หลอกเย็ดเพื่อนร่วมหอ 109 ตอนพิเศษ 3 เจอทางตันโดย Orama ผมว่างจากการเรียนก็ติวให้น้องบีตามที่ตกลง ส่วนใหญ่ก็ในห้องสมุด บางครั้งอาจารย์ติดธุระไม่เข้าสอนผมก็ขออนุญาตมาติวให้น้อง ๆ ที่ห้องเรียนบ้างหรือห้องสมุดบ้าง เป็นกลุ่มเล็ก ๆ 3-5 คน ส่วนใหญ่ก็คนที่เคยเข้าติวกันเมื่อครั้งที่แล้ว แต่ส่วนใหญ่จะติวให้น้องบีคนเดียว จนผ่านไปหลายสัปดาห์ “พอพี่ต๊ะสอนผมเข้าใจขึ้นเยอะมากเลยครับ” “พี่ก็สอนเหมือนครูสอนนั่นแหละ...ว่าแต่เราเถอะ เวลาอยู่ในห้องเรียนตั้งใจเรียนแบบนี้หรือเปล่า” “คือตั้งใจเรียนยังไงก็ไม่เข้าใจนะครับ พอไม่เข้าใจผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นถามยังไง อีกอย่างพอถาม เพื่อน ๆ ก็หัวเราะเลยไม่กล้าถามอีก” นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ส่วนใหญ่พอถามแล้วเพื่อน ๆ หัวเราะเลยขาดความมั่นใจว่าเราตั้งคำถามโง่ ๆ ออกไปหรือเปล่า เพื่อนผมเองบางคนเวลาใครถามอะไรในห้องก็หัวเราะทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันหัวเราะทำไม แต่ขอก็ให้ได้หัวเราะเพื่อน เวลาที่เพื่อนถามครูในห้อง บางคนกลัวเพื่อนหัวเราะ พอไม่รู้ ไม่ถาม ก็ตามไม่ทัน นิ่งเงียบ เก็บตัว เรียนไปก็ไม่รู้เรื่อง สุดท้ายก็โดดเรียน ยิ่งบางห้องมีนักเรียน นักศึกษาที่มีพื้นฐานต่างกันมาก ยิ่งจะเกิดปัญหา สมัยนี้เขาถึงได้มีการสอบคัดความรู้เพื่อให้อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ก็เป็นแค่ทางเลือกหนึ่ง เพราะบางครั้งสอบได้คะแนนสูงแต่ใช่ว่าจะเรียนรู้เรื่องไปเสียทุกคน อย่างไอ้นะเพื่อนผม มันถามอาจารย์ทุกเรื่อง ทั้งเรื่องเรียน เรื่องอื่น ๆ เลยถูกมองว่ามันกวนตีน เพื่อน ๆ ก็จะหัวเราะทุกครั้งที่ไอ้นะมันตั้งคำถาม แต่มันไม่เคยแคร์ ผิดกับไอ้เจต สงสัยทุกเรื่องแต่ไม่เคยตั้งคำถาม มาถามแต่กับผม หรือเพื่อนคนอื่นก็อาศัยคุยกันเอง ผมเองก็เคยปรึกษาประเด็นนี้กับอาจารย์หลังจากที่ติวให้น้อง ๆ ครั้งนั้น อาจารย์เองก็รับทราบปัญหา แต่พอจะไปถามเด็กในห้องที่ไม่เข้าใจก็เลยถูกมองว่าไปจี้ตัว เด็กก็เลยกลัวหนักเข้าไปอีก “เสาร์นี้พี่ต๊ะว่างปะ” น้องบีมาดักพบผมหลังเลิกเรียนภาคเช้าของวันพฤหัส “มีไร........” “คือที่บ้านทำบุญให้อาม่า แม่เลยให้ชวนพี่ต๊ะไปด้วย” “อ๋อ.......ทำที่ปั๊มน้ำมันนะหรอ” “เปล่าครับ.......ทำที่บ้าน...ตรงนั้นเป็นแค่ปั๊มน้ำมันเฉย ๆ” “อ๋อ...แล้วบ้านอยู่แถวไหน” “ออกไปทางวัดนะครับ” วัดที่เราพูดถึงหมายถึงวัดประจำจังหวัดที่ออกจากเมืองไปอีกประมาณ 5 กิโลกว่า ๆ “ถึงวัดหรือยัง” “เลยไปอีกนิดนึงครับ...พี่ต๊ะเคยไปหรอ” “พี่เคยไปแค่วัด ไกลกว่านั้นยังไม่เคย” “อ้าวแล้วบีมาเรียนยังไง” “อ๋อ...วันจันทร์-พฤหัสผมนอนที่ปั๊ม ศุกร์-อาทิตย์ก็ไปนอนบ้าน แต่บางทีก็ไปกลับที่บ้าน ถ้าแม่ไม่ติดธุระอะไร” “แล้วอยู่ที่ปั๊มอยู่กับใคร” “อยู่กับลุงเวก” “ใครลุงเวก” “เป็นลุงที่ดูแลปั๊มนะครับ” “อ๋อ........แล้วมาเรียนยังไง” “ผมขี่มอไซต์มาเรียน” “พี่ดูก่อนแล้วกัน เพราะพี่ไม่มีมอไซต์มีแต่จักรยานปั่นไปคงไม่ถึง” “เดี๋ยวผมมารับก็ได้” “อย่าเลย เดี๋ยวพี่ลองถามเพื่อน ๆ ก่อนว่ามีใครให้ยืมบ้าง” “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยววันศุกร์ผมนอนที่ปั๊มแล้ววันเสาร์ไปด้วยกันก็ได้” “งั้นเดี๋ยววันศุกร์บอกอีกทีนะว่าจะเอายังไง....ว่าแต่ไม่เป็นการรบกวนแน่นะ” “ไม่เลยพี่ หลาย ๆ คนสนุกดี” “แล้วบ้านเราอยู่กี่คน” “เออ.....มีพ่อ แม่ อาม่า อากง เจ็กชัย เจ๊กตุ้ย อี้ชมพู่ อี้ลี อี้เงาะ แล้วก็ลูก ๆ ของแก แล้วก็มีพี่ชายผม 4 คน พี่สาว 2 คนแล้วน้องชายกับน้องสาวผมอย่างละคน” “โห................ ทำไมเยอะอย่างนี้ว๊ะ อยู่บ้านหลังเดียวกันหมดเลยหรอ” “มีบ้านผม บ้านอาม่า แล้วก็บ้านเจ๊กอีก 3 หลัง อยู่ในรั้วเดียวกัน” “อ๋อ.................” ผมนึกภาพไม่ออกว่ามันจะใหญ่ขนาดไหน ***************************** วันเสาร์ประมาณ 8 โมงเช้า น้องบีขี่มอไซต์มารับผมที่หน้าวิทลัย ผมชวนไอ้เจตมันไม่ไปด้วย มันบอกว่าเขาไม่ได้เชิญ ทั้งที่น้องบีบอกว่าแม่เชิญทุกคน ผมเป็นคนขี่มอไซต์โดยให้น้องบีซ้อนท้าย ผมขี่ออกไปช้า ๆ โดยไม่รีบ อากาศยังไม่ร้อน มาถึงวัดประมาณ 8 โมงกว่า ๆ น้องบีบอกให้ขี่ไปอีกประมาณสัก 1 กิโลก็จะเห็นหลังคาบ้าน ผมขี่ไปเรื่อย ๆ จนมองเห็นหลังคาบ้านสีแดง หลายหลังปลูกเรียงรายกัน รั้วบ้านเป็นเสาร์ปูนใส่เหล็กคัดสวยงาม ยิ่งขี่เข้าไปใกล้ ยิ่งเห็นความใหญ่โตของบ้าน เป็นครอบครัวใหญ่จริง ๆ ผมเลี้ยวรถเข้าไปในบ้าน เห็นคนพรุ้งพล่าน ไม่ต่ำกว่า 30 คน “งานอะไรทำไมคนเยอะขนาดนี้” “งานแซยิดอาม่า” งานแซยิดคืองานฉลองอายุครบ 60 ปี คนจีนจะจัดใหญ่โตมาก และดูก็รู้ว่าบ้านน้องบีเป็นไทยเชื้อสายจีน ดูตั้งแต่หลังคาบ้านสีแดงเพลิงขนาดนั้น ตั้งแต่หน้าบ้านก็มีอักษรจีนตัวใหญ่แปะไว้ มีโคมไฟห้อยตามเชิงชายบ้าน บ้านแต่ละหลังปลูกแบบสมัยใหม่สองชั้น ออกแบบอย่างสวยงาม บางจุดตกแต่งด้วยหินกาบ มีน้ำพุหน้าบ้านด้วย “ไปบ้านหลังไหน” ผมเห็นคนอยู่เกือบทุกหลังเลยไม่รู้จะไปหลังไหน “บ้านอาม่าหลังใหญ่โน่นครับ ส่วนบ้านผม หลังทางโน้น” ผมมองไปตามมือน้องบี เป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุด แต่อยู่ลึกเข้าไปในสุด มีถนนเข้าบ้านสวยงาม “พี่ไปบ้านผมก่อน แม่บอกไว้” ผมเลี้ยวรถไปตามทางเพื่อไปบ้านน้องบี “คุณบีมาแล้วค่ะ” ท่าทางจะเป็นคนรับใช้ พอเจอน้องบีตะโกนเข้าไปในบ้าน ไม่นานคุณแม่น้องบีก็ออกมา “หวัดดีครับ” ผมยกมือไหว้คุณแม่น้องบีก่อน โดยที่คุณแม่รับไว้ทั้งที่ถือห่ออะไรสักอย่าง “หวัดดีค่ะ.....ไปบีพาพี่ต๊ะเข้าบ้านก่อน เดี๋ยวแม่มา” คุณแม่พูดเสร็จก็รีบถือถาดอาหารแล้วเดินไปที่เรือนอาม่าอย่างรวดเร็ว โดยมีคนรับใช้วิ่งถือของตามไปติด ๆ น้องบีพาผมไปนั่งที่โซฟาหรูสีครีมที่ตั้งอยู่กลางบ้าน ผมมองไปรอบ ๆ บ้านตกแต่งแบบจีน เป็นส่วนใหญ่ “พี่ต๊ะหิวหรือยัง” “ยัง...ปกติพี่กินเกือบเที่ยง” น้องบีเข้าไปหาน้ำมาให้ผมดื่ม ผมได้ยินรถวิ่งเข้าวิ่งออกหลายคัน พร้อมกับเสียงพูดคุยเซ็งแซ่ดังมาแต่ไกล ผมนั่งคิดไปว่าคนเยอะขนาดนี้แล้วชวนเรามาทำไม หรือว่าชวนมาเพื่อเป็นมารญาต ความคิดผมเริ่มสับสน และดูจากการแต่งตัวของแต่ละคนเน้นหนักไปทางสีแดง สีชมพู ผิดกับผมที่เสื้อยืดสีขาว กับกางเกงยีนส์สีซีด ๆ ดีที่มีแจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อนทับมา ไม่งั้นคงดูไม่จืด น้องบีเองวันนี้ก็ใส่เสื้อยืดสีแดงสดใส กางเกงสีน้ำตาลอ่อน ทำให้ผิวขาวผ่องขึ้นมาก หน้าตาก็อาตี๋จีนดี ๆ นี่เอง แต่ผิวไม่ขาวเท่าไอ้หยก ขานั้นขาวจนเผือก ไม่รู้ว่ามันจะขาวไปถึงไหน เจอมันแก้ผ้าทีไรตกใจทุกที ผมนั่งอยู่กับน้องบีประมาณชั่วโมงกว่า ๆ ฟังเสียงจากทางบ้านอาม่า ค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ น้องบีเองก็นั่ง ๆ นอน ๆ เดิน ๆ “ต้องขอโทษด้วยที่ให้รอ พอดีแขกมาอวยพรอาม่าเยอะ” “ไม่เป็นไรครับ” “เสร็จแล้วหรอแม่....บีหิว” “บีจะกินที่นี่หรือไปกินบ้านอาม่า” “กินที่นี่กว่าเนาะพี่ต๊ะเนาะ” “ยังไงก็ได้ครับ” ผมเองก็เริ่มหิวตงิดตะหงิด “นวล ไปเอาอาหารที่ชั้นจัดไว้มาไป้” นวลคือสาวใช้คนเมื่อกี้ วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงอึดใจก็หิ้วตะกล้ากับข้าวมา “ไปๆ ไปนั่งที่โต๊ะ เดี๋ยวแม่จัดให้” “ซ้อ ๆ อาม่าให้มาตาม” มีผู้ชายวิ่งมาตามแม่น้องบี “แปบนึง ๆ” แม่น้องบีกำลังจะเตรียมอาหารให้เราสองคน “เออ......เดี๋ยวผมกับบีจัดการทางนี้เองก็ได้ครับ เชิญคุณแม่เถอะครับ” “เอางั้นหรอ...รบกวนหน่อยนะค๊ะ...งั้นเดี๋ยวให้นวลมาจัดให้” คุณแม่พูดเสร็จก็รีบวิ่งออกไป เราสองคนนั่งมองดูอาหารบนโต๊ะ สภาพเหมือนอาหารที่เขาไหว้เจ้าเลย มีแต่ชิ้นใหญ่ ๆ หมูสามชั้นต้ม ไก้ต้ม เป็ดพะโล้ หูฉลาม ปลานึ่ง ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมแป้ง บัวลอย ส้ม แอปเปิ้ล องุ่น ฯลฯ ผมหันไปมองหน้าบีแบบขอความเห็นว่าจะเอายังไง เพราะของทุกอย่างยังเป็นชิ้นใหญ่ ๆ โดยเฉพาะไก่ยังเป็นตัวอยู่เลย หมูสามชั้นเองก็แท่งเกือบเท่าแขนผม “เอาไปหั่นมั้ยพี่ต๊ะ…เขียงอยู่โน่น” ผมหันไปตามมือน้องบี เป็นห้องครัวที่ตกแต่งอย่างสวยงาม พื้นปูด้วยกระเบื้องสีครีมมันแพลบ โต๊ะเตรียมกับข้าวปูด้วยหินอ่อน ผมเดินเข้าไปในครัวสะอาดมากเหมือนไม่เคยใช้งาน มองซ้ายมองขวามีดเขียงไม่รู้อยู่ตรงไหน มีแต่ตู้รอบห้องไม่กล้าเปิด “มีดอยู่นี่พี่ต๊ะ” ผมหันไปทางบีถือมีดปอกผลไม้อันเล็ก ๆ มาจากไหนไม่รู้ เขียงก็ไม่มี สุดท้ายเราสองคนเอามีดปอกผลไม้ออกไปเฉือนหมู เฉือนไก่ แบ่งกันกินสองคนกับน้องบีแบบทุลักทุเลย น้องบีกินหมูสามชั้นจิ้มน้ำจิ้มแบบซีฟูดอย่างเอร็ดอร่อย เราสองคนอยากกินตรงไหนก็เจาะกินตรงนั้นอย่างสนุกสนาน เสียงคนเสียงรถเริ่มเบาลงจนถึงกับเงียบ จนผ่านไปเกือบชั่วโมง “ตายแล้ว....นังนวล แกทำไมไม่มาหั่นให้น้อง....แล้วนี่กินกันไปได้ไง” เราสองคนหันไปทางประตูอย่างตกใจ แม่น้องบีเข้ามาเอะอะโวยวายที่เห็นเราสองคนกินอาหารกระจายเต็มโต๊ะแบบนั้น ผมเองก็ตกใจคิดว่าโดนดุแน่ ๆ “ต้องขอโทษด้วยค่ะ นึกว่านังนวลมันกลับมาเตรียมไว้แล้ว” “ก็คุณนายเรียกนวลออกไปด้วยนี่ค๊ะ” นวลที่เอ่ยถึง วิ่งตามเข้ามาพอดี “โอ้ย............ชั้นจะบ้าตาย แล้วนี่กินกันยังไงลูก” “ก็อย่างที่เห็นแหละแม่” น้องบีชี้มือไปที่โต๊ะ โดยที่มือยังถือหมูสามชั้นรอเอาเข้าปาก “เหมือนหนูแทะอาหารเลยค่ะคุณนาย 55555555” นวลมองดูอาหารบนโต๊ะที่เราสองคนทำกระจาย “เอ็งยังจะมาหัวเราะอีก...ไปจัดการทำให้เรียบร้อย” “ค่ะ” นวลรีบเก็บกวาดแล้วมาเอาอาหารบนโต๊ะไปจัดแจงหั่นเรียบร้อยอย่างสวยงามแล้วมาวางไว้บนโต๊ะเช่นเดิม “อิ่มแล้วนะแม่” “กินกันไปนิดเดียวเองลูก คุณต๊ะกินเยอะ ๆ นะค๊ะ” “เออ.......ผมเองก็อิ่มเหมือนกันครับ” จริง ๆ แล้วก็คือเลี่ยนนั่นแหละครับ มันกินไม่ลง มีแต่หมู ไก่ ข้าวก็ไม่มี “ไหนครูเจ้าบีอยู่ไหน” ผมหันไปตามเสียง เป็นหญิงสูงอายุผิวขาว แต่งหน้าแต่งตาสวยงาม นุ่งผ้าไหมสีชมพูเข้มกับเสื้อลูกไม้สีชมพูอ่อน ๆ เดินกระฉับกระเฉงแข็งแรง “หวัดดีครับอาม่า” น้องบีวิ่งไปกอดอาม่าแน่น “ไม่เข้าไปหาอาม่าล่ะ” “คนเยอะมากกกกกกกกกกก” น้องบีทำปากกว้างเพื่อให้รู้ว่าคนเยอะมากแค่ไหน “5555555555 เขามาอวยพรอาม่า....คนก็ต้องเยอะซิ” “หวัดดีครับ” ผมยืนตรงก้มหัวแล้วยกมือไหว้อาม่าอย่างนอบน้อม “กริยาท่าทางน่ารัก อย่างที่เราบอกจริงๆ” ผมหันไปทางแม่น้องบี สงสัยเอาผมมาพูดให้อาม่าฟังบ้างแล้ว “ไป ๆ ไปนั่งตรงโน้นดีกว่า” อาม่าเดินไปนั่งที่โซฟา ผมเดินไปนั่งฝั่งตรงข้าม โดยมีน้องบีเดินไปนั่งเบียดแล้วโอบกอดอาม่าแน่น “ไม่อายพี่เขาหรอมากอดอาม่าแบบนี้” “ไม่อาย....อายทำไมเนาะพี่ต๊ะเนาะ” ผมได้แต่ยิ้ม “คืออาม่ามาจะขอบใจอาต๊ะที่ช่วยเป็นธุระเรื่องอาบี ไปเรียนแรก ๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่หลัง ๆ มาก็เงียบเก็บเนื้อเก็บตัว ถามคำตอบคำ อาม่าเป็นห่วง เห็นบอกแต่ว่าเรียนไม่รู้เรื่อง ตามเพื่อนไม่ทัน จะเปลี่ยนสายเรียนก็เสียเวลา ใจเค้าอยากเรียนช่างก็ตามใจ ส่วนพี่ ๆ คนอื่นเขาเรียนสายสามัญกันหมด..ไม่รู้แหกคอกเหมือนใคร 5555555555” “เรียนสายช่างแรก ๆ ก็จะสับสนนิดนึงครับ เพราะมันจะต่างจากสายสามัญ ถ้าปีแรกปรับตัวไม่ทันก็จะเป๋ได้เหมือนกัน” “นั่นแหละ ตอนแรกก็ดูท่าว่าจะโดนไล่ออกเพราะเกรดไม่ถึง กำลังดูว่าจะให้เขาไปเรียนที่เดียวกับพี่ชาย ยอมเสียเวลาไปปีนึง” “เขาเรียกรีไทครับอาม่า ไม่ใช่ไล่ออก” น้องบีพูดเสียงใส “มันก็ออกเหมือนกันนั่นแหละ 55555555555555” ผมสังเกตอาม่าดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ หน้าตาเบิกบาน “แต่สองเดือนที่ผ่านมา อาบีอีสดใสร่าเริงขึ้นผิดหูผิดตา ซนเป็นลิงเมื้อนเดิม อาม่าแปลกใจเลยถามอากิมว่ามันเกิดอะไรขึ้น” อากิมคือแม่ของน้องบี “คือชั้นมาเล่าให้อาม่าฟัง ว่าคุณต๊ะช่วยติวให้ หลังจากนั้นน้องบีก็เรียนดีขึ้น สดใจร่างเริงขึ้นกว่าแต่ก่อนอีก อาม่าเลยอยากเห็นตัวว่าหน้าตาเป็นยังไงถึงทำให้น้องบีดีขึ้นขนาดนี้” “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ น้องบีมีพื้นฐานดีอยู่แล้ว แนะนิดหน่อยก็ไปได้สวย อีกอย่างพี่ ๆ คนอื่นก็ช่วย ๆ กัน” “พี่ต๊ะสอนเก่งที่สุดเลยอาม่า ผมเข้าใจหมดเลย” “เข้าใจหมดเลยหรอ 555555555555” อาม่าหัวเราะเสร็จก็ล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงถุงเล็ก ๆ ออกมา ผมเดาก็รู้ว่าเป็นทองแน่ ๆ และยังถือซองแดงออกมาอีก 1 ซอง เอาถุงกำมะหยี่สีแดงวางบนซองแดงอีกครั้ง “อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะ อันนี้ถือเป็นการขอบคุณที่อาต๊ะเอ็นดูและช่วยให้อาบีกลับมาสดใสเหมือนเดิม อีกอย่างหลัง ๆ มาก็ยังช่วยสอนให้อีก” “ไม่รบกวนอะไรเลยครับ เป็นหน้าที่ของผมต้องดูแลรุ่นน้องอยู่แล้ว” “พี่ต๊ะรับเลย อาม่าใจดีอยู่แล้ว” “อย่าขัดใจเลย อีกอย่างวันนี้อาม่าแซยิดด้วย ได้มีโอกาสให้...อาม่าก็มีความสุข” “เออ...................” ผมลังเลว่าจะรับดีหรือไม่รับ “รับไปเถอะค่ะคุณต๊ะ อย่าให้อาม่าเสียกำลังใจที่จะให้เลย” “เออ...............” ผมลังเลอีกครั้ง คิดว่างานนี้ไม่น่ามาเลยกู ผมยังนั่งนิ่งไม่รับของ จนอาม่าเดินมานั่งข้าง ๆ แล้วยื่นถุงกำมะหยี่กับซองสีแดงใส่มือผม “อย่าคิดว่านี่เป็นค่าจ้างเลย เพราะของแค่นี้มันเทียบไม่ได้กับน้ำใจอันเปี่ยมล้นที่อาต๊ะมีต่ออาบีหลานอาม่าหรอก” “เออ...ไม่ใช่อย่างนั้นครับ” “ของชิ้นนี้อาม่าให้เพราะอยากให้ ไม่เกี่ยวกับที่อาต๊ะดูแลอาบี” “ครับ....กราบขอบพระคุณครับ” ผมพนมมือกราบไปที่ฝ่ามือของอาม่า “บุญรักษาลูก” อาม่าเอามือขึ้นมาลูบหัวผมเบา ๆ แม่น้องบียืนอมยิ้มอยู่ห่าง ๆ โดยมีพ่อ อากง และบรรดาญาต ๆ น้องบีมายืนกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “หวัดดีครับ” ผมนั่งตัวตรงได้ก็ไหว้ไปโดยรอบ “โชคดีจริง ๆ ที่เจ้าบีมีรุ่นพี่ดี ๆ แบบนี้” ท่าทางจะเป็นคุณพ่อน้องบี เพราะยืนจนชิดแม่น้องบีขนาดนั้น “ขอบคุณครับ” ผมกราบอาม่าอีกครั้งในความกรุณาในครั้งนี้ “ไป ๆ กินข้าวกันบ้านอาม่ากัน หิวแล้ว” อาม่าเอ่ยปากชวนทุกคนไปกินข้าวบ้านอาม่า “อาม่ายังไม่ทานอะไรหรอครับ” พ่อน้องบีพูดขึ้นอย่างตกใจ “โอ้ย....จะกินอะไรลง มัวแต่ปลื้ม...แต่ตอนนี้เริ่มหิวแล้ว 55555555555” ทุกคนกรูออกไปบ้านอาม่าเพราะอาหารถูกจัดเตรียมไว้ที่บ้านอาม่ามากมาย เหมือนแม่น้องบีจะเดาใจผมถูกว่าอยากกลับเต็มที “บีไปส่งพี่ต๊ะนะ แล้วไปรอแม่ที่ปั๊ม เย็น ๆ แม่จะให้ป๊ะไปรับ” “ได้ครับ” “เออ....แม่เตรียมอาหารไว้ให้ด้วยตรงโน้นอย่าลืมเอาไปด้วย เอาไปแบ่งให้พี่ ๆ เขากินด้วยนะ” “ครับผม” พอทุกคนออกไปหมดแล้ว บีเข้าไปหยิบอาหารถุงใหญ่ที่เตรียมไว้ไปใส่ตะแกรงหน้ารถ “ไปพี่ต๊ะ......พี่ต๊ะขับนะ 5555555” ผมขี่รถออกมาด้วยความสับสนคิดผิดหรือคิดถูกที่มา เหมือนมารับค่าสอนพิเศษยังไงไม่รู้.......เฮ่อ “พี่ต๊ะให้บีไปส่งไหน” “ไปส่งพี่ที่หอแล้วกัน” “หอพี่อยู่ที่ไหน” “เดี๋ยวก็รู้” ผมขี่มอไซต์เข้าเมืองไปเรื่อย ๆ ไม่ผ่านวิทลัยแต่เลี้ยวไปทางโรงพยาบาล ตัดออกถนนแล้วเลี้ยวเข้าซอยหอพักผม “อ๋อ....อยู่นี่เอง” “บีเคยมาหรอ” “ฮึ” “แหม.......พูดเหมือนเคยมา 555555” “เฮ้ยเจต.....มาไง” ผมเห็นไอ้เจตกำลังจะเดินลงจากหอผมพอดี “อ้าวต๊ะไปไหนมา” “อ้าว....ก็ไปบ้านน้องบีมาไง ที่กูชวนมึงเมื่อวาน” “อ๋อ.....” “หวัดดีครับพี่เจต” “หวัดดีบี” “แล้วนี่มาไม....มาหากูหรอ” “กูว่าจะมาเอารายงาน” “ได้ยัง....” “เข้าห้องไม่ได้” “อ้าว...กุญแจมึงก็มี” “กูคิดว่ามึงอยู่หอ....เลยไม่ได้ถือมาด้วย” “ไป ๆ งั้นขึ้นไปก่อน แม่น้องบีฝากของกินมาเยอะเลย” พอไอ้เจตเห็นของกินเท่านั้นแหละมันตาลุกวาว “แหม.....กำลังอยากกินเลยมึง” ไอ้เจตคว้าถุงอาหารวิ่งขึ้นหออย่างรวดเร็ว “รีบมาเปิดประตูดิ.....หนัก” “เออ........บีขอขึ้นไปด้วยได้มั้ยครับ” “เฮ้ย...ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ตามพี่เจตขึ้นไปเลยเดี๋ยวพี่จอดรถก่อน” “ครับ” บีลงจากรถแล้วรีบวิ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ผมเดินตามขึ้นไปเห็นสองคนยืนคุยกันหน้าประตู พอเปิดประตูได้ไอ้เจตจัดการรื้อถุงอาหารอย่างรวดเร็ว บางอันใส่จาน บางอันกินมันในถุง “555555555555” บีหัวเราะเสียงใส “หัวเราะทำไมว๊ะ” ไอ้เจตสงสัย “พี่เจตกินเหมือนผมกับพี่ต๊ะเมื่อกี้เลย” “..........................” ไอ้เจตทำหน้าเหรอ ว่าบีหมายถึงอะไร “เมื่อกี้กูกับบีก็กินมูมมามแบบมึงนี่แหละ หามีดหาเขียงไม่เจอ 555555555” “ที่โน่นเขาไม่จัดโต๊ะให้กินหรอ” “เขาจัดที่บ้านอาม่า แต่กูกับบีกินที่บ้านบี” “อ๋อ..................” ไม่รู้มันเข้าใจหรือเปล่า “มึงสองคนไม่กินหรอ” “อิ่มมาแล้ว กินเสร็จก็กลับมานี่” “แล้วอาหารนี่เอามาทำไมเยอะแยะ กินกี่วันจะหมด” “แม่น้องบีบอกฝากมาให้พวกมึงกิน” “จริงง่ะ” “จริงครับพี่เจต ถ้าไม่พอเดี๋ยวผมบอกให้ป๊ะเอามาให้อีก” “เฮ้ย....ไม่ต้อง แค่นี้ก็ไม่หมดแล้ว” “ใจมึงจะกินคนเดียวหรอ” “กว่าจะถึงวันจันทร์ มันไม่บูดหรอ ตู้เย็นก็ไม่มี” เออ.....ผมเองก็ลืมประเด็นนี้ไปเสียสนิท ผมสองคนนั่งดูได้เจตกินไปเรื่อย ๆ อย่างเอร็ดอร่อย ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับเข้าไปนั่งรวมวงกินกันอย่างสนุกสนาน ไอ้เจตกับน้องบีกินเสร็จก็ค่อย ๆ หาที่นอนแล้วหลับไปในที่สุด ผมเก็บอาหารที่เหลืออีกเยอะเอาจานปิดไว้กินต่อสำหรับมื้อเย็น เอาผ้าไปแช่แล้วมานอนข้าง ๆ จนหลับไป ผมตื่นขึ้นมาสี่โมงกว่า ๆ ไม่เห็นไอ้เจตแต่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ อีกมุมเป็นน้องบียังหลับใหลไม่ได้สติ “บี บี ตื่น เดี๋ยวป๊ะมารับไม่ใช่หรอ” “กี่โมงแล้วพี่ต๊ะ” “สี่โมงกว่าแล้ว” “แม่บอกป๊ะจะมาค่ำ ๆ ป่านนี้คงยังไม่มามั้ง” “พวกมึงจะไปไหนต่อกันหรอ” ไอ้เจตออกมาจากห้องน้ำพอดี “ป๊ะน้องบีจะมารับน้องบีกลับบ้านค่ำ ๆ” “รับที่นี่หรอ” “เปล่า...ที่ปั๊มน้ำมัน” “อ๋อ............” “แล้วมึงล่ะ ไปไหนต่อ” “ไม่รู้ไปไหน...อยู่กับมึงที่นี่แหละ อาหารยังเหลืออีกมาก” “ไอ้ตะกละ” “5555555555555” น้องบีหัวเราะเสียงใสกับความตะกละของไอ้เจต “งั้นบีกลับก่อนนะครับ” “ไปเดี๋ยวพี่ลงไปส่ง” “ครับ” ผมเดินลงไปส่งน้องบีข้างล่าง “เออ....พี่ต๊ะครับ” “ว่าไง” “เออ.....ถ้าผมจะมาหอพี่อีกได้มั้ยครับ” “เฮ้ย....ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ยินดีต้อนรับ มาได้ทุกเมื่อ” “ขอบคุณครับ” น้องบีฉีกยิ้มจนตาหยี ก่อนที่จะรีบขี่มอไซต์ออกไป ผมเดินขึ้นมาบนห้องเห็นไอ้ต๊ะนอนอ้าแขนอ้าขาผึ่งกลางห้อง “บ้านใหญ่มั้ยว๊ะ” “กูกะไม่ถูกว่ะ........ว่าใหญ่แค่ไหน” “รวยมากหรอ” “ก็เจ้าของปั๊มน้ำมันใหญ่ที่สุดในจังหวัดนี้...มึงว่ารวยมั้ยล่ะ” “อืม......ท่าทางจะรวยจริงๆ….” “เฮ้ย....กูนึกออกแล้ว” อยู่ ๆ ไอ้เจตก็ตะโกนขึ้นมา “อะไรของมึง....ตกใจหมด” “กูว่าไอ้บีมันเหมือนใคร.....เหมือนไอ้หยกนะมึงว่ามั้ย” “เหมือนตรงไหน ก็แค่รูปร่างใกล้เคียง” “ผิวมันขาวเหมือนกัน” ไอ้เจตพูดแบบใช้ความคิด “ไอ้หยกมันไม่เรียกว่าขาว ไอ้นั่นเขาเรียกว่าเผือกหรือซีด คนห่าอะไรว๊ะขาวยังกะกระดาษ ยืนแก้ผ้าทีกูยังตกใจ....เดี๋ยวก่อน....มึงอย่าคิดเชียวนะว่ามึงจะเอาไอ้บีเหมือนไอ้หยก” “โอ้ย........แค่ไอ้หยกคนเดียวกูก็ไม่มีเวลาผลิตน้ำแล้ว....กลัวแต่มึงเถอะ” ไอ้เจตพูดเสร็จก็ชายหางตามาทางผม “ขืนไปทำดิพ่อแม่เขาจะได้เอากูตาย ดูอาม่ามันก็หวงแสนหวง แถมรวยซ๊ะขนาดนั้น” “เออ...ก็จริง แต่บ้านไอ้หยกมันก็รวยนะ..มันยังให้มึงเอาเลย” “มึงเคยไปเห็นบ้านมันหรอ” “ฮึ...แต่มันเคยเล่าให้ฟัง ว่าเป็นร้านขายข้าวสารและมีโกดังเก็บข้าวสารขนาดใหญ่ด้วย” “หน้าตาก็คนละอย่าง ไอ้หยกมันออกสวยหมวยหวานตาโต ส่วนบีออกตี๋ๆ” ผมยังแย้งไอ้เจต “ก็จริง ๆ แต่ดูเผิน ๆ ก็มีส่วนเหมือน ถ้าเดินคู่กันแล้วมองจากข้างหลังแทบจะแยกกันไม่ออกเลยนะ” “แต่กูว่ามึงแยกกลิ่นและลีลาออกว่า 555555555” “ไอ้เหี้ยต๊ะ...มึงก็เหมือนกันแหละ” มันพูดเสร็จก็พลิกตัวมาหนุนตักผม “เหี้ยไรนี่...พูดถึงไอ้หยกแค่นี้ถึงกลับพลิกมาซบกูเชียว” “มึงก็รู้ว่ากูคิดกับไอ้หยกแบบไหน แล้วกูคิดกับมึงแบบไหน” “................................” ผมก้มลงจ้องตามันนิ่ง ก่อนที่จะค่อย ๆ ก้มลงจูบหน้าผากมันเบา ๆ “กูรักมึงนะต๊ะ” ผมไม่ตอบแต่ค่อย ๆ เหยียดขาออกแล้วลงไปนอนข้าง ๆ ไอ้เจต ไอ้เจตพลิกตัวขึ้นมานอนตะแคงทับอกผมอย่างช้า ๆ เอานิ้วมือมาเขี่ยอกผมไปมาจนทำให้ผมสยิว ขนลุกชันขึ้นมาทันที ผมเอาหมอนขิดมาหนุนหัว ปล่อยให้ไอ้เจตเล่นหน้าอกไปเรื่อย ๆ “เจต...........” ผมแหงนมองเพดานแล้วเรียกไอ้เจตเบา ๆ “หือ” “เป็นแฟนกันมั้ย” ผมตัดสินใจพูดออกไปแบบเบาหวิวกับคำพูดและความรู้สึกในครั้งนี้ “เฮ้ย.........................” ไอ้เจตลุกขึ้นนั่งอย่างตกใจ “มึงจะตกใจทำเหี้ยไร” “ก็......ที่มึงพูดเมื่อกี้” “อ้าว...ไหน ๆ มึงก็รักกู แล้วมาเป็นแฟนกัน....มันจะเป็นไร” “ไม่เอา........” ไอ้เจตพูดอย่างตกใจ “อ้าว....................” ผมเอาแขนสองข้างยันตัวขึ้นจ้องหน้ามันนิ่ง เออ....เล่นเอาผมงงกับอาการของไอ้เจต “กูขอแค่ได้รักมึง แต่กูไม่อยากเป็นแฟนมึง” “เออ......กูไม่เข้าใจ คนรักกันมันก็ต้องเป็นแฟนกันซิว๊ะ” “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” ก่อนที่จะได้รับคำตอบก็มีเสียงเคาะประตู “ต๊ะ...ต๊ะ อยู่มั้ย” “อยู่คราบบบบบบบบบ” ผมรีบลุกไปเปิดประตู “พี่จิ๋มมีอะไรครับ” “ไปดูไฟที่ห้องให้พี่หน่อย แม่งเป็นห่าอะไรไม่รู้กระพริบตลอดพี่ตาลาย เวียนหัว ปวดหัวไปหมดแล้ว” “หลอดเสื่อมมั้งพี่” “พี่เพิ่งซื้อมาไม่ถึงเดือนเลย” “ครับ.....งั้นเดี๋ยมผมตามลงไป ผมเอาเครื่องมือแป๊บ” พี่จิ่มเดินลงไปรอที่ห้องชั้นล่าง “ใครว๊ะต๊ะ” “อ๋อพี่จิ๋ม......พี่แกพักห้องชั้นล่างให้ไปช่วยดูไฟ” “เออ....ไปเถอะ” ผมคว้าได้ถุงเครื่องมือประจำตัวก็รีบวิ่งลงไปห้องพี่จิ๋ม ตรวจอยู่ประมาณ 10 กว่านาทีก็รู้สาเหตุ “มันเป็นไรต๊ะ” “ขั้วบาลาสมันหลวมนะครับ ผมขันให้แล้ว สงสัยหลวมตอนที่พี่เปลี่ยนหลอด” “ดีนะที่ต๊ะอยู่ ไม่งั้นพี่ประสาทเสียแน่นอน” “เป็นมานานหรือยังครับ” “ตั้งแต่เช้าแล้ว พี่ขึ้นไปหาต๊ะไม่อยู่” “อ๋อ...เมื่อเช้าผมไปงานบ้านเพื่อนมานะครับ” “ขอบใจจ๊ะต๊ะ” “ไม่เป็นไรครับ” ผมเองก็เหมือนช่างประจำหอ ใครมีปัญหาอะไรเรียกใช้ทุกอย่าง ค่าแรงไม่เคยรับนอกจากต้องไปหาซื้ออุปกรณ์มาเปลี่ยนให้เท่านั้น ถ้าเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ทุกคนแค่ขอบคุณหรือขอบใจก็พอ ป้าเจ้าของหอเองก็รู้สึกเกรงใจที่ไหว้วานผมทำให้ตลอด จะให้เป็นเงินผมก็ไม่รับ แกก็เลยชอบทำกับข้าวมาให้กินอยู่ประจำ ผมขึ้นมาถึงห้องมองไปบนเตียงเห็นใครนอนตายบนเตียง “ไอ้อ้อม” ไอ้เจตพูดเบา ๆ “.............................” ผมมองหน้าไอ้เจตด้วยความสงสัยว่าไอ้อ้อมมันมาทำไม ไอ้เจตกางมือแบออกสองข้างแสดงว่ามันก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน “เป็นไรอ้อม...สภาพมึงเหมือนคนใกล้ตาย” ผมเดินไปใกล้ ๆ เอามือแตะขามัน “เบื่อว่ะ” พูดเสร็จมันก็นอนพลิกตัวคว่ำหน้านิ่งบนเตียง “มันมาได้ไง” “กูจะไปรู้หรอ...โผล่เข้ามามันไม่พูดอะไรล้มตัวลงบนเตียงโครม...ไม่พูดห่าไรสักคำ” “ปล่อยมันเถอะ” ผมเองก็พอรู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร ช่วงนี้ที่มันหงุดหงิดงุ่นงาน เพราะเงี่ยนหาทางออกไม่ได้ 555555555555 “มันทะเลาะกับไอ้วิทหรอ” ไอ้เจตแอบกระซิบเพราะรู้ว่าไอ้อ้อมกับไอ้วิทมีอะไรกัน “มันไม่มีอะไรกันมาเป็นชาติแล้ว” ผมตอบไอ้เจตเบา ๆ “อ้าว.................” ไอ้เจตทำหน้าเหรอหรา เกาหัวแกรก ๆ ผมเดินเข้าไปล้างหน้า ล้างมือในห้องน้ำ จู่ ๆ ไอ้เจตก็วิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำเกาะเอวผมแน่นเล่นเอาผมตกใจ “เฮ้ย.......เชี้ยเจต...มีไร” ไอ้เจตไม่พูด แต่มันดันผมออกมาตรงประตู |