แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jokecup เมื่อ 2020-10-17 09:18
ความเดิมก่อนหน้านี้
นำเรื่อง
รถตู้สีควันบุหรี่แล่นมาตามถนนด้วยความเร็วค่อนข้างสูงเมื่อมาถึงบริเวณที่เป็นหลุมขนาดใหญ่จึงชะลอความเร็วรถไม่ทันส่งผลให้รถกระเด้งกระดอนจนเกือบเสียหลักเด็กหนุ่มที่นั่งหลับอยู่บนเบาะหลังคนขับถึงกับสะดุ้งตื่น เขาเหลือบตามองออกไปนอกตัวรถสองข้างทางที่เห็นตอนนี้เป็นทุ่งหญ้าเขียวขจี ไม่มีวี่แววของสิ่งมีชีวิตหรืออาคารบ้านเรือนให้เห็นเลย เสียงคนขับทักมาเด็กหนุ่มเหลือบมองสบสายตาผู้พูดผ่านกระจกส่องหลัง ตั้งแต่ออกเดินทางมาจากกรุงเทพฯนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้สนทนากัน คำพูดนั้นห้วนแต่ยังแฝงน้ำเสียงอ่อนโยนให้ได้ยิน “เลยตัวเมืองออกมาหน่อยแล้วอีกไม่นานก็ถึง” เด็กหนุ่มละสายตาจากกระจกส่องหลังมองออกไปนอกตัวรถอีกครั้ง “อายุเท่าไหร่แล้วล่ะเรา?” คนขับยังชวนสนทนาต่อ เด็กหนุ่มยังไม่ละสายตาจากด้านนอกตัวรถ “เพิ่งครบ17 เมื่อสองเดือนก่อน” “ยังเด็กอยู่แท้ๆ น่าเศร้าจริง ๆ” น้ำเสียงคนขับรถแสดงความรู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ แววตาของเด็กหนุ่มเหม่อลอย ความคิดหวนกลับไปถึงเหตุการณ์เมื่อครึ่งปีก่อนหน้านี้ตอนนั้นเขากำลังซ้อมว่ายน้ำอยู่ที่ชมรมโรงเรียนเนื่องจากใกล้ถึงช่วงแข่งขันโค้ชเป็นคนเดินมาแจ้งข่าวร้ายว่าพ่อของเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชนตอนนั้นความรู้สึกของเขาเหมือนโลกหยุดหมุนไปช่วงเวลาหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าตัวเองผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้อย่างไร ตั้งแต่จำความได้พ่อคือบุคคลเพียงคนเดียวที่อยู่เคียงข้างเขาหลังจากที่แม่เสียชีวิตหลังคลอดเขาไม่นาน เขาจึงไม่มีความทรงจำที่เกี่ยวกับแม่และการที่พ่อแทบไม่เคยเล่าเรื่องของแม่ให้ฟัง พ่อจึงเปรียบเสมือนสิ่งยึดเหนี่ยวเพียงสิ่งเดียวของเขาพ่อไม่มีญาติพี่น้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้หลาย ๆ คนที่ได้รู้แต่สำหรับเขาคงเป็นความเคยชิน แต่เมื่อวันนี้ไม่มีพ่อ ชีวิตของเขาจึงลอยคว้างทันที ยังไม่ทันที่งานศพของพ่อจะผ่านไปบรรดาเจ้าหนี้จากธนาคารต่าง ๆ ก็เข้ามารุมทึ้งเขา เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่ากิจการของพ่อที่ดูเหมือนใหญ่โตจะมีหนี้สินพะรุงพะรังเป็นจำนวนมาก เขาไม่มีความรู้พอที่จะจัดการปัญหานี้ไม่มีแม้แต่คนที่จะให้คำปรึกษา ต้องทำทุกอย่างตามที่ทนายความของพ่อจัดการให้กว่าจะผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ก็ทำให้ชีวิตเขาเป๋ไปพักใหญ่ เขาไม่ได้เข้าแข่งขันว่ายน้ำเพื่อคัดเลือกเป็นตัวแทนทีมชาติอย่างที่ตั้งใจ แต่ขณะที่ชีวิตเหมือนจะไร้ซึ่งทางออกอยู่ ๆ ก็มีผู้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขา ผู้ชายที่แนะนำตัวสั้น ๆ ว่าชื่อนายแมนสรวงเปรมปรีดา เพื่อนสนิทของพ่อเขาเอง “ฉันเคยเจอเธอตอนยังเด็กแต่เธอคงจำฉันไม่ได้ หลังจากนั้นฉันก็ไปทำธุรกิจที่ต่างประเทศนานหลายปีจึงทำให้ขาดการติดต่อกับพ่อของเธอไป แต่เมื่อ 5 ปีก่อนตอนที่ฉันกลับมาเมืองไทยฉันได้เจอพ่อเธอโดยบังเอิญ เรามีโอกาสได้รื้อฟื้นความสัมพันธ์กันอีกครั้งหลังจากนั้นเราจึงติดต่อกันเรื่อยมา แต่ความที่งานของฉันอยู่ที่ต่างจังหวัดจึงไม่มีโอกาสได้เจอเธอ มีแต่พ่อเธอที่มักจะแวะไปหาฉันบ้างเท่านั้นฉันเสียใจกับเรื่องที่เกิด และรู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเธอต้องเจออะไรบ้างแต่ไม่เป็นไร ฉันจะช่วยจัดการปัญหานี้ให้หลังจากนี้ถ้าเธอไม่ขัดข้องฉันจะขออุปการะเธอเอง และจะพาเธอไปเรียนที่โรงเรียนของฉันโรงเรียนเปรมปรีดา” หลังจากนั้นเหตุการณ์ต่างๆ ก็ค่อย ๆ คลี่คลาย ทนายความของพ่อบอกว่าตอนนี้ปัญหาหนี้สินของพ่อเขาได้รับการจัดการโดยคุณแมนสรวงและคุณแมนสรวงต้องการจะรับอุปการะเขาจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะโดยจะพาไปพักและเรียนที่โรงเรียนเปรมปรีดาของจนจบการศึกษาและหลังจากเขาบรรลุนิติภาวะจะให้เขาเป็นคนเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรถ้าเขาอยากจะออกมาอยู่เองก็สามารถทำได้ “เธอจะได้กลับมาว่ายน้ำอีกครั้งตอนนี้ฉันติดต่อโค้ชว่ายน้ำที่เก่งที่สุดคนหนึ่งมาให้เธอแล้วและจะเปิดชมรมว่ายน้ำให้ที่โรงเรียน เธอจะได้ฝึกซ้อมอย่างเต็มที่เพื่อเป็นนักกีฬาทีมชาติอย่างที่เธอหวังยังไงล่ะ” เป็นข้อเสนอที่เด็กหนุ่มไม่อาจปฏิเสธได้จริงๆ “ถึงแล้วไอ้หนุ่มที่เห็นนั่นล่ะโรงเรียนเปรมปรีดา บ้านหลังใหม่ของเอ็ง” สายตาของเด็กหนุ่มมองออกไปยังภาพด้านหน้ารถเขาเห็นตัวอาคารสูงใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ภายหลังกำแพงรั้วทึบขนาดใหญ่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองจึงรู้สึกใจสั่น อึดอัดทันทีที่ได้เห็นภาพนั้นเพราะบรรยากาศโดยรวมที่แลดูอับทึบ ไม่มีส่วนไหนที่ทำให้แลเห็นเลยว่าน่าจะเป็นโรงเรียนมันน่าจะเป็นคุกมากกว่าหรือเปล่า แต่เขาเองก็ไม่เคยเห็นคุกจริง ๆจึงไม่รู้ว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ รถเคลื่อนผ่านประตูทึบใหญ่เข้ามาถึงบริเวณโรงเรียนสภาพภายในดูต่างจากที่เห็นภายนอก มันไม่ได้ดูอับทึมหรือแลดูเหมือนคุกอย่างที่เขาเห็นและจินตนาการไว้ในคราวแรกบรรยากาศดูร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้สูง สิ่งที่ทำให้ดูไม่เหมือนโรงเรียนเลยคือไม่มีเด็กนักเรียนให้เห็นแม้แต่คนเดียว อาจจะเพราะตอนนี้เป็นเวลาเรียนนักเรียนทุกคนจึงอยู่ในห้องเรียนกันหมด รถเคลื่อนมาจอดที่หน้าบันไดใหญ่ที่ขึ้นสู่ตัวตึกเด็กหนุ่มหันไปกล่าวขอบคุณคนขับรถ ก่อนจะหยิบสัมภาระลงจากรถมายืนที่หน้าตัวตึกใหญ่เขาไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนต่อ และไม่มีใครที่ยืนอยู่ตรงนี้เพื่อให้ซักถามได้สักคนเขาตัดสินใจก้าวขึ้นบันไดมองดูที่ป้ายที่ติดอยู่หน้าห้องคิดว่าคงจะเจอจุดหมายที่เขาค้นหา เด็กหนุ่มสะดุ้งตกใจเมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังเขาเขาค่อย ๆ หันหลังกลับไปมองตามเสียง พบชายร่างเล็กท้วม ผิวขาวจัดสวมแว่นสายตาหนาเตอะ เท้าสะเอวยืนมองเขาอยู่ “ผมอัครอัครพิบูลย์สิน นักเรียนใหม่มารายงานตัวครับ” คนตรงหน้าพยักหน้ารับรู้ก่อนจะสั่งให้เขาเดินตามมา อัครเดินตามไปจนถึงห้องธุรการภายในมีโต๊ะใหญ่ตั้งอยู่เพียงตัวเดียวบรรยากาศดูอับทึบเพราะประตูหน้าต่างถูกปิดสนิทอัครเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโต๊ะใหญ่ตัวนั้นบนโต๊ะเต็มไปด้วยกองเอกสาร ถ้าจะพอมีอะไรที่ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้างคงจะเป็นดอกกุหลาบหลายดอกที่ปักอยู่ในแจกันมันยังคงสดใหม่เบ่งบานอวดกลีบสวยบ่งบอกว่าเพิ่งเปลี่ยนเอามาวางใหม่ได้ไม่นาน “คุณแมนสรวงให้ฉันมารับรองเธอยังไม่ได้แนะนำตัวเลย ฉันอาจารย์เพชร เป็นอาจารย์ฝ่ายจัดการทุกอย่างที่นี่ถ้ามีอะไรที่เธอต้องการนอกจากเรื่องเรียนมันเป็นหน้าที่ฉันเพราะฉะนั้นอย่าทำอะไรข้ามขั้นตอน หวังว่าคงจะเข้าใจว่าแต่เธอเป็นอะไรกับคุณแมนสรวงเหรอ ทำไมเขาถึงต้องกำชับว่าให้ดูแลเธอเป็นพิเศษ” “ผมทราบเพียงแต่ว่าพ่อผมเป็นเพื่อนกับคุณแมนสรวงแต่ผมไม่เคยพบหรือรู้จักกับคุณแมนสรวงมาก่อน” “ท่านไปอยู่เมืองนอกมาหลายปีทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จมีเงินทองเหลือใช้มากมายเลยอยากทำอะไรเพื่อสังคมบ้างท่านเลยมาเปิดโรงเรียนรับอุปถัมป์เด็กที่มีปัญหาแบบเธอ” อาจารย์เพชรสำทับคำว่าปัญหาจนเด็กหนุ่มรู้สึกได้แต่เขาทำทีเป็นไม่สนใจ อาจารย์เพชรจึงเดินไปที่โต๊ะจัดการตรวจเอกสารการส่งตัวเข้าเรียนของเด็กหนุ่มก่อนจะให้เขาขนสัมภาระเดินตามขึ้นอาคารเรียนไป “เธอนี่เองที่ทำให้คุณแมนสรวงเปิดชมรมว่ายน้ำเมื่อไม่กี่วันก่อนโค้ชของชมรมก็เพิ่งมาถึง เธอคงได้เจอเร็ว ๆ นี้ ตรงนั้นไงชมรมของเธอ” อาจารย์เพชรชี้มือไปที่ปีกด้านหนึ่งของบริเวณโรงเรียนเขายังไม่เห็นอะไรชัดเจนนักก็ต้องเดินตามอาจารย์เพชรต่อไป “นี่คือตึกนอนของพวกเธอทั้งหมด” อัครจ้องมองดูตัวตึกขนาดใหญ่สีขาวสะอาดตาอายุของมันน่าจะไม่ถึง 5 ปี เพราะภายนอกยังดูใหม่อยู่มาก “ตึกนี้มีทั้งสิ้น4 ชั้น มีห้องชั้นละ 25 ห้อง พักรวมห้องละ 4 คนรวมแล้วทั้งตึกนี้จะมีนักเรียนทั้งหมด 400 คนแต่เนื่องจากโรงเรียนของเราเพิ่งเปิดได้ไม่นานจึงยังมีนักเรียนไม่ครบตามจำนวนที่สามารถรับได้” อาจารย์เพชรพาเขาเดินขึ้นบันไดวนไปทีละชั้นพร้อมทั้งแนะนำสถานที่ไปด้วย “สองชั้นแรกเป็นของเด็ก ม. ต้น ส่วน 2 ชั้นบนเป็นเด็กม. ปลายแต่ละชั้นจะมีอาจารย์มาพักอยู่ด้วยเพื่อดูแลความเรียบร้อยให้พวกเธออยู่ในกฎระเบียบที่วางไว้” อาจารย์เพชรพาเขามาถึงชั้นบนสุดเดินนำเขาไปยังหน้าห้อง ๆ หนึ่ง หน้าห้องมีหมายเลขดขียนกำกับหมายเลขห้อง 418 อาจารย์เพชรหยิบกุญแจขึ้นมาไขก่อนจะค่อย ๆ เปิดประตูเข้าไปภายในห้องกลิ่นอับจากภายในห้องปะทะจมูกของอัครเป็นอย่างแรก อาจเพราะหน้าต่างถูกปิดสนิทจึงไม่มีทางให้อากาศระบายออกไปได้ ภายในห้องค่อนข้างมืดเพราะม่านหน้าต่างสีทึบปิดกั้นแสงจากภายนอกไม่ให้เล็ดลอดเข้ามาด้วย ข้าวของ ๆผู้ที่อยู่ก่อนหน้าวางระเกะระกะตามนิสัยของเด็กวัยรุ่นชายที่มักไม่เก็บอะไรเป็นระเบียบนัก “ห้องนี้มีคนพักคนเดียวเธอคงได้ทำความรู้จักหลังจากที่เลิกเรียน เตียงที่ว่างนั่นเป็นของเธอ ตู้ข้าง ๆคือตู้เสื้อผ้า ในห้องนี้ไม่มีห้องน้ำทุกคนในชั้นนี้จะต้องใช้ห้องน้ำร่วมกันที่สุดทางเดินด้านนั้น ฉันเสร็จธุระแล้วจะปล่อยให้เธอจัดการข้าวของให้เรียบร้อย วันนี้เธอพักผ่อนให้เต็มที่พรุ่งนี้เช้าไปรายงานตัวกับฉันที่ห้องเดิม อ้อ กฎระเบียบของที่นี่อยู่ในคู่มือบนโต๊ะหนังสือเธอแล้วอ่านและปฏิบัติตามด้วยนะ จะได้ไม่สร้างภาระให้กับคนที่อุปการะเธอ” อาจารย์เพชรพูดจบก็เดินออกจากห้องไปความเงียบจึงเข้าปกคลุมห้องนี้อีกครั้งหนึ่ง อัครเดินเอากระเป๋าไปวางที่เตียงนอนของเขาก่อนจะเดินไปเปิดม่านให้แสงสว่างเล็ดลอดเข้ามาหลังหน้าต่างบานนั้นเขาเห็นด้านหลังของโรงเรียนที่เป็นพื้นที่ของลานเอนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรมรวมทั้งแลเห็นชมรมว่ายน้ำที่ตั้งใจสร้างเพื่อเขาด้วย อัครละสายตาจากภาพภายนอกหันกลับมาให้ความสนใจกับ ห้องพักของเขา เขามองไปที่ข้าวของๆเพื่อนร่วมห้องที่วางไม่เป็นระเบียบนักบางอย่างล่วงล้ำเข้ามาในพื้นที่ซึ่งควรจะเป็นของเขาแสดงให้เห็นว่าเจ้าของห้องอยู่คนเดียวมานานจนเกิดความเคยชินอัครจึงลงมือขนย้ายข้าวของที่วางรุกล้ำพื้นที่ของเขาออก ก่อนจะเริ่มลงมือจัดของ ๆตนเองให้เข้าที่ ยังไม่ทันที่เขาจะเก็บของเรียบร้อยดี ประตูห้องก็เปิดออกพร้อมร่างของเด็กหนุ่มอายุไล่เลี่ยกับเขาเดินตรงเข้ามา “เฮลโหลๆยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่สู่ห้องของเรา” เจ้าของร่างนั้นวิ่งกระโจนเข้ามากอดอัครโดยที่สมาชิกใหม่ไม่ทันตั้งตัว “รู้ไหมว่ากูรอเพื่อนร่วมห้องมานานขนาดไหนแล้วตั้งแต่ไอ้บอยโดนไล่ออกไป นอนคนเดียวมันเหงานะเว้ย ทำตัวดี ๆ อยู่กับกูนาน ๆ นะเฮ้ย นี่มึงจัดห้องให้ด้วยเหรอวะ” ใบหน้านั้นแสดงความยินดีอย่างที่อัครไม่คาดคิดเด็กหนุ่มยิ้มแห้ง ๆ ให้ผู้ที่อยู่มาก่อน “ว่าแต่มึงชื่ออะไรกูชื่อวาสุ แต่เรียกกูว่าโอ๊ตดีกว่า จะได้ดูเป็นกันเอง” “อัครเฉยๆ เหรอ ทำไมชื่อสั้นจังวะ สงสัยพ่อขี้เกียจตั้งชื่อแน่เลย” โอ๊ตหัวเราะตัวโยนที่ได้แซวเพื่อนร่วมห้องแต่นอกจากอัครจะไม่ขำแล้ว สีหน้าเขายังหม่นลงไปอีก “เฮ้ย ๆ ๆกูไม่ได้ตั้งใจจะล้อเรื่องพ่อ เอาใหม่ ๆ ๆ อัครเฉย ๆ เหรอ ทำไมชื่อสั้นจังวะสงสัยสั้นเหมือนเจี๊ยวมึงแน่เลย” พูดจบประโยคมือของโอ๊ตก็คว้าหมับเข้าที่เป้ากางเกงของอัคร ก่อนจะทำตาโตด้วยความตกใจ “เฮ้ยไม่สั้นนี่หว่า ฮ่า ๆ ๆ” แม้จะตกใจในการกระทำของเพื่อนใหม่แต่อัครก็อดหัวเราะไปกับการกระทำนั้นไม่ได้ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกดีขึ้นและคิดว่าชีวิตในรั้วโรงเรียนใหม่ที่เหมือนเสรีภาพส่วนตัวจะขาดหายไปก็ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขานึกกลัวมาก่อนหน้า อัครกลับไปจัดข้าวของตัวเองในขณะที่โอ๊ตก็ถือโอกาสจัดมุมของตัวเองให้สะอาดขึ้นด้วย กว่าจะจัดของจัดห้องเสร็จก็เล่นเอา2 หนุ่มเหนื่อยหอบ ทั้งคู่จึงลงนั่งพักตรงพื้นที่ว่างกลางห้อง “ถ้ารู้ว่าจัดห้องจะเหนื่อยขนาดนี้กูจะปล่อยให้รกเลย” “เอองั้นหลังจากนี้อย่าให้กูเห็นว่ามึงทำห้องรกนะ” “อ้าวไอ้นี่ มึงมาอยู่ใหม่ จะมาข่มกูแล้วเหรอ มึงอ่ะยังไม่ผ่านการรับน้องเลยนะ” “ที่นี่มีรับน้องด้วยเหรอวะ” “อ้าวที่ไหน ๆ เขาก็มีกันทั้งนั้น กูจะเตือนไว้เพราะเห็นแก่ความหล่อของมึงนะไอ้พวกที่อยู่มานาน ๆ ไม่ได้ออกไปเจอผู้หญิง มึงรู้ไหมว่ามันเงี่ยนขนาดไหนกูว่าถ้ามันได้เจอหน้าหล่อ ๆ ของมึงเนี่ยนะ” โอ๊ตทำหน้าสยดสยองให้อัครรู้สึกกลัวตามก่อนจะบอกว่า คำขู่นั้นได้ผลผู้มาใหม่ร้องเสียงหลงขึ้นมาทันที “เฮ้ยมีแบบนี้ด้วยเหรอวะ มึงพูดจริงพูดเล่นเนี่ย” โอ๊ตเมื่อเห็นอัครแสดงท่าทางจริงจังจึงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น “หน้ามึงตอนตกใจกลัวนี่โคตรฮาเลย” อัครพอรู้ว่าโดนเพื่อนใหม่อำก็เลือดขึ้นหน้านิดๆ “ฝากไว้ก่อนเหอะกูมีเวลาเอาคืนอีกนาน” พอเห็นเพื่อนใหม่เริ่มโมโหโอ๊ตก็รีบเข้ามาปลอบ “แหมกูก็แค่แหย่เล่น ไม่น่ามีอารมณ์ กูไม่แกล้งแล้วก็ได้ ไปอาบน้ำกันดีกว่ากูเหนียวตัวจะแย่ จะได้ถือโอกาสนำชมห้องอาบน้ำของชั้นเราด้วย” ว่าแล้วโอ๊ตก็เดินกลับไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเองอัครลุกขึ้นยืน เดินกลับไปที่ตู้ของเขสเช่นกัน เด็กหนุ่มหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาพาดบ่าเตรียมเสื้อผ้าสำหรับไปเปลี่ยน และอุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกายก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนร่วมห้อง แต่ก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น มือที่ถืออุปกรณ์อาบน้ำอยู่แทบจะหลุดลงไปกองที่พื้นเพราะภาพตรงหน้าคือร่างเปล่าเปลือยที่ไม่มีอะไรปกปิดของเจ้าของห้องเก่า ทั้งเนื้อตัวของโอ๊ตมีเพียงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กผีนเดียวพาดไว้บนบ่า “ตกใจอะไรวะเจี๊ยวกูตอนยังไม่ตื่นมันก็เล็กหลอกตาแบบนี้แหล่ะ แต่อย่าทำให้มันใหญ่ขึ้นมาล่ะกันเดี๋ยวมึงจะหนาว ฮ่า ๆ ๆ” โอ๊ตยังคงร่ำรวยอารมณ์ขันอยู่เช่นเดิม “ว่าแต่มึงทำไมไม่ผลัดเสื้อผ้าล่ะ” “มึงจะไปทั้งอย่างนั้นเหรอ” อัครเอ่ยถามด้วยความสงสัยความจริงเขาเคยชินกับการแก้ผ้าอาบน้ำเป็นอย่างดีตอนที่อยู่ชมรมว่ายน้ำแต่การจะให้แก้ผ้าโทง ๆ เดินออกจากห้องไปถึงห้องอาบน้ำเป็นเรื่องที่ดูจะไม่ปกติ “แปลกอะไรวะใคร ๆ เขาก็ทำกัน ไม่มีใครสนใจใครหรอก เพราะเขาเห็นกันจนชินตาหมดแล้วแล้วก็มีแต่ผู้ชายเจี๊ยวเหี่ยว ๆ ด้วยกันทั้งนั้นมึงเดินไปแบบนี้สิคนเขาจะมองเอาว่าทำตัวผิดแปลกไม่ต้องอายหรอกเมื่อกี๊ที่กูจับดูของมึงก็ไม่เล็กนี่ หรือกลัวมันโด่ต่อหน้าคนอื่นไม่ต้องกลัว มีประจำแหล่ะ กูเองยังเคย” น้ำเสียงของโอ๊ตเหมือนเห็นเป็นเรื่องปกติ “ถ้ามึงไม่ถอดไม่ต้องมาเดินกับกูเลยนะกูไม่อยากเป็นเป้าสายตาคนอื่น” สุดท้ายเมื่อถูกเพื่อนร่วมห้องขู่ด้วยวิธีนี้อัครจึงต้องจำยอมละความอายที่มี ค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นจนหมด สภาพเขาตอนนี้ไม่ต่างจากเพื่อนร่วมห้อง “เจี๊ยวมึงนี่ทั้งขาวทั้งสวย แถมใหญ่ไม่ใช่เล่น ขนาดยังไม่แข็งตัวเต็มที่นะ อย่างนี้โชว์ได้ไม่อายใครกล้ามก็มีด้วย ดูที่หน้าท้องมึงสิ เป็นลอน ๆ เชียว กูขอลูบหน่อยนะ” โอ๊ตเดินมาลูบที่หน้าท้องของอัครค่อย ๆ เลื่อนมือลงไปตามลอนคลื่นของกล้ามท้องก่อนจะมาหยุดที่พกหญ้าที่ขึ้นรกดกดำปกคลุมความเป็นชายของเจ้าตัวอัครเริ่มรู้สึกอึดอัดที่ถูกล่วงล้ำร่างกายเพื่อนใหม่คงรู้สึกตัวจึงปล่อยมือที่สัมผัสนั้นออก เดินอ้อมไปด้านหลังแทน อัครหันไปมองตามสายตาที่กำลังชมรูปร่างของเขาอยู่ “ตูดมึงนี่ทั้งแน่นทั้งเนียน สวยชิบหาย อยู่ในห้องน้ำก็อย่าเผลอทำสบู่ตกล่ะ จะหาว่าหล่อไม่เตือน ฮ่าๆ ๆ” พูดจบฝ่ามือของโอ๊ตก็ตบลงที่ก้นกลมเนียนของอัครจนเจ้าตัวรู้สึกเจ็บแต่ไม่ทันได้ตอบโต้อะไร เพื่อนร่วมห้องก็ชิงเดินหนีออกประตูห้องไปก่อนแล้วอัครจึงต้องรีบเดินตามออกไปเพราะไม่อยากถูกทิ้งให้เดินโล่งโจ้งคนเดียว อัครรู้สึกแปลกใจตอนที่เดินออกมาที่ระเบียงแล้วไม่พบใครยืนอยู่เขาพยายามเร่งฝีเท้านำหน้าโอ๊ตเพื่อไปให้ถึงห้องอาบน้ำไว ๆ แต่โอ๊ตเดินส่ายตูดช้า ๆทำไม่รู้ไม่ชี้อะไร อัครจึงต้องยอมแพ้ไปเองในที่สุดเขาได้แต่หวังให้ไม่มีคนออกมาเดินที่ระเบียงอย่างนี้ไปจนถึงห้องน้ำแต่ไม่ทันไรความหวังของอัครก็ดับวูบลงไป เมื่อห้องที่อยู่ถัดไปอีก 2 ห้องเปิดประตูออกมาพอดี อัครเห็นใบหน้าที่แสดงอาการตกใจของผู้ที่เดินออกมาหน้าของเขาเริ่มชาและร้อนผ่าว พยายามคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆก็ทำกันทั้งตึก แต่ก็ไม่ทำให้ชินได้ง่าย ๆแต่พอเขาสังเกตเห็นผ้าเช็ดตัวที่พาดอยู่บนไหล่ของผู้ที่เดินออกมาจากห้องและอุปกรณ์อาบน้ำที่เขาถือในมือ อัครก็เริ่มปะติดปะต่ออะไรบางอย่างได้เองเขาหันไปมองหน้าโอ๊ตที่ตอนนี้กลั้นหัวเราะเอาไว้แทบไม่อยู่ “เฮ้ยพวกเรา ออกมาดูไอ้โอ๊ตรับน้องใหม่ดิวะ” สิ้นเสียงไม่นานประตูห้องต่างๆ ก็เปิดออกมามุงดูอัครเป็นตาเดียวกัน ใบหน้าขาว ๆของอัครเริ่มเป็นสีแดงด้วยความอาย เขาไม่รู้จะแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไรดีได้แต่นึกโกรธเพื่อนร่วมห้องอยู่ในใจเงียบ ๆยิ่งเห็นโอ๊ตหลุดหัวเราะออกมายิ่งแค้นใจ คราวนี้คนอื่น ๆเลยผสมโรงหัวเราะกันยกใหญ่ “น้องใหม่ของเราไม่เบาเลยนะเนี่ย” เสียงแซวจากใครสักคนดังขึ้นเรียกเสียงหัวเราะให้ยิ่งดังขึ้นไปใหญ่อัครรีบหันหลังจะกลับห้องแต่ถูกโอ๊ตเอาแขนดึงตัวรั้งเอาไว้ “เฮ้ยจะกลับไปทำไม เอาน่าไหน ๆ เขาก็เห็นกันหมดแล้ว ก็โชว์ไปเลย มีของดีอยู่กับตัวจะมัวหนีบเอาไว้ทำไม โชว์ให้ไอ้พวกนี้มันอิจฉาเล่น กูน่ะเคยเห็นมาหมดแล้วบอกได้เลยว่าของมึงน่ะแจ๋วสุด” “เออไอ้น้องใหม่ มึงไม่ต้องอายพวกกูหรอก ไม่เห็นวันนี้เดี๋ยวก็ต้องเห็นกันสักวันไม่แก้ตรงนี้เดี๋ยวก็ต้องไปแก้ในห้องน้ำเหมือน ๆ กันแล้วไม่ได้มีมึงหรอกที่โดนคนเดียว ไอ้โอ๊ตมันก็แกล้งพวกกูมาก่อนแล้วทั้งนั้นไอ้เนี่ยมันโรคจิตชอบโชว์ แล้วมันก็อยากให้คนอื่นชอบแบบมัน อย่าไปถือสามันเลยนะเพื่อน ๆ กันทั้งนั้น” อัครเริ่มอายน้อยลงและรู้สึกผ่อนคลายขึ้นโอ๊ตรีบเอาแขนมากอดคอแล้วลากเขาไปที่ห้องอาบน้ำ ภาพชายหนุ่มร่างเปล่าเปลือย 2 คนเดินกอดคอกึ่งลากกึ่งจูงกันไปสร้างความขบขันให้คนที่มองเห็นยิ่งนัก อีก 1 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาทานอาหารเย็นร่วมกันโอ๊ตกำลังง่วนอยู่กับการทำการบ้าน อัครซึ่งไม่ยากรบกวนสมาธิเพื่อนร่วมห้องจึงลงมาเดินสำรวจบริเวณโรงเรียน โดยมีสถานที่ที่ตั้งใจจะไปคือชมรมว่ายน้ำอัครมองเห็นชมรมจากหน้าต่างห้องพัก ทำให้รู้ว่าต้องเดินไปทางไหนเพื่อจะไปให้ถึงจุดหมายที่ตั้งใจ เพียงไม่นานเขาก็มาถึงบริเวณชมรมว่ายน้ำจากภายนอกบรรยากาศดูเงียบสงบ ไม่พบการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตใด ๆคงเป็นเพราะชมรมยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ อัครค่อย ๆเดินขึ้นบันไดเพื่อเดินขึ้นไปยังส่วนของสระว่ายน้ำ จมูกเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นสีสีจางๆ ทำให้รู้ว่าสระแห่งนี้คงเพิ่งสร้างเสร็จก่อนการมาถึงของเขาไม่นาน พอขึ้นมาถึงชั้นบนเขาก็เห็นสระขนาดใหญ่ที่มีน้ำสีฟ้าใสตามสีพื้นสระนอนสงบนิ่งอยู่ ใจของเขาเริ่มฟูรู้สึกว่าชีวิตที่ขาดหายไปนานหลายเดือนกำลังจะกลับคืนมาหลังจากนั้นเขาเดินเรื่อยเปื่อยชมบรรยากาศไปรอบ ๆใจหวนคิดไปถึงชมรมว่ายน้ำและการแข่งขันที่เขาร้างลามานาน เสียงที่ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัวทำให้อัครสะดุ้งเขารีบหันไปหาต้นเสียง พบชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ผิวขาวจัดยืนมองมาทางเขาอยู่ทั้งตัวของชายคนนั้นสวมเพียงกางเกงว่ายน้ำแบบสปอร์ตสีดำเพียงตัวเดียวยังไม่ทันได้คำตอบเจ้าของร่างก็เดินตรงมาที่เขา อัครลอบมองกล้ามแกร่งช่วงต้นแขนแผงอก รวมถึงบริเวณหน้าท้องทำให้เห็นว่าเจ้าตัวหมั่นดูแลรูปร่างและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นแน่ใบหน้านั้นดูมีอายุมากกว่าเขาพอสมควร อัครจึงคิดว่าชายคนนี้ไม่น่าจะใช่สมาชิกชมรมแต่อาจจะเป็นโค้ชคนใหม่ที่มาดูแลชมรมตามที่อาจารย์เพชรบอก อัครเดินตามชายตรงหน้าเข้าไปยังตัวอาคารที่อยู่ด้านข้างสระด้านในกลิ่นสีแรงกว่าด้านนอกมาก เขาลอบมองชายตรงหน้าเห็นบริเวณช่วงไหล่กว้างบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นนักว่ายน้ำมานาน อัครแปลกใจในผิวขาวของเจ้าตัวเป็นอย่างมากคิดว่าถ้าสนิทกันมากกว่านี้เขาอาจจะขอเคล็ดลับมาใช้ดูบ้างอัครลอบมองที่ช่วงกลางลำตัวแม้กล้ามเนื้อจะแกร่งแต่เอวของชายหนุ่มตรงหน้าค่อนข้างคอดช่วงบั้นท้ายที่กางเกงว่ายน้ำตัวเล็กปิดแทบไม่มิดนั้นดูฟิตกระชับแน่นอัครแลเห็นก้อนกลมนั้นอย่างชัดเจนเพราะเนื้อผ้ากางเกงว่ายน้ำนั้นบางเบามาก ชายผู้สูงวัยกว่าพาอัครมาถึงห้องส่วนตัวเขาเชื้อเชิญชายหนุ่มนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะส่วนตัวของเขาก่อนจะเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารเดินมาตรงหน้าอัครแล้วง่วนกับการหาเอกสารที่อยู่ภายในแฟ้มนั้นอัครกลืนน้ำลายลงคอยากลำบากเพราะตอนนี้เป้ากางเกงคนตรงหน้าอยู่ห่างใบหน้าเขาไม่กี่คืบเนื้อผ้าอันบางเบาทำให้อัครเห็นสัดส่วนความเป็นชายที่นอนสงบขดตัวอยู่ภายในได้อย่างชัดเจนทีเดียวขนาดนั้นสมส่วนกับร่างกำยำเป็นอย่างดี “ยังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยผมชื่อพลวิทย์ มารับหน้าที่เป็นโค้ชชมรมว่ายน้ำ และเป็นอาจารย์พละชั้นมัธยมปลายเราจะเรียกพี่วิทย์ โค้ชวิทย์ หรืออาจารย์วิทย์ก็ได้ตามความสมัครใจแต่อย่าเรียกไอ้วิทย์ละกัน อย่างน้อยก็ต่อหน้า” อัครเผลอหัวเราะกับมุกตลกของโค้ชคนใหม่ “ผมชื่ออัครครับเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำระดับโรงเรียน แต่มีเหตุให้ต้องเลิกไป” สีหน้าของชายหนุ่มหม่นไปเล็กน้อย “เขียนใบสมัครซะแล้วเรามาเริ่มต้นกันใหม่” ใบสมัครเข้าชมรมถูกวางตรงหน้าอาจารย์พลวิทย์ยิ้มให้เขาก่อนที่จะเดินจากไป อัครหันมามองเอกสารตรงหน้า นี่คือสิ่งที่เขารอคอยที่ได้กลับมาหามันอีกครั้งเพราะนี่คือชีวิตและจิตวิญญาณของเขา เด็กหนุ่มหยิบปากกากรอกเอกสารด้วยใจที่มุ่งมั่นและตั้งใจอย่างเปี่ยมล้น
|