แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Elenai เมื่อ 2020-4-21 13:37
“เพราะอะไรเหตุใดเธอต้องไป รักของเราที่สวยงามจางหายไปตอนไหน เพราะอะไรคำถามยังค้างในใจอยากขอสักครั้งได้ไหมกลับมาตอบคำถามที่มีแต่เธอที่รู้” เสียงเพลงจากหูฟังที่เสียบคาหูเจ้าเติร์กไว้ทั้งสองข้างยังคงดังแผ่วคลอๆไปกับความเศร้าและผิดหวังในใจของมัน เจ้าเติร์กที่ยังคงนอบฟุบคาโต๊ะอ่านหนังสือพร้อมกับตะแคงหน้าหันมองรูปถ่ายคู่ของมันกับหนิงที่ใส่กรอบอย่างดีวางอยู่ข้างโคมไฟเสียงหายใจฟืดฟัดๆและน้ำตายังคงไหลอาบใบหน้าลงมายังพื้นโต๊ะอยู่เป็นช่วงๆ ทั้งความสิ้นหวังที่กัดกินใจและความน้อยใจต่างๆนาๆยังคงผุดขึ้นในหัวของมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนมันรู้สึกอ่อนแรงและไม่มีกะจิตกะใจอย่างจะทำอะไรเหมือนเช่นเคย ไม่นานนักเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงตะโกนเรียก "ไอ้เติร์กเว้ย เติร์ก…” ทันทีที่ได้ยินเจ้าเติร์กรีบหยิบเอาผ้าขนหนูที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าไปมาก่อนที่มันจะถอดหูฟังทั้งสองออกและรีบลุกจากเก้าอี้เดินตรงไปล้างหน้ายังห้องน้ำ “เติร์กเว้ยไอ้เติร์กมึงได้ยินกูเรียกป่าววะ” “โห่ยยยไอ้เคน แรงเยอะซะป่าว มึงก็เคาะประตูแรงๆดิวะเผื่อมันหลับแล้วไม่ได้ยิน” “โอ่ยย ไอ้เตอร์งั้นมึงก็มาทำเองดิวะ สั่งแต่กูอย่างเดียวนะมึง” ระหว่างที่สองคนกำลังเถียงกันอยู่นั้นจู่ๆเจ้าเติร์กได้เปิดประตูห้องออกมา“ไงเชี่ยเตอร์ เคน ไปไงมาไงวะพวกมึง” “ก็ไม่ไงแหละไอ้หน้าหล่อ พอดีวันนี้กูกับไอ้เคนว่างน่ะพวกกูก็เลยตั้งใจจะมาเที่ยวหามึงไง ถ้าไม่ว่าไรพวกกูขอเข้าไปนั่งเล่นห้องมึงได้ปะ” “ช่วงนี้ห้องกูรกหน่อยน่ะ กูว่าพวกเราไปนั่งข้างล่างดีกว่า” “เอ้ยยไรวะไอ้หน้าหล่อรกนิดรกหน่อยไม่เป็นไรหรอกเว้ย อย่างห้องไอ้เคนที่สภาพยังกะรังหนูกูก็ยังไปนั่งเล่นชิลๆได้เลย” เคนถึงกับรีบใช้มือตบเข้าทีหัวของเตอร์ไป1 ที “อืมมมมึงนี่ก็หาเรื่องเผากูได้ทุกสถานการณ์เลยนะมึงไอ้เตอร์ยังกะมึงห้องสะอ้าดสะอาดเนาะ หลักฐานในโทรศัพท์กูมีนะเว้ยอย่าลืมนะอย่าลืม” บทสนทนาของทั้งสองดังกล่าวทำเอาเจ้าเติร์กถึงกับยิ้มขึ้นมานิดๆก่อนมันจะเอ่ยปากชวนทั้งสองเข้าไปนั่งในห้อง “พวกมึงมาหากูแบบนี้น่าจะบอกกูก่อนนะเว้ย กูจะได้เตรียมอะไรไว้ให้พวกมึงทานด้วย” “หืมมมไอ้หน้าหล่อได้ยินแบบนี้กูกับไอ้เคนแม่งโครตซึ้งใจเลยวะแต่กูว่านะมึงห่วงตัวเองก่อนเหอะไอ้หน้าหล่อ มึงมานี่” เตอร์คว้าแขนเจ้าเติร์กพร้อมกับดึงตัวมันไปนั่งยังขอบเตียงโดยมีเคนเดินตามหลังไปติดๆ“ไรของมึงเนี่ยเชี่ยเตอร์” “อะมึงนั่งแล้วฟังกูไอ้หล่อ คือกูเข้าใจนะเว้ยว่าเรื่องหนิงกับมึงน่ะมันต้องใช้เวลาทำใจ แต่อย่างน้อยมึงก็อย่าทำให้ตัวมึงเองต้องแย่ลงไปด้วยดิวะ” “แย่ตรงไหนวะเชี่ยเตอร์ มัวล่ะ กูโอเคเว้ยมึง” เจ้าเติร์กแสร้งทำเป็นยิ้มทั้งที่ในใจของมันกลับรู้สึกเศร้าสุดๆเตอร์ที่ได้เห็นถึงกับรีบเอามือจิ้มไปที่หน้าผาของเจ้าเติร์ก 1 ที “มึงไม่ต้องทำเป็นไขสือเลยไอ้หล่อมึงคิดว่าพวกกูไม่สังเกตมึงรึไง ทั้งชอบปลีกตัวแยกไปอยู่คนเดียวบ่อยๆ ทำงานส่งก็ช้า คะแนนสอบก็ลด กิจกรรมก็ไม่สู้ๆ แบบนี้ไม่เรียกว่าแย่อีกหรอวะ” “เติร์ก นี่ก็ผ่านมา 3 เดือนแล้วนะมึงที่มึงเป็นอย่างที่ไอ้เตอร์บอกไปน่ะ มึงอย่าทำงี้ดิวะอาทิตย์หน้านี้ก็จะถึงสิ้นปีแล้วนะมึง เหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะจบม.6 กันล่ะนะเว้ย ขืนมึงยังเป็นอยู่แบบเนี่ย ระวังมึงจะไม่จบนะไอ้เติร์ก” “เอออน่าพวกมึงสองคนไม่ต้องห่วงกูหรอก กูบอกแล้วว่ากูโอเค” “มึงแน่ใจนะไอ้หล่อว่ามึงโอเคอะ ก่อนที่พวกกูจะมานี่คงไม่ใช่ว่าร้องไห้อยู่หรอกนะ” เจ้าเติร์กถึงกับทำหน้าเจือน “ระร้อง ร้องอะไร กูไม่ได้ร้องไห้อะไรทั้งนั้นแหละเชี่ยเตอร์มึงนี่ก็….นะ” “ปากแข็งนะมึงนิ อะอะ ถ้ามึงพูดซะขนาดนั้นก็ตามนั้นล่ะกัน แต่มึงอย่าลืมนะเว้ยปัญหาบางอย่างถ้ามันแก้ไม่ได้ก็อย่าแบกไว้คนเดียว ถ้ามึงมีไรอยากให้พวกกูช่วยก็ขอให้บอก” “เออๆไงก็กูขอบใจพวกมึงสองคนมากๆเว้ย” เคนที่ยืนตรงหน้ามันยืนมือมาจับที่ไหล่เจ้าเติร์กไว้มั่น “อกหักก็ยังดีกว่ารักไม่เป็นนะไอ้เติร์ก อย่างกูกับเจนกว่าจะมาถึงจุดๆนี้ได้ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกันนะ” เตอร์รีบพูดเสริมขึ้นอีกแรง “เอ่อใช่ๆเนี่ยถ้ามึงมาทันปีที่แล้วนะไอ้หน้าหล่อ มึงคงได้เห็นไอ้เคนเวอร์ชั่นเด็กขี้แยกลางเซเว่นวะฮ่าๆ” “มึงพอเลยไอ้เตอร์ หยุดๆกูอาย” “แหม่ๆทีงี้และทำเป็นอายเนี่ยยยกว่าจะหยุดร้องไห้ได้นี่มึงเล่นเอาซะพวกกูอายจนไม่กล้ากลับไปเซเว่นสาขานั้นอีกนะมึง” เตอร์พูดพร้อมกับหันไปมองเจ้าเติร์กที่ยังคงก้มหน้าและยิ้มนิดๆเตอร์ถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆ “อืมไอ้เติร์ก เดี๋ยวกูขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะปวดหนักวะ” “อืมมได้ๆระวังพื้นห้องน้ำลื่นล่ะไอ้เคน” ทันทีที่เคนเดินเข้าห้องน้ำไปเตอร์เอื้อมมือไปตบไหล่เจ้าเติร์กเบาๆ “ไอ้หล่อ สีหน้ามึงฟ้องนะว่ามึงอะ มีไรอยากจะพูดกับกู” “เชี่ยเตอร์ กูถามมึงหน่อยและมึงช่วยตอบกูตามตรงด้วยอย่าเพิ่งกวนตีนกู ที่ผ่านมามึงว่ากูยังดีกับหนิงไม่พออีกหรอวะหรือกูยังบกพร่องอะไรตรงไหนอีก มึงลองบอกกูดิวะ” “อืมมมถ้าบกพร่องล่ะก้ออนะ อืมม…มึงคงยังไม่ได้ขอเย็ดหนิงแหละมั้ง” “ไอ้เชี่ยเตอร์ มึงตอบดีๆดิวะนี่กูซีเรียสนะเว้ย กูซีเรียส” “เออๆ ก็ดูมึงทำหน้าดิ คือมึงก็ดีนะเว้ย ดีโครตๆเลยแหละ คงยิ่งกว่ากูกับไอ้เคนด้วยอีกมั้ง ก็ไม่รู้นะเว้ยแต่เท่าที่กูรู้จักกับหนิงมานะหนิงมันก็ไม่เป็นคนเจ้าชู้หรือคนหลายๆใจนะ แถมยังเป็นคนมีเหตุผลที่สุดในห้องแล้วล่ะมั้ง” “มีเหตุผล?? ถ้างั้นอะไรคือเหตุผลที่หนิงทิ้งห่างกูไปแบบนี้ล่ะว่าเชี่ยเตอร์” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับนัยต์ตาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง “เฮ้ยๆ ใจเย็นดิวะมึง ถ้าเรื่องนั้นกูเองก็คงให้คำตอบมึงไม่ได้วะ อืมมเอ่อไมมึงไม่ถามหยกล่ะวะ หยกมันก็สนิทกับหนิงไม่ใช่หรอ” เจ้าเติร์กถึงกับชักสีหน้ากลุ้มใจกว่าเก่า “ตั้งแต่ที่กูขอให้หยกช่วยพาหนิงไปหากูในตอนนั้น หยกก็ไม่คุยกับกูอีกเลยแถมทำตัวห่างๆจากกูแบบเดียวกันกับหนิงด้วย คือมึงเข้าใจปะถ้าหนิงบอกว่ากูเหี้ยหรือไม่ชอบอะไรยังไงกูยังพอรับได้แต่นี่เล่นไม่บอกอะไรกูสักคำ และทุกครั้งที่เจอกันกูโครตอยากคุยอยากถามแต่ก็ทำไมได้ กูบอกตรงๆเลยว่ากูโครตอึดอัดเจอแบบนี้เป็นมึงมึงจะอยากไปโรงเรียนให้ปวดใจหรอวะ” “อืมมมมันก็ถูกอย่างที่มึงว่านะ แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่มึงจะมาดรอปตัวเองให้ด้อยลงแบบนี้ อีกอย่างมึงคิดว่าทำแบบนี้แล้วหนิงเค้าจะอยากกลับมาหามึงอีกน่ะเหรอ ถ้ามึงคิดแบบนั้นอยู่ล่ะก็ กูว่าแม่งไม่คุ้มว่ะ” “แล้วมึงจะให้กูทำไงล่ะเชี่ยเตอร์ จะให้กูทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างงั้นน่ะหรอ มึงไม่เป็นกูมึงไม่เข้าใจหรอกว่ากูรู้สึกไงตอนนี้” เจ้าเติร์กถึงกับพูดด้วยน้ำเสียงแดกดันใส่เตอร์ทันใด “เอ่อใช่!!!กูไม่เข้าใจเพราะกูไม่ใช่มึงโอเคปะ แต่สิ่งที่กูบอกมึงได้คือถ้ามึงยังเป็นอยู่แบบเนี้ย กูกับคนอื่นๆในก๊กเราไม่โอเคกับมึงว่ะ ถ้ากูพูดขนาดนี้แล้วมึงยังจะเอาอนาคตมึงไปทิ้งกับเรื่องแบบนี้ก็แล้วแต่มึงเหอะงั้น” เตอร์ถึงกับรีบลุกจากเตียงและเดินไปยืนที่หน้าต่างด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองก่อนที่มันจะสูดหายใจเข้าลึกๆช้าๆหลายต่อหลายทีเมื่อใจมันค่อยๆสงบลงมันเลยหันกลับมามองเจ้าเติร์กนั่งน้ำตาคลอและทำหน้าบึ้งอยู่ที่ขอบเตียง มันเลยกลับมานั่งข้างๆเจ้าเติร์กอีกครั้ง “ไอ้หน้าหล่อกูขอโทษว่ะที่กูพูดใส่อารมณ์แบบนั้นใส่มึง แต่ทั้งหมดที่กูบอกมึงไปกูและคนอื่นๆเป็นห่วงมึงนะเว้ย” เจ้าเติร์กยังคงนั่งนิ่งโดยไม่มีทีท่าจะแสดงอาการโต้ตอบแต่อย่างใด “งั้นเอางี้เผื่อมึงจะได้สบายใจ เดี๋ยวไงกูจะไปขอให้พี่ครอสช่วยสืบหาคำตอบว่าทำไมหนิงถึงห่างๆมึงไปแบบนั้นล่ะกัน” เจ้าเติร์กที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับชักสีหน้าถามด้วยความสงัสยขึ้นมา “พี่ครอส?? ใครอีกหรอวะเชี่ยเตอร์” “ก็เป็นรุ่นพี่ม.6 โรงเรียนเราปีที่แล้วนี่แหละ เอาเป็นว่าพี่เขามีทักษะที่สืบเสาะเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับบุคคลได้ดี” “แล้วมึงแน่ใจหรอวะ ว่าพี่เค้าจะช่วยได้จริง” “แน่ซิขนาดเรื่องเมื่อปีที่แล้วก็ได้พี่ครอสนี่แหละไปช่วยสืบมาจนได้คำตอบ และถ้าได้เรื่องยังไงเดี๋ยวกูบอกมึงให้ล่ะกัน” “อืมๆ ถ้าเป็นอย่างที่มึงพูดจริงไงกูก็ขอบใจมึงล่วงหน้าล่ะกัน” “เอ่อๆ เห้ยยไอ้เคนมึงถ่ายหนักยังไม่เสร็จอีกหรอวะไหนว่ามึงจะมาให้กำลังใจไอ้เติร์กไง เล่นปล่อยให้กูฉายเดี่ยวเลยนะมึง เวลา14.13 น. หลังจากที่เตอร์และเคนขอตัวกลับไปเจ้าเติร์กมันเลยเดินลงไปเปิดตู้เย็นและหยิบไอศกรีมถ้วยมานั่งกินอยู่คนเดียวที่โต๊ะกินข้าว ไม่นานนักเสียงโวยวายของสองพี่น้องบิวกับบอลดังมาจากทางหน้าบ้านพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่วิ่งแข่งกันมา “เย้พี่ชนะแล้วบอล พี่วิ่งมาถึงบันไดหน้าบ้านก่อนบอลดังนั้นคนชนะจะได้ดูการ์ตูนเป็นแรก” เจ้าบอลที่วิ่งตามหลังมาจนถึงที่มันถึงกับหอบหายใจแฮ่กๆด้วยความเหนื่อยชั่วครู่ก่อนที่มันจะรีบพูดโต้กลับไป “พี่บิวขี้โกงอะ พี่บิวก็รู้อยู่ว่าบอลตัวเล็กและวิ่งช้ากว่าพี่บิว ถ้าแข่งกันแบบนี้ยังไงบอลก็แพ้พี่บิวตลอดอยู่ดี” “ม่าย บอลแพ้พี่แล้วอย่าพาลสิ ก็บอลพูดเองนิว่าถ้าใครอยากดูทีวีก่อนจะต้องตัดสินแพ้ชนะ” “แต่บอลก็ไม่ได้บอกว่าให้พี่บิววิ่งแข่งกับบอลนิน่า มาเลยพี่บิวตัดสินอย่างอื่นแทนน” “ม่ายยบอลแพ้แล้วก็คือแพ้ เฮ้ออคอแห้งอะ ไปหาอะไรกินที่ตู้เย็นดีกว่า” “พี่บิวบอลไปด้วยคนคัฟฟ” ทันทีที่ทั้งสองวิ่งมาเจอเจ้าเติร์กที่กำลังนั่งกินไอศกรีมถ้วยอยู่ที่โต๊ะนั้นบิวกับบอลถึงกับวิ่งกรู่เข้าไปกอดเจ้าเติร์กไว้แน่นเจ้าเติร์กถึงกับสะบัดตัวเล็กน้อยและลุกยืนทันควันทำเอาสองพี่น้องถึงกับต้องกับผละตัวห่างออกมาด้วยความตกใจ "พี่เติร์กเปงไรอะคัฟฟฟ” “นั่นสิพี่เติร์กทำไมจู่ๆถึงลุกขึ้นล่ะค๊าบบพี่เติร์กไม่ชอบให้ผมกับน้องกอดเหรอค๊าบบ” “ป่าวไม่ใช่ เวลากอดแล้วมันร้อนน่ะพี่ว่าบิวกับบอลอย่าเพิ่งทำไรแบบนี้ในตอนนี้เลย จะไปหาน้ำกินไม่ใช่หรอบิวบอล ตะกี้พี่เห็นน้ำองุ่นกับน้ำส้มอยู่ในตู้ด้วยน่ะ” เจ้าบอลถึงกับยิ้มกว้างและรีบพูดขึ้นมาก่อนที่มันจะวิ่งดิ่งตรงไปยังตู้เย็น “พี่บิวใครเปิดตู้เย็นได้คนแรกคนนั้นได้กินน้ำองุ่น” ทันทีที่เจ้าบอลวิ่งไปถึงตู้เย็นมันรีบเปิดและคว้าเอาขวดน้ำองุ่นที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ้มและทำหน้าเยาะเย้ยใส่เจ้าบิว “เฮ้ เฮ้ พี่บิวแพ้บอลแล้ว พี่บิวอดน้ำองุ่นแล้วแบร่ๆๆ” “หน๋อยแน่ มันก็แค่ครั้งเดียวแหละบอล แต่พอดีวันนี้พี่อยากกินน้ำส้มน่ะน้ำองุ่นวันนี้พี่ยกให้ ฮ่าๆ” เจ้าบิวเลยทำหน้าเย้ยกลับใส่เจ้าบอลและเดินตรงมาดึงเก้าอี้ไปนั่งยกขวดน้ำองุ่นดื่มอยู่ข้างๆเจ้าเติร์กเจ้าบอลเองก็ไม่น้อยหน้ามันรีบเดินไปดึงเอาเก้าอี้เล็กมานั่งอยู่ข้างๆเจ้าเติร์กอีกด้านเช่นกัน “ไอติมอร่อยไหมค๊าบพี่เติร์ก” “อืมมม” “พี่เติร์ก ระหว่างที่รอพี่บิวดูทีวี บอลว่าเรามาเล่นโยนลูกบอลยางเด้งๆด้วยกันดีกว่าคัฟฟ” “ไมอะบอลวันนี้พี่ไม่สะดวกน่ะ” “งั้นพี่เติร์กมานั่งดูทีวีกับบิวไหมค๊าบ วันนี้เป็นตอนโปรดที่บิวรอมาตั้ง 1 อาทิตย์เลยนะค๊าบบ” “ไม่อะบิว บิวก็ดูกับน้องไปก่อนนะวันนี้พี่ไม่สะดวก” เจ้าบิวถึงกับทำหน้าจ๋อย “พี่เติร์กเปงไรอะ ช่วงหลังมานี้พี่เติร์กดูแปลกๆไปนะค๊าบบ” “คิดมากบิว ไม่มีไรหรอก เอาล่ะพี่อิ่มล่ะนะ เดี๋ยวพี่ขึ้นห้องละ” เจ้าเติร์กถือถ้วยไอศกรีมและรีบลุกพรวดขึ้นและเดินไปที่อ่างล้างจานทันใดทำเอาสองพี่น้องถึงกับมองตามหลังด้วยความงุนงง “อืออพี่เติร์กอย่าเพิ่งลุกหนีบิวแบบนี้สิค๊าบ” “พี่เติร์กรอบอลด้วยคัฟ” ในระหว่างที่เจ้าเติร์กำลังจะก้าวขึ้นบันไดไปนั้นเอง จู่ๆน้าเอมที่นั่งตรงโต๊ะเขียนบิลได้เอ่ยปากเรียกเจ้าเติร์กให้เข้าไปหา “เติร์กลูก” “ครับน้าเอม” “มานี่ก่อนมะมาหาน้าหน่อย” “ครับน้าเอม น้าเอมมีไรรึป่าวครับ” “เดี๋ยวน้าวานเติร์กไปซื้อกับข้าวตรงร้านหน้าปากซอยให้น้าหน่อยลูกพอดีวันนี้อาปลื้มกับคนงานพากันเอาของไปส่งกันที่ตัวเมืองกันหมดเลยนี่ก็บ่ายโมงกว่าล่ะ ถ้าให้รอดูท่าคงอีกนานกว่าน้าจะได้กินน่ะ” “อ๋อ ได้ครับแล้วน้าเอมจะสั่งอะไรครับ” “เห็นมีข้าวสวยเหลืออยู่ในหม้อนะ น้าว่าจะซื้อแกงมากินกับข้าวสวยน่ะ เติร์กจะมากินด้วยกันไหม” “ไม่ล่ะครับผมเพิ่งอิ่มไอติมมาหมาดๆเลย” “อ่าๆงั้นๆน้าเอาแกงส้มกับแกงเขียวหวานนะ เอ่อเดี๋ยวเติร์กเอาปิ่นโตในครัวไปใส่เอานะเวลาซื้อมาจะได้ไม่ต้องใส่ถุงกลับ อะนี่อย่าลืมตัง” “โอเคครับเอาสองอย่างนะครับน้าเดี๋ยวผมรีบไปรีบมาครับ” เจ้าเติร์กรับเงินจากน้าเอมและหันหลังเดินกลับไปเอาปิ่นโตที่ในครัว และทันทีที่เจ้าเติร์กเดินผ่านสองพี่น้องตรงโซฟาหน้าทีวีทั้งคู่ถึงกับรีบเอ่ยปากถาม “พี่เติร์กค๊าบบถ้ากลับมาแล้วมานั่งดูทีวีด้วยกันกับบิวนะ” “พี่เติร์กเดี๋ยวมาเล่นกับบอลนะคัฟฟ” เจ้าเติร์กได้แต่ก้มหน้าก้มตาหยิบปิ่นโตมาเรียงซ้อนกันเป็นชั้นๆและเดินลงจากบ้านไปยังโรงรถทันที เจ้าบิวถึงกับทำหน้าบูดด้วยความไม่ชอบใจ “พี่บิวไมพี่เติร์กไม่คุยกับเราอะ พี่เติร์กเปงไรอะคัฟพี่บิว” “ไม่รู้ซิบอลพี่ก็ไม่รู้ บอลคงไม่ได้ไปแกล้งพี่เติร์กจนโกรธนะ” “ไม่!! พี่บิวนั่นแหละที่ชอบแกล้งพี่เติร์ก” น้าเอมที่ได้ยินสองพี่น้องคุยกันถึงกับรีบเอ่ยปากพูดขึ้นมา “ช่วงหลังๆพี่เติร์กเค้าเรียนหนักน่ะบิวกับบอลก็อย่าเพิ่งไปกวนใจพี่เติร์กเลยนะลูก” เจ้าบิวยังคงทำหน้าบูดและเดินไปหาแม่ของมันที่โต๊ะ “แต่อย่างน้อยพี่เติร์กก็น่าจะบอกบิวบ้างสิครับ พี่เติร์กเป็นแบบนี้บิวไม่ชอบเลยแม่เอม” “บอลก็ด้วยคัฟแม่เอม” “หืมมมบิว บอล ไม่มีไรหรอกอย่าคิดมากนะลูก ไม่เอาๆ สองคนทำหน้าแบบนั้นระวังจะแก่เร็วนะ” “แต่บิวกับน้องพูดจริงนะค๊าบแม่เอม” “จร้าๆ ช่วงนี้บิวกับบอลก็เล่นด้วยกันไปก่อนนะ และก็อย่าไปทำอะไรให้พี่เติร์กต้องปวดหัวล่ะ เอ่อจริงด้วยเดี๋ยวพอพ่อกลับมาก็ได้เกมส์ PSP ที่อยากได้แล้วนิน่าบิว แบบนี้บิวกับน้องจะได้ไม่ต้องคิดมากเรื่องพี่เติร์กด้วย” “แต่บิวก็ยังอยากเล่นกับพี่เติร์กอยู่ดีค๊าบแม่เอม ปะบอลไปดูทีวีดีกว่า” เวลา 14.35 น. ในขณะที่เจ้าเติร์กเดินหิ้วปิ่นโตออกจากร้านข้าวแกงไปยังมอเตอร์ไซด์ที่มันจอดไว้จู่ๆไอ้เวฟเพื่อนของมันเดินเข้ามาทักจนเจ้าเติร์กที่กำลังเดินก้มหน้าก้มตาถึงกับสะดุ้งตกใจ “ไรวะมึงเรียกแค่นี้ทำเป็นตกใจยังกะเจอผียังไงอย่างงั้น คิดฟุ้งไรอยู่วะมึง” “อะเอิ่มม ไงวะมึงไอ้เวฟ ไปไงมาไงเนี่ย” “อ๊าวววนี่มึงลืมไปได้ไงวะ ทั้งที่ไอ้ตี๋กับไอ้เฟิร์สบอกย้ำไว้ซะขนาดนั้นว่าวันนี้นัดกินกาแฟกลุ่มที่ไปแข่งทักษะตอนนั้นไงมึงเองก็อยู่ฟังมันพูดด้วยไม่ใช่หรอวะ” “เอ่อใช่วันนี้นี่หว่า เออกูลืมจริงว่ะไอ้เวฟ” “โห่ยๆทั้งเรียนเก่งและหัวดีอย่างมึงไม่น่าจะลืมเรื่องแบบนี้ได้นะ” “คือช่วงนี้กูมีเรื่องวุ่นๆหลายอย่างน่ะ กูเลย…” “แล้วมันเรื่องอะไรล่ะเรื่องวุ่นๆที่มึงว่า??” “ก็..เอ่อช่างมันเหอะ แต่วันนี้กูคงไม่สะดวกไปนะ ไงกูฝากมึงบอกพวกไอ้ตี๋ ไอ้เฟิร์สและคนอื่นๆด้วยว่ะ” เวฟยิ้มพร้อมกับส่ายหัวไปมา “มึงไม่ต้องฝากกูหรอกว่ะ มึงก็ไปบอกมันเองดิ” “แต่กูต้องรีบเอาแกงในปิ่นโตนี้ไปให้น้าเอมนะเว้ย และร้านกาแฟที่พวกมันนัดกันไปน่ะก็อยู่ในตัวเมืองโน่นก่อนนะเว้ยไอ้เวฟ” “นี่แสดงว่าเมื่อคืนมึงไม่ได้อ่านไลน์กลุ่มเลยสิท่า” เวฟพูดพร้อมกับชี้นิ้วไปยังตึกแถวสีชมพูที่อยู่ถัดจากร้านข้าวแกงไป200 เมตร “มึงเห็นตึกแถวนั่นไหมไอ้เติร์กพอดีไอ้ตี๋มันมีบัตรโปรลดราคาเซ็ตกลุ่มของร้านไอซ์&ออฟน่ะ พวกกูเลยเปลี่ยนสถานที่จากร้านในเมืองมากินร้านที่นี่เอาน่ะ มา มาอย่างน้อยมึงก็ไปให้พวกมันเห็นหน้าหน่อยก็ยังดี” เจ้าเติร์กได้ยินเช่นนั้นมันเลยจำใจต้องเดินตามเวฟไปด้วยความรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่และทันทีที่เวฟผลักประตูและก้าวเดินไปในร้านพร้อมกับเจ้าเติร์กเสียงตะโกนร้องของไอ้ตี๋ ไอ้เฟิร์ส ไอ้เจต ไอ้เอกและไอ้เบท ดังจากโต๊ะด้านในสุดเรียกให้ทั้งสองเดินตรงเข้าไปหา “โอ้โหแหะกว่าจะมาได้นะมึงสองคน ไอ้เวฟ ไอ้เติร์ก อะนั่งๆ” “เอ่อๆขอบใจวะไอ้ตี๋” “เอ้าไอ้เติร์กไม่นั่งล่ะวะ กูอุตสาห์จองที่ให้มึงเลยนะเว้ย” เจ้าเติร์กได้แต่ยืนยิ้มเจือนๆให้กับตี๋ “เอ่อ โทษทีว่ะมึงคือจริงๆวันนี้กูลืมว่ามีนัดกับพวกมึงไว้น่ะ กูก็เลยตามสภาพที่มึงเห็นนี่แหละ” “ออ ถึงว่าไมมึงถึงใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นแบบนี้ แม่งโครตชิลยังกะอยู่บ้าน แต่ไม่เป็นไรเว้ย พวกกูสั่งไอติมทอด เค้กกับชานมไปโน่นล่ะ ไหนๆมึงก็มาแล้ว นั่งกับพวกกูก่อนเว้ย” เจ้าเติร์กมันเลยยกปื่นโตในมือซ้ายให้ไอ้ตี๋ดู “กูก็อยากนั่งด้วยนะเว้ย แต่มึงดู….น้าเอมวานกูมาซื้อข้าวกลับไปให้น่ะ ขืนกูนั่งกับพวกมึง มีหวังลากยาวแน่นอน” “โห่ยไอ้เติร์ก นี่ก็เพื่อนๆมึงทั้งนั้นน่ะเว้ยนานๆครั้งจะได้มารวมตัวแบบนี้นะมึง” “กูเข้าใจเว้ยไอ้ตี๋ แต่มึงอย่าพูดให้กูลำบากใจแบบนั้นดิวะกูไม่สะดวกจริงๆเว้ย มึงเข้าใจกูหน่อยสิวะ” ไอ้ตี๋ถึงกับชักสีหน้าเซ็งๆ “เออๆ งั้นเอาที่มึงสะดวกล่ะกัน” “เออ ขอบใจมากเว้ยที่เข้าใจกูไงกูขอโทษด้วยนะเว้ย ไว้โอกาสหน้า” เจ้าเติร์กยื่นมือไปตบไหล่ไอ้ตี๋สองครั้งก่อนที่มันจะหันหลังเดินออกจากร้านไป เฟิร์สที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ทันทีที่มันเงยหน้าขึ้นมาและเห็นเจ้าเติร์กเดินออกจากร้านไปมันถึงกับรีบเอ่ยปากถามไอ้ตี๋ที่นั่งอยู่ตรงข้ามมัน “เห้ยๆไอ้ตี๋ๆ ไอ้เติร์กมันเดินออกไปทำไมวะนั่นน่ะ” “เห็นมันบอกว่าต้องรีบกลับบ้านเอาข้าวไปให้น้ามันเลยขอตัวกลับก่อน” “เอ้าเห็นคุยซะตั้งนานไมมึงไม่ชวนมันนั่งก่อนล่ะวะไอ้ตี๋” “กูชวนมันแล้วเว้ยแต่มันไม่นั่ง ก็อย่างที่กูบอกไปแหละ ไมวะรึมึงมีธุระกับมัน หึ??” “ก็เออดิวะ เห้ยไอ้เจตไปส่งกูข้างนอกแปป” เฟิร์สรีบหันไปสะกิตแขนเจต “ไรไอ้เฟิร์สส่งไปไหน??” “ไอ้เติร์กๆ มาๆ” เฟิร์สดึงแขนเจตให้ลุกขึ้นและรีบพากันตามเจ้าเติร์กไป “ไอ้เติร์ก เติร์กเดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งไปเว้ย” เจ้าเติร์กที่กำลังเดินจะถึงรถถึงกับหันกลับมามองทั้งสองที่กำลังวิ่งตรงเข้ามา “เห้ยไมรีบกลับจังวะไอ้เติร์ก” “กูไม่สะดวกน่ะไอ้เฟิร์สไว้คราวหน้า” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับจะหันเดินกลับไปยังรถ “เห้ยๆเดี๋ยวก่อนดิมึง คือ เอ่อ กูขอโทษมึงนะเว้ยที่หัวร้อนใส่มึงตอนงานแข่งทักษะน่ะ คือกูไม่รู้ว่ามึงกับหนิงน่ะมีปัญหากัน กูเองก็เพิ่งมารู้ทีหลังนี่แหละ กูก็เลย…เออมึงเข้าใจกูนะเว้ยว่ากูน่ะเป็นพวกจริงจังเกี่ยวกับพวกการแข่งขันและการทำงานน่ะ กูขอโทษมึงอีกครั้งนะเว้ย” “อืม ช่างมันเหอะไอ้เฟิร์สเรื่องที่มันผ่านมาแล้วก็แล้วกันไปกูเองก็ต้องขอโทษมึงเหมือนกันว่ะที่ปล่อยให้เรื่องส่วนตัวของกูมากระทบกับการแข่งจนพวกมึงไม่ได้ไปแข่งต่อระดับเขต ทั้งที่พวกมึงคาดหวังและตั้งเป้าไว้ซะขนาดนั้น มันก็สมควรแล้วแหละที่กูโดนมึงต่อว่าให้แบบนั้น” “เออๆงั้นถือว่ากูกับมึงเจ๊าล่ะกันเนาะ ว่าแต่มึงเหอะเป็นไงบ้างวะ ดูสีหน้ามึงไม่ค่อยดีเลยว่ะ” “ก็ตามสภาพที่มึงเห็นนั่นแหละไอ้เฟิร์สแม่งโครตทรมาณใจว่ะ” “เดี๋ยวมันก็ผ่านไปเองมึง อย่าคิดมากเว้ย ช่วงนี้มึงก็หาไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน” “อืม กูจะพยายามละกัน ขอบใจพวกมึงสองคนมากที่เป็นห่วงกู เดี๋ยวกูขอตัวก่อนนะเว้ย ออกบ้านมานานล่ะ” “เออ โชคดีวะมึงเจอกันวันจันทร์เว้ย” “ขับรถดีๆนะไอ้เติร์ก” หลังจากเจ้าเติร์กขับรถออกไปแล้วเจตมันถึงกับหันมามองหน้าเฟิร์สพร้อมกับถอนหายใจ “เฮ้อออ ความจริงมึงก็มาขอโทษมันเองก็ได้หว่าไม่เห็นต้องลากกูมาด้วยเลย” “เอาน่าไอ้เจต เผื่อไอ้เติร์กมันไม่ยกโทษให้กู อย่างน้อยมึงจะได้เป็นฝ่ายไกล่เกลี่ยให้กูไง” “เอิ่มมึงนี่เนาะเกิดมันไม่ยอมขึ้นมาจริงๆกูก็จะซวยไปกับมึงด้วยนี่แหละ” “ฮ่าๆมึงไม่เคยได้ยินหรอวะ คนเดียวหัวหายสองคนเพื่อนตายเว้ยไอ้เจต” ในระหว่างที่เจตกับเฟิร์สกับยืนคุยกันอยู่นั่นเอง จู่ๆมีเด็กชายสองคนเดินตรงเข้ามาทักเฟิร์ส “อ้าว!! หวัดดีครับพี่เฟิร์ส ทำไรอยู่ครับพี่” เฟิร์สกับเจตถึงกับหันไปมองทั้งสองพร้อมกัน “เห้ยยน้อง เอิ่มม เลโก้ ออโต้ มาไงเนี่ย!!” ออโต้ถึงกับหันไปมองเลโก้ด้วยสีหน้าสงสัยเล็กน้อย “ผมไปเที่ยวในเมืองกับพี่ออโต้มาครับขากลับเลยแวะหาซื้อไรกินแถวนี้หน่อยน่ะครับพี่เฟิร์ส” เฟิร์สถึงกับทำหน้าหว๋อตกใจเล็กน้อย “เดี๋ยวนะ เลโก้!! ออโต้นี่เป็นพี่ของน้องเหรอ” “ใช่ครับพี่ พี่ออโต้เป็นพี่ผมเองครับ อ่าวผมก็นึกว่าพี่รู้แล้วซะอีก” “พี่ก็เพิ่งรู้จากปากน้องนี่แหละ ไงออโต้ไม่เห็นบอกพี่เลยว่ามีน้องชายด้วย” เฟิร์สหันไปมองออโต้ที่ได้แต่ยิ้มอายๆและพยายามหลบสายตาของเฟิร์สที่จ้องมา “ก็ อืมมพี่ไม่ได้ถามผมนี่น่า” “ดูท่าทางแปลกๆ??เป็นไรน่ะพี่ออโต้ แล้วพี่เฟิร์สล่ะครับมาทำไรแถวนี้” “อ้อพี่กับพี่เจตและคนอื่นๆวันนี้มีนัดเลี้ยงกาแฟกันน่ะแต่มีเพื่อนพี่คนหนึ่งไม่สะดวกพี่กับพี่เจตเลยเดินออกมาส่งพี่คนที่ว่านั้นกลับน่ะ” “ใครหรอครับพี่เฟิร์ส” “พี่เติร์กน่ะแต่น้องไม่รู้จักหรอก ว่าแต่สองคนมากันยังไงเนี่ย” เลโก้รีบชี้นิ้วไปยังรถที่จอดอยู่ด้านหลังเฟิร์สกับเจต “ผมกับพี่ออโต้เอารถมากันครับ รถผมจอดนั่นครับพี่เฟิร์ส” “ออๆ โอเคๆไงพี่กับพี่เจตขอตัวไปหาเพื่อนๆก่อนนะน้อง ไว้คุยกันวันหลัง พี่ไปนะเลโก้ ออโต้” ทั้งสองพยักหน้าและทอดสายตามองตามหลังเฟิร์สกับเจตที่เดินจากไปทันใดนั้นจุ่ๆออโต้ถึงกับดึงแขนเลโก้ให้หันมามองหน้า “เลโก้!นี่แกรู้จักพี่เฟิร์สด้วยเหรอ” “ครับพี่ออโต้ก็วันนั้นพ่อให้พี่เฟิร์สมาสอนผมวาดภาพที่ห้อง” ออโต้ถึงกับทำหน้าตื่นตกใจ “อะไรนะ!! พี่เฟิร์สเคยมาบ้านเราด้วยเหรอ เมื่อไหร่” “หลายเดือนแล้วพี่” “แล้วตอนนั้นไมแกถึงไม่เล่าให้พี่ฟังล่ะ ว่าพี่เค้ามา แกนี่มีไรชอบเก็บเงียบนะระวังไว้เหอะ ตกลงพี่เฟิร์สเค้าสอนไรแกมั้งพี่เค้ามานานรึป่าว และก็มากี่ครั้งแล้ว” “โหพี่ออโต้ เล่นถามผมแบบนี้ผมไปไม่เป็นเลยนะ” “อย่านอกเรื่องดิเลโก้ ตอบพี่ก่อน” “ได้ครับพี่แต่ก่อนอื่น พี่ออโต้ต้องตอบผมก่อนว่าชุดนักเรียนที่พับซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าพี่น่ะ เป็นเสื้อของใคร” สายตาของออโต้ถึงกับลอกแลกไปมา “เสื้ออะไร มั่วล่ะเลโก้ แล้วนี่ใครอนุญาตให้แกไปค้นตู้เสื้อผ้าของพี่” “ก็แม่ไงพี่ ตอนนั้นพี่ไม่อยู่บ้าน แม่เลยบอกให้ผมเอาเสื้อของพี่ที่ซักไว้ไปเก็บในตู้แต่พอจะปิดตู้ผมดันไปเห็นกล่องรูปทรงแปลกๆอยู่ตรงมุมตู้ พอผมเปิดกล่องออกมาดูเลยเจอเสื้อนักเรียนพับไว้อยู่ด้านในนั้น ทีแรกผมก็คิดว่าเป็นเสื้อพี่แหละ แต่พอผมพลิกดูชื่อที่ปักไว้บนเสื้อ มันกลับเขียนว่านายวรภพ ซึ่งไม่ใช่ชื่อของพี่ ตกลงพี่ออโต้เก็บเสื้อนักเรียนของใครไว้ครับ และเก็บไว้ทำไมด้วย พี่ลองตอบผมสิครับ” ออโต้ถึงกับทำหน้าไม่พอใจขึ้นทันที “เลโก้นี่แกถือวิสาสะยุ่งเรื่องส่วนตัวของพี่มากเกินไปแล้วนะ นี่แกรู้จักคำว่ามีมารยาทบ้างปะ งั้นต่อไปนี่ห้ามแกมาใช้คอมรึเข้ามาเล่นที่ห้องพี่อีกนะเลโก้ อยู่ใครอยู่มันเลย” “แน่ใจนะพี่ออโต้ว่าจะทำแบบนั้น แต่ผมรู้นะว่าเสื้อนักเรียนนั่นน่ะเป็นของรุ่นพี่ที่อยู่โรงเรียนเดียวกันกับพี่ เดี๋ยวผมลองไปถามพี่เฟิร์สดีกว่าเผื่อจะได้รู้ว่าเสื้อนั่นเป็นเสื้อของใครด้วย” ออโต้ถึงกับใช้มือทั้งสองกำแขนเลโก้ไว้มั่น “อย่าเชียวนะเลโก้ อย่า!!” “งั้นพี่ก็ต้องเล่าให้ผมฟังว่าไปได้เสื้อของใครมาและก็อย่าโกรธผมด้วย ผมกับพี่เราเป็นพี่น้องกันนะ อย่าปิดกันสิครับ” เวลา 15.07 น. “ฮืออออ ฮืออออ” เสียงเจ้าบิวนั่งร้องไห้อยู่กับพื้นบ้านโดยมีเจ้าบอลนั่งน้ำตาซึมอยู่ข้างๆและแม่ของมันที่กำลังยืนจ้องมองอยู่อีกคน “บิวของมันหมดก็คือหมดสิลูก” “ไม่เอาอะแม่เอมบิวอุตสาห์เก็บตังค่าขนมเหมือนที่แม่เอมบอกแล้วนะค๊าบฮือออออ” “แล้วจะให้แม่ทำไงล่ะบิว งั้นรอหลังปีใหม่ เดี๋ยวบิวกับแม่ค่อยไปหาซื้อแถวกรุงเทพเอาไหม” “อืออออไม่เอาอะแม่เอมบิวไม่อยากรอนานๆอีกแล้ว บิวอยากได้ตอนนี้เลยอะค๊าบบ ฮืออออ” “ก็รถบังคับที่แม่ซื้อให้ยังไม่พอใจอีกหรอบิว” “ใจจริงบิวอยากได้เกมส์มากกว่ารถบังคับอะค๊าบแม่เอม ฮือออออ” “พี่บิว อย่าร้องให้จิคัฟฟฟ นี่บอลจะร้องไห้ตามล่ะนะ” “มีเหตุผลหน่อยซิบิว” ทันใดนั้นอาปลื้มที่อยู่หน้าร้านถึงกับตวาดเสียงดังขึ้น “พอเลยเอม ถอยออกมา ถ้ามันพูดไม่รู้เรื่องแบบนั้นก็ปล่อยให้มันนั่งร้องไห้ไปแบบนั้นแหละ บอลก็ด้วย ถอยออกมาเลย แล้วไปนั่งเล่นตรงโน้น” เสียงพูดอันดุดันของพ่อมันทำให้เจ้าบิวถึงกับร้องไห้เสียงดังยิ่งกว่าเก่า น้าเอมถึงกับส่ายหัวไปมาจนต้องจูงมือพาเจ้าบอลเดินออกมาด้วย ไม่นานนักเจ้าเติร์กเดินที่กลับมาถึงบ้าน มันเดินตรงเข้าไปหาน้าเอมที่กำลังนั่งจัดของในตู้เย็น “นี่ครับน้าเอม ข้าวแกงที่สั่งไว้ครับ” “จ๊ะๆขอบใจมากเติร์ก เอาปิ่นโตวางตรงที่ล้างจานก่อน” “แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นครับน้าแล้วไมบิวถึงร้องไห้แบบนั้นล่ะครับ” “เฮ้อ ก็เรื่องเกมส์ที่บิวอยากได้น่ะสิ จำตอนที่น้ากับเติร์กไปส่งบิวกับบอลซื้อรถบังคับน่ะตอนนั้นได้ไหมล่ะลูก” “ครับ จำได้” “เติร์กรู้ไหมว่าบิวเค้าเอาเงินค่าขนมมาหยอดกระปุกจนได้ถึงครึ่งของราคาเกมส์ที่เติร์กเคยบอกไว้และก็มารบเร้าให้น้าพาไปซื้อที่ห้าง แต่วันนี้น้าไม่ว่าง น้าเลยฝากอาปลื้มเค้าไปซื้อแทนแต่พอไปถึงเครื่องเกมส์ที่ร้านดันขายหมดไปซะก่อน ผลก็เลยออกมาตามที่เติร์กเห็นนี่แหละครับ ว่าแต่เติร์กเองดีขึ้นบ้างยังลูกนี่ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้วนะ เห็นเพื่อนของน้าที่เป็นครูสอนโรงเรียนเติร์กมาพูดให้น้าฟังว่าช่วงหลังๆนี้เติร์กค้างส่งงานบ่อยแถมยังส่งช้าด้วย น้าว่าขืนเป็นแบบนี้ต่อไปเติร์กต้องทำอะไรสักอย่างแล้วนะ” “ผมก็พยายามอยู่นะน้าเอม ทั้งหาอะไรทำ ทั้งไปวัดแต่ในหัวมันก็ชอบคิดแต่เรื่องของหนิงอยู่ตลอด” “เอางี้ไหมเติร์กอาทิตย์หน้านี้ก็ถึงสิ้นปีล่ะเห็นอาปลื้มพูดกับน้าว่าไปเที่ยวเขาค้อและรวดเคาท์ดาวที่นั่นด้วย เติร์กเองถ้าไม่ติดอะไรก็ไปด้วยกันเนาะเติร์กจะได้ถือโอกาสไปเปิดหูเปิดตาดูโน่นนี่นั่น เผื่อมันช่วยให้อะไรๆดีขึ้นด้วย เติร์กเองตั้งแต่มาอยู่ที่ก็ไม่เคยไปเที่ยวไหนไกลๆด้วยกันกับน้าเลยใช่ไหมล่ะ ไปด้วยกันเนาะ จะได้ช่วยน้าดูน้องสองคนด้วย” เจ้าเติร์กถึงกับยืนครุ่นคิดลังเลอยู่พักใหญ่ “ไปเนาะ น้าว่าดีกว่าอยู่บ้านแล้วฟุ้งซ่านไปเปล่าๆ แถมที่นั่นอากาศดีด้วยนะเติร์ก ไปด้วยกันนะลูก” “ก็ได้ครับน้าผมไปครับ” น้าเอมที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “อะโอเคลูก ตกลงไปเนาะถึงเวลาก็เตรียมเสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวไว้นะ เอาล่ะเติร์กเองอยากทำไรก็ไปทำเถอะลูกปะน้าไม่รบกวนล่ะ” เจ้าเติร์กพยักหน้าตอบรับพร้อมกับเดินไปยังบันไดขึ้นชั้นบนและในระหว่างที่มันจะก้าวขึ้นบันไดไปนั้นเองเจ้าเติร์กมันหันไปมองเจ้าบิวที่ตอนนี้ไปนั่งน้ำตาซึมอยู่คนเดียวตรงโซฟาหน้าทีวีเจ้าเติร์กยืนมองอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะถอนหายใจและเดินกลับขึ้นห้องไปทันใด วันจันทร์ที่ 31 ธันวาคม เวลา 05.14 น.“บิวรีบหน่อยลูก เดี๋ยวสายๆรถมันจะเยอะนะ” “แม่เอมเห็นตุ๊กตากวางเรนเดียร์ของบิวไหมค๊าบบิวเอาวางไว้กับกระเป๋าสะพายตรงนี้แต่มันหายไปไหนไม่รู้อะค๊าบ” “แม่เอาขึ้นไปเก็บเองแหละบิว ตุ๊กตาตัวใหญ่แบบนั้นจะเอาไปทำไมมันกินที่ในรถลูก” “อือออบิวจะเอาไปด้วยอะ บิวจะเอาไว้กอดตอนนอน” “ไม่ต้องเลยบิวแม่เอาหมอนข้างไปให้แล้ว……เติร์กลูกไม่ลืมอะไรล่ะนะ” น้าเอมหันพูดกับเจ้าเติร์กที่เดินลงบันไดมาพร้อมกระเป๋าลากสีเทาใบใหญ่ “ไม่ลืมครับน้า ผมจัดไว้ในกระเป๋าหมดล่ะ” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับยกกระเป๋าลากของมันเดินผ่านหน้าเจ้าบิวไปยังรถที่จอดอยู่หลังบ้าน เจ้าบิวถึงกับนึกน้อยใจที่เจ้าเติร์กไม่มีท่าทีสนใจมัน “ปะบิว ไปขึ้นรถ จะไปเที่ยวทั้งทีแต่ทำหน้างิกหน้างอแบบนั้นมันจะไปสนุกได้ไงล่ะบิว มามาเร็ว” เวลา 06.23น. ที่รถของอาปลื้มวิ่งมาถึงจังหวัดสระบุรี “ถนนเส้นสระบุรีนี่รถติดเยอะเหมือนกันเนาะพี่” “ก็อย่างว่านะเอมมันช่วงสิ้นปีนินะ ใครเค้าก็กลับบ้านต่างจังหวัดหรือไม่ก็ไปออกทริปเที่ยวกันทั้งนั้น” “นั่นสินะพี่” ในระหว่างที่น้าเอมกับอาปลื้มกำลังคุยกันอยู่นั้นเจ้าบิวที่นอนอยู่เบาะด้านหลังน้าเอมทันใดนั้นมันค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดฉี่ “อืมมแม่เอม พ่อปลื้มค๊าบ บิวปวดฉี่” น้าเอมถึงกับหันมามองบิว “ตื่นแล้วหรอบิว แปปนะลูก พี่ๆเดี๋ยวจอดแวะปั้ม ปตท.ตรงหน้านี้ให้บิวหน่อย” เจ้าบิวขยี้ตาด้วยความงัวเงียก่อนจะหันไปมองเจ้าเติร์กที่นอนเอาหัวพิงกระจกอยู่ข้างๆมัน เจ้าบิวมันเลยเอามือไปสะกิดแขนซ้ายปลุกเจ้าเติร์ก “พี่เติร์กพี่เติร์กค๊าบ” “หื้มมมม มีไรบิว!!.” “พี่เติร์กพ่อปลื้มจะแวะปั้มนะค๊าบพี่เติร์กปวดฉี่อยากเข้าห้องน้ำไหมค๊าบบ” “หื้มม ไม่อะพี่ไม่ปวด” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับเอาหัวกลับไปหนุนเบาะและนอนต่อ” ทันทีที่รถขับมาจอดหน้าห้องน้ำของปั้มเจ้าบอลที่นอนอยู่บนตักของแม่มันถึงกับสะดุ้งตกใจตื่น “อื้มมมแม่เอม ถึงแล้วหรอคัฟฟ” “ยังบอลยังอีกไกลเลยพอดีพี่บิวปวดฉี่เลยต้องจอดแวะปั้มน่ะ บอลปวดฉี่ไหมลูก” เจ้าบอลทำตาหรี่ๆและมองไปมามองมา “บอลไม่ปวดคัฟแม่เอม” “เอมเดี๋ยวพี่ลงไปซื้อกาแฟที่เซเว่นกินหน่อยนะเอมจะไปด้วยกันหรือฝากพี่ซื้ออะไรไหม” “ไม่เป็นไรพี่ปลื้ม พี่ต้องขับรถไกลพี่ลงไปหาซื้ออะไรทานให้ตาสว่างๆเถอะ เดี๋ยวเอมอยู่รอบนรถกับลูกเอา” “อืมๆ เอมกับลูกลงเดินบ้างก็ได้นะจะได้ไม่เมื่อย บิวปะ จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ลงล่ะ” เจ้าบิวที่ได้ยินเช่นนั้นมันรีบหันไปสะกิดเจ้าเติร์กอีกครั้ง “พี่เติร์กไปเป็นเพื่อนบิวหน่อยค๊าบ พี่เติร์กไปเป็นเพื่อนบิวหน่อยนะ” เจ้าเติร์กยังคงนอนนิ่งเช่นเดิม เจ้าบิวมันเลยเรียกและสะกิดอีกครั้งจนน้าเอมเอ่ยปากต่อว่าเจ้าบิวขึ้นมา “บิวอย่าไปกวนพี่เติร์กสิลูก เห็นไหมว่าพี่เค้านอนอยู่น่ะ บิวโตแล้วนะช่วยเหลือตัวเองสิครับ ไปๆลงๆ” เจ้าบิวที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับเศร้าและผิดหวังขึ้นมาถึงกระนั้นมันก็ได้แต่เก็บอารมณ์ไว้พร้อมกับลงจากรถเดินทำหน้าบูดไปยังห้องน้ำคนเดียว หลังจากทำธุระเสร็จรถของอาปลื้มได้แล่นออกจากปั้มและวิ่งไปตามถนนสระบุรี-หล่มสัก ออกจากจังหวัดสระบุรี เข้าสู่จังหวัดลพบุรี จนแสงแดดยามเช้าสีเหลืองอ่อนเริ่มส่องสว่างให้เห็นวิวทิวทัศน์รอบๆรถชัดมากขึ้นเสียงแกะเปลือกเมล็ดถั่วลิสงต้ม แกร๊กๆของน้าเอมดังคลอกับเสียงรายการข่าวเช้าที่เปิดจากวิทยุ ทำให้เจ้าบิวที่นอนๆอยู่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมามอง “เสียงดังจังเลยแม่เอม พ่อปลื้ม ทำไรกันน่ะ” น้าเอมที่ได้ยินถึงกับพูดสวนกลับไปทันที “ตื่นได้แล้วบิวสว่างแล้วนะ ตื่นมาดูโน่นนี่นั้นบ้าง เห็นไหมว่าวิวข้างทางยามเช้าเนี่ยสดชื่นมากเลยนะบิว” “ไม่เห็นสดชื่นเลย พี่เติร์กว่าจริงไหมครับ” เจ้าบิวหันไปคุยกับเจ้าเติร์กที่ยังคงนั่งเงียบและเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่มันจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงลอยๆว่า “อื้มม” และเสียงและคำพูดของเจ้าเติร์กทำเอาเจ้าบิวรู้สึกขุ่นเคืองขึ้นมาทันทีมันเลยขยับตัวไปชิดประตูฝั่งของมันและหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างเหมือนกับเจ้าเติร์ก จนกระทั้งเวลา 8.45 น. ที่ทุกคนเดินทางมาถึงจังหวัดเพชรบรูณ์และแวะนั่งทานข้าวเช้ายังร้านอาหารตามสั่งข้างทาง ในระหว่างเจ้าบิวกับเจ้าบอลที่กำลังตักกินข้าวตุ้มกุ้งอยู่ที่โต๊ะพร้อมแม่ของมัน สายตาเจ้าบิวมันเหลือบไปเห็นเจ้าเติร์กที่นั่งก้มหน้าเขี่ยโทรศัพท์เล่นอยู่ตรงชิงช้าที่ทางร้านทำไว้เป็นจุดเช็คอินอยู่คนเดียวเจ้าบิวที่นั่งมองอยู่ห่างๆแบบนั้นได้สักพักมันจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปเจ้าเติร์กตรงชิงช้า “พี่เติร์กทำไรอยู่หรอค๊าบ” เจ้าเติร์กถึงกับรีบเก็บโทรศัพท์ยัดลงกระเป๋ากางเกงของมันทันทีที่เจ้าบิวเดินเข้ามา “พี่ไม่ได้ทำไรหรอกบิว แค่หาอะไรทำฆ่าเวลา” “ฆ่าเวลา? แล้วเวลาไปทำอะไรพี่เติร์กเหรอค๊าบ พี่เติร์กถึงต้องฆ่ามัน” “เฮ้อ ไม่รู้ซิบิว น้องกินเสร็จล่ะน่ะ บิวไปเล่นกับน้องนะ น้องจะได้ไม่เหงา” เจ้าเติร์กพูดและรีบเดินผละจากเจ้าบิวไปยังรถที่จอดไว้ตรงลานทิ้งให้เจ้าบิวยืนมองตาละห้อยอยู่แบบนั้น เวลา 9.54 น. อาปลื้มขับพาทุกคนมาถึงทุ่งกังหันลมเจ้าบิวกับเจ้าบอลที่เพิ่งได้เคยเห็นครั้งแรกถึงกับร้องโอ้โหและพูดคุยกันเสียงดังด้วยความตื่นเต้นและตื่นตาจนอาปลื้มกับน้าเอมต้องเอ่ยปากปรามสองพี่น้องไว้เจ้าบิวเองถึงกับหันไปจับแขนเจ้าเติร์กไว้มั่นพร้อมกับเขย่าไปมา “พี่เติร์กดูสิ ใบพัดยักษ์ เต็มไปหมดเลยค๊าบบ พี่เติร์กกกกก” “อืมๆ พอแล้วบิวอย่าเขย่า” “หืมมพี่ปลื้มเหมือนจะดูอลังการยิ่งกว่าที่มาเมื่อ 3 ปีที่แล้วอีกนะเนี่ย” อาปลื้มถึงกับหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ฮ่าๆ พูดแปลกๆนะเอมผ่านมาตั้ง 3 ปีมันก็ต้องเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ นี่ยังโชคดีนะเห็นในรีวิวบอกว่าทุ่งเวอร์บีน่ายังมีให้เราเห็นกันอยู่น่ะโน่นไงฝั่งตรงข้ามเห็นปะทุกคน” “เออๆเห็นล่ะพี่ที่คนเยอะตรงๆนั้นใช่ปะหูยยยสวยๆๆน่าไปถ่ายรูป พี่ปลื้มเอากล้องโปรของพี่มาด้วยใช่ไหม” “อ่าๆ อยู่ในกระเป๋าเดี๋ยวคงได้ถ่ายเยอะแหละโซนนี้ร้านกาแฟและที่ถ่ายรูปมีเยอะนะ เที่ยวเอาให้คุ้มล่ะ” “ดีๆๆ บิว บอล เติร์กเดี๋ยวข้ามไปเดินดูฝั่งโน่นก่อนเนาะแล้วค่อยกลับมาเที่ยวฝั่งร้านกาแฟนี้ทีหลัง”ไม่ทันที่น้าเอมจะพูดจบเจ้าบิวกับเจ้าบอลรีบขานรับพร้อมกันโดยไม่ลังเลมีเพียงเจ้าเติร์กที่ได้แต่ยิ้มๆและพยักหน้าขานรับ “เอ่อพี่ปลื้มเอมก็ลืมถาม แล้วเรื่องที่พักว่าไงบ้าง ตกลงที่จองไว้ตอนนั้นแล้วปัญหา พี่ได้โทรเคลียร์กับเจ้าของเค้าแล้วรึยัง” “ไม่มีปัญหาเอมพี่เคลียร์ไว้ล่ะเรื่องที่พักเดี๋ยวตอนสี่โมงเย็นนี้พวกเราเข้าพักกันได้เลย” “อะๆ โอเคๆ จะได้เที่ยวสนุกๆหน่อย” เมื่อรถหาที่จอดได้ อาปลื้ม น้าเอม บิว บอลและเจ้าเติร์กพากันเดินไปยังทุ่งเวอร์บีน่าที่อยู่บริเวณใกล้เคียง “บิว บอล อย่าวิ่งไปวิ่งมาล่ะ เห็นไหมว่าคนเยอะมากเกิดพลัดหลงกันขึ้นมามันจะลำบากเอาได้ยินที่แม่พูดไหม บิวบอล” “ค๊าบ/คัฟ แม่เอม” “เติร์กลูกไงช่วยดูน้องด้วยนะ” “ครับน้าเอม” บรรยากาศโดยรอบสวยงามจนชวนให้หลงไหลซึ่งนั่นก็ยังพอช่วยให้เจ้าเติร์กรู้สบายใจขึ้นมาได้แต่ความหดหู่ก็มักผุดขึ้นมาในใจทุกครั้งที่มันหวนกลับไปคิดเรื่องหนิงมันเดินดูไปได้สักพัก น้าเอมกวักมือเรียกให้เจ้าเติร์กไปถ่ายรูปด้วย เจ้าเติร์กได้แต่ส่ายหัวปฏิเสธไปมาก่อนที่มันจะเดินไปนั่งยังเก้าอี้ไม้มันนั่งดูคนที่มาเที่ยวเป็นกลุ่มและเป็นคู่ๆด้วยความหว้าเหว้อยู่แบบนั้นจนอาปลื้มน้าเอม บิวและบอลเดินเข้ามาพาเจ้าเติร์กไปเดินเที่ยวดูทุ่งกังหันลม แวะดูพร้อมกับซื้อสตรอเบอรี่กองเซ้งและองุ่นจากไร่ แวะเล่นชิงช้าชาวเขา ซึ่งเจ้าบิวเองก็พยายามชวนเจ้าเติร์กมาเล่นด้วยกับมันซึ่งเจ้าเติร์กก็พยายามปฏิเสธและเดินแยกตัวออกไปนั่งก้มดูโทรศัพท์อยู่คนเดียวจนเวลาล่วงเลยไปถึง 12.39 น. น้าปลื้มพาทุกคนมาแวะทานอาหารกลางวัน ที่ The king kong “เติร์กอาฝากกล้องอาหน่อยนะอาจะไปเข้าห้องน้ำ เออแล้วนี่เติร์กเห็นบิว บอลไหมนั่งกินสเต็กปลาแล้วไม่รู้พากันไปไหนเนี่ย” อาปลื้มพูดพร้อมกับยื่นกล้องให้กับมือเจ้าเติร์ก “คงอยู่แถวนี้มั้งอาปลื้มตะกี้เห็นพากันวิ่งไปมาแถวนี้แหละครับ” “ไม่ไหวเลยสองคนนั้นน่ะอืมเนี่ยมีที่ถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยนะเติร์ก ลองเอากล้องอาไปฝึกถ่ายดูสิ อีกหน่อยเผื่อมีเป็นของตัวเองใช้งานจะได้ใช้คล่องๆ” “อืมครับ ดีเหมือนกันอาอาปลื้ม เอ่อแล้วน้าเอมล่ะครับไปไหนล่ะ” “เดินไปเอาของที่รถน่ะ อยู่แถวนี้นะเติร์ก ดูบิวกับบอลด้วย” หลังจากที่เจ้าเติร์กรับกล้องมาจากอาปลื้มมันเลยเดินไปถ่ายรวงหญ้าและหุ่นช้างตรงสะพานไม้ไผ่ ไม่นานนักเจ้าบิวกับบอลเดินเข้ามา “พี่เติร์กถ่ายรูปบิวกับน้องให้หน่อยค๊าบบตรงโน่นมีคิงคองยักษ์กับไดโนเสาร์ที่บอลชอบด้วยค๊าบ บิวกับน้องอยากถ่าย” หลังจากที่ทุกคนเดินเที่ยวบริเวณโดยรอบจนทั่วแล้ว อาปลื้มเลยพาทุกคนขึ้นรถและเดินทางต่อไปยังไร่บีเอ็นที่มีทุ่งดอกคอสมอสอันสวยงามขึ้นอยู่และเมื่อไปถึงน้าเอมเรียกเจ้าเติร์ก บิว บอลให้มาถ่ายรูปด้วยกันโดยมีอาปลื้มเป็นตากล้อง ก่อนที่จะพากันแยกเดินไปตามจุดต่างๆ เจ้าเติร์กที่กำลังเหม่อเดินดูดอกคอสมอสไปพลางๆ “พี่เติร์กค๊าบบบบ” เจ้าเติร์กถึงกับหันมามองเจ้าบิวที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับถือบางสิ่งมือติดมาด้วย “พี่เติร์กค๊าบบ บิวมีไรให้พี่เติร์กด้วยค๊าบบ อะนี่ค๊าบ”เจ้าบิวยิ้มยื่นกำไลดอกไม้ให้กับมือของเจ้าเติร์ก “บิวตั้งใจสานให้พี่เติร์กเองเลยนะค๊าบ แม่เคยเล่าให้บิวฟังว่าหากอยากให้ใครสุขภาพดีให้เอาดอกไม้สวยๆมาสานเป็นกำไลและมอบให้คนๆนั้นกับมือ และถ้าคนๆนั้นรับเค้าก็จะได้รับพรดังความตั้งใจของผู้มอบให้ค๊าบอะพี่เติร์ก นี่ค๊าบบ รับๆๆ” เจ้าเติร์กถึงกับยิ้มให้กับเจ้าบิวนิดๆก่อนจะยื่นมือไปหยิบกำไลดอกคอสมอสที่เจ้าบิวถือไว้ขึ้นมา“ขอบใจนะบิว” เจ้าบิวถึงกับยิ้มออกมาด้วยความดีใจ“พี่เติร์กรับปากบิวนะค๊าบว่าต้องเอาติดตัวไว้ตลอดห้ามทำหายนะ” “อืมม” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับเอากำไลดอกไม้ยัดใส่ลงในกระเป๋าเสื้อ“พี่เติร์กบิวเดินดูดอกไม้กับพี่เติร์กนะค๊าบบ” “โทษนะบิวแต่พี่อยากเดินดูคนเดียวนะ” “ไมอะพี่เติร์กก็บิวอยากเดินกับพี่เติร์กด้วยนี่น่า” “มาเร็วบิวเดี๋ยวพี่พาไปหาแม่กับน้องตรงนั้น” “ไม่เอาพี่เติร์กอะบิวอยากเดินด้วย” เจ้าบิวถึงกับกระทืบเท้าไปมาเบาๆด้วยความไม่พอใจ “มาเร็วบิว ตามพี่มา” เจ้าเติร์กพูดและรีบเดินนำเจ้าบิวไปทั้งอย่างงั้น “อืออพี่เติร์กอะ” เวลา 16.15 น. รถฟอร์จูนเนอร์ขับมาจอดยังลานติดต่อห้องพักของรีสอร์ทแสงดาวโดยลักษณะของรีสอร์ทดังกล่าวเป็นรีสอร์มเป็นโฮมสเตย์เป็นหลังๆอยู่ห่างกันไม่มากมีสวนดอกไม้และลานกว้างสนามหญ้าให้เดินเล่นชมบรรยากาศและสายหมอกอันหนาวเย็นเนื่องจากตัวของรีสอร์ทอยู่ใกล้กับภูเขาและลำธาร “กว้างดีเหมือนกันนะพี่ปลื้ม มีทั้งหมดกี่หลังเนี่ย” “เห็นในเว็บเค้าว่ามี 30 กว่าหลังนะ นี่ดีนะที่พี่จ้องล่วงหน้าไว้เป็นเดือนไม่งั้นมีหวังอดได้ที่พักชิลๆอากาศดีแบบนี้แน่ เติร์กเดี๋ยวช่วยอาขนของลงหน่อยนะเวลาขนลงก็ระวังพวกกล่องแช่อาหารทะเลกับพวกเบียร์ด้วย” “เอาอาหารทะเลมาด้วยแล้วเตาย่างล่ะพี่เอามาด้วยรึป่าว” “ไม่ต้องห่วงทางรีสอร์ทเค้ามีให้น่ะเอม” “แล้วพวกเพื่อนๆพี่ที่จะมาเค้าท์ดาวน์กับพวกเราน่ะ มาถึงกันรึยัง” “ยังๆเห็นบอกว่าจะเข้ามาตอน6 โมงเย็นน่ะ” หลังติดต่อห้องพักและรับกุญแจเรียบร้อยแล้วอาปลื้มเลยขับรถพาทุกคนไปยังโฮมสเตย์ที่จองไว้ และเมื่อทุกคนเปิดประตู้ก้าวลงจากรถแสงแดดอ่อนยามเย็นและลมหนาวที่พัดโชยเอากลิ่นหญ้า กลิ่นดอกไม้หอมๆโดยรอบและกลิ่นไอหมอกจากภูเขา ทำให้ทั้ง 5 คนรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก โดยเฉพาะสองพี่น้องบิว บอลและน้าเอม “อากาศเย็นจังเลยคัฟฟพี่บิว” “แม่เอมบิวว่าตอนค่ำๆมันต้องหนาวมากๆแน่ ที่นี้มีน้ำอุ่นให้อาบไมอะค๊าบ” น้ายิ้มขำเจ้าบิวขึ้นมา “แหมบิวก็…ที่พักราคาแพงแบบนี้มันก็ต้องมีอยู่แล้วลูกปะปะบิวไปช่วยพ่อกับพี่เติร์กขนของลงรถเลย เสร็จแล้วจะได้พักผ่อนกันไวๆส่วนบอลก็ขึ้นมาดูห้องกับแม่นี่มะ” “พี่ปลื้มตกลงพี่จองไว้เหรอ”“อ่าใช่ๆ อีกหลังพี่จองไว้เผื่อดึกๆมาเวลาเมาแล้วไปนอนจะได้ไม่เสียงดังรบกวนเอมบิว บอล เติร์ก ตอนนอนไง” “เปลืองตังไปเปล่าๆพี่ปลื้มความจริงนอนหลังเดียวกันไปเลยก็จบ” “เอาน่าเอมคืนนี้พี่กับเพื่อนๆดื่มกินกันเยอะแน่นอนแยกคนละหลังไปเลยจะได้ไม่ต้องมีปัญหาทีหลัง” “งั้นเอาที่พี่สบายใจล่ะกัน ปะบอลมามาๆ โอ้โหเป็นไม้สักทั้งหลังเลยนะเนี่ยบอลสวยๆ บอลชอบไหมลูก” เจ้าบอลเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้กับแม่ของมัน“บอลชอบคัฟแม่เอม บอลชอบบ้านไม้” เมื่อขนของจากหลังรถเข้าที่พักหมดแล้วอาปลื้มเลยชวนบิวและเจ้าเติร์กเอาจักรยานของรีสอร์ทที่จอดไว้หลังที่พักไปปั่นออกกำลังกายและชมธรรมชาติรอบๆพื้นที่จนทั่ว แสงอาทิตย์เริ่มอ่อนลงพร้อมกับอากาศที่เย็นตัวลงเรื่อยๆทั้งสามเลยปั่นจักรยานกลับมายังที่พักพร้อมกับเตรียมตัวสำหรับกินเลี้ยงและเค้าท์ดาวน์กันในระหว่างที่น้าเอมกับอาปลื้มกำลังเตรียมของตั้งเตากันอยู่นั้น “พี่ปลื้มพวกเพื่อนๆพี่โทรมาบอกน้องว่าใกล้จะถึงกันล่ะ” “อืมๆ แล้วไอ้เหลาเอาใครมาบ้างน่ะเอม” “เห็นบอกว่าพาพี่ซิน น้องเนียว และก็พี่มุกดา มาด้วยน่ะพี่ปลื้ม” ทันใดนั้นเจ้าบิวที่กำลังเดินไปเดินมาอยู่ตรงลานหญ้าและสวนดอกไม้มันรีบกลับมาหาพ่อกับแม่มันบนที่พักพร้อมกับเอ่ยปากถาม“พ่อปลื้ม เห็นพี่เติร์กไหมค๊าบบ บิวเดินหาตั้งนานไม่เห็นเลย”“บิวนี่ยังไม่อาบน้ำเปลี่ยนชุดอีกหรอเดี๋ยวพวกลุงซินกับป้ามุกดาจะมาถึงกันแล้วนะ” ระหว่างนั้นเจ้าบิวเหลือบไปเห็นกำไลดอกคอสมอสที่มันเอาให้เจ้าเติร์กวางที่ไว้บนโต๊ะข้างๆเตาย่างเจ้าบิวมันเลยเดินไปหยิบขึ้นมาจากโต๊ะ “เดี๋ยวบิวไปอาบค๊าบพ่อปลื้มพ่อเห็นพี่เติร์กไหมค๊าบ” “พี่เติร์กอยู่บ้านอีกหลังน่ะ บิวก็อย่าไปกวนพี่เติร์ก….” พ่อของมันพูดไม่ทันจบเจ้าบิวถึงกับวิ่งดิ่งตรงไปยังโฮมสเตย์อีกหลังอย่างรวดเร็ว ก๊อกๆ ก๊อกๆ “เปิดเข้ามาเลยไม่ได้ล็อก” “พี่เติร์กทำไรอะค๊าบ ไม่ออกไปช่วยพ่อกับแม่เตรียมของหรอค๊าบบ”“อืมมเดี๋ยวพี่ออกไปครับ” เจ้าเติร์กพูดพร้อมกับก้มเขี่ยโทรศัพท์ไปมาอยู่ที่เตียงเจ้าบิวมันเลยเดินเข้าไปหาพร้อมกับยื่นกำไลดอกไม้ที่อยู่ในมือของมันให้กับเจ้าเติร์ก “นี่ค๊าบพี่เติร์กลืมทิ้งไว้ค๊าบ ไหนพี่เติร์กรับปากกับบิวว่าจะเก็บไว้ติดตัวตลอดไงค๊าบบบทำไมถึงเอาไปวางทิ้งไว้อะ” “โทษนะพี่คงลืมน่ะบิว” น้ำเสียงห้วนๆและคำตอบที่มันได้รับถึงกับทำให้เจ้าบิวงอนขั้นมาโดยทันที “บิวไม่ชอบที่พี่เติร์กเป็นแบบนี้เลย พี่เติร์กเป็นไรอะค๊าบบอกบิวได้มะค๊าบ” “พี่ว่าบิวออกไปก่อนปะบิวนะ” “พี่เติร์กก็บอกบิวก็สิค๊าบบว่าเป็นอะไร ทีกับแม่พี่เติร์กยังคุยได้บิวเองก็อยากรับรู้เรื่องของพี่เติร์กเหมือนกันนะค๊าบ” สีหน้าของเจ้าเติร์กค่อยเคร่งเครียดขึ้นมา “บิว อย่าดื้อสิออกไปก่อน” “ไม่!! บิวจะคุยกับพี่เติร์กบิวทนมานานแล้วที่พี่เติร์กเงียบแบบนี้ใส่บิวตลอด”เจ้าบิวพูดพร้อมกับดึงเอาโทรศัพท์ของเจ้าเติร์กจากในมือออกมาอย่างรวดเร็วเจ้าเติร์กถึงกับตกใจจนลุกยืน “บิว!!! ทำไรน่ะ เอามาครับ อย่าทำแบบนี้” “ไม่ ไม่ให้” เจ้าบิวรีบวิ่งไปอยู่อีกฝั่งของเตียงพร้อมกับทำท่าจะกดดูบางอย่างจากโทรศัพท์ของเจ้าเติร์ก“บิว เอามา พี่ไม่เล่นนะ เอามา” น้ำเสียงเจ้าเติร์กดุดันขึ้นพร้อมกับเดินอ้อมไปหาเจ้าบิวจนเจ้าบิวต้องกระโดดหนีขึ้นไปยืนบนเตียง “ไม่ให้ ถ้าพี่เติร์กยังเป็นแบบนี้” “บิว!!! เอามา พูดไม่รู้เรื่องไงวะ” เจ้าบิวทำให้บูดใส่ทันทีและกระโดดหนีมือเจ้าเติร์กที่จะเข้ามาจับมันไปยังอีกฝั่งของเตียง“ก็บิวไม่ให้อะ” เจ้าเติร์กมันเลยวิ่งอ้อมไปอีกฝั่งและรีบคว้าช้ายเสื้อเจ้าบิวไว้ก่อนจะเดินเข้ามา“เอามาบิว เลิกทำตัวน่ารำคาญแบบนี้ได้ปะ” มันพยายามแย่งโทรศัพท์ของมันจากมือเจ้าบิวแต่เจ้าบิวเองก็พยายามดิ้นและสะบัดตัวไปมา “ปล่อยยยย ไม่ ไม่ให้พี่เติร์กนั่นแหละน่ารำคาญ” ด้วยอารมณ์โกรธชั่วอึดใจเจ้าเติร์กกำมือซ้ายไว้แน่นและออกแรงชกไปที่หัวของเจ้าบิวไปที 1 จนเจ้าบิวล้มลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นห้องเสียงวิ้งงงงงงดังกังวานอยู่ในหัวของเจ้าบิวพร้อมกับภาพเบลอๆที่ค่อยๆชัดขึ้นมันเห็นเจ้าเติร์กเดินมาหยิบโทรศัพท์จากมือมันขึ้นไป เมื่อมันตั้งสติได้มันจึงรู้สึกถึงความเจ็บหน่วงๆบริเวณขมับซ้ายที่ค่อยๆเพิ่มมากขึ้น มันเลยแหงนหน้าขึ้นไปมองเจ้าเติร์กกำลังที่ยืนก้มมองมันอยู่เช่นกันตัวของมันสั่นเทาด้วยความกลัวพร้อมกับน้ำตาเริ่มคลอเบ้าทั้งสอง มันนั่งอยู่ในท่านั้นได้ไม่นาน เสียงหายใจฟืดฟาดๆของมันค่อยๆถี่ขึ้นมันเลยเอากำไลดอกไม้ในมือของมันปาใส่เจ้าเติร์กจนแตกฟุ้งออกเป็นเศษกระจายทั่วพื้นห้อง มันค่อยยันตัวลุกยืนและวิ่งพุ่งเข้าไปตีขาเจ้าเติร์ก1 ที “ฮึยยยยยฮึยยยย ไม่รักแล้ว บิวไม่รักพี่เติร์กแล้ว” เจ้าบิวมันเลยเปิดประตูวิ่งผละออกไปจากห้องทันที เวลา 17.49 น. เสียงโทรไลน์จากโทรศัพท์เจ้าเติร์กดังขึ้น เจ้าเติร์กที่นั่งมองตัวมันเองอยู่หน้ากระจกมันเลยล้วงหยิบเอาโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมากดรับ “เติร์ก ตอนนี้บิวอยู่กับเติร์กไหมลูก” “ไม่นะครับ!! ตอนนี้ผมอยู่ห้องคนเดียว” “เอ่อออนั่น จะมืดค่ำแล้วบิวไม่รู้หายไปไหนเนี่ย เติร์กกับอาปลื้มช่วยออกไปตามหาบิวหน่อยปะลูกเห็นว่าใกล้ๆนี้มีธารน้ำลึกด้วย น้าเป็นห่วงน่ะ ปะลูก” “ครับเดี๋ยวผมออกไป”เจ้าเติร์กกดวางสายพร้อมกับหันไปมองเศษต้นดอกคอสมอสบนพื้นห้องมันเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาหน่อยๆก่อนจะเดินออกจากห้องไป “อาปลื้มเจอบิวยังครับอา” “ยังเลยอาก็เพิ่งไปบอกให้เจ้าของรีสอร์ทเอาพนังงานช่วยกันหาอีกแรงมาเนี่ย เติร์กมาก็ดีล่ะ เดี๋ยวอาจะไปดูแถวๆหนองน้ำตรงโน่นนะได้ยินว่าแถวนั้นมีสนามออกกำลังกาย เติร์กก็เอาจักรยานปั่นไปดูแถวสวนสนกับสวนดอกไม้ตรงโน่นดูเผื่อบิวไปแถวนั้น” “ไกลแบบนั้นบิวกล้าจะไปเหรออาปลื้ม” “ไม่รู้แหละ เติร์กลองไปดูก่อนเผื่อเจอ นี่ก็มืดลงเรื่อยๆละ แย่จริงๆเลยบิวนิ” หลังจากแยกกับอาปลื้มเจ้าเติร์กมันเลยปั่นจักรยานไปยังจุดที่อาปลื้มบอกแม้ว่ามันจะปั่นวนไปวนมาและลงเดินดูจนทั่วพื้นที่ดังกล่าวแต่มันก็ไม่มีวี่แววของเจ้าบิวแต่อย่างใดมีเพียงเสียงลมพัดผ่านต้นไม้และเสียงของแมลงที่เริ่มร้องกังวานไปทั่ว แสงยามเย็นเริ่มริบหรี่ลงพร้อมกับท้องฟ้าสีส้มที่เริ่มมืดสลัวลงเรื่อยๆยิ่งทำให้เจ้าเติร์กหวาดวิตกและคิดฟุ้งว่านไปต่างๆนาๆจนมันต้องรีบเอาโทรศัพท์มากดโทรหาอาปลื้ม “อาปลื้มเจอบิวยังครับ ยังเหรอครับทางนี้ผมก็เดินดูจนทั่วแล้วแต่ไม่เจอเหมือนกันครับ ครับๆเดี๋ยวไงผมขอไปดูตรงโน่นอีกหน่อยครับอา” เจ้าเติร์กถึงกับถอนหายใจยาวๆพร้อมกับความรู้สึกผิดที่มันได้ทำกับเจ้าบิวไปในระหว่างที่มันจะขึ้นขี่จักรยานนั้นเองมันเห็นชายหญิงอายุวัยกลางคนคู่หนึ่งสวมเสื้อยืดกางเกงวอร์ม เดินคุยกันจ้อแจ้ตรงมายังทางเจ้าเติร์ก เจ้าเติร์กถึงกับรีบปั่นจักรยานเข้าไปถามทั้งสอง “พี่ครับ โทษนะครับพี่พอเห็นเด็กผู้ชายตัวสูงประมาณขาผม หุ่นผอมๆ หน้าหวานๆขาวๆหน่อยสวมเสื้อกันหนาวลายการ์ตูนสีเขียวอ่อน ผ่านมาแถวนี้บ้างไหมครับ” ชายหญิงทั้งสองคนหันไปมองกันพักใหญ่ก่อนที่ฝ่ายชายจะหันกลับมาตอบ “เป็นเด็กประถมหรือป่าวน้อง สวมรองเท้าผ้าใบสีเหลืองอ่อน” “เอ่อใช่ครับใช่พี่เจอตรงไหนเหรอครับ” “พี่เจอเห็นเดินคนเดียวไปทางเนินสนามหญ้าตรงโน้นน่ะน้อง เห็นทำหน้าบึ้งๆพี่กับแฟนถามก็ไม่พูดไม่จา อยู่ทางโน่นน่ะน้อง” “ครับผมขอบคุณครับพี่” เจ้าเติร์กรีบยกมือไหว้ทั้งสองและปั่นจักรยานออกไปทันทีและเมื่อมันมาถึงจุดที่ทั้งสองบอกไว้เจ้าเติร์กจอดจักรยานและเดินดูโดยรอบพร้อมกับตะโกนเรียกเจ้าบิวหลายต่อหลายครั้งเจ้าเติร์กถึงกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้าจนย่อตัวนั่งลงระหว่างนั้นเองตาของมันเหลือบไปเห็นชายเสื้อของเจ้าบิวโผล่พ้นออกมาจากต้นสนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินทุ่งหญ้าตรงหน้ามันมันเลยลุกยืนและเดินขึ้นเนินไปยังต้นสนตรงหน้า “บิว บิวครับ”เจ้าเติร์กเดินมายืนตรงหน้าพร้อมก้มมองเจ้าบิวที่ยังคงนั่งขัดสมาธิเอาหลังพิงกับโคนต้นสนพร้อมกับน้ำตาที่ซึมๆออกมาจากตาทั้งสอง “บิวทำแบบนี้คนอื่นๆเค้าเป็นห่วงกันนะรู้ป่าวว่าพ่อและคนอื่นๆพากันออกตามหาบิวกันให้วุ่น” เจ้าบิวยังคงนิ่งเงียบและไม่แสดงอาการโต้ตอบใดๆ “ปะบิวมานั่งคนเดียวแบบนี้ไม่กลัวเหรอมากับพี่มาเดี๋ยวพี่พากลับ” เจ้าเติร์กพูดพร้อมก้มเอามือไปจับแขนและดึงตัวเจ้าบิวให้ลุกยืนเจ้าบิวถึงกับสะบัดแขนออกด้วยความแรง “ไม่ต้องมาจับบิวเลยบิวไม่ไป บิวเกลียดพี่เติร์ก” “อย่าดื้อสิบิว นี่จะมืดแล้วนะ มะเร็ว” “ไม่ไป บิวจะอยู่ตรงนี้” “จะมาไหม” “ไม่ บิวเกลียดคนใช้ความรุนแรง” “เฮ้อ งั้นก็ตามใจบิวนะถ้าไม่อยากไปงั้นพี่จะบอกให้พ่อมารับแทน” เจ้าบิวถึงกับลุกขึ้นยืนทันใด “อยากไปไหนก็ไปเลยคนใจร้าย ฮือออออฮือออออ บิวเกลียดพี่เติร์ก บิวแค่อยากจะเล่นกับพี่เติร์ก ฮืออออ อยากจะคุยกับพี่เติร์กแบบทุกครั้ง ถ้ากลับไปแล้วพี่เติร์กยังเป็นแบบนี้อยู่ บิวไม่ขอกลับไปดีกว่า ฮืออออออ พี่เติร์กไม่รู้หรอกว่าบิวคิดถึงพี่เติร์กมากแค่ไหน ที่บิวชวนคุย ชวนเล่นบิวก็แค่อยากให้พี่เติร์กกลับมาร่าเริงแบบที่พี่เติร์กเคยเป็น ฮืออออฮืออออ แบบนั้นพี่เติร์กก็ยังมาชกหน้าบิวอีก บิวเจ็บนะรู้ไหม ฮือออออ” เจ้าบิวที่กำลังยืนร้องไห้เสียงดังอยู่นั้นจู่ๆมันถึงกับตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเพราะเจ้าเติร์กที่ยืนฟังมันอยู่ได้ทรุดตัวลงมาสวมกอดตัวของเจ้าบิวไว้แน่น “พี่ขอโทษบิว พี่ขอโทษ บิวอย่าโกรธพี่เลยนะครับที่พี่ทำไปพี่ยอมรับว่าพี่โกรธบิวจริง แต่ในเมื่อพี่ทำไปแล้วพี่จะไม่แก้ตัวอะไรทั้งนั้น พี่รู้นะว่าบิวน่ะพยายามทำให้พี่อารมณ์ขึ้นดี แต่พี่เองมันงี่เง่าเองแหละบิวที่ไม่ยอมรับสภาพที่พี่เป็นอยู่ ได้แต่หนีไปอยู่คนเดียวเกือบทุกครั้งบิวยังจะให้อภัยพี่ได้ไหมครับ” เจ้าบิวที่ได้ยินเช่นนั้นถึงกับปล่อยโฮยกใหญ่พร้อมกับยกแขนทั้งสองขึ้นมากอดตัวเจ้าเติร์กไว้มั่นฮือออออออออออออออออ ฮือออออออออออออออออ เวลา18.12 น. แสงไฟจากรถจักรยานสาดส่องไปตามถนน เจ้าเติร์กที่เป็นกำลังปั่นจักรยานมันหันไปมองเจ้าบิวที่นั่งซ้อนท้ายมากับมันพร้อมกับเอามือทั้งสองกอดเอวเจ้าเติร์กไว้มั่นจนกระทั่งทั้งสองกลับถึงที่พัก และเมื่อมาอาปลื้มกับน้าเอมที่รออยู่ตรงหน้าบ้านพักถึงกับพากันต่อว่าเจ้าบิวชุดใหญ่โดยเฉพาะน้าเอมที่ใช้มือจับและตีเข้าไปที่ตัวของเจ้าบิวหลายต่อหลายทีก่อนที่จะพาเจ้าบิวกลับขึ้นไปยังบนบ้านพัก “อาขอบใจมากนะเติร์ก แล้วนี่ไปเจอบิวที่ไหน” “ใต้ต้นสนตรงเนินทุ่งหญ้าตรงโน่นน่ะครับ บิวท่าจะเดินเที่ยวจนเพลินมั้งอาปลื้ม” “อืมๆ ไม่เป็นไรกันก็ดีล่ะ เอ่อบ้านพักอีกหลังที่อาจองไว้ให้เพื่อนๆน่ะ เค้าบอกกับอาว่าจะไม่นอนกัน เห็นว่าจะตั้งเต้นท์นอนรับลมหนาวน่ะถ้าเติร์กจะนอนก็ไปนอนได้นะ” “ครับอาปลื้ม ดีเหมือนกัน”“เอ่อมาๆ เติร์กขึ้นมารู้จักกับเพื่อนๆของอากันหน่อย” อาปลื้มพาเจ้าเติร์กไปแนะนำตัวให้เพื่อนๆรู้จักพร้อมกับชวนเจ้าเติร์กมาร่วมวงอาหารค่ำไม่นานนักน้าเอมพาเจ้าบิวกับเจ้าบอลมาร่วมด้วยอีกคน “เต็มที่เลยนะเติร์กคืนนี้ยังอีกยาวไกล” “ครับผมลุงซิน” “เบียร์หน่อยไหมเติร์ก” “ใจเย็นครับป้ามุกดา เดี๋ยวผมได้เมาก่อนเค้าท์ดาน์กันพอดี” “เติร์กตอนนี้อายุเท่าไหร่แล้วเนี่ย” “ผมอายุ 18 แล้วครับ อาเนียว” “เสียดายนะถ้าลูกสาวพี่โตกว่านี้อีกหน่อยว่าจะขอจองตัวเติร์กไปเป็นลูกเขยสักหน่อยย” “แหมมม เนียวมึงก็นิสัยเดิมตลอด เห็นหนุ่มหล่อๆนี่เอาใหญ่เลยนะ” “ฉันพูดจริงไหมล่ะ หล่อๆแบบนี้ท่าจะมีแฟนหลายคนแล้วแน่ๆ” เจ้าเติร์กได้แต่ยิ้มเจือนๆและแอบถอนหายใจเบาๆ เจ้าบิวที่ยืนช่วยแม่ของมันปิ้งกุ้ง หมึกและหอยที่เตาย่างอยู่นั้นมันหันมามองเจ้าเติร์กพร้อมกับส่งยิ้มและเอาที่คีบโบกทักทายไปมา “ทำไรน่ะบิวช่วยแม่พลิกกุ้งตรงนั้นหน่อยสิลูก” “ก็แมงมันเยอะอะแม่เอม บิวเลยต้องเอาที่คีบนี้โบกปัดไปมา” “แมงอะไรที่ไหน ว่าไปนั่นบิว โกหกแม่ไม่ดีนะลูก อะกุ้งแถวนี้สุกล่ะเดี๋ยวบิวคีบใส่จานไปเสิร์ฟที่โต๊ะเลยลูก” เจ้าบิวเลยเอาที่คีบ คีบกุ้งจากเตาย่างจัดใส่จาน 2 ใบและยกไปยังโต๊ะอาหาร “ลุงเหลาค๊าบบบอันนี้กุ้งเผาค๊าบ” “อ่าขอบใจครับบิว ขอบใจ” เจ้าบิวมันเลยถืออีกจานเดินไปหาเจ้าเติร์ก “พี่เติร์กค๊าบกุ้งเผาค๊าบบยังสดๆร้อนเลยค๊าบ” เจ้าเติร์กที่กำลังคุยกับอาเนียวและป้ามุกดาถึงกับหันมามองด้วยความประหลาดใจ“โหบิวทำไมมีแต่กุ้งตัวใหญ่และไข่เต็มท้องทั้งนั้นเลยล่ะ” “ก็บิวอยากเลือกสิ่งดีๆให้พี่เติร์กไงค๊าบ” “หืมมมแล้วบิวไม่กินรึไงมานั่งกินด้วยกันกับพี่ก็ได้บิว” “ไม่อะค๊าบบให้พี่เติร์กก่อนเลยบิวตั้งใจปิ้งให้พี่เติร์กแล้ว” “ในระหว่างนั้นเจ้าบอลเดินเดินจานกุ้งที่มันยังกินไม่หมดอ้อมโต๊ะเข้ามาหาทั้งสอง“พี่เติร์ก แกะเปลือกกุ้งให้บอลหน่อยจิคัฟฟ บอลแกะไม่ได้อะกุ้งตัวใหญ่เปลือกมันแข็ง” “มะเดี๋ยวพี่แกะให้” เจ้าบิวถึงกับยื่นมือเข้ามาจับจานน้องของมันทันที “บอล เดี๋ยวพี่แกะให้ อย่าเพิ่งไปกวนพี่เติร์กเลย ให้พี่เติร์กได้กินกุ้งร้อนๆก่อน มะบอลมากับพี่พี่เติร์กค๊าบบิวไปช่วยแม่เอมก่อนนะ ถ้าอันอื่นสุกแล้วเดี๋ยวจะยกมาให้อีกค๊าบ”ทันทีที่พูดจบเจ้าบิวมันเลยจูงแขนน้องของมันออกไปนั่งแกะเปลือกกุ้งให้กับเจ้าบอลตรงข้างๆน้าเอม เวลาล่วงเลยผ่านไปจนกระทั้ง 23.50 น. เจ้าบิวนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงแม้ว่ามันจะพยายามข่มตาหลับยังไงแต่มันก็ไม่มีท่าว่าจะง่วงนอนเลย มันเลยหันไปหาเจ้าบอลที่นอนอยู่ข้างๆมัน “บอล บอล หลับยัง บอลได้ยินพี่ไหม” เจ้าบิวพยายามสะกิดปลุกเจ้าบอลให้ตื่นแต่ไม่ว่ามันจะสะกิดหรือเรียกยังไงเจ้าบอลยังคงนอนนิ่งอยู่เหมือนเดิมมันเลยลุกจากเตียงไปสวมเสื้อกันหนาวและเดินออกไปนอกห้อง มันเดินไปยังระเบียงไม้พร้อมกับทอดสายตามองไปยังสนามหญ้าตรงหน้าซึ่งห่างจากบ้านพักไป 200 เมตรซึ่งพวกเพื่อนๆอาปลื้มและน้าเอมได้ตั้งเต้นท์นอนกันโดยแต่ละคนในตอนนี้นั้นกำลังนั่งเก้าอี้คนละตัวร้องเพลงและกินดื่มกันอย่างสนุกสนานอยู่รอบๆกองไฟ เจ้าบิวยืนมองได้ชั่วครู่ลมหนาวบวกกับอากาศที่เย็นตัวลงถึง15 องศาที่พัดผ่านมาทำให้มันหนาวสะท้านใบหน้าก่อนจะสั่นลงไปทั่วร่างมันเลยตัดสินใจหันเดินเพื่อจะเดินกลับเข้าห้อง ระหว่างนั้นแสงหลอดไฟสีส้มหน้าระเบียงที่สาดส่องออกไปทำให้หางตาของมันเห็นใครคนหนึ่งสวมเสื้อกันหนาวสีเทาหนาพร้อมกับดึงหมวกจากเสื้อกันหนาวขึ้นมาคลุมศีรษะและสวมถุงมือสีดำนั่งจิบเครื่องดื่มร้อนๆอยู่ตรงแคร่ไม้ไผ่บริเวณเนินชมดาวอยู่คนเดียวเจ้าบิวมันเลยมองและเพ่งสายตาไปยังแคร่ไม้ไผ่ดังกล่าว ด้วยลักษณะรูปร่างสูงล้ำและท่าทางการนั่งที่คุ้นหูคุ้นตามันเจ้าบิวถึงกับนึกขึ้นในใจ “พี่เติร์ก!!” ก่อนที่มันรีบเดินเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว “พี่เติร์กกกกกกก”เจ้าบิวลากน้ำเสียงลอยๆเอื้อยยเรียกเจ้าเติร์กทำเอาเจ้าเติร์กที่กำลังยกแก้วขึ้นมาดื่มถึงกับสะดุ้งตกใจจะเกือบจะลุกหนี “ใครน่ะ?? บิว โหยยคราวหลังอย่าทำแบบนี้นะ พี่ตกใจจริงๆนะครับ” เจ้าบิวถึงกับหัวเราะและเดินมานั่งข้างเจ้าเติร์ก “ฮ่าๆๆ บิวก็เอาคืนพี่เติร์กไงที่ทำบิวร้องไห้” เจ้าเติร์กที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวถึงกับหมั่นไส้ขึ้นมา มันเลยเอาแก้วที่ถือในมือยกเอาก้นแก้วมาเคาะยังหัวเจ้าบิวเบาๆ “โอยยยพี่เติร์กอะ ไมชอบแกล้งบิวนักล่ะค๊าบ” “อืมมใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายเริ่มก่อนล่ะหืมม” เจ้าบิวถึงกับรีบก้มหน้าและอมยิ้ม “หนาวนะค๊าบพี่เติร์ก เย็นเจี๊ยบเลยครับที่นี่” “หนาวแล้วทำไมไม่เข้าห้องไปนอนล่ะออกมาแบบนี้ระหว่างแม่จะว่าเอานะ” “ก็บิวนอนไม่หลับนิค๊าบทีแม่กับพี่เติร์กยังออกมาได้เลย” “หืมมมเดี๋ยวนี้รู้จักต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่แล้วเหรอ” “ไม่ ใช่ สัก หน่อย บิวแค่พูดตามที่บิวเห็น” “โอ๊ะโอ่ จุกเลย งั้น งั้นพี่ไม่เถียงบิวล่ะ” “พี่เติร์กดื่มอะไรอยู่เหรอค๊าบบกลิ่นหอมจังเลย” “อ๋อโกโก้ร้อนน่ะบิวจะดื่มไหมครับ เดี๋ยวพี่ลุกไปชงมาให้” เจ้าบิวยิ้มส่ายหัวไปมาทันที “ไม่เป็นไรค๊าบพี่เติร์กบิวแปรงฟันแล้ว บิวแค่อยากรู้เฉยๆน่ะ” “แต่อากาศมันเย็นมากนะบิวพี่ว่าดื่มสักแก้วหน่อยไหม ตัวจะได้อุ่นๆ” “แค่บิวได้นั่งข้างๆพี่เติร์กแบบนี้ บิวก็อุ่นแล้วค๊าบบ”เจ้าเติร์กถึงกับเอามือขวาไปยีๆหัวเจ้าบิวไปมา “หืมมมตัวแค่นี้แต่ยอเก่งเหมือนกันนะเรา” เจ้าบิวถึงกับรีบเอามือขึ้นไปจับมือของเจ้าเติร์กที่กำลังยีๆหัว “โอ้ยยยยเจ็บบบบพี่เติร์ก มือพี่เติร์กไปโดนขมับตรงที่พี่เติร์กตีอะบิวเจ็บค๊าบบ” เจ้าเติร์กถึงกับเอามือทั้งสองมาลูบและเป่าหัวยกใหญ่ “เอ้ยๆโทษนะบิว เจ็บมากไหมน่ะ” เจ้าบิวถึงกับหัวเราะคิกๆขึ้นมา "ขำไรน่ะ” “บิวหายนานแล้วค๊าบบบิวแค่หยอกพี่เติร์กเล่นเฉยๆค๊าบ” “อื้มม อะแฮ่มมระวังไว้น้า พี่ว่าถ้าบิวโดนอีกสักมัดนี่บิวคงไม่ว่าอะไรพี่นะ เฮอๆ” “ไม่เอาพี่เติร์กไม่ตีไม่ตี พี่เติร์กใจดีไม่ตีบิวเนาะ ว่าแต่ไมพี่เติร์กถึงมานั่งคนเดียวล่ะค๊าบไม่ไปอยู่กับพวกของพ่อปลื้มเหรอค๊าบ” “มันวุ่นวายน่ะ พี่เลยแยกออกมา” “หมายถึงมันไม่สนุกเหรอค๊าบบ” “ไม่ได้หมายความว่างั้น พี่หมายถึงพี่อยากจะมานั่งอยู่คนเดียวน่ะมันสบายใจดี” “แล้วทำไมพี่เติร์กถึงชอบมานั่งคนเดียวล่ะค๊าบตอนที่อยู่บ้านก็เหมือนกัน พี่เติร์กดูแปลกไปยังไงไม่รู้ดูยังกับไม่ใช่พี่เติร์กคนเดิมเลย พี่เติร์กเป็นอะไรเหรอค๊าบ บอกบิวได้ไหม”เจ้าเติร์กถึงกับนิ่งเงียบไป “อื้มมงั้นบิวไม่ถามล่ะค๊าบบพี่เติร์กมาเที่ยวนี้สนุกไหม” “บิวครับ” “ค๊าบพี่เติร์ก?” “ถ้า…ถ้าเอิ่มม ถ้าบิวสนิทกับใครสักคนจนผูกพันมากๆและถ้าวันหนึ่งคนๆเค้าเลิกยุ่งกับบิวไปโดยไม่มีสาเหตุบิวจะทำไงครับ” เจ้าบิวถึงกับทำหน้างุนงงด้วยความสงสัย “อื้มมมมม บิวก็ก็บิวก็ต้องไปถามเค้าแหละครับว่าทำไมถึงเลิกยุ่งกับบิว” “สมมุติถ้าเค้าคนนั้นไม่ยอมบอกบิวล่ะแถมหลบหน้าบิวด้วย” “บิวก็จะตื้อถามไปเรื่อยๆจนกว่าเค้าจะบอกว่าทำไม แต่ถ้าเค้าไม่ยอมบอกจริงๆบิวก็จะอยู่เฉยๆและทำในสิ่งที่บิวเคยทำให้ดีที่สุด” “ทำแบบนั้นแล้วบิวไม่น้อยใจรึเสียใจหรอครับที่เค้าทำแบบนั้น” “บิวก็คงร้องไห้เลยแหละมั้งพี่เติร์ก ถ้าเป็นแบบนั้นจริงนะแต่ในเมื่อเค้าไม่ยอมบอกเราทั้งที่บิวพยายามแล้ว บิวก็จะอยู่เฉยๆและหาอะไรทำให้บิวมีความสุขดีกว่าค๊าบดีกว่าต้องไปคิดมากกับเรื่องของเค้า” “แล้วถ้าบิวไปเจอหรือเห็นหน้าเค้าล่ะบิวจะทำยังไง” “บิวก็คงจะทักแหละค๊าบแต่ถ้าทักแล้วยังไม่ตอบบิวก็จะยิ้มให้เค้าครับเค้าจะได้คิดว่าเรามีความสุขดี ทำไมเหรอค๊าบ พี่เติร์กทะเลาะกับใครอยู่เหรอ” “ป่าวพี่แค่ถามเล่นๆดูน่ะ” “พี่เติร์กแม่เอมเคยพูดกับบิวไว้ด้วยนะว่าเวลาจะทำอะไรก็ต้องรู้จักเผื่อใจไว้เสมอในทุกๆเรื่องอย่าทุ่มลงไปจนหมดทีเดียวเพราะสิ่งที่แน่นอนที่สุดคือความไม่แน่นอน มีความสุขกับปัจจุบันและทิ้งทุกข์ไว้สอนใจค๊าบพี่เติร์กคือบิวก็ไม่ค่อยเข้าใจนะค๊าบแต่แม่เอมมักพูดย้ำคำนี้กับบิวตลอดจนบิวจำได้แหละ” เจ้าเติร์กถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก “อะ อืมนั่นสินะบิว” “อะไรหรอค๊าบนั่นสินะ??” “ป่าวไม่มีอะไรหรอกบิว ช่างมันเนาะ” ทันใดนั้นเจ้าเติร์กได้ล้วงบางสิ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาว “บิว นี่ครับ พี่เอาเศษต้นดอกคอสมอสที่มันฟุ้งกระจายมาร้อยๆเข้าด้วยกันใหม่ดอกมันอาจร่วงๆไปบ้าง มันเลยดูไม่ค่อยสวยเท่าไหร่น่ะ อะนี่ค๊าบพี่ซ่อมให้ล่ะ” เจ้าบิวยื่นมือไปรับกำไลดอกไม้ด้วยความดีใจก่อนที่มันจะเงยหน้าสบตามองเข้าไปยังนัยต์ตาเจ้าเติร์ก “พี่เติร์กเก็บไว้นะค๊าบบิวกำไลนี้บิวอธิฐานไว้ตอนที่มอบให้พี่เติร์กไปแล้ว” “แล้วบิวอธิฐานอะไรให้พี่ล่ะครับ” “ไม่บอก…” ทันใดนั้นเสียงพลุดัง ตู้มๆมาแต่ไกลพร้อมกับเสียงโห่ร้องเพลงสวัสดีปีใหม่ของพวกเพื่อนๆอาปลื้มที่อยู่ไม่ไกลจากทั้งสอง “ ปีใหม่แล้วนะบิว บิวครับ สวัสดีปีใหม่นะ” “สวัสดีปีใหม่เช่นกันค๊าบพี่เติร์ก” “เห้ออผ่านไปอีก 1 ปีเนาะบิว” “แต่มันเป็น 1 ปีที่มีความสุขที่สุดสำหรับบิวเลยค๊าบพี่เติร์ก” “ขนาดนั้นเชียว แล้วใน 1 ปีนี้บิวว่าวันไหนที่บิวชอบที่สุดครับ” เจ้าบิวถึงกับอมยิ้มและหันไปมองหน้าเจ้าเติร์ก “ก็…วันนี้ครับ บิวชอบวันนี้มาก วันนี้บิวมีความสุขที่สุดเลยค๊าบบพี่เติร์ก” “เจ้าเติร์กถึงกับยิ้มจนพูดไม่ออกก่อนที่มันจะรีบแหงนหน้ามองไปบนฟ้า “เอ่อบิว ดาวบนฟ้าสวยดีนะ ถ้าไม่ได้มาที่นี่คงไม่ได้เห็นแบบนี้นะบิว”เจ้าบิวถึงกับแหงนมองขึ้นไปอีกคน “โอ้โหหห ดาวเต็มฟ้าไปหมดเลยค๊าบบยังกะจะเอื้อมมือไปจับมันได้เลยพี่เติร์ก” “ถ้าจับได้นะ” “พี่เติร์กดาวทั้งหมดบนฟ้าเป็นร้อยเป็นพันเนี่ยมันมีชื่อไหมค๊าบบ” “มีสิบิวนอกจากมีชื่อแล้วดาวเกือบทุกดวงบนท้องฟ้ามีเรื่องราวและที่มาที่ไปด้วยนะ” “งั้นสอนให้บิวหน่อยสิเริ่มจากชื่อดาว” นับเป็นช่วงเวลาแสนมหัศจรรย์ของทั้งสองที่ได้ใช้เวลาร่วมกันเป็นส่วนตัวแม้ว่าเจ้าบิวจะไม่ค่อยเข้าใจกับความรู้สึกที่บังเกิดขึ้นในหัวใจ ณ ขนาดนี้แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เจ้าบิวอยากทำให้ช่วงเวลาอันอบอุ่นนี้นี้ยืดยาวออกไปไม่สิ้นสุด “พอจำได้ไหมค๊าบที่พี่บอกไป” “ก็ พอจำได้บ้างค๊าบบบ” “จริงเหรอไหนลองชี้บอกพี่สิครับ” “เอิ่มมมขออีกรอบค๊าบอีกรอบหนึ่ง” “เฮ้อ อะรอบสุดท้ายนะ คราวนี้พี่กับบิวลองมานับหมู่ดาวไปพร้อมๆเลยกันนะจะได้จำง่าย อะพร้อมกัน” เวลา 00.36 น. “โอ้ยยเงยจนปวดต้นคอปวดล่ะนิพอแค่นี้ก่อนดีไหมบิว ตอนนี้พี่หนาวโครตๆเลย” เจ้าเติร์กหันไปมองเจ้าบิวที่ยืนตัวสั่นเช่นเดียวกับมัน “บิวก็คิดเหมือนพี่เติร์กแหละค๊าบบ นะนะหนาวมาก” “งั้นพี่ว่าเราแยกย้ายกันเหอะครับตอนหัวค่ำเห็นพ่อบิวบอกว่าพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าเพราะมีทริปต่ออีก” “งั้นคืนนี้บิวขอไปนอนกับพี่เติร์กนะค๊าบบ” “ไม่ได้เดี๋ยวแม่ว่าเอา” “ไม่เป็นไรหรอกค๊าบบพี่เติร์กก็ไลน์ไปบอกแม่สิครับ ถ้าพี่เติร์กเป็นคนขอยังไงแม่ก็ไม่ว่าอยู่แล้ว” “ตามใจบิวล่ะกัน แต่เข้าไปเนี่ยไม่เล่นกันแล้วนะ เพราะพี่จะนอนล่ะ”เจ้าบิวมันเลยพยักหน้าและเดินตามหลังเจ้าเติร์กกลับที่พักไปเมื่อทั้งสองมาถึงห้องเจ้าเติร์กมันเดินไปหยิบโทรศัพท์ที่มันเสียบชาร์ตไว้ที่เตียงขึ้นมานั่งพิมพ์ตอบไลน์และข้อความต่างๆที่ส่งเข้ามาทักทายมันพร้อมกับพิมพ์แชทบอกน้าเอมเรื่องบิวมานอนค้างด้วย จากนั้นมันจึงวางโทรศัพท์และเดินเข้าห้องน้ำไปแปรงฟันและเมื่อทำธุระเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าเติร์กเดินมากดปิดไฟห้องและขึ้นไปทอดกายนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวในขณะที่ตาของมันกำลังจะหลับลงนั้นมันถึงกับสะดุ้งตกใจเมื่อเจ้าบิวที่นอนอยู่อีกเตียงมุดแทรกตัวมานอนหนุนหมอนใบเดียวกันเจ้าเติร์ก “บิวทำไรน่ะ ไม่นอนคนละเตียงล่ะ” “ไม่เอาค๊าบพี่เติร์กบิวอยากนอนกับพี่เติร์กอีกอย่างนอนด้วยกันสองคนมันอุ่นกว่าเยอะค๊าบบ” “พูดยังกะเป็นเด็กเล็กไปได้นะบิวไหนเคยบอกพี่ว่าโตแล้วไม่ใช่เหรอ “ถ้าได้นอนกับพี่เติร์กทั้งคืนงั้นวันนี้ผมขอเป็นเด็กเล็กซึ่งมันก็เป็นอย่างงั้นอยู่แล้ว แหะๆ คืนนี้บิวขอไม่โตนะค๊าบพี่เติร์ก” “อืมๆงั้นบิวก็อย่านอนดิ้นจนเผลอถีบพี่ตกเตียงละกัน” “ค๊าบบ ผมจะไม่ดิ้นไม่กระดุกกระดิกเลยยกเว้นที่ปอดกับหัวใจนะค๊าบที่ต้องดิ้น ไม่งั้นเดี๋ยวบิวตาย” “ถามจริงนี่ไปเอามุขพวกนี้มาจากไหนเนี่ยแต่ก็ช่างมันเหอะไว้ค่อยว่ากันพรุ่งนี้ ปะนอนๆครับพี่ง่วงล่ะ” หลังจากเจ้าเติร์กนอนไปได้เกือบครึ่งชั่วโมงมันก็ต้องตกใจตื่นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับความเสียวที่จู่โจมบริเวณท่อนลำของมัน “ซี้ดดดด อึ้ยยยย ซี้ดดด พะพอแล้วววว” เจ้าเติร์กที่นอนอยู่ถึงกับชันตัวขึ้นมาดูเจ้าบิวที่มุดตัวใต้ผ้าห่มบริเวณหว่างขาของมันเจ้าบิวที่ตั้งหน้าก้มดูด K อยู่นั้นถึงกับถอนปากออกมา “พี่เติร์กค๊าบบอย่าเพิ่งขัดบิวสิค๊าบบ” มันพูดพร้อมกับใช้ลิ้นเลียหัวKไปมา “ไม่เอาแล้วบิวพี่นอนไม่ได้ครับ บิวไม่ง่วงรึไง “ตามใจบิวหน่อยสิค๊าบพี่เติร์ก บิวยังไม่ง่วงเลย บิวไม่ได้ทำแบบนี้ตั้งหลายเดือนแล้วนะค๊าบบเนี่ยยเห็นไหมจู๋พี่เติร์กแข็งโด่ขนาดนี้แล้ว ให้บิวทำต่อนะค๊าบบ” “พี่ว่านอนเหอะบิว เดี๋ยวมันก็ลงเองค๊าบบ” “ไม่เอาบิวทำมันตื่นแล้วบิวก็ต้องเอามันนอนให้ได้ค๊าบบบ” ทันทีที่พูดจบเจ้าบิวถึงกับรีบก้มเอาปากครอบต่อทันที อืมมจ๊วบๆๆด้วยความเสียวจี๊ดที่บังเกิดขึ้นมาเป็นระลอกทำเจ้าเติร์กถึงกับอ่อนใจมันเลยค่อยๆโน้มตัวนอนลงบนเตียงและยินยอมปล่อยให้เจ้าบิวใช้ปากดื่มด่ำกับหัวเห็ดบานๆของมันให้หายอยาก “อืมมมบิวซี้ดดด อืมมมมพี่เสียวมากเลยครับ ตวัดลิ้นไปมาแบบนั้นอีกสิครับ ซี้ดดอาหหหหซี้ดด อืมมม เก่งมาก อื้มมมมซีดดด อื้มมมมม” แม้ว่าอากาศโดยรอบจะเยือกเย็นมากเพียงใดแต่สำหรับเจ้าเติร์กแล้วมันถึงกับร้อนวูบวาบไปทั่วกายด้วยความเสียวซี้ดดซาดดที่ยังกระจายไปทั่วร่าง มันได้แต่บิดหน้าเกร็งมือทั้งสองกำไว้แน่นปึก ด้วยอุณหภูมิในร่างกายที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นทั้งสองถึงกับเหงื่อแตกเป็นเม็ดๆเจ้าเติร์กมันเลยใช้มือดึงผ้าผ้าห่มที่คลุมโปงออกไปไว้ด้านข้างแสงไฟสลัวจากภายนอกที่ส่องเข้ามาทำให้มันเห็นกางเกงของมันถูกดึงรั้งไปไว้ตรงตาตุ่มพร้อมกับเจ้าที่ที่นอนแทรกตัวอยู่ตรงหว่างขาและตั้งหน้าตั้งตาผงกหัวขึ้นลงดูดอมท่อนลำอย่างตายอดตายอยากจนเห็นแก้มของมันบวมตุ่ย ตอบลีบ สลับกันไปมาได้อย่างชัดเจนเจ้าเติร์กมันเลยถอดเสื้อของมันออกเผยให้เห็นสรีระอันเรียบเนียนและกำยำไปด้วยกล้ามเนื้อ ก่อนที่มันจะทิ้งตัวนอนลงกลับไปอีกครั้ง ส่วนเจ้าบิวที่ได้เห็นผิวอันเรียบเนียนและซิกแพกบนหน้าท้องเป็นลอนๆ มันถึงกับพุ่งพล่านจนเอามืออีกข้างจับขาอ่อนบีบและลูบคลำไปมามันออกแรงดูดหัวเห็ดที่เบ่งบานให้อุ้งปากและตวัดลิ้นเลียไปมาอย่างรุ้มเร้าจนเจ้าเติร์กเริ่มเกร็งตัวและหน้าท้องก่อนจะปลดปล่อยน้ำเชื้อที่ไม่เอาออกเกือบสี่เดือนให้พวยพุ่งเข้าสู้อุ้งปากของมันอย่างฉับพลัน ส่วนเจ้าบิวไม่รอช้ามันรีบก้มตัวเอาปากครอบอมให้ลึกที่สุดพร้อมกับกลืนน้ำเชื้อดังกล่าวจนเกิดเป็นเสียงอึกๆดังอย่างชัดเจนด้วยน้ำเชื้อที่พวยพุ่งมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากทำเอาเจ้าบิวถึงกับไม่ไหวจนต้องรีบถอนปากออกทันใดเลยทำให้น้ำเชื้อดังกล่าวพุ่งขึ้นจากปลายท่อนลำและตกเลอะตามหน้าท้องและหน้าอกของเจ้าเติร์กเป็นจำนวนมาก เจ้าเติร์กถึงกับหอบหายใจด้วยความเหนื่อยแต่มันก็ต้องตกใจอีกครั้งเพราะจู่ๆมันสัมผัสได้ถึงปลายลิ้นน้อยๆและริมฝีปากบางๆของเจ้าบิวมาเลียและตอดดูดน้ำเชื้อที่เลอะอยู่ตามหน้าอกจ๊วบๆ เจ้าบิวมันดูดน้ำเชื้อที่ติดหัวนมซ้าย หน้าอกและลงไปยังหน้าท้องมันค่อยๆตอดเลียน้ำเชื้อที่ยังติดตามกล้ามซิกแพคเป็นลอนๆก่อนจะกลับไปที่ท่อนลำและเลียบริเวณส่วนหัวพร้อมกับออกแรงดูดเอาน้ำจากภายในออกมาจนหมด มันเลยลุกขึ้นมานั่งตรงหว่างขาทำหน้าผะอืดผะอมเล็กน้อยและเช็ดปากไปมาเจ้าเติร์กที่นอนหอบแฮ่กๆจนหายเหนื่อยแทนที่มันจะรู้สึกเพลียหลังจากผ่านศึกหนักมาแต่มันกลับรู้สึกงุ่นง่านจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้งท่อนลำของมันยังคงแข็งใหญ่หัวเบ่งบานจนชี้โด่และไม่มีทีท่าจะอ่อนลง มันเลยชันตัวลุกนั้งพร้อมกับเอามือทั้งสองจับท่อนลำที่แข็งเหมือนกับท่อนไม้ไว้แน่นเจ้าบิวถึงกับเอ่ยปากถาม “พี่เติร์กดูดสิค๊าบบมันแข็งยิ่งกว่าเก่าอีก” เจ้าบิวพูดพร้อมกับเอามือไปกำบีบๆ “ใหญ่จังเลยค๊าบบสงสัยบิวต้องได้ทำอีกรอบล่ะ” เจ้าเติร์กหันมองหน้าเจ้าบิวความสายตาที่บ่งบอกถึงความเงี่ยน “พี่ว่า คราวนี้พี่ขอทำบ้างสิ ให้บิวทำอยู่ฝ่ายเดียวพี่ว่ามันไม่แฟร์นะ” เจ้าบิวถึงกับทำหน้างง “แล้วพี่เติร์กจะทำไรอะค๊าบ” เจ้าเติร์กมันยิ้มและใช้มือทั้งสองจับข้อมือเจ้าบิวสองข้างไว้มั่นและดันโน้มนอนหงายไปที่เตียง “พี่เติร์กจะทำแบบตอนนี้อีกหรอค๊าบบ” “ครับพี่อยากลองทำแบบนี้ดูบ้างน่ะบิวทนหน่อยได้ไหม” สองมือเข้าเจ้าเติร์กที่จับข้อมือเจ้าบิวไว้มันสัมผัสได้ถึงแรงสั่นไปทั่วตัวเบาๆด้วยความหวาดกลัวของเจ้าบิว “บิวทนหน่อยได้ไหม ตอนนั้นพี่ทำได้แค่แปปเดียวเอง” “ก็ ก็ กะก็ได้ค๊าบแต่พี่เติร์กอย่าทำบิวเจ็บนะ บิวกลัว” เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าเติร์กมันเลยเอื้อมไปหยิบออยข้างหัวเตียงมาทาชะโลมท่อนลำจนชุ่ม และจับขาทั้งสองของเจ้าบิวดึงกางเกงออกพร้อมกับจับขาอ้าออกเจ้าเติร์กลุกนั่งชันเข่าใช้มือทั้งสองดึงตัวเจ้าบิวเข้ามาและจับล็อกขาเจ้าบิวไว้มั่นก่อนจะเอาปลายท่อนลำหัวบานๆไปจ่อที่รูทวารพร้อมกับออกแรงกดเข้าไป “อืออออออออืมมมม” เจ้าบิวถึงกับร้องครางขึ้นมาในลำคอเจ้าเติร์กยังคงออกแรงกดให้ปลายหัวเห็ดค่อยๆจมลงไปในรูทวารและดันต่อไปเรื่อย “อืออบิวจุกค๊าบบพี่เติร์ก เอาออกก่อนได้ไหม อือออ” เจ้าเติร์กมันค่อยๆดันถอยออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะดันกลับเข้าไปอย่างช้าๆอีกรอบ“อือออพี่เติร์ก ดันเข้ามาอีกแล้วหรอเจ้าบิวถึงกับดิ้นตัวไปมาเล็กน้อย “จุกกอะค๊าบบบบิวจุกกอืออออ”เมื่อมันดันไปได้ถึงครึ่งลำมันเลยดันถอยออกมาและดันกลับเข้าไปใหม่ช้าๆ มันทำแบบนั้นซ้ำไปมา 5 – 6 ครั้ง จนมันค่อยๆออกแรงซอยให้เร็วขึ้นมานิดๆ “ซี้ดดดดบิวทนหน่อยนะ อ่าหหหห” “อืออพี่เติร์กอือออบิว บิว อืออออ พี่เติร์ก” เจ้าเติร์กยังคงออกแรงซอยอย่างต่อเนื่อง“อืมมมบิว ซี้ดดดด สุดยอดไปเลยครับ มันแน่นจริงๆเลยบิวววว” เจ้าบิวเองถึงกับเกร็งหน้าด้วยความจุกบริเวณก้นจนมันต้องเอามือไปจับมับยังแขนที่เจ้าที่กำลังจับล็อกขาทั้งสองของมันอยู่ในระหว่างที่เจ้าเติร์กกำลังซอยเข้าออกอยู่นั้นความรู้สึกจุกแน่นจนแทบจะทำให้รูทวารของมันแหกออกค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความสยิวแปลกๆอย่างเจ้าบิวไม่เคยพานพบ จนตัวของมันที่เกร็งด้วยความจุกและทรมาณค่อยๆคลายตัวอ่อนระทวยจนมันต้องกัดฟันไว้แน่น “พะพะพะ พี่เติร์ก บิวรู้สึกแปลกกกจังค๊าบบบ” “อืมมมซี้ดดดด แปลกยะยังไงหรอบิววซี้ดอืมมม” “ไม่รู้สิบิวรู้แต่ว่ามันแปลกๆค๊าบบบอือออืออ” “อ่าหหหอืมมมมแล้วบิวชอบไหมล่ะครับ” “บิวไม่รู้อือออบิวเพิ่งเคยรู้สึกแบบนี้ครั้งแรกค๊าบบพี่เติร์กอืออ”เจ้าเติร์กมันเลยเร่งจัดหวะซอยถี่ขึ้นๆ จนเกิดเสียงเอี๊ยดๆของเตียงไม้ดังขึ้นอย่างต่อๆเนื่อง “อ่าหหบิว บิว ค๊าบบ พี่จะ อ่าหห ซี้ดดดดเสียวสุดๆเลยครับบิว” “บิวก็ อือออเหมือนกันค๊าบบบ” เจ้าเติร์กถึงกับเร่งจังหวะเร็วขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับจับขาเจ้าบิวทั้งสองไว้แน่นไม่นานนักเจ้าเติร์กกระตุกตัวงึกๆปลดปล่อยน้ำเชื้อออกมาอีกครั้งเจ้าบิวที่นอนหลับตากัดฟันด้วยความเสียวอยู่นั้นมันรับรู้ได้ถึงน้ำอุ่นๆที่พวยพุ่งเข้าสู่ภายในตัวของมัน สองมือของมันที่บีบกำผ้าปูที่นอนไว้จนยับค่อยๆคลายออกด้วยความรู้สึกผ่อนคลายทั้งสองหอบหายใจและค้างอยู่ในท่านั้นเกือบ 1 นาทีจนทั้งสองลงไปทอดตัวนอนลงบนเตียงอยู่คนละฝั่งเจ้าบิวถึงกับรีบเอามือไปปาดเช็ดน้ำเชื้อที่ไหลออกมาจากรูทวารของมันไปมาก่อนจะเอามือข้างดังกล่าวขึ้นมาส่องดูว่ามีเลือดออกหรือไม่ เมื่อความเงี่ยนของเจ้าเติร์กถูกบรรเทาลงด้วยการเย็ดครั้งแรกของมันมันเลยดึงกางเกงขึ้นมาสวมพร้อมกับเสื้อของมันที่ถอดอยู่ข้างๆมัน “บิวครับ พี่ขอโทษนะตอนช่วงๆท้ายพี่เผลอทำแรงไปหน่อยน่ะ บิวไม่เป็นไรนะ” “อืออ บิวเจ็บนิดหน่อยแต่ก็ไม่เป็นไรค๊าบบ” เจ้าเติร์กมันเลยยิ้มให้กับเจ้าบิวด้วยความเอ็นดูพร้อมกับเอามือไปลูบหัวของเจ้าบิวไปมา “ปะ พี่ว่าบิวกับพี่ก็น่าจะพอกันแค่นี้นะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้านะ เอาล่ะบิวง่วงล่ะยัง” “เริ่มง่วงแล้วค๊าบบแต่บิวขอนอนกับพี่เติร์กเหมือนเดิมนะค๊าบบ” “อืมได้สิครับ เฮ้อ ร้อนจนลืมหนาวไปเลยนะเนี่ยบิว” เจ้าบิวยิ้มหัวเราะก่อนจะซุกผ้าห่มลงไปนอนซบไหล่อยู่ข้างๆเจ้าเติร์ก เวลา6.20 น. “บิวครับ บิวได้ยินพี่ไหมครับ” เจ้าบิวที่นอนอยู่ถึงกับตกใจตื่นขึ้นมา “หืมมม หนาวววจังงง พี่เติร์ก บิวยังง่วงอยู่เลยค๊าบบบ” มันพูดด้วยน้ำเสียงงัวเงียพร้อมกับขยี้ตาไปมาก่อนจะจ้องมาไปยังเจ้าเติร์กที่ยืนถือบางสิ่งอยู่ตรงหน้ามัน “ไรน่ะค๊าบบพี่เติร์ก เอาไรมาน่ะ” เจ้าเติร์กยิ้มและยื่นแก้วนมสดให้มันดื่ม “อะ นี่บิว ตื่นเช้าๆมาพี่ว่าบิวดื่มนมอุ่นๆแก้วนี้ก่อนครับจะได้สดชื่น” ในระหว่างที่มันยื่นมือไปรับแก้วนมสดจากมือเจ้าเติร์กจู่ๆ เจ้าบิวมันรู้สึกเจ็บแปลบๆบริเวณรูทวารขึ้นมา มันสะดุ้งจนร้องอุทานพร้อมกับเอามือสอดไปกุมที่ก้นของมัน “โอ้ยยยย” เจ้าเติร์กถึงกับตกใจนิดๆ “บิว เป็นไรน่ะครับ” “บิวรู้สึกเจ็บแปลบๆที่รูก้นอะค๊าบพี่เติร์ก” ทันใดนั้นเสียงเพลงเรียกโทรศัพท์ของมันดังขึ้น “เดี๋ยวนะบิว โทรศัพท์ บิวอย่าเพิ่งขยับนะครับ ฮัลโหลว่าไงวะเชี่ยเตอร์โทรหากูแต่เช้า” เตอร์– หน้าหล่อ Happy New Year เว้ย เติร์ก– เช่นกันเว้ยมึง อย่าบอกนะว่าที่โทรมาเพราะเรื่องแค่เนี้ยยย!! เตอร์– ถ้าเรื่องแค่นี้ กูคงไม่เสียฤกษ์ยามกับแฟนกู โทรมาหามึงหรอกเว้ย เติร์ก– เอ่อๆ แล้วมีเรื่องไรวะ เชี่ยเตอร์ เตอร์– เอ่อ นี่ก็เดือนมกรา ล่ะนะเว้ยอีกไม่กี่เดือนก็จะถึงสอบปลายภาคและก็งานปัจฉิมล่ะนะมึง แล้วเรื่องที่มึงจะเรียนต่อมหาวิทยาลัยน่ะตกลงมึงได้เข้าไปอ่านเงื่อนไขใน Tcas รึยังมึง มึงลองเข้าไปอ่านดูนะเว้ย
ไว้มาต่อครับ…….
|