“มึง…กูแม่งคิดถึงบ้านแล้วว่ะ” “เห้ย ทำไมว้ะ พึ่งมาได้แค่ 2 วันเองคุณชาย” “ไม่รู้ว่ะ กูแค่ไม่อยากฝึกแล้ว ไม่อยากทำอีกแล้วอ่ะ ที่นี่แม่งเหี้ยชิบหาย” “เห้ยบอม ฟังกูนะเว้ย…ถ้ามึงกลับบ้านไปตอนนี้อ่ะ แล้วอีก 3 วันหลังจากนี้กูจะอยู่กับใครว้ะ5555” “ไอ้สัส เฮอ…กูแม่งไม่ใช่คนอ่อนแอแบบนี้เลยนะเว้ย ไอ้ปัน แต่เรื่องหลายๆอย่างที่นี่แม่งทำให้กูกลายเป็นคนไม่กล้าสู้คน ไม่กล้าเผชิญหน้ากับอะไรต่างๆแล้วว่ะ” “เรื่องครูฝึกที่ให้มึงแก้ผ้าโป้ต่อหน้าเค้าอ่ะนะ” “อืม” “เชี่ยบอม…กูเข้าใจมึงนะเว้ย ไอ้สัส ไม่ว่ามึงหรือใครคนไหนก็ตามแม่งก็ไม่สนควรจะต้องโดนอะไรแบบนั้นเว้ย ถ้าเป็นกู กูแม่งก็คงจะทำตัวไม่ถูกเหมือนกันแหละว่ะ แต่ว่ามันเกิดขึ้นแล้วว่ะบอม มึงก็ผ่านมันมาได้แล้ว…” ปันหันมามองผม “บอม หลังจากนี้มึงห้ามไปไหนมาไหนคนเดียวอีกนะเว้ย เราเป็นบัดดี้กันไง ไปไหนในค่ายเหี้ยนี่มึงต้องมีกูไปด้วยตลอดนะ” . ปี้ดดดดดด… “เชี่ย เสียงนกหวีดป่าวว้ะ” ผม จากที่นอนอยู่นั้น กูลุกขึ้นมานั่งและมองออกไปทางลานกว้างเพื่อมองหาเพื่อนคนอื่น “เห้ย ปันตื่น ใกล้รวมล่ะ” . “กูตื่นแล้ว” . ปี้ดดดดดด… เสียงนกหวีดดังขึ้นอีกครั้ง “เตรียมรวม!” “เตรียมรวม!เตรียมรวม!เตรียมรวม!” . เมื่อเสียงทวนคำสั่งจบลง เสียงนกหวีดที่เป่าเป็นจังหวะตอนๆก็ดังขึ้น เป็นสัญญาณเรียกนักศึกษาวิชาทหารทุกคนไปเข้าแถวรวมกันที่ลานกว้างดังเดิม // เช้าวันที่ 3 ครึ่งทางของการมาฝึกภาคสนามที่เขาชนไก่ ผมแบกเป้สนามขึ้นหลังพร้อมกับเก็บข้าวของทุกอย่างที่จำเป็นออกมาจากเต้นท์นอนที่กองพัน เพราะวันนี้จะเป็นวันที่เราจะต้องมาฝึกการดำรงชีวิตและการอยู่อาศัยตามภูมิประเทศ หรือพูดง่ายๆคือเข้าป่า . พวกเราออกมาเดินทางตั้งแต่เช้ามืดเหมือนเดิม แน่นอนว่าการเดินทางก็ต้องเป็นการเดินไปอย่างเดียว โดยมีครูฝึกเดินนำทางให้ข้างหน้า ผมพยายามเดินให้ติดกับบอมไว้ให้ได้ใกล้ที่สุดเพราะว่าฟ้ายังมืดอยู่ สามารถพลัดหลงกันได้ง่ายๆ . ครูฝึกนำพวกเราให้เดินมาบนถนนเส้นเดิมกับที่เราเดินผ่านมาฝึกที่สถานียิงปืนเมื่อวาน แน่นอนผมก็ได้เดินผ่านกองทัพที่ 22 ที่ผมมาพักที่นี่ตอนมาเขาชนไก่ปี 2 ผมมองเหลือบไปที่เต้นท์นอน น้องๆปี 2 ทุกคนยังคงนอนหลับสบายอยู่ในเต้นท์ ออ ลืมไปว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของปี 2 แล้ว วันนี้เค้าจะได้กลับบ้านไป ไอ้สัสเอ้ย ปี 2 แม่งใช้กรรมไปได้ครึ่งนึงแล้วว่ะ เป็นปี 3 วันที่ 3 แม่งเหมือนทุกอย่างแม่งพึ่งเริ่มต้น แต่ว่าปี 2 แม่งต้องกลับมาที่นี่อีกทีปีหน้า ส่วนปี 3 อย่างผมน่ะ กำลังจะพ้นจากนรกกรรมนี่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ขอให้รอดตายจากที่นี่ไปให้ได้ก่อนแล้วกันนะ . ผมเดินมาถึงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ที่ที่ผมเดินผ่านและเห็นมาตลอดตั้งแต่ปี 2 เพราะอ่างเก็บน้ำนี้อยู่ใกล้กับกองพันมากและเป็นทางผ่านของถนนเส้นหลักที่นักศึกษาวิชาทหารทุกคนต้องเดินผ่านเพื่อไปฝึกในสถานีต่างๆ . ครูฝึกพาพวกเราเลี้ยวเข้าไปเดินบนสันสะพานของอ่างเก็บน้ำนั้น ตอนนี้ทุกอย่างรอบตัวมืดสลัวๆไปหมด มีแต่เสียงไฟริมทางสีส้มของอ่างเก็บน้ำที่ส่องทางให้เราพอมองเห็นได้บ้าง ผมมองไปข้างหน้าก็เห็นบอมเดินอยู่ก็สบายใจที่เรายังไม่หลงกัน . หลังจากพ้นบริเวณอ่างเก็บน้ำมาได้แล้ว ก็เป็นเขตทุ่งหญ้าและที่อยู่อาศัยของคนแถวนั้น ไอ้เหี้ย ใครมันจะอยากมาอยู่ในเขาชนไก่แบบนี้ว้ะ น่ากลัวชิบหาย เป็นผมผมคงเข็ด หนีไปซื้อบ้านอยู่ที่อื่น ชาตินี้ไม่กลับมาที่นี่แล้วแน่ๆ . จู่ๆ ครูฝึกก็พาเลี้ยวเข้ามาในพงหญ้า แต่ก็มีการตัดหญ้าไว้ส่วนหนึ่งให้ทำเป็นทางเดิน หญ้านั้นเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งมีต้นไม้ใหญ่เต็มไปหมด พวกเรากำลังเข้าไปในป่า ยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ ป่าก็เริ่มหนาขึ้นๆเรื่อยๆ ผมเดินตามติดหลังบอมไว้ตลอดเพื่อไม่ให้หลงกัน แล้วก็คอยสังเกตบอมตลอดว่ามันเดินไปทางไหนต่อ . พ้นเขตป่ามาได้ พื้นดินที่เดินก็จะเรียบและเดินไปง่ายขึ้น และสิ่งที่เปลี่ยนไปตอนนี้คืออากาศ…อากาศเย็นขึ้นมากๆตอนที่ออกมาจากป่าได้ เหมือนกับว่าอยู่คนละโลกกันเลยที่เดียว เขาชนไก่ทั้งร้อนและอบ แต่พอได้เข้ามาในป่าวันนี้ มันเย็นสบายไปหมด . ครูฝึกพาเราเลี้ยวมาในเส้นทางดินกลางป่าอีกครั้ง ผมมองข้ามหัวแถวขึ้นไปด้านหน้าสุดก็เห็นป้ายไม้ใหญ่เป็นซุ้มประตูทางเข้า เป็นชื่อสถานีการฝึกที่ 32 สำหรับการฝึกของนักศึกษาวิชาทหารปีที่ 3 เป็นสถานีที่ 2 ของการฝึกนั่นเอง . “ใครมาถึงแล้วเอาเป้เข้าไปวางในเต้นท์ได้เลย” เสียงครูฝึกประจำสถานีประกาศ “เห้ย บอม ไปเร็ว” ผมจัดแขนบอมแล้ววิ่งพามันเข้าไปในแนวเต้นท์ที่หลบๆแอบๆอยู่ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ ผมรีบเดินนำบอมเข้าไปเพื่อหาเต้นท์ที่ดูแล้วว่าจะนอนได้สบายที่สุด แต่เนื่องจากพวกเราเดินมาถึงหลังๆ ทำให้เต้นท์ดีๆนั้นมีคนมาจองเอาไว้เกือบหมดแล้ว . “เชี่ย จะมีมั้ยว้ะ” บอมพูด “ต้องมีแหละเว้ย” ผมเดินนำเข้าไปในป่าลึกขึ้นอีก ยังมีแนวเต้นท์ให้เลือกนอนได้บ้างแต่เต้นท์ส่วนใหญ่แถวนี้ก็จะเป็นเต้นท์ที่เกือบพังแล้ว เสาเต้นท์เอียงบ้าง เต้นท์ขาดกลางบ้าง เชือกที่ขึงเต้นท์ไว้หย่อนหรือขาดบ้าง “เชี่ยบอม มีแต่เต้นท์ไม่ดีว่ะ” “เลือกๆไปก่อนเหอะมึง กูนอนได้หมด ไม่เป็นไร” บอมตอบ ว่าแล้วผมก็เลยวางเป้ตัวเองเอาไว้ในเต้นท์ตัวดูจะสมบูรณ์ที่สุด แต่เมื่อผมโยนเป้เข้าไป ที่ไหนได้ ผ้าใบเต้นท์ด้านหนึ่งกลับขาดกลางเห็นเป็นหน้าต่างเลย . ปี้ดดดดดดด… “เชี่ยแม่งขาดกลางเลยอ่ะ” ผมเอ่ย “ไม่เป็นไรหรอกไอ้เหี้ย” บอมพูดพร้อมกับโยนเป้สนามเอาไว้ในเต้นท์เช่นกันโดยแทบไม่ได้สนใจสภาพของเต้นท์เลยด้วยซ้ำ “ไปเหอะ เรียกรวมแล้ว” // “เห้ย ส่งไป” คนข้างหลังสะกิดผม ผมจึงหันไปหา เขาส่งถังพลาสติกสีดำเล็กๆให้ที่ข้างในที่สีพลางแบบน้ำอยู่ ผมรับมันมาแล้วเอามีจุ่มเอาไป . “เอ้า หันหน้ามาหาเพื่อนข้างๆ” ว่าแล้วนักศึกษาวิชาทหารทุกคนก็หันไปหาเพื่อนด้านข้างของตัวเอง ผมที่นั่งอยู่ข้างหลังบอมก็หันไปหาเพื่อนคนที่นั่งแถวข้างๆ . “เอ้าแม็ก” บอมเอ่ย “เอ้า…บอม ป้ะ” ผมหันไปมองคนที่หันหน้ามาหาบอมทันที เพื่อนที่นั่งอยู่แถวข้างๆ…ไหนบอมบอกว่าไม่รู้จักคนอื่นในนี้แล้วไง “หวัดดี” ผมรีบพูดแทรกเข้าไปทันที เป็นเพราะอยาก make friend หรือเป็นเพราะผมแอบรู้สึกว่าไม่อยากให้ใครมายิ่งกับบอมมากเกินไปกว่าที่ผมรู้จักมันอยู่ แม็กหันมามองผมเหมือนกับอยู่ดีๆผมก็เข้ามาเสือก “นี่เพื่อนกูเอง” บอมเอ่ย พร้อมกับชี้มือมาที่ผม “ชื่อปัน” “แม็ก” เป็นการแนะนำตัวที่สั้นที่สุดเท่าที่ผมเคยทำ คุยกันตอบกันสั้นๆเหมือนไม่ได้อยากรู้จักกันมาก ไอ้แม็ก คนที่สละกางเกงบอลให้บอมเมื่อวานอ่ะนะ… “เอาดำเลยป้ะ” แม็กละสายตาออกจากผมแล้วหันไปส่งรอยยิ้มโลกสดใสให้บอมทันที ไอ้สัส ลำเอียงขนาดนี้ แม่งต้องมาจีบบอมแน่ๆ “เห้ย เอาเบาๆพอ” บอมตอบ แล้วถ้าแม็กจะจีบบอมจริงๆ แล้วผมจะรู้สึกแบบนี้ไปทำไมว้ะ ก็แค่เพื่อนจะมีแฟน โถ่ปัน เป็นเหี้ยไรเนี่ย . “เห้ย ไม่ต้อง” ผมบอกพร้อมกับปัดมือเพื่อนที่นั่งตรงข้ามผมที่กำลังยื่นมือมาพลางหน้าผมให้ “เดี๋ยวกูพลางเอง” ผมเอาสีพลางที่เปื้อนมืออยู่นั้นมาปาดลงบนใบหน้าของตัวเอง ขณะที่มองแม็กกับบอมพลางหน้าให้กันเหมือนกับเด็กเล็ๆที่ได้เล่นสีพลางหน้าครั้งแรก มันสนุกขนาดนั้นเลยหรอว้ะ . “แถวหน้าลุก! วิ่งหน้าวิ่ง” นักศึกษาวิชาทหารแถวหน้ากระดานแถวหน้าสุดก็ลุกขึ้นทุกคน แล้ววิ่งออกจากเต้นท์ใหญ่ที่นั่งรวมกันอยู่ไป “เห้ย ไอ้บอม ไปไหนว้ะ” ผมถาม “โห่ไอ้เชี่ย ไม่ฟังเลยหรอว้ะ555” บอมตอบ “เออ กูก็ไม่รู้555” “อ่าวสาส” . พอถึงเวลาที่ครูฝึกสั่งให้แถวของบอมลุกขึ้นและวิ่งออกจากเต้นท์ไป ผมได้แต่นั่งคอยอยู่เนืองๆ เพราะว่ากว่าครูฝึกจะเรียกแต่ละครั้งก็ห่างกันเป็น 10 นาทีกว่าๆ ผมได้แต่มองบอมวิ่งไปกับแม็กในขนาดที่ผมไม่รู้จักกับใครที่เหลือเลย เฮอ เค้าคงแบ่งฝึกเดี๋ยวก็คงไปเจอกันอีกที . พอถึงเวลาที่ผมต้องวิ่งออกจากเต้นท์ไป ผมก็วิ่งตามคนข้างหน้าไปแบบไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องไปที่ไหน ไปทำอะไรบ้าง รู้แต่ว่าตอนนี้แถวกำลังวิ่งเข้ามาในป่า และรอบๆก็ดูเหมือนจะเป็นป่ามากขึ้นๆ มีแต่ต้นไม้แต่ก็ยังมีทางเดินดินให้สังเกตเห็นได้ ผมมองไปรอบๆเพื่อหาบอมแต่ก็ไม่เห็นมี จริงๆก็มีนักศึกษาวิชาทหารอยู่บางส่วน แต่ก็อยู่ห่างกันไกลๆ ถึงจะเป็นบอมแต่ผมก็ไม่สามารถเดินออกไปหาได้อยู่ดี . แล้วแถวก็หยุดตรงหน้าครูฝึกคนนึงที่ยืนรอพวกเราอยู่ในป่า ครูฝึกอธิบายสิ่งต่างๆที่เราต้องทำ นั่นก็คือการฝึกการพุ่งโจมตี หรือชื่ออย่างเป็นทางการก็คือบุคคลทำการรบในเวลากลางวัน ครูฝึกยังบอกเหตุผลอีกด้วยว่าที่เราจะต้องฝึกวันนี้เป็นการฝึกทบทวนเพื่อให้เอาไปใช้ในสมรภูมิรบของจริง ซึ่งก็คือสนามการฝึกที่ 33 สถานีการฝึกสุดท้ายของการฝึกภาคสนาม นักศึกษาวิชาทหารชั้นปีที่ 3 แล้ว ซึ่งสมรภูมิรบของจริงนั้นจะหนักและไกลกว่าสิ่งที่พวกเรากำลังจะฝึกวันนี้เอามากๆแบบเท่าตัว ครูฝึกยังเตือนอีกว่าต้องวิ่งไกลมากๆ ดังนั้นต้องฝึกทบทวนกระบวนการต่างๆให้แม่นเพื่อให้พรุ่งนี้ผิดพลาดให้น้อยที่สุดจะได้ไม่ต้องเริ่มทำทุกอย่างใหม่ // บอมพับกางเกงฝึกพาดไว้บนเป้สนามของตัวเอง แล้วก้มลงเปิดเต้นท์แล้วมุดตัวตามปันเข้าไป “เห้ยปัน เรานอนเต้นท์อันนี้แน่หรอว้ะ” บอมถามด้วยความสงสัย “ใช่ดิ” “แต่เมื่อเช้าแม่งเหมือนจะไม่ใช่เต้นท์อันนี้นะเว้ย” “เห้ย มันจะไม่ใช่ได้ไงว้ะ ก็กระเป๋าเราก็วางไว้เต้นท์นี้” “เหี้ย แต่เมื่อเช้ากูคุ้นๆนะว่าเต้นท์เราแม่งขาดกลาง ทำไมตอนนี้เต้นท์นี้แม่งดีแล้วว้ะ” “ออ…มึงคงจำผิดเองมั้ง” . “เห้ย” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านนอกเต้นท์ แล้วจึงมีแสงไฟฉายส่องเข้ามาในเต้นท์ที่ผมกับปันนอนอยู่ “พวกมึงอยู่เต้นท์นี้แน่หรอว้ะ” เสียงนั้นถาม ผมพยายามมองออกไปเพื่อให้รู้ว่าเป็นใครที่ส่องไฟฉายอยู่ “เออดิว้ะ ก็กระเป๋าพวกกูอยู่เต้นท์นี้อ่ะ” ผมรีบตอบทันที “แต่กูจำได้นะเว้ยว่าเต้นท์กูแม่งไม่มีขาดกลาง มึงออกมาดูดิ้” คนนั้นเรียกพวกเราให้ออกไป “ไม่เว้ย พวกกูจะนอนแล้วอ่ะ ขอโทษนะ” ผมสวน “เห้ย มึงอย่าเหี้ยได้ป้ะ” คนที่ส่องไฟฉายอยู่นั้นเปิดผ้าใบเต้นท์ของเราออก และก้มลงมานั่งต่อหน้าเต้นท์ …ไอ้เหี้ยแม็ก “กูจำได้นะเว้ยว่าเต้นท์กูไม่มีรูเว้ย ขาดกลางเยอะขนาดเนี้ย เสาเต้นท์ก็ไม่ค่อยดี มึงคิดว่ากูจะจำไม่ได้เลยหรอว้ะว่าเต้นท์กูแม่งไม่มีรอยขาดขนาดเนี้ยอ่ะ”
“มึงก็อย่าเหี้ยได้ป้ะล่ะ พวกกูก็บอกว่าพวกกูจำได้ว่าเต้นท์พวกกูก็ไม่มีรอยขาดเหมือนกัน” ผมเริ่มโกรธ เฮอ… แม็กถอนหายใจ “มึงอย่าให้กูต้องไปฟ้องครูฝึกนะเว้ย” “มึงฟ้อง มึงมีหลักฐานหรอว้ะว่าพวกกูสลับเต้นท์กับมึง มึงอาจจะจำผิด หรือไม่ชอบเต้นท์ตัวเองที่มีรอยขาดแล้วมึงก็แกล้งมาเป็นหาเรื่องให้พวกกูสลับเต้นท์ไปนอนเต้นท์กากๆของมึงก็ได้หนิ” เฮอ… “กูไม่อยากจะพูดกับมึงแล้วว่ะเห้ย” แม็กถอนหายใจอีกครั้ง “เสียเวลาว่ะ…มึงทำแบบนี้เพราะมึงหวงเพื่อนมึงใช่ม้ะ” “แล้วมึงเสือกไรอ่ะ” “อ้าวไอ้สัส” แม็กเองก็เริ่มอารมณ์ร้อนขึ้นแล้วเหมือนกัน “แม็ก” บอมเอ่ย “ถ้ามึงไม่โอเคเดี๋ยวกูเปลี่ยนเต้นท์ให้มึงก็ได้นะ จริงๆพวกกูก็จำเต้นท์ไม่ค่อยได้เหมือนกัน” “สัสบอม” ผมมองค้อนไปที่บอม มึงจะเลิกยอมคนง่ายๆแบบนี้ได้รึยังว้ะ “เออ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละเพื่อน” แม็กเอ่ยพร้อมกับลุกขึ้นเปิดผ้าใบเต้นท์ของพวกผมขึ้นทั้ง 2 ด้านเหมือนเป็นการบอกให้พวกผมขนของออกมาจากเต้นท์ “ไปเร็วไอ้ปัน” บอมสะกิดไหล่ผมแล้วหยิบเป้สนามของตัวเองนำให้ผมเดินตามออกไป . “ระวังตัวไว้นะเว้ยไอ้บอม” แม็กพูดเมื่อผมเดินออกมาจากเต้นท์แล้ว “ดูแลเพื่อนมึงไว้ให้ดีนะเว้ย” “ระวังไข่มึงจะไหม้ด้วยไอ้สัส” ผมสวนกลับทันที // บ่ายวันนั้น วิชาที่ฝึกผมก็ไม่ได้อยู่หมู่เดียวกันกับปัน โดยเฉพาะวิชาเมื่อตอนเย็นที่ต้องทำอาหารกินเอง ผมโดนแบ่งหมู่ให้อยู่กับแม็ก ซึ่งเอาจริงๆเป็นคนที่คุยด้วยง่ายแต่บางครั้งผมก็รู้สึกว่าแม็กอยากเข้าหาผมมากเกินไปจนผมรำคาญและไม่อยากให้ผมไปคุยกับใครคนอื่น เหมือนเวลาที่ครั้งที่ผมต้องไปทำความรู้จักกับคนอื่น แม็กก็จะคอยเดินไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา . “บอม” แม็กเอ่ย “ไปหาฟืนมาเพิ่มกัน” “เอ่อ ได้ๆ” ว่าแล้วผมก็เดินตามแม็กเข้าไปในป่า . แม็กพาผมเดินเข้าไปในป่า ยิ่งลึกขึ้นๆเรื่อยๆ ตอนแรกผมก็ไม่ได้เอะใจเพราะว่าไม้ฝืนที่หาได้ง่ายๆตามชายป่าคงจะโดนหมู่อื่นหยิบไปหมดแล้ว แต่เพราะมันเป็นการทำงานตอนเย็น ทำให้แสงไฟเริ่มน้อยลงๆเรื่อยๆจนกระทั่งผมกลัวว่าเราจะหลงป่า . “เห้ยแม็ก กูว่าแถวๆที่เราทำอาหารเมื่อกี้ก็น่าจะมีฟืนนะเว้ย” ผมเอ่ย “กูว่าเรากลับไปหาแถวๆนั้นดีกว่า…เดี๋ยวแม่งก็มืดแล้ว หลงป่าขึ้นมาซวยเลยนะเว้ยไอ้เหี้ย” “บอม” แม็กหยุดเดินแล้วหันมาผม “เราชอบบอมอ่ะ” “ห้ะ” งงเลยครับ “บอม…” อยู่ดีๆแม็กก็เอามือมาจับไหล่ผมไว้ “ขอเย็ดหน่อยนะ” “ห้ะ ไอ้เหี้ย!” “ขอเย็ดหน่อยนะบอม เราเห็นบอมแล้วเงี่ยนมากเลยจริงๆ ขาวๆตี๋ๆหน้าใสๆ บอมเป็นสเป็กเรามากๆเลยอ่ะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เราเจอบอมในห้องน้ำแล้ว เราหยุดมากก้นบอมไม่ได้เลยอ่ะ ขอเย็ดหน่อยนะบอม” พูดไปแม็กก็เริ่มเอามือคลำลงมาตามตัวผมเรื่อยจนมาถึงก้น “ไอ้สัส โรคจิต!” ผมปัดมือแม็กออก แล้วจึงต่อยไปที่หน้าแม็กอย่างแรงครั้งหนึ่งเพื่อป้องกันตัว ผมหันหลังวิ่งหนีแม็กพยายามกลับมาทางเดิมที่เดินผ่านมา แต่แม็กก็ดันวิ่งตามผมมาทันแล้วจับตัวผมไว้ได้ “ไอ้สัสปล่อยกู” ผมหันไปแล้วชกแม็กอีกครั้ง แต่เมื่อผมมองหน้าแม็กที่โดนต่อยนั้น แม็กกลับไม่ได้แม็กที่ผมอยู่ด้วยมาทั้งวัน คนๆนั้นเงยหน้าขึ้นมาสบตาของผม “ถอดกางเกงออกให้หน่อยนะ” ผมเห็น…ครูฝึกที่กองพัน ผมที่ง้างมือจะต่อยอีกครั้งกลับตัวแข็งทื่อและไม่กล้าตอบโต้ใดๆ “ถอดแล้วจะปล่อยไป ทำตัวง่ายๆดีๆแต่แรกก็ไม่มีปัญหา” เสียงของเขาก้องกังวานอยู่ในหัวของผม เขาเอามือมาปลดเข็มขัดสนามของผมออกแล้วดึงกางเกงลง . “กางเกงในตัวนี้สวยจัง ครูขอนะ” “อย่าครับ อย่า” …ผมเหมือนไม่มีความรู้สึก มีเพียงแต่น้ำตาที่ไหลออกมา . เขาค่อยๆดึงกางเกงในของผมลง เขาเอามือลูบไล้ที่ต้นขาของผม เลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงไข่ เขาบีบไข่ของผมเอาไว้แน่นมากๆ “น่ารักจัง มีขนน้อยๆด้วย” เขากระซิบที่หูของผม ผมหลับตาลงแล้วอยู่ดีๆผมก็กลับเห็นภาพตัวเองกำลังยืนอยู่ในห้องน้ำที่กองพันเมื่อเช้านี้เหมือนเดิม ผมเงยหน้าขึ้นมาและก็ยังเห็นภาพของครูฝึกคนนั้นตรงหน้าผมอยู่ดี แต่เขากลับมองมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แต่เป็นรอยยิ้มที่เจ้าเล่ห์และไม่น่าไว้วางใจมากที่สุด “อมให้ครูหน่อยนะ” เขากระซิบพร้อมกับหอมแก้มผมหนึ่งครั้ง ผมก้มลงมองข้างล่างก็เห็นควยของเขาที่แข็งงอขึ้นมาชี้หน้าของผมอยู่ ผมไม่มีแรงสู้จนต้องโดนครูฝึกกดไหล่ให้ยอมนั่งลงไปต่อหน้าควยของเขา “นะ…อมให้ครูหน่อย” . “ไอ้สัสมึงทำเหี้ยไรอ่ะ” อยู่ดีๆก็มีเสียงอีกเสียงดังขึ้น มันกลับทำให้ผมได้สติกลับคืนมาและเมื่อผมลืมตาขึ้นก็เห็นร่างของครูฝึกล้มลง ไม่! ผมไม่ได้อยู่ในห้องน้ำ ผมอยู่ในป่าที่รอบๆมืดหมดแล้ว ครูฝึกที่กองพันไม่ได้มาด้วย ผมเห็นแม็กล้มลงไปนอนกองอยู่ที่พื้น และคนที่ยืนอยู่ข้างๆผม ก็คือปัน “ใส่กางเกงซะ” ปันเอ่ย แต่ผมกลับไม่มีแรงและทำอะไรไม่ได้นอกจากร้องไห้ “ไอ้สัส” ผมอุทานแล้วจึงก้มไปดึงกางเกงขึ้นมาให้ผม “มึงเป็นเหี้ยอะไรเนี่ยห้ะบอม มึงเป็นเอ๋อไปแล้วหรอ” “ไอ้เหี้ยปัน” แม็กพุ่งตัวขึ้นมาใส่ปันจนล้มลง แต่ปันก็ใช้เท้ากระทุ้งตัวแม็กจนล้มลงไปนอนกับพื้นกำท้องไว้ด้วยความจุก เมื่อลุกขึ้นมาได้ ปันก็จับมือผมแล้วพาผมวิ่งออกมาจากป่าอย่างรวดเร็ว // “บอม มึงเป็นเหี้ยไรว้ะเนี่ย มึงยอมให้ไอ้เหี้ยแม็กข่มขืนมึง ยอมให้แม่งแย่งเต้นท์ไป ไอ้เหี้ย มึงเป็นเหี้ยไรว้ะบอม ทำไมมึงไม่สู้กลับบ้างเลยหรอว้ะ” ปันนอนลงที่ข้างๆผมหลังจากที่เราจัดของภายในเต้นท์เสร็จ . ผมได้แต่มองหน้าปันแล้วฟัง สายตาของปันดูไม่เหมือนเดิมอีกเลย เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ ผมมองเข้าไปในสายตานั้นแล้วก็ถามตัวเองว่ากูทำอะไรผิดหรอว้ะ ทำไมมึงถึงต้องโกรธกูขนาดนี้ . “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” “ไม่รู้ออ” ปันพูดต่อ “ไอ้เหี้ยมึงไม่รู้ไม่ได้นะเว้ย 3 ครั้งแล้วนะเว้ยตั้งแต่มาที่เขาชนไก่เนี่ย ที่มึงอ่ะปล่อยให้ทหารที่นี่ ให้เพื่อนคนอื่นที่มึงไม่รู้จักมาก่อนเลยด้วยซ้ำมาทำร้ายมึงอ่ะ แล้วไอ้แม็กเหี้ยนั่น ไอ้แม็กเหี้ยนั่นน่ะ มันข่มขืนมึงเลยนะ แม่งจับมึงถอดกางเกงลงมาแล้วนะเว้ย และมึงอ่ะก็หายไปทั้งวันจนทำให้กูเป็นบ้า ต้องมาคอยตามดูมึงอยู่อ่ะจนกูเหมือนกับจะกลายเป็นโรคจิตอีกคนที่จ้องจะคอยเข้าหามึงตลอดเวลา กูแม่งก็รู้สึกเหี้ยเหมือนกันเว้ยที่เดินตามมึงกับไอ้เหี้ยแม็กเข้าไปในป่าเพื่อดูพวกมึงเกือบจะเย็ดกันโดยที่กูทำได้แค่วิ่งเข้าไปห้าม…หรือจริงๆแล้ว ที่มึงไม่สู้มันกลับเพราะว่ามึงยอมมันอยู่แล้วว้ะ” “ห้ะ” “จริงๆมึงยอมให้มันเอามึงใช่ม้ะบอม…จริงๆแล้วมึงก็อยากมีอะไรกับมันใช่ม้ะ” “ห้ะไอ้เหี้ย ไม่ใช่นะเว้ย” เฮอ… ปันพลิกตัวและหันหลังให้ผม “กูแม่งทำตัวน่ารำคาญเองแหละที่คอยยุ่งกับชีวิตมึง เป็นห่วงมึงมากเกินไป มากเกินไปเหี้ยๆเลยแหละ มึงรู้มั้ยว่าไม่กี่วันที่ผ่านมา กูแม่งหยุดมองมึงไม่ได้เหมือนกับว่าทุกครั้งที่กูปล่อยมึงไปทำอะไรคนเดียว มึงแม่งต้องเอาตัวเองไปทำให้เกิดปัญหาอ่ะ แล้วกูก็ต้องมาคอยเช็ดขี้ให้มึงอ่ะบอม มึง เป็นเหี้ยอะไรว้ะ” “เออ มึงอ่ะเป็นเหี้ยอะไรอ่ะ” ผมลุกขึ้นมานั่ง “ชีวิตกูก็ชีวิตกู มึงอย่าเสือกมากนักดิว้ะ” . ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่พูดไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่ที่ผมรู้คือผมโกรธเอามากๆ ผมเปิดผ้าใบเต้นท์ออกแล้วเดินออกมาเต้นท์มา เพื่อเดินไปที่เต้นท์ข้างๆ ผมเปิดผ้าใบเต้นท์ข้างๆของแม็กขึ้นมาอย่างไม่ลังเล //
|