นิยายวาย “พิศวาสรัก พญานาคราช”
ไม่ว่าชาตินี้เจ้าจะเกิดเป็นชาย ...แต่รักของข้ามิเคยเสื่อมคลาย ข้าจะรักเจ้าไปทุกภพทุกชาติไป ความตายมิอาจพรากรักของเราสองได้
นวนิยายวาย แนวเร้นลับกับความเชื่อที่มียาวนานของคนไทย “พญานาค” ครบทุกรสชาติ หวาน อิน ฟิน อิโรติก สนุก
ตอนที่ 1 ปลดปล่อย
พิศวาสรักพญานาคราช โดยธรรมสิริ ∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞∞ “ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย” เสียงตะโกนขอความช่วยเหลือสุดวิเวกวังเวงดังก้องเข้ามาในหู ทำให้คนที่ได้ยินขนลุกซู่ไปทั้งตัว “ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยสิริภัทรนาคี ช่วยข้าด้วย” นทีตกใจอีกครั้ง สิ่งที่เขาได้ยินไม่ใช่หูแว่วแน่นอนและดูท่าคงจะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ได้ยิน "แม่ครับ...ข้างหน้ามีอะไรนะจอดรถก่อนได้ไหมครับ" นทีพูดขึ้นมา เมื่อมองไปข้างหน้ามีผู้คนจำนวนมากกำลังมุงดูอะไรบางอย่างอยู่.... “นที..แม่ว่าเราอย่าไปยุ่งเลยนะลูก” “แม่ครับผมอยากลงไปดูเผื่อจะได้ช่วยอะไรเขาได้บ้าง นะครับแม่” “นะครับแม่..นะครับผม” อะไรบางอย่างบอกให้ นที ต้องหยุดดูให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ก็ได้ แต่นทีห้ามทำอะไรบุ่มบามนะลูกในนั้นอาจมีมิจฉาชีพก็ได้” “ครับผม” “เดี่ยวแม่บอกน้า ให้จอดด้วยดีกว่า”ผู้เป็นแม่กดโทรศัพท์หาใครสักคน ก่อนจะมองไปข้างหน้า มีคนจำนวนหนึ่งกำลังมุงดู...อุบัติเหตุรถยนต์เสียหลักชนต้นไม้ข้างทางเธอไม่อยากให้ลูกชายลงไปดูภาพที่สะเทือนตา ติดตา ไม่รู้ว่ามีใครเป็นอะไรหรือเปล่า “แม่ว่าอย่าลงเลยนะลูกแม่ว่ามันอันตรายเกินไป ดูสิ รถเละซะขนาดนั้น แล้วคนละ” “ช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วยสิริภัทรนาคี ช่วยข้าด้วย” “แม่ครับ..” อยู่ๆ รถก็ดับวูบไปเฉยๆเครื่องยนต์หยุดทำงานอย่างกะทันหัน โดยที่ขวัญฤดีเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะอะไร “อะไรเนี้ย รถเป็นอะไรอยู่ๆก็ดับ” ทันทีที่รถจอด นที บุตรชายของเธอก็เปิดประตูรถออกแล้ววิ่งพรวดไปยังกลุ่มไทยมุงดูอุบัติเหตุที่มีผู้คนนับสิบมุงดูอยู่ .. และเมื่อเข้าไปใกล้ๆ ก็แปลกใจไม่มีใครได้รับบาทเจ็บอะไรเลย เด็กหนุ่มมองไปที่รถกระบะในสภาพที่ชนต้นไม้จนแทบจะหักล้มลงไปและรถก็แทบไม่เหลือสภาพที่ดีเลย แล้วผู้คนมุงดูอะไรนะ กระบะหลัง...มีกรงเหล็กมากมาย ...เมื่อเข้าไปใกล้มากขึ้นก็แทบผงะ .. งูจำนวนมากหลายพันธ์ถูกขังไว้ในกรงที่นี่ .. น่าสงสารเหลือเกิน "ป้าคะ" มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าค่ะ " ขวัญฤดีถามหญิงวัยกลางคนที่กำลังยืนดูอยู่ด้วยท่าทางหวาดกลัวแต่ก็ไม่ยอม….ไม่หนีไปไหน “ไม่มีใครเป็นอะไรเลยสักคนเดียวคนขับน่าจะวิ่งหนีไปแล้ว” “แล้วป้าดูอะไรกันค่ะ” “ก็นู้นไงนังหนู..เห็นไหมนั่นนะ” ขวัญฤดีมองไปยังสิ่งที่ทอแสงประกายวาววับราวกับทองคำหลายกิโลกรัมเพียงแต่ขยับเขยื้อนไปมาได้ "งูทอง" เธออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ งูทองเหรอ .... เป็นยังไงนะ "ใช่แล้ว..ป้าเกิดมาก็พึ่งเคยเห็นงูที่สวยแบบนี้...งูเห่าตัวหนึ่งลำตัวสวยมาก .. เกร็ดของมันระยิบระยับ..ราวกับเป็นทองคำยังไงยังงั้นละจ๊ะนังหนูดูสิ สวยเหลือเกิน....ต้องไม่ใช่งูธรรมดาแน่นอน ต้องเป็นงูวิเศษแน่ๆ" ชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ก้มลงกราบงูตัวนี้ แล้วพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้...ราวกับภาษาที่ว่านั้นเป็นภาษาที่ใช้สำหรับสะกดงูนั่นเอง หรือไม่ก็บูชางูหรืออะไรนี่แหละ ขวัญฤดีเองก็ไม่เข้าใจ เธอมองไปหาบุตรชายของเธอที่ยืนอยู่ไม่ห่างนักแต่ตอนนี้ไปไหนแล้วก็ไม่รู้ “นที” “นที มาหาแม่เดี่ยวนี้ลูก..นที” “ทำไมต้องสะกดมันด้วยครับมันเจ็บปวดทรมานนะครับ” นที เดินไปปัดมือของชายแก่คนหนึ่งออก ที่กำลังทำพิธีอยู่...จนธูปเทียนที่อยู่ในมือของชายคนนั้นกระเด็นกระดอนกระจัดกระจายเต็มไปหมด “อ้าว มาทำลายพิธีของข้าเดี่ยวงูปีศาจก็จะออกอาละวาดหรอก ไอ้หนู” “สัตว์ทุกชนิดมันจะออกไปอาละวาดได้ยังไงถ้าไม่มีใครไประรานมัน...ที่งูมันออกอาละวาด เพราะมีคนไปรบกวนมันต่างหากละครับ ” เด็กน้อยพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกโมโห พร้อมกับหันหน้าไปหางูนับไม่ถ้วนที่ถูกขังอยู่ “เจ้างูเอ๋ย ผมจะช่วยเองนะแต่สัญญากับผมก่อนว่าจะไม่ทำร้ายชาวบ้านพวกนี้” “ว่าไง สัญญากับผมก่อนสิ” นทีพูดกับงู ราวกับกำลังคุยกับเพื่อนฝูง ทำเอาทุกๆคนที่อยู่ในนั้นตกใจเป็นอย่างมาก “น้ำ มานี่สิลูก” “น้ำจะไปไหน อย่าลูก อย่า” ขวัญฤดี ตกใจมากกว่าเดิมเมื่อบุตรชายของเธอ อยู่ๆ ก็เดินเข้าไปใกล้งูตัวสีทองนั้นมากขึ้นมากขึ้น ...เร็วไปกว่านั้น ... เด็กชายวัย 4 ขวบเปิดดึงกรงนั้นออก...แต่ด้วยแรงดึงยังมีไม่มากพอ กรงจึงเปิดไม่ออก "น้ำ ... ออกมาเดี่ยวนี้ ...น้ำออกมา" หัวอกคนเป็นแม่แทบจะวิ่งกรูเข้าไปหาบุตรชาย แต่ถูกชาวบ้านกันเอาไว้ซะก่อน "น้ำ... ออกมาสิลูก ...งูมันจะกัดเอา" เมื่อกรงเหล็กที่ขังงูเห่ายักษ์สีทองเปิดไม่ออกเด็กน้อยวัยสี่ขวบ ก็จัดการเปิดกรงอื่นๆทันที ... งูจงอางขนาดใหญ่เลื้อยออกมาจากกรงขัง เลื้อยผ่านขาน้อยๆ ของนที ก่อนจะเลื้อยออกไปทางชาวบ้านที่มุงดูอยู่ เหล่าบรรดาชาวบ้านต่างพากันหนีงูจงอางตัวนั้นด้วยความตื่นกลัวหากว่ามันกัดเข้า มีหวังเตรียมเผาสถานเดียว.. รวมทั้งขวัญฤดีที่ขยับถอยหนีแต่ก็ไม่หนีไปไหน ด้วยความที่เป็นห่วงลูกชาย แต่ก็ตกใจไปมากกว่านั้นเมื่องูจงอางขนาดใหญ่ แผ่แม่เบี้ยชูคอผงาดขู่ฟู่ๆ ต่อหน้าเธอ ขวัญฤดีไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดเดียว เธอห่วงแต่ลูกชายของเธอเท่านั้น “อย่านะ ... นั่นแม่ของผมสัญญาแล้วไงว่าจะไม่ทำร้ายคนอีก ไปสิ ..บอกให้ไปไง” นทีพูดกับงูจงอางตัวนั้น และน่าประหลาดใจ งูตัวนั้นค่อยๆคลายแม่เบี้ยลง และเลื้อยออกไป "น้ำ... ออกมาเดี่ยวนี้ ...น้ำ" ขวัญฤดีเข่าอ่อนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นน้ำตาไหลออกมาด้วยความเป็นห่วงบุตรชาย "น้ำ.. ทำอะไรลูก... มาหาแม่สิลูก..." "น้ำไม่ไป... น้ำสงสารมัน...มันอยากกลับบ้าน" "น้ำ" "น้ำไม่ไป น้ำจะช่วยมัน" นที พยายามแกะสลักเปิดกรงงูเห่าสีทองให้ได้ เขาใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก... และก็สำเร็จในที่สุด “เจ้าเป็นอิสระแล้วนะ อย่าดื้ออีกละเดี่ยวจะถูกขังอีก ไปได้แล้ว” นทีพูดด้วยเมตตาจิต งูตัวนั้นค่อยๆ เลื้อยออกมา ชาวบ้านเจ้าหน้าที่กู้ภัยเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างตกตะลึงกับลำแสงที่เปล่งประกายออกมาจากตัวของงูตัวนี้ .... แสงสีทองอร่าม สว่างสดใสไปทั่วพื้นที่ “งูเห่าตัวนั้นแผ่แม่เบี้ยใส่เจ้าหนูนั้นทำไม” “นที” ในขณะนั้น...นทีเองก็สลบลงไปกองที่พื้น “น้ำ ... น้ำ อย่าเป็นไรนะลูก” ขวัญฤดีวิ่งเข้าไปกอดบุตรชายเพราะคิดว่าลูกถูกงูกัด แต่เมื่อสำรวจไปที่เนื้อตัว พบว่า ไม่มีร่องรอยอะไรเลย เธอมองไปที่งูสีทองตัวนั้นที่เลื้อยไปช้าๆราวกับอาลัยอาวรณ์ไม่อยากจากไปยังไงยังงัน แต่ที่น่าแปลกใจคือ งูตัวนี้ค่อยๆตัวใหญ่ขึ้น ตัวใหญ่มากขึ้น มากขึ้นจนลำตัวใหญ่เท่าต้นตาล “พญานาค” “พญานาคจริงๆด้วย” ชาวบ้าน ต่างยกมือไหว้ เป็นการใหญ่ และงูตัวนั้นก็เลื้อยไปอย่างรวดเร็ว และเลือนหายไปในพริบตา ตอนที่ 2 สายลมพัดอ่อนๆแต่เย็นยะเยือกราวกับเป็นสายลมที่พัดไอเย็นจากภูเขาน้ำแข็งยังไงยังงัน ... นที หนุ่มวัย 18ปี กำลังนั่งเล่นอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนรู้แต่ว่า ที่นี่คุ้นตาเหลือเกิน ราวกับว่าเขาเคยอยู่ที่นี่มานานแสนนาน มวลน้ำขนาดใหญ่ผุดขึ้นมาจากหนองน้ำดังจ๊วบๆ นทีหันไปหาเสียงนั้นทันที . อยู่ๆจากมวลน้ำขนาดมหิมานั้นก็ค่อยๆสลายไปกับพื้นพสุธาพร้อมๆกับ การปรากฏตัวขึ้นมาของชายคนหนึ่ง...และคนคนนั้นก็ชำเลืองมองมาที่ตัวนทีไม่ยอมกะพริบตา "ข้ารอมานานแสนนานที่จะได้มาเจอเจ้า สิริภัทร” “คุณเป็นใคร” “เจ้าจำข้าไม่ได้รึ” นทีเอามือกุมศีรษะและขยับตัวถอยหนีไปพร้อมๆกัน “คงเป็นเพราะคำสาปของท่านพ่อแน่ๆ..ข้าจะทำให้เจ้าจำข้าได้เอง” พูดจบบุรุษหนุ่มรูปงามคนนั้นก็พนมมือไหว้หลับตา แล้วพูดพึมพำภาษาอะไรก็ไม่รู้ นที มองไปยังบุรุษหนุ่มคนนั้น ...แค่แวบแรกก็รู้สึกเหมือนว่าสองเราเคยผูกพันธ์กันมาหลายร้อยชาติ "ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าจากข้าไปไหนอีก"ชายคนนั้นพูดไว้ สีหน้าจริงจังที่สุด นที ยิ้มให้กับชายคนนั้นด้วยความเอียงอาย... แล้วทุกอย่างก็หายไป . . เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นมา..จากหัวเตียงนอน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นทีฝันอะไรแบบนี้เป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่สามารถนับได้ ฝันเห็นคนเดิมๆ คนคนนั้น ตลอดในช่วงปีนี้ มันคืออะไรนะ คนเราจะสามารถฝันถึงคนคนหนึ่งได้ ในความฝันลักษณะเดียวกันได้ด้วยหรือเปล่านะ เด็กหนุ่มได้แต่คิดในใจและไม่เอามาเป็นประเด็นอะไรมากมาย ... เพราะนี้มันยุค 2020 แล้ว นินา “แม่ครับผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ” “ค่ะลูกน้ำ ตั้งใจเรียนนะลูก” “ครับผม” -เรียนหนังสือ -พักเที่ยง -เรียนภาคบ่าย -เย็นออกกำลังกาย -ทำการบ้าน -เข้านอน . . . . . “ฝันดีครับแม่ เดี่ยวผมไปนอนละ” “ฝันดีค่ะลูก” ทุกๆอย่างที่นี่ดูเงียบสงบแต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่ที่นี่ โดยเฉพาะการได้อยู่กับคนที่เรารักสายลมพัดอ่อนๆแต่เย็นยะเยือกราวกับเป็นสายลมที่พัดไอเย็นจากภูเขาน้ำแข็งยังไงยังงัน ... เอะทำไมมันเหมือนคุ้นๆจัง นที นฤบดินทร์ หรือ น้ำ..กำลังนั่งเล่นอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าที่นี่ที่ไหนรู้แต่ว่า ที่นี่คุ้นตาเหลือเกิน ราวกับว่าเขาเคยอยู่ที่นี่มานานแสนนาน ที่แห่งนี้เป็นที่เขาเคยเล่น เคยมีความสุขอยู่กับใครสักคน “น้องรักของข้า” “น้องรักของข้า ข้ามาแล้ว” สักครู่หนึ่ง.แสงสีทองก็สว่างขึ้นมา..อยู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา และยืนอยู่หลังนที ...และคนคนนั้นก็ชำเลืองมองมาที่ตัวนทีไม่ยอมกะพริบตา ..นทีรู้สึกได้ และเหมือนเดิมคือคุ้นหน้าคุ้นตาเหลือเกิน แต่นทีพยายามนึก แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าบุรุษหนุ่มคนนี่คือใคร "ข้ารอมานานแสนนานที่จะได้มาเจอเจ้า ข้ามีความสุขเหลือเกิน" นที หันหน้ามองไปยังบุรุษหนุ่มคนนั้น ...รูปงามแข็งแรงยิ่งนัก...แค่แวบแรกก็รู้สึกเหมือนว่าสองเราเคยผูกพันกันมาหลายร้อยชาติ "ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าจากข้าไปไหนอีกเป็นอันขาด สิริภัทรนาคีสุดที่รักของข้า" บุรุษหนุ่มรูปงาม ผิวกายดั่งทองคนนั้นพูดไว้ สีหน้าจริงจังที่สุด "ท่านเป็นใครรึ" “เจ้าจำข้าไม่ได้หรอกรึ ไม่เป็นไรข้าจะทำให้เจ้าจำข้าได้เองสิริภัทรนาคีสุดที่รักของข้า" “ได้ ข้าเองก็อยากรู้ว่าข้าคือใคร” นทีพูดจบก็ ยิ้มให้กับชายคนนั้นด้วยสงสัยและเคารพนับถือบุรุษหนุ่มรูปงาม ผิวกายดั่งทองคนนี้เหลือเกิน รู้สึกพิสมัยห่วงหา...แล้วภาพทุกอย่างก็หายไป . .ติ๊กๆๆๆๆ ติ๊กๆๆๆๆๆ ติ๊กๆๆๆ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นมา..จากหัวเตียงนอน นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นทีฝันอะไรแบบนี้แต่เป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่สามารถนับได้ ทำไมฝันแปลกๆ ฝันเห็นคนเดิมๆ คนคนนั้น ตลอดในช่วงปีนี้ ฝันแล้วฝันอีก ฝันซ้ำๆ กับคนเดิมๆ ที่เดิมๆ ทำไมนะ ทำไม มันคืออะไรนะ คนเราจะสามารถฝันถึงคนคนหนึ่งได้ในความฝันลักษณะเดียวกัน เป็นปีๆ ติดต่อกันได้ด้วยหรือเปล่านะ เด็กหนุ่มได้แต่คิดในใจแต่ไม่เอามาเป็นประเด็นอะไรมากมาย ... เพราะนี้มันยุค 2020 แล้วนิ . . นที... เด็กหนุ่มวัย 18 ปีบริบูรณ์ บุตรชายคนเดียวของขวัญฤดี ของบ้านนฤบดินทร์ ซึ่งตระกูลนี้เป็นตระกูลที่ร่ำรวยมากมายเลยทีเดียวชนิดที่ว่าไม่ต้องทำมาหากินอะไรก็อยู่อย่างสบายๆ เป็นสิบๆ ชาติ . นทีตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่มาทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันเกิด... อายุครบ 18ปีบริบูรณ์ของเขา มารดาของนที เปรมชัย และแฟนของเปรมชัยเองก็ร่วมเดินทางไปทำบุญในครั้งนี้ด้วย เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้น บิดกายไปมาให้หายเมื่อยมันรู้สึกเพลียเหลือเกินราวกับไปทำอะไรมาทั้งคืนเลยนะ “เห้ย ทำไมเราเปียกไปหมดทั้งตัวเลย” นทีจับไปที่เตียงนอนที่เปียกชื้นไปด้วยน้ำ “หรือว่าฝันจะเป็นจริง” แต่ว่า นทีไม่อยากจะเชื่อในเรื่องเหล่านี้เลย หรือบางทีอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้ “เราฉี่รดที่นอนหรอกมั้ง แย่จังโตละยังฉี่รดที่นอนอีก” . “น้ำ..น้ำเอ้ย..ตืนยังลูก” เสียงเจือยแจ้ว ดังมาจากข้างล่าง “ตื่นแล้วครับ” น่าจะเป็นมารดาของเขา และน้าๆที่มาเตรียมสังฆทาน ไปทำบุญตั้งแต่เช้าตรู่เหมือนกัน ได้เวลาออกไปทำบุญเสริมกุศลผลบุญกันแล้วไปกันเลย . . **กรมอุตุนิยมวิทยารายงานลักษณะอากาศทั่วไปว่า พยากรณ์อากาศ**24ชั่วโมงข้างหน้าประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางพื้นที่บริเวณภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนตกสะสม.... เช้านี้ฝนตั้งเค้าแต่เช้าตรู่ .. ทำให้การเดินทางไปทำบุญในวันนี้มีอุปสรรค แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนละความพยายาม ... . "ฝนท่าทางจะตกหนักนะนิ"เปรมชัยพูดขึ้นมา ขณะที่กำลังขับรถ.. "พายุเข้านะ ... อะพี่เปรม" เพียงขวัญพูดขึ้นมาอีกที “ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ปรอยๆเอง” “กลัวแต่มันจะหนักขึ้นสิครับ”เพียงขวัญพูดไป ถอนใจไป ก่อนจะมองไปยังนที ที่มองไปยังกระจกรถยนต์ “แต่ไม่ว่าฝนจะตก เราก็ไม่หวั่น เนาะๆๆ” เพียงขวัญส่งซิคให้เปรมชัยเมื่อเห็นว่านทีมีสีหน้าเศร้า “ใช่ๆ” เปรมชัยรับมุขทันที ขวัญฤดีนั่งฟังข่าวพยากรณ์อากาศ ..และเล่าในสิ่งที่ฟังให้เปรมชัยได้รับรู้ ทั้งสองนั่งข้างหน้าด้วยกัน..และสวีทหวานกันตลอดทาง แต่ก็ทะเลาะกันตลอดทางด้วยเช่นกัน แต่ไม่เคยเกิน 2 ชม ก็กลับมาคืนดีกันแล้ว . "ไม่ไหวละครับพี่ขวัญฤดี..ผมมองไม่เห็นทางเลย คงต้องจอดแวะปั้มก่อนนะครับ" . เปรมฤดีมองไปข้างหน้าเธอเองก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากสายฝนที่ตกลงมาหนักมากขึ้น มากขึ้น "แวะเลย ตาเปรม อันตรายค่ะ" “ครับพี่”’ “ฝนตกหนักมากยังกะเทน้ำลงมาจากฟ้ายังไงยังงัน” ขวัญฤดีมารดาของนทีพูดขึ้นมา ..เธอหันไปมองหน้าลูกชาย ที่มองไปนอกกระจก "เดี่ยวฝนหยุด เราค่อยไปทำบุญนะลูกน้ำ” มารดาปลอบบุตรชาย "โหยแม่ ...ผมเข้าใจครับ..ได้หมดครับแม่ผมโอเค ไม่ซีเรียส" นทียิ้มให้มารดาก่อนจะก้มหน้าลงมองข้าวของที่วางไว้บนตัก..และที่วางไว้ที่เบาะหลังของรถยนต์อีกมากมาย รวมๆแล้วราคาหมื่นกว่าบาท ซึ่งเป็นเงินที่นทีเก็บออมสะสมหยอกกระปุกมาแรมปีเพื่อมาทำบุญในครั้งนี้ “สาธุ ขอให้ฝนหยุดเถอะครับ” นทีพูดเบาๆก่อนจะหลับตาอธิฐาน เด็กหนุ่มอธิฐานจิต ขอให้ฟ้าโปร่งไม่ก็ตกปรอยๆ เท่านั้น จะได้ไปทำบุญวันเกิด . รถจอดนิ่งที่ปั้มน้ำมัน... รอให้ฝนหยุดตก จะด้วยอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆ ฝนก็หยุดกะทันหัน... ก้อนเมฆเริ่มเคลื่อนตัวย้ายออกไป แสงอาทิตย์มาจากไหนไม่รู้ส่องมา. "อ้าวหยุดละ ป่ะเดินทางกันต่อนะเรา" "เย้ๆๆ" นทียิ้มดีใจ..ไม่คิดว่าสิ่งที่เขาอธิฐานจะเป็นจริงได้ บางทีมันก็แค่เรื่องบังเอิญก็ได้. . รถขับเข้ามาในวัดป่าแห่งหนึ่งติดเชิงเขาอยู่แถวๆ แถบชานเมือง พระสงฆ์รับสังฆทานจากมือของข้าวของมากมาย.. เพียงแค่รับประเคนถวายเครื่องสังฆทานด้วยจิตที่สงบและมีสมาธิ ทำให้พระท่านมองเห็นสิ่งที่ตามนทีมาด้วย... "น้ำ ...ไปกรวดน้ำสิลูกจะได้ส่งผลบุญไปถึงคนที่เรานึกถึง" "ครับแม่" นทียิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นถือขันน้ำที่ทุกๆคนร่วมรดรินกรวดน้ำใจนี้ลงไปในขัน . "ดวงชะตามาถึงคราเคราะห์แล้วนะโยม" พระท่านทักขึ้นมา ทำเอาทุกคนที่ได้ยินต่างอึ้ง มองไปที่พระภิกษุสงฆ์เป็นตาเดียวกัน "ดวงชะตาใครเจ้าค่ะหลวงตา" หัวอกคนเป็นแม่ได้ยินก็รู้สึกตกใจมาก นี่เธอพึ่งทำบุญนะ ทำไมจะได้เคราะห์ละทำไมนะ ทำไม "ก็หนุ่มคนนั้นไง" ขวัญฤดี และ เปรมชัย และขวัญฤดีมองไปที่นทีที่นั่งเทน้ำที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในวัดป่าแห่งหนึ่ง "ลูกดิฉัน... จะเป็นยังไงค่ะหลวงตา" ขวัญฤดีถามพระท่านด้วยความสงสัยและเป็นห่วงบุตรชายเป็นอย่างมาก... ก่อนที่เธอจะมีนทีเธอได้ฝันว่ามีชายคนหนึ่งรูปงามมาก ผิวพรรณประดุจทองคำ ได้ให้แก้วพญานาคกับเธอและเธอเองก็รับแก้วนี้มา และหลังจากนั้นไม่นาน เธอเองก็ตั้งท้องนที และเหตุการณ์แปลกๆ อีกมากมายรวมไปถึงเหตุการณ์เมื่อสิบปีที่แล้ว เรื่องงูเห่าสีทองตัวนั้น..เธอเองก็ไม่สบายใจมาโดยตลอด หลวงตามองไปยังนทีที่กำลังเดินเข้ามาในศาลาวัดพร้อมกับใครคนหนึ่งที่คนที่มีทิพย์พิเศษเท่านั้น จึงจะมองเห็นได้ "สิ่งที่ได้ทำ ได้ช่วยไว้ ในอดีตกำลังจะตอบแทนช่วยเหลือในปัจจุบันหน้านี้" ขวัญฤดีเอง ก็ประติดประต่อเรื่องราวทั้งหมด "หลวงตาหมายถึงงูสีทองตัวนั้นใช่ไหมครับ" "เขาไม่ใช่งู แต่เป็นผู้มีฤทธิ์มากและจะคอยดูแลช่วยเหลือ ชายหนุ่มผู้นี้ให้ปลอดภัยจากเคราะห์ร้ายแต่ด้วยความผูกพันกันมา กลายเป็นความผูกพันทำให้เกิดเคราะห์ร้ายกับตัวของบุตรชายของโยมได้ " "เคราะห์ร้ายหรือเจ้าค่ะลูกชายดิฉันจะมีเคราะห์หรือเจ้าค่ะ" "สิ่งร้ายๆ จะกลายเป็นดี สิ่งดีๆจะทำให้ร้าย ทุกอย่างสุดแล้วแต่บุญญาวาสนาที่ทำไว้ " หลวงตาพูดแค่นั้น และก็เลิกพูดอะไรอีกเลย . . . "เป็นอะไรครับแม่" นที ถามมารดาของตนเมื่อรู้สึกว่าตั้งแต่กลับมาจากวัด แม่ไม่ยิ้มเลย "เปล่าจ๊ะ" ผู้เป็นแม่ กอดไปที่บุตรชายที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว แต่เธอก็ชอบคิดว่าเขายังเด็กอยู่เสมอ "โอ้ยแม่ .... กอดผมแบบนี้ สาวๆเห็น เพื่อนๆ เห็น ล้อผมตายเลย" "น้ำ .. อย่าพูดแบบนี้อีกห้ามพูดคำว่า ตาย" ขวัญฤดีซีเรียสเป็นอย่างมาก สีหน้าชัดเจนที่สุดจนนทีต้องกอดไปที่ตัวมารดา "ขอโทษครับ ผมไม่พูดแล้วผมมีแม่คนเดียวเท่านั้น ... ผมจะอยู่ดูแลแม่ อยู่แบบนี้ไปนานๆครับผม" นทีหอมไปที่แก้มของมารดานั่นแหละเธอถึงยิ้มได้ เมื่อเห็นว่ามารดาเริ่มอารมณ์ดีนทีก็เริ่มเข้าสู้เรื่องของตัวเขาเอง "แม่ครับผมมีเรื่องจะขอแม่" ขวัญฤดี มองมาที่บุตรชาย ด้วยความสงสัย "ขออะไรแม่ครับผม" "เพื่อนๆ เขานัดฉลองวันเกิดให้ผม... แม่ คือ แม่อนุญาต ให้ผมไปนะครับ" นั้นไง คิดเอาไว้ไม่มีผิด ขวัญฤดีได้ยินแล้วก็ถอนหายใจออกมา เฮืิอกใหญ่...นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายๆเดือนที่นทีขออะไรเธอแบบนี้แล้วเธอจะทำยังไงดี เธอไม่อยากให้ลูกชายไปไหนเลย "แม่ว่าไงครับ" "ไม่ไปได้ไหมลูก" นทีสีหน้าเปลี่ยนทันที ... เพื่อนๆเตรียมจัดงานเพื่อเขา "จัดที่นี่ได้ไหมละ น้ำ"เปรมชัย เดินเข้ามาพอดี และได้ยินแม่ลูกคุยกันเรื่องนี้พอดี "ได้เหรอครับ" "ได้สิเดี่ยวอายกสระว่ายน้ำให้เลย" นทียิ้ม มองไปหามารดา ที่ยิ้มเช่นกัน "ถ้าจัดที่บ้านเราแม่โอเคจร้า" ขวัญฤดีโล่งใจ ...อย่างน้อยเธอก็ดูแลลูกได้อย่างใกล้ชิด อ่านต่อใน E-Bookนะครับ
|