เช้านั้นเป็นเช้าวันศุกร์ กว่าผมจะลุกจากเตียงขึ้นล้างหน้าแปรงฟันได้ก็ปาเข้าไปเกือบๆ สิบโมงเช้า เพราะเมื่อคืนกว่าจะหลับลงได้ก็ตอนที่ไก่มันเริ่มขันกันแล้ว ที่จริง สิบโมงเช้าน่ะ สำหรับผมแล้วไม่ถือว่าสายหรอกครับ เพราะสมัยปิดเทอมใหญ่ เคยตื่นเที่ยงซะด้วยซ้ำจะเอาอะไรกับช่วงการกักตัวแบบนี้ แต่สำหรับชีวิตที่บ้านเล็กๆ ของผมหลังนี้ ถือว่าผิดปกติชนิดที่แม่ทักทันทีที่ผมโผล่หน้าเข้าไปในครัว
“ทำไมตื่นสายนักล่ะ เมื่อคืนเล่นกับน้องจนดึกล่ะสิ” ผมยิ้มให้แม่ขณะกดน้ำร้อนใส่ถ้วยกาแฟ
.. ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนระหว่างผมกับหน่องปรากฎวูบขึ้นมาในสมองตามคำแม่ แม่ทายถูกเผงที่ว่าผมกับหน่องเล่นกันจนดึก แต่แม่ต้องคิดไม่ถึงเด็ดขาดว่าเราเล่นอะไรกัน .. แม่ผมเป็นแม่บ้านประเภทที่คนเดี๋ยวนี้เติมสร้อยให้ว่า “สมัยเก่า” เพราะดูแม่จะมีความสุขกับการอยู่บ้านปรนนิบัติลูกผัวเต็มที่ เช้านี้ก็เหมือนกัน อาหารเช้า ข้าวต้มพร้อมกับเต็มโต๊ะรอผมอยู่แล้ว
“แม่บอกว่าวันนี้ให้พลไปรับหน่องกลับจากโรงเรียนด้วย เพราะแม่เขาจะเลยเข้ากรุงเทพฯ กว่าจะกลับก็คงมืดค่ำ”
.. ตั้งแต่หน่องถูกรับมาอยู่กับครอบครัวเราเกือบๆ สามเดือนมาแล้วนั่น พ่อผมเหมือนมีลูกอ่อนให้คอยดูแล แม่ผมเป็นน้องสาวแท้ๆ ของลุงรอน และมีกันแค่สองคนพี่น้อง จึงรักกันมาก มากจนความรักนั้นเหลือเผื่อแผ่มาถึงเจ้าหน่องด้วย แม่นั้นทำหน้าที่ทั้งรับและส่งหน่องไปโรงเรียนทุกวัน และนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ผมกลับมาอยู่บ้านที่แม่ผลักธุระนั้นให้ผม
“แม่เข้ากรุงเทพฯ ทำไมอะพ่อ” ผมถามขณะตักข้าวต้มเข้าปาก “ก็เรื่องพ่อแม่เจ้าหน่องนั่นแหละ” พ่อบอก พ่อคงอยากไปด้วยแต่ติดที่งานราชการของพ่อ แม่อาจจะไปกระทันเกิดไป “เห็นว่าตกลงกันได้แล้ว คือลุงรอนเขายอมหย่า แล้วก็จะยกหน่องให้แพรเลี้ยง ไม่ต้องขึ้นศาลอะไรกันให้เรื่องมากแล้ว” “อ้าว ทำไมลุงรอนเกิดยอมง่ายๆ ล่ะพ่อ ก็เห็นแย่งกันจะเป็นจะตาย” พ่อผมส่งเสียงถอนใจดังเฮือก แล้วบอกว่า “เพราะลุงรอนเขาเป็นข้าราชการ มีประวัติฟ้องร้องอื้อฉาวแบบนี้มันไม่ดี เห็นแม่เอ็งบอกว่า แพรจะเอาหน่องกลับไปอยู่บ้านเขาที่ปักษ์ใต้เลย ทั้งแม่เอ็งทั้งลุงรอนเขาจะขึ้นไปฟังรายละเอียดเรื่องนี้แหละ”
.. ผมแทบสำลักข้าวต้มเมื่อได้ยินพ่อบอกว่าเจ้าหน่องจะถูกเอาตัวไปอยู่ที่จังหวัดบ้านเกิดของป้าแพรที่ปักษ์ใต้ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ผมคงรู้สึกเฉยๆ ติดจะสบายใจซะอีก เพราะจะได้ครองห้องคนเดียวเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา แต่เหตุการณ์เมื่อคืน มันเชื่อมผมกับหน่องให้ผูกพันกันแน่นหนาขึ้นจนยากที่ผมจะรับได้ง่ายๆ
.. ใครจะคาด เช้านั้นพ่อของผมยังบ่นถึงเรื่องของลุงรอนกับป้าแพรอีกยาวเหยียด ผมฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เพราะใจมัวแต่ครุ่นคิดเรื่องเจ้าหน่อง แว่วๆ แม่บอกว่าพ่อเคยเตือนลุงรอนแล้วว่าอย่าแต่งงานกับป้าแพร เพราะอายุห่างกันถึง 18 ปี สรุปแล้ว แม่คิดว่าเรื่องหย่าร้างนั้นเกิดขึ้นเพราะความแตกต่างของอายุ ซึ่งเป็นคนละเรื่องเลยกับสาเหตุแท้จริงที่ผมรู้จากหน่องเมื่อคืน
.. วันนั้นผมครุ่นคิดเรื่องนี้ทั้งวัน แม้กระทั่งขณะนั่งเล่นเกมส์จนเมื่อยตัวแล้ว เมื่อยอีก... ซึ่งจนถึงตอนนี้ ผมยังไม่รู้เลยว่าการเรียนช่วงมัธยมปลายของผมมันจะไปทิศทางไหน... อาจจะเป็นเพราะผมคิดถึงแต่หน่อง และเหตุการณ์เมื่อคืนตลอดทั้งวันก็เป็นได้ ที่ทำให้อวัยวะของผมแข็งตัวขึ้น ทันทีที่ผมเห็นเขาในชุดนักเรียนยืนรออยู่ที่ประตูโรงเรียนในบ่ายวันนั้น
.. เจ้าหนูวิ่งหัวซุนมากอดผมด้วยอาการที่บ่งชัดว่าดีใจมาก และอาการกอดนั้น เจ้าหนูเจตนางอตัว ซบหน้ากับท่อนเนื้อในกางเกงของผมพอดิบพอดี และเหมือนแกล้ง เจ้าหนูสูดหายใจลึก สูดกลิ่นจากกลางลำตัวของผมเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะส่ายและยีหน้าลงไปตรงบริเวณท่อนลำของผมแรงๆ อีกหลายครั้ง เล่นเอาผมถึงกับตัวงอด้วยความเสียว และเกรงสายตาผู้คนจำนวนมากที่อยู่แถวนั้น นี่ล่ะครับ เจ้าหน่องของผม
.. หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนแล้ว ดูเหมือนว่าเขาไม่เก็บงำความก๋ากั่นและเก่งกาจในเรื่องเพศเอาไว้เลย... นึกแล้วก็ให้ประหลาดใจ สมัยผมอายุเก้าขวบนั้น ของเล่นโปรดคือตุ๊กตายอดมนุษย์ทั้งหลายที่แม่ยังเก็บใส่ลังไว้ในห้องเก็บของ แต่สำหรับหน่องแล้ว ของเล่นโปรดของเขาดูเหมือนจะเป็นท่อนเนื้อขนาดเจ็ดนิ้วของผมนี่เอง
.. เรารอเพียงไม่กี่นาที รถเมล์สายที่ผ่านบ้านผมก็มาถึง ช่วงนั้นรถแน่นพอสมควรเพราะเป็นเวลาโรงเรียนเลิก แต่ก็มีคนลุกให้เจ้าหน่องนั่งทันที ผมยิ้มให้ชายคนนั้นอย่างขอบคุณ นึกเปรียบเทียบกับน้ำใจคนกรุงเทพฯ กับคนที่นี่ แม้จะห่างกันแค่ขับรถไม่กี่ชั่วโมง แต่น้ำใจผู้คนนั้นห่างกันไกลนัก แต่สิ่งที่เหมือนกรุงเทพฯ เข้าไปทุกทีก็คือการจราจรที่นับวันจะหนืดมากขึ้น
.. เกือบสิบนาทีผ่านไปโดยที่รถเมล์เคลื่อนที่ห่างจากเดิมเพียงแค่ไม่กี่เมตร เหงื่อผมชักหยดด้วยความร้อนอบอ้าว หน่องคงสงสาร จึงดึงแขนผมให้นั่งลงโดยตัวเขาลุกขึ้นมานั่งตักผมแทน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความตื่นเต้นที่สุดในชีวิตของผมอีกครั้ง เมื่อคืน ผมมีประสบการณ์เสียวกับเด็กเก้าขวบไปแล้วเป็นครั้งแรกในชีวิต และสิ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณๆ อยู่ในตอนนี้คือ ประสบการณ์เสียวกับเด็กเก้าขวบบนรถเมล์ที่มีคนแน่นจนล้นเป็นครั้งแรกในชีวิต
.. ที่จริงแล้ว ผมก็เคยมีเซ็กซ์บนรถทัวร์กรุงเทพฯ-เชียงใหม่มาแล้วครั้งหนึ่ง กับเพื่อนมาดแมนที่เป็นนักกีฬาตระกร้อทีมมัธยมของโรงเรียนผม มันกดหัวผมลงไปดูดควยให้มันขณะที่ (คิดว่า) คนในรถหลับกันหมดแล้ว ครั้งนั้นผมคิดว่าเป็นเซ็กซ์ที่ตื่นเต้นที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ถ้าเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหน่องแล้วล่ะก็... เทียบไม่ติดฝุ่นเลยครับ
.. เริ่มต้นจากการที่หน่องส่ายก้นของเขาเบาๆ วนเป็นวงอยู่บนตักของผม ท่อนเนื้อของผมเริ่มผงาดรับแรงถูนั้นทันทีจนผมรู้สึกอึดอัด จากนั้นไอ้ตัวเล็กมันยกกระเป๋านักเรียนสีดำใบโตของมันขึ้นมาวางบนตัก เท่านั้นเอง มือขวาของผมที่เกาะเอวเขาอยู่ ก็เริ่มเลื้อยเข้าไปใต้กระเป๋าใบนั้นอย่างรู้งาน และความหาซิปกางเกงขาสั้นสีกากีของหน่องจนเจอ ก่อนจะรูดลงช้าๆ
..ผมเหลือบมองผู้ชายคนที่นั่งด้านข้าง เห็นเขาทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง ไม่มีทีท่าจะรับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างๆ เขา แต่บนรถเมล์คันนั้นไม่ใช่มีเขาเพียงคนเดียว ยังมีคนอีกมากมายที่อาจสนใจ จับสายตาอยู่ที่มือของผม ซึ่งเริ่มขยุกขยิกที่หว่างขาของหน่อง ความตื่นเต้นที่ว่านี้ ทำให้ผมอารมณ์ทางเพศของผมพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
.. วันนี้หน่องไม่นุ่งกางเกงใน ด้วยเหตุที่ว่าตั้งแต่วันแรกที่มาถึงบ้านผม เจ้าหนูประกาศตัวทันทีว่า “หนูโตแล้ว” และไม่ยอมให้แม่ผมปรนนิบัติเหมือนเขาเป็นเด็กเล็ก ไม่ยอมให้อาบน้ำให้ ไม่ยอมให้แต่งตัวให้ ดังนั้นจึงเป็นสิทธิขาดของเขาที่จะเลือกใส่ หรือไม่ใส่กางเกงในตามแต่ใจเขา วันนี้ ผมดีใจที่เขาเลือกที่จะไม่ใส่ เพราะมันง่ายสำหรับผมที่จะเล่นควยน้อยๆ ที่ชี้ชันออกมาจากซิปกางเกงนักเรียนของเขา
.. ผมใช้แค่สามนิ้ว คือนิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วกลาง รูดหนังหุ้มควยของหน่องขึ้นลงช้าๆ เจ้าหนูนั่งนิ่ง ซึมซับความซ่านเสียวที่ผมมอบให้อย่างสงบ เขาเอนตัว หัวพิงบ่าผมและหลับตาพริ้ม แต่สองมือที่วางบนต้นขาของผม เริ่มจิกแน่นเข้า เป็นสัญญาณเพียงอย่างเดียวที่บอกให้ผมรู้ว่าเขาเสียว และมีความสุขกับรสสวาทที่ผมปรนเปรอให้ ผมรูดควยเจ้าหน่องอยู่ครู่ใหญ่ เจ้าตัวเล็กก็เริ่มมีอาการเกร็งและตัวสั่น แข้งขาเหยียดเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ความซ่านเสียวที่เขาได้รับแสดงออกชัดเจนทางสีหน้า ด้วยการขมวดคิ้วและหลับตาแน่น มือซ้ายของผมต้องโอบตัวเขาให้กระชับแน่นขึ้นเพื่อไม่ให้เขางอตัว หรือหล่นลงไปจากตักผม
“หน่องโอเคมั้ย” ผมกระซิบถามที่หูเขาเบาๆ “จะให้พี่ทำต่อมั้ย” “ต่อครับ...อย่าหยุด หน่องจะไม่ไหวแล้ว อา...”
.. เมื่อได้รับคำยืนยันเช่นนั้น สามนิ้วของผมจึงรูดควยขนาดสามนิ้วของหน่องขึ้นลงเร็วขึ้น โดยพยายามไม่ใช้มือและแขนของผม ให้มีใครสังเกตุเห็นกิจกรรมระหว่างผมกับหน่องได้ชัดเจนนัก
.. ในที่สุด หน่องก็ถึงจุดสุดยอด เขาเกร็งมือบีบต้นขาของผมจนเจ็บ ขณะส่งเสียงครางออกมา แม้จะเป็นแค่การทำเสียงอยู่ในลำคอ แต่ผมก็เชื่อว่ามันดังพอที่จะทำให้ผู้คนที่ยืนล้อมผมอยู่ได้ยินกันถ้วนหน้า ส่วนนิ้วมือของผมใต้กระเป๋านักเรียนนั้น รับรู้ได้ถึงแรงกระตุกหงึกหงัก ของท่อนเนื้อที่แข็งและเกร็งเหยียดเต็มความยาวของมัน ก่อนจะสัมผัสกับความเปียกที่ควยของหน่องพ่นออกมา แม้จะไม่มากนัก แต่รับรองว่า หน่องจะต้องใช้กระเป๋าปิดเป้ากางเกง ไม่ให้คนเห็นรอยด่างไปจนถึงบ้านแน่นอน
.. ผมคลึงท่อนเนื้อของหน่องเล่นอยู่อีกสักพักก็ค่อยๆ รูดซิปกางเกงให้เขา โดยคราวนี้ผมต้องใช้สอดมือซ้ายเข้าไปช่วย เพราะกลัวว่าซิปมันจะขบเอาชิ้นส่วนที่น่ารักที่สุดของหน่องเข้า
.. ผมไม่แน่ใจว่า การเล่นเสียวระหว่างผมกับหน่องกินเวลานานแค่ไหน แต่พอผมมีโอกาสสนใจสิ่งรอบตัวอีกครั้ง รถเมล์ก็วิ่งมาถึงป้ายที่เราต้องลงเพื่อต่อรถสองแถวเข้าบ้านกันแล้ว ตอนที่ผมจูงหน่องเดินมาถึงคิวรถสองแถว ซึ่งห่างจากป้ายรถเมล์ประมาณไม่ถึงร้อยเมตรนั้น เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลัง “หน่อง, พล”
.. เราสองคนหันกลับไปมองหนุ่มใหญ่ในชุดเครื่องแบบครึ่งท่อน "ลุงรอน" พ่อของหน่องนั่นเอง ผมยกมือขึ้นสวัสดีลุงรอนซึ่งถือกระเป๋าผ้าใบไม่โตนักอยู่ในมือ ขณะที่หน่องถลาเข้าไปหาอ้อมแขนที่กางออกต้อนรับ และอุ้มขึ้นหอมแก้มซ้ายขวาอย่างรักใคร่
|