“...อันว่าสถานใด ก็ล้วนแล้วแต่มีสิ่งที่หลับไหลอยู่ จะทำการสิ่งใดก็พึงระลึกไว้เสมอว่าเขามีเจ้าที่เจ้าทาง ทำอะไรไม่ระวัง จะตายเอาไม่รู้ตัวนะ...”
“รักษ์!” เสียงของคนตัวขาวที่วิ่งมาแต่ไกลได้ชะงักการก้าวท้าวของผม
“อ้าว โซ่ หวัดดี” ยิ้มทักทายคนตรงหน้าที่เมื่อกี้เห็นวิ่งกระหืดกระหอบมาจากทางอาคารคหกรรม2 ที่มาสร้างคนละฝั่งกับอาคารคหกรรมเดิม เหตุผลก็เพราะพื้นที่ไม่พอใช้งาน “วันนี้เข้าชุมนุมเป็นไงบ้าง”
“อือ ก็สนุกดี เนี่ย เราทำมาฝาก” โซ่ยื่นกล่องใส่ขนมสีหวานมาให้ ข้างในคงเป็นเค้กหรืออะไรพวกนั้น
“ขอบใจ”
โซ่ค่อนข้างจะเป็นเด็กค่อนข้างสดใส ถึงจะแอบมึนๆอึนๆซักหน่อยก็เถอะ ต่างจากผมที่ค่อนข้างเงียบและเก็บตัว ก็แปลกหน่อยตรงที่คนแบบผมจะมีคนคบด้วย แถมยังเป็นถึงลูกเจ้าของโรงบาลฯดังอีก แต่ว่าก็ว่าเถอะ คนแบบโซ่น่ะ ถึงไม่ได้ทำอะไรมากมาย คนรอบข้างก็เหมือนได้ชาร์ตแบตตัวเองเมื่อได้อยู่ใกล้ คงไม่แปลก ที่คนมืดมนแบบผมจะรู้สึกดีด้วย...
ระหว่างเดินไปโรงรถเพื่อกลับบ้าน ก็เจอเข้ากับคนที่ช่วงนี้เห็นแวะเวียนมาบ่อยๆ ไอ้มอส ไอ้มารหัวใจ “หวัดดีโซ่ หวัดดีรักษ์” ร่างสูงโปร่งเด่นสะดุดตาที่มองเห็นได้ตั้งแต่ระยะร้อยเมตร กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหา
“หวัดดี” เราทั้งสองตอบกลับไปทันทีที่มันมายืนอยู่ต่อหน้า
“มา เราช่วย” มือแกร่งยื่นไปรับกระดานวาดภาพขนาดกลางของคนตัวขาวข้างๆผม ดูๆแล้ว สองคนนี้ก็น่ารักดี ตั้งแต่ที่ไอ้มอสเปิดตัวว่าเป็นแฟนกับโซ่ ก็ทำเอาหนุ่มสาวหลายคนแทบแดดิ้น คนหนึ่งก็หนุ่มตี๋ผู้สุขุม มีตำแหน่งเป็นถึงกัปตันทีมบาสของโรงเรียน อีกคนก็หนุ่มน้อยหล่อน่ารัก ดีกรีลูกเจ้าของโรงพยาบาล ดูเหมาะสมกันดี เหมาะสมกันจนน่าอิจฉา
เดินกันไปสามคน ระหว่างทางก็คุยเรื่อยเปื่อย เรื่องเรียนบ้าง ดนตรีบ้าง เกมบ้าง ก็ประสาวัยรุ่นชาย แต่ระหว่างที่ผมกำลังเดินอยู่ดีๆ ก็มีเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งมาเฉี่ยวจนเสียหลัก และเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
“เฮ้ย!”
“โอ้ย!”
เพล้ง!
มันเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน ผมล้มลงกระแทกกับอะไรไม่รู้แต่เจ็บชะมัด คาดว่าคงเป็นบันไดทางขึ้นศาลพระภูมิ แต่ปัญหาคือกระดานวาดรูปในมือผม ตอนนี้มันกระเด็นไปโดนแก้วน้ำแดงที่ตั้งอยู่จนทำให้แก้วใบนั้นตกลงมาแตกเสียงดังจนสะดุ้ง ฉิบหาย คำเดียวที่อัดแน่นเต็มหัวผมอยู่ในตอนนี้
“เป็นยังไงบ้าง” โซ่เป็นคนแรกที่ได้สติ รีบถลาเข้ามาพยุงผมให้ลุกขึ้น
“เจ็บหลังอ่ะ แต่ไหวอยู่ แต่ว่า...” มองไปที่แก้วใบใสที่แตกละเอียดพร้อมกับน้ำสีแดงที่เจิ่งนองไปทั่วพื้นศาล
“เอาไงดีอ่ะ?” คนที่เงียบอยู่นานถามขึ้นบ้าง
“งั้นเดี๋ยวพารักษ์ไปห้องพยาบาลก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน” เสียงใสตอบก่อนจะช่วยพยุงผมที่ยังปวดหนึบๆทั่วแผ่นหลังอยู่เดินออกไปทางห้องพยาบาลพร้อมกับไอ้มอส
“เฮ้อ พวกเด็ก ม.ต้น นี่ซนกันจริงๆ นี่ดีนะที่ไม่ได้เป็นอะไรมาก” เสียงบ่นงึมงำของโซ่ ทำให้คนที่ถูกทำแผลให้แบบผมอมยิ้มเพื่อกลั้นเสียงหัวเราะ ไม่ใช่เพราะตลก แต่เพราะขำกับเสียงน่ารักๆนั่นต่างหาก จะเรียกว่าทำแผลก็ไม่ค่อยจะถูกเท่าไหร่ จริงๆคือคุณหมอจำเป็นนั้นใช้มือนวดยาแก้ปวดกล้ามเนื้อให้เท่านั้น มือเบาสมกับที่มีสายเลือดของนายแพทย์ผู้ที่ได้รับขนานนามว่า หมอเทวดา
“เสร็จละ ป่ะ กลับกันเถอะ” หลังจากล้างมือเสร็จเรียบร้อย ทายาทหมอเทวดาก็เอ่ยเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของตนออกมาชวนกันกลับบ้าน
“พวกนายกลับกันก่อนเถอะ เราว่าจะไปดูที่ศาลซะหน่อยน่ะ” เอ่ยบอกก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นเพื่อลงจากเตียงคนไข้ในห้องพยาบาล
“ให้พวกเราไปเป็นเพื่อนมั้ย” โซ่เอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง รักษ์น่ะ จะต้องไม่เป็นอะระ....
“ว่าไง ให้พวกเราไปด้วยมั้ย เผื่อมีอะไรจะได้ช่วยกัน” เสียงของมอสขัดความคิดของโซ่ก่อนจะถามเร่ง เพราะตนไม่ค่อยอยากให้หมอนี่อยู่ใกล้โซ่นานๆ จะอะไรซะอีกละ
“พ่อจ๋า พี่คนนี้เค้าแอบชอบแม่จ๋า หนูชอบพี่เค้านะ แต่หนูไม่อยากให้แม่จ๋าอยู่ใกล้พี่เค้าเลย” เสียงสินสมุทรดังอยู่ข้างหูในตอนที่เดินคุยเล่นกันไปเรื่อยๆ ใช่ เด็กกลุ่มนั้นน่ะฝีมือผมเองแหละ แค่สั่งสินสมุทร ทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คิด กล้ายุ่งกับของคนมีเจ้า ก็ลองเจอเจ้าที่หวงของดูหน่อยเป็นไง...