ธีรพัฒน์ถึงกับตะลึงงันตัวชาวูบทันทีที่ดึงประตูแง้มออกภาพเปลือยของเด็กชายต่างสีผิวที่กอดเกยกันกลมบนเตียงบ่งบอกถึงการกระทำทางเพศที่ผิดวิสัยเขาทันได้เห็นอวัยวะอันอวบใหญ่ผิดวัยเด็กทำหน้าที่อยู่ในช่องทางของเด็กชายตัวเล็กใต้ร่าง แรงขยับนั้นยังคงรุกเร้ารุนแรงด้วยทั้งคู่กำลังเตลิดเลยในอารมณ์ลืมระแวดระวัง การรู้เห็นใด ๆ จากใครอื่นปากที่บดจูบนั้นต่างพริ้มสุขจนปิดเปลือกตาบังภาพของธีรพัฒน์ที่เข้ามายืนคาอยู่ตรงประตูห้องเสียงหอบครางกระเส่าของเด็กวัยเพิ่งเรียนรู้ โลกีย์รส ดังระงม ร่างเล็กของเด็กวัยอ่อนกว่าสีผิวคล้ำถูกยกสองขาพาดไว้บนไหล่ของเพื่อนต่างวัยที่แค่มองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นฝรั่งลูกครึ่งเพราะผิวขาวจัดและผมออกสีทอง เด้งรับการโหมกระแทกของคนบนร่างจังหวะและลีลาเร่าร้อนนั้นผิดวิสัยของเด็กวัยอ่อนจะทำได้คล่องถนัด ลูก! ธีรพัฒน์ พยายามขยี้ตาตนเองเพื่อให้แน่ใจว่าเขาตาฝาด หาก...ภาพบนเตียงเป็นภาพจริง เรื่องจริงจนเขาอยากจะตะโกนสุดเสียงยุติการกระทำบัดสีนั้น หรือผลักไสคนบนร่างของลูกรัก หากวูบหนึ่งเขาก็หวนคิด ลูก...เป็นไปได้ถึงปานนี้เพราะอะไร เพราะใครความอดสูแล่นขึ้นจุกใจตัวเขาเอง ทำให้ธีรพัฒน์ไม่กล้าเผชิญการห้ามปราบ ก็ดูเถอะแม้ใจจะอดสูสมเพท ก่อนดึงบานประตูปิดเขาก็อดชำเลืองท่อนเนื้อสีขาวที่รุกเดินหน้าถอยหลังอย่างเสียดาย ............................................................................................. “ธี” เด็กชายตัวกลมป้อมวัยสามขวบเศษถลามาทันทีที่เห็นหน้าธีรพัฒน์วัยสามสิบเศษความน่ารักของเด็กน้อยอยู่ในวงแขน แกเพิ่มความน่ารักด้วยจูบแก้มบิดาซ้ายขวา ................................................................................................. “ลูก” ธีรพัฒน์หายเหนื่อยจากความจำเจของงานอาชีพความเดียงสาของแกกับดวงตาใสทำให้เขาเป็นสุขทุกหน ทันทีที่กลับมาพบหน้าลูกธีรพัฒน์ไม่เคยแต่งงานและไม่เคยมีเมียเด็กชายเป็นบุตรบุญธรรมที่เขาขอมาเลี้ยงตั้งแต่แกอายุได้สองขวบเขายังจำภาพเด็กชายตัวผอมลีบท่าทางอมโรค หากซ่อนความคมคายไว้ รูปหน้าและตาคมซึ้งระหว่างคิ้วและสันจมูก สภาพของเด็กขาดพ่อที่ทิ้งร้างมารดาให้รับภาระลูกๆ อีกหลายคนโดยไม่ใส่ใจ การเลิกร้างของผู้ให้กำเนิดดึงเอาความสมบูรณ์จากกายเด็กเขาเคยนึกเวทนาที่เห็นแกซุกตัวลีบแอบดูเพื่อน ๆอร่อยลิ้นกับขนมขบเคี้ยวด้วยความหิวโหยกลืนน้ำลายกลั้วคอ ด้วยเหตุนี้ธีรพัฒน์จึงมีลูกชายตัวเล็กเมื่อแม่เด็กที่ทิ้งภาระแบกรับเอ่ยปากยกให้ ที่เห็นเขาเอื้ออาทรต่อลูก ๆของนางเสมอมา ธีรพัฒน์ปิติตันในอก เขาตอบแทนค่าน้ำนมด้วยเงินพอควรเมื่อแม่ไร้ทะเบียนสมรสทำหนังสือยกให้เป็นบุตรโดยถูกต้องตามกฎหมาย เขาจำเป็นต้องพาเด็กน้อยแยกมาไกลจากอกแม่เพื่อปกป้องไว้เป็นกรรมสิทธิ์แม้จะเวทนา น้ำตาแม่ลูกยามพลัดพราก ธีรพัฒน์ตัดสินใจหนนี้โดยมิได้ปรึกษาใครด้วยบุพการีแห่งตนก็ต่างสิ้นอายุขัย พี่น้องต่างก็แยกย้ายมีครอบครัวไปเพราะความเป็นเกย์ของตนทำให้เขาไม่ค่อยคลุกคลีเครือญาติ เขารู้ดีว่าการอุปการะทำให้เขาคิดถึงยามเหว่ว้าในวัยแก่เฒ่าลูกจะเป็นหนึ่งเดียวที่เขามี พออาศัยป้อนหยูกยาอาหาร ฉะนั้นเมื่อใครๆ รู้เรื่องจึงโวยวาย ให้เขาเป็นกังวลพอดู “ต้าย! หาเรื่องใส่ตัวเอาลูกเขามาเลี้ยงเอาเมี่ยงเขามาอมจะให้เหมือนเลือดในอกได้ไง” “เลี้ยงลูกชาวบ้านอีกหน่อยพอโตปีกกล้าขาแข็งขัดใจอะไรหน่อยคงคิดสืบหาพ่อแม่แล้วสะบัดก้นหนีเราไปได้เสียเวลาเลี้ยงเปล่า” “เถอะ! คงได้เป็นขี้ปากชาวบ้านเสียสนุกหรอกว่าเลี้ยงต้อยไว้กินเอง ใครเขาจะเชื่อใจพวกกะเทยเราว่าเป็นสมภารไม่แอบกินไก่วัดไอ้ที่รักว่าลูก...ลูก พอโตเป็นหนุ่ม จะอดใจเสียไม่ไหว” หรือบางคนก็สนับสนุน “เลี้ยงไว้เถอะลูกเสือลูกตะเข้ยังดีได้เพราะการฝึกหัด นี่เด็กแท้ ๆหมั่นอบรมและให้ความรักความอบอุ่น แม้จะไม่ได้พึ่งพาก็นับว่าเลี้ยงเอาบุญ” และเพราะความเดียงสาของลูกธีรพัฒน์จึงเลือกแยกแยะเอาคำพูดทัดทานว่าเป็นเสียงนกเสียงกา ธีรพัฒน์เอ็นดูลูกแม้จะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการเลี้ยงเด็กเขาเกิดอาการพิอักพิอ่วนใจที่จะให้ลูกเรียกขาน เขาว่า “พ่อ” เหมือนเด็กอื่นทั่วไปเขามีความเป็นพ่อได้เพียงพอให้ลูกเรียกขานได้เต็มลำแล้วหรือด้วยเหตุนี้เมื่อมีคำทักท้วง คำเรียกขานของลูกจากใคร ธีรพัฒน์ตอบเลี่ยงไปเสียทุกหน ก่อนอื่นเขาพาลูกชายไปโรงพยาบาล เพื่อตรวจเช็คร่างกายขอคำแนะนำเรื่องถ่ายพยาธิเด็กและหมั่นบำรุงแกด้วยอาหารที่มีคุณค่าตามหลักโภชนาการซึ้อหาตำราเลี้ยงเด็กอ่อน ธีรพัฒน์ทำงานอิสระเขาเป็นเซลแนะนำสินค้าแก่บริษัทหรือห้างร้านและสถานที่ราชการเขาจึงมีเวลาเหลือเฟือให้ลูก มีโอกาสรับรู้ความเปลี่ยนแปลงในการเจริญวัยเขาให้เวลาแกเพื่อก่อความผูกพันก่อนเลือกจ้างคนเลี้ยงเด็กที่ได้เลือกสรรแล้วว่าดีพอโดยเขาพาไปส่งคนเลี้ยง เลิกงานก็รีบไปกลับมาเลี้ยงเอง เด็ก...เป็นความบริสุทธิ์สะอาดดุจผ้าฝ้ายสีขาว ย่อมซึบซับรับเอาสิ่งใกล้ตัว ธีรพัฒน์ปฏิญาณว่า เขาจะไม่ยอมให้ใครความแปดเปื้อนใด ๆ มาแผ้วพานลูก เหตุนี้ธีรพัฒน์จึง“ห้าม” เด็ดขาด เพื่อนชาย เฉียดกรายมาใกล้เรือน ยามใดที่ใจปรารถนาตามวิสัยเขาจะใช้ลูกเป็นข้อเตือนใจ ลูกจะไม่มีวันรู้เห็นความผิดปกติแห่งตน ลูกส่อแววฉลาดช่างจดจำ และใคร่รู้ใคร่เรียน หัดให้เขียนอ่านก็จำได้แม่นแกเปลี่ยนจากเด็กชายอมโรคเป็นเด็กที่สมบูรณ์ด้วยพลานมัย ธีรพัฒน์ต้องฝืนความรู้สึกเหมือนสวมหน้ากากชายแท้ให้เป็นแบบอย่างแก่ลูก บางหนเขานึกขำตัวเองที่กำหมัดชกลมด้วยท่าทีเก้งก้างและทำตัวเป็นเพื่อนเล่นตามวิสัยลูก “อุ้ย! หลานน้าโตเป็นหนุ่มแล้วรูปหล่อสมใจ คงไม่พ้นได้หนุ่ม ใคร ๆ คงได้กรี๊ด ไหนดูซิอย่างอื่นจะโตด้วยอ๊ะเปล่าต้าย! เหลือเกินเชียวพ่อ รีบโตเป็นหนุ่มน่ะป้าคงได้ทัน” เพื่อนเกย์ที่เกือบเลิกคบหายสูญไปบ้างบางคนด้วยเพราะธีรพัฒน์เลิกเสวนาไปมาหาสู่ คงอดคิดถึงไม่ไหวแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนเกือบทุกรายมักหยอกล้อ จนเขาห้ามไม่ทัน เขาไม่ชอบให้ใครทำแบบนั้นกับลูกแต่ก็เคยสังเกตว่า เด็กชายมีเครื่องเพศที่ออกจะเกินตัว จะด้วยกรรมพันธุ์หรือแรงบีบเคล้นทุกบ่อยของเพื่อนร่วมรสนิยมธีรพัฒน์เกิดอาการอดสูทุกหนที่เผอิญแตะต้องกระทบยามอาบน้ำชำระให้ ธีรพัฒน์เป็นสุขนักเมื่อได้เห็นลูกในชุดเรียนเขาเป็นพ่อที่มีความรู้คนหนึ่ง... ลูกชายจึงเรียนเก่งตามที่เขาฝึกสอนการเรียนของลูกมิได้เป็นภาระต่อรายได้ของธีรพัฒน์ ลูกจึงได้เรียนในโรงเรียนที่มีระดับยิ่งผมการเรียนดีเด่นของลูกเพิ่มความภาคภูมิแก่เขามากขึ้น คำชมจากครูและจากปากชาวบ้านที่เห็นเขาใส่ใจต่อลูก เป็นเหรียญตราให้ธีรพัฒน์ภาคภูมิ ความรักที่เขามอบแด่ลูกอบอุ่นจนหนึ่งไม่เคยถามถึงแม่ แกอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำ หากธีรพัฒน์ก็เตรียมคำตอบไว้เสมอเขาจะเอาความอาทรและให้ความสุขแก่ลูกให้มากที่สุด โตขึ้นแกอาจจะเลือกตัดสินใจเอง การได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอทำให้หนึ่งมีร่างกายสมบูรณ์ แกเป็นเด็กเจริญวัยทั้งปัญญาทางสมองและความเปลี่ยนแปลงของสรีระจึงมีร่างกายแกร่งและเริ่มมีมัดกล้ามให้เห็นเมื่อจบประถมปลาย ธีรพัฒน์เริ่มแยกห้องนอนกับลูกเมื่อเพื่อนเกย์เริ่มมองเห็นลูกเป็นหนุ่ม เขาโกรธเพื่อนที่ชอบลูบคลำจนลูกติดนิสัยเวลานอนแกชอบความอิสระ ไม่มีชั้นใน ชอบซุกมือลูบเล่นอวัยวะเขาเพิ่งสังเกตความแปลกเปลี่ยน เมื่อลูกชอบเล่นกีฬาด้วยชุดผ้ายืดรัดรูปอวดสัดส่วนที่ออกจะเกินหน้าเพื่อนวัยเดียวกันฉะนั้นพอเริ่มเรียนมัธยมเพื่อนก็พากันล้อว่านักเรียนสาวติดแกจม “ธี” แกร้องเรียกบิดาในก่อนนอนคืนหนึ่งเมื่อธีรพัฒน์เปิดประตูเข้ามา แกนอนหงายอยู่บนเตียงร่นขอบกางเกงลงอย่างหมิ่นแหม่ “ทำไมคันจัง ไม่เห็นมีแผลรึผื่น” เขาหน้าแดง เมื่อเห็นลูกเกายิก ๆที่หัวเหน่า แกเปิดเผยจนบางส่วนของความอวบอ้วนแพลมให้เห็นนับแต่แยกห้องก็หนนี้ที่เขาสนใจจะมอง “ส่วนนั้น” ของลูก เขาพยายามทำเสียงเป็นปกติอธิบายให้ลูกเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของวัยเริ่มหนุ่มแกสนใจเมื่อรู้ว่าขนกำลังจะงอกในที่ลับ “การช่วยตัวเอง คืออะไร” เพราะลูก เขาเป็นทั้งพ่อและเพื่อนการเปิดเผยจึงไม่เป็นที่ตะขิดตะขวงใจสำหรับแก “ผมเห็นเพื่อน ๆ มันล้อกันเวลาเข้าห้องน้ำ ใครเข้านานก็ถูกล้อ” ธีรพัฒน์รีบหาวิดีโอเกี่ยวกับความรู้เรื่องสรีระและเพศสัมพันธ์เขากลัวลูกจะถูกชักจูงไปผิดทางวิสัยเพศร่วมดูและอธิบายห่วงการชิดใกล้ถึงขั้นถูกเนื้อต้องตัวแต่ลูกก็ยังติดพ่อหยอกล้อกอดเฟ้น ทำเอาเขาต้องข่มใจ ฝืนความนึกคิดนอกลู่นอกทาง เขาปล่อยให้ลูกได้คบเพื่อนวัยไล่เลี่ยกันแกเริ่มมีเพื่อนฝูงไปมาหาสู่และร่วมเล่นออกกำลังกาย เย็นหนึ่งธีรพัฒน์สังเกตว่าลูกชายกลับจากบ้านเพื่อนพร้อมกล่องบรรจุม้วนวิดีโอหมู่นี้แกมักจะเข้านอนแต่หัวค่ำ ไม่ค่อยมาคลุกคลีเหมือนเคยหลังอาบน้ำกินข้าวแกเงียบอยู่ในห้อง ธีรพัฒน์ค่อยแง้มประตูลูกยังคงไม่นอนเพราะแสงสว่างจากทีวีขนาดสิบสี่นิ้วยังจ้า เขาเห็นลูกชายนั่งแบะขาอยู่บนเตียงไม่มีชุดนอนมีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพาดวางกลางตัวที่ตุงโด่ “ธี เข้ามาเถอะ” ธีรพัฒน์กำลังดึงประตูปิดหากเสียงเรียกของลูกทำให้เขาชะงัก เขาอยากเตือนลูกกับการปล่อยตัวประเจิดประเจ้อ หากพอลูกขยับให้เขานั่งลงบนเตียงผ้าก็ร่นจนสิ่งที่เก็บซ่อนโผล่ออกมาให้เห็น ธีรพัฒน์หันเหสายตาออกเขาพบภาพในจอทีวีถึงกับขนลุกซู่ “เพื่อนเขาให้ผมยืมมาดูการผสมพันธุ์ของมนุษยชาติที่แท้จริง วิดีโอของธีเป็นแค่ภาพวาดลายเส้นผมว่าแบบนี้มันน่าสนุกกว่า” ผู้ได้ชื่อว่าบิดาพูดไม่ออกได้แต่กลืนน้ำลายกลั้วคอ “เคยมีเพื่อนชายคนหนึ่งขอดูดไอ้นี่ของผม แต่ผมไม่ยอม” “ไอ้นี่” ที่ลูกชายพูดถึงถูกประคองออกอวดธีรพัฒน์คอแห้งผากเหมือนเดินหลงกลางทะเลทราย แค่แยกห้องไม่ทันนานลูกชายก็ล่ำสันเพียบ ขนาดเขาพยายามหักห้ามใจไม่ให้มอง ไม่ให้คิดแต่อำนาจฝืนต้านดูเหมือนละลายหายไป ท่อนเนื้ออวบยาวบนกลุ่มขนบางตาเหมือนบัวแรกแย้มอวดเกษรฉ่ำผงกทักทายอำนาจดำกฤษณาให้ลุกโชน “เพื่อนหญิงหลายคนเคยชวนผมเข้าห้องน้ำเธอชอบให้ผมรุกล้ำ แต่ก็ร้องว่าเจ็บ เธอว่ามันเกินพอดี” “อย่า-อย่า-อย่านะ อย่าให้ใครทำยังงั้น” ธีรพัฒน์เกิดอาการแหนหวงในบัดดลเขาแล้วใครอื่นได้ “ของดี” ไปชม ไม่...เขาจะไม่ยอมให้ใคร เขามีสิทธิ์มันเป็นสิทธิ์ของเขาคนเดียว ธีรพัฒน์กอบกำมันไว้ดุจใครจะมายื้อไปเสียตอนนั้นความอบอุ่นและแรงกระตุกเร้าของเลือดหนุ่มทำให้เขาลืมคำพระ ลืมความดีชั่วที่เคยเข้าวัดฟังธรรมชะล้างกิเลสเขากลัว “สันดานเดิม” จะทำลายลูก จนต้องชำระจิตใจด้วยรสพระธรรม หากบัดนี้คำสอนนั้นตกหล่นไปเสียสิ้นแล้ว “การทำรักด้วยปากกับการสอดใส่อย่างไหนจะดีกว่ากัน” ธีรพัฒน์เกือบจะทนฟังคำลูกได้จบประโยคอำนาจตัณหาโน้มคอเขาลงสู่ท่อนเนื้อที่ชี้โด่เขาเก็บกลืนมันอย่างทะนุถนอมด้วยวงปากลิ้นและกระพุ้งแก้มไม่ยอมให้ความสดใหม่กระทบฟัน เด็กชายวัยสิบสี่ที่พกพาความเกินพอดีบิดกายเป็นเกลียวเมื่อแรงดูดรัดและลีลาพลิกลิ้นเริ่มรุนแรง ความหฤหรรษ์ผิดแผกจากการบีบรัดด้วยนิ้วมือและรูดร่นต่างกันนักแกเพิ่งรู้ว่าถุงหยุ่นสองใบยามเปียกชื้นในช่องปากและการลากไล้ด้วยลิ้นแฉะคือความสุขสุด ๆ ที่แล่นจากปลายเท้าขึ้นสู่สมองเสียงครางจึงโอดโอยสุดมันส์ แกกดหัวผู้เป็นบิดาไว้แน่นเมื่อความล้ำลึกถูกกลืนลงสู่คอที่บีบรัดกระชับ หนึ่งปลดเปลือยวัยสี่สิบเศษของคนผู้ที่ได้ชื่อว่าบิดาแกพบท่อนเนื้อขนดงรกที่เปิดร่นตลอดแกพลิกผันร่างธีรพัฒน์เพื่อตอบแทนความสุขสมที่บิดามอบให้ธีรพัฒน์พยายามพลิกร่างหนี เขาอยากเห็นลูกชายเป็น “ผู้ชาย” เต็มตัวแกควรเป็นผู้ได้มิใช่ฝ่ายเสียเปรียบ แต่แรงขัดขืนและคว้าไขว่ทำให้หมดทางหลีกเลี่ยงเมื่อลูกชายจับมันยัดใส่ปากและทำเหมือนที่ตนทำ ภาพการบุกทะลวงของชายคู่กับช่องทางเบื้องหลังหนึ่งมองจ้องอย่างสนใจแกเพิ่งรู้ด้วยซ้ำว่าในวิดีโอม้วนนี้มีการร่วมระหว่างชายกับชายปะปนด้วยเด็กรุ่นถึงตะลึงจ้อง แม้จะคาบคาของบิดาไว้ในปาก ภาพท่อนเนื้อยาวใหญ่ที่รูดทะลวงคงทำความเปรมปรีย์ให้แก่ทั้งคู่อย่างสุดเสียวแกควานคว้าหาช่องทางของบิดาแล้วไล้เล่นก่อนค่อย ๆ สอดนิ้วมุดเข้าไป แรงบีบกระชับของผนังภายในตอดนิ้วแกตุ๊บๆ ยั่วยุให้แกรุกล้ำ สู่ความอบอุ่นภายในวนสุดนิ้ว ธีรพัฒน์พลิกกายด้วยตั้งใจจะปรนเปรอให้คนที่ตนแหนหวงพบสุขทุกรูปแบบภาพในจอเป็นครูสอนให้หนึ่งไม่เคอะเขิน ธีรพัฒน์ขบกรามกรอดเพราะขาดสารหล่อลื่นพยายามผ่อนคลายรับความลึกล้ำก่อนซี๊ดปากให้ลูกชายได้ภาคภูมิใจว่าตนได้ปรนเปรอให้ความเกษมเด็กรุ่นเองก็เสียววูบถึงไขสันหลัง เมื่อธีรพัฒน์เพิ่มแรงขยับรัดยั่วยุให้แกโหมกระหน่ำเด็กชายพบการถะถั่งที่ยาวนานกว่าหนใด “ธีรพัฒน์ ทำซีฮ่ะ ผมอยากรู้อยากลองว่าผู้ถูกทำจะมีความสุขแค่ไหน...ซีฮะ” ธีรพัฒน์กำลังใช้ผ้าชุบน้ำชำระให้อย่างถนอมหากลูกชายพลิกกายในท่าหมอบ ดึงบิดาขึ้นคล่อม ธีรพัฒน์ขืนตัวหากลูกจะเดินทางผิดทางเพศ เขาก็ขอให้ลูกเป็นฝ่าย “ทำ” ไม่ใช่ฝ่ายถูกกระทำเขาพยายามชี้แจงให้ลูกรู้โอกาสของผู้ถูกทำมักเบี่ยงแบนสู่ถนนอัปยศอันดำมืดแต่เด็กชายก็กระตือรือร้นอยากลองอ้อนวอนเสียงอ่อน เขามองรอยรูดของเนื้อเยื่อสีชมพูคล้ำที่ลูกชายพลิกร่างหงายโด่งตัวอวดอ้าธีรพัฒน์ฝืนต้านความรู้สึกที่กำลังจะเกิดขึ้นในใจ ความที่ไม่เคยขัดใจลูก แรงขยั้นทำเอามโนธรรมของเขาแหลกสลาย “นะโม.....” เสียงสวดพระอภิธรรมดังจากโทรทัศน์ข้างบ้านด้วยกำลังมีพิธีศพคนสำคัญปลุกให้ธีรพัฒน์รู้สึกตัวเขากำลังกดกายเดินหน้าสู่ช่องทางแคบๆความรู้สึกอัปยศผลักไสเขาให้ถอยกลับก้าวลงจากเตียงอย่างลุกลน เสียงนั้นเหมือนเสียงดีเกราะเคาะไม้และคำสวดแช่งด่าอา! เขาประทับตราบาป บนเหรียญตราแห่งบุญที่ได้มาจากความเพียรในแรมสิบปีบัดนี้ตัวเขาเองแท้ ๆ ที่ทำลายมันอย่างยับเยิน คืนนั้นทั้งคืน ธีรพัฒน์นอนไม่หลับกระนั้นก็รีบลุกออกก่อนไก่โห่ ด้วยอดสู่จะสู้หน้าลูกรักเขารีบแต่งตัวค่อยแย้มประตูเปิดถึงกับชะงักเมื่อลูกชายโผล่ออกมาประจันหน้า “วันนี้จิมมี่จะมาติวภาษาอังกฤษให้ผมขออนุญาตทำอาหารเลี้ยงเพื่อนนะฮะ” ผู้ที่ได้ชื่อว่า “พ่อ”ควักเงินส่งให้โดยมิได้สบตา เขาแทบจะผละวิ่งลงเรือนเพราะการประจันหน้าเหมือนกระจกส่องให้เห็น“เงาอัปยศ”
|