และแม่ของเด็กแอมบอกไปว่าให้ไปลองซักตั้งเพื่อความงอกงามของชีวิต หากไม่ได้ดังหวังก็กลับมาบ้าน เมื่อได้ยินคำชี้ขาดดังนั้น เหล่าญาติก็ไม่มีใครจะทานได้ โดยเฉพาะแม่ของเด็กแอมผู้เป็นน้ายังจะสนับสนุนเงินก้อนให้ไปลงทุนด้วย เพราะเล็งการไกลไปถึงที่ทางแถวเขาใหญ่ .
เด็กชายสะท้อนใจ นับจากนี้ชีวิตมันคงจะหนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลง ซึ่งหลายอย่างก็เปลี่ยนไปแล้วนับตั้งแต่วันที่พี่ทิดต้อมจากไปเป็นทหารเมื่อหนึ่งปีก่อน เด็กแอมที่เคยโดนแม่ทิ้งไว้กับแม่ใหญ่ โดนคนที่มันทั้งรักทั้งไว้ใจอย่างทิดต้อมทิ้งไปอีกคน นับแต่วันนั้น มันก็ไม่มีทางจะไว้ใจใครได้อีก เพราะกลัวการโดนทิ้งขว้างเหมือนที่สองคนนั้นกระทำกับมัน .
ในวันนี้ คนทั้งคู่กลับมาถึงที่บ้าน คนทั้งคู่ที่มันรักสุดดวงใจ มันยอมรับกับตัวเองเงียบๆว่าดีใจที่ได้พบเจอกันอีก แต่เค้าก็มา เพื่อที่จะจากไปอีกรอบ มันจึงไม่อาจคาดหวังอะไรจากคนคู่นี้ได้อีก คงจะมีแค่แม่ใหญ่คนเดียวที่รักและไม่เคยทรยศความไว้ใจของมันจริงๆ .
เด็กชายมัวคิดอะไรเพลินๆอยู่ ก็พอดีได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆเดินขึ้นบันไดชานเรือนมา เวลานั้นคงราวหลังเที่ยงคืนนิดหน่อย เพราะมันได้ยินเสียงนับเค้าท์ดาวได้ไม่นาน เสียงอ้อแอ้เหมือนคนเมาหนักนั้น มันจำได้ขึ้นใจว่าคือเสียงไอ่ทิดนั่นเอง เพียงแต่มันไม่เคยคิดว่าคนๆนี้จะเมาเหล้าได้เพราะที่ผ่านมาไม่เคยแตะของมึนเมา เสียงป้อแป้นั้น มีเสียงสนทนากับคนอื่นแทรกอีกสองสามคน เด็กแอมเดาว่าคงเป็นคนหิ้วปีกมาส่ง เสียงเอะอะทำเอาแม่ใหญ่งัวเงียถามออกมาจากในห้อง
“แม่นไผล่ะ...ต้อมติ...แอมไปเอาอ้ายท่ะแม่ะ” ก่อนที่แม่ใหญ่จะเงียบไป เด็กแอมทำเป็นไม่ได้ยินที่แม่ใหญ่บอกและแกล้งทำเป็นหลับอยู่ คนเมาเองพอได้ยินเสียงแม่ใหญ่ก็เหมือนกับจะระวังกิริยายิ่งขึ้น พอพวกที่หิ้วปีกกลับไปแล้ว เด็กชายก็สังเกตในความมืดเห็นร่างสูงก้าวโหย่งๆไปทางชานบ้าน วักน้ำลูบหน้าลูบตัวนิดๆหน่อยๆ ก่อนที่จะสะดุ้งบรื๋อด้วยความหนาวสะท้าน มันออกจะแปลกใจที่ทิดต้อมกลับมานอนที่เรือนแม่ใหญ่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าโถงบ้านโน้น โดนจับจองโดยแม่ของมันและเขยฝรั่ง อีกทั้งงานสังสรรค์ทางโน้นยังมีมีทีท่าว่าจะจบเมื่อฟังจากเสียงกลุ่มคนแว่วดังมาตามสายลม .
สักครู่ใหญ่โดยอาศัยความคุ้นเคย ทิดต้อมก็เปิดมุ้งเข้ามานอนที่นอนข้างๆเด็กชายโดยค่อยๆแซะผ้าห่มผืนหนาของเด็กชายไปห่มด้วย ก็ใครจะไปรู้ว่าจะมานอน เลยไม่ได้เตรียมผ้าเตรียมหมอนไว้ให้ เด็กแอมคิดในใจ ใจเต้นระส่ำด้วยความระทึกปนดีใจ ทิดต้อมเบียดตัวเข้ามาใกล้อย่างแผ่วเบาคงเพราะคิดว่าเด็กแอมหลับไปแล้ว กลิ่นเหล้าหึ่งปะทะจมูกเด็กชายหากเป็นแต่ก่อนคงรู้สึกรังเกียจ แต่จากการที่ไปคลุกคลีกับชำนาญในพักหลัง ทำให้เด็กชายคุ้นชินเสียแล้ว .
เด็กชายตะแคงตัวนอนนิ่งตอนที่ทิดต้อมทิ้งตัวลงนอนหงายข้างๆ ได้ยินเสียงถอนหายใจหนักครั้งหนึ่งก่อนจะค่อยๆหายใจเป็นจังหวะปกติ กลิ่นสาปหนุ่มอันคุ้นเคยปนกลิ่นเหล้าพร้อมกับไออุ่นจากร่างกำยำอบอวนอยู่ห่างไม่เกินผ่ามือ ทำให้เด็กชายรู้สึกเว้าวอนในใจอย่างประหลาด น้ำตาหยดเล็กๆซึมออกมาทางหางตาจนรู้สึกเย็นเฉียบ
ครู่หนึ่งมือใหญ่ๆของไอ่ทิด ก็ลูบไล้หัวเกรียนๆของเด็กแอมอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู กลัวว่าน้องจะตื่น แต่เหมือนเด็กชายจะจับความกังวลใจได้จากสัมผัสนั้นด้วย มือใหญ่ๆนั้นหดกลับไปซุกกอดตัวเองเพื่อความอบอุ่นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นใช้ท่อนแขนหนุนใต้คอเพราะไม่อยากจะแย่งหมอนเด็กแอม และแล้วเงียบไป เด็กชายเลยตัดสินใจในชั่วแว่บเดียวผลิกตัวกลับไปหาร่างใหญ่ที่นอนหงายอยู่ข้างๆ
ไอ่ทิดสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อเด็กชายเบียดหัวเข้าซุกซอกรักแร้เหมือนอย่างที่มันเคยทำ หะแรกทิดต้อมคิดว่าเด็กชายโตขึ้น อาจจะลืมเลือนความผูกพันครั้งเก่าไปแล้ว ชายหนุ่มเองยังนึกโล่งในใจ แต่เมื่อเด็กชายหันมาซุกไซ้ตัวเขาในตำแหน่งเดิมๆ ความรู้สึกคุ้นเคยและอุ่นใจก็กลับเข้ามา ทิดต้อมรู้สึกโล่งใจมากกว่าตอนที่เด็กชายวางท่าเงียบหงิมอย่างสาวรุ่นใส่เขาเป็นไหนๆ .
ครู่หนึ่งเด็กชายก็เริ่ใช้จมูกสูดดมซอกรักแร้ของไอ่ทิดไปมา ราวกับจะค้นหาคืนวันอันก่อนเก่า มือเล็กๆข้างหนึ่งของมันก็ถือวิสาสะลูบไล้แผงอกแน่นของชายหนุ่มไปด้วย ทิดต้อมขนลุกเกรียวเพราะความเย็นจากเรียวนิ้วน้อยๆนั่น ความหนักใจกลับจู่โจมอีกรอบหนึ่ง แต่กลับหนักปากไม่ยอมพูดห้ามปรามการกระทำอันรุกล้ำนั้นแต่ยางใด ยังคงปล่อยให้เด็กชายไล้มือลงต่ำจนสอดเข้าใต้ขอบกางเกงยีนส์ตัวฟิตที่นุ่งอยู่และพยายามจู่โจมท่อนเนื้อของเขา ไอ่ทิดใจหายอยู่เหมือนกันที่เด็กชายยังคงพฤติกรรมเดิม แต่จะโทษเด็กฝ่ายเดียวก็ไม่ถูก เพราะเขาเองก็เป็นผู้ให้ความร่วมมือกับมันมาตั้งแต่แรก แต่เอาเหอะ คืนนี้เขาไม่ได้อาบน้ำ คราบไคลที่สะสมมาตั้งแต่เช้ามืด อาจทำให้เด็กชายเปลี่ยนใจเมื่อได้กลิ่น เหมือนอย่างครั้งโน้นที่เคยเกิดขึ้น
มือน้อยๆของเด็กชายยังคงรุกต่อ เมื่อขอบเอวกางเกงมันแคบจนสอดมือลำบาก เด็กแอมก็ถือวิสาสะปลดกระดุมเสีย หลังจากนั้นไอ่ทิดก็ได้ยินเสียงร่นซิปกางเกงยีนส์ดังแคว่กเบาๆ พลางปลงในชะตากรรมของตนเองที่ใจหนึ่งก็ค้านว่าเรากำลังทำผิด แต่อีกใจก็นึกถึงรสลิ้นรสปากที่เด็กชายเคยปรนเปรอ สองความรู้สึกนี้เฝ้าค้านกันอยู่ในหัวไปมา จนกลายเป็นเสียงที่ดังขึ้นในใจว่า “กูเมากูไม่ไบอกให้มันทำ มันทำของมันเอง กูจะแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกตัว เดี๋ยวได้กลิ่นขี้เปียกมันก็เลิกเอง..”
แต่การณ์กลับไม่เป็นตามคาด เมื่อจมูกน้อยๆของเด็กชายเริ่มซุกไซ้ไถถูไปกับเป้ากางเกงในสีเขียวขี้ม้าที่ไอ่ทิดใส่อยู่อย่างหลงไหล ทั้งๆที่กลิ่นจากตรงส่วนท่อนลำและกางเกงในนั้นฉุนเค็มแรงจนไอ่ทิดเองก็ยังรู้สึก แต่เด็กแอมกลับซุกสูดดมเอาอย่างแรงราวกับได้สูดกลิ่นน้ำหอมทิพย์ ท่อนเนื้อที่ถูกกระตุ้นด้วยจมูกและคมฟันนั้นไม่นานก็ตื่นตัวขึ้นทีละน้อยๆจนปลายหัวมนดุนพ้นขอบเอวขึ้นมาหายใจภายนอก .
คราวนี้แหละ กลิ่นพิฆาต...ไอ่ทิดคิดในใจ....แต่เปล่าเลย แทนที่เด็กชายจะอ้วกแตกอ้วกแตนเหมือนคราวนั้น กลับกลายเป็นว่าทิดต้อมร้อนวาบๆจากลิ้นสากๆที่ถากหนักๆอยู่แถวหัวมนและคอหยักจนเปียกเลอะไปหมด
ลิ้นที่เคยเล็กๆนั้นดูเหมือนจะมีพื้นที่สัมผัสกว้างขึ้นไปอีก แถมยังหนาสากและลงน้ำหนักลิ้นได้หนักและรัวกว่าเดิม จนชายหนุ่มสะดุ้งกระตุกตามทุกแรงถากไส ไอ่ทิดยอมรับกับตัวเองว่าไม่ทันได้เตรียมใจ เมื่อโดนเด็กชายเล่นลิ้นใส่จึงถึงกับเสียวร้อนจนร่างผวาเฮือก .
โอ้ยยยมันจะมาไม้ไหนอีก ตอนที่ใช้ชีวิตทหารทิดต้อมก็ได้ผ่านประสบการณ์ชายเสียวมาบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ จนแม้กระทั่งสอดใส่เขาก็เคยผ่านมา แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่เชี่ยวชาญด้านโอษฐ์กามได้เหมือนเฒ่าทอง และเด็กแอมเลย คนที่ผ่านเข้ามาให้ทิดต้อมระบายนั้น ส่วนใหญ่จะใช้ปากแบบที่เรียก “เอาความเร็วเข้าว่า” คือการใส่เข้าปากให้ลึกที่สุดแล้วรูดปากใส่รัวๆ มันจึงได้แค่ความเสียวระดับแค่พอสะกิดเขาได้เท่านั้น จนเขาต้องลงเอยด้วยการสอดใส่ ซึ่งก็พบกับความผิดหวัง เพราะมันไม่ได้เสียวเหมือนอย่างที่เขาคิด แน่นอนมันได้ความมัน สะใจ แต่มันไม่ได้ซึ่งความดื่มด่ำซ่านเสียวลึก เหมือนอย่างที่เฒ่าทองและเด็กแอมบรรจงใช้ปากปรนเปรอเก็บรายละเอียดให้เขา ในที่สุดเขาจึงสอดใส่ให้มันเสร็จๆไปแบบไม่มีความติดใจอะไร และกลับกลายเป็นฝ่ายรับเสียมากกว่า ที่พออกพอใจเมื่อโดนไอ่ทิดทะลวงไส้อ่อน .
ผ่านมาเป็นปีขนาดนี้ ฝีลิ้นเด็กชายยังไม่ตกเลย หรืออาจจะเยี่ยมกว่าเมื่อปีก่อนด้วยซ้ำ ไอ่ทิดรู้สึกประหลาดใจและเหมาเอาเองว่าเป็นเพราะเด็กมันโตขึ้น ความคล่องแคล้วเลยโตตามตัว แต่แล้ว ทิดต้อมก็ต้องประหลาดใจเป็นคำรบสอง เมื่อเด็กชายจับท่อนเนื้อของเขาตั้งฉากกับลำตัวไว้มั่น แล้วค่อยๆเขมือบมันเข้าปากทีละนิดๆพร้อมกับตวัดลิ้นไสถากหัวเปลือยไปมาในเวลาเดียวกัน จนท่อนลำอวบแข็งหัวบานของเขาจมหายเข้าไปในปากน้อยๆจนมิดลำ
ไอ่ทิดตัวเกร็งค้างไปทั้งร่าง ดวงหน้าเหยเกราวกับคนช๊อคตกใจ เขาพยายามกลั้นเสียงครางอย่างสุดตัวเมื่อความเสียวร้อนจากโพรงปากน้อยโจมตีท่อนลำอย่างไม่ปราณี ปลายจมูกเล็กๆของเด็กชาย ตอนนี้กดจมลงไปกับดงขนฟูเชิงหัวหน่าวของไอ่ทิดแล้ว ลำคอน้อยๆบีบรัดคลายเป็นจังหวะไปมา แถมลิ้นสากๆยังตวัดวาบพันถากขยี้ใส่ท่อนเนื้ออย่างอำมหิต
ความเสียวสุดโต่งจนใจหล่นวูบไปอยู่ตาตุ่มนี้ เกือบทำเอาไอ่ทิดหัวใจวายไปแล้ว หากเด็กแอมไม่รูดถอนปากขึ้นทางปลายหัว เด็กชายไม่ปล่อยให้ทิดต้อมโล่งใจได้นาน เมื่อถอนปากจนถึงคอหยัก ลิ้นและโพรงปากของมันก็บีบดูดหัวเปลือยนั้นอย่างต่อเนื่อง โพลงปากกับลิ้นสากร้อนทำงานเข้าขากันอย่างเป็นจังหวะแต่มีเป้าหมายเดียวกันคือขยี้บดใส่หัวบานเปลือยหนังอย่างหนักหน่วง ไอ่ทิดเสียววาบจนดิ้นเร่าๆเหมือนปลาถูกทุบ มันเกร็งร่างแอ่นผวาเฮือกขึ้นกลางอากาศโดยไม่รู้ตัวตาเหลือกลาน ปากที่อ้าค้างอยู่นั้นเผลอเปล่งเสียงออกมาไม่เป็นภาษาคน .
“อึ๋ยยย๊ากก” เสียงที่เปล่งออกมาผ่านริมฝีปากที่บิดเบี้ยวเหยเกนั้น คล้ายกับเสียงคนตกใจเวลาที่นอนละเมอตกหลุมอากาศ จนเด็กแอมต้องเอื้อมมือไปปิดปากไอ่ทิดไว้ทันควัน เพราะกลัวแม่ใหญ่จะตื่นขึ้นมาอีก เด็กชายช้อนตาขึ้นมาดุไอ่ทิด ทั้งๆที่ปากยังคาบลำเอ็นของเขาอยู่ ทิดต้อมหยุดเสียงโดยพลัน พร้อมกับประหลาดใจอีกรอบ ที่บัดนี้เด็กชายกลายเป็นฝ่านควบคุมเขาไว้ได้อยู่หมัด และสามารถออกคำสั่งใส่เขาได้เพียงแค่เอามืออุดปากและทำสายตาดุใส่แถมยังรู้จักกาลเทศะระวังตัวกลัวความลับจะถูกเปิดเผย จนต้องเป็นฝ่ายต้องเตือนเขาเสียเอง เออหนอ มันเป็นผู้ใหญขึ้นแล้วจริงๆ .
ไอ่ทิดหุบปากสนิทพร้อมกับพยักหน้าให้เด็กแอมเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว ทั้งๆที่คิ้วยังคงขมวดนิ่วหางตก เพราะผ่านความเสียวสุดโต่งมาหมาดๆ เมื่อเห็นว่าทิดต้อมตั้งตัวได้แล้ว เด็กแอมก็เริ่มดูดดื่มเอาความอร่อยจากหัวท่อนเอ็นต่อ มันทำเสียงแค่นขำในลำคออย่างเยาะเย้ยใส่ไอ่ทิด ที่เหมือนกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนไปแล้วในเวลานี้ จนทิดต้อมก็รู้สึกขำตัวเองเช่นกัน .
เด็กชายออมฝีปากให้ทิดต้อมด้วยการเบาแรงบีบดูดของปากลง หัวบานมนจึงถูกกวาดดูดวาบบ วาบบบ เป็นระยะห่างๆพอให้ไอ่ทิดได้ตั้งตัวทัน ร่างที่ผวาเฮือกลุกขึ้นเกือบนั่งเมื่อสักครู่ ค่อยๆทิ้งตัวลงสู่ฟูกที่นอน ความหนาวเหน็บที่เกาะร่างเมื่อก่อนหน้าพลันมลายหายไปสิ้น เมื่อได้ความอุ่นร้อนจากปากลิ้นของเด็กชายมาเติมเชื้อไฟราคะให้ ความรู้สึกของไอ่ทิดตอนนี้คือเสียวร้อนวูบวาบไปทั้งร่างกาย จนฝ่าเท้ามีเหงื่อออกชุ่ม .
เด็กน้อยดื่มด่ำกับรสชาติของท่อนเนื้อแท่งโปรดอย่างเชื่องช้าไม่รีบร้อน มันหลับตาพริ้มขณะที่ใช้ริมฝีปากดูดกินรสสวาทอันโอชะจากท่อนเอ็น นั่นแสดงถึงความพึงพอใจหนักหนา เล่นเอาทิดต้อมซึ่งสังเกตดูในความมืดสลัว รู้สึกเร่าร้อนตามมันไปด้วย
ไอ่ทิดนอนกึ่งนั่งโดยใช้ข้อศอกค้ำไว้กับฟูกทั้งสองข้าง ส่วนขากางอ้า ปลายเท้าเหยียดเกร็งเกือบขนานไปกับพื้น ปล่อยให้เด็กชายดูดดื่มความเป็นชายของมันให้สมอยาก ซึ่งแต่ละแรงดูดที่ค่อยๆเพิ่มความแรงขึ้นนั้น ก็ทำเอาไอ่ทิดดำดิ่งสู่ห้วงราคะลึกลงทุกทีๆ ความเสียวซ่านจากกระพุ้งแก้มที่บีบบี้ท่อนลำของไอ่ทิดอยู่นั้น ทำเอามันจวนเจียนเต็มรักภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที .
ทำไมเด็กแอมเก่งมากขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ทิดต้อมถามตัวเองในหัวซ้ำไปซ้ำมา เมื่อเทียบกับเวลานี้ของปีก่อน ฝีปากของเด็กชายนับว่าก้าวกระโดด มันเก่งเกินเด็ก เก่งเกินผู้ใหญ่คนอื่นๆที่เคยลิ้มรสท่อนลำของไอ่ทิดทุกคน ยกเว้นเฒ่าทองที่มีเคล็ดลับพิเศษคือการถอดฟันปลอม ไอ่ทิดทั้งประหลาดใจและเสียวซ่านอย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อนมันเฝ้ามองดูเด็กแอมทำรักด้วยปากให้มัน อย่างทึ่งปนสุข จนต้องจุ๊ปากออกมาเบาๆ นับเป็นครั้งแรกที่มันแสดงออกถึงความพิษวาทหลงไหลออกมาถึงเพียงนี้ให้เด็กแอมได้เห็น .
ท่อนลำที่ถูกจับตั้งตระหง่านชันขึ้นนั้น ถูกดูดดื่มเป็นจังหวะเร็วขึ้น แรงขึ้นบีบรัดมากขึ้นทุกทีๆ แต่ละเรียวลิ้นที่ไถฉก สะสมความเสียวเป็นกระจุกไว้ที่หัวบานมน ลามไปถึงขาหนีบทั้งสองข้าง และไล่ลงสู่ฝ่าเท้าทั้งคู่ของไอ่ทิด เด็กชายสังเกตเห็นใบหน้าที่ผงกมองมันอยู่นั้นเหยเกเต็มที แถมหน้าขาของพี่ทิดยังแข็งเกร็งต้านขึ้นทุกขณะๆ จึงคิดได้ว่าถึงเวลาเด็ดหัวคั่วให้มันเสร็จสิ้นเสียที หัวมนบานที่มันดูดเล่นอยู่ตอนนี้ เริ่มขยาดพองๆยุบๆในปากมันจนมันรู้สึกได้ บานดีนักใช่ไหมกูจะดูดให้แหลมเหมือนดินสอเลย เด็กชายนึกในใจ และยิ่งเห็นใบหน้าของไอ่ทิดบูดเบี้ยวหนักครางรอดไรฟันอย่างทรมาน เด็กแอมก็ยิ่งเพิ่มความอำมหิตของโพล่งปากมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งทิดต้อมเองก็รู้สึกราวกับทุกแรงดูดจากปากเด็กชายเสมือนแรงดูดนั้นจะดูดเอาวิญญาณเขาออกจากร่างไปด้วย .
ในที่สุดไอ่ทิดก็เสียท่าให้เด็กแอมอีกครั้งหนึ่ง โดยไม่บอกไม่กล่าว ท่อนเอ็นภายในปากของเด็กชายก็กระตุกหงึกๆ ส่วนทิดต้อมก็สะท้านตัวงอหัวสั่นคลอนไปหมด น้ำข้นคาวจำนวนมหาศาลทะลักทะลายเข้าสู่โพล่งปากของเด็กชายเป็นก้อนๆจนเด็กแอมรู้สึกได้ ถ้าเป็นเมื่อปีทีแล้วจังหวะนี้เด็กชายจะบีบปากนิ่งรอดื่มกินจนกว่าท่อนลำจะเลิกกระตุก .
แต่ ฟ้าใหม่ พศ.ใหม่ เด็กชายกลับดูดสวนการกระฉูดอย่างเอาเป็นเอาตาย เอาเป็น คงเป็นเด็กแอม เพราะดูดยิบตา ส่วนเอาตาย เห็นจะเป็นไอ่ทิดต้อม เพราะกระตุกตัวงอจนเป็นกุ้งก็แล้ว เด็กชายยังไม่ยอมเลิกดูด ทุกหยาดหยดที่กระฉูดเข้าปากหายไปราวกับโดยเครื่องดูดฝุ่นดูดเก็บ จนหยาดหยดสุดท้ายที่เด็กชายดูดกินไอ่ทิดเกร็งร่างเกือบจะเป็นตะคริว แต่เด็กชายยังไม่ยอมหยุดดูด เสียงโอ้ย โอ้ยที่ดังแผ่วออกมาจากปากไอ่ทิดราวกับเสียงสะอื้นไห้นั้น ยิ่งได้ฟัง เด็กแอมกลับยิ่งสะใจ และคะนองปากมากขึ้น .
เด็กน้อยใช้มือยึดท่อนลำไว้แน่น ใช้ปากจู่โจมหัวเปลือยอย่างเลือดเย็น โอ้ยย โอ๊ยย.. เสียงที่ลอดจากจากไอ่ทิด กระท่อนกระแท่นบอกถึงความทรมานใจจะขาด มือที่เคยแข็งราวคีมเหล็กบัดนี้งัดหัวเด็กชายออกไม่ได้อย่างใจนึก เด็กแอมใช้สองมือยืดสะโพกชายหนุ่มแน่น แถมยังดูดสูบท่อนลำต่อเนื่องอย่างไม่ปราณีปราศรัย ไอ่ทิดดิ้นสะบัดตัวพร้อมโอดสะอื้น จนต้องร้องบอกเด็กชายเบาๆว่า .
“โอ้ยย ยอมแล้วครับ พี่ยอมแล้ววว โอ้ย!”
หึหึ..ร้องขอชีวิตเหมือนที่เขยใหม่ชำนาญร้องประโยคเดียวกันเลย เด็กแอมกระหยิ่มในใจ แล้วมันจึงยอมดูดห่างลง เบาลง พร้อมกับร่างเกร็งๆของทิดต้อมที่ค่อยคลายลงๆปนเสียงหายใจหอบถี่ราวคนผ่านการออกกำลังกายมาอย่างหนัก.......
. . . กระทู้หน้าตอนจบครับ
|