แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย John001 เมื่อ 2020-6-18 20:33
ก่อนที่จะได้เล่าเรื่องของน้องชินต่อ เพื่อนสมาชิกหลายคน อยากรู้คราวข่าว ความคืบหน้า ระหว่าง ผมกับน้องเฟรม ว่า ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.เป็นต้นมา น้องเฟรมมาหาผมบ้างหรือยัง จึงขออัพเดทเรื่องน้องเฟรมก่อน ก็แล้วกันนะครับ เสาร์ที่ 30 พ.ย.และอาทิตย์ที่ 1 ธ.ค. น้องเฟรมไม่ได้มาผม ผมทักแชทในไลน์ และส่งข้อความทางอินบ๊อค ก็ไม่มีการอ่าน ไม่ตอบ ไม่ทักมา จนผมผิดสังเกตที่หน้าวอลเฟสของน้องเฟรม ที่ขึ้นว่า เพิ่มเป็นเพื่อน จึงได้รู้ว่าน้องเฟรมยกเลิกผมเป็นเพื่อนแล้ว แต่ผมก็ยังไม่ละความพยายามที่จะติดต่อน้องให้ได้ จึงเข้าหาทางน้องฟาง (น้องสาวของน้องเฟรม) วันเสาร์-อาทิตย์ ที่ 7-8 , 10 ธ.ค.วันหยุดน้องเฟรมก็ยังไม่มาหาผม ผมได้แต่คุยถามข่าวคราวของน้องเฟรมจากน้องฟาง ว่า วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ น้องเฟรมอยู่ไหน ทำอะไร ซึ่งก็ได้รับคำตอบว่า น้องเฟรมไปตกปลาบ้าง ขี่จักรยานไปบ้านเพื่อนบ้าง อยู่บ้านเล่นเกมบ้าง เมื่อผมถามว่า ทำไมไม่มาช่วยผมทำความสะอาดบ้านพัก ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่มีรถ พ่อเอารถมอไซด์ไปทำงาน ผมเองก็ยังคงทักแชทในไลน์ ในอินบ๊อคให้น้องเฟรมตลอดเรื่อยมา จนวันที่ 12 ส่องเฟสของน้องเฟรม ไม่มีคำว่า เพิ่มเป็นเพื่อน แล้ว แสดงว่าน้องเฟรมรับผมเป็นเพื่อนอีกครั้ง ทั้ง 2 เฟส แต่ก็ไม่มีการอ่าน การตอบเหมือนเคย ซึ่งจากครั้งสุดท้ายที่น้องเฟรมมาหา(23 พ.ย.) จนถึงวันเสาร์นี้(24พ.ย.-14 ธ.ค.) ก็ร่วม 3 อาทิตย์แล้ว น้องเฟรมก็ยังคงไม่อ่าน ไม่ทัก ไม่ตอบ
จนเช้าวันนี้ (15 ธ.ค.) ผมคุยกับน้องฟาง ให้น้องฟางชวนพี่เฟรมมาเอานมเปรี้ยว ที่ผมซื้อเตรียมไว้ให้ทุกอาทิตย์(อาทิตย์ละ 2แพ็ค 3 อาทิตย์เป็น 6 แพ็คแล้ว) ให้บอกพี่เฟรมว่า มาเอานมแป๊บเดียวแล้วก็กลับเลย ผมถามน้องฟางว่า พ่อเลิกงานกี่โมง น้องฟางบอก 5 โมง ผมก็บอกกลับไปว่า ถ้าพ่อกลับมาแล้วให้พี่เฟรมขี่รถ มาเอานมเลย น้องฟางก็ตอบกลับมาอีกว่า ตอนเย็น ๆ ใกล้มืด พ่อไม่ค่อยให้ขี่รถไปไหน ให้แม่ขี่ไปได้มั้ย ผมได้ยินแทบจะหมดใจละ ในใจผมคิดว่าคงเป็นน้องฟางที่ขี่มากับแม่แน่ ๆ น้องเฟรมคงจะไม่มา แต่ก็ตอบกลับไปว่า ให้แม่ขี่มาก็ได้ อย่างน้อยเค้าจะได้รู้ว่า ผมซื้อนมเตรียมไว้ให้ทุกอาทิตย์ แล้วปิดแชทกับน้องฟาง และเปิดไปที่แชทในไลน์ของน้องเฟรม ซึ่งก็เป็นปกติอยู่แล้ว ที่ผมจะเปิดดูแชทไลน์และอินบ๊อคของน้องเฟรมทุกวัน ถึงแม้ว่าน้องเฟรมจะไม่อ่านก็ตาม... แล้วผมก็ต้องเซอร์ไพรส์และดีใจมาก เมื่อเห็นว่า น้องเฟรมอ่านแชทในไลน์แล้ว ตั้งแต่เมื่อวาน (14 ธ.ค.) จึงเปิดดูอินบ๊อคในเฟส น้องก็อ่านข้อความที่ผมส่งไปแล้วทั้งหมด แล้วตอบกลับมาว่า "ครับ" จากที่เริ่มหมดใจ เริ่มมีกำลังใจขึ้นมาอีก จึงส่งข้อความไปหาน้องเฟรมทิ้งไว้ "วันนี้พอจะว่างไหม ขี่รถมาเอานมที่พี่ซื้อเตรียมไว้ให้ได้มั้ย มาแป๊บเดียว ได้นมแล้วก็ให้กลับเลย" และอีกข้อความ "นมมี 6 แพ็ค และมีขนมด้วย มากับน้อง ๆ จะถือไหวมั้ย" แล้วผมก็ทำนู้น นี่ นั้น ไปตามเรื่อง ตอนบ่ายก็นอนหลับซักงีบยาว ๆ ตื่นมา บ่าย 3 โมง มีเสียงโทรศัพท์เข้า ในใจแอบคิดเล็ก ๆ ว่า น้องเฟรมโทรมา แต่ก็ไม่ใช่เป็นเพื่อนโทรมา คุยโทรศัพท์กับเพื่อนเสร็จ ก็เปิดคอมฯดูซีรีส์ จนเวลา 5 โมงเย็น เปิดแชทไลน์ดูอีกที แล้วก็ต้องดีใจอีกเป็นครั้งที่ 2 ของวันนี้ เมื่อน้องเฟรมตอบกลับมาว่า "ไหวครับ" แต่ใจก็ไม่ได้คิดว่าน้องเฟรมจะมา เพราะใกล้มืดแล้ว และน้องฟางเองก็บอกมาว่า จะให้แม่ขี่มา ซึ่งใจผมแอบหวังเล็ก ๆ ว่า อยากให้เป็นน้องเฟรมที่ขี่รถมา ผมตั้งใจไว้ว่า จะทำตามที่หลายๆ เสียงของเพื่อนสมาชิกที่เม้นบอกว่า อย่าเพิ่งทำอะไรน้องเฟรม ให้น้องมาคุย มาเล่นจนวางใจ เชื่อใจผมก่อน เก็บเอาไว้กินนาน ๆ ผมกะว่า พอเอานมให้น้องเฟรมแล้ว ก็จะให้น้องเฟรมกลับทันที จะไม่แตะตัวน้องเลย จน 5 โมงครึ่ง เสียงมอไซด์ขี่มาหน้าบ้าน คิดว่าต้องเป็นแม่น้องเฟรมมากับน้องฟาง จึงหยิบถุงนมเดินไปส่งให้ที่หน้าบ้าน แต่พอเดินพ้นประตู ผมต้องดีใจโคตร ๆ เป็นรอบที่ 3 ของวัน เพราะคนที่ขี่มา เป็นน้องเฟรม พอน้องเฟรมเดินเข้ามาในบ้าน กับน้องฟาง ผมส่งถุงนมให้น้องฟาง ด้วยความดีใจที่ได้เห็นหน้าน้องเฟรม ทำให้ลืมสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง ที่ว่าจะไม่แตะตัวน้องเฟรม ผมเผลอตัวเดินเข้าไปกอดบ่าน้องเฟรมแล้วบอกน้อง ว่า ยังมีขนมอีกถุงในครัว เฟรมเข้าไปเอากับพี่นะ(เอาขนมนะครับ) น้องเฟรมทำท่าอิดออดเล็กน้อย แต่ก็เดินเข้าไปในครัวกับผม น้องฟางนั่งรอที่ห้องโถง พอถึงห้องครัว ผมบอกน้องเฟรมว่า ผมคิดถึงน้องมากๆๆๆ ขอจูบได้มั้ย น้องเฟรมพยักหน้า ผมจึงประทับริมฝีปาก บดจูบกับน้องอย่างแนบแน่น ผมกับน้องต่างผลัดกันดูดดุนลิ้นกันไปมา แต่หนนี้ ขณะที่จูบกัน น้องเฟรมเอามือทั้ง 2 ข้างมากอดผมด้วย เราจูบกันนานมาก แลวผละปากออกจากกัน ผมถามน้องเฟรมว่า คิดถึงผมบ้างมั้ย น้องบอกคิดถึง ผมถามน้องเฟรมอีกว่า แล้วทำไมไม่มาหาพี่ น้องก็บอกว่าไม่มีรถมา ผมกับน้องเฟรมก็จูบกันอีกครั้ง จนผมเห็นว่า มันจะนานเกินไปแล้ว เดี๋ยวน้องฟางจะสงสัย จึงจะถอนปากออกมาจากปากน้อง แต่...กลับเป็นน้องเฟรมเองที่กอดผมไว้แน่น ยังไม่ให้ผมผละปากออกมา ผมและน้องจึงยืนจูบบดปากบิดหน้าเอียงไปมา แล้วผมก็แอ่นเอวให้ส่วนล่างของเราก็บดเบียดกัน จนรู้สึกว่าผ่านไป 10 นาทีแล้ว ผมจึงผละปากออกมาอย่างเสียดาย พร้อมท่องคาถาในใจว่า "อดทนไว้ ค่อยเป็นค่อยไป "แล้วก็จูงมือน้องเฟรมออกมาจากห้องครัว เดินไปส่งน้องเฟรมกับน้องฟาง จนน้องขี่รถออกไปจากรั้วหน่วยงาน แล้วก็มานั่งถอนใจอย่างโล่งอกที่ข่มความอยากเอาไว้ได้ ผมกะเวลาว่าน้องกลับถึงบ้านแล้ว จึงทักแชทในไลน์ไปหาน้องเฟรมว่า "ปีใหม่อยากได้อะไรเป็นของขวัญ" พร้อมกับลุ้นว่าน้องเฟรมจะอ่านและตอบมามั้ย ซึ่งปกติที่ผ่านมาคือ...ไม่เคยอ่านและไม่เคยตอบ แต่ครั้งนี้ผิดคาดครับ น้องเฟรมตอบกลับมาว่า " ครับ คิดดูก่อน คิดได้แล้วจะบอก ขอบคุณครับ" นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความดีใจที่เป็นครั้งที่ 4 ของวันนี้ ผมจึงตอบไปว่า "รักนะครับ" น้องตอบกลับมา "ครับ"
ที่นี้ เราก็ต้องมาร่วมลุ้นด้วยกันอีกละครับ ว่า เสาร์-อาทิตย์หน้า น้องเฟรมจะมาหาผมอีกมั้ย ช่วยกันภาวนาให้ผมด้วยนะครับ........และต่อไปนี้..ก็คงจะเป็นเรื่องราวของน้องชินต่อนะครับ
ความเดิม (เฮ้ย...หน้าตาหล่อดีนี่หว่าผมคิดในใจ) ผมจึงหยิบเงินในกระเป๋ามอบเป็นรางวัลให้น้องเต้ 100 บาทพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูน้องเต้ว่า“เมื่อคืน ขอบคุณนะครับสำหรับที่นอน แล้ว....สนุกมั้ย”น้องอายจนหน้าแดงแล้วก็วิ่งกลับไปที่กลุ่มของน้องผมยืนยิ้ม มองตามน้องที่วิ่งกลับไปโดยที่ผมไม่รู้ตัวว่า.............. หลังจากที่ผมมองตามน้องเต้ไป จนน้องกลับเข้ากลุ่มแล้ว ผมละสายตาจากน้องเต้ หันมาดูที่โรงเรียนของน้องตั๊ก และน้องชิน ก็ต้องสะดุ้งกับสายตาเพชฌฆาตที่มองผมอยู่ 2 คู่ ผมจึงยิ้มเจื่อน ๆให้กับเจ้าของสายตา 2 คู่นั้น ครับ...จะเป็นใครไปไม่ได้ น้องตั๊กและน้องชินกำลังมองผมอยู่ สายตาน้องตั๊กมองมาด้วยความโกรธผิดหวังและเบื่อหน่าย สายตาน้องชินมองมาด้วยความสงสัยปนโกรธนิด ๆ ผมไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี จะหันหน้าหนี เดี๋ยวก็จะกลายเป็นว่า มีพิรุธ ร้อนตัว กำลังคิดหาวิธี แต่.เหมือนระฆังช่วย...พิธีกรของค่ายฯ ประกาศให้ครูทุกท่านและวิทยากรรับเชิญเข้าแถวเพื่อเดินไปยังลูกเสือ-เนตรนารี ที่เข้าแถวเป็นวงกลมกันอยู่นั้น แล้วจับมือและกล่าวคำอำลากัน ตอนที่ผมเดินไปลาเด็ก ๆ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสกับผมเป็นพิเศษ กล่าวคำ “สวัสดีครับ/ค่ะ” และบอกว่าชอบพี่มาก บางคนก็บอกว่า พี่ตลกดี ปีหน้าให้มาอีก บางคนแก่น ๆ ก็พูดว่า “ แฮร่..สวัสดีครับคนบ้า” (ถ้ามีการจัดประกวดวิทยากรผมว่า ผมต้องได้รับตำแหน่งขวัญใจค่ายฯ แน่ ๆ ยอตัวเองนิด ๆ) ครั้น เดินมาถึงโรงเรียนของน้องตั๊กน้องชิน ผมเดินถึงน้องชินก่อน น้องชินทำเป็นงอนนิด ๆ จะไม่ให้จับมือ ผมจึงแกล้งจับไว้นานๆ ไม่ยอมปล่อย และพอถึงน้องตั๊ก น้องกล่าว สวัสดี ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ก้มหน้าไม่มองหน้าผม ยื่นมือมาจับกับผมแบบเนือย ๆ ผมเลยแกล้งจับมือและเอานิ้วชี้เกาที่ฝ่ามือของน้องตั๊ก น้องสะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมามองผม ผมก็ยิ้มให้น้องและทำหน้าตาล้อเลียน น้องตั๊กถึงได้มีสีหน้าดีขึ้น เมื่อกิจกรรมอำลาเสร็จสิ้น ลูกเสือ-เนตรนารีแต่ละโรงเรียน ก็แยกย้ายกันกลับไปที่เต็นท์ ช่วยกันเก็บเต็นท์ ทำความสะอาดสถานที่ ก่อนจะขึ้นรถกลับบ้าน ผมกำลังเก็บข้าวของใส่กระเป๋าอยู่ในเต็นท์ เสียงฝึเท้าคนเดินใกล้เข้ามา หันไปมองดู เห็นเป็นน้องชินจึงถามว่า “อ้าว..ชิน ช่วยเพื่อนเก็บเต็นท์เสร็จแล้วเหรอ” “ ครับ....เสร็จแล้ว” “แล้วไม่ไปเตรียมตัวขึ้นรถกลับบ้านล่ะ” “ผมจะมาช่วยพี่เก็บเต็นท์ ผมบอกครูแล้ว ว่าจะกลับกะพี่... ครูอนุญาตแล้วด้วย” ทีแรกผมคิดว่าจะไม่ให้น้องชินกลับด้วย แต่มาคิดอีกทีก็ดีเหมือนกัน เพราะผมกับน้องชิน เรามีเรื่องต้องเคลียกันให้จบ จึงบอกให้น้องชินช่วยเก็บที่นอนลม หมอนลม เอาลมออกแล้วพับใส่ถุงให้เรียบร้อย เราทั้ง 2 คนก็เก็บของกันไปอย่างเงียบ ๆ อยู่ครู่หนึ่ง น้องชินก็เอ่ยปากถามผมว่า “เมื่อคืนทำไมพี่ไม่กลับมานอนที่เต็นท์ ไปนอนที่ไหนมา” “ อ๋อ..พอดีพี่ไปกินเหล้ากับครูโรงเรียน...... กินเยอะไปหน่อย เลยกลับไม่ไหว ครูเค้าเลยให้นอนที่นั้น” ผมตอบ “แล้วนอนกับใคร....นอนกับเด็กคนนั้นเหรอ” “ป่าว...น้องเค้าสละเต็นท์ให้พี่นอน แล้วเค้าก็ไปนอนเบียดกันกับเพื่อน” (เฮ้อออ.....ตั้งแต่คบกับเด็กนี่ผมต้องกลายเป็นคนโกหกเก่งไปแล้ว แต่...โกหกเพื่อไม่ให้มีปัญหา ก็โกหกไปเถอะ...เนอะ) “แล้ว...ตอนให้รางวัลเด็กนั้นทำไมต้องชะโงกเข้าไปหอมมัน” “เฮ้ย...ไม่ใช่...ไม่ได้หอมชะโงกหน้าเข้าไปบอกขอบคุณน้องเค้า ที่สละเต็นท์ให้พี่นอน” “ทำเหมือนสนิทกันเลยนะ” “แล้วทำไมพี่จะสนิทกับเด็กคนอื่นไม่ได้ล่ะ....ชิน ชินต้องเข้าใจนะ... พี่เป็นวิทยากรของอำเภอ ต้องไปทำกิจกรรมร่วมกับโรงเรียนต่าง ๆ ในอำเภอ ก็จำเป็นที่จะต้องรู้จัก ทำความคุ้นเคยกับครูและเด็กโรงเรียนนั้นๆ ไม่ใช่มีแต่โรงเรียนของชินโรงเรียนดียวนะ” ผมพยายามอธิบายให้น้องชินเข้าใจ “รู้จักได้แต่ห้ามสนิท” “ทำไมงั้นล่ะชิน” “ก็เพราะ.....พี่เป็นเมียผม พี่กับผมได้กันแล้ว ผมเอาพี่ผมก็เป็นผัว พี่ถูกผมเอา พี่ก็เป็นเมีย” ผมได้ฟังน้องชินพูดแบบนั้น ทั้งตกใจและรู้สึกโกรธนิด ๆ จึงพูดด้วยน้ำเสียงฉุน ๆ ว่า “เฮ้ยยย...เมียเมออะไรกันชิน พูดให้ดีๆ นะ”พอน้องชินเห็นผมโกรธ ก็ลงนั่งยอง ๆ ทำท่าทาง งอมือ 2ข้างไว้ที่อก แลบลิ้นออกมายาว ๆ ทำเสียงหายใจแฮ่ก ๆ (เหมือนหมาเวลาประจบ)แล้วจับมือผมเอาไปลูบหัวตัวเอง แล้วก็คลานสี่ขา ส่ายตูดส่ายก้น เห่า บ๊อก ๆ ผมเห็นน้องชินทำแบบนั้น ก็อดขำไม่ได้ จึงยิ้มออกมานิด ๆ น้องชินเห็นผมยิ้มแล้ว ก็ทำเป็นประจบถามว่า เก็บอันนั้นมั้ย อันนี้มั้ย แล้วก็กุลีกุจอช่วยเก็บให้เป็นอย่างดี เก็บเสร็จก็พากันขึ้นรถกลับ ระหว่างทาง ผมสอนชินว่า เรื่องของเราที่เกิดขึ้น ก็เป็นแค่การอยากรู้อยากลองของน้องชิน ซึ่งกำลังเจริญเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น ฮอร์โมนทางเพศของวัยรุ่นกำลังผลิตออกมา และจะกระตุ้นอารมณ์ทางเพศให้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ วัยรุ่นก็จะเป็นแบบนี้ อยากรู้อยากลองเป็นธรรมดา ไม่ผิดอะไร อย่าไปจริงจังอะไร กับสิ่งเกิดขึ้นกับเราทั้ง 2 คน แต่น้องชินก็ขัดขึ้นมาว่า “แต่ผมจริงจังนะพี่ พี่เป็นคนแรกของผมนะ” “ใช่...พี่เป็นคนแรกของชินแต่ก็ไม่ใช่คนสุดท้ายของชินด้วยเหมือนกัน อีกหน่อย...ชินโตขึ้น ความคิดความอ่านเปลี่ยนไป ความรู้สึกที่มีต่อพี่ก็จะเปลี่ยนไป ชินเป็นผู้ชาย เดี๋ยวก็จะได้เจอ สาว ๆ ที่ถูกใจ ที่ชอบ ที่รัก ก็จะลืมเรื่องนั้น แล้วก็ลืมพี่ไปได้เอง” ผมอธิบายต่อ “ผมไม่มีวันลืมพี่หรอก...จริงๆ นะพี่ ให้ผมโตกว่านี้ ผมจะขอพี่เป็นแฟน” ชินพูดแย้งขึ้นมาอีก “เราคบกันแบบพี่น้องนะดีแล้ว เพราะถ้าเราคบกันเป็นแฟน แล้วอีกหน่อย...หากเราทะเลาะกัน...จนทำให้เราต้องเลิกกัน เราก็จะไม่เหลืออะไรเลย ทั้งการเป็นแฟนและเป็นพี่น้อง” “ที่พี่ไม่ยอมเป็นแฟนกับผม เพราะพี่จะเป็นแฟนกับพี่ตั๊กใช่ป่ะ” “ไม่นะ...กับตั๊กเอง พี่ก็ไม่คิดจะให้ตั๊กมาคบกับพี่แบบแฟน เพียงแค่...พี่ชอบเด็กนิสัยแบบตั๊ก แค่นั้นเอง” (ผมพยายามที่จะไม่พูดคำว่า สเปค เพราะกลัวน้องชินจะเสียใจ) “แล้วนิสัยแบบผมล่ะ ไม่ชอบเหรอ” “ก็ชอบไง ถ้าไม่ชอบจะพูดด้วย สนิทด้วยอย่างงี้เหรอ” ผมตอบ จนถึงบ้านของน้องชิน ผมกะจะส่งแค่หน้าบ้าน แต่น้องชินไม่ยอม จะให้ผมเข้าไปส่งในบ้านให้ได้ บอกผมว่า ปู่กับย่าและพี่ชายของน้องชินอยากเจอผม ด้วยความอยากรู้ว่า เขาเหล่านั้นอยากเจอผมทำไม ผมจึงจำเป็นที่จะต้องเข้าไปส่งน้องชินในบ้าน เมื่อเดินเข้าไปถึงห้องรับแขกเห็น ปู่กับย่า และพี่ชายของน้องชิน นั่งดูทีวีกันอยู่ ผมยกมือไหว้กล่าวคำ สวัสดีปู่กับย่าแล้ว หันไปทางพี่ชายของน้องชิน พี่ชายของน้องชินยกมือไหว้ กล่าวคำ สวัสดีกับผม ผมมก็ยกมือไหว้สวัสดีตอบและได้แนะนำตัวต่อกัน จึงรู้ว่าพี่ชายของชิน ชื่อเชน ผมแอบพิจารณา รูปร่าง หน้าตา ของเชนแล้วคิดในใจว่า ทำไมพี่น้องคู่นี้ ถึงไม่เหมือนกันว่ะ เชนคนพี่ สูง ขาว หล่อ ไปทางจีน ๆ แต่น้องชิน เตี้ย คมเข้ม ไปทางแขก ทางเขมร (อ๊ะ ๆๆ ...อย่าคิดกันนะว่า ผมคิดอ่านกินเชน ผมไม่ชอบพวกเดียวกันหรอก นิสัยผมต้องชายแท้เท่านั้น และต้องซิงด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ ชอบกินเด็กและเปิดซิงเด็ก)กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ เกี่ยวกับพี่น้องคู่นี้ น้องชินก็เอามือสะกิดและบอกผมว่า ปู่ย่าอยากให้ผมทานข้าวเย็นด้วยกัน ผมก็ตอบตกลง ในขณะที่ทานข้าวกันนั้น ปู่กับย่า และเชนก็พูดเสริมกันว่า อยากเห็น อยากรู้จักผม เพราะน้องชิน พูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่า ผมเป็นคนดี คุยสนุก ตลก สอนเก่ง แล้วก็ไม่รำคาญน้องชิน เวลาที่น้องชินซักถามบ่อย ๆ เลยทำให้น้องชินสนิทกับผมมาก ซึ่งร้อยวันพันปี ไม่ค่อยเห็นน้องชินจะสนิทกับคนที่โตกว่าสักเท่าใดนัก ผมก็ยิ้มรับและพูดถ่อมตัวว่า ไม่ถึงขนาดที่น้องชินพูด จากการสังเกตของผมแล้ว น้องชินดูจะเป็นที่รักของปู่ย่า และพี่ชายมาก เป็นลูกคนสุดท้องน้องคนเล็ก ที่ถูกตามใจ จะทำอะไร หรือเอาอะไรก็คงไม่มีใครขัดใจได้ น่าจะถูกตามใจจนเคยตัว หลังจากปู่ย่า ทานข้าว เสร็จ ก็ขอตัวเข้าห้องนอน น้องชินเดินขึ้นไปเก็บเป้และอาบน้ำ ตรงนั้น เหลือกันอยู่แค่ ผม กับเชน ที่นั่งคุยกัน ผมลอบสังเกตดูเชน ก็เห็นว่า เค้าก็กำลังสังเกตดูผมอยู่เหมือนกัน ซึ่งเค้าก็คงมองผมออกว่า ผมเป็นเกย์ เช่นเดียวกันกับที่ผมก็มองเค้าออก สมกับคำพูดที่ว่า ผีเห็นผี เชนเล่าประวัติให้ฟังว่า เชนอายุ 19 กำลังเรียน ชั้น ป.วส.ที่วิทยาลัยเทคนิคในตัวจังหวัด ขี่รถไป-กลับทุกวัน จึงมีเวลาอยู่กับน้องชินตลอด จะมีแค่บางเสาร์-อาทิตย์ที่ไม่ได้อยู่กับน้อง เพราะต้องไปทำรายงานกับเพื่อน เชนช่วยปู่ย่าเลี้ยงน้องชินมาตั้งแต่น้องชิน อายุได้ 2 ขวบ ตอนนั้นเชนก็ยังเด็ก แรกเริ่มก็ช่วยชงนม บ้างอุ้มน้องบ้าง ไปตามประสาเด็ก จนเชนโตขึ้นช่วยดูแลน้องได้มากขึ้น เลยดูแลน้องชินมากกว่าปู่กับย่า และกลายเป็นหน้าที่ของเชนไปโดยปริยาย เชนจึงเป็นทั้งพี่และเพื่อนให้กับน้องชินมาจนถึงทุกวันนี้ เวลาที่เชนพูดถึงน้องชิน แสดงให้เห็นถึงความรักและความห่วงใย ที่มีให้กับน้องชินอย่างเปี่ยมล้น เราคุยกันนานพอสมควร จนผมเริ่มจับเค้าคำพูดได้ว่า เชนหวงน้องชิน ไม่อยากให้ผมเข้ามาใกล้ชิดกับน้องชินมาก (คงกลัวผมฟันน้องตัวเองสิท่า....อิอิอิ แต่ช้าไปแล้วมั้ง...เชนเอ๋ย....แต่ไม่ใช่ผมที่ฟันน้องชินหรอกนะ เป็นน้องชินต่างหากที่ฟันผม) จนเริ่มมืด ผมจึงขอตัวลากลับ ทีแรกน้องชินจะไม่ให้ผมกลับ จะให้นอนด้วยกันกับน้องชิน(น้องชินมีห้องนอนส่วนตัว) แต่ผมก็ปฏิเสธและเชนเองก็คัดค้านเต็มที่ ด้วยให้เหตุผลว่า ผมเหน็ดเหนื่อยจากกิจกรรมเข้าค่ายฯมามากพอสมควร และก็ต้องจัดเตรียมชุดไปทำงานในวันจันทร์ น้องชินจึงยอมปล่อยตัวผมออกมา ผมขับรถกลับมาบ้านเช่า คิดถึงเรื่องน้องชิน แล้วก็บอกกับตัวเองว่า ผมคงจะต้องสู้รบกับความเอาแต่ใจตัวเองของน้องชินไป อีกหลายตั้งเป็นแน่แท้ (อย่าลืมติดตามกันต่อไปนะครับ คอยดูกันว่าตอนหน้าผมจะต้องเจอความร้ายกาจและฉลาดแกมโกงของน้องชินอย่างไรบ้าง
สวัสดีครับ......รักเพื่อนสมาชิกทุกคนนะคร้าบบบ
|