ทำอย่างไรให้รักยืนยาว

yaifaiz

มนุษย์ทุกคนนั้น เมื่อมีความรัก ก็ย่อมหวังให้ความรักของตนยืนยาว ไม่เลิกรากันไป แต่แล้ววันหนึ่งก็ต้องเลิกกัน ถ้ามันเป็นเช่นนั้นแล้ว จะต้องทำอย่างไรความรักจึงจะอยู่ยืนยาวได้ล่ะ

จากผลสำรวจคู่รักที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันยาวนานราวๆ100คู่ทั่วโลกของทีมงาน LoveLessons(ทำยังกะในทีวี)กล่าวว่า "เราใช้ชีวิตคู่ได้ยืนยาวเช่นนี้ได้เพราะ เราเข้าใจกัน" ใช่เลย เข้าใจกัน

"เข้าใจกัน" นับเป็นคำตอบยอดฮิตสำหรับคำถามนี้เลยทีเดียว มันเป็นคำพูดของทุกคนที่มีความรัก แต่หลังจากที่เราไปสอบถามไม่นานนัก พวกเขาก็เลิกกันด้วยคำว่า "เราเข้ากันไม่ได้"

ดังนั้น เพียงความเข้าใจกันคงไม่เพียงพอที่จะยึดความรักไว้ได้นานเท่าที่ต้องการ แล้วอะไรกันล่ะ ที่จะยื้อความรักไว้ได้

ทางเราได้ส่งทีมงานของLoveLessonsกว่า100ชีวิต(เยอะเนอะ)ไปค้นหาทั่วโลก รวมไปถึงท้องฟ้า และใต้มหาสมุทร จนในที่สุดเราก็พบสิ่งเหล่านี้

1.ความรัก - ถูกต้องเลยความรัก ถ้าเรามีความรักต่อกัน เราจะเลิกกันได้ยังไงเล่า มันเป็นไปไม่ได้แน่อยู่แล้ว

แต่หน่วยพิสูจน์หลักฐานของเราพบว่า คู่รักบางคู่ที่ยังมีความรักต่อกัน ก็สามารถเลิกกันได้ตามปกติทั่วไป(อย่างคู่พี่นิโคลกะพี่แมวไง)ดังนั้นความ รักก็คงไม่ดีพอ เราจะขอรวมไปในรายชื่อของสิ่งที่จะทำให้รักยืนยาวด้วยก็แล้วกัน แต่จะไม่นับมันอยู่ในสิ่งสำคัญนะ แล้วเราไปดูสิ่งต่อไปกัน

2.สติ - "ถ้าเรามีสติ การทำความเข้าใจกับคู่รักของเราก็ทำได้ง่ายขึ้น และนั่นหมายความว่าโอกาสการทะเลาะกันก็ลดลง ส่งผลให้การเลิกกันทำได้ยากขึ้นด้วย" นี่คือคำพูดของทีมนักสำรวจที่พบมันกล่าวมา(ถูกต้องเลย)

แต่ไม่ต้องเอาไปพิสูจน์อะไรให้เมื่อยหรอก(หา!!) ถ้าคนมันไม่ดีจริง มีสติไปก็ช่วยไม่ได้อยู่ดี(เออ จริงแหะ) ดังนั้น เราก็จะจดมันไว้เช่นกัน

3.ความเสียสละ - การยอมเสียสละความสุขของตนเองเพื่อให้คู่รักมีความสุข อื้มม เหตุผลนี่ฟังดูเข้าท่าแหะ(ใช่ๆ)

แต่เมื่อเรานำตัวอย่างมาทดลองกับหนูทดลองในห้องวิจัยของเรา(ทดลองกับหนู เนี่ยนะ)กลับพบว่า ถ้าความสุขที่คู่รักต้องการคือการมีคนใหม่ คุณก็ลองเสียสละดูสิ แล้วรักจะยืนยาวมั้ยล่ะ ดังนั้น เราก็จะจดมันไว้

มีอีกหลายสิ่งที่เรานำมาค้นคว้าและผลปรากฏว่าล้มเหลว โดยสิ่งหนึ่งที่ให้ผลใกล้เคียง ที่จริงควรจะเรียกว่าได้ผลด้วยซ้ำคือ ทิฐิ

ทิฐิสามารถทำให้รักยืนยาวได้อย่างไร นักวิทยาศาสตร์ระดับศาสตราจารย์(มันองค์กรณ์อะไรกันเนี่ย ใหญ่โตชะมัด)ของเราได้ทำการรายงานผลการทดลองว่า หากหยดสารเคมีXลงในทิฐิ3หยด(บวกกับน้ำตาล และของกุ๊กกิ๊ก ทิฐิก็จะกลายเป็นPowwerPuffGirlช่ายมะ)- -" ทิฐิก็จะดูดซึมสารเคมีX(และบึ้ม!! กลายเป็นโกโก้ครั้นช์) เติมนมนิดหน่อยอร่อยดี ... ไม่ใช่!!~ ใครปล่อยให้มันเข้ามาห๊ะ รปภ.!!!
เอาล่ะครับ ผมขอเล่าต่อเลยก็แล้วกัน หลังจากดูดซึมสารเคมีXไป ทิฐิก็จะกักเก็บสารเคมีXเอาไว้ และทำการแยกออกจากกันได้ยากมากทีเดียว ซึ่งหากแทนค่าX=ความรักลงในสมการละก็ จะหมายความว่า ทิฐิจะทำให้ความรักอยู่ได้ตลอดไป และไม่อาจแยกออกจากกัน

แต่ผลการทดลองนี้ได้ถูกนำไปวิจัยต่อด้วยองค์การNASA(LAPAO)และพบว่า การใช้ทิฐินั้นทำให้รักยืนยาวได้จริง แต่ไม่ทำให้เกิดความสุขกับฝ่ายใด นั่นหมายความว่า สิ่งที่ทิฐิยึดไว้ได้ ไม่ใช่รักแท้ ดังนั้น เราจะไม่ทำการจดทิฐิไว้(คุณทำดีที่สุดแล้ว แต่ยังดีไม่พอสำหรับรัก เชิญครับ!!!)

.......รปภ.!!(เง้ออ ผมไม่ทำอะไรหรอกน่า ขออยู่ด้วยเหอะน้าา~) - -* เออๆ ก็ได้ฟะ

ต่อกันเลยนะครับ หลังจากการค้นหาที่ทำมานานนับ10ปี(ถึงหรอ?)

....(นึกซะว่าเสียงหมูเสียงหมาก็ได้น่า)

สุดท้าย เราก็ต้องสั่งทำการยกเลิกการค้นหาไป และเตรียมตัวที่จะพับโปรเจกต์นี้เก็บ(จบละหรอเนี่ย)แต่เมื่อหนึ่งในทีมงาน ของเรายกนาฬิกาขึ้นมาด้วยความคิดถึงลูกเมียและอยากกลับบ้านเต็มที เราก็ได้พบกับสิ่งสุดท้าย(พระเจ้าช่วยกล้วยเน่าเขาเจอแล้ว!!)

เวลา นั่นคือตัวแปรสำคัญของหลายๆสิ่ง ทั้งการเกิด-ตาย การเสื่อมสภาพ การเปลี่ยนแปลง รวมทั้ง ความรัก

เราได้ทำการจับตัวเวลามาทดลองทันที(จับเวลาได้ด้วย! คนอะไรเก๊งเก่ง)แล้วก็ได้ผลการทดลองดังนี้

เมื่อคู่รักได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมาสักพักหนึ่ง ก็จะเริ่มเกิดความหน่ายกับคู่ของตน ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีว่าด้วยมนุษย์ของศาสตราจารย์อาริงาโตอีสเตท(ใครฟะ ไม่เห็นเคยได้ยินเลย) จะทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกอยากออกห่าง อยากเป็นส่วนตัวกันมากขึ้น ซึ่งเมื่อเกิดช่วงเวลานี้ คู่รักหลายคู่จะฝืนทนอยู่ต่อกันไป โดยที่ไม่เข้าใจหรือลืมไปว่า ความเบื่อหน่ายนั้นเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคน

และการทนอยู่ต่อไป ก็ทำให้เกิดการทะเลาะกัน ไม่เข้าใจกัน เริ่มมองคู่ในแง่อื่นๆมากขึ้น และจนเลิกรากันไปในที่สุด ซึ่งทำให้ความรักที่ผ่านมาต้องจบลง

LoveLessonsได้ลองใช้เวลาที่ทีมงานของเราค้นพบมาช่วยในช่วงเวลาที่เกิดขึ้น นี้ เพื่อให้คู่รักได้อยู่ห่างจากกันสักพัก และเมื่อได้เว้นระยะห่าง ก็จะทำให้หัวใจของตนได้พัก และได้เริ่มสำรวจหัวใจของตนเอง

การสำรวจหัวใจของตนเองนั้น เป็นการสำรวจว่าเราและเขานั้นรักกันหรือไม่ ความรู้สึกในปัจจุบันนี้เป็นเช่นไร และเมื่อสิ้นสุดการสำรวจ เราก็จะได้พบว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป

หากการสำรวจได้ข้อสรุปว่ารัก เราก็จะเริ่มรู้สึกคิดถึง เริ่มเข้าใจ และจะรู้สึกว่า ไม่อยากจะทะเลาะกัน หรือบาทหมางกัน นั่นจะทำให้เราลดอารมณ์ลง ระงับเรื่องบางเรื่องไว้ และเมื่อกลับมาคบกันอีกครั้ง เราก็จะมองคู่ของเราดีขึ้น และรักกันดังเดิมได้(สุดยอดอะ)

แต่หากผลสำรวจไม่ใช่แบบนั้น เราก็จะรู้ว่าควรจะทำอย่างไร อาจรู้สึกอยากหยุดทุกอย่าง อาจรู้สึกอยากลดฐานะลงมา หรืออยากจะห่างกันไปเลย ซึ่งนั่นหมายความว่า รักของคุณก็จบลงไปเช่นกัน(อ้าว ไหงงั้นอะ)

จากผลการทดลองนี้ ทำให้เราสนใจเรื่องของเวลามากขึ้น จึงส่งบันทึกผลการทดลองพร้อมกับตัวอย่างไปที่แลปอวกาศของเรา(เว่อร์ไป แระ)และนี่ คือผลการทดสอบของแลปที่เราได้รับมา


เวลา คือพลังบริสุทธิ์ที่ดำเนินไปด้วยตนเอง ไร้ขอบเขต ไร้จุดหมาย และไร้จุดจบ นั่นทำให้เวลาไม่ขึ้นตรงต่อใคร การจะใช้เวลานั้นย่อมทำได้ แต่เวลาก็ทำได้เพียงแค่เป็นตัวกลางเท่านั้น ซึ่งผลที่ออกมาก็ขึ้นอยู่กับเหตุในอดีตเท่านั้น

และเวลา เป็นพลังงานทิศทางเดียว กล่าวคือ เวลาเคลื่อนไปข้างหน้าเท่านั้น ไม่สามารถย้อนกลับได้ด้วยความสามารถของวิทยาศาสตร์ปัจจุบัน ดังนั้น เมื่อเวลาถูกใช้ก็จะหมดไปเร็วขึ้น การใช้เวลาจึงต้องใช้ด้วยความรอบคอบที่สุด


จากผลนี้ ทำให้เราได้คำตอบที่เราต้องการแล้ว นั่นคือ จงใช้เวลาเมื่อมองไม่เห็นทางที่จะทำให้รักของคุณไม่สลายไป เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างกัน ทบทวนตนเอง และสิ่งที่ผ่านๆมา จนพบทางเดินที่คุณพอใจจะไป(น่าน คิดได้เนาะ)

ภูตะวัน

ขอบคุนมากมาย ที่แบ่งปันคราบ