มาถึงตอนนี้ เรื่องที่เป็นความลับของจ็อบและบอลก็จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“ไอ้จ็อบ ไอ้บอล” เสียงดังมาจากด้านหลังของทั้งสองเสียงนี้มันช่างคุ้นเคยนัก “ไอ้โอ๊ต ไอ้ซอ มึงมาที่นี่ได้ยังไง”จ็อบและบอลต่างงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น “เมื่อเช้า กูกับไอ้ซอ มีไลน์นี้แอดมาหา”โอ๊ตเปิดไลน์ให้จ็อบและบอลดู “ไอ้เชี้ย Your Nightmare อีกแล้ว” บอลอุทาน ในแชทมีรูปของจ็อบกับบอลกำลังเล่นบทระเริงรักกลางสายฝนด้วยเนื้อตัวเปลือยเปล่าเคลือบไปด้วยโคลนพร้อมกับข้อความที่ว่า “ถ้ามึงยังรักเพื่อน ไม่อยากให้รูปนี้หลุดไปในทวิตเตอร์คืนนี้มาหากูที่สนามบาสตอนสองทุ่ม ห้ามฟ้องอาจารย์ ห้ามแจ้งตำรวจ” “กูก็เลยมาเจอมึงสองคนเนี่ย” โอ๊ตเล่าต่อ “ในรูปคือมึงสองคนจริงๆ ใช่ไหม” ซอถามจ็อบและบอล “ในเมื่อเรื่องมันมาขนาดนี้แล้วเดี๋ยวกูเล่ารายละเอียดให้ฟัง แต่มึงรู้ไว้ตรงนี้ก่อนว่า กูกับบอลเป็นแฟนกัน”จ็อบบอก แต่โอ๊ตกับซอไม่แปลกใจเท่าไหร่ “ทำไมมึงสองคนไม่ตกใจอะไรเลยเหรอ” จ็อบถาม “มึงคิดว่ากูกับไอ้ซอโง่หรอวะกูเห็นพฤติกรรมมึงสองคนที่ไปไหนตัวติดกันเป็นตังเมขนาดนี้ แถมมีรูปนี้ออกมากูกับไอ้ซอเลยยิ่งมั่นใจ” “ติ๊ง!!!” ข้อความเด้งเข้าไลน์ของจ็อบ “กติกาการแข่งขัน ให้แข่งเป็นทีม ทีมไหนชู้ตลงฝั่งตรงข้ามจะต้องเลือกที่จะถอดเสื้อผ้าออกมา 1 ชิ้น จากผู้เล่นหนึ่งคน ถ้าทีมไหนเสื้อผ้าหมดก่อนการแข่งขันยุติ และทีมนั้นจะต้องแก้ผ้าวิ่งรอบสนามบอล 3 รอบ” “ไอ้เชี้ย กติกาอะไรวะเนี่ย” ซอบ่นอย่างหัวเสีย “เอาเว้ย ทำเพื่อเพื่อนหน่อยดิวะ” โอ๊ตเตือนสติ โอ๊ตและซอเปลี่ยนชุดเรียบร้อย แล้วก็บอกทีมของจ็อบว่า “มึงต่อให้กูหน่อยนะ กูกับโอ๊ตใส่บ็อกเซอร์ด้วย ฮ่าๆๆๆ” “ยังมีอารมณ์ขำนะมึง มาลงสนามได้แล้ว” จ็อบบอกซอ การแข่งขันเป็นไปอย่างสนุกเพราะคงไม่มีใครอยากแก้ผ้าวิ่งในสนามฟุตบอล 3 รอบ ถ้านับระยะก็เกือบกิโลได้ แต่ในสี่คนนั้นจ็อบเล่นบาสเก่งที่สุด จึงทำให้จ็อบโดนแค่ถอดเสื้อ ส่วนบอลต้องล่อนจ้อนเพราะจ็อบบอกว่า ให้เสื้อผ้าหมดไปเป็นคนๆแล้วถ้าจ็อบเล่นแบบไม่มีเสื้อผ้าใส่อาจจะเล่นได้ไม่ดี บอลเลยต้องจำยอมทำตามส่วนอีกทีม ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือติดตัวแล้วนอกจากรองเท้านักเรียนคนละคู่ โอ๊ตกับซอยืนกุมเป้าคุยกับจ็อบและบอล กลางสนาม “ติ๊งค์” ข้อความไลน์เข้ามาหาของจ็อบ “ทีมที่ชนะใส่ชุดพละคืนได้”จ็อบและบอลรีบเปลี่ยนกลับเป็นชุดพละเหมือนเดิมทันที “ไลน์...” ข้อความไลน์เข้ามาหาโอ๊ตและซอ “ทีมที่แพ้ ทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่สนามบาสนี้แล้วไปวิ่งที่สนามฟุตบอลทันที” “ไอ้เชี้ย ใครจะไปทำห่าอะไรแบบนั้นวะ” ซอบอกอย่างหัวเสีย จ็อบเดินเข้าไปบอกซออย่างเบาๆ “ไอ้ซอ กูขอร้อง มึงเล่นตามน้ำให้มันไปก่อนกูเชื่อว่ามันอยู่แถวนี้แน่ๆ ถ้ามึงไม่ทำ มันจะทวิตจริง มันเคยทำกับไอ้บอลมาแล้วแต่กลัวไม่ได้เป็นที่มันทวิตหรอก กูได้เบาะแสมาแล้ว แต่ต้องการให้มันชะล่าใจถือว่ากูขอร้องนะไอ้ซอ” ซอพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ทำท่าหัวเสียเล็กน้อย “อ่ะ ไอ้บอล เสื้อผ้ามึง” จ็อบส่งชุดพละให้บอลตอนนี้จ็อบกับบอลแต่งตัวเรียบร้อยแล้วกำลังจะเดินไปที่สนามฟุตบอลโดยมีโอ๊ตและซอเดินตามมาอยู่ห่างๆ จากมุมมืด เมื่อถึงสนามฟุตบอล โอ๊ตกับซอก็ยืนทำใจก่อนที่จะวิ่งรอบสนามสามรอบด้วยสภาพไม่มีเหลือเสื้อผ้าติดตัวนอกจากถุงเท้าและรองเท้านักเรียน เมื่อวิ่งเสร็จ โอ๊ตกับซอ เดินกุมเป้าเหงื่อท่วมตัวเดินมาหาจ็อบและบอล “กูขอบใจมากนะเว้ย ที่ทำเพื่อกู” จ็อบบอกกับทุกคนด้วยความซาบซึ้งใจ “ป่ะ เรากลับไปเอาเสื้อผ้ามาแต่งตัวเหอะ กูหนาวแล้ว”ซอบอกกับเพื่อนๆ แต่เมื่อกลับไปถึงยังสนามบาสไอ้วี่แววของกองชุดพละของซอและโอ๊ต “ไอ้เชี้ย กูลืมไปเลยว่าเราเปิดโอกาสให้มันเล่นงานอีกแล้ว”จ็อบบ่นออกมาอย่างหัวเสีย “เล่นงานเรายังไงวะ” ซอสงสัย แต่คนอื่นพอเข้าใจในสถานการณ์แล้ว “ก็มันรู้ไงว่า ทั้งกูกับไอ้บอล ไม่มีทางที่จะปล่อยให้มึงสองคนวิ่งแก้ผ้ากันสองคนหรอกมันรู้ว่ากูกับไอ้บอลต้องไปดูแลพวกมึงตอนวิ่ง มันเลยอาศัยจังหวะนั้นมาเอาชุดพละพวกมึงไปด้วยพร้อมชุดบาสของมันไง” “อ่าว แล้วอย่างงี้ พวกกูจะกลับบ้านยังไงได้วะ”ซอเริ่มวิตกจริต ทั้งหมดพยายามหาทางออก แต่ดูจะตันไปซะทุกทางจนกระทั่ง “ไอ้โอ๊ต ไอ้ซอ มึงใส่ชุดพละของกูกับไอ้บอลกลับบ้านไปดีกว่าเพราะมึงอยู่บ้านไกลด้วย เดี๋ยวที่บ้านจะสงสัยเอา”บอลเห็นด้วยและเต็มใจช่วยแก้ปัญหานี้ จ็อบและบอลถอดชุดพละตัวเองออกอีกครั้ง ส่งให้โอ๊ตและซอเพื่อแต่งตัวกลับบ้าน “แล้วมึงจะกลับบ้านยังไง” โอ๊ตถามจ็อบกับบอล “เอาน่ากูมีวิธีของกูอยู่แล้วกัน” จ็อบบอก “ตรู๊ดๆๆ พี่ต้อมหรอครับ ผมจ็อบนะ มีเรื่องรบกวนหน่อย” “เออ ว่ามาไอ้น้องชาย” ต้อมรับสาย “พี่ผมโดนไอ้หมอนั่นเล่นงานอีกแล้วตอนนี้ผมเหลือแค่กางเกงในติดตัวกับไอ้บอล พี่มารับผมหน่อยได้ไหม” จ็อบขอความช่วยเหลือ “เออ เดี๋ยวพี่กับพี่ธามออกไปช่วย รอแปป”ต้อมรีบตอบรับและวางสาย “ธาม ไอ้น้องสองคนนั้นมันโดนแกล้งอีกแล้วว่ะ ไปช่วยมันกัน” “ไปดิ เดี๋ยวกูขับรถให้” ธามรีบหยิบกุญแจรถส่วนต้อมรีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องหยิบชุดบอลมาสองชุด ไว้ให้จ็อบกับบอลใส่ “ฮัลโหล พี่ลืมบอกมึงไปว่า ตอนนี้ประตูโรงเรียนเขาเพิ่งทำเหล็กกั้นห้ามรถเข้าหลังสองทุ่มนะ”ต้อมโทรบอกจ็อบ “อ่าว แล้ววันนั้นที่โดนพี่ธามแกล้ง พี่ขับรถเข้ามาได้ยังไง”จ็อบสงสัย “ก็กูขับเข้ามารอกับพวกมึงตั้งแต่หกโมงกว่าทุ่มนึงแล้วนี่หว่ามันเลยเข้าได้ แต่ทางออกน่ะ มันออกได้ตลอดเวลา” “พี่ก็เข้ามาทางออกดิพี่ ไม่เห็นยากเลย” จ็อบตอบกลับมา “ไอ้ห่า มึงไม่แหกตาดูหรอว่า ตอนนี้ที่ประตูทางออกโรงเรียนมันติดแผงเหล็กกันรถย้อนศรถ้าใครขับรถย้อนศรมา เหล็กได้แทงยางแตกสิ” “แล้วเอาไงดีอ่ะพี่” “เอางี้ มึงหาทางวิ่งมาทางหลังอาคารสังคมตรงนั้นกำแพงมันไม่มีลวดหนามหรือเศษแก้ว เสร็จแล้ว มึงรีบปีนแล้ววิ่งมาฝั่งตรงข้ามเลยนะจะจอดรอที่ว่างฝั่งตรงข้าม” “พี่ทำไมไม่จอดฝั่งนี้อ่ะพี่” “มึงก็ถามมากจังวะ เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจไม่ช่วยซะเลย” “เดี๋ยวๆ พี่ ไม่ถามแล้วก็ได้ โอเคพี่เดี๋ยวเจอกัน” จ็อบรีบจับมือบอลวิ่งไปทางอาคารสังคม จนเมื่อมาถึงถนนหลักของโรงเรียนก็ต้องเบรคและหาที่ซ่อนตัวเพราะน้าภพแกขี่รถจักรยานมาตรวจตราพอดี จ็อบและบอลรอจนน้าภพไปแล้ว จึงรีบวิ่งต่อไปจนมาถึงกำแพงที่ต้อมบอก จ็อบมองรอดรูกำแพงออกไปเห็นรถคันนึงเข้ามาจอดพอดีรถคันนั้นเปิดกระจกลง “มาแล้ว รถพี่ธาม ไอ้บอลมึงปีนกำแพงนี้เดี๋ยวกูปีนกำแพงที่บล็อคนึง” ทั้งจ็อบและบอลโยนกระเป๋าข้ามกำแพงไปยังฟุตบาธริมถนนโชคดีที่ตอนนั้นประมาณสามทุ่มกว่า รถไม่ค่อยพลุกพล่าน แต่ก็พอมีบ้างเป็นระยะจากนั้น จ็อบและบอลพยายามให้พละกำลังดึงตัวให้สามารถก้าวข้ามกำแพงไปได้แต่ก็ไม่ทันได้ระวัง ปลายเหล็กที่โผล่มาพ้นกำแพงที่เกิดจากความสะเพร่าของผู้รับเหมา จนทำให้เกี่ยวกับกางเกงในของจ็อบ แบบไม่รู้ตัวเมื่อจ็อบกระโดดลงมาก็ทำเอาจ็อบหน้าเขียวเล็กน้อยก่อนที่กางเกงในจะขาดและโบกพริ้วอยู่ที่กับกำแพงนั้นส่วนบอลเห็นสภาพจ็อบตอนนั้นก็แทบจะกลั้นขำไม่ไหว เลยไม่ได้สังเกตเลยว่าที่กำแพงตัวเองก็มีกับดักด้วยเหมือนกัน บอลกระโดดตามลงมาสภาพทุลักทุเลไม่ต่างกับจ็อบเลย “ไอ้เชี้ยรถมา รีบไปเหอะ” จ็อบรีบบอกบอลทั้งคู่ต่างเอากระเป๋าปิดกลางลำตัวตัวเองไว้แล้ววิ่งขึ้นรถของธาม ธามกับต้อมเองก็ลุ้นไปกับสองคนนี้ไม่ต่างกัน ต้อมให้จ็อบและบอลใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองเตรียมไว้ให้แล้วธามก็พาจ็อบกับบอลไปส่งบ้าน “พี่ขอเข้าไปนั่งคุยในบ้านหน่อยได้ไหม” ต้อมบอกกับจ็อบ “เอาสิพี่ กินน้ำกินท่าก่อน ผมมีเรื่องจะปรึกษาพี่พอดีเลย”จ็อบรีบตอบรับ จ็อบเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ต้อมและธาม “มีอะไรให้พวกพี่ช่วยว่ามา” ต้อมถามจ็อบ “คือผมจะรบกวนพวกพี่ช่วยผมหน่อย คือ ผมได้เบาะแสมาแล้วว่าน่าจะเป็นเด็กม. 4 โรงเรียนเราเนี่ยแหละครับ แต่ไม่รู้ว่าคือคนไหนแล้วมันใช้วิธีไหนที่รู้ความเคลื่อนไหวของผมกับเพื่อนๆ ได้หมดจะรบกวนให้พี่ช่วยสืบหน่อยครับว่า มีเด็กม. 4 คนไหนที่ชอบไม่ชอบปลีกตัวออกจากเพื่อนแล้วเชี่ยวชาญพวกเทคโนโลยี แล้วก็มีพฤติกรรมน่าสงสัยบ้าง ” “เดี๋ยวสิวะไอ้จ็อบ ทำไมถึงคิดว่าต้องเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีวะ” “มึงคิดดูว่า คนคนนึงจะสามารถคอยติดตามชีวิตคนอื่นแบบตลอดเวลาได้โดยที่ไม่มีเครื่องทุ่นแรง มันจะเป็นไปได้เหรอวะ” จ็อบตั้งข้อสังเกตซึ่งคนอื่นก็เห็นด้วย “อ่อ ได้สิ เดี๋ยวพี่จะสืบมาให้นะ ถ้าได้ความยังไงจะมาบอกนะ”ธามรับปากที่จะช่วย “แล้วก็อีกเรื่องนึงครับพี่ พี่มีคนรู้จักเป็นตำรวจไหมครับ”จ็อบถามธาม “ก็มีอยู่แหละ เป็นลูกพี่ลูกน้องพี่เอง ทำไมหรอ”ธามตอบและถามกลับอย่างสงสัย จ็อบยิ้มอย่างมีความหวังที่จะเอาคืนคนที่มาทำร้ายร่างกายและจิตใจของเขาได้แล้ว ตื่นมาตอนเช้า วันนี้ต้องมีเรียน ร.ด.อีกแล้วจ็อบและบอลใส่ชุด นศท. ไปเรียน เมื่อมาถึงโรงเรียน เจอซอในชุด นศท. เหมือนกันและโอ๊ตในชุดนักเรียน ทั้งหมดเฮฮาสนุกสนานกันเหมือนปกติ ทั้งที่เมื่อคืนเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ชวนสยิวมาวันนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้าจากธามและต้อม ส่วนช่วงบ่ายก็เรียน ร.ด.เหมือนเดิมวันนี้จ็อบโดนเรียกไปพบ แต่ครูฝึกวันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะถูกหวยเลยยื่นข้อเสนอให้จ็อบว่า เดี๋ยวจะคืนเสื้อให้ แต่ให้เลือกว่า จะให้ตัดคะแนนหรือจะโดนซ่อม วันนี้ ปี 2เรียนทบทวนการฝึกทำสงครามพิเศษ ต้องเหนื่อยอยู่แล้วแล้วต้องมานั่งฟังครูฝึกอีก หลับก็ไม่ได้เลยตัดสินใจโดนทำโทษเพราะคิดว่าไม่น่าหนักมากแต่ถึงครูฝึกจะอารมณ์ดีแต่ก็จัดให้จ็อบหนักเหมือนกันโดยการถอดเสื้อทำโทษสองชั่วโมง แล้วใส่เสื้อไปพักกับเพื่อนๆ จึงเห็นได้ชัดว่าตอนนี้เสื้อกับกางเกงคนละสีกัน เสื้อสีปกติ แต่กางเกงสีฝุ่น เมื่อเลิกพักแล้วครูฝึกคนเดิมเรียกจ็อบไปทำโทษต่ออีกยก แต่รอบนี้ให้เดิมตามเข้าไปในที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ข้างในศูนย์ฝึก เมื่อไปถึงจ็อบถูกสั่งให้ถอดเสื้อทั้งเสื้อ น.ศ.ท และเสื้อยืด และคราวนี้ให้ถอดกางเกงออกหลังจากนั้นก็ทำโทษกลางทรายแห้งๆ แดดร้อน แต่จ็อบก็ยังทนได้จนเมื่อเหลือเวลาอีกชั่วโมงนึง ครูฝึกก็สั่งให้ถอดกางเกงในออก เหลือแต่ตัวเปล่าทำโทษ มันเป็นสิ่งที่จ็อบไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เป็นความรู้สึกชอบที่ผสมกับความร้อนมันบอกไม่ถูก “ค_ยแข็งเลยนะมึง” ครูฝึกแซวเมื่อเห็นท่อนลำของจ็อบแข็งตัว “ครับ” “งั้นกูพาไปอีกที่ดีกว่า” ครูฝึกพูดจบพาไปเข้าฐานกิจกรรมซึ่งความโหดระดับเดียวกับทหารเกณฑ์ หรือเรียกได้ว่าฐานชมรมในโรงเรียนที่จ็อบเห็นมานั้นเป็นเด็กอนุบาลเลยทีเดียว ครูฝึกให้จ็อบเริ่มตั้งแต่ เดินข้ามฟากบนท่อนเหล็กกลม การข้ามบ่อน้ำ โดยใช้ตัวโหนเชือกซึ่งโดยปกติแล้วเขาฝึกโดยที่มีชุดฝึกหนาๆ แต่จ็อบต้องทำแบบไร้ชุดฝึกแถมโดนเชือกถูกับน้องชายตัวเองก็ทำเอาตื่นขึ้นมาเหมือนกัน จนสุดท้ายให้รอดผ่านราวลวดหนาม ซึ่งปัญหาของจ็อบตอนนี้คือ น้องชายจ็อบตื่นขึ้นมาแล้วแต่ก็ต้องทำ จ็อบเลยต้องใช้ มือทั้งสองข้างคอยระวังไม่ให้หนามเกี่ยวน้องชายตัวเองให้เกิดบาดแผลได้เมื่อเสร็จสิ้นการทำโทษแล้ว ครูฝึกให้จ็อบใส่เสื้อผ้าเหมือนเดิมแต่จ็อบเห็นว่าสภาพกางเกงในมันเละมาก ถ้าใส่ไป อาจจะไม่สบายเท่าไหร่ เลยเอากางเกงในซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงที่ก้นแล้วแต่งตัวตามปกติเหมือนเดิม เมื่อเรียน ร.ด.เสร็จ ทันทีที่ลงจากรถ ซอก็รีบขอตัวกลับทันทีส่วนจ็อบ กระซิบบอกบอลชวนไปนั่งเล่นโรงเรียนกันสักพักดีกว่า บอลยิ่งไม่เข้าใจแต่ก็ไม่อยากขัดใจจ็อบก็เลยตามน้ำ “เออ กูไม่เข้าใจว่ะ ทำไมมึงยังต้องกลับมาโรงเรียนอีกวะ”บอลถามจ็อบด้วยความสงสัย หลังจากที่เดินเข้ามาในรั้วโรงเรียน “กูแค่อยากจะเอาคืนคนนิดหน่อย” จ็อบบอก “เอาคืนใครวะ” บอลถามต่อ “ไอ้พวกแก๊งค์เด็กเทคนิคไง แล้วมึงก็ต้องช่วยกูด้วย”จ็อบบอกบอล ยิ่งทำให้บอลงงหนักกว่าเดิม จ็อบชวนบอลไปที่อาคารเรียนชั่วคราว “มึงจะให้กูช่วยอะไร” บอลถามจ็อบ “ตอนนี้กูต้องการเหยื่อว่ะ” จ็อบบอก “ไม่นะ จะเอากูไม่สังเวยมันหรือไง” บอลรีบบอก “ไอ้ห่า กูไม่เอาแฟนกูไปสังเวยใครหรอก แต่กูพอจะเดาออกว่าวันนี้มันต้องรอเอาคืนพวกเราแน่ ที่ไปหลอกมันเมื่อวันศุกร์” จ็อบบอก “แล้วมึงจะเอาไง” “มันอยากเล่นงานก็ปล่อยมันเล่นงานไปสิ” “แล้วจะให้กูเป็นเหยื่อยังไง” “เอางี้ เดี๋ยวมึงก็รู้เองตอนนี้มึงกับกูต้องเปลี่ยนเครื่องแต่งตัวก่อน มึงถอดเสื้อยืดข้างในออกใส่แต่เสื้อร.ด. ไป แล้วก็ถอดกางเกงในมึงออกด้วย ไม่ต้องใส่” คำสั่งของจ็อบยิ่งทำให้บอลสงสัยหนักเข้าไปอีกแต่ก็ทำตามไปเพราะอยากรู้ว่า จ็อบจะเอาคืนพวกนั้นยังไง
ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ มันเป็นทั้งกำลังใจที่ผลงาน ยิ่งเป็นที่ชื่นชอบกันมาก ผมยิ่งดีใจ แต่อีกมุมนึงคือ มันก็เหมือนแรงกดดัน ที่งานผมก็ต้องละเอียดและมีคุณภาพมากขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้อ่านเสียความรู้สึก แต่ผมมองว่ามันเป็นแรงผลักดันของผมมากกว่า นี่คือสาเหตุที่ผมตัดสินใจโล๊ะตอนจบ เพื่อนั่งเขียนใหม่ให้ผู้อ่านได้ฟินมากยิ่งขึ้น |