“หมู่1!” “หมู่1” เสียงทวนคำสั่งดังกึกก้องไปทั้งสนามรบ “เคลื่อนที่ผ่านตำบลกระสุนปืนใหญ่ตก” “เคลื่อนที่ผ่านตำบลกระสุนปืนใหญ่ตก” “ด้วยวิธีการโผ” “ด้วยวิธีการโผ” “เชี่ย กระติกน้ำแม่งเกะกะชิบหายเลยว่ะ” ผมเอ่ย เพราะว่าลักษณะการเคลื่อนที่ที่ต้องวิ่งสลับกับหมอบให้เร็วที่สุดนั้น กระติกน้ำที่ห้อยอยู่ที่เอวอาจจะเป็นอุปสรรคในการเคลื่อนไหวได้ “มึงก็…โยนทิ้งไปดิ” บอมตอบ ผมที่นอนประทับปืนอยู่หลังคันดินนั้นหันไปมองปันที่นอนหลบอยู่ข้างๆผม “เชี่ย ไม่ได้ไอ้สัส ไม่มีกระติกน้ำแล้วกูจะเอาน้ำที่ไหนแดก” “น้ำกูไง” “ห้ะ” นี่คือบอมพยายามเล่นตลกหรอ “ไอ้สัส แดกกับกระติกน้ำกูก็ได้” ออ555 กูก็คิดว่ามึงจิงจัง… . “ไปทั้งหมู่” “ไปทั้งหมู่” . ผมเงยหน้ามองข้ามกระปืนของตัวเองไปข้างหน้าก็เห็นว่าเส้นทางที่ต้องไปวิ่งนั้นไกลออกไปมากๆจนผมแทบจะมองไม่เห็นคันดินที่เป็นจุดหมอบกระสุนจุดต่อไป . “มึง เตรียมวิ่ง” บอมหันมาบอกผม ว่าแล้วผมก็ละมือออกจากปืนแล้วก้มลงไปปลดเข็มขัดสนามที่รัดกระติกน้ำของผมอยู่ด้วยออก “เออ ทิ้งแม่งก็ทิ้งเว้ย รั้งควยกูอยู่ได้” . “ไปได้” “ไปได้!” . เอี้ยยยยยยย…วิ่งสิไอ้สัส รอเหี้ยไร ทั้งหมดส่งเสียงออกมาพร้อมกันดังลั่นเพื่อปลุกกำลังใจและแรงกล้าเพื่อให้วิ่งผ่านสมรภูมิรบนี้ไปให้ได้ ผมโยนกระติกน้ำของตัวเองทิ้งหายเข้าไปในป่าด้านข้างแบบไม่หันไปเสียดายมองอีกเลย เสียงปืนดังลั่นขึ้นมาจากฝั่งตรงข้าม เสียงระเบิดดังขึ้นมาพร้อมกับฝั่งดินฟุ้งกระจายขึ้นมาต่อหน้าเพราะแรงระเบิด ผมวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต ไม่มีการออมแรงใดๆทั้งนั้น เป้าหมายต้องมีไว้พุ่งชนซิครับ วันนี้วันที่ 4 แล้ว วันสุดท้ายก่อนจะได้กลับบ้าน ครั้งนี้ครั้งสุดท้ายแล้วที่ผมจะต้องมาทำเหี้ยอะไรแบบนี้ จะต้องมาโดนบังคับแบบนี้ ปล่อยทุกอย่างออกมาเลยครับ . ผมหันกลับไปมองหน้าบอมที่วิ่งตามหลังผมมา และคิดในใจว่า ใช่แล้ว มันคือวันพรุ่งนี้แล้วที่ผมจะมีโอกาสได้ใกล้ชิด ได้สนิทกับบอมแบบนี้ ไอ้เหี้ยเอ้ย มองหน้ามันแล้วก็ยังโกรธมันไม่หายกับเรื่องเมื่อวาน แต่ถ้าวันพรุ่งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ผมจะปล่อยความรู้สึกและโอกาสสำคัญนี้ไปอย่างงั้นหรอ . “จะถึงแล้วเว้ยไอ้เหี้ย” บอมตะโกน แล้ววิ่งนำหน้าผมไป เรียกว่าไอ้บอมซอยตีนแตกเลยทีเดียว ผมได้แต่มองจากข้างหลังแล้วขำแบบมีความสุขในใจ ผมวิ่งตามหลังบอมมาแบบนั้นจนมาถึงคันดิน พวกเรารีบหมอบลงแล้วทำท่าประทับปืนทันทีที่มาถึง . “เห้ยบอม มีงไหวป่าวว้ะ” ผมหันไปหาบอมที่หมอบอยู่ข้างๆ “ไหวดิ” บอมตอบ “หน้ามึงแดงชิบหายเลยว่ะ” “กูเขินมึงอ่ะ” “ไอ้สัส” กูก็เขินมึงเหมือนกัน “ไม่ใช่เล่นๆนะเว้ย ถ้ามึงจะเป็นลมต้องบอกกูนะเว้ย” ใช่ซิว้ะบอม กูก็เป็นแค่เพื่อนมึงคนนึงอ่ะ กูก็เป็นแค่บัดดี้มึงแค่ตอนมาฝึก รด เท่านั้นแหละบอม กูทำได้ดีที่สุดเท่านี้เพื่ออยากดูแลมึงเท่านั้นแหละ . “หมู่1” “หมู่1” “เคลื่อนที่ไปข้างหน้า” “เคลื่อนที่ไปข้างหน้า” “ด้วยวิธีการโผ” “ด้วยวิธีการโผ” “ไปทั้งหมู่” “ไปทั้งหมู่” “ไปได้!” “ไปได้!” . การเคลื่อนที่อย่างว่องไวและเหน็ดเหนื่อยเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดการทวนคำสั่งของครูฝึก พวกเราทุกคนรีบดันตัวขึ้นมาจากหลังคันดินที่หมอบอยู่ และรีบวิ่งพุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต . เอี้ยยยยยยย…เสียงตะโกนเรียกพลังดังกึกก้องอีกเช่นเคย ด้วยความเป็นห่วงนั้น ผมจึงเหลียวกลับไปมองบอมที่วิ่งตามหลังผมมาเสมอ พอผมเห็นบอมกำลังวิ่งมาก็สบายใจมากขึ้น ผมจึงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ ซอยตีนแทบแหกต่อไปแบบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สนแค่ว่าตอนนี้ต้องไปให้ถึงให้เร็วที่สุดให้ได้ ไม่งั้นจ่านรกจะสั่งให้ไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น แล้วก็จะต้องเหนื่อยซ้ำแน่ๆ ผมเงยหน้าขึ้นมาสูดหายใจช้าๆถึงแม้ว่าแสงอาทิตย์จะจ้ามากๆ จนผมหันกลับไปหาบอมกลับเห็นว่าบอมกำลังวิ่งช้าลงๆและห่างออกไปจากผมมากขึ้นทุกทีๆ . “ไอ้บอม เห้ย” ผมตะโกนด้วยความตกใจก่อนจะรีบกลับหลังหันวิ่งไปหาบอมที่กำลังหมดแรงและล้มลงกับพื้น เห้ยไอ้สัสบอม เป็นทหารมึงจะมาตายในสมรภูมิรบเพราะแดดไม่ได้นะเว้ย เสียเกียรติหมดไอ้สัส . ผมเอาปืนของบอมมาสะพายบ่าไว้ แล้วจึงจับแขนของบอมมาพาดไหล่ไว้ “บอม เดินไหวมั้ย” ผมถาม แต่บอมที่หน้าแดงตัวแดงมากๆไม่ตอบผมอีกต่อไป “ชิบหายแล้ว” ผมอุทานออกมา . “เห้ย เพื่อนเป็นลมออ” ครูฝึกคนนึงรีบวิ่งเข้ามาหาผมที่พยุงบอมอยู่ทันที “ครับ” ผมตอบ “เอาเพื่อนไปเต้นท์พยาบาลเร็ว” “เพื่อนเดินไม่ไหวครับครู” ผมบอก “ครูช่วยเอาเพื่อนขึ้นหลังผมหน่อย เดี๋ยวผมอุ้มไป” “ไหวแน่หรอ” ครูฝึกถาม “ไหวครับ” . ว่าแล้วผมก็ปลดปืนออกจากไหล่แล้วเอามาถือไว้ขณะที่ครูฝึกช่วยอุ้มตัวบอมขึ้นมาบนหลังของผม ผมอุ้มบอมไว้บนหลังแล้วออกวิ่งต่อทันที การวิ่งปกติในที่ๆแดดร้อนขนาดนี้ก่อนเหนื่อยมากพออยู่แล้ว มีไอ้เหี้ยบอมนี่ผมหลังยิ่งไม่ต้องพูดถึง…เหมือนแบกเรือรบมาด้วย . “ไอ้สัสบอม ถึงกูจะมีกล้ามก็ไม่ได้หมายความว่ากูจะแบกมึงไหวนะเว้ย” ผมเอ่ยออกโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบอมยังได้ยินอยู่มั้ย “แต่กูสำคัญกับมึงไว้แล้วว่ายังไงหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของกูก็คือดูแลมึง…ถึงมึงจะหนักเป็นตันๆอ่ะ กูก็โอ้ย!” ทันใดนั้นผมก็สะดุดเข้ากับรากไม้ที่โผล่ออกมาจะพื้นดินโดยที่ผมไม่ได้สังเกตุ ผมล้มลงแต่ก็ยังพยายามพยุงบอมเอาไว้บนหลังให้ได้ ผมหันไปมองหน้าบอมที่ซบอยู่บนไหล่ หน้าของบอมแดงมากๆและต้องรีบพาไปเข้าที่ร่มให้เร็วที่สุด… “ถึงมึงจะเหี้ยขนาดไหนที่ผ่านมา แต่กูก็จะเป็นผัวดูแลมึงให้เองเว้ย” ผมลุกขึ้นและดันตัวของบอมขึ้นมาให้นอนอยู่บนหลังไว้ด้วยเช่นกัน “เอี้ยยยยยย” ว่าแล้วจึงวิ่งต่ออีกครั้งด้วยแรงทั้งหมดที่ผมมี ไม่ใช่เพราะจะไปหาเป้าหมายให้ได้อย่างเดียวแล้ว แต่ต้องให้บอมปลอดภัยให้เร็วที่สุด // ตู้ดดดด ตู้ดดดด ตู้ดดดด ตู้ดดดด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นเวลาตี 4 ผมตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดและหัวยังมึนงงอยู่ ผมรีบลุกออกจากเตียงและลงไปอาบน้ำ . ผมยืนจ้องชุดนักศึกษาวิชาทหารพาดไว้อยู่บนโซฟาในห้องนอนอยู่นานเหมือนกันกว่าจะทำใจให้เริ่มหยิบมันออกมาและสวมใส่มันจนได้ หัวใจของผมเต้นไม่หยุด ทั้งกลัวที่จะต้องไปฝึกภาคสนามอีกครั้งและตื่นเต้นที่ความยากลำบากทั้งหมดที่ผ่านมากับการเรียน รด นี้กำลังจะจบลงเสียที . “เอาหน่อยเว้ยไอ้ปัน ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายแล้วเว้ย เดี๋ยวมันจะผ่านไปแล้วเว้ย สู้!” ผมบอกกับตัวเอง ก่อนจะเปิดประตูห้องที่คอนโดและออกจากบ้านมา . ผมกดเรียกรถมารับถึงด้านล่างคอนโด คนขับก็ดูปละหลาดใจตอนแรกที่ผมมีกระเป๋าเป้ใบใหญ่ แต่เพราะผมบอกว่าไปศูนย์ฝึก รด เขาก็เข้าใจและโม้ให้ฟังเรื่องตอนที่ตัวเองไปฝึกที่เขาชนไก่มาอย่างไม่หยุดจนผมรู้สึกกลัวและตื่นเต้นมากขึ้นไปใหญ่ . ผมมาถึงศูนย์ฝึกตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ก็คือก่อนเวลานัดรวมพลเป็นครึ่งชั่วโมง ผมจึงเข้าไปในโรงอาหารและซื้อข้าวมันไก่มากินก่อน เพราะว่าอาหารที่เขาชนไก่ต้องไม่ค่อยถูกปากผมแน่ๆ… ผมมองไปรอบๆโรงอาหารและเห็นทุกคนที่กำลังเตรียมตัวไปเขาชนไก่มาเจอกับเพื่อนของตัวเองแล้วก็อิจฉา เฮอ ผมแม่งไม่น่าเรียน รด ตอนมหาลัยเลย แม่งไม่ค่อยจะมีเพื่อนเรียน เวลามาฝึกก็ไม่รู้จักคุยกับใครดี ว่าแล้วผมก็ได้แต่กินข้าวมันไก่สุดอร่อยของศูนย์ฝึกต่อ จนผ่านไปเกือบจะ 15 นาทีที่ใกล้จะถึงเวลารวมผมก็กินหมด ผมกำลังจะลุกออกจากโต๊ะเพื่อเอาจานกับช้อนซ้อมไปเก็บ แต่แล้วผมก็… . “เห้ย บอม” “เห้ย ปัน” . …ผมก็เห็นบอมเดินโง่ๆเข้ามาในโรงอาหาร มันเดินมาโง่ๆเหมือนกับหลงทางจริงๆ แต่ยังไงก็ตาม ผมก็ดีใจมากๆที่ได้เจอบอม ไม่คิดมาก่อนว่าผมจะมีเพื่อนไปเขาชนไก่ด้วย ไม่ได้เจอบอมตั้งนานหลังจากฝึกครั้งสุดท้ายด้วยกัน มันเปลี่ยนไปเยอะมากๆเลย เปลี่ยนไปทั้งดีขึ้นเรื่องหน้าตาที่น่ารักขึ้นมากๆ และเปลี่ยนเรื่องนิสัยที่น่าจะเหี้ยขึ้นแบบชิบหายเลย5555 . “เห้ย ไอ้เหี้ย” ครูฝึกอุทาน “เป็นไปได้ไงว้ะ อุณหภูมิ 900 กว่า…มึงจะระเบิดป่าวเนี่ย” ครูฝึกเอาเครื่องวัดอุณหภูมิมาจ่อหัวผมแล้วก็วัดไข้ของผมแต่เหมือนมันจะเสีย เลยเอาไปให้ครูฝึกอีกคนดู “มึงเป็นพระอาทิตย์หรอ” “5555ป่าวครับ” ผมตอบ “แค่ตื่นเต้นที่ได้เจอเพื่อน” ผมหันไปยิ้มให้บอม “หึ เดี๋ยวมึงจะได้ตื่นเต้นกว่านี้มากๆเลยแหละ เขาชนไก่ปี 3 มีให้มึงตื่นเต้นเยอะ” ครูฝึกคนเดิมเดินกลับมาพร้อมกับเครื่องวัดอุณหภูมิเครื่องใหม่ที่น่าจะทำงานได้ดีกว่าเดิม “เออ ได้ล่ะ” . หลังจากที่เช็คอุณหภูมิเสร็จ ครูฝึกก็พาผมไปขึ้นรถบัส ผมกับบอมก็ได้ขึ้นรถบัสคันเดียวกันแน่ๆอยู่แล้วเพราะว่าอยู่แถวเดียวกัน ผมกับบอมรีบขึ้นมาบนรถเพื่อเลิกที่นั่งที่ดีที่สุด ต้องไม่หน้าไป และต้องไม่หลังไป เมื่อหาที่นั่งได้ก็ถึงเวลาที่เราจะได้นอนเอาแรงก่อนไปเจอของจริงในอีกไม่กี่ชั่วโมง ผมเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะไลน์ไปบอกแพรว แฟนของผมว่ากำลังจะออกจากค่ายฝึกแล้ว หลังนี้อีก 5 วันอาจจะตอบไลน์ช้าหน่อย… แต่ผมก็ไม่ได้พิมพ์ไปเพราะว่าแพรวพิมพ์มาก่อนแล้ว… ‘แพรวรู้สึกน้อยลงแล้ว ขอห่างกันซักพักนะ’…ผมเองจากที่ใจกำลังตื่นเต้นอยู่นั้นกลับรู้สึกจุกและเจ็บที่หัวใจมากๆ ผมเองก็รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่กี่วันนี้ แพรวที่เรื่องไปสบายใจที่ไม่ได้บอกผม แต่ผมก็ไม่รู้จะต้องทำยังไงให้แพรวรู้ว่าแพรวสามารถคุยกับผมได้ หรือแพรวไว้ใจผมน้อยลงแล้วซินะ . ผมหันไปหาบอมที่กำลังมองวิวนอกหน้าต่างอยู่ขณะที่รถบัสกำลังเคลื่อนตัวออกจากศูนย์ฝึกวิภาวดี ถ้าในเวลาแบบนี้ คนเดียวเท่านั้นที่ผมรู้จักและสามารถไว้ใจได้ในตอนนี้ก็คงมีแต่บอมเท่านั้นแล้วซินะ “บอม” ผมเอ่ย “กูนอนซบไหล่มึงได้ป่าวว้ะ” “เห้ย นอนก็นอนเบาะของมึงดิว้ะ” “เบาะมันเอนไม่ได้อ่ะ กูนอนไม่ถนัด” “ไอ้สัส โคตรเกย์” ขอโทษที่กูเกย์อ่ะบอม…แต่กูแค่กำลังรู้สึกแย่ “เหอะน่า” ว่าแล้วบอมก็ขยับตัวเข้ามาใกล้ขึ้น ผมเอนหัวลงนอนซบที่ไหล่ของบอมเบา ทำไมก็ไม่รู้สึกผมกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมกลับรู้สึกว่าผมสามารถไว้ใจบอมได้หลังจากนี้ ผมกลับรู้สึก…ผูกพัน และน้ำตาก็ไหลมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว แต่ผมก็พยายามกลั้นไว้ไม่ได้บอมรู้สึกแย่ไปด้วย // ผมเดินกลับมาที่เต้นท์ เปิดผ้าใบเต้นท์ออกแต่ปันยังไม่อยู่ในเต้นท์ สงสัยคงจะไปแปรงฟันไม่ก็ยังไม่กลับมาจากที่รวมพล…ไอ้สัส ไปไม่รอเลยนะ… ผมหันไปมองเต้นท์ข้างๆ ไอ้เหี้ยแม็กยืนอยู่หน้าเต้น์นั้น ผมมองแม็กด้วยความโกรธแต่ก็สับสนกับสิ่งที่มันทำกับผมเมื่อตอนเย็น หรือว่าผมจะเป็นที่ชอบใจของทหารแบบที่ปันบอกจริงๆหรอ ไอ้เหี้ย ถึงจะชอบผมแต่แม่งก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับผมนะ ผมต้องหาทางทำให้มันโกรธหรือทะเลาะกันกับผมให้ได้ หรือไม่ก็ทะเลาะกับปันหรอ ปันจะได้เข้าใจว่าจริงๆผมก็ไม่ได้ชอบไอ้แม็กเหมือนกัน . อยู่ดีๆแม็กก็เดินออกจากเต้นท์ไปทางห้องน้ำของสถานี น่าจะไปอาบน้ำไม่ก็แปรงฟันก่อนกลับมานอน ผมที่เต้นท์ของแม็กแล้วเหมือนจะเป็นโชคดีของมันที่เลือกเต้นท์ที่สมบูรณ์อยู่ได้ ในขณะที่ผมต้องมาอยู่เต้นท์พังๆ หึ หรือว่ามันจะเป็นโชคร้ายของแม็กนะที่ต้องมาอยู่เต้นท์พังๆแทน . ผมเดินตรงไปที่เต้นท์ของแม็กแล้วเอาเป้สนามของแม็กออกมาทันที เป้ของแม็กหนักมากแต่ผมก็ยกมันขึ้นมาได้ด้วยความโกรธหรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเอามันมาวางลงที่เต้นท์ของผมเอง แล้วจึงหยิบเป้สนามของผมกับปันไปวางที่เต้นท์ของแม็กแทน ไม่ซิ ตามหลักแล้วตอนนี้เต้นท์ที่สมบูรณ์ก็เป็นเต้นท์ของผมกับปันแล้ว ผมรีบปูผ้าใบรองนอนให้เรียบร้อย เพื่อที่เวลาปันกลับมา ปันจะได้ไม่สงสัย // “เห้ย มึงอย่าเหี้ยได้ป้ะ” ไอ้เหี้ยแม็กหรอ ต้องเป็นไอ้เหี้ยแม็กแน่ๆ “กูจำได้นะเว้ยว่าเต้นท์กูไม่มีรูเว้ย ขาดกลางเยอะขนาดเนี้ย เสาเต้นท์ก็ไม่ค่อยดี มึงคิดว่ากูจะจำไม่ได้เลยหรอว้ะว่าเต้นท์กูแม่งไม่มีรอยขาดขนาดเนี้ยอ่ะ” “มึงก็อย่าเหี้ยได้ป้ะล่ะ พวกกูก็บอกว่าพวกกูจำได้ว่าเต้นท์พวกกูก็ไม่มีรอยขาดเหมือนกัน” บอมโกรธ เฮอ…แม็กถอนหายใจ “มึงอย่าให้กูต้องไปฟ้องครูฝึกนะเว้ย” . ครูฝึก…อยู่ดีๆหน้าของครูฝึกที่กองพันคนนั้นก็ลอยขึ้นมา ผมหลับตาและพยายามบอกตัวเองว่ามันไม่จริง เขาอยู่ที่กองพันและเขาจะไม่มีทำอะไรผมได้ตอนนี้ แต่เมื่อผมลืมตาขึ้น คนที่ส่องไฟฉายอยู่หน้าเต้นท์นั้น กลับไม่ใช่แม็กอีกต่อไป ผมกลับเห็นหน้าของครูฝึกคนนั้นแทนที่แม็ก นี่ผมกำลังจะโดนคุกคามอีกแล้วหรอ ทำไมผมถึงอ่อนแอแบบนี้อ่ะ ทำไมปันที่พยายามจะปกป้องผมมากขนาดนี้ ทำไมปันต้องเหนื่อยขนาดนี้ ในขณะที่ผมอ่อนแอลงเรื่อยๆ ทำไมว้ะไอ้บอม ผมมองที่หน้าครูฝึกอีกครั้ง และเสียงคำพูดที่ว่า ‘ยอมทำตามง่ายๆดีๆก็ไม่มีปัญหา’ ก็แล่นเข้ามาในหัวผม ได้ กูจะไม่ยอมโชว์ควยให้มึงดูอีกแล้ว . “ถ้ามึงไม่โอเคเดี๋ยวกูเปลี่ยนเต้นท์ให้มึงก็ได้นะ จริงๆพวกกูก็จำเต้นท์ไม่ค่อยได้เหมือนกัน” ผมพูดออกมา แต่ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าผมยอมพูดแบบนั้นออกมาทำไม . “สัสบอม” ปันอุทาน “ไปเร็วไอ้ปัน” ผมสะกิดไหล่ปันแล้วหยิบเป้สนามของตัวเองนำให้ปันเดินตามออกมาทันที โดยที่ไม่ได้มองหน้าแม็กเลยซักนิด เพราะถ้ามอง ผมอาจจะเห็นเป็นหน้าของครูฝึกอีกก็ได้ . “บอม มึงเป็นเหี้ยไรว้ะเนี่ย มึงยอมให้ไอ้เหี้ยแม็กข่มขืนมึง ยอมให้แม่งแย่งเต้นท์ไป ไอ้เหี้ย มึงเป็นเหี้ยไรว้ะบอม ทำไมมึงไม่สู้กลับบ้างเลยหรอว้ะ” “กูก็ไม่รู้เหมือนกัน” ผมเองก็ไม่รู้จักอธิบายสิ่งที่ผมเห็นกับปันยังไง ปันต้องไม่เชื่อผมแน่ๆ ถ้าพูดไปผมคงเหมือนกับคนบ้า คนที่สติไม่ดีอีกต่อไปแล้ว . “ชีวิตกูก็ชีวิตกู มึงอย่าเสือกมากนักดิว้ะ” ผมไม่รู้เหมือนกันว่าสิ่งที่พูดไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกหรือผิด แต่ที่ผมรู้คือผมโกรธเอามากๆ ผมเปิดผ้าใบเต้นท์ออกแล้วเดินออกจากเต้นท์มา ปล่อยให้ปันนอนอยู่ในนั้นคนเดียว ผมเดินไปเต้นท์ข้างๆที่เป็นเต้นท์ของแม็กแล้วเปิดผ้าใบเต้นท์ขึ้นมาอย่างไม่ลังเล . …แต่สิ่งที่ผมเห็นไม่ใช่แม็ก ผมกลับเห็นครูฝึกคนนั้นที่กองพันนอนอยู่ เขาค่อยๆหันมายิ้มให้ผม “ถอดกางเกงลงซิ ถ้าอยากมานอน” เขาเอ่ย “ทำง่ายๆดีๆ จะได้ไม่ต้องมีปัญหา” ฉับพลันน้ำตาของผมก็ไหลออกมา ผมกำลังเห็นภาพหลอน ภาพหลอนหรือเรื่องจริงก็แล้วแต่แต่มันกำลังคุกคามความรู้สึกของผมและทำให้ผมรู้สึกไร้ค่ามากๆ ผมปิดผ้าใบเต้นท์ลงอย่างเร็วแล้วเดินหนีออกมา . ผมร้องไห้ ผมกำลังอ่อนแอ…ผมหันกลับมาทางเต้นท์ที่ผมต้องนอนอยู่กับปัน แต่แล้วผมก็กลับรู้สึกผิดแต่ก็โกรธปันมากๆด้วยที่ปันก็ไม่เคยปรับความเข้าใจกับผมและมัวแต่ตอกย้ำว่าผมน่ะอ่อนแอและดูแลตัวเองไม่ได้ . ผมจึงเดินไปที่เต้นท์พยาบาลแล้วบอกครูฝึกว่าผมปวดหัว จะขอนอนที่เต้นท์พยาบาลคืนนี้ ครูฝึกให้ยาผมมากิน ก่อนจะเอ่ยว่า “แล้วบัดดี้อยู่ไหนล่ะ” “บัดดี้?” “ใช่ บัดดี้ไง ครูบอกแล้วไงว่าในค่ายไปไหนมากไหนต้องมีบัดดี้นะ ต้องไปด้วยกันกับบัดดี้ตลอด…” ครูฝึกมองมาที่ผมที่นั่งอยู่บนเตียงสนาม “มีบัดดี้มั้ยล่ะ” “มี…ครับ” ผมตอบ เสียงสั่น “เห้ย แล้วทำไมบัดดี้ไม่มาส่งที่ห้องพยาบาลล่ะ บัดดี้นอนไม่แล้วหรอ” “เอ่อ…ครับ” “ว้ะ บัดดี้ชื่ออะไรเนี่ย…ทำไมบัดดี้เอ็งแม่งไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ว้ะ มันทิ้งมึงเดินมาคนเดียวหรอ เดี๋ยวพรุ่งนี้ครูจะจัดการแม่ง” …ปันน่ะหรอ ไม่นะ บัดดี้ของผมไม่ใช่คนไม่มีความรับผิดชอบ ที่ผ่านมาทั้งหมดปันก็เป็นคนเดียวที่ดูแลผม ผมตังหากที่แทบจะไม่เคยดูแลปันเลย “เออ…ครูครับ จริงๆผมเองที่เดินมา ไม่ได้บอกบัดดี้ไว้ก่อน ผมขอกลับเต้นท์นะครับ” พูดจบผมก็วิ่งออกมาจากเต้นท์พยาบาลทันที “เห้ยเดี๋ยว” เสียงครูฝึกที่เต้นท์พยาบาลเรียกตามหลังมาแต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไร ผมวิ่งออกมาแล้วตรงกลับไปที่เต้นท์ของผมกับปันทันที . ผมเปิดผ้าใบเต้นท์ออก แล้วมุดลงไปนอนข้างๆปันในเต้นท์นั้น . “ปัน” ผมกระซิบเบาๆ “มึงนอนยังว้ะ” แต่ก็ไม่มีเสียงตอบใดๆ “กู…กูขอโทษว่ะ กูขอโทษที่กูทำตัวอ่อนแอ ที่ผ่านมาหลายๆวัน กูก็มีแต่มึงคนเดียวเท่านั้นแหละที่คอยปกป้องกูจากทุกอย่าง ขอบคุณนะเว้ยที่อยู่กับกู ขอบคุณที่มึงแม่งโคตรจะไม่ friendly กับคนอื่นๆเลยและยังเลือกที่จะคบกูเป็นเพื่อนแค่คนเดียว มึงแม่งก็เหี้ยเหมือนกันนั่นแหละ ขอบคุณนะเว้ยปัน ถึงมึงจะหลับไปแล้วก็เหอะ…กูรักมึงนะเว้ยปัน และกูขอโทษ…เราจะได้อยู่ด้วยกัน กูรู้ว่ามึงจะอยู่ข้างๆกู และกูก็จะไม่ทิ้งมึงไปไหนแบบนี้แล้วอีกเหมือนกัน… good night ว่ะไอ้สัสปัน” // “goodnight ว่ะไอ้สัสปัน” กูยังไม่หลับเว้ยบอม…มึงเล่นวิ่งหนีไปแบบนี้กูจะนอนหลับได้ไงว้ะ555 แต่กูก็จะแกล้งหลับแบบนี้ต่อไปให้มึงไม่รู้นี่แหละ . ไม่อ่ะกูเปลี่ยนใจล่ะ . ผมพลิกตัวหันกลับไปหาบอมแล้วกอดบอมไว้ให้แน่นๆที่สุดที่ผมเคยกอด . “เห้ย” บอมสะดุ้ง “กูยังไม่นอนครับ555” ผมเอ่ย แล้วจึงลืมตาขึ้นมาดูรอยยิ้มของบอมในความมืด…และในน้ำตาของบอม “มึงร้องไห้ทำไม” “มึงหลอกกูออ” บอมยิ้มและเอื้อมมือมาจั้กจี้พุงของผมจนผมต้องดิ้นหนีแต่เต้นท์ก็แคบจนผมไม่รู้จะหนีไปไหน “ไอ้สัสหยุด กูไม่ไหว เหนื่อย5555” ผมเผลอตะโกนออกมา “เงียบๆดิ” บอมพูดพร้อมกับหยุดจั้กจี้แล้วหันมานอนเหมือนเดิม ผมหันไปมองใบหน้าของบอมที่กำลังอมยิ้มเล็กๆนั้น ถึงจะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ถึงแม้รอบๆจะมืดมากๆแต่ผมก็รู้ได้ว่าเลยรอยยิ้มเล็กๆนั้น…ต้องน่ารักมากๆแน่ๆ . ผมพลิกตัวไป และเอื้อมมือไปกอดบอมไว้ พร้อมกับขยับตัวเบียดเข้าไปใกล้ๆ “หนาวมั้ย” ผมถาม “เต้นท์เรามีหน้าต่างอ่ะ555” “ปิดหน้าต่างดิ” บอมเอ่ย “ปิดได้คงทำไปแล้วครับสัส555” “แล้ว…” บอมหันกลับมาหาผม “ถ้ากูบอกว่ากูหนาวอ่ะ” “กูก็จะถามมึงว่า ให้กูนอนกอดมึงมั้ย คืนนี้?” บอมยิ้ม รอยยิ้มที่กว้างที่สุดตั้งแต่ที่ผมเห็นมาบนหน้าบอม “มึงก็กอดอยู่แล้วหนิ” //
|