เรื่องบางเรื่อง ถูกเล่าจากปากสู่ปาก จากเรื่องจริงกลายเป็นเรื่องเล่า เรื่องเล่ากลายเป็นตำนานและจากตำนานก็ถูกบันทึกด้วยตัวอักษรจนกลายเป็นวรรณกรรม (คำเตือน : เนื้อหาของเรื่องถูกแต่งขึ้นมาจากความคิดของผู้เขียนเป็นส่วนใหญ่ สาระและความสมจริงนั้นอาจหาได้ไม่มาก อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทั้งหมดที่ดำเนินในเรื่องนี้ ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่างอย่างยิ่ง)
๑. กุมารทอง(๒) เรื่องเรียนในวันนี้ก็เรื่อยๆ มีหนักหน่อยก็ตรงวิชาพละศึกษานี่แหละ ถึงจะอยู่สายวิทย์ – ศิลป์ ก็ใช่ว่าจะรอดจากวิชานี้ อันที่จริง แม้แต่พวกวิทย์ – คณิตยังต้องเรียนเลย ที่เห็นพล่ามขนาดนี้ก็คงไม่ต้องบอกว่าผมรู้สึกเกลียดวิชานี้ขนาดไหน ชีวิตเอื่อยๆอย่างผมเนี่ย มันไม่เหมาะกับวิชาที่ต้องใช้ทักษะทางกายสูงแบบนี้เลยซักนิด โรงยิมใหญ่ถูกใช้เป็นสถานที่สอน หันมองรอบข้างก็เห็นสีหน้าเบื่อหน่ายของเพื่อนร่วมห้อง เป็นปกติ ต้องบอกว่า นิสัยเดียวกันทั้งห้อง มิสเตอร์วรพงศ์ ครูสอนวิชาพละ ร่างกายกำยำสูงใหญ่ สมกับเป็นครูพละประจำโรงเรียนเอกชนที่ยิ่งใหญ่อย่างที่นี่ เทอมนี้พวกเราได้เรียนบาส แน่นอนว่าการสอบนั้นต้องปฏิบัติจริง นั่นจึงค่อนข้างน่ากังวล ยิ่งเกรดเทอมที่ผ่านๆมาอยู่กลางๆค่อนไปทางต่ำแบบนั้น เก็บได้ก็ควรเก็บ การเรียนนั้น มิสเตอร์ได้สอนเป็นกลุ่มๆไป ในทักษะเบื้องต้นต่างๆ ทั้งการบุก การเลี้ยงลูก บลาๆๆ การสอบนอกตารางนั้นมักจะสอบเร็วกว่าในตาราง อย่างเช่นวิชาคอมฯ วิชาเกษตร และพละ เลิกเรียนวันนี้ กลุ่มพวกผมเลยนัดกันเพื่อซ้อมบาส การสอบนั้นคือ การเลี้ยง ส่งให้เพื่อน และชู๊ตให้ลงห่วงจึงจะได้คะแนน สถานที่ซ้อมก็เป็นสนามบาสของโรงเรียนที่มีอยู่สองสนาม พวกเราซ้อมกันไปจนถึงเย็นก็เริ่มแยกย้าย ในขณะที่ผมกำลังเก็บของนั้น “นี่” เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจให้หันไปมองด้านขวาก็เจอกับ มอส “ว...ว่าไง” อะไรกัน ร้อยวันพันปีไม่เคยแม้แต่จะมองเห็นกัน จู่ก็เข้ามาทักก่อนเนี่ยนะ “สอบบาสอาทิตย์หน้าหรอ” ร่างสูงสมส่วนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นนักบาสของโรงเรียน ทำหน้าแปลกๆส่งมาให้ในขณะถาม “อืม ทำไมอ่ะ” ในระหว่างตอบก็ยกกระเป๋าขึ้นสะพายข้าง “เห็นนายเล่นแล้วไม่น่าไหว เดี๋ยวเราสอนให้” ห้ะ? หูฝาดหรอ หน้าผมคงแสดงออกมากไปเลยโดนขำใส่ เอ้า! รู้จักกัน(หมายถึงเคยคุยกัน)ก็ไม่ จู่ๆก็เข้ามาทักแถมยังจะช่วยสอนบาสให้อีก ถ้าผมไม่รู้จักเขาก่อนก็คงจะแปลกใจมากกว่านี้ ดีไม่ดีด้วยนิสัยผมก็อาจเดินหนีไปเลยด้วยซ้ำ “ฮ่าๆๆ เห็นนายไม่ค่อยมีสมาธิ นายคงไม่อยากถ่วงเพื่อนหรอกใช่มั้ย” “มันก็ใช่อยู่หรอก เอางั้นก็ได้” ไหนๆก็มีโอกาสแล้ว ถือเป็นกำไรก็แล้วกัน การสอนไม่มีอะไรต่างจากที่มิสเตอร์สอนในเวลาเรียนมากนัก แต่นายมอสมักจะเข้ามาใกล้จนเกินควรไปหน่อย ผมว่ามันแปลก ถ้าเอาตามจริงคือเราต่างก็ไม่รู้จักกัน แต่นี่มันเหมือนกับเข้าหาโดยหวังผลรึเปล่า เหมือนกับ จีบ ....บ้าน่า ไม่มีทาง อยากให้นายนั่นมาสนใจจังเลยน๊าจู่ๆประโยคนี้ก็เข้ามาในหัว คิ้วที่ขมวดเข้าหากันน้อยๆเรียกความสนใจจากนักบาสของโรงเรียน “มีอะไรหรอ หรือว่าเหนื่อยแล้ว” มอสพูดต่อ “มืดแล้วนี่นา ไม่รู้สึกเลยแฮะ งั้นกลับกันเถอะ” เราเดินมาจนถึงโรงรถข้างตึกคหกรรม “โซ่กลับยังไง” มอสหันมาถามระหว่างเดินเข้ามาข้างใน “จักรยาน” “โห มืดแบบนี้มันอันตรายนะ งั้นไปกับเราดีกว่า” “ไหนๆก็ไหนๆละ ขอไปด้วยละกัน” จะได้ลองพิสูจน์อะไรบางอย่างด้วย “บ้านโซ่อยู่ไหนละ” หลังจากบอกที่อยู่ไป มอสก็บอกว่านั่นคนละทางกับบ้านมอส ผมก็บอกว่าให้ไปส่งที่ MRT ละกัน แต่มอสเสนอว่าให้ไปค้างที่บ้าน มอสบอกว่าวันนี้ทั้งบ้านไม่มีคนอยู่ อันที่จริงคือไม่อยู่มาหลายวันแล้วเนื่องจากไปงานรับปริญญาพี่ชายมอสที่ต่างจังหวัด มอสบอกว่ากลัวผีมาก ที่ผ่านมาก็ไปนอนบ้านเพื่อนตลอด วันนี้เลยถือโอกาสพาผมไปนอนบ้านด้วยกัน นี่นายมอสมักจะสนใจผมเกินไปละมั้ง งั้น ขอใช้ปากให้มอสละกัน ความคิดจบลงเมื่อถึงบ้านมอสพอดี มอสพาผมเดินเข้าบ้านขนาดกลาง เหมาะกับครอบครัวเล็กๆดูอบอุ่น เข้าบ้านได้ก็ตรงขึ้นห้องทันที ผมก็ตามไปสิครับ “โซ่อาบน้ำเถอะ เดี๋ยวเราลงไปอาบข้างล่าง เสื้อผ้าก็หยิบเอาของเราเลย” สายตาแปลกๆของมอสจ้องผมในขณะที่ก้มหยิบผ้าเช็ดตัวในลิ้นชักข้างล่างตู้เสื้อผ้า “มีอะไรหรือเปล่า” ถามกลับไปเมื่อเห็นว่ายังจ้องไปเลิก “ป...เปล่า งั้นเราไปอาบน้ำละ” ว่าจบก็ปิดประตูห้องออกไป เหมือนผมจะเริ่มรู้อะไรลางๆแล้วละ อาบเสร็จก็ออกมาด้วยชุดนักบาสของมอส ตรงคอที่ย้วยด้วยขนาดรูปร่างที่ต่างกันจนแทบจะปิดอะไรไม่ได้ ส่วนกางเกงก็เป็นบ็อกเซอร์สีดำสนิท ขับให้สีผิวยิ่งสว่างกว่าเดิมที่ปกติก็ขาวจนเหมือนกับจะเรืองแสงได้อยู่แล้ว ประตูเปิดเข้ามาตามด้วยผู้ชายที่ผมแอบปลื้มมานาน ผมนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียงในสภาพที่ชายเสื้อเลิกขึ้นจนเลยสะดือขึ้นไปเกือบคืบ หางตาเห็นมอสชะงักเล็กน้อยก่อนเดินผ่านผมไปหยิบโน๊ตบุคที่อยู่ตรงข้าม “ดูหนังกันมั้ย?” มอสถามขึ้น มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ เปลี่ยนท่านิดหน่อย หัวพิงหมอน ตามองหน้าจอโน๊ตบุคที่วางอยู่บนตักของเจ้าของห้องที่มานอนพิงหัวเตียงอยู่ข้างๆ หนังที่ว่าเป็นหนังรัก – อีโรติกต่างชาติ เรื่องดำเนินไปถึงฉากที่พระนางมีอะไรกันซึ่งมันดูสมจริงมาก คนข้างๆผมเริ่มมีปฏิกิริยากับฉากนี้ “มีอะไรรึเปล่า” ผมหันไปถามคนที่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าพยายามเลื่อนโน้ตบุคขึ้นมาปิดเป้าตัวเอง “นั่นแน่ เงี่ยนหรอ” ผมกระซิบเบาๆข้างหู หมอนั่นไม่รู้ว่าอะไรเข้าสิง โน้ตบุคถูกยกวางบนโต๊ะข้างหัวเตียง อีกมือก็จับหัวผมกดลงไปตรงเป้าตัวเอง มันเกิดขึ้นเร็วมากจนผมเองยังตกใจ จมูกผมได้กลิ่นหอมของสบู่อ่อนๆและกลิ่นบางอย่างที่แรงกว่า ใบหน้าสัมผัสได้ถึงท่อนเอ็นใหญ่ยักษ์ที่ยาวเกือบเท่าใบหน้าผม มือกดสะโพกก็ส่ายไปมา ปากก็ร้องครางเบาๆ “อา...เราเงี่ยนจัง อมให้หน่อยสิ” มืออีกข้างที่ใช้ยันที่นอนเพื่อทรงตัวของมอส ตอนนี้ถูกยกมาพร้อมกับอีกมือ แล้วจัดการถอดทั้งกางเกงนอกกางเกงในของตนเองทิ้งไปแบบสะเปะสะปะ “อมหน่อย ซี๊ดส์ อมเร็วๆดิวะ” เสียงเร่งเร้าผมมากขึ้น มือซ้ายถูกยกกลับมาจับหัวผมไว้เหมือนเดิม ส่วนมือขวาก็จับส่วนที่แข็งปานท่อนไม้ของตนเอง พยายามยัดมันเข้าปากผม ไม่เพียงแค่นั้น ยังจับมันวนรอบๆหน้าของผมจนเลอะไปด้วยน้ำเหนียวใสเต็มไปหมด เมื่อเป็นแบบนั้น ผมก็ไม่รอช้า ถึงแม้จะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยผ่านหูผ่านตา สองมือของผมกำรูด ชักเข้าชักออกท่อนเนื้อนั่น เรียกเสียงครางให้ดังขึ้นไปอีก ปลายลิ้นค่อยๆไล่เลียตั้งแต่โคนจนถึงปลายที่มีน้ำใสๆไหลออกมา แล้วลากกลับลงไปใหม่ซ้ำๆ บางทีก็เลยไปถึงพวงไข่แฝดสีเนื้อ ผมจัดการอมมันเข้าไปในปากโดยสลับข้างซ้ายขวา บางทีก็อมมันเข้าไปทั้งสองลูกพร้อมๆกันจนเรียกเสียงครางซีดยาวๆออกมา จะมีผู้ชายคนไหนที่ไม่รู้จุดเสียวของผู้ชายบ้างละ “อม ซี๊ด อา อมควยกูเร็วๆดิ” อ้าปากค้าง หลับตาพริ้มอย่างทรมาน มาบางจังหวะที่เห็นปากนั่นถูกเลียด้วยลิ้นสีแดงสดน่าดูด ร้องขอขนาดนี้ ไม่ทำให้ก็คงทรมานแย่ ปากที่เลียขึ้นลงอย่างช้าๆนั่น เปลี่ยนมาเป็นการเขมือบดุ้นยักษ์เข้าไปแม้จะแค่ส่วนหัว แต่ก็ทำให้นักบาสของโรงเรียนถึงกับร้องไม่เป็นภาษา ลิ้นเล็กๆไล่เล็มส่วนคอหยักในขณะที่รูดเข้ารูดออกด้วยปากบางสีแดงธรรมชาติ “โอ้ย ซี๊ดส์ สุดยอดเลยหว่ะ อา ดูดแรงๆอีกสิวะ” จัดให้เลย แรงดูดมหาศาลทำเอาเจ้าของดุ้นถึงกับเกร็งตัวด้วยความเสียวแบบที่ไม่เคยได้รับจากใคร “อา จะออกแล้ว ดูดแรงๆ ซี๊ด” หัวโยกขึ้นลงด้วยความรวดเร็วสลับกับการดูดจ๊วบๆเสียงดังเหมือนกำลังดูดน้ำจากหลอดไซส์ใหญ่ที่สุด ลิ้นเองก็ใช่ย่อย ถึงจะอมอยู่ แต่ภายในนั้นยังคงตวัดเลียไปมา ความเสียวดำเนินมาจนถึงจุดสุดท้าย คลื่นระลอกใหญ่ไหลท่วมปากน้อยๆของผมจนต้องรีบกลืนเพื่อไม่ให้มันไหลออกมา “อา ซี๊ด แตกแล้วโว้ย โอ้ย อา เชี่ยเอ้ย ควยกู อา” ถึงจะพยายามกลืนเข้าไปทั้งหมด แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ไหลออกมาทางมุมปาก แต่นั่นไม่เป็นปัญหา ใช้ลิ้นเลียรอบปากราวกับโหยหาน้ำหวานอีก ปลายแท่งสั่นระริกยังคงมีของเหลวสีขาวติดอยู่ ไม่รอช้า ปากแดงสดก็ฉกฉวยเอามันเข้าท้องไปจนหมดเกลี้ยง เจ้าของแท่งนอนหอบหายใจอย่างแรง ส่งผลให้ซิกแพคที่เห็นได้เพราะชายเสื้อที่เลิกขึ้นนั้นขยับขึ้นลงดูน่ามอง เหงื่อไหลเต็มกรอบหน้าหล่อตี๋นั่น แต่คิดว่ามันจะจบแค่นี้หรอ ดูสิ ผมยังไม่แตกเลยนะ มาเย็ดเราสิ เอาให้สลบกันไปข้างเลย...
|