พักหายใจได้ไม่นาน ท่อนเนื้อใหญ่ก็ผงาดขึ้นอีกครั้ง มอสไม่รอช้า ขึ้นคร่อมและเริ่มไซร้ซอกคอผมอย่างคนอดอยาก มือทั้งสองข้างบีบเค้นไปทั่วร่างกายขาวๆของลูกเจ้าของโรงพยาบาลชื่อดัง ผมเองก็ไม่น้อยหน้า มือที่ว่างอยู่ก็ลูบไล้หัวนมที่ชูชันของคนข้างบน สลับกับเอื้อมไปลูบไล้ตรงซิกแพคบางๆของนักบาสโรงเรียน
“อืม ดี ซี๊ด โซ่ อา เราขอนะ” เสียงนุ่มๆกระซิบขอข้างหู เอาเถอะ จะเสียซิงทั้งทีก็ขอเป็นคนที่ชอบนี่แหละ
ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากผมนอกจางเสียงครางแผ่วๆจากความเสียวที่ได้รับ เนื่องจากหัวนมที่ถูกดูดดึงจนแดงแจ๋ทั้งสองข้าง ความต้องการมีมากขึ้นเรื่อยๆ ขาที่แยกออกกว้างขึ้นเป็นสัญญาณว่าพร้อมจะเสียความบริสุทธิ์ที่สั่งสมมานาน ไม่คิดเลยว่าจะมีวันนี้ ตั้งแต่ที่เริ่มมองเพื่อนผู้ชายเปลี่ยนไป ก็ทำใจไว้บ้างแล้วว่าชีวิตนี้คงจะไม่ขอเกินเลยกับใครเพราะกลัวใจดวงน้อยๆของตนเองจะรับไม่ไหวเมื่อผิดหวัง แต่นี่ก็เกินคาดไปมากโข ผมกำลังจะถูกนายมอส คนที่ผมแอบชอบมาเกือบสองปี พรากเอาความบริสุทธิ์นี้ไป ถึงแม้วันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ผมก็ไม่สนแล้วละ แค่นี้ก็พอแล้ว แค่สักครั้งที่จะได้มีความรู้สึกดีๆแบบนี้ ได้ทำแบบนี้กับคนที่ชอบราวกับเป็นคนรักกัน
“อ่ะ อื้อ” แค่นิ้วเดียวก็รู้สึกเหมือนตัวจะฉีกออกจากกันให้ได้ มอสดันนิ้วของตัวเองเข้ามาในก้นผมทีละนิ้ว จากหนึ่งเป็นสอง และเป็นสาม ใช้เวลาเกือบสิบนาทีได้ กว่าผมจะเริ่มคลายความเกร็ง ระหว่างนั้น มอสก็พยายามปลอบประโลมด้วยการหันเหความสนใจของผม ทั้งขบกัดไปทั่วตัวจนเป็นรอยสีแดงกุหลาบลายพร้อยทั้งตัว มือที่ว่างอีกข้างก็ช่วยชักแก่นกายขนาดเหมาะมือของผมไปด้วยจนหายจากความเจ็บหน่วงในท้องน้อย
“อ๊ะ!” รู้สึกโล่งขึ้นมาทันทีที่สิ่งแปลกปลอมหายไปจากช่องทางนั้น รู้สึกได้ถึงการขมิบน้อยๆเมื่อลมหายใจของคนข้างบนเป่ารดลงตรงปากทาง
“อ๊า!” เพียงเสี้ยววิฯ ผมก็รู้สึกได้ถึงลิ้นร้อนที่ตวัดไปมารอบปากรูจนร่างกายสะท้านไปหมดด้วยความเสียวสุดยอดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“อ่ะ อ๊า ซี๊ด อื้ม ม...มอส โซ่เสียวจังครับ อ๊า” เสียงครางแทบจะจับใจความไม่ได้ ยังไม่พอแค่นั้น ปลายลิ้นชื้นแฉะเริ่มสอดเข้าไปภายในช่องทางที่ขมิบอย่างรุนแรงด้วยความเสียวสะท้านทรวง นี่สินะ ที่เขาเรียกกันว่าเสียวปานจะขาดใจ ลิ้นนั้นชอนไชไปมาจนรู้สึกว่าขาทั้งสองข้างที่แบะออกนั้นสั่นจนแทบจะไม่ไหว ความเปียกชื้นที่ตวัดไปมาตามผนังลำไส้นั้นเป็นเหตุให้ความอดทนหมดลง เมื่อความเสียวถึงจุดสูงสุด ร่างกายกระตุกเกร็ง ปลายดุ้นสีชมพูสวยของผมกระดกอย่างรุนแรงราวกับว่ามันมีชีวิต ไม่นาน มันก็พ่นของเหลวสีขาวออกมาเป็นจำนวนมากจนเลอะไปหมดทั้งหัวเหน่าที่มีขนเพียงเล็กน้อยราวกับเด็กเพิ่งโต เสียงครางยาวๆของผมบ่งบอกถึงความสุขมหาศาลที่ไม่เคยได้รับมาก่อน
หลังจากที่ผมเสร็จไปไม่นาน ร่างของนักบาสหนุ่มก็ถอนปากออกมาจากช่องทางรักพร้อมๆกับนำหมอนมาวางไว้ใต้สะโพกของผมเพื่อจะได้สะดวกต่อการกระทำต่อไป “เจ็บหน่อยนะ ทนเพื่อเราหน่อย เราเงี่ยนมากเลย” เสียงกระเส่าดังขึ้นขณะที่ชักรูดท่อนอันลำแข็งแกร่งของตัวเอง เมื่อได้ที่ก็ไม่รอช้า มือทั้งสองข้างดันขาของผมออกให้กว้างขึ้น แล้วผละมือมาข้างหนึ่งเพื่อจับดุ้นใหญ่ยักษ์ของตนแทรกเข้ามาในช่องทางสีกุหลาบจนน่าจับกระแทกให้บานด้วยความหมั่นเขี้ยว เพียงแค่ส่วนปลายเข้ามาก็สะดุ้งด้วยความรู้สึกแปลกใหม่และตึงๆที่ขอบปากรู “อ่ะ โอ้ย จ...เจ็บ อื้อ” จากตึงๆก็เปลี่ยนเป็นเจ็บจนขยับหนี แต่มีหรือที่นักกีฬาบาสของโรงเรียนอย่างมอสจะยอม ส่วนหัวเข้าไปเกือบหมดแล้ว แต่คนที่รับมันเข้ามาอย่างผมแทบขาดใจ ถึงแม้จะถูกเบิกทางมาก่อนหน้านี้แล้วก็เถอะ แต่นั่นมันไม่แข็งและร้อนเท่านี้ มอสคงเห็นผมไม่ไหวจึงถอนออกมา “อ๊าส์” เสียงครางด้วยความรู้สึกหลากหลายของผมดังขึ้น มันทั้งรู้สึกโล่ง แต่ก็เหมือนขาด เจ็บแต่ก็รู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด มือหยาบจากการเล่นกีฬาอย่างหนัก สัมผัสไปที่หัวเหน่าของผมจนผมต้องร้องซี๊ดออกมาด้วยความเสียว มือนั้นโกยเอาของเหลวที่ผมปลดปล่อยออกมาก่อนหน้านี้ แล้วนำไปชโลมแท่งเอ็นของตนพร้อมกับป้ายมันลงที่รูก้นของผม เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้ว ก็เริ่มเสียบเข้ามาใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เข้าง่ายกว่าครั้งแรก และผมก็ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บอะไรมาก ยังอยู่ในระดับที่ทนได้ ส่วนหัวผ่านหูรูดเข้ามาทั้งหมดตามด้วยส่วนที่เหลือที่ค่อยๆเข้ามาด้วยความอดทนของทั้งเจ้าของดุ้นและเจ้าของถ้ำทอง ผ่านไปเกือบสิบนาที เป็นช่วงเวลาแห่งความกดดัน หมายถึงดุ้นยักษ์ที่ทั้งกดทั้งดันเข้ามาในตัวผมจนหมด เมื่อปากรูสัมผัสได้ถึงเส้นขนหยาบๆก็รู้สึกเสียวขึ้นมาอีกจนร่างกายเกิดปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการขมิบรัวๆ เรียกเสียงครางให้ดังระงมไปทั่วห้องของเจ้าของมัน มอสเริ่มจากการควงสว่านให้ช่องทางของผมชินกับขนาดก่อนซึ่งนั่นยิ่งเรียกเสียงซี๊ดซ๊าดให้ดังขึ้นไปอีก ตามด้วยการถอนเข้าออกยาวๆแบบเข้าสุดออกสุดด้วยจังหวะเนิบๆ มือของเราทั้งคู่ก็ไม่อยู่ว่าง ต่างก็ลูบไล้ขยำขยี้จนแดงไปหมด ริมฝีปากเคลื่อนเข้าหากันจนประกบกันในที่สุด เสียงอู้อี้ดังอยู่เพียงในลำคอ ปลายลิ้นร้อนตวัดไปมาในโพรงปากของผม ส่วนผมเองก็ไม่ยอมแพ้ ถึงจะเงอะๆงะๆไปบ้างแต่ก็พอจะทำให้อีกฝ่ายครางออกมาด้วยความพอใจ ส่วนล่างเริ่มได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันหนักขึ้นเรื่อยๆ คนด้านบนเริ่มเร่งจังหวะและความแรงของการสอดใส่เพิ่มมากขึ้นตามแรงอารมณ์
ตับๆๆ
“อ๊า เหี้ยเอ้ย เย็ดกูแรงๆสิวะ อา มีแรงแค่นี้รึไง ซี๊ดส์” เสียวจนต้องถอนจูบออกมาครางด้วยความสะใจ พร้อมท้าทายคนด้านบนไปด้วย ชายที่ไหนกัน เมื่อถูกหยามเรื่องบนเตียงจะยอมอยู่เฉยๆ
“จัดไป ซี๊ด ร่านจังนะมึง อยากโดนเย็ดแบบไหนละ อา” ตับๆๆๆ
“ซี๊ด เย็ด เย็ดแรงๆ อา เย็ดกู อ๊า ซี๊ดส์”
“หึ! แล้วอย่ามาบอกให้หยุดล่ะ” เพียงไม่กี่วิฯ ร่างกายผมก็ถูกจับพลิกคว่ำโดยที่ส่วนล่างยังเชื่อมกันอยู่ สะโพกผมถูกจับยกขึ้นในท่าที่คุณก็รู้ว่ามันเสียวแค่ไหน ท่าหมา ความเร็วและแรงกระแทกนั้นแทบทำให้สติผมแตกกระเจิง ร่างไหวโยกอย่างรุนแรงโดยไม่มีหยุดพัก ผมถูกจับเปลี่ยนท่าไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นตะแคงข้างที่เข้าได้ลึกสุดๆ ถูกจับยกล้อตอกเสาเข็มจนสะเทือน จบด้วยการอุ้มแตงไปรอบห้อง แล้วเดินไปเสร็จในห้องน้ำ น้ำเงี่ยนมากมายไหลลงมาตามง่ามขาผสมกับสีแดงจากเลือดของผมเอง ในขณะที่ล้างตัว ก็มีแท่งแข็งๆของเจ้าของห้องยัดเข้ามาในก้นผมอีก มันยังไม่จบ การเย็ดของเรายังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ทั้งในห้องน้ำ ห้องนอน ระเบียง ลงมายันชั้นล่าง ทั้งห้องนั่งเล่น รวมไปถึงห้องครัว เรียกได้ว่า ผมที่มาที่นี่ครั้งแรกก็รู้ทุกซอกทุกมุมของบ้านหลังนี้หมดแล้วจากการพาทัวร์โดยลูกเจ้าของบ้าน และแน่นอนว่าผมไม่ได้แตกเพียงครั้งสองครั้ง วินาทีสุดท้ายก่อนสติผมจะดับไปคือการถูกเย็ดด้วยท่าหมาบนโซฟาหน้าทีวีในห้องนั่งเล่น นี่ผมถูกเย็ดจนสลบคาควยจริงๆสินะ....
“พ่อจ๋า หนูหิวแล้วนะ” เสียงใคร
“พ่อจ๋า หนูอยากกินเลือด” นั่นเสียงใครน่ะ
ในความมืด ผมหันไปมองรอบๆเพื่อหาที่มาของเสียง แต่หาแล้วหาอีกก็ไม่เจอ
“พ่อจ๋า...” เสียงดังอยู่ข้างๆหูทำให้รีบหันไปมองทันที แต่ก็พบเพียงความมืดมิด เมื่อไม่เจออะไรก็หันกลับมาทิศเดิมเพื่อจะเริ่มหาต้นตอของเสียงที่เรียกผมอยู่เรื่อยๆ แต่ก็ต้องผงะก่อนจะล้มลงไปนั่งกองกับพื้นที่เย็นเฉียบพอๆกับร่างกายของผมที่ไม่รู้สึกถึงการไหลเวียนของเลือดเลย เบื้องหน้าผมเห็นเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง รูปร่างราวกับเด็กอายุยังไม่ถึงสิบขวบด้วยซ้ำ ผิวขาวสว่างหน้าตาดูน่ารักน่าชังสมวัย แต่ที่ไม่เหมือนเด็กทั่วไปก็คงจะเป็นโจงกระเบนสีทองที่ใส่อยู่พร้อมกับผมที่ถูกเกล้าไว้เป็นทรงกลม เด็กคนนั้นยังคงร้องเรียกผมด้วยเสียงเล็กๆนั่น “พ่อจ๋า...”
“นี่ ที่ว่าพ่อน่ะ หมายถึงฉันหรอ”
“ใช่แล้ว พ่อจ๋า หนูทำให้พ่อแล้ว พ่อต้องให้หนูบ้าง หนูหิว หนูอยากกินเลือด”
“นี่เธอ....อย่าบอกนะว่า เธอเป็นกุมารทอง?”
“ใช่แล้ว พ่อจ๋ากินเลือดให้หนูหน่อย หนูหิว” กินเลือดหรอ เดี๋ยวสิ อ่า รู้สึกมีอะไรแวบเข้ามาในหัว
“เอ็งไม่จำเป็นต้องเอาไปเซ่นต่อหน้าหรอก ขอแค่เอ็งเป็นคนกิน มันก็จะได้รับจากเอ็งด้วย ถ้าเอ็งไม่อยากกินเลือดก็กินน้ำแดงแทนก็ได้ ไอ้หนูนี่มันอยากอยู่กับเอ็งมาก ข้าฝากเลี้ยงมันด้วยหละ....” ตาแก่คนนั้น “กุมารทองน่ะ ถ้าไม่ทำให้มันรัก มันก็จะไม่รัก หนำซ้ำยังแอบหนีไปหาคนอื่นด้วย ถ้ามันเลือกคนที่อยู่ด้วยแล้ว มันก็พร้อมจะช่วยทุกอย่าง ขอแค่อย่าผิดต่อมันก็พอ...”
เช้าวันใหม่มาพร้อมกับความอบอุ่นจากอ้อมแขนของคนที่ผมชอบ ถึงแม้จะได้มาด้วยวิธีที่ไม่ถูกไม่ควรสักเท่าไหร่ก็เถอะ เอาล่ะ ผมค่อยๆพยุงร่างกายที่ร้าวระบมออกจากอ้อมแขนของ คู่นอน เมื่อคืนนี้ก็เล่นผมซะน่วมเลย ในขณะที่ลุกนั่งเพื่อเตรียมจะกลับ จู่ๆก็มีแขนหนึ่งตวัดมาโอบรัดผมไว้จนแผ่นหลังปะทะเข้ากับกล้ามอกของนักบาสโรงเรียน
“จะไปไหน” เสียงทุ้มมีแววออดอ้อนเอ่ยถาม
“กลับบ้านไง” ตอบออกมาอย่างไม่ลังเล ผมบอกแล้วไง แค่นี้ก็เกินพอแล้ว ผมไม่หวังอะไรมากกว่านี้อีกแล้ว
“ไม่ให้กลับ” เสียงเริ่มกระเง้ากระงอดพร้อมกับแรงกอดรัดที่เพิ่มขึ้นอย่างเด็กหวงของเล่น แอบนึกขำกับน้ำเสียงแบบนั้น คนนี้น่ะหรอที่คนส่วนใหญ่ไม่อยากเข้าใกล้เพราะน่ากลัว ผมว่านี่มันก็แค่เจ้าหมาตัวใหญ่ตัวหนึ่งเท่านั้นแหละ
“พอแล้วน่า เราต้องกลับบ้านนะ” อีกอย่าง ผมก็ต้องรีบไปหาซื้อน้ำแดงเพื่อเซ่นลูกของผมด้วย
“ไม่ รู้มั้ยว่ากว่าเราจะได้นายมากอดแบบนี้ เราต้องทนเก็บเงินเพื่อซื้อกุมารทองจากอาจารย์คนดังนั่นตั้งเท่าไหร่ ถึงนายไม่ยอม เราก็จะบังคับให้นายยอม” ห้ะ!? ม...เมื่อกี้ว่ายังไงนะ “เราชอบนายมาตั้งแต่นายยังไม่ได้เข้ามาเรียนที่นี่ด้วยซ้ำ เราพยายามเด่นให้นายสนใจ แต่คนอื่นกลับสนใจแทน ก็เลยนิ่งเข้าใส่ เรารอนายมาตลอดนะโซ่ เมื่อคืนนี้เรารู้สึกดีมากๆเลย ถึงมันจะเร็วไปหน่อยแต่.....เป็นแฟนกันนะ ไม่สิ ไม่เร็วไปหรอกมั้ง ก็ข้ามขั้นไปแล้วนี่ ฮ่าๆๆ” ระหว่างพูดก็ถูปลายคางไปมาบนเส้นผมของผม ผมยังอึ้งอยู่ นี่มันบ้าอะไรกัน มนต์ซ้อนมนต์หรอ แต่ก็เอาเถอะ ผมก็รู้สึกดีจริงๆนั่นแหละ จะลองดูก็ไม่เสียหายหรอกมั้ง
“อืม”
“อืมอะไร ฮึ”
“ก็ ตกลงไง เป็นแฟนกัน” พูดเองก็เขินเอง
“งั้นต่อจากเมื่อคืนเลยนะ” มอสว่าจบก็พลิกผมลงไปนอนราบบนเตียงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย! เดี๋ยวก่อน ต้องไปโรงเรียนนะ”
“วันนี้วันเสาร์”
เอ่อ...ตามนั้นแหละครับ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ อุตส่าห์ทำใจไว้แล้วเชียวว่าเรื่องมันคงจบแค่บนเตียง ผมเองก็ไม่รู้นะว่านี่เป็นความรู้สึกจริงๆของผมเองหรือเป็นเพราะมนต์กุมารทองอะไรนั่น แต่ที่เป็นอยู่แบบนี้มันก็ ดีแล้วละนะ...
...อีกด้าน...
"คิกๆ ดูพ่อจ๋าจู๋จี๋กันสิ" เสียงเล็กๆจากเด็กชายโจงกระเบนสีทอง
"ไม่ๆ นั่นพ่อจ๋า ส่วนนั่นแม่จ๋าต่างหาก" เสียงจากเด็กชายโจงกระเบนสีแดงเถียงขึ้น
"คิกๆ นั่นสิน้าาา~ อ่ะ แม่จ๋าโดนพ่อจ๋าอุ้มเข้าห้องน้ำไปซะแล้ว"
"พอเลยพวกเอ็ง เป็นเด็กเป็นเล็ก มาแอบดูผู้ใหญ่เขารักกัน ไปเลย ไปเล่นที่อื่น" เสียงจากชายแก่ผมสีเดียวกับผ้าขาวที่สวมอยู่เอ่ยบอกกุมารทองทั้งสอง
"โถ่ตา พวกฉันไปก็ได้ ไปเร็วสินสมุทร" เด็กชายโจงกระเบนสีทองเรียกเพื่อน
"ไปเล่นที่อื่นกันเถอะสุดสาคร เดี๋ยวตาดี" เด็กชายโจงกระเบนแดงก็พาเพื่อนหายวับไป
"เห้อ ดีแล้วละ" ว่าจบ ร่างชายแก่ก็หายตามกุมารทองทั้งสองไป
สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ นี่ก็จบไปแล้วกับเรื่องแรกของซีรี่ย์นี้ จริงๆคืออยากยืดให้มันยาวกว่านี้แหละ แต่ไม่สามารถจริงๆ ฉากอย่างว่าก็คงไม่เผ็ดร้อนเท่าที่หวัง บางคนอาจไม่พอใจที่จบดื้อๆแบบนี้ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ(ปาดน้ำตา) ยังไงก็จะพัฒนาฝีมือไปเรื่อยๆนะครับ อาจเร็วบ้างช้าบ้างก็อย่าว่ากันนะ(ขำ) ที่เอากุมารทองมาเป็นเรื่องแรกก็เพราะเป็นเรื่องทางไสยศาสตร์ที่น่าจะซอฟท์ที่สุดแล้ว(ในความคิดผมน่ะนะ) ก็ขอฝากเรื่องต่อๆไปด้วยนะครับ น่าจะเรื่องละประมาณ 3 - 5 ตอนจบนี่แหละครับ ให้แต่งแบบยาวๆเนี่ย ผมไม่สามารถจริงๆ(ยิ้มแห้ง)....