แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย John001 เมื่อ 2020-6-18 21:28
น้องเฟรม วันนี้ ตอน 6 โมงเย็น ผมนั่งทำงานที่ผมหอบเอามาทำที่บ้าน มีข้อความแจ้งเตือนในไลน์หยิบขึ้นมาดู เป็นน้องเฟรมทักมา ผมแกล้งไม่เปิดอ่าน (ซึ่งปกติแล้ว ผมจะรีบตอบกลับทันที) และทำงานต่อไป ตอน 1 ทุ่ม น้องก็ทักมาอีกครั้ง ผมก็ยังไม่อ่าน จนผมทำงานเสร็จ 1 ทุ่ม 10นาที จึงถามน้องกลับไปว่า”มีอะไรหรือ ปล่าว” น้องเฟรมตอบกลับมาว่า “ก็พี่บอกว่า พี่ให้โทรศัพท์แล้ว ให้ทักมาบ่อยๆ” “นี่บ่อยเหรอตั้งแต่วันเสาร์ เพิ่งทักมาวันอังคาร” “ครับ...ก็ผมเป็นคนไม่เล่นไลน์” “งั้นพี่ก็เป็นคนพิเศษของเฟรมอ่ะดิ่” “ครับ” “เฟรมรักพี่มั้ย” “รักครับ” “งั้นบอกรักพี่ แบบซึ้งๆให้ฟังหน่อยดิ่” “ผมรักพี่จังเลยครับ” (ผมอุตส่าห์ตั้งใจว่า จะไม่คุยกุ๊กกิ๊กกันให้เป็นหลักฐาน แต่ก็อดไม่ได้ ) “มาปะเหลาะพี่ จะให้พี่เติมเงินอีกใช่ป่ะ” “555 พี่รู้ทัน” ผมจึงสอนน้องเฟรมว่า ไม่ให้เสียเงินกับเกมมากจนเกินไปเอาแต่พอดี น้องก็รับว่า “ครับ งั้นยังไม่ซื้อก็ได้ครับ” ผมเลยตั้งกติกากับน้องว่าผมจะเติมเงินให้เดือนละ 2000 บาท แต่น้องจะต้องมาค้างกับผมทุกอาทิตย์ ได้ใหม เริ่มตั้งแต่วันศุกร์หรือเสาร์ ที่ 10 -11มกรา น้องเฟรมตอบว่าได้ (แสดงว่าน้องไม่เข็ด....) จริง ๆ แล้ว ผมไม่ค่อยอยากเติมเงินให้น้องเท่าไร อยากให้เป็นค่าขนมมากกว่า แต่พี่มิ่งพ่อน้องเฟรม สั่งน้องเฟรมว่า ถ้าผมให้เป็นเงิน ก็อย่ารับ...แต่ถ้าให้เป็นนม ขนม หรือ สิ่งของเล็ก ๆ น้อย ก็ให้รับได้ ผมเข้าใจพี่มิ่งนะครับ ฐานะทางบ้านของน้องเฟรม ไม่ได้ขัดสนอะไร พ่อแม่ของพี่มิ่ง(ปู่ย่าของน้องเฟรม) เพิ่งแบ่งทรัพย์สินให้ลูก ๆ เมื่อเดือนที่แล้วเป็นเงินสดคนละล้าน สวนผลไม้อีกคนละแปลง และพี่มิ่งกับภรรยาก็เป็นคนขยัน เช้าเข้าสวน กลับจากสวน 8 โมงก็ไปทำงานก่อสร้างกับญาติ ตกเย็นก็ออกทะเลเก็บหอยที่เลี้ยงขึ้นมาขาย ขายครั้งหนึ่ง ก็ได้เงิน หมื่นกว่าบาท 2 – 3 วันเก็บขายทีหนึ่ง ปีนี้ผลไม้ ทุเรียนก็ติดลูกดี น่าจะขายได้หลายแสน พี่มิ่งสอนให้ลูกรู้จักใช้จ่าย ให้เงินน้องเฟรมน้องฟางไปโรงเรียนไม่มากเท่าไร หากลูก ๆ อยากได้อะไร ที่พี่มิ่งเห็นว่ายังไม่จำเป็น น้องเฟรมและน้องฟางก็ต้องเก็บเงินจากค่าขนม หรือจากการไปทำงานตอนปิดเทอมซื้อเอง โทรศัพท์ของน้องเฟรมน้องก็ไปทำงานก่อสร้างแล้วเก็บเงินซื้อเอง ส่วนน้องฟางไม่ได้ไปทำงาน ก็จะตอดจากแม่บ้าง พี่เฟรมบ้าง สำหรับผม...ถึงแม้ผมจะรักน้องเฟรม แต่ก็จะไม่ตามใจน้องจนเกินไปเพราะถ้าผมตามใจน้องมากไป น้องก็จะเอาผมไปเปรียบเทียบกับพ่อแม่แล้วจะคิดว่า ผมดีกว่าพ่อแม่ และก็จะทำให้ระบบการสอนลูก ๆ ของพี่มิ่งเสีย ซึ่งผมไม่อยากให้เป็นแบบนั้น.............. น้องชิน เหลืออีก 2 อาทิตย์ น้องชินก็จะสอบปลายภาคแล้ว ผมจึงบอกให้น้องงดมาหาผมก่อน ให้สอบเสร็จแล้วค่อยมา ทีแรกน้องก็งอแงจะไม่ยอม จนผมต้องใช้ไม้ตายอย่างเดิม คือ ผมจะลาออกจากงานและย้ายไปอยู่ที่อื่น น้องชินถึงได้ยอมทำตาม หลังสอบเสร็จ...ปิดเทอม น้องชินขอปู่ย่า และเชน ว่าจะมาพักกับผมช่วงปิดเทอม ปู่ย่า และเชน ก็ไม่รู้จะใจดีอะไรกับน้องชินกันนัก อนุญาตให้มา ไม่ทักไม่ท้วงอะไรซักคำ มีแต่ผมคนเดียวที่ท้วงติงว่า ให้มาอยู่กับผมอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ซึ่งก็ตามสไตล์ของน้องชินที่จะต้องไม่ยอม ผมก็ต้องใช้ไม้ตายอันเดิมอีก .....ผมรู้ว่าน้องชินกำลังติดใจในรสชาดแปลกใหม่ที่เพิ่งได้รู้จัก เด็กวัยกำลังตื่นหะมอยพอได้ลิ้มรสขาดของกามคุณ ไม่ว่าจะได้ลองมีอะไรกับชายหรือหญิง ก็ย่อมหลงใหลเป็นธรรมดา เมื่อน้องชินมาพักกับผม ผมตั้งข้อตกลงกับน้องชินว่า เย็นวันอาทิตย์ถึงวันพฤหัส ผมอนุญาตให้มีอะไรกันได้แค่วันละครั้ง เพราะผมไม่อยากไปทำงานด้วยร่างกายที่อ่อนเพลีย ส่วนกลางคืนวันศุกร์และวันเสาร์ อาจจะให้เป็นพิเศษ ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ความประพฤติของน้องชินว่า ทำตัวดีแค่ไหน น้องชินก็โอดครวญเหมือน ชีวิตจะพังนินาศย่อยยับ ผมหมั่นไส้เลยบอกว่า งั้นจันทร์ถึงศุกร์งดกิจกามไปเลยก็แล้วกัน น้องถึงได้เลิกโอดครวญ ......พอเราได้มาอยู่ด้วยกันหลายวันเข้า ผมก็ได้เห็นพฤติกรรมที่ทะลึ่งลามกของน้องชินหลาย ๆอย่าง เช่น บางทีน้องเข้าไปอาบน้ำ ก็ไม่นุ่งผ้าเช็ดตัว เดินโทง ๆออกมา ไม่อายผมเลย ผมเคยต่อว่าไป น้องก็เถียงมาว่า “อายทำไมกัน...เอากันจนน้ำเป็นปี๊บแล้วมั้ง” ผมนี่ละเหี่ยใจกับน้องชินจริง ๆ หรือเวลาที่น้องชินอยาก....น้องไม่สนใจเลยว่า ผมจะอยู่ตรงไหน ทำอะไรอยู่ น้องชินจะมายืนข้างหลัง แล้วเอาปิกกาจู้ถูไถก้นผมทุกที่ และพูดอ้อนด้วยถ้อยคำเพราะ ๆ หวาน ๆ ผมก็ยอมมั้งไม่ยอมมั้ง แล้วแต่สถานการณ์ น้องชินมีดีอยู่อย่าง คือ เป็นคนที่อ้อนเก่งไม่ว่าจะด้วยคำพูด หรือการกระทำ เช่น บางครั้งผมนั่งดูทีวีที่โซฟา น้องชินก็จะมานอนหนุนตักบ้าง มากอด มาหอมบ้าง พูดว่า รักอย่างนู้น อย่างนี้ บ่อยๆ ผมนึกในใจว่า ถ้าน้องโตเป็นหนุ่ม มีเมีย เมียคงรัก คงหลงตายเลย ปิดเทอมนั้น นับวันแล้ว...น้องมาอยู่กับผม 2 อาทิตย์กว่า ๆ เพื่อนที่ทำงานบางคน ถึงกับทักว่า ผมดูผอมลงไป ผมเลยต้องบอกเพื่อน ๆ ว่า กำลังไดเอ็ด (ใครจะกล้าบอกความจริงว่า โดนเด็กเ...ดซะผอม จริงมั้ยครับ) เปิดเทอมใหม่ น้องชินขึ้น ม.2 แล้ว น้องตั๊ก น้องโอม อยู่ ม.3 โรงเรียนของน้องทั้ง 3 ก็จัดกิจกรรมเข้าค่ายเสริมทักษะฯอีกครั้ง ซึ่งผมก็ต้องไปเป็นวิทยากรประจำฐานคอมฯเหมือนเดิม น้องตั๊ก น้องโอมไม่ได้เข้าค่าย เพราะโรงเรียนจัดให้กับเด็ก ม.1 และ ม.2 ผมเลยอดเจอน้องตั๊ก น้องชินก็เลือกฐานคอมฯเหมือนเดิม ปีนี้มีเด็กนักเรียน ม.1 ที่เลือกเข้าฐานคอมฯ หน้าตาหล่อน่ารักตามเสป็คผมหลายคน แต่...ผมก็ได้แค่เหล่มองเท่านั้น ไม่สามารถที่จะไปเจ๊าะแจ๊ะกับน้อง ๆ เหล่านั้นได้ เพราะมีน้องชินอยู่ในห้องคอมฯด้วย เวลาที่ผมเดินไปดูคอมฯที่โต๊ะน้อง ม.1หน้าตาด๊ ๆ นั่งกันอยู่ น้องชินก็ทำเป็นไม่เข้าใจในงานที่ให้ทำ เรียกผมให้มาสอนที่โต๊ะน้องชินตลอด จนผมต้องลากตัวน้องชิน ไปเคลียกันนอกห้อง ไม่งั้นผมสอนไม่ได้แน่ น้องชินถึงได้เบาลงหน่อย อ้อ....ผมลืมบอกไป ว่า น้องเต้ก็มาเรียนต่อ ม.1ที่โรงเรียนนี้ด้วยเหมือนกันนะครับ (เพื่อน ๆ จำน้องเต้ได้ใหมครับ ก็น้องคนที่ผมเมา แล้วไปนอนด้วยตอนเข้าค่ายลูกเสือไงครับ) แต่น้องไม่ได้เลือกฐานคอมฯน้องเลือกฐานการประดิษฐ์ฯ (เฮ้อ....เสียดายจัง) จบกิจกรรมเข้าค่ายเสริมทักษะฯครั้งนั้น ผมเลยไม่ได้แอ้มเด็กใหม่เลยซักคนเดียว ปีนี้ น้องชินได้ BB (ตอนนั้นกำลังฮิตมาก) เป็นของรางวัลจากพ่อแม่ ที่สอบได้เป็นอันดับที่ 2 ของห้อง ได้เกรด 3.75 ผมมานึกดู น้องชินนี่มันเก่งทุกเรื่องจริงๆ ทั้งเรื่องเรียน และเรื่อง....นั้น ช่วงที่น้องชินได้ บีบี มาใหม่ ๆ น้องโทรมาหาผม และบอกให้ผมสมัครไลน์ ซึ่งผมไม่ชอบเพราะมันต้องพิมพ์ ผมชอบคุยกันตรง ๆ มากกว่า ตอนนั้น ผมไม่รู้ว่าไลน์โทรคุยกันได้ เลยไม่ได้สมัครน้องชินก็ได้แต่บ่นไปตามประสาของน้อง แต่ก็โทรมาหาผมบ่อย ๆ วันศุกร์-เสาร์ ก็มาค้างกับผมเป็นปกติ จนปลายเทอม 1 ผมสังเกตเห็นว่า น้องชินไม่ค่อยโทรมาหาผมถี่ๆ เหมือนแต่ก่อน ไม่มาค้างกับผมทุกศุกร์เหมือนเดิม มาศุกร์เว้นศุกร์ผมก็คิดว่าน้อง คงใกล้สอบเลยตั้งใจอ่านหนังสือ ......อยู่มาวันหนึ่ง...เชนโทรมาคุยกับผมเรื่องน้องชิน บอกผมว่า น้องชินติดสาว เพราะเชนแอบได้ยินน้องชินโทรศัพท์ เสียงที่เล็ดลอดออกมาเป็นเสียงผู้หญิง น้องชินพูดหวานๆ ด้วยทุกคำ เชนถามว่า ผมเสียใจมั้ย ผมก็ตอบไป ว่า ไม่..เพราะมันเป็นความต้องการของผมและเชนไม่ใช่เหรอ (จริง ๆ จะว่าไม่เสียใจเลย..ก็ไม่ใช่นะครับ มันมีความรู้สึกเหมือนเด็กที่ถูกคนอื่น แย่งของเล่นที่เรารักไป และก็แอบเหงานิด ๆ ) เชนยอมรับว่าเชนดีใจมาก ที่น้องชินไม่ได้เป็นเกย์ แต่ก็รู้สึกผิดต่อผม ผมก็ปลอบเชนว่า อย่าคิดมาก ผมไม่เป็นอะไรหรอก ผมดีใจด้วยต่างหาก แต่ผมขอร้องเชนว่าอย่าบอกให้น้องชินรู้ ว่าผมรู้เรื่องที่น้องชินติดสาว หลังจากวางสายจากเชนแล้ว ผมก็มานอนคิดทบทวน ว่าผมรู้สึกยังไงกับน้องชินกันแน่ ถึงแม้ผมจะไม่ได้ชอบ ไม่ได้รักน้องชินแบบแฟนในตอนแรก แต่การที่เราได้มีอะไรกันมาครึ่งปี โดยที่ผมไม่ได้มีอะไรกับเด็กคนอื่นเลย มันก่อให้เกิดความรู้สึกผูกพันกับน้องชินขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ผมก็จะต้องคิดตัดใจจากน้องชินให้ได้ ด้วยการหาเด็กใหม่ตามเสป็คของผม มาทดแทนเพื่อไม่ให้ผมเกิดความรู้สึกหว้าเหว่..... หลังจากสอบปลายภาคเรียนที่ 1 ในชั้น ม.2ของน้องชิน ปิดเทอม สองอาทิตย์ อาทิตย์แรก น้องไม่ได้มาพักกับผม แต่น้องก็ไม่ได้อยู่บ้าน ตอนกลางวันออกไปเดทกับสาว ซึ่งตอนนั้นผมกับเชนก็ยังไม่รู้ว่า สาวที่น้องชินติดต่ออยู่นั้น เป็นใคร ที่ไหน แต่ผมแน่ใจว่า น้องชินคงจะยังไม่มีอะไรกับสาวคนนั้นแน่ เพราะอาทิตย์ต่อมาที่น้องชินมาพักกับผม น้องก็ยังคงทำกิจกามกับผม ไม่เว้นวันเหมือนเดิม และวันแรก ๆที่มีอะไรกัน น้องทำเหมือนกับว่า เก็บกดหรืออัดอั้นมาจากไหน ซึ่งแสดงว่ายังไม่มีอะไรกับสาวแน่นอนและก็คงจะอัดอั้นมาจากสาวแน่ ๆ เพราะถ้ามีอะไรกันกับสาวคนนั้นแล้ว ผมอาจจะตกกระป๋องไปแล้วก็เป็นได้
|