แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย John001 เมื่อ 2020-6-18 19:24
ความเดิม ผมกลับมานอนก็นอนไม่หลับ ครุ่นคิดว่าน้องเป็นอะไร ทำไมถึงหนีผมไปนอนรวมกับเพื่อน เมื่อกี้ตอนเอากันก็ยังดี ๆอยู่ น้องเป็นอะไรไป หรือว่า กลับมาแล้วโดนเจ้าโอมแซวเลยอาย ไม่กล้ามานอนกับผมที่หน้าห้องอีก เอ๊ะ....แต่เจ้าโอมและน้องคนอื่นมันก็หลับอยู่นี่นา นอนคิดจนปวดหัวแล้วเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
เช้าวันต่อมา เมื่อถึงเวลาเข้าฐาน ผมเดินเข้าห้อง มองไปที่โต๊ะคอมที่น้องตั้กเคยนั่งเรียน มีแต่น้องโอมนั่งอยู่คนเดียวไม่มีน้องตั๊กนั่งอยู่ด้วย จึงเดินเข้าไปถามน้องโอม น้องโอมกลับถามผมกลับมาว่า“เมื่อคืนพี่ทำอะไรเพื่อนผมป่าว เพื่อนผมถึงมาเรียนไม่ไหว” ผมก็ตอบไป “จะบ้าเหรอทำไม... น้องตั๊กบอกว่าพี่ทำอะไรเหรอ” ถามไปด้วยใจคอที่ไม่ค่อยจะดี “ป่าวหรอกครับ ผมอำเล่น ตั๊กมันปวดท้องนอนอยู่ห้องพยาบาลโน้น” (เฮ้อ....แล้วไป ไอ้เด็กเวรใจคอหายหมด) ผมสอนเนื้อหาแลมอบหมายงานให้น้อง ๆ ทำ แล้วบอกว่า ให้ทำกันไปก่อนนะ พี่ไปธุระแป๊บ จากนั้นก็รีบเดินไปดูน้องตั๊กที่ห้องพยาบาล มีครูประจำห้องพยาบาลนั่งอยู่ในห้อง ผมถามครูห้องพยาบาลว่า น้องตั๊กเป็นอย่างไรบ้าง “เห็นเด็กว่าปวดท้อง จึงให้ทานยาแล้วนอนพักดูอาการ ถ้ายังไม่หายจะส่งโรงพยาบาล” คุณครูตอบ ผมขออนุญาตคุณครูเข้าไปเยี่ยมน้อง น้องคงได้ยินเสียงผมแล้ว พอเดินไปถึงเตียง น้องรีบหันหน้าหนีเข้าข้างฝา หลับตานิ่งแกล้งทำเป็นหลับ “ตั๊ก ปวดท้องเหรอ เป็นยังไงบ้าง” ผมถาม น้องตั๊กก็เงียบ...ไม่ตอบ ผมถามย้ำอีก 2 – 3 ครั้ง ก็ไม่ตอบผมจึงพูดว่า “หลับจริงเหรอเนี่ย ถ้าไม่ตอบพี่ พี่จะจูบล่ะนะ”“ปวดท้องนิดหน่อยครับ” น้องตั๊กรีบตอบมาอย่างเสียไม่ได้ “งั้นนอนพักยอะๆ นะจะได้หายไวไว พรุ่งนี้ยังเข้าฐานได้อีกครึ่งวัน ไม่ต้องห่วงนะ” น้องตั๊กนอนฟังนิ่ง ไม่ตอบอะไร ผมจึงเดินกลับออกไป หลังจากเสร็จการเข้าฐานในภาคบ่าย ตอนเย็น นักเรียนทำธุระส่วนตัวและทานมื้อเย็นเสร็จแล้ว ผมจึงเดินไปหาน้องตั๊กที่ห้องนอน เห็นน้องตั๊กนั่งรวมอยู่กับกลุ่มเพื่อนในห้อง พอน้องตั๊กหันมาเห็นผม แกล้งก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อย่างขมักเขม้น ผมจึงถามน้องตั๊กว่า “ตั๊กหายแล้วเหรอ” “ครับ" น้องตั๊กตอบ แล้วก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ต่อไป ทำเป็นไม่สนใจผม ผมจึงเดินกลับออกมาอย่างนอยด์ๆ และพยามครุ่นคิดว่า ทำไมน้องตั๊กถึงเปลี่ยนไป เป็นเพราะสิ่งที่ทำผมลงไป น้องรับไม่ได้หรือ นึกถึงเด็กวัยรุ่นที่แมน ๆ ที่เคยเห็นมา หลายคน เป็นเด็กประเภทที่ยอมให้กระเทย เกย์ ใช้ปากให้ได้ แต่จะไม่ยอมเย....เด็ดขาด...หรือว่า...น้องตั๊กจะเป็นเด็กประเภทนี้ หรือ...อีกสาเหตุหนึ่ง ผมไม่ได้เตรียมพร้อมมาก่อน เพราะไม่คิดว่าจะได้น้อง เมื่อมีอะไรกัน อาจมีสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ ปนเปื้อนออกมา พอน้องไปล้างความสะอาดอวัยวะของน้อง เห็นเข้า จึงเกิดความรังเกียจ ผมนอนคิดไปจนเกือบสว่างจึงหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย วันที่ 3 ของการเข้าค่าย ภาคเช้ายังให้เข้าฐานอีกครึ่งวัน ภาคบ่าย จะมีการให้เข้าร่วมประชุม สรุปผลและทำพิธีปิด น้องตั๊กก็ยังไม่เข้าฐานคอมฯที่ผมสอน ถามน้องโอม น้องโอมบอกว่า พ่อน้องตั๊กมารับออกไปข้างนอก ผมนี่ใจเสียเลยครับ คิดในใจว่า ซวยแน่กู...งานนี้ จึงถามน้องโอมอีกว่า น้องตั๊กไปไหน น้องโอมบอกว่า พ่อน้องตั๊ก พาน้องตั๊กไปซื้อคอม ฟังแล้วค่อยสบายใจขึ้นหน่อย ภาคบ่าย น้องตั๊กกลับเข้ามาร่วมประชุม แต่นั่งข้างหลังน้องโอมและเพื่อนๆ พยายามแอบอยู่ข้างหลัง ให้เพื่อนบังสายตาจากผม ผมสังเกตดู น้องตั๊กเอง ก็คอยมองมาที่ผมนะ แต่พอผมหันไปเห็น น้องก็หันหน้าหนีและซบแอบอยู่หลังเพื่อน เสร็จจากพิธีปิด คุณครูให้นักเรียนเข้ามาสวัสดี..กล่าวลาวิทยากรพิเศษ น้องตั๊กก็มากับเพื่อนที่เข้าเรียนฐานคอมฯด้วย แต่อยู่ข้างหลังเพื่อน อยู่ท้ายสุดของกลุ่ม ผมจึงไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปเคลียกับน้อง หลังจากนั้นต่อมา ผมก็ยังมีโอกาสเข้าไปสอนเสริมที่โรงเรียนน้องตั๊กอยู่บ่อย ๆ เวลาเจอกันถ้าน้องตั๊กเห็นผมก่อน ก็จะทำเป็นมองไม่เห็น แล้วหลบอยู่ข้างหลังเพื่อน หรือไม่ก็ชวนน้องโอมเดินหนีไปที่อื่น แต่หลายครั้งที่เดินหนีไป ก็ยังหันกลับมามอง ว่าผมมองอยู่หรือไม่ จนครั้งหลัง ๆ เมื่อผมได้ไปโรงเรียนนั้นอีก ผมจะพยายามไม่ให้เจอน้องตั๊ก หรือถ้าเจอ ผมจะแกล้งทำเป็นไม่เห็น และไม่มองไปทางน้อง ไม่ใช่ว่าโกรธน้องนะครับ แต่ไม่อยากให้น้องอึดอัด จนผ่านไป..นานเข้า เจอกันก็เหมือนคนไม่เคยรู้จักกันและห่างหายไปในที่สุด คล้ายทำนองที่ว่า “น้ำแตกแล้วแยกทาง” ผมสลัดหัว...ไล่ภาพในอดีตเรื่องน้องตั๊ก แล้วกลับมาคิดถึงเรื่องของน้องเฟรม และคิดว่า น้องเฟรมก็คงกลัวไปแล้วเหมือนน้องตั๊กล่ะมั้ง คิดแล้วก็มานั่งเสียใจว่า ทำไม...เราใจเร็วด่วนได้อย่างนี้ น่าจะให้น้องมาหาผมหลาย ๆ ครั้ง จนสนิทกันมาก ๆ ก่อน ถึงค่อยมีอะไรกับน้อง แต่ก็ทำไงได้...มันพลาดไปแล้วนี่ คิดได้ดังนั้น....ก็พยายามตัดใจจากน้อง คืนนั้นเลยไปซื้อเบียร์ กับแกล้ม มาดื่มกินให้เมาซะ เหมือนดั่งคำที่คนเค้ามักพูดกันว่า “ดื่ม...เพื่อลืมเธอ” วันจันทร์ ผมไปทำงานตามปกติ จนถึงวันพฤหัสฯ แม้จะพยายามตัดใจจากน้อง ใจผมก็ยังคิดวนเวียนถึงน้องเฟรมอยู่บ้างเป็นครั้งคราว เย็นนั้น ผมกำลังนั่งเล่นคอมฯอยู่ ไลน์ในคอมฯ ก็เด้งขึ้นมาเห็นเป็นชื่อและนามสกุลจริงของน้องเฟรม มีรูปน้องด้วย ผมดีใจมาก รีบส่งข้อความไปหาน้อง “ดีใจจังครับน้องเฟรมสมัครไลน์แล้ว” “คิดถึงจัง”แต่...น้องก็เงียบ...ไม่ตอบ ผมส่งไปอีกหลายข้อความ ก็ไม่มีข้อความของน้องตอบกลับมาแต่ประการใด วันศุกร์...ผมส่งข้อความไปอีก ก็ยังเหมือนเดิม จึงคิดสงสยว่า แม่น้องเฟรมคงบอกให้น้องสมัครไลน์ น้องก็สมัครไปงั้น ๆ เอง ตามที่แม่บอกเพราะน้องเฟรมไม่กล้าขัดใจแม่ล่ะมั้ง ผมจึงไม่ได้ส่งข้อความไปอีก... เช้าวันเสาร์.... ผมตื่นแต่เช้า เดินออกจากบ้านพักไปออกกำลังที่สวนหย่อมหน้าหน่วยงาน ซึ่งอยู่ติดกับถนน แม้ว่า..ผมจะพยายามตัดใจจากน้องได้บ้างแล้ว แต่เมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซด์ผ่านไปมา ผมก็จะหันไปมองอยู่เสมอ โดยแอบหวังเล็ก ๆ ว่าอาจจะเป็นน้องเฟรม แต่ก็ไม่ใช่ คันแล้ว...คันเล่า ก็ไม่ใช่สักที ออกกำลังกายจนเหนื่อย จึงกลับเข้าบ้านพัก ล้มตัวนอนลงที่โซฟา คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย จนรู้สึกเพลียสมอง... เริ่มมึนหัว...วิ้ง ๆ แล้ว...ก็หลับไป ตื่นขึ้น....มาเกือบ 4 โมงเย็น ลุกขึ้นมานั่งเล่นคอมฯ เปิดดูเว็บโน้นมั้ง เว็บนี้มั้ง ให้หายเซ็ง จะได้ไม่คิดมาก สักพัก...ได้ยินเสียงสัญญาณการโทรเข้า แต่ไม่ใช่เสียงโทรเข้าโทรศัพท์ปกติ เหมือนโทรในไลน์หรือในเอ็ม ผมรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด ดูในแอพไลน์ก่อน ภาวนาว่า ขอให้เป็นน้องเฟรมโทรมา แต่ก็ไม่ใช่....ไลน์ของน้องยังเงียบสงบอย่างเดิม หยิบโทรศัพท์อีกเครื่อง เปิดดูอินบ๊อคของน้องเฟรมในเฟส ก็มีแต่ข้อความที่ผมส่งไปเท่านั้น จึงคิดว่า คงไม่ใช่น้องเฟรมแน่ โดยที่...ผมลืมหยิบโทรศัพท์อีกเครื่องมาดู (ผมมีโทรศัพท์3 เครื่อง แท๊บเล็ต 1 เครื่อง) ซึ่งอีกเครื่องเฟสคนละชื่อกัน ผมนั่งเล่นคอมต่อไปเรื่อยๆ ยังไม่ทันเปิดเข้าเว็บไหน ไลน์ในคอมฯ เด้งขึ้นมา “พี่ครับจะให้ผมไปช่วยทำความสะอาดตอนกี่โมงครับ” เฮ้ย...น้องเฟรมแชทมา ผมโคตรจะดีใจสุด ๆ รีบตอบกลับไปทันที “ครับ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” (ตอบน้องไม่ตรงคำถามเล้ยย)“บ้านครับ” “มาตอนนี้เลย ทำจนถึงมืดเหมือนวันนั้นแหละ มารถอะไร ใครมาส่ง”“มากับน้องครับ แต่ผมกลับมืดไม่ได้นะครับ ต้องกลับมาหุงข้าว ตอน 17.30 น.” “ผมต้องรีบไปรีบกลับ” “งั้นให้น้องมาส่ง แล้วมารับตอน 17.15 น. ไม่ต้องทำความสะอาดหรอก มานั่งคุยกับพี่ พี่คิดถึง” “มาสอนพี่เล่นเกมฟรีฟายก็ได้ พอพี่เล่นเป็นจะได้เข้าไปเล่นกับเฟรมงัย ตอนกลับพี่ให้ค่าขนมเหมือนเดิมนะ” (แน่ะ ๆเอาเงินมาล่อน้องอีก นิสัยไม่ดี) “ไม่ได้ครับ น้องผมขี่รถไม่เป็น” “พี่คิดถึงเฟรมทุกวันเลย ดูในอินบ๊อคดิ่พี่ส่งข้อความไปทุกวัน” “เฟรมไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอ” “ครับ ผมไปกับน้องนะครับ”“แล้วน้องจะนั่งรอที่ไหน” “ก็นั่งอยู่กับผมงัยครับ” พิมพ์ไป ๆ ชักขึ้เกียจพิมพ์แระเลยคอลไปในไลน์ จะคุยให้เข้าใจ อยากจะพูดโน้มน้าว ไม่ให้น้องเฟรมพาน้องฟางมา แต่น้องไม่รับ ในใจผมก็คิดว่า น้องกลัวผมจะทำอะไรหรือป่าว แต่ก็อยากได้ตังค์ จึงชวนน้องมาด้วย เมื่อน้องเฟรมไม่รับสายคอล ผมจึงพิมพ์กลับไป “ ทำไมถึงต้องมากับน้อง กลัวพี่เหรอ” “ป่าวครับ น้องอยากไปด้วย” ผมนิ่งคิดอยูว่า เอาไงดีว่ะ...ถ้าน้องฟางมาด้วย โอกาสที่ผมจะได้ทำอะไรกับน้องเฟรมคงยาก แต่ถ้าไม่ให้น้องฟางมา น้องเฟรมก็ไม่มา ผมก็ยิ่งจะไม่มีโอกาสเลย
|