Chapter 5
ผมเปิดประตูกลับเข้ามาในคอนโดอย่างรีบร้อน เห้อนี่ทำไมผมถึงได้เป็นคนขี้ลืมแบบนี้นะ ถ้าผมไปสัมภาษณ์งานสายอย่าหวังเลยว่าจะมีคนจ้าง เพราะขนาดแค่วันสัมภาษณ์ยังไปสายขนาดนี้ไอ้เดย์นะไอ้เดย์ แต่เมื่อประเข้ามาในคอนโดผมก็ต้องหยุดชะงักทันทีเมื่อผมได้ยินเสียงแปลกๆดังออกมาจากในห้องนอน “อ๊าๆๆๆๆๆ เสียวววว เตติดใจควยพี่การันต์เหลือเกิน อ๊าสสสสสสผัวเอาเมียมันส์มากเลย เย็ดเมียแรงๆๆๆๆๆๆ เมียชอบ....ซี๊ดดด...ชอบควยมหาเสน่ห์ของผัว” “ฮึบๆๆๆๆๆ อ๊า กูเสียววววเหี้ยๆๆๆๆ หีมึงทั้งดูด ทั้งบีบลำควยกูฮึบๆๆๆๆๆๆ กูเสียวๆๆๆควยกูๆๆๆๆๆๆ ควยใหญ่ๆของผัวกำลังกระแทกหีเมียอยู่ อ๊าๆๆๆๆๆ” ตับๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ “อ๊าสสสสสสส ซี๊ดดดดด ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า อื้อๆๆๆๆๆ ผ..ผ...ผมจะได้มีโอกาสมานอนเย็ดกับพี่บนเตียงเมียพี่อื้อๆๆๆๆๆๆ บนเตียงนี้ เตียงที่พี่เย็ดกับเมียพี่ทุกวัน อ๊าๆๆๆๆๆ ผมอิจฉาเมียพี่การันต์ที่สุดเลย ซี๊ดดดดด” “มึงจะอิจฉาทำไม ฮึบๆๆๆๆๆๆ มึงก็ได้เป็นเมียกูแล้วนี่ไง อ๊าๆๆๆๆๆอุส่าร่านมาหากูถึงที่กูจะเย็ดมึงทั้งวันจนมึงต้องคลานกลับบ้านเลย จะได้สมใจอยากอ๊าๆๆๆๆ แดกควยกูเข้าไปๆๆๆๆๆ” หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันทีเมื่อได้ยินเสียงนั้น ผมได้แต่ยืนนิ่งร่างกายของผมตอนนี้มันชาไปหมด ในหัวของผมไม่อยากจะยอมรับความจริง มันทั้งช็อคอีกใจหนึ่งก็อยากจะปฏิเสธ นี่การันต์ แฟนของผม.... คนที่ผมหวังจะแต่งงานด้วยกำลังนอกใจผมอย่างงั้นเหรอ เขานอกใจผมมานานเท่าไหร่แล้ว.....ทำไมเขาถึงกล้าหักหลังผมแบบนี้ผมแทบไม่อยากจะเชื่อรูหูของตัวเอง ผมหายใจหอบแฮ่กด้วยความกลัวก่อนจะค่อยๆเดินไปที่ประตูห้องนอนที่กำลังปิดสนิทนั้น ก่อนจะเอื้อมมืออันสั่นเทาไปจับลูกบิดผมจะต้องเห็นด้วยตาตัวเอง.... เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปในห้อง ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมเจ็บปวดมากกว่าการได้ยินเสียงเป็นร้อยเท่าเมื่อตอนนี้คนที่ผมรักกำลังกระเด้าตูดชายอื่นอยู่บนเตียงของเราทั้งสองคนอย่างเอาเป็นเอาตายสีหน้าของการันต์ช่างดูหื่นกระหาย มีความสุข แถมยังบ้าคลั่งไม่เหมือนตอนที่มีอะไรกับผม “การันต์!” ผมตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงน้ำตาของผมที่กลั้นเอาไว้ตอนนี้ไหลลงมาเป็นทางทั้งสองคนเมื่อได้ยินเสียงของผมรีบหยุดการกระทำทันทีพร้อมกับหันมามองที่ผมด้วยความตกใจการันต์มีสีหน้าช็อคราวกับเห็นผีเมื่อเห็นหน้าผม ในสติสุดท้ายของผม ผมมองหน้าการันต์ด้วยความเจ็บปวดก่อนที่การันต์จะรีบลุกออกมาจากเตียงและวิ่งมาทางผมหน้าตาตื่นตระหนกทันที... ......... ผมตื่นมาอีกทีในหลายชั่วโมงถัดมา คงเป็นเพราะผมตกใจมากจึงทำให้ผมช็อคจนหมดสติไปเมื่อผมตื่นขึ้นมาผมก็ได้พบกับการันต์ที่นั่งจับมือผมอยู่ข้างเตียง สีหน้าทั้งรู้สึกผิดและหวาดกลัวเหมือนกลัวว่าจะเสียผมไป การันต์พยายามเล่าทุกอย่างให้ผมฟังและบอกกับผมว่าที่ทำไปเพียงเพราะโดนแบล็คเมล์เท่านั้น ขอร้องให้ผมเข้าใจและอย่างทิ้งเขาไปในเมื่อตอนนี้ผมรู้ความจริงแล้ว เขาจะยอมเลิกกับคนนั้นอย่างเด็ดขาด จะไม่มีวันกลับไปมีอะไรกันอีกและจะพูดคุยกันที่ทำงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ “การันต์รักเดย์แค่คนเดียวนะครับ” ผมได้แต่นอนฟังนิ่ง ไม่ตอบสนองอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ทั้งร่างกายและหัวใจของผมมันรู้สึกชาไปหมดการันต์บอกกับผมว่ารู้ดีว่าผมคงยังไม่พร้อมที่จะให้อภัย และพร้อมที่จะให้เวลาผมนานเท่าที่ผมต้องการ ตลอดเวลาหนึ่งถึงสองอาทิตย์ที่ผ่านมาตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น ผมเหมือนคนที่ตกอยู่ในหลุมดำแห่งความทุกข์โศกเวลาการันต์ไม่อยู่บ้าน ผมจะแอบร้องไห้คนเดียวตลอด ในใจก็คิดโทษตัวเองว่าว่าผมมันน่าเบื่อ เป็นแฟนที่ไม่ดี การันต์คงเบื่อผม ถึงได้ไปทำอะไรแบบนั้นกับคนอื่นแถมความป่าเถื่อนตอนที่การันต์มีอะไรกับคนนั้น มันเป็นมุมที่ผมไม่เคยได้เห็นมาก่อนนั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ลึกๆแล้วการันต์ต้องการ และผมไม่เคยให้มันได้ ในส่วนของการันต์นั้น เขาทำดีกับผมมากขึ้น ดูแลผมดีขึ้นกว่าเดิมมากถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยยอมคุยกับเค้าเลยก็ได้ มีเพียงถามคำตอบคำเท่านั้นในเรื่องที่จำเป็นจริงๆ แต่การันต์ก็ไม่ยอมแพ้ พยายามซื้อของมาเอาอกเอาใจผมตื่นมาทำกับข้าวให้ผมกิน แถมตอนเย็นก็จะรีบกลับบ้านมาเพื่อมาอยู่กับผมทำให้ผมรู้สึกสบายใจ และยังบอกกับผมให้พักอยู่บ้านจนกว่าจะดีขึ้นไม่จำเป็นต้องรีบหางานทำ เค้าจะเลี้ยงดูผมเอง ไม่ว่าผมจะอยากได้อะไรขอเพียงแค่ให้บอกเขา แต่พอเวลามันผ่านไป ผมคิดว่าการันต์คงเห็นผมตาบวม และร้องไห้บ่อยๆแถมยังต้องอยู่บ้านคนเดียว แล้วรู้สึกอดเป็นห่วงไม่ได้เขาจึงไปขอร้องให้ข้าวปั้นเพื่อนของผมตั้งแต่สมัยเด็กมาอยู่เป็นเพื่อนผมในช่วงกลางวันเพราะช่วงนี้ข้าวปั้นก็ไม่มีงานทำเช่นกัน จริงๆแล้วข้าวปั้นเป็นพ่อสื่อที่ทำให้ผมกับการันต์ได้มีโอกาสมาเจอกัน “นายจะทำแบบนี้ไปถึงเมื่อไรห่วะเดย์” ข้าวปั้นถามผมในบ่ายวันหนึ่งขณะที่เราทั้งสองคนกำลังทานข้าวกันอยู่ “ทำอะไรเหรอ” “ทรมานตัวเอง กับ ทรมานการันต์แบบนี้ไง” ข้าวปั้นว่าอย่างอารมณ์เสีย “จะเอายังไงก็เอาซักอย่างถ้านายให้อภัยเค้าไมได้ ก็เลิกกันไปดีกว่า แต่ถ้านายยังอยากมีเค้าในชีวิตก็ให้อภัยกันเถอะ นี่ก็เป็นความผิดครั้งแรกไม่ใช่เหรอเมื่อก่อนการันต์เค้าก็ดีกับนายมาตลอด” หลังจากข้าวปั้นกลับไปในวันนั้น ผมก็นั่งคิดกับตัวเองเรื่องนี้ไม่หยุดนี่ผมจะสามารถให้อภัยการันต์ได้ไหมนะ? ถ้าไม่ได้ ผมควรเลิกกับเขาและย้ายออกไปเลยดีไหม?แต่ในตลอดชีวิตที่ผ่านมาผมมีการันต์มาตลอดผมจะสามารถมีชีวิตอยู่แบบไม่มีเค้าได้จริงๆนะเหรอ หลายวันต่อมาการันต์เดินมาโอบกอดผมจากข้างหลังในขณะที่ผมกำลังยืนล้างจานอยู่คนตัวโตกว่าได้แต่กอดผมนิ่งไม่ยอมพูดอะไรทั้งนั้น เสียงหายใจที่รุนแรงทำให้ผมรู้ว่าการันต์กำลังมีเรื่องไม่สบายใจที่อยากพูด “เดย์.....การันต์คิดถึงเดย์มากเลยนะครับ...การันต์ขอโทษนะ...การันต์รอยู่กับความรู้สึกผิดทุกวัน...ผิดที่หักหลังความรักของเราที่ทำให้เดย์เสียใจ ทำร้ายคนที่การันต์รัก....แต่การันต์คิดถึงเดย์เหลือเกินคิดถึงรอยยิ้มของเดย์ คิดถึงกลิ่นตัวของเดย์ คิดถึงวันที่เรารักกัน” การันต์ว่าก่อนจะร้องไห้ด้วยความสะอื้น ผมรู้สึกสงสารการันต์จับใจ....ถ้าผมยังไม่กล้าที่จะไปไหนไม่กล้าที่จะทิ้งความรักของเราผมควรที่จะให้โอกาสการันต์จริงๆสักทีแบบที่ข้าวปั้นบอกใช่ไหม? ผมหันหน้ามาหาการันต์ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองผมอย่างเว้าวอนเหมือนลูกหมาจรจัดตัวเล็กๆที่กำลังหลงทาง “การันต์ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเพื่อให้เดย์ให้อภัยการันต์...การันต์รักเด็กมากนะครับ” การันต์ว่า ก่อนจะค่อยๆเอื้อมหน้าลงมาจูบกับผม แต่ก่อนที่ริมฝีปากของเราทั้งสองคนคนจะแตะกันภาพในวันนั้นที่การันต์กำลังมีอะไรกับเพื่อนร่วมงานที่ชื่อเตก็แวบเข้ามาในหัวผมทำให้ผมรีบเบือนหน้าหนีพร้อมกับผลักการันต์ออกทันที การันต์มองหน้าผมอย่างเจ็บปวด “เดย์ขอโทษ” ผมพูดก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องนอนทันที ผมควรจะทำยังไงต่อดีนะ...?
|