แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย orama เมื่อ 2024-6-19 13:42 9 I8 Q+ x7 Y6 m( ?
; y: v% c+ z# C$ m8 @- f0 _: R. ^+ d
บทหนึ่งของชีวิต ตอนเมืองทะเลภูเขา 4 โดย Orama วันนี้ผมมาถึงบ้านไอ้ดลประมาณเกือบเที่ยง เห็นแต่ละคนสาละวนกับการเตรียมพาไอ้ดลไปโกนหัวที่วัด เสร็จแล้วกลับมาที่บ้าน หลังจากนั้นก็จะมีการทำขวัญนาคเวลา 17.00 น. คืนนี้มีการจ้างมโหรีมาเล่นเพื่อกล่อมนาค ผมนึกถึงสมัยที่ผมเรียน ปวช.ขึ้นมาทันที ตอนนั้นก็เป็นหนึ่งในนักร้องทีมมโหรี แล้วคืนนี้คงได้รื้อพื้นบรรยากาศเก่า ๆ ผมเป็นคนขี่รถพาญาติ ๆ ไอ้ดลไปเตรียมการเรื่องการโกนหัว ผมเข้าไปตัดปอยผมไอ้ดลเป็นคนสุดท้าย เพราะรับหน้าที่ถ่ายรูปให้ด้วย “ขอบใจนะต๊ะที่มึงมา” “มึงคือเพื่อนที่กูรักคนหนึ่งทำไมกูจะไม่มา.....บุญกุศลที่มึงบวชอย่าลืมเผื่อกูบ้างนะ” “แน่นอนเพื่อน” พอผมตัดปอยผมเสร็จ มีพระรูปหนึ่งมาโกนผม โกนคิ้วให้ แล้วล้างน้ำ แม่ไอ้ดลเอาแป้งผสมขมิ้นพอกไอ้ดลทันที ทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก พอผมเห็นสภาพไอ้ดลถึงกับหัวเราะงอหาย เพราะไอ้ดลมันเหลืองไปทั้งตัว ใส่ชุดนาคเสร็จผมให้ไอ้ดล พ่อกับแม่ไอ้ดลนั่งรถผมกลับบ้าน “ขอบใจมากนะต๊ะ” “ไม่เป็นไรครับพ่อ” “เดี๋ยวคืนนี้ก็จะโยกให้เต็มที่เลย” ได้ดลได้ยินเสียงหมอลำที่ผมเปิดในรถทำให้มันนึกสนุกโยกไปตามจังหวะหมอลำ “อย่าได้แม้แต่คิด...ตอนนี้เป็นนาคแล้วนะ” แม่ห้ามเสียงดังมาจากเบาะหลัง “แหม..แม่....รู้หรอกน่า” “ลองไม่ห้ามดิ....ทำยังกะไม่รู้จักแก” แม่เริ่มบ่นอีก ผมเลยเงียบขับรถมาเรื่อย ๆ จนมาถึงบ้าน มีคนเฒ่าคนแก่รอจูงนาคจากรถเข้าไปในบ้าน ไอ้ดลไปนั่งบนโต๊ะที่เขาจัดไว้ ญาติ ๆ เริ่มเข้ามาถ่ายรูป อีกมุมหนึ่งก็เตรียมพื้นที่เรียกขวัญนาค ซึ่งจะมีขึ้นตอน 17.00 น. เวลา 16.00 น. ผมเห็นหมอทำขวัญเป็นชายสูงอายุ น่าจะหกสิบกว่า ๆ มานั่งจัดบายสีต่าง ๆ โดยมีญาติ ๆ เริ่มมานั่งดูข้าง ๆ เวลา 17.00 น. เริ่มพิธีทำขวัญนาค โดยเป็นแบบอีสานเต็มตัว ผมเองถึงแม้จะเป็นคนอีสานแต่ก็ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ผมถ่ายรูปไปเรื่อย ๆ เฉพาะที่สำคัญเพราะวันนี้แฟนไอ้ดลให้เพื่อนเขามาถ่ายรูปและวีดีโอไว้ด้วย ผมนั่งนานเริ่มเบื่อเลยเดินออกมาข้างนอกเจอไอ้ต้นเพิ่งกลับมาจากวิทลัยนั่งโซ้ยข้าวกับเพื่อนมันสามสี่คน ผมมองหาไอ้เงาะไม่เจอ “ไอ้เงาะมันกับไปบ้านก่อนพี่ต๊ะ…เดี๋ยวมันตามมา” ไอ้ต้นพูดเหมือนรู้ว่าผมมองหาใคร ผมเลยแกล้งเดินหนีจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว พวกไอ้ต้นแย่งกันกินทั้งหวานทั้งคาวอย่างสนุกสนาน ผมเลยแอบกลับไปที่โรงแรมเพื่อกลับไปอาบน้ำและแต่งตัวมาใหม่ โดยใส่เป็นกางเกงยีนส์ทรงกระบอกเล็ก ใส่เสื้อยืดสีขาว และมีเสื้อแจ็กเก็ตสีน้ำตาลอ่อนคลุม ใส่รองเท้าผ้าใบคู่โปรด ผมขับรถเรียบแม่น้ำเลยมาเรื่อย ๆ จนผ่านกุดป่องซึ่งเป็นสวนสาธารณะของเมืองเลย เห็นไอ้เงาะขี่มอไซต์สวนไปโดยมีหญิงวัยกลางคนนั่งซ้อนท้าย คิดว่าเป็นแม่ไอ้เงาะแน่นอน ผมค่อยสบายใจว่าไอ้เงาะไม่ได้เป็นไข้ เพราะสามารถขี่มอไซต์พาแม่มาซื้อของได้ สงสัยจะกินยาตามที่ผมบอก ผมมาจอดรถอยู่นอกรั้วบ้านแล้วเดินเข้าไปโดยมีชาวบ้านแถวนั้นเดินเข้าออกแทบจะตลอดเวลา เสียงทำขวัญนาคยังดังแว่วมาแสดงว่ายังไม่เสร็จ ผมยกนาฬิกาดูที่หกโมงครึ่งแล้ว คิดว่าอีกไม่นานคงเสร็จ เพราะไอ้ดลบอกว่าประมาณ 2 ชั่วโมง “พี่ต๊ะ...พี่ต๊ะ” ไอ้ต้นเดินออกมาจากในบ้านเรียกผม “มีอะไรต้น” “พี่ต๊ะกินข้าวยัง” “ยัง” “ไปเดี๋ยวผมพาไปกิน...เขาจัดไว้ตรงโน้น” ผมเดินตามไอ้ต้นไปปีกซ้ายของบ้าน มีโต๊ะพับตั้งไว้ประมาณ 20 กว่าตัว มีเก้าอี้วางรอบๆ 4 ตัว ทำเหมือนโต๊ะจีน แต่งานนี้ท่าทางจะเป็นโต๊ะลาว เพราะอาหารมีแต่ลาบ ก้อย โดยเฉพาะเนื้อสด ๆ รู้สึกจะเป็นของโปรดปรานของที่นี่ ยิ่งคอเหล้าขาวยิ่งชอบ ผมเห็นแล่เนื้อวัวสด ๆ แล้วเอาไปจิ้มน้ำจิ้มแล้วเอาเข้าปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ผมถึงกับขนหัวลุก เพราะผมไม่กินเนื้อ และไม่กินของสุก ๆ ดิบ ๆ แต่ก็ไม่ได้รังเกียดคนที่กิน เพียงแต่ดูนานไม่ได้มันขนลุก ไอ้ต้นพาผมผมมานั่งโต๊ะใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ซึ่งห่างผู้คนนิดหน่อย ผมมองไปข้างหน้า บริเวณข้างบ้านมีเวทียกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร และปล่อยพื้นที่บริเวณด้านหน้าเวทีไว้ ซึ่งผมดูแล้วก็คงเป็นที่ดิ้นของเหล่าขาดิ้นคืนนี้แน่นอน ไอ้ต้นกับเพื่อน ๆ เอาอาหารมาวางที่โต๊ะผม โดยพวกมันหิ้วเหล้ามาด้วย “พี่ต๊ะนี่เพื่อน ๆ ผม” “หวัดดีครับ” เดี๋ยวมึงนั่งเป็นเพื่อนพี่ต๊ะก่อนนะเดี๋ยวกูไปหากับแกล้มมาเพิ่ม ผมมองดูอาหารบนโต๊ะแล้วถึงกับผงะอีกครั้ง เพราะจานลาบเลือดแดงแจ๋ ส่วนลาบแบบสุกก็ใส่ขี้เพี้ยจนเขียวพร้อมกับกลิ่นขมจนขึ้นคอ และมีเนื้อวัวสด ๆ กับแจ่วมาวางจานใหญ่ ผมคิดว่าคืนนี้คงต้องอดข้าวแล้วค่อยออกไปหากินข้างนอกแน่ ๆ ไอ้ต้นเดินมาอีกครั้งโดยถือจานไข่เจียวหอมฉุยมา ผมถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื๊อก รอดตายแล้วกู “พี่ดลบอกว่าพี่ชอบไข่เจียวเลยให้แม่ครัวทอดมาให้” ไอ้ดลเองก็รู้ว่าผมไม่กินเนื้อ ไม่กินของสุก ๆ ดิบ ๆ มันเลยให้ทอดไข่เจียวมาให้ ช่างรู้ใจจริง ๆ “ชะ.....ใช่.....” ผมนั่งกินข้าวเหนียวจิ้มไข่เจียวไปเรื่อย ๆ เสียงทำขวัญนาคหยุดไปแล้ว มโหรีที่บรรเลงตอนเรียกขวัญนาคเริ่มเคลื่อนมาตั้งตรงเวทีที่จัดไว้ให้ ใครจัดเครื่องดนตรีเสร็จแล้วก็นั่งกินข้าวหรือจิบเกล้า “เป็นไงต๊ะ............ไข่เจียวอร่อยมั้ย” “อร่อย…แต่ถ้ากินกับข้าวสวยจะอร่อยกว่านี้” “อ้าว...ไอ้ต้น...มึงทำไมไม่เอาข้าวสวยมาให้พี่ต๊ะว๊ะ” “เออ....พี่ต๊ะกินข้าวเหนียวไม่เป็นหรอพี่” “เป็น....แต่ไข่เจียวใครเขากินกับข้าวเหนียว” “ผมยังกินเลย” “นั่นมันมึง …ไป ๆ ไปตักข้าวสวยให้กูสองจาน” “พี่จะกินข้าวที่นี่หรอ” “เออ............กูจะกินกับไอ้ต๊ะ” “แต่.......โน่น..........โน่น” ไอ้ต้นชี้มือไปทางแฟนไอ้ดลที่กำลังมองหา สงสัยจะตามไปกินข้าว “เออ............” “มึงไปเถอะดล........ดูท่าทางมองหาจนคอยืดแล้ว” “เฮ้ย....งั้นมึงกินแล้วอย่าเพิ่งกลับนะ...เดี๋ยวออกมาดิ้นกัน” “เออ........” “แหม.....ทำยังกะจะได้ออกมาอีกงั้นแหละ” “อ้าว....ทำไมล่ะต้น” “แม่ว่าหวงพี่ดลไม่ให้ออกไปไหนแล้วนะ คนนั้นหวงกว่า” “เฮ้ย....เขาก็หวงคนที่จะบวชเท่านั้นแหละ” “แม่นะใช่...ว่าหวงก่อนบวช....แต่ขานั้นหวงทุกลมหายจายยยยยยยยยยยยยยยยยยย” “ขนาดนั้นเลยหรอ” “ถ้ามัดติดตัวได้คงจับพี่ดลมัดติดตัวแล้วมั้ง” “เราก็พูดเกินไป” “เดี๋ยวพี่ดูไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้เองว่าผมพูดจริงปะ” “เดี่ยวมานะพี่....ไปหาข้าวแปบ” “ขอบใจ” ผมนั่งรอข้าว อยู่ ๆ ก็มีคนมานั่งข้าง ๆ ผมหันไปดูถึงกับตกใจ “อ้าวเงาะ...มาตอนไหน” “ก็ตอนที่พี่เห็นนี่แหละ” “เฮ้ยเงาะ....เมื่อคืนได้ข่าวว่ามึงหนักนี่หว่า” เพื่อนในโต๊ะทัก คงเรียนห้องเดียวกัน “เออ......เมาปลิ้นเลย” “หนักเพราะเหล้าจริง ๆ หรอ” ผมหันไปกระซิบเบา ๆ “โอ้ยยยยยยยย.” ผมกัดฟันร้องเบา ๆ เพราะไอ้เงาะเอามือบิดที่เอวผมอย่างแรง ดีที่อากาศเริ่มมืดจึงไม่มีใครเห็น “หายเจ็บหรือยัง...” “ยังขัด ๆ” ไอ้เงาะก้มหน้าตอบเสียงเบาหวิว “แล้วได้กินยาปะ” “อืม....................แล้ว” “อ้าวเงาะ...มึงมาถึงตอนไหน” ไอ้ต้นเดินถือจานข้าวสวยมาพอดี “ถึงเมื่อกี้แหละ” “กินข้ามายัง...พวกกูกินแล้ว...ชวนมึงมาตอนเลิกเรียนก็ไม่มานี่หว่า” “ก็ต้องพาแม่กูไปตลาดก่อน” “เออ........เอากิน ๆ” ไอ้ต้นเลื่อนกระติ๊บข้าวเหนียวไปให้ไอ้เงาะ แล้วเอาจานข้าวสวยไปให้ผมแทน “เออ.....พี่ต๊ะกินข้าวเหนียวไม่เป็นหรอ” “เป็น.....แต่นาน ๆ ทีกินแล้วมันแน่นท้องเหมือนไม่ย่อย” “เออ......พี่ต๊ะเป็นคนอีสานปะ” “อืม.....ใช่” “แต่ดูยังไงก็ไม่เหมือน” “ดูยังไงไม่เหมือน...ไหนบอกดิ” ผมตักข้าวพร้อมไข่เจียวใส่ปากไป หูก็รอฟังไอ้เงาะพูดไปด้วย “ขาว หล่อ .............เออ.........” ผมหันไปชำเรืองตามองไอ้เงาะว่าจะพูดอะไรอีก “เออ.....................” “แล้วอะไรอีก” “ไม่มีแล้วครับ” “เอาน่าพูดมาเถอะ” “คือ.....อยากอยู่แบบนี้กับพี่นานๆ” ไอ้เงาะพูดเหมือนคนละเมอ เสียงมันเบาหวิวพอได้ยินกันสองคน “ก็อยู่แล้วไง” “ครับ.......................” เสียงขานรับของไอ้เงาะดูเศร้า ๆ มันก็คงรู้ว่าเสร็จงานผมก็ต้องกลับกรุงเทพ ผมนั่งกินข้าวเงียบ ๆ โดยมีไอ้เงาะนั่งเอาข้าวเหนียวปั้นเล่นเงียบ ๆ เหมือนกัน ส่วนไอ้ต้นกับเพื่อน ๆ มันสนุกสนานกับการตำจอกเหล้าสีกันเต็มที่ เสียงมโหรีเริ่มบรรเลงเพลงเบา ๆ เพื่อเรียกน้ำย่อย คนเริ่มจับจองหาที่นั่ง ไม่ถึง 30 นาทีคนหนาตาขึ้นมาก ไฟแสงสีที่ถูกประดับประดาบริเวณงานสว่างพรึบ พร้อมกับเสียงพินเสียงแคน ทำให้ผมนึกถึงบรรยากาศตอนที่ไปเล่นมโหรีกับเพื่อน ๆ ตอน ปวช. “พี่ต๊ะ พี่ต๊ะ” ไอ้เงาะเรียกผมพร้อมเขย่าตัวผมอย่างแรง “พี่ต๊ะเหม่ออะไร ผมเรียกตั้งนาน” ไอ้เงาะถามด้วยความสงสัย “เออ....ใช่ ...พี่ต๊ะดูเหม่อ ๆ ตั้งแต่เพลงขึ้นแล้ว” ไอ้ต้นหันมาถามผมด้วยความสงสัยเหมือนกัน “ไม่มีอะไรหรอก...คิดอะไรเพลิน ๆ พอเห็นวงมโหรีแบบนี้นึกถึงตอนที่พี่เรียน ปวช.พี่เคยไปเล่นกับเพื่อน ๆ ตอนปิดเทอม” “เฮ้ย....จริงดิ” ไอ้ต้นถามด้วยความตื่นเต้น “จริงหรอพี่ต๊ะ” ไอ้เงาะก็พลอยผสมโรงไปด้วย “นานแล้ว....เลยคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ” “งั้นแสดงว่าพี่ต้องร้องเพลงเพราะนะดิ” “ก็พอฟังได้...ส่วนใหญ่ร้องขัดตาทับตอนนักร้องหลักเขาไปเยี่ยวไปตด” “งั้นคืนนี้ต้องลอง” “เฮ้ยไม่ไหว....พี่ไม่ได้ร้องมานาน.....ไม่เอาดีกว่า” “นิดนึงนะพี่ต๊ะ...นะ..นะ” “เฮ้ย.......” ไอ้ต้นไม่ฟังเสียงมันวิ่งไปที่มโหรีทันที เห็นมันพูดอะไรกับมือคีบอร์ดก่อนที่จะวิ่งมาหาผม “พี่ต๊ะ....พี่เขาบอกว่าร้องได้...พี่จะร้องเพลงอะไร” “เฮ้ย..............เอาจริงดิ” “นะพี่ต๊ะนะ ผมอยากฟังพี่ร้องเพลง.....เพื่อผม” ไอ้เงาะพูดด้วยเสียงอ้อนวอน คำพูดเพื่อผมมันช่างเบาหวิวเหลือเกิน “เออ..................ดะ....ได้” “ขอต้อนรับอาสาสมัคร...ที่จะร่วมสนุกกับทีมงานมโหรีของเราครับ” มือคีบอร์ดประกาศออกไมค์ ผมเห็นมีแต่คนหันหน้าหันหลังว่าจะเป็นใคร ผมเดินไปที่ขอบเวทีทุกคนมองเป็นตาเดียว บางคนถึงกับร้องฮู้ขึ้นมา อาจจะด้วยรูปร่างหน้าตาผมก็เป็นได้ ผมบอกชื่อเพลงให้คีบอร์ดฟัง พออินโทรขึ้นผมรับไมค์มาจากมือคีบอร์ด “ลม.....เย็น.....ๆ........หน้าหนาวมันทรมาน......หวนคิดถึงบ้านที่ผ่านมา.....พ่อฉันเดี๋ยวนี้ท่านก็แก่ แม่ก็ชรา..............” ผมเขย่าลูกคอที่คิดว่าเพราะที่สุดใส่ไมค์โครโฟน ไม่ได้ร้องมาเสียนานแต่ก็พอไปวัดไปวาได้ ผมมองดูหน้าเวทีทุกคนเงียบกริบ จ้องมามองผมเป็นตาเดียว ทีมงานมโหรีเดินมาเชิญผมขึ้นไปยืนตรงกลางด้านหน้าเวที แสงไฟระยิบระยับบนเวที พร้อมสปอร์ตไล้ ส่องด้านหน้าทำให้ผมมองไม่เห็นใคร ผมร้องเพลงไปเรื่อย ๆ พอจบเพลงผมได้ยินเสียงตบมือพร้อมเสียงโห่ร้อง เอาอีก เอาอีกเซ็งแซ่ ผมหันไปมองข้างเวทีเป็นไอ้ดลยืนยิ้มหน้าบานพร้อมยกนิ้วโป้งให้ ปากมันขมุบขมิบผมมองออกว่ามันบอกว่า สุดยอด แม่ไอ้ดลมายืนหน้าเวทียืนใบร้อยให้ผม “ร้องเพลงเพราะมากเลยนะ...แม่ขออีกเพลงนะ” “เออ.......ดะ.......ได้ครับ” ผมหันไปบอกมโหรีว่าผมขอร้องอีกเพลงได้มั้ย คีบอร์ดบอกอีกกี่เพลงก็ได้ เพลงแรกของไพรวัลย์ ลูกเพชร ซึ่งต้องใช้ลูกคออย่างมาก เพลงที่ 2 ผมร้องของยอดรัก สลักใจ คือเพลงคาถามหานิยมและเป็นเพลงโปรดของผมด้วย พออินโทรจบ ผมเปล่งเสียงออกไปทุกคนถึงกับร้องฮื้อขึ้นมาก่อนที่จะตามด้วยเสียงตบมือกึกก้อง “โอมมมมมมมมมมมมม.....จะเปล่าคาถามหาระรวย ดลหัวใจคนสวยให้มาหลงเสน่ห์ ทั้งสาวใหญ่สาวเล็ก ทั้งนางเอกลิเก ทั้งแม่ค้าหาบเร่ ทั้งที่อยู่โรงงานนนนนนนนนน..............” ขณะที่ร้องเพลงที่ 2 ผมได้รับดอกไม้ที่เด็ดกันแถวนั้นจนเต็มสองมือ มีเงินติดมาด้วยประปราย เพลงที่ 3 เป็นเพลงเผลอใจรักของยอดรัก สลักใจ ผมเลือกแต่เพลงที่หวาน ๆ ใช้ลูกคอทั้งนั้น เพราะเป็นเพลงที่ผมชอบด้วย ผมร้องแค่ 3 เพลงแล้วก็ขอตัว “ขอบคุณครับที่ให้โอกาสผมขึ้นมาร่วมสนุก ช่วงต่อไปก็พบกับนักร้องของทีมงานเลยครับ ผมเดินลงจากเวทีทุกสายตายังคงจ้องมาที่ผม ทำเอาผมเดินขาแทบขวิด ผมเดินก้มหน้าไปเรื่อย ๆ จนถึงโต๊ะที่ผมนั่ง โดยมีไอ้ต้นกับเพื่อนตบมือต้อนรับกราวใหญ่ “โห....พี่ต๊ะ....ไม่คิดว่าพี่จะร้องเพลงได้โคตร...ของโคตรเพราะขนาดนี้” ไอ้ต้นลุกขึ้นมาแสดงอาการดีใจ “ขนาดนั้นเลย” “จริงครับพี่...ใช่มั้ยว๊ะเงาะ” เพื่อน ๆ ไอ้ต้นสำทับเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมหันไปทางไอ้เงาะที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา “จะ...จริงครับ….พี่ต๊ะเสียงเพราะมาก” “แล้วไหนรางวัลพี่ล่ะ” “นี่ ๆ เตรียมไว้ให้แล้ว” ไอ้ต้นยื่นแก้วเหล้าที่ผสมโซดาเรียบร้อยยื่นให้ผม ผมรับแก้วเหล้ามาจิบ แล้วนั่งลงที่เดิมข้าง ๆ ไอ้เงาะ “แล้วไหนรางวัลพี่ละเงาะ” ผมกระซิบเบา ๆ ข้าง ๆ ไอ้เงาะ “เออ......ผมไม่ได้เตรียมมา...เออ..ละ...แล้ว....พี่อยากได้...อะ...อะ...ไรละครับ” ไอ้เงาะพูดติดอ่างขึ้นมาทันที “เป็นเป็นเหี้ยอะไรว๊ะเงาะ พูดเหมือนคนติดอ่าง” เพื่อนในกลุ่มแซว “เออ....ก็ก็ว่างั้นแหละ” “ปะ....เปล่า” “ยังจะมาเถียง” ผมนั่งจิบเหล้าไปอมยิ้มไป อยู่ ๆ ก็มีมือลอดชายเสื้อเข้ามาบิดเอวผมอย่างแรงจนผมถึงกับหน้าเบ้ “เป็นไรพี่ต๊ะ” “เออ....เหล้าเข้มไปนิดนึง” “โหพี่.....อ่อนว่ะ” “พวกเราจะรีบกินไปไหน” “ต้องรีบกินพี่เดี๋ยวหมด...อดแดก” “555555555555 หมดเดี๋ยวพี่ซื้อให้กิน” “จริงๆนะพี่” “แหม....ของแค่นี้จะกินกันสักเท่าไหร่” “พวกมึงก็เบา ๆ กันหน่อย...เดี๋ยวก็เมาตายห่าหรอก” ไอ้ดลเดินอ้อมมาจากข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ “เชี้ย....แม่งเสียงดีไม่มีตกลงนะมึง...เล่นเอาแม่กูถึงกับเพ้อวิ่งออกมาดูแทบไม่ทัน” “แหม...มึงก็รู้กูแค่สมัครเล่น” “แหม....ขนาดแค่สมัครเล่นนะมึง เล่นเอานักร้องประจำวงเขาถึงกับหงอยเลย...มึงรู้มั้ยว่าแม่กูยังคุยไม่หยุดเลยเรื่องเสียงมึงแถมบอกว่าเพื่อนนาค 55555555” “แล้วนี่หลบออกมาได้แล้วหรอ” “หลบที่ไหน.....โน่นมัวแต่ช่วยแม่กูเตรียมอะไรไม่รู้ จะให้แต่กูนอนเดี๋ยวพรุ่งนี้หน้าตาไม่สดใส่...เสียงเพลงดังขนาดนี้กูคงนอนหลับหรอก ดีเท่าไหร่แล้วก็ไม่สลัดเสื้อคลุมนาคแล้ววาดรวดลายหน้าฮ้าน” “ถ้าทำแบบนี้แม่คงอกแตกตายแหละพี่ดล” “55555555555555” “แต่พี่ว่าแม่คงไม่เท่าไหร่หรอก.......เนาะต้น” “อะไรของมึง” “เออ.....ใช่....นั่นไง...มองหาอีกแล้ว.....55555” “อะไรว๊ะ........แม่งเอ้ย....ไปล่ะ....กูไม่อยากมีเรื่อง” “ไม่อยากมีเรื่อง.....หรือกลัวเมียว๊ะ” “ส้นตีนกูนี่” ไอ้ดลรีบเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว ผมนั่งดูมโหรีเล่นไปเรื่อย ๆ หลัง ๆ เริ่มเป็นลูกทุ่งหมอลำ จังหวะสนุก ๆ เซิ้งกันมันหยดติ๋ง ฝุ่นบริเวณนั้นเริ่มฟุ้งกระจาย “ฝุ่นเริ่มเยอะ พี่ว่าพี่กลับก่อนดีกว่า พวกเราล่ะจะกลับหรือยัง” “พรุ่งนี้วันเสาร์พี่....คืนนี้เต็มที่” “งั้นก็ตามสบาย...เดี๋ยวพี่บอกดลก่อนว่าพี่จะกลับไปนอน” ไอ้เงาะนั่งเงียบไม่พูดไม่จา ผมค่อย ๆ เลี่ยง เดินเข้าไปบอกไอ้ดล ซึ่งตอนนี้นอนไขว่ห้างโดยมีแฟนมันคอยนั่งกำกับอยู่ข้าง ๆ “เฮ้ยดลเดี๋ยวกูกลับก่อนนะ...พรุ่งนี้กูจะมาแต่เช้า” “เออ.....ไม่สนุกหรอ” “หมดวัยสนุกแล้วว่ะ...เห็นเด็ก ๆ ดิ้นกันแล้วอาย...สู้ไม่ได้555555555” “เออ.......งั้นเจอกันพรุ่งนี้ เดี่ยวกูไปส่ง” “เฮ้ยไม่ต้อง....กูไม่หลงหรอก...แค่นี้เอง” ผมออกจากบ้านไอ้ดลแล้วขับรถมาเรื่อย ๆ โดยเปิดกระจกทั้งสองข้างเพื่อรับลมเย็น ๆ กลางคืนที่เมืองเลยนี่อากาศจะเย็นจนหนาว ผมเลี้ยวรถเข้าไปในรีสอร์ท เห็นเงาตะคุ่ม ๆ อยู่ตรงบันได ผมจอดรถได้ก็เดินมาที่บันได “อ้าวเงาะ...ไม่อยู่สนุกกับเพื่อน ๆ หรอ” “มาหาพี่ต๊ะ” “มีอะไรปะ” “เออ........คือ........” หน้าบันไดผมยังไม่ได้เปิดไฟ มือผมรวบตัวไอ้เงาะเข้ามากอดแน่นทันที “คิดถึงพี่หรอ” “บ้า...ไม่เอาพี่ต๊ะ....เดี๋ยวใครมาเห็น” “แล้วถ้าไม่มีคนเห็นล่ะ” “พี่ต๊ะ..................” ผมเดินขึ้นไปไขกุญแจห้องโดยไอ้เงาะเดินตามขึ้นไปเงียบ ๆ แล้วไปนั่งบนเตียงก้มหน้านิ่ง “มีไรมาหาพี่” “เออ.......คือ..........” ผมเดินไปยืนด้านหน้าไอ้เงาะที่นั่งห้อยขาบนเตียง ค่อย ๆ เอามือเชยคางขึ้นมาช้า ๆ “กลัวอะไรตัวสั่นเชียว” “เออ......คือ....คืนนี้ผมนอนที่นี่ได้มั้ยครับ” “5555 นึกว่าอะไร ทำไมจะนอนไม่ได้ล่ะ....ว่าแต่ขอทางบ้านแล้วหรอ” “ขอแล้วครับ” “แล้วบอกทางบ้านว่าไง” “บอกมานอนกับพี่ต๊ะ” “เฮ้ย.....จริงดิ” ผมร้องขึ้นด้วยความตกใจ “ครับ........” “เออ.......แล้วพ่อกับแม่รู้หรือยัง” “รู้อะไรครับ” “ก็....เออ......รู้ว่า......เงาะเป็นเมียพี่แล้ว” “บ้า..........ใครจะไปบอกอย่างนั้น” “อ้าว.............ก็เห็นบอกว่ามานอนกับพี่” “ผมบอกว่าพี่ดลขอให้ผมมานอนเป็นเพื่อนพี่ต๊ะ และไอ้ต้นด้วย เพราะที่บ้านพี่ดลมีแต่ผู้หญิงเพื่อนแฟนพี่ดล คงไม่สะดวก” “อ๋อ.................” ผมถอนใจอย่างโล่งอก “พี่นึกว่าเงาะบอกพ่อกับแม่เรื่องของเรา...พี่จะได้รีบเข้าไปไหว้ขอขมา” “ขืนรู้ดิ...พ่อเอาตาย” “อ้าว...........แล้ว” “ช่างเถอะ....ว่าแต่พี่ต๊ะให้ผมนอนด้วยหรือเปล่า” “นอนได้.....แต่มีข้อแม้” “ข้อแม้อะไร............” ไอ้เงาะถามด้วยความสงสัย “ต้องให้พี่นอนกอดทั้งคืน” “บ้า......ไอ้พี่ต๊ะบ้า..............” ไอ้เงาะอายจนหน้าแดงก่อนที่จะล้มตัวลงไปบนเตียงแล้วเอาหมอนปิดหน้าด้วยความเขิลอาย ผมล้มตัวลงไปนอนข้าง ๆ พร้อมกับเอาจมูกสูดดมไปที่ต้นคอขาวผ่องของไอ้เงาะ “หอมจัง” “ไม่เอา....จักกะจี้” “งั้นทำอย่างอื่นแล้วกัน” “ยังไม่หายเจ็บเลย” “อย่างอื่นหมายถึงนอนกอดกันเฉย ๆ .....คิดอะไรอยู่” “ไอ้พี่ต๊ะบ้า” ไอ้เงาะพลิกตัวมาหาผมอย่างรวดเร็ว ผมรีบยื่นปากเข้าไปจูบปากไอ้เงาะทันที “จ๊วบ จ๊วบ” ไอ้เงาะค่อย ๆ เอามือมากอดผมแน่นขึ้น เราแลกลิ้นกันนัวเนีย “พี่ต๊ะกลับวันไหน” “ทำไมหรอ....ได้พี่แล้วก็จะไล่ให้กลับเลยหรอ” “บ้า........เงาะจะได้ทำใจ” “ทำไมต้องทำใจ....กรุงเทพแค่นี้เอง...เดี๋ยวพี่มาหาบ่อยๆ” “เมื่อกี้พี่ต๊ะร้องเพลงเพราะมากเลยรู้มั้ย” อ้าว...................ทำไมเปลี่ยนเรื่องพูดเร็วจัง ผมตามแทบไม่ทัน “ร้องเพราะแต่ไม่มีรางวัลให้พี่เลย...ใครจะเชื่อ” “ก็........ตามมาให้รางวัลอยู่นี่ไง” ผมจ้องตาไอ้เงาะเขม็ง ไอ้เงาะถึงกับหลบสายตา พร้อมกับหน้าแดง หูแดงขึ้นมาทันที “อยากรู้จังว่ารางวัลอะไร” ไอ้เงาะไม่ตอบแต่ค่อย ๆ พลิกตัวขึ้นมาก่ายทับผมอย่างช้า ๆ พร้อมกับไซ้ไปที่คอผมอย่างแผ่วเบา เจอแบบนี้ผมเองก็ถึงกับสยิวกิ้วไปทั้งตัว “อ้า...........................” ผมแหงนหน้าให้ไอ้เงาะไซ้ซอกคอเต็ม ๆ อยากดูเหมือนกันว่าลีลาจะขนาดไหน ไอ้เงาะค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าผมออกทีละชิ้น ๆ จนเหลือแต่กางเกงยีนส์ ไอ้เงาะค่อย ๆ ปลดตะขอกางเกงยีนส์ทีละเม็ด ๆ กางเกงยีนส์ผมเป็นแบบกระดุม ไอ้เงาะลงมายืนที่พื้นแล้วดึงปลายขากางเกงยืนผมออกจนมันพ้นตัว เผยให้เห็นกางเกงในสีขาวของผมที่ห่อหุ้มดุ้นควยที่กำลังแข็งผงาด ไอ้เงาะค่อย ๆ ถอดเสื้อผ้าตัวเองทีละชิ้น ๆ จนเหลือแต่กางเกงในสีน้ำเงินเข้ม ผมเพ่งมองหุ่นเต็ม ๆ เพราะเมื่อคืนเย็ดกันก็ไม่มีโอกาสได้พิจารณา อาศัยแค่แสงไปจากข้างนอกพอมองเห็นว่าอะไรเป็นอะไร ไอ้เงาะรูปร่างผอมเพรียว หุ่นลีน ๆ ไม่มีกล้าม จะหนักไปทางผอม แต่ไม่ถึงกับขี้ก้าง ผิวขาว แขนขาเรียว ก้นงอนเล็กน้อย แต่ไม่ถึงกับแน่นตึงเพราะเป็นคนผอม แต่ถือว่าเป็นคนตัวเล็กสมส่วน ไอ้เงาะค่อย ๆ ล้มตัวลงมาทาบทับผม “มองอะไร....ไม่เคยเห็นหรอ” “ไม่เคยเห็น” “แล้วเมื่อคืนล่ะ” “เมื่อคืนไม่ได้ห่วงดูเลย” “แล้วห่วงอะไร” “ห่วงทำให้คนเสียว” “แล้วคืนนี้..................................” “เงาะอยากเสียวแบบไหนล่ะ” “แล้วแต่พี่ต๊ะ” ผมดึงหน้าเงาะขึ้นมาจูบอย่างแผ่วเบา ควยไอ้เงาะแข็งเป็นลำทับกับควยผมเองที่แข็งเป็นลำเช่นกัน ไอ้เงาะสนองตอบโดยการจูบปากผมหนักหน่วงขึ้นเรื่อย ๆ พยายามแทรกลิ้นเข้ามาในปากผมให้มากที่สุดสลับกับการดูดลิ้นผมเข้าไปในปาก และเม้มริมผีปากงับทั้งลิ้นทั้งริมฝีปากผม “อ้า.......................” ผมต้องพยายามดันหน้าไอ้เงาะออกเป็นระยะเพราะหายใจไม่ทัน “พี่ต๊ะ............” “หือ...................” “ทำแบบเมื่อคืนนะ” “พี่ลืมไปแล้ว....ทำไง...สอนพี่ดิ”
/ f% J' S8 K2 y9 Y
|