แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย John001 เมื่อ 2020-3-9 13:29
ในช่วงที่ผมอยู่ช่วยงานศพแม่ต้อย ผมจะคอยหยิบมือถือขึ้นมาดูว่า น้องเฟรมส่งสติ๊กเกอร์หรือทักมาหาผมตามที่น้องรับปากหรือปล่าว แต่ก็มีแค่ที่ส่งมาในวันเสาร์และอาทิตย์ ที่เพิ่งกลับไปจากบ้านพักของผม วันจันทร์ที่ 3 ถึงอาทิตย์ที่ 8 ก.พ. ก็ไม่ส่งอะไรเลย ผิดกับน้องปอนด์ที่ทักมาถามข่าวคราวบ้าง ให้กำลังใจบ้าง ปลอบผมบ้าง ซึ่งช่วงเย็นที่น้องปอนด์ทักมา ก็เป็นช่วงที่ผมกำลังยุ่งอยู่ในงาน จนพระสวดจบกลับไปนอนพักที่บ้านแม่ต้อยแล้ว ผมจึงมีเวลาที่จะคุยกับน้องปอนด์ แต่ช่วงนั้นน้องปอนด์ก็คุยกับแฟน คุยกันนานเป็นชั่วโมงๆ ผมรอจนผมหลับไปก่อนเป็นประจำ (ช่วงนี้น้องปอนด์กับแฟนคุยทุกวันและนานโคตร คงเพราะแฟนของน้องปอนด์กำลังจะจบม.6 และจะไปเรียนต่อทื่กรุงเทพ จะไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยๆ แล้ว) ยิ่งผมรู้ว่าน้องปอนด์และแฟนคุยกันทุกวัน คิดย้อนกลับมาดูผมและน้องเฟรม เทียบกันไม่ได้เลยน้องเฟรมรักผมภาษาอะไรเนี่ย คิดแล้ว...ผมรู้สึกนอยด์และโมโหน้องเฟรมขึ้นมานิด ๆที่ไม่รักษาคำพูด เลยคิดอยากจะดัดนิสัยน้องเฟรม จนเช้าวันจันทร์ที่ 10 ก.พ.ขณะที่รอขึ้นเครื่อง ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 6 โมงนิด ๆผมคิดว่า น้องเฟรมคงกำลังแต่งตัวไปโรงเรียน ผมจึงทักแชทไปอ่อยน้องเฟรมว่า “วันวาเลนไทน์คนที่เป็นคู่รักกัน เค้าให้ของขวัญกัน แล้วพี่ต้องให้ใครหรือป่าวนะ” ก่อนขึ้นเครื่องผมกำลังจะปิดมือถือก็ได้ยินเสียงเตือนและข้อความขึ้นที่หน้าจอ เป็นของน้องเฟรมแต่ผมไม่เปิดอ่าน...ปิดมือถือเดินขึ้นเครื่องทันที ขณะที่อยู่บนเครื่อง ผมรู้สึกหายใจไม่สะดวก ทีแรก...คิดว่าคงเป็นธรรมดาที่เวลาเครื่องบินปรับเพดานบินเราจะรู้สึกหูอื้อ แต่นี่มันไม่ใช่ มันหายใจติด ๆ ขัด ผมจึงพยายามหายใจเข้าออกลึกๆ ยาว ก็ทำให้ดีขึ้นมาบ้าง..... หลังจากเข้าที่ทำงานแล้วผมเปิดมือถือ เห็นมีข้อความจากน้องเฟรม ส่งมาหลายข้อความผมก็แกล้งไม่เปิดอ่าน นั่งทำงานไปได้ซักพัก อาการหายใจไม่สะดวกมาอีกแล้วและรู้สึกว่าจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ผมหายใจไม่ค่อยออก ลมหายใจขาดเป็นช่วง ๆพยายามหายใจลึก ๆ ก็ไม่ดีขึ้น จึงเรียกน้องเจ้าที่ที่ทำงานอยู่ในห้อง น้องเจ้าหน้าที่เห็นผมมีอาการทุรนทุราย ก็รีบวิ่งเข้ามาดูแล้วโทรไปตามศักดิ์พนักงานขับรถ (พ่อน้องปอนด์) ให้ไปส่งผมที่โรงพยาบาล โดยมีน้องเจ้าหน้าที่นั่งไปเป็นเพื่อนคนหนึ่ง พอถึงร.พ. ก็เข้าห้องฉุกเฉิน พยาบาลเอาหน้ากากอ๊อกซิเจนมาครอบปากและจมูกผม หมอเดินมาตรวจ...สั่งพยาบาลฉีดยาขยายหลอดลม...ให้น้ำเกลือ....และให้นอนพักดูอาการในห้องฉุกเฉินนั้น......ประมาณครึ่งชั่วโมงอาการผมเริ่มดีขึ้น หมอจึงสั่งแอดมินนอนโรงพยาบาล ตอนที่เวรเปลเข็นผมออกมาจากห้องฉุกเฉิน ผมเห็นศักดิ์และน้องเจ้าหน้าที่ยังนั่งรอฟังข่าวที่หน้าห้องด้วยความกระวนกระวายใจ พอเห็นเวรเปลเข็นผมออกมา ทั้งคู่ถอนหายใจอย่างโล่งอก และเดินตามผมไปที่ตึก โชคดี...ผมได้ห้องพิเศษที่ตึกสงฆ์ ผมขอเป็นห้อง วีไอพี ซึ่งธรรมดาแล้วเค้าจัดไว้ให้พระผู้ใหญ่ระดับเจ้าคณะอำเภอหรือเจ้าคณะจังหวัดนอน แต่เนื่องจากห้องว่างผมจึงได้เข้า(พระผู้ใหญ่ระดับนั้น ท่านไม่เข้าโรงพยาบาลหลวงหรอกนิ) พอเข้าห้องแล้วพยาบาลก็มารุมวัดนู้นวัดนี่ และซักถามอะไรอีกมากมาย แล้วผมก็โดนให้ออกซิเจนอีกครั้ง (เป็นแบบ อันเล็ก ๆ ที่จ่อตรงจมูก) หลังจากพยาบาลออกไปแล้ว ศักดิ์ถามผมว่า อยู่คนเดียวก่อนได้หรือปล่าว ผมตอบศักดิ์ไปว่า สบายมากอยู่ใกล้หมอแล้ว ให้ทั้ง 2 คนกลับไปทำงานเถอะ ก่อนกลับ...ศักดิ์บอกว่า ตอนเย็นน้องปอนด์กลับจากโรงเรียนแล้ว จะให้มาอยู่เป็นเพื่อน ผมก็กล่าวขอบคุณศักดิ์ ผมหลับไปไม่รู้กี่ชั่วโมง....ลืมตาขึ้นมาก็เห็น ศักดิ์ เจ็ไล น้องปอนด์ และน้องปืน (น้องของน้องปอนด์อายุประมาณ 8 – 9 ขวบ รูปร่างหน้าตาน่ารัก ผิวขาว ปากแดง โตขึ้นคงหล่อ) นั่งอยู่ที่ใซฟาในห้อง พอทุกคนเห็นผมตื่นแล้ว...ก็ลุกขึ้นมายืนข้างเตียง ถามถึงอาการของผม ผมจึงบอกว่า มันเป็นอาการของโรคประจำตัวของผม น้องปอนด์ก็ถามขึ้นมาว่า ผมเป็นโรคอะไร ผมตอบน้องว่า “เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ทางการแพทย์เรียกสั้น ๆ ว่า MG ซึ่งกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ผมเป็นจะเกิดกับกล้ามเนื้อเปลือกตา กล้ามเนื้อตา และกล้ามเนื้อระบบการหายใจ” ตอนที่ผมเริ่มเป็นโรคนี้และยังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ตอนนั้นมีอาการหนังตาตก และตกลงเรื่อย ๆ จนปิดไปข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งก็ปรือ ๆหรี่ ๆ มองเห็นภาพซ้อน หูอื้อเหมือนน้ำเข้าหู พูดเหมือนคนลิ้นไก่สั้น พูดไม่ค่อยชัด ตอนนั้นเข้ารับการตรวจรักษาที่กรุงเทพจนหมอวินิจฉัยว่า เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งเป็นโรคที่ไม่มีวันหาย ได้แต่กินยาคุมอาการมันไว้ ผมเคยถามหมอว่า อาการที่รุนแรงที่สุดของผม จะเป็นอย่างไร หมอบอกว่า ระบบการหายใจจะล้มเหลว หายใจไม่ออกและจะเสียชีวิตทันที ห้ามออกกำลังกายหรือทำงานหนักจนเหนื่อยหอบมาก ๆ และอย่าใช้สายตาเพ่งมองอะไรนาน ๆ โดยเฉพาะ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หากผมเกิดอาการมองเห็นภาพซ้อนมากๆ ก็ให้หลับตาข้างหนึ่ง แต่งานของผมก็เกี่ยวกับคอมนี่ครับ วัน ๆ หนึ่ง ผมใช้คอมทั้งที่ทำงานและที่บ้าน...รวมๆ แล้วหลายชั่วโมง แต่มือถือไม่ค่อยได้ใช้ อย่างที่ผมพิมพ์เล่าประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ อ่าน ถ้าพิมพ์หลายหน้าจนเกิดภาพซ้อนแล้ว ผมก็หลับตาข้างหนึ่งพิมพ์ แต่เพื่อน ๆไม่ต้องห่วงนะครับตลอดระเวลา 5 ปีที่เป็นโรคนี้ ผมก็มองอะไรด้วยตาข้างเดียวบ่อย ๆ จนชินแล้ว ส่วนเรื่องการออกกำลังกายที่ทำให้เหนื่อยหอบโดยเฉพาะเรื่อง วิ่ง ไม่มีแน่นอนสำหรับผม แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่ผมเคยคิดกลัว คือตอนที่มีเซ็กส์กับน้องๆ ช่วงที่น้อง ๆ เป็นฝ่ายทำ ผมก็ไม่เหนื่อย ผมจะเหนื่อยก็ตอนที่ผมน้ำแตก...จะมีการอาการเหนื่อยหอบ มีครั้งหนึ่งกับน้องปอนด์ ผมหายใจหอบแรงมากจนน้องปอนด์ถามผมว่า เหนื่อยขนาดนั้นเลยหรือ น้องเป็นคนทำน่าจะเหนื่อยมากกว่า ซึ่งตอนนั้นผมไม่ได้ตอบน้อง ได้แต่หายใจลึก ๆ ยาว ๆ ผมเคยกลัวว่า ถ้าผมหายใจไม่ออกและหยุดหายใจตอนที่มีอะไรกับน้อง ๆ ทั้งน้องเฟรม น้องปอนด์ ยังเด็ก คงจะกลัวจนทำอะไรไม่ถูก...แล้วถ้าผมเสียชีวิต ก็คงเป็นความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตน้อง ๆ และอาจจะเป็นภาพติดตาน้องไปจนชั่วชีวิต...ซึ่งผมก็ระมัดระวังตัวเองนะครับ ผมจะประเมินตัวเองก่อนที่จะมีไรกับน้อง ๆ....หลายครั้งที่ผมไม่ได้เสร็จนะครับ ให้น้อง ๆ เสร็จฝ่ายเดียว อธิบายซะยาวเหยียดเข้าเรื่องต่อดีกว่าเนาะ) คุยกันสักพัก หมอก็เข้ามาตรวจผมก็แปลกใจว่า ตอนเย็นหมอมาตรวจด้วยเหรอ ซึ่งแอบถามพยาบาล ๆ บอกว่า หมอจบใหม่ก็จะขยันตรวจหน่อย บางวันมา 2 รอบ ถ้าคนไข้มีอาการไม่ค่อยดี มา 3 รอบก็มี ผมบอกหมอว่าผมหายใจดีแล้ว อยากเอาอ๊อกซิเจนออก หมอก็ให้ผมหายใจแล้วใช้หูฟังของหมอฟังดูครู่หนึ่ง ก็พยักหน้าให้เอาออกได้ แต่น้ำเกลือยังต้องให้..เพราะต้องฉีดยาเข้าเส้นทุก 6 ชั่วโมง จะได้ไม่ต้องเจ็บเพราะถูกแทงที่หลังมือบ่อย (ผมเป็นคนเส้นจม เวลาที่เจาะเลือด หรือฉีดยาเข้าเส้น ที่แขนจะไม่เจอเส้นเลือด ต้องให้ที่หลังมือทุกครั้ง ซึ่งพยาบาลไม่อยากจะให้เพราะหลังมือเส้นเลือดจะเปราะมาก) หลังจากหมอและพยาบาลออกไปแล้ว ศักด์ เจ๊ไล และน้องปืน ก็ลากลับบ้าน ก่อนไปเจ๊ไลหันมากำชับน้องปอนด์ ให้ดูแลผมให้ดี ๆ อย่าเล่นมือถือจนเพลิน และห้ามใส่หูฟัง หากผมมีอาการไม่ดีก็ให้กดกริ่งเรียกพยาบาล พอศักด์ เจ็ไลน้องปืนกลับไปแล้ว ผมให้น้องปอนด์เอาเก้าอี้มานั่งคุยกับผมที่ข้างเตียง “ปอนด์...พี่ขอบคุณนะ...ที่มาเฝ้าพี่” “ครับ...มันเป็นหน้าที่” น้องปอนด์ตอบมาแบบนี้ผมก็งง ว่ามันเป็นหน้าที่อะไร ยังไง เลยถามน้องว่า “หน้าที่อะไร” “ก็หน้าที่กิ๊ก...ที่ต้องมาเฝ้ากิ๊ก” น้องพูดยิ้ม ๆ ผมฟังแล้วรู้สึกประทับใจและรักน้องเพิ่มขึ้นไปอีก “แล้วแฟนพี่รู้ยังอ่ะครับ” “ยังอ่ะ...พี่ไม่ได้บอก” “แล้วทำไมไม่บอกเค้าล่ะ” “ก็ยังไม่มีเวลาบอกเลย” “บอกตอนนี้เลยดิ่” ผมก็นิ่งเหมือนใช้ความคิดแล้วบอกน้องว่า “ไม่ต้องบอกหรอกเด๋วพรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้ว” “อ้าว...หมอจะให้กลับเหรอครับ” “ให้สิ...ก็พี่ไม่เป็นอะไรแล้ว ก็แค่เหนื่อยจากช่วยงานแม่และต้องเดินทางไปกลับทุกวัน...ไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย” พอดีเสียงเตือนของข้อความในมือถือผมดังขึ้น“นั่นไง...สงสัยแฟนพี่ทักมามั้ง” ผมหยิบมือถือขึ้นมาดูที่หน้าจอ เป็นน้องเฟรมทักมามีข้อความใหม่จากน้องเฟรม 2 ข้อความ รวมกับเมื่อเช้าเป็น 4 ข้อความ ผมอ่านที่หน้าจอ “ต้องให้ครับ” “ถ้าให้ผมขอ 450นะครับ” “พี่ครับ” “ให้ป่าวครับ” แต่ผมก็ไม่ได้เปิดเข้าไปดูในอินบ๊อกซ์ ตั้งใจจะดัดนิสัยน้องเฟรม ผมบอกน้องปอนด์ว่าเป็นข้อความอย่างอื่นเข้ามา....เราก็คุยกุ๊กกิ๊กหยอกล้อกันไป แล้วผมก็ขอหอมน้องปอนด์ น้องก็ลุกขึ้น..ก้มหน้ามาให้ผมหอมแก้มทั้ง 2 ข้าง สุดท้ายก็ที่ปาก แต่ตอนหอมปากผมดูดปากน้องและแหย่ลิ้นเข้าไปด้วย น้องปอนด์ทำตาโตมองตาผม พอเห็นสายตาอ้อนวอนของผม...ก็จูบตอบผมแต่โดยดี กำลังจูบกันเพลินๆมือถือเจ้ากรรมของน้องก็ดังขึ้น น้องรีบถอนปากออกแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู และบอกผมว่า “พี่ครับ...ผมขอคุยโทรศัพท์ก่อนนะ” “แฟนโทรมาเหรอ” “ครับ” แล้วน้องปอนด์ก็เดินออกไปคุยที่ระเบียง ตอนนั้นผมเกิดความรู้สึกหวงและนอยด์ขึ้นมานิด ๆ แต่แค่ชั่วแป็บเดียว ผมเตือนตัวเองว่า “นั่นแฟนเค้านะเว้ยมึงเป็นแค่กิ๊ก จะหวงแฟนเค้าไม่ได้ เค้ามาก่อน...ที่เป็นอย่างทุกวันนี้ก็ดีที่สุดแล้ว” แล้วก็พาลคิดไปถึงน้องเฟรม ทำไมน้องเฟรมไม่โทรคุยกับผมเหมือนที่น้องปอนด์คุยกับแฟนบ้างนะ คิดๆ แล้วก็รู้สึกนอยด์น้องเฟรม.... น้องปอนด์คุยกับแฟนนานเป็นชั่วโมง พอน้องคุยจบเดินเข้ามาในห้อง ผมแกล้งทำเป็นหลับ..น้องเดินมาที่เตียงแกล้งเอามือลูบหน้าลูบตาผม ผมก็ยังไม่ลืมตา...น้องก็ก้มมาหอมแก้มผม ผมก็ยังแกล้งหลับ “พี่ครับ...ผมรู้นะว่าพี่ยังไม่หลับ....ไม่ต้องมาแกล้งเลย” (น้องรู้ว่าผมนอนดึกประจำ) ผมก็ยังแกล้งหลับอยู่อย่างนั้น “งอนผมเหรอ...ที่ผมคุยกับแฟนอ่ะ” ผมก็ยังคงหลับตานิ่ง น้องปอนด์เงียบไปครู่หนึ่ง คงคิดว่าผมโกรธจริง เพราะเคยเจอฤทธิ์เดชผมเมื่อตอนปีใหม่มาแล้วเลยชักกลัวมั้ง น้องพูดด้วยเสียงสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้ “ถ้าพี่โกรธผม...ไม่อยากเห็นหน้าผม...เด๋วผมให้พ่อมารับกลับก็ได้ครับ” ผมได้ยินดังนั้น คิดว่าน่าจะแกล้งพอแล้วเดี๋ยวเป็นเรื่อง ก็ลืมตาแล้วทำเสียง..แฮ่ร์ใส่น้อง น้องปอนด์ตกใจจนตกเก้าอี้ แต่ก็คงไม่เจ็บผมหัวเราะขำน้องจนน้ำตาไหล แต่คราวนี้เป็นฝ่ายน้องปอนด์ที่งอนใส่ผม น้องไม่พูดไม่จาเดินไปนอนที่โซฟา หันหน้าเข้าพนักพิงหันหลังให้ผม...นอนนิ่งเงียบ ผมเรียกน้องปอนด์ 2– 3 คำ น้องก็ไม่ตอบ...ไม่หันมา ผมจึงลุกขึ้นจากเตียงแล้วเอามือจับเสาแขวนน้ำเกลือจะเดินไปหาน้อง แต่เพราะผมนอนมากเกินไปหรือปล่าวก็ไม่รู้...พอขาเหยียบพื้นห้อง ขามันอ่อนแล้วทรุดลงนั่งกับพื้น....ตัวเอนไปชนเสาแขวนน้ำเกลือล้มดังโครม น้องปอนด์ได้ยินก็เผลอตัวหันมาดู...แล้วรีบลุกเดินมาประคองผมขึ้นเตียง ถามผมเสียงระล่ำระลัก “พี่ๆๆ..เป็นไรป่ะครับ” “ไม่...ไม่เป็นไร” “พี่ลุกขึ้นไมอ่ะครับ” “ก็ว่า...จะเดินไปง้อเด็กขี้งอน” น้องปอนด์พอได้ยินก็นึกขึ้นได้ว่ากำลังงอนอยู่ ทำท่าจะหันกลับผมรีบคว้ามือน้องไว้ และพูดว่า “พี่ขอโทษ...ก็พี่เหงาตอนปอนด์คุยกับแฟน....เลยหาไรเล่นหนุกๆ อ่ะ” “พี่โกรธผมป่ะครับ” “จะโกรธทำไมอ่ะ ก็ปอนด์คุยกับแฟน ไม่ได้คุยกับสาวคนอื่น...หรือว่า...มีกิ๊กที่ไหนอีกป่ะเนี่ย” “มีที่ไหนล่ะ....มีคนเดว...ก็ปวดหัวแระ” “งั้นเชียว” “อืมม...ชักเบื่อแระ” “อย่าเบื่อเค้าเลยนะตะเอง” ผมแกล้งพูดล้อ น้องปอนด์ก็ยิ้มขำ ๆ “พี่ๆ เลือดอ่ะ”ผมก้มมองดู..อ้าวเลือดมันไหลย้อนจากแขนเข้าสายน้ำเกลือ แสดงน้ำเกลือไม่เดิน ผมจึงเอามือหมุนเร่งให้น้าเกลือไหลเร็วขึ้น แล้วเอานิ้วบีบไล่เลือดที่สายน้ำเกลือ ซักพักเลือดในสายก็ไหลกลับเข้าเส้นที่แขนผมจนหมด แสดงว่า น้ำเกลือเดินแล้วผมก็ปรับน้ำเกลือให้ไหลช้าลง (เมื่อก่อนผมเข้า ร.พ. โดนให้น้ำเกลือบ่อยจนทำเป็นนะครับ) ผมกับน้องปอนด์คุยกันจน 5ทุ่มกว่า ก็ให้น้องไปนอน เพราะพรุ่งนี้เช้าน้องต้องไปโรงเรียน ตี5 พยาบาลเข้ามาวัดความดัน วัดไข้ ถามจำนวนที่ขับถ่ายทั้งเบาและหนัก เสร็จแล้วก็ออกไปซักพักแม่บ้านเข้ามาเช็ดทำความสะอาดห้อง....พอ 6 โมงเช้า ผมก็เรียกน้องปอนด์แต่น้องไม่ตื่นนอนคลุมโปงอยู่ ผมกลัวน้องจะตื่นสายไปโรงเรียนไม่ทันเข้าแถว จึงค่อย ๆลงจากเตียงลากเสาแขวนน้ำเกลือ...เดินไปปลุกน้องที่โซฟา น้องนอนตะแคงคลุมโปงหันหน้าเข้าพนักพิง ผมจับตัวน้องให้นอนหงาย...นั่นไงน้องชายของน้องปอนด์ตื่นแล้ว ผมเห็นปุ๊บก็อดใจที่จะเอามือไปลูบเล่นไม่ได้ ซักพัก...ผมเลยเอามือล้วงไปในผ้าห่มและในกางเกงของน้อง จับน้องชายของน้องรูดขึ้นลงเบาๆ น้องปอนด์ก็ลืมตาขึ้นมา “พี่...เล่นไรเนี่ย” “ก็เรียกปอนด์แล้วไม่ตื่น เห็นแต่เจ้านี่มันตื่นอยู่ ก็เลยทักทายมันหน่อย” “พี่ลงมาไมอีกอ่ะครับ เด๋วก็ล้มอีก” “ก็จะมาปลุกไง..แล้วพี่อยากเข้าห้องน้ำด้วย” น้องปอนด์ได้ยินว่า ผมจะเข้าห้องน้ำก็รีบลุกขึ้น แล้วมาจับเสาแขวนน้ำเกลือพาผมไปห้องน้ำ พอผมนั่งฉี่เสร็จก็จะแปรงฟัน ล้างหน้า และบอกให้น้องปอนด์แปรงฟันล้างหน้าไปพร้อมๆ กัน ผมบอกน้องว่าจะได้ไม่เสียเวลา (ที่จริงผมอยากจะจูบน้อง เลยให้แปรงฟันก่อน ไม่อยากจูบทั้งขี้ฟัน) พอน้องแปรงฟันล้างหน้าเสร็จผมก็เอาผ้าเช็ดตัวเช็ดหน้าให้น้อง แล้วจูบน้องทันที น้องปอนด์ก็ตอบสนองผมเป็นอย่างดี ผมเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงของน้อง จับท่อนลำรูดขึ้นลง แล้วใช้นิ้วฝนที่หัวเบา ๆ น้องปอนด์ก็ครางอู้อี้ในลำคอด้วยความเสียว ผมถอนปากออกแล้วจูงมือน้องเดินไปที่โถชักโครก ผมเอามือปิดฝาชักโครกแล้วนั่งลง...และดึงกางเกงน้องปอนด์ลงไปที่หัวเข่า กำลังจะก้มลงไปดูดท่อนลำของน้อง แต่น้องเอามือจับใบหน้าผมให้เงยขึ้น “พี่ดูดไหวเหรอครับ” “ไหวสิ...พี่ต้องแก้แค้น มะกี้มันชี้หน้าพี่” น้องปอนด์ก็ขำ ผมเลยจัดการเลียที่หัวท่อนลำและรูฉี่หนักๆ ซี๊ดสส์....พี่ครับเสียว” ผมเริ่มดูดอมเข้าไปทั้งหัว และผงกหัวเข้าออก เร็ว ๆ แรง ๆ จนรู้สึกเมื่อยคอ ก็ดันก้นน้องปอนด์ให้กระเด้าปากผม น้องปอนด์ก็กระเด้าเบา ๆ แค่ครึ่งท่อนลำไม่ได้เข้าไปจนสุดโคน (น้องคงเห็นผมป่วยอยู่เลยไม่กล้าเข้าสุด) ซักพักน้องเริ่มเร่งความเร็ว ผมก็ดูดเน้น ๆแรงขึ้น กำลังเพลินกันทั้งคู่ ได้ยินเสียงประตูห้องเปิดและมีเสียงฝีเท้าคนเดินเข้ามาในห้อง น้องปอนด์หยุดและจะถอนท่อนลำออก แต่ผมส่ายหน้าและดันก้นน้องให้กระเด้าต่อไป น้องมองหน้าผมและกระเด้าต่อ....เพิ่มสปิดเร็วขึ้น ๆ ๆ จนน้องเกร็งตัว ส่งเสียงครางเบา ๆ “โอ๊ะๆๆ...ซี๊ดส์...อ่าห์...แตกแล้ว ท่อนลำของน้องก็กระตุกพ่นน้ำเข้าปากผม ผมดูดกลืนลงคอจนน้ำน้องออกหมดแล้ว จึงลุกขึ้นไปบ้วนปากล้างหน้า เช็ดหน้าให้แห้ง หันไปบอกน้องปอนด “ปอนด์ไม่ต้องออกไปนะ...อาบน้ำเลย..จะได้แต่งตัวไปโรงเรียน แล้วผมก็รีบเปิดประตูห้องน้ำออกมา เห็นศักด์นั่งดูทีวีอยู่กับน้องปืน พอศักดิ์เห็นผมเดินออกมาคนเดียว ก็ถามหาน้องปอนด์ว่าปอนด์ไปไหน ผมจึงบอกว่าน้องปอนด์อาบน้ำและพูดต่อไปอีกว่า ผมเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันเลยให้น้องปอนด์ลากเสาแขวนน้ำเกลือไปให้ ศักดิ์ก็พูดว่าทำไมไม่ให้น้องปอนด์เอาน้ำใส่กาละมังมาให้แปรงฟันล้างหน้าที่เตียงก็ได้ ไม่ต้องเข้าห้องน้ำเดี๋ยวล้มมาจะเป็นหนักไปอีก แต่ผมบอกศักดิ์ไปว่า ไม่เป็นไร ผมจะเข้าไปฉี่ด้วย...อีกอย่างผมกลัวผ้าปูที่นอนเปียก แม่บ้านไม่ได้เปลี่ยนผ้าปู ศักดิ์ก็ไม่ได้สงสัยหรือว่าอะไร และบอกผมอีกว่า บ่าย 3 โมง หัวหน้ากับน้อง ๆ ที่ทำงานจะมาเยี่ยม พอน้องปอนด์อาบน้ำ แต่งตัวเสร็จ ศักดิ์ก็พาลูก ๆไปส่งที่โรงเรียน หลังจากที่ผมกินข้าวเช้า กินยาแล้ว ซักพักหมอกับพยาบาลเข้ามาตรวจ ผมขอหมอกลับบ้าน แต่หมอบอกให้อยู่ดูอาการอีกวัน ผมจึงจำใจต้องอยู่ต่อ หมอไปแล้ว....ผมก็หยิบมือถือขึ้นมาดู เห็นมีข้อความเตือน เป็นของน้องเฟรม ผมก็ไม่เปิดเข้าไปดู นอนดูทีวีแล้วหลับไป...จนเที่ยงแม่บ้านมาปลุกให้กินข้าวจะได้เก็บถาด ผมกินข้าวกินยาเสร็จก็นอนต่อ จนบ่าย 3 โมงกว่า คาราวานกองทัพที่ทำงานก็เริ่มเข้ามาเยี่ยม เรียกได้ว่ามาทุกแผนก ชุดแรกมาพร้อมกันจนแน่นเต็มห้อง แทบจะไม่มีที่ยืน...ห้องวีไอพีที่ว่ากว้างเจอกองทัพนี้เข้าไป...เลยเล็กไปถนัดตา จากนั้นก็ทยอยมากันเป็นชุด ๆ เยี่ยมกันไปจนถึงเย็นจนน้องปอนด์กลับมาจากโรงเรียน น้องเข้าห้องมาเจอพวกพี่ป้าน้าอาที่ทำงานของพ่อ ก็ยืนงงๆ ทำตัวไม่ถูก พวกน้อง ๆ ที่ทำงานพอรู้ว่า น้องปอนด์มาเฝ้าก็ชมน้องจนน้องยิ้มแก้มแทบปริ...พอคนเยี่ยมชุดสุดท้ายกลับไปหมดแล้ว น้องปอนด์ก็มานั่งที่เตียงชูถุงลูกชิ้นให้ผมดู “พี่ครับ...กินลูกชิ้นป่ะ” “ไม่อ่ะ...อยากกินไส้กรอก” ผมพูดยิ้มๆ น้องปอนด์ตามมุกผมไม่ทันก็พูดว่า “ผมไม่ได้ซื้อมาอ่ะครับ...เด๋วผมลงไปซื้อให้นะ” และทำท่าจะลุกไป ผมรีบคว้ามือน้องไว้ “ไม่ต้องไปซื้อ...พี่อยากกินไส้กรอกอันนี้อ่ะ”ผมใช้สายตามองพร้อมกับบุ้ยปากไปที่เป้าของน้อง น้องมองตามสายตาผมแล้วหัวเราะ “มะเช้า...กินไปแล้ว ยังไม่อิ่มอีกเหรอครับ” “ยัง....ก็ข้าว..เค้ายังกินกัน3 มื้อ นี่พี่เพิ่งได้กินไส้กรอกมื้อเดียวเอง” “จะกินจริงอ่ะ” “พี่ล้อเล่น...เด๋วค่อยกินตอนดึกดีกว่า...เนอะ” แล้วน้องปอนด์ก็ยื่นไม้ลูกชิ้นป้อนให้ผมกิน ผมกำลังกินกันเพลิน ๆ มีเสียงเคาะประตู.....แล้วประตูก็เปิดออก....พี่มิ่ง แม่น้องเฟรม น้องเฟรม น้องฟาง เดินเข้ามา พอผมเห็นว่าเป็นใคร....ผมก็เงียบเลยทันที
|