แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย moonook เมื่อ 2011-5-16 23:42
10.
ยุง (Mosquito)
การกัดของยุงเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตที่มากที่สุดที่เกิดจากการกัดของสัตว์โดยเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆมากกว่า 100
โรค
โดยโรคที่ทำให้คนเสียชีวิตมากที่สุดคือโรค มาลาเรีย
9 . ตุ่นหนูไร้ขน (Naked Mole Rat)
ตุ่นหนูไร้ขน เป็นสัตว์ไร้ขน มีผิวสีชมพู มีรอยเ่ยวย่น อยู่อาศัยใต้พื้นดิน โดยการขุดอุโมงค์
โดยใช้ฟันหน้า คล้ายกับพวกตัวตุ่น และมีผิวหนัง หาง คล้าย หนู แต่นั้นเป็นเพียงรูปลักษณ์
เท่านั้น แต่ตามความเป็นจริงนั้น ตุ่นหนูไร้ขนนั้นเป็นมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ เม่น
และสี่งที่ทำให้พวกมัน เป็นยอดนักขุด ก็เนื่องจาก อุโมงค์ใต้ดินอาดกินอาณาบริเวณมากถึง 6
สนามฟุตบอล พื้นใต้ดินจะถูกเชื่อมโยงด้วยโครงข่ายอุไมงค์ โดยกล้ามเนื้อประมาณ 25 %
ของตุ่นหนูไร้ขนอยู่ที่ขากรรไกร
ตุ่นหนูไร้ขนสามารถ ขุดผ่านคอนกรีตได้
8. งู (Snake)
คัมภีร์ไบเบิลของคริสต์ศาสนามีงูเป็นสัตว์ชั่วร้ย ชาวอียิปต์โบราณนับถืองูเป็นเทพเจ้าแห่งการป้องกันตัว พระนาง Cleopatra ทรงโปรดปรานเครื่องประดับที่ทำเป็นรูปงู ชาวกรีกโบราณนิยมเขียนภาพงูที่กำลังต่อสู้กันตามฝาผนังของศาสนสถาน เพราะชื่นชมในนิสัยการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของงู
ตาม ธรรมดางูพิษจะมีเขี้ยว ที่มีท่อติดต่อกับต่อมพิษ เวลางูกัดเหยื่อ กล้ามเนื้อในบริเวณรอบต่อมพิษจะบีบตัว ทำให้พิษที่เป็นของเหลว ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส แต่มีสีค่อนข้างเหลืองไหลซึมจากต่อมพิษผ่านเขี้ยวไปสู่แผล หากร่างกายคนที่ถูกงูกัดได้รับการรักษาไม่ทัน รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก หัวใจจะวาย และเขาจะตายในที่สุด ถึงแม้ว่าคนไข้เดินทางถึงโรงพยาบาลทันเวลาคนไข้ต้องตระหนักว่าใน กล้ามเนื้อในบริเวณที่เป็นแผลอาจจะตายไปเรียบร้อยแล้ว และเขาก็จะมีแผลเป็นตลอดชีวิต
7. แมงมุมใยกรวย(Funnel-web spider)
แมงมุมพิษชนิดนี้สามารถพบได้ในประเทศออสเตรเลียแม้กระทั่งในบ้านก็ตาม มีขนาดตั้งแต่ 1-6 cm ลักษณะ เด่นของ
แมงมุมชนิดนี้ก็คือ เขี้ยวพับขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนแม้จะไม่ใช่ขณะที่มันกำลัง จะกัดก็ตาม โดยเขี้ยว
ของมันมีขนาดยาวกว่าครึ่งของฃ
ความยาวขาของมันเสียอีก ว่ากันว่าเขี้ยวของมันสามารถกัดทะลุนิ้วมือของเราได้ทีเดียวนอกจากนี้พิษของ มันยังมีความ
รุนแรงมากอีกด้วย
6. จระเข้ (Crocodile)
จระเข้เป็นสัตว์ที่มีขากรรไกรที่แข็งแรงมากโดยการกัดของมันก่อให้เกิดแรงกัดโดยเฉลี่ยประมาณ 3000
ปอนด์และสูงสุดมากกว่า 5000 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว และเวลาที่
จระเข้กัดนั้นมันจะไม่แค่กัดเพียงเฉยๆเท่านั้น แต่มันจะทำการหมุนตัวด้วย
ความเร็วเพื่อเป็นการฉีกเนื้อ
เหยื่อให้หลุดออกมา จากร่าง
5. ค้างคาวแวมไพร์ (Vampire Bat)
ค้างคาวดูดเลือดแท้จะออกหาอาหารในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นเวลาที่เหยื่อ นอนหลับ ค้างคาวจะบินเข้าไปใกล้เหยื่อและจะเกาะบนพื้นก่อนที่จะค่อยๆ คลานเข้าไปหาเหยื่อ ใช้ฟันหน้าที่คมกรีดผิวหนังเหยื่อบริเวณที่ไม่มีขน พร้อมทั้งปล่อยสารกันเลือดแข็ง (anti-coagulating agent) ทำให้เลือด แข็งตัวช้า แล้วจึงค่อยดูดเลือด ที่ไหลออกมาจนอิ่ม เหยื่อของค้างคาวดูดเลือดส่วนมากเป็นสัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย แพะ ม้า หมู หรือแม้กระทั่งคน เหยื่อที่ถูกค้างคาวกัดและกินเลือด จะไม่ได้รับอันตรายถึงตายแต่อย่างใด แต่รอยแผลที่เกิดจากค้างคาวกัด จะมีแมลงเข้าไปไข่ไว้ ทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอลงและเจริญเติบโตไม่เต็มที่ ดังนั้นค้างคาวดูดเลือดจึงเป็นอันตรายต่อการปศุสัตว์ เมื่อค้างคาวดูดเลือด กินอาหารอิ่มแล้วจะบินกลับไปยังถ้ำที่อยู่ในป่า และจะออกหาอาหารอีกครั้ง หลังจากกินอาหารครั้งแรก 2-3 วัน
จากพฤติกรรมของค้างคาวดูดเลือดนี้เอง ที่ส่งผลให้มีผู้เขียนนวนิยายนำมาดัดแปลงเป็น แวมไพร์ผีดูดเลือด ชื่อดังในเวลาต่อมา
4. สุนัข (Dog)
อันดับสี่ก็เป็นหมาธรรมดาๆนี่แหละครับ เพราะว่าทุกปีจะมีคนอเมริกันถูกหมากัดมากกว่า 4
ล้านราย และคนไทยที่ถูกกัดก็มีกว่าปีละ 3 แสนรายโดยสามารถพบได้ตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่แล้วนะครับ (บางคนอาจมี
ประสบการณ์การโดนกัดด้วย
ตัวเองแล้วด้วยซ้ำ)
3. มังกรโคโมโด ( ต่างจากตัววรนุสนะครับ ) (Komodo Dragon)
การกัดของมังกรโคโมโดนั้นแม้เพียงรอยเล็กก็จะสามารถคร่าชีวิตเหยื่อได้เนื่อง จากน้ำลายของมันมีแบคทีเรียอันตรายอยู่มากมายที่จะทำให้เหยื่อตายในเวลาต่อ มา แล้วมังกรโคโมโดจึงค่อยตามกลิ่นไปกินในเวลาต่อมา โดยมันสามารถจัดการ "กิน" หมูป่าที่หนัก 50 กิโลกรัมได้ภายใน 17 นาที การมีกระเพาะที่ขยายตัวง่ายช่วยให้มันสามารถกลืนเหยื่อที่หนักถึง 80% ของนํ้าหนักตัวมันได้ในมื้อเดียว
2. ฮิปโปโปเตมัส (Hippopotamus)
ฮิปโปโปเตมัสนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นสัตว์กินพืชที่ดูไร้พิษภัยแต่มันมีขากรรไกรและแรงกัดที่ทรงพลังมากมากกว่าจระเข้ด้วย
ซ้ำ (ว่ากันตามจริงฮิปโปนี่โคตรอันตรายเลย)
ในหนึ่งปีจะมีคนตายเพราะโดนฮิปโปกัดมากกว่าจระเข้เสียอีก เวลาจระเข้เจอ
ฮิปโปส่วนมากแล้วจระเข้จะต้องเป็นฝ่ายหนี
มันอันตรายขนาดพวกบันทึกโบราณของอียิปห์ไรพวกนี้ยังพรรณาความดุร้าย
ของมันไว้เลยทีเดียว นอกจากนี้ฮิปโปโปเตมัส สามารถอ้าปาก
ได้กว้างถึง 170 องศาและมีแรงกัดขนาดที่ว่าสามารถกัด
จระเข้ให้ขาดครึ่งได้ง่ายๆเลยทีเดียว
1. ฉลามคุกกี้คัตเตอร์ (Cookiecutter shark)
ฉลามชนิดนี้มีอีกชื่อเรียกคือ ฉลามซิการ์(cigar shark) มีขนาดโตเต็มที่เพียง 40-60
cm และ เป็นฉลามที่มีฟันที่คมมากๆและมี
ลักษณะต่างไปจากฉลามพันธุ์อื่นๆ โดยชื่อว่า “คุกกี้คัตเตอร์” มาจากรอยกัดของมันซึ่งจะมีลักษณะเป็นรอยแหว่งอย่าง
สวยงามเหมือนรอยคุกกี้จาก การกัดด้วยการใช้ฟันแถบบนในการยึดและฟันแถบล่างในการเฉือนแล้วหมุนตัวด้วย ความเร็ว
จนครบรอบทำให้เนื้อถูกตัดออกมา ฉลามชนิดนี้สามารถโจมตีกระทั่งสัตว์ขนาดกลางและสัตว์ที่ตัวใหญ่กว่ามากๆแทบ ทุก
ชนิดเช่นปลาโลมาหรือปลาวาฬหรือแม้กระทั่งคนก็ตาม นอกจากนี้ยังมีการพบรอยกัดของปลาชนิดนี้อยู่บนสายเคเบิ้ลใต้
ทะเลลึกอีกด้วย
|