สวัสดีเพื่อน ๆ ทุกคนครับ ผมชื่อปริ้นเตอร์ วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่องเมื่อสมัยเด็กให้ได้อ่านกันนะครับ
ผมในวัย 10 ขวบ ยังอาศัยอยู่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือตอนล่าง มันเป็นจังหวัดเล็ก ๆ การบริหารจัดว่าย่ำแย่เมื่อเทียบกับจังหวัดข้างเคียง มีการพัฒนาในหลาย ๆ ด้านที่ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควร (สงสัยอยู่ว่าเอาเงินภาษีไปทำอะไรกัน)
ครอบครัวของผมอาศัยอยู่ในอำเภอบ้านนอกที่แยกออกมา ใช้เวลาเดินทางถึงตัวจังหวัดประมาณ 30 นาทีเห็นจะได้ ตัวผมในตอนนั้นยังแยกแยะไม่ค่อยออกว่า “เมือง” กับ “บ้านนอก” แตกต่างกันอย่างไร และไม่ได้แม้แต่จะนึกสงสัยว่าท้องถิ่นที่ผมอยู่คือบ้านนอก รู้แต่เพียงว่ามันเป็นสถานที่อันสงบสุข
ผมได้รับการศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนแถวบ้าน ไม่ได้ไกลนักหรอก แต่ก็จำเป็นต้องให้คุณแม่ไปส่ง ไม่สามารถเดินไปเรียนด้วยตัวเองได้ (ประมาณ 3-5 กิโลเห็นจะได้)
โรงเรียนแห่งนี้เริ่มมีอายุเวลาเดียวกับที่ผมเข้าเรียนชั้นม.1 (เพิ่งสร้างนั่นเอง) ดังนั้นระเบียบแบบแผนต่าง ๆ อาจยังไม่เปะปังเท่าไหร่ ทั้งการเรียนและกิจกรรมต่าง ๆ ก็เหมือนกับลองผิดลองถูกมาตลอด
ในส่วนของบุคลิกลักษณะของผมนั้น ในมุมมองของผมในตอนนี้ ผมวิเคราะห์ว่าตัวเองค่อนข้างแตกต่างจากรูปลักษณ์ที่คนเห็น คือภายนอกดูเป็นเด็กร่าเริง ยื้มเก่ง เฟรนด์ลี่ ชอบเล่นกับเพื่อน แต่ตัวผมในวัยดังกล่าวกลับมองว่าตัวเองไม่น่าคบ รู้สึกเหนื่อยเวลาต้องคุยกับคน ดังนั้นหลาย ๆ ครั้งที่ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างเริ่มจะดี ผมจะเป็นคนตีตัวออกมาด้วยตัวเอง
ด้วยลักษณะแบบนี้นี่เอง ทำให้ผมแม้จะพูดคุยกับทุกคนได้อย่างสนุกสนาน แต่เพื่อนสนิทที่คุยได้ทุกอย่างเห็นทีจะหายาก ที่เข้าขั้นได้มากที่สุด คือที่ผมกำลังจะเล่าให้ฟังนี่แหละครับ
“ภูมิ” คือเพื่อนสนิทที่สุดของผม นี่เป็นเพียงความเห็นของผมในช่วงเวลานี้ แต่ตอนนั้นผมเห็นเป็นเพื่อนที่กวนตีน ขี้แกล้ง ชอบเล่นซนให้ผมเหนื่อยใจอยู่ทุกวัน บ้างก็มาดึงขนจมูก มาตบหัวเกรียนช่วงตัดผมใหม่ ๆ หรืออย่างมาจี้เอวเวลาเผลอ (อันนี้เกลียดมาก เพราะผมเป็นคนเส้นตื้น)
ภูมิเป็นคนที่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ เวลามาโรงเรียนจะให้แม่จูงมือเข้าโรงเรียนด้วยทุกครั้ง นั้นจึงทำเพื่อนหลาย ๆ คนมองว่าภูมิเป็นเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ถูกบุลลี่รังแกตลอดทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ด้วยงั้นเอง อาจเป็นเหตุผลให้ภูมิเก็บกด และเอามาลงกับผมก็ได้กระมัง
หนึ่งในการเล่นซนที่ภูมิชอบทำกับผมคือ ภูมิชอบหาโอกาสที่ผมเผลอ คว้ามือมาบีบไข่ผม แรก ๆ ผมโดนตลอด ด้วยไม่คิดว่าจะมีใครเข้ามาจับของหวง ผมพยายามจะเอาคืน แต่ทุกครั้งภูมิก็ปัดป้องได้ตลอด ทำให้ผมโดนจับอยู่ฝ่ายเดียว
เวลาผ่านไปซักพัก ผมก็พอจะตั้งตัวได้ พอรู้ว่าอันตรายกำลังจะเข้ามาใกล้ตัว ผมก็จะป้องกันตัวด้วยการเอามือคว้าไข่ตัวเอง ซึ่งแม้จะป้องกันตัวได้ แต่กลายเป็นต้องมาระวังตัวตลอดเวลา ทำให้บางทีก็เซ็ง ว่าทำไม่ตรูต้องมาเหนื่อยกับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย
และหลังเลิกเรียนวันหนึ่ง ผมก็หมดความอดทน
“ก่อนจาก”
เป็นคำพูดทุกครั้งก่อนที่ภูมิจะเอามือมาขย้ำไข่ผม แม้หลัง ๆ นี้ผมจะรู้ตัวปัดป้องได้ตลอด แต่ครั้งนี้ผมยืนอยู่เฉย ๆ ปล่อยให้มือของภูมิขยำไข่ผมได้โดยง่าย
“จะจับก็เอาให้เต็มที่เลย เบื่อจะทำอะไรแล้ว”
ผมพูดไป ภูมิตกใจที่เห็นผมอยู่เฉย ๆ ขณะที่มือก็ยังกำไข่ผมอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“หูวว์ ใหญ่เหมือนกันนะนี่ ฮุฮุฮุ”
ผมเริ่มอาย เลยเอื้อมไปจับแขนภูมิให้ปล่อย
“อ่าวว เบื่อจะดิ้นแล้วไม่ใช่เหรอ”
ภูมิพูดเช่นนั้น ขณะที่ก็เอามือผมออก ผมกลืนน้ำลาย เพราะเป็นความจริงที่ผมพูดแบบนั้น
“อะ อยากทำอะไรก็ทำ รีบจับให้พอใจก่อนที่แม่จะมารับล่ะ แล้ววันหน้าก็เลิกเล่นทีเผลอได้แล้ว”
ภูมิดันตัวผมชิดกำแพง เป็นกำแพงหลังห้องเรียนที่ไม่มีใครเดินมาเพ่นพ่าน
“ขอล้วงในนะ”
หลังพูดจบ ภูมิก็เอามือล้วงเข้าไปยังกางเกงใน จำได้ว่าวันนั้นผมใส่สีน้ำตาล ผมดิ้นเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ภูมิแต่โดยดี แต่ว่า รู้สึกแปลก ๆ ชะมัด
“ใหญ่กว่าของเค้าอีกนะเนี่ย น่าอิจฉา”
ภูมิเอานิ้วโป้งกับนิ้วชี้ บี้ที่ปลายหัว ผมหัวเราะด้วยความจั้กจี้ แต่คนละแบบกับการโดนจี้เอว อันนี้เป็นความจักจี้ที่พอทนไหว แต่ไม่ทันไร เหมือนจู๋ผมเริ่มขยายใหญ่ขึ้นจนคับมือภูมิ ภูมิยื้ม และเริ่มบี้ที่หัวเร็วขึ้นเรื่อย ๆ
“ด.. เดี๋ยวก่อน จักจี้นะ ฮะฮะฮะ”
ภูมิไม่หยุด ผมเลยคว้าไปที่ไข่ภูมิบ้าง ภูมิผงะเล็กน้อย แต่ไม่ทันไรก็กลับไปบรรจงเล่นไข่ผมต่อ ซึ่งตอนนั้นไข่ภูมิแข็งอยู่เหมือนกัน แม้จะสงสัยแต่ก็สบายใจ ว่าคนอื่นก็แข็งได้เหมือนกัน
“ม.. ไม่ไหวแล้วภูมิ เค้าปวดฉี่ พอก่อนเถอะ”
ผมคว้าแขวนภูมิและจับกระชากออก ผมหายใจหอบหนัก หลังจากที่ภูมิหยุดนิ่งและทำหน้าเหมือนถอดใจแล้ว ผมก็ปล่อยมือภูมิออก ผมขยับตัวหมายจะไปเข้าห้องน้ำ ภูมิคว้ามือผม และมืออีกข้างก็เข้ามาบี้ไข่ผมจากข้างนอก
“โอ้ยยย”
ผมรู้สึกทนไม่ไหว ความรู้สึกเหมือนเขื่อนแตก อั้นเอาไว้ไม่อยู่ ฉี่แตกคากางเกง ภูมิยิ้มอย่างสะใจ
“ชนะแล้ว! เป็นไงละปริ้นเตอร์ รู้สึกยังไงบ้าง ฮุฮุฮุ”
ผมเข้าไปกระชากคอเสื้อภูมิ แล้วคว้าบีบไข่ภูมิแรง หมายจะให้จุก ได้ผล ภูมิทรุดตัวลงพื้น กุมไข่ไว้อย่างทุรนทุราย
“เอ็งทำเค้าทำไมเนี่ย ฮ..ฮึก”
ผมโกรธและร้องไห้ รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง ทั้งที่อุดส่าห์ยอมให้จับแต่โดยดี ทำให้ถึงทำแบบนี้
“ข..ขอโทษ แต่เอ็งก็ทำเค้าเจ็บเหมือนกัน หายกันนะ”
ผมเข้าไปกระชากคอภูมิอีกรอบ
“บอกให้หยุดทำไมไม่หยุด!”
ผมโกรธทั้งน้ำตา ถูกรบกวนจนเครียดอยู่ตลอด ทั้งที่อุตส่าห์ยอมให้แล้วแท้ ๆ แล้วยังมาพูดเหยียดหยามกันอีก ไม่เห็นใจกันบ้างเลย
“ข..ขอโทษจริง ๆ ปริ้นเตอร์ เอางี้ เอ็งทำเค้าแบบเมื่อกี้ก็ได้”
ขี้โกงนี่หว่า ตรูทำไม่เป็นโว้ย ขณะที่คิดดังนั้น…
“เด็กชายภูมินทร์ คุณแม่มารับที่หน้าประตูโรงเรียนแล้ว”
เสียงดังจากลำโพง 3 ครั้ง ผมผละมือออกจากภูมิ
“อ.. เอางี้มั้ยปริ้นเตอร์ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด เอ็งมาบ้านเค้า เดี๋ยวให้เอาคืน ยังไงพ่อแม่เราก็รู้จักกันอยู่แล้ว มาดีกันไว้เถอะนะ”
ภูมิพูดดังนั้นก็เดินออกไป ผมเดินไปเข้าห้องน้ำ พยายามซับน้ำเปื้อน ๆ ออกไปให้ได้มากที่สุด แต่รอยเป้าก็ยังเห็นชัดอยู่ดี โชคดีที่เป็นกางเกงนักเรียนลายสก็อตสีแดง แค่ถือกระเป๋าปิดไว้ด้านหน้าก็ไม่เป็นที่โดดเด่นแล้ว
ผมออกจากห้องน้ำมานั่งรอคุณแม่มารับที่หน้าโรงเรียน คิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ แม้จะตกใจ แต่ก็ยอมรับว่าไม่ได้รู้สึกเกลียด รู้สึกดีด้วยซ้ำ แต่ก็โกรธภูมิอยู่ดีที่ทำเหมือนกับตัวเองชนะ ไม่เห็นใจคนโดนแกล้งเลย ตัวเองก็โดนแกล้งเหมือนกัน น่าจะเข้าใจความรู้สึกของการถูกแกล้งบ้างสิ
“ปริ้นต์ แม่มารับแล้วลูก”
ผมเงยหน้าขึ้นก็เห็นแม่เดินเข้ามาหา แย่เลยแฮะ มัวคิดเยอะไปหน่อย ความจริงปกติแม่จะจอดรถไว้ข้างหน้า แล้วรอให้ผมขึ้นรถไปเอง
“เป็นอะไรหรือลูก แม่เรียกนานแล้วนะ”
“อ๋อ แค่คิดอะไรเพลิน ๆ นะครับ ขอโทษครับ”
ผมลุกขึ้น หยิบกระเป๋ามาบังส่วนนั้น แล้วเดินขึ้นรถไปกับแม่
“แม่ครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปเที่ยวบ้านลุงอาร์ทนะครับ อยากไปหาเพื่อนซักหน่อย”
“หืมม์ ใครรึ?”
“ภูมิครับ ภูมินทร์ วันนี้นัดกันว่าจะไปทำการบ้านด้วยกันครับ แล้วก็เล่นด้วยกันนิดหน่อย”
“เพิ่งรู้นะเนี่ย ได้ยินมาเหมือนกันว่าเรียนอยู่ที่เดียวกัน แต่ไม่คิดว่าจะรู้จักกันนะเนี่ย”
“เรียนห้องเดียวกันนะครับ”
เอาเถอะ กล้าชวนก็กล้าไปเหมือนกัน เรียนห้องเดียวกัน ยังไงก็เป็นเพื่อนกันนั้นแหละนะ
|