แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jokecup เมื่อ 2021-3-14 08:43
ตอนก่อนหน้านี้
วงเวียนกาม
บทที่ ๑๔
เวลาเลิกงานมาถึงแล้ว ภาติยะที่นั่งกระสับกระส่ายอยู่ไม่เป็นสุขตลอดเวลารีบเด้งตัวออกจากโรงพักขับรถกลับที่พักทันทีพอกลับถึงบ้านพักเขาพบความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น ประตูบ้านพักของเขาเปิดอยู่แต่ไม่มีร่องรอยการงัดแงะเขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้สะเพร่าเปิดประตูทิ้งไว้เองแน่ ๆ ดังนั้นนายตำรวจหนุ่มจึงรีบเข้าไปสำรวจในตัวบ้านทันทีเขาตรวจตราดูจนทั่วก็ไม่พบว่ามีอะไรหายไป จนเข้าไปในห้องนอนก็พบว่าตู้เสื้อผ้าถูกรื้อค้นจนข้าวของกระจัดกระจายไปหมด
พอเขานั่งเก็บข้าวของที่ถูกรื้อค้นนายตำรวจหนุ่มก็พบว่า มีของบางอย่างหายไปลิ้นชักที่เขาเอาไว้ใส่กางเกงชั้นในถูกเทกระจาด และกองชุดชั้นในทั้งหมดในนั้นอันตรธานหายไปจนเกลี้ยง
ภาติยะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงนั่งลงถอนหายใจอย่างท้อแท้ ไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังโดนเล่นเอาล่อเอาเถิดกับอะไรอยู่เขารู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง แต่เพียงสักพักเขาก็ตัดสินใจลุกขึ้น เปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปสตาร์ทรถแล้วขับไปยังซูเปอร์สโตร์เล็ก ๆ ประจำอำเภอที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักเขาตรงดิ่งไปที่แผนกขายชุดชั้นในทันที และเลือกหยิบชั้นในตัวใหม่มาหลายตัว
“ซื้อเยอะจังเลยนะคะ”
ภาติยะสะดุ้งตกใจหันไปทางต้นเสียงเห็นพนักงานขายท่าทางอ้อนแอ้นยืนอยู่หลังเขา แทบจะเอาเป้ากางเกงมาชนกับตูดของเขาที่กำลังก้มๆ เงย ๆ ดูชุดชั้นในอยู่
“ซื้อเยอะขนาดนี้หนูว่าพี่ไปลองชุดก่อนดีกว่ามั้ย จะได้ได้ตัวที่ถูกใจจริง ๆ เดี๋ยวหนูพาไปลอง”
พนักงานรีบจับมือภาติยะเตรียมพาไปห้องลองชุดแต่นายตำรวจหนุ่มรีบสะบัดมือทิ้งแล้วตอบปฏิเสธทันที
“ไม่เป็นไรผมรู้ขนาดตัวตัวเองดี เดี๋ยวผมไปจ่ายตังค์เลยดีกว่า”
“ไม่ต้องๆ ๆ เดี๋ยวหนูไปจ่ายให้ พี่รออยู่ที่นี่แหล่ะค่ะ”
ว่าแล้วพนักงานท่าทางอ้อนแอ้นก็รับเงินจากภาติยะแล้วเดินไปที่แคชเชียร์ทันทีเป็นเวลาเดียวกันกับที่พนักงานสาวจากแผนกชุดชั้นในสตรีเดินมาจ่ายเงินพอดีเช่นกันทั้งสองจึงเปิดฉากเม้ามอยลูกค้าของตัวเองทันที
“นี่ ๆ ๆอีอ้อย แกดูลูกค้าชั้นสิ นายตำรวจรูปหล่อคนนั้นน่ะ หลงมาจากไหนไม่รู้ ไม่เคยเห็นมาก่อนเลยมาขนซื้อชุดชั้นในไปเป็นโขยงเลย สงสัยตอนนี้จะไม่มีกางเกงในใส่ ดูสิเป้าตุงออกมาเชียว”
“เออๆหล่อจริง ๆ ด้วยว่ะ แล้วแกดูของชั้นสิ อีกะเทยควายคนนั้นน่ะรูปร่างแม่งบึกขนาดนั้น มาหาซื้อกางเกงในซีทรูผู้หญิง เห็นแล้วโคตรขนหัวลุกเลย”
“เออกะเทยควายจริง ๆ ด้วยว่ะ รูปร่างอย่างกับพี่ตำรวจของชั้นเลยตัวขนาดนี้มาซื้อซีทรูใส่ ต้องเอาไว้ล่อผัวแน่ ๆ เลย คิดแล้วขนลุกซู่เลย 555”
แล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน
“เอานี่จะเอาไปให้ลูกค้ามั้ย เค้ายืนรออยู่นานแล้วนะยะ ระวังเถอะ นินทาลูกค้าอายุการทำงานจะสั้นเอานะ”
พนักงานคิดเงินสินค้าส่งเสียงเตือน ขณะที่พนักงานขายเมื่อได้รับถุงใส่ของของตัวเองก็ต่างแยกย้ายเพราะไม่ต้องการมีเรื่องมีราวพนักงานท่าทางออกสาวเอาถุงกางเกงชั้นในมาส่งให้นายตรวจหนุ่มภาติยะรับของเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวกลับไปที่รถของตัวเองเขาโยนถุงกางเกงชั้นในที่ซื้อไปไว้ที่เบาะข้าง ๆ คนขับก่อนจะขับรถพุ่งออกไปจากตรงนั้นทันที
@@@@@
ภาติยะเพิ่งอาบน้ำเสร็จเขาเดินออกจากห้องน้ำในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวชายหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอีกผืนมาขยี้ผมและเช็ดหยดน้ำที่เกาะพราวทั้งตัวหลังจากนั้นจึงเอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งไว้ที่พนักเก้าอี้เมื่อคืนนี้ชายหนุ่มนอนหลับไม่เต็มตา เหมือน ๆ กับหลายคืนที่ผ่านมาการได้ตื่นมาอาบน้ำช่วยทำให้เขารู้สึกสดชื่นผ่อนคลายขึ้นมาได้บ้างเขาเดินไปหยิบเครื่องแบบนายตำรวจจากตู้เสื้อผ้า แล้วจึงลงไปนั่งควานหากางเกงชั้นในจากลิ้นชักตู้เสื้อผ้าก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ากางเกงชั้นในที่มีอยู่ถูกขโมยไปจนหมดแล้ว เขาจึงเปลี่ยนไปเดินหาถุงกางเกงชั้นในที่เพิ่งซื้อมาใหม่เมื่อคืนนี้ก่อนจะพบมันกองอยู่ที่เก้าอี้รับแขก เขาจึงหยิบมันมาทั้งถุงเตรียมเอาไปใส่ตะกร้าผ้าสำหรับรอซัก
พอเดินมาถึงตะกร้าผ้าเขาเทกล่องชุดชั้นในลงมากองกับพื้น แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องตกใจ เพราะสิ่งที่กองอยู่กับพื้นตอนนี้มันไม่ใช่กางเกงชั้นในที่เขาเลือกซื้อมา แต่มันกลายเป็นกล่องชุดชั้นในของผู้หญิงชายหนุ่มงุนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาหยิบแต่ละกล่องขึ้นมาสำรวจดูละล้าละลังไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี แต่สักพักก็ลองแกะออกมาดูกล่องหนึ่งพอลองคลี่ตัวกางเกงชั้นในออกมาเขาก็ต้องตกใจเพราะกางเกงในตัวนั้นมันเป็นกางเกงในแบบเซ็กซี่ ซีทรู ที่ปิดอะไรแทบไม่มิดพอลองแกะกล่องอื่น ๆ ก็พบว่ามีลักษณะไม่ต่างกัน อาจเปลี่ยนแค่รูปทรงบ้างเพียงเล็กน้อย
ภาติยะเอามันกลับมากองไว้ที่บนเตียงนอนไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี แต่พอลองพิจารณาดูดี ๆเขาก็พบว่ามันมีขนาดที่ใหญ่พอที่เขาจะสวมใส่ได้ ตอนนี้ชายหนุ่มเกิดความลังเลใจอยู่ไม่น้อยว่าเขาควรจะใส่มันดีไหมแต่ด้วยเวลาตอนนั้นที่ใกล้เวลาเริ่มงาน ทำให้นายตำรวจหนุ่มตัดสินใจเอาชุดชั้นในตัวหนึ่งในจำนวนนั้นขึ้นมาเขาคิดว่าจะใส่มันไปก่อนแล้วเดี๋ยวตอนเย็นค่อยไปหาซื้อเอาใหม่
การใส่กางเกงชั้นในน่าจะปลอดภัยกว่าไม่ใส่เพราะถึงจะถูกพวกของสารวัตรสุวิทย์แกล้งให้ต้องแก้ผ้าแล้วเห็นเขาใส่กางเกงในแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องอายแล้ว เพราะถึงไม่โดนล้อเลียนเหยียดหยามเรื่องนี้เขาก็โดนเรื่องอื่นอีกอยู่ดี แต่ถ้าไม่ใส่ไปอาจโดนมันแกล้งให้ควยโด่ตุงกางเกงต่อหน้าธารกำนัลแบบเมื่อวานก็เป็นได้และมันทำให้เห็นแล้วว่าการไม่ใส่กางเกงชั้นในทำให้เขาขาดความมั่นใจได้มากขนาดไหนสุดท้ายเมื่อลองชั่งน้ำหนักดีแล้ว ภาติยะจึงหยิบกางเกงตัวหนึ่งขึ้นมาใส่โดยเลือกเอาตัวที่ดูวาบหวิวและสะดุดตาน้อยที่สุดแล้วเขาจึงแต่งเครื่องแบบตำรวจแล้วออกเดินทางไปทำงาน
ระหว่างที่กำลังขับรถไปที่ทำงานภาติยะได้ยินสัญญาณเรียกจากจ่าสงคราม ที่ขอกำลังเสริมไปยังย่านชุมชนแห่งหนึ่งที่มีสายรายงานว่าจะมีกำลังจะมีการซื้อขายยาเสพติดเกิดขึ้นในตอนแรกภาติยะคิดว่าจะตอบรับจ่าสงครามไป แต่ถูกตัดหน้าโดยหมู่ยุทธนาเสียก่อน เขาจึงไม่ได้ตอบกลับข้อความของจ่าสงครามแต่ก็เลี้ยวรถไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพราะเห็นว่าไม่ไกลจากที่เขากำลังเดินทางนักและเห็นว่าเผื่อจะช่วยอะไรหมู่ยุทธนาและจ่าสงครามได้บ้างตอนนี้ถ้ามีอะไรซื้อใจเพื่อนร่วมงานได้เขาก็อยากจะทำ
รถของภาติยะจอดห่างออกไปจากชุมชนเล็กน้อยที่นี่เป็นย่านที่คนส่วนใหญ่เป็นชนชั้นล่างบ้านช่องในอาณาบริเวณนี้จึงค่อนข้างเล็กและแออัดดูจากสภาพแวดล้อมแล้วคิดว่าชุมชนแห่งนี้น่าจะเป็นย่านที่มีโอกาสก่อเหตุผิดกฎหมายได้ง่ายเพราะใครต่อใครต่างไม่ค่อยอยากเข้ามายุ่งเกี่ยว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเพราะที่จริงแล้วชุมชนแห่งนี้ก็ตั้งอยู่ห่างจากสถานีตำรวจของเขาเพียงไม่เท่าไรนักแต่ก็ไม่เคยเห็นมีตำรวจนายไหนเข้ามาตรวจตราในพื้นที่นี้เลยภาติยะเองก็เพิ่งได้มีโอกาสเข้ามาในชุมชนนี้เป็นครั้งแรก เขาเดินเข้าไปในตัวชุมชนซึ่งแน่นอนว่าชุดผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่เขาสวมใส่ทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาชาวบ้านหลายคนซุบซิบและหันมามองเพราะยังไม่คุ้นหน้าเขา ในจำนวนนี้มีสาว ๆหน้าแฉล้มที่คงได้ยินเสียงพูดแบบปากต่อปากกัน ต่างก็ออกมายืนมองภาติยะอยู่ไกล ๆ ด้วย
นายตำรวจหนุ่มเดินเข้าไปในตัวชุมชนเรื่อยๆ นอกจากจะตามหาจ่าสงครามและทีมงานคนอื่น ๆ แล้ว เขายังถือโอกาสสำรวจพื้นที่และดูสิ่งที่ผิดปกติอื่นๆด้วย เขาเดินจนมาถีงเกือบสุดซอยด้านในสุดก็พอดีกับที่มีชายคนหนึ่งวิ่งตัดหน้าเขาออกมาจากซอยย่อยอีกซอยหนึ่งท่าทางที่วิ่งดูก็รู้ว่ากำลังหนีอะไรบางอย่างอยู่ ภาติยะได้ยินเสียงดังอยู่ไกล ๆ คล้ายเสียงของจ่าสงครามตะโกนมาให้ช่วยสกัดจับคนร้ายผู้กองหนุ่มจึงออกวิ่งตามชายคนนั้นไปทันทีและด้วยความที่เขาเป็นนายตำรวจที่ทำงานภาคสนามมามาก ไม่นานเท่าไรเขาก็วิ่งกวดจนเกือบทันคนร้าย
ภาติยะเห็นชายตรงหน้าเป็นหนุ่มร่างผอมตัดผมทรงสกินเฮดย้อมผมเป็นสีทอง กะจากด้านหลังที่เขาเห็นน่าจะเป็นชายหนุ่มรุ่น ๆที่อายุยังไม่มากนัก ในมือของชายหนุ่มกำอะไรบางอย่างที่อยู่ในถุงพลาสติกภาติยะคิดว่ามันน่าจะเป็นสิ่งผิดกฎหมายแต่ก็สำคัญมากจนชายหนุ่มไม่กล้าโยนทิ้งไปเพราะกลัวมันจะสูญหายอย่างแน่นอน
ชายคนนั้นอาศัยความได้เปรียบในความชำนาญในพื้นที่วิ่งฉีกตัวเข้าซอยแคบๆ ไป ภาติยะที่ไม่ทันตั้งตัวเลี้ยวตามไม่ทันทำให้เขาเสียจังหวะไปเล็กน้อยแต่ไม่นานก็กลับมาวิ่งตามชายหนุ่มตรงหน้าไป เขาเห็นมันวิ่งขึ้นบ้านหลังหนึ่งขึ้นไปบนชั้นที่สองของตัวบ้านหลังนั้นเขาจึงถือวิสาสะวิ่งตามขึ้นไปบ้าง เมื่อขึ้นไปเขาเห็นประตูห้อง ๆ หนึ่งเปิดอยู่เขาจึงวิ่งเข้าไปยังห้องนั้นทันเห็นผู้ต้องสงสัยดันลิ้นชักตู้อันหนึ่งปิดลงก่อนจะออกวิ่งต่อไปที่ด้านในห้องที่มีทางเดินเลี้ยวไปอีกทางหนึ่งภาติยะวิ่งไปตามไปแต่สุดท้ายสิ่งที่เขาเห็นคือหน้าต่างที่เปิดทิ้งค้างเอาไว้พอวิ่งไปดูที่หน้าต่างเขาเห็นชายเสื้อของชายหนุ่มคนที่เขาวิ่งตามปลิวหายไปในซอยเล็กๆ อีกซอย
“บ้าชิบ...”
นายตำรวจหนุ่มบ่นเพราะเขาปล่อยให้ผู้ต้องสงสัยหลบหายไปต่อหน้าต่อตาภาติยะประเมินสถานการณ์แล้วว่าแม้จะกระโดดตามลงไปก็ใช่ว่าจะมีโอกาสตามมันทันแถมอาจจะได้รับบาดเจ็บโดยไม่ตั้งใจ สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะหยุดวิ่งไล่ตามแล้วเดินกลับมาที่ลิ้นชักตู้ที่เขาเห็นชายคนนั้นหย่อนอะไรบางอย่างลงไปในนั้นภาติยะหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าของห้อง แต่ที่ตรงนั้นมีแต่ความเงียบงันคล้ายไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อยู่นอกไปจากเขา นายตำรวจหนุ่มจึงถือวิสาสะดึงลิ้นชักตู้อันนั้นออกมาแล้วเดินไปที่เตียงนอนที่ตั้งอยู่ริมห้อง แล้วจัดการเทของที่อยู่ในลิ้นชักออกมา
สิ่งที่กองอยู่ตรงหน้าเขาคือชุดชั้นในผู้หญิงกองใหญ่ ภาติยะลงมือคุ้ยกองชุดชั้นในนั้นเพื่อหาสิ่งของบางอย่างที่อาจจะเป็นเบาะแสสำคัญแต่โดยไม่ทันตั้งตัวก็มีอะไรบางอย่างมาผลักร่างของเขาลงไปกองกับเตียงนอนสิ่งนั้นมีแรงดันมหาศาลที่ทำให้นายตำรวจหนุ่มขยับกายได้ลำบากเหมือนมันรู้ว่าจะจัดการอย่างไรที่จะทำให้เขาหมดทางขัดขืน ตอนนั้นเองที่ภาติยะรู้สึกว่าเข็มขัดของเขาถูกดึงออกแล้วตามมาด้วยกางเกงตำรวจที่ถูกถอดออกไปทางปลายขาต่อมาคือกางเกงชั้นในซีทรูที่ถูกดึงลงมากองที่หัวเข่า แล้วอยู่ ๆเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น เสียงนั้นดังจนเขาแสบแก้วหูแต่มันทำให้สิ่งที่กดทับเขาอยู่ผละออกไปภาติยะรีบดันกายลุกขึ้นหวังจะหันไปหาร่างที่กดทับเขาไว้แต่โดยไม่ทันตั้งตัวเขากลับถูกผลักให้ไปชนกับร่างของหญิงร่างใหญ่คนหนึ่งที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องหญิงคนนี้น่าจะเป็นเจ้าของห้องและเป็นเจ้าของเสียงกรีดร้องนั้นเอง
ภาติยะที่อยู่ในสภาพเปลือยท่อนล่างมีเพียงกางเกงชั้นในผู้หญิงซีทรูกองอยู่ที่หัวเข่าเซไปหาหญิงสาวเจ้าของห้องหญิงคนดังกล่าวเมื่อเห็นภาติยะเซมาก็ยิ่งเกิดอาการกลัวหนักกว่าเดิม นางจึงกรีดร้องดังขึ้นอีกครั้งพร้อมร้องขอความช่วยเหลือ บอกว่ามีโจรโรคจิตบุกห้องนาง พร้อมกับทั้งผลัก ทั้งดันไม่ยอมให้ภาติยะเข้ามาแตะต้องตัวเธอจนเกิดเป็นการต่อสู้ขัดขืนจนทำให้สุดท้ายทั้งสองลงไปกองรวมกันที่เตียงนอนในสภาพภาติยะนอนทับไปที่ร่างของหญิงสาวคนนั้นตอนนั้นเองที่เขาได้ยินเสียงคนวิ่งขึ้นบันไดมาและทันทีที่คนที่ขึ้นมาเห็นต่างก็ร้องตกใจกับภาพที่เห็น เสี้ยวนาทีนั้นเองภาติยะได้ยินเสียงกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปและเสียงร้องของหญิงสาวคนดังกล่าวที่แหบต่ำไม่เหมือนเสียงผู้หญิงทั่วไป ดังขึ้นว่า
“ช่วยด้วยค่ะไอ้บ้ากามนี่มันจะปล้ำหนู”
ทุกอย่างหลังจากนั้นเกิดขึ้นเร็วมากรู้ตัวอีกทีภาติยะก็ถูกนำตัวกลับมาที่สถานีตำรวจที่เขาประจำการอยู่แล้ว หมวดชาตรีนั่งสอบสวนเขาอยู่มีหญิงสาวคนดังกล่าว ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่หญิงแท้กำลังให้การอยู่เจ้าหล่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นไปก็ร้องไห้ไป รอบ ๆโต๊ะนั้นมีชาวบ้านมุงดูอยู่เป็นจำนวนมาก ต่างส่งเสียงซุบซิบนินทาบางคนตามมาจากชุมชนนั้น พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเห็นภาติยะจอดรถไว้ใกล้ๆซอยแล้วเดินโอ่เข้าไปในซอยแบบไม่สนใจใคร ทุกคนต่างเห็นเป็นตำรวจจากเครื่องแต่งกายจึงไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นคนร้ายเสียเอง
ภาติยะแม้จะปฏิเสธหรือหาทางแก้ต่างข้อกล่าวหาอย่างไรก็ไม่เป็นผลเพราะจำนนด้วยหลักฐานชุดชั้นในที่ถูกรื้อกองเต็มเตียงนอนและภาพจากผู้สื่อข่าวท้องถิ่นที่ถ่ายได้เห็นเขาที่เปลือยท่อนล่างกำลังคร่อมอยู่บนร่างของกะเทยร่างใหญ่ที่เป็นผู้เสียหายขณะที่หมวดชาตรีกำลังสอบสวน อยู่ ๆ ป้าศรีนวลแม่บ้านของโรงพักก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามาแหวกกลุ่มคนที่มุงดูเข้ามาถึงโต๊ะสอบสวนพอเห็นกะเทยร่างใหญ่นางก็รีบวิ่งไปโผกอดทันที
“ญาญ่าไม่เป็นไรใช่มั้ยลูก ขวัญเอ๋ยขวัญมานะ”
ป้าศรีนวลหันไปหาหมวดชาตรี
“มีคนมาบอกว่าหลานป้าโดนไอ้โรคจิตมันจะข่มขืนป้ารีบวิ่งกลับไปที่บ้าน พอไปถึงเขาก็บอกว่าทุกคนมาที่โรงพักแล้วนี่ป้าใจหายใจคว่ำ เป็นห่วงหลานมาก เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อยไม่นึกเลยว่าจะโดนทำอะไรแบบนี้ นี่คนร้ายอยู่ไหนแล้วใครเข้าไปช่วยญาญ่าจากไอ้โรคจิตได้คะ”
ป้าศรีนวลหันซ้ายแลขวาเห็นภาติยะนั่งอยู่ที่เก้าอี้ข้างๆ ญาญ่าก็เดินไปหานายตำรวจหนุ่มทันที
“ผู้กองใช่มั้ยคะที่ช่วยหลานป้าไว้ขอบใจมากจริง ๆ นะคะ อ้าว แล้วนี่กางเกงหายไปไหนคะ ทำไมใส่แต่ผ้าขาวม้า”
“นั่นแหล่ะครับไอ้โรคจิตคนที่ว่า”
นักข่าวหนุ่มหันเป็นคนบอกป้าศรีนวลพร้อมเปิดกล้องโชว์รูปเปลือยภาติยะที่คร่อมร่างของกะเทยสาวอยู่
“หา”
ป้าแม่บ้านร้องเสียงหลงทำหน้าตื่น หันไปมองภาติยะด้วยความแค้น
“มีงอย่าอยู่เลย”
ป้าศรีนวลกระโจนเข้าใส่ร่างของภาติยะทันทีนายตำรวจหนุ่มไม่ทันระวังจึงเบี่ยงหนีไม่ทัน ตัวเขาล้มลงจากเก้าอี้ผ้าขาวม้าหลุดออกจากร่าง ทั้งตัวมีเพียงเสื้อตำรวจกับกางเกงในซีทรูเท่านั้นพอทุกคนเห็นกางเกงในที่นายตำรวจหนุ่มสวมใส่ก็แสดงท่าทางรังเกียจ และวิพากษ์วิจารณ์ว่าเขาที่เป็นถึงนายตำรวจแต่ทำเรื่องเสื่อมเสีย
สารวัตรสุวิทย์ทนไม่ไหวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเดินออกมาสั่งให้ภาติยะถอดเครื่องแบบตำรวจที่เหลืออยู่ให้หมดจนตอนนี้ร่างของนายตำรวจหนุ่มเหลือแต่ชั้นในซีทรูเพียงตัวเดียวภาพชายหนุ่มหุ่นล่ำที่สวมกางเกงในซีทรูของผู้หญิง ตอนนี้ยืนอยู่กลางโรงพักให้ชาวบ้านรุมประนามให้อับอาย โดยที่เขาไม่สามารถตอบโต้หรือปกป้องอะไรเพื่อตัวเองได้เลยแล้วยังถูกนักข่าวเข้าไปถ่ายรูปใกล้ ๆ ชาวบ้านเองต่างก็เข้ามาถ่ายรูปจากมือถือซูมไปที่เป้าของภาติยะที่ตอนนี้ไม่มีอะไรปิดบังได้เพราะเขาถูกใส่กุญแจมือไพล่หลังอยู่ ควยของเขาค่อย ๆ แข็งตัวประจานความโรคจิตให้เพิ่มมากขึ้น
ภาติยะถูกหมวดยุทธนาพาตัวไปค้นบ้านตามคำสั่งของสารวัตรสุวิทย์เขาต้องเดินทางไปด้วยวิธีการเดินทั้งเนื้อตัวมีเพียงกุญแจมือที่คล้องมือของเขาไพล่ไว้ที่ด้านหลังกับกางเกงในซีทรูแค่ตัวเดียว ที่มองเห็นขนาดความเป็นชายได้อย่างชัดเจน ตลอดทางที่เดินมาชาวบ้านมามุงดูตลอดสองข้างทางต่างมองเขาด้วยสายตาที่แสดงความรังเกียจ บางคนเดินเข้ามาถ่มน้ำลายใส่หน้าเขาบางคนเดินมาแซวเขาให้ได้อาย มาถกกางเกงในเขาที่ด้านหลังจนก้นโผล่ออกมาหรือบางคนเข้ามาจับควยเขาเล่นจนควยแข็งต่อหน้าคนที่มามุงดู และเมื่อมาถึงบ้านกางเกงชั้นในที่กองอยู่บนเตียงนอนก็กลายเป็นสิ่งที่ตอกฝาโลงภาติยะจากการเป็นนายตำรวจอนาคตไกลให้กลายเป็นผู้ร้ายขึ้นมาทันที ภาติยะเดินก้มหน้าอับอายออกมาจากบ้านเขาโดนยึดทุกอย่าง และโดนปลดจากการเป็นนายตำรวจ และต้องไปอยู่ในคุกแทนแบบที่เขาเองก็คงไม่คาดคิดว่าชีวิตจะมาถึงวันนี้ได้
แล้วอยู่ ๆ ขณะกำลังเดินกลับ หมวดยุทธนาก็เผลอสะดุดล้มลง จนภาติยะหลุดจากการควบคุมหมวดยุทธส่งสัญญาณให้ภาติยะวิ่งหนีไป ภาติยะได้สติรีบทำตามทันทีเขารู้ดีว่าถ้าเขากลับไปอนาคตเขาต้องจบลงแค่ตรงนี้สู้หนีไปตั้งหลักแล้วค่อยหาวิธีกลับมาสู้ใหม่น่าจะดีกว่าตอนที่วิ่งอกกมามีชาวบ้านรีบวิ่งตามมาจับตัวเขา ก็พอดีกับที่กำลังจะเข้าตาจนก็มีรถยนต์คันหนึ่งมาจอดที่ข้าง ๆ เขา ประตูรถเปิดออกเขาได้ยินเสียงคนในรถบอกให้เขาขึ้นรถมา ภาติยะรีบก้าวขึ้นรถโดยไม่คิดอะไรทันที
@@@@@
ณ อีกฟากฝั่งหนึ่ง
อัครเดินทางมาถึงโรงเรียนเปรมปรีดาตอนเกือบเย็นแล้วเขาลงจากรถแล้วแยกกับวาโยเพื่อกลับเข้าห้องพัก แต่ห้องแรกที่เขาตรงไปถึงกลับไม่ใช่ห้องของตัวเองแต่เป็นห้องของอาจารย์พลวิทย์แทนเพราะมีสิ่งที่เขาคาใจหลายอย่างที่อยากจะเคลียร์กับอดีตโค้ชของเขาแต่ไม่ว่าเขาจะเคาะประตูห้องของพลวิทย์เท่าไร ก็ไม่มีการตอบรับกลับมาเขาจึงเดินกลับมาที่ห้อง หวังจะสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับไอ้โอ๊ตแทนแต่ก็พบว่าห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีแม้เงาของเพื่อนร่วมห้องเขาทิ้งตัวลงไปกองกับพื้นอย่างอ่อนแรงเมื่อไม่ได้ทำตามสิ่งที่ตั้งใจไว้แล้วเขาก็เผลอหลับไปเพราะความอ่อนเพลีย
ขณะที่ทางด้านอาจารย์พลวิทย์เดินทางมาถึงโรงเรียนปัญญาอนุสรณ์แล้วตลอดทางเขาถูกไอ้โอ๊ตที่พาเขาขึ้นไปนั่งเบาะหลังของรถตู้เอาคลิปและรูปถ่ายขึ้นมาข่มขู่และจับเขานั่งแก้ผ้าท่อนล่างมาตลอดทาง มันจับควยเขาถอกเล่นและสาวควยเขาจนเขาเกือบแตกคามือไอ้โอ๊ต แต่เพราะความกลัวว่าเด็กที่นั่งอยู่ด้านหน้าจะเห็นเหตุการณ์ทำให้พลวิทย์ไม่เสร็จสมอารมณ์หมายของไอ้โอ๊ตอย่างที่ตั้งใจ
พอรถเข้าเขตโรงเรียนปัญญาอนุสรณ์ไอ้โอ๊ตก็ยอมให้พลวิทย์ใส่กางเกงได้ รถเลี้ยวเข้ามาในตัวโรงเรียน แต่แทนที่นายมิ่งคนขับรถจะขับไปจอดที่หน้าอาคารเรียนหรือโรงพละอย่างที่ควรจะเป็นกลับขับรถพาอ้อมมาที่ด้านหลังโรงเรียน เป็นครั้งแรกที่อาจารย์พลวิทย์เห็นว่าโรงเรียนแห่งนี้มีอาคารแบบนี้อยู่ นายมิ่งจอดรถแล้วลงมาเปิดประตูรถให้ทุกคนลงแต่ละคนต่างแปลกใจกับสถานที่ที่นายมิ่งพาพวกเขามา
“โรงเรียนนี้มันมีตึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรวะ”
“นั่นดิตึกโคตรสวยแต่มาอยู่ท้ายโรงเรียน แล้วแม่งก็โคตรเงียบเหมือนคนละโลกกับตัวโรงเรียนเลย”
“นี่คืออาคารเอนกประสงค์ของโรงเรียนค่ะ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้กลุ่มชายหนุ่มที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่ตกใจ หันไปทางต้นเสียงแล้วก็พบนักเรียน.... กะเทยสี่คน ยืนรอต้อนรับพวกเขาอยู่
“หนูชื่อจีน่าเป็นนักเรียนชั้น ม.6 และเป็นหัวกองงานดูแลอาคารเอนกประสงค์ค่ะคุณคงจะเป็นอาจารย์พลวิทย์”
“ใช่แล้วนี่คือสถานที่ที่เราจะแข่งกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์กันใช่มั้ย”
“ใช่ค่ะมีสระว่ายน้ำในตัวอาคาร”
“แล้วนอกจากพวกหนูแล้วไม่มีผู้ใหญ่คนอื่น ๆ เหรอ”
“อาจารย์ท่านติดภารกิจหลายอย่างสั่งให้หนูเป็นตัวแทนดำเนินการได้เลย อาจารย์และคนอื่นๆช่วยเซ็นชื่อในใบเข้าร่วมกิจกรรมด้วยนะคะ มันจะเป็นผลงานของกลุ่มพวกหนู”
พลวิทย์และเด็กชมรมว่ายน้ำลงชื่อในเอกสารที่ทีมงานนำมาให้ก่อนถูกพาตัวเข้ามาตัวอาคาร ที่นี่โอ่อ่า ทันสมัย จนผู้มาเยือนอ้าปากค้างแบบคาดไม่ถึงพวกเขาต่างเดินสำรวจสถานที่ ก่อนจะถูกพาไปที่ส่วนของสระว่ายน้ำในร่มที่แสนทันสมัยที่นั่นมีทีมงานด้านสื่อรออยู่อีกสองสามคน พวกเขามีกล้องถ่ายรูปกล้องวิดีโออยู่พร้อม
พอคุยรายละเอียดของงานผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายก็เข้าไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ และออกมาทำการแข่งขันกันทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเรียบง่าย รวดเร็ว แต่ก็ทำให้พลวิทย์แปลกใจกับอะไรบางอย่างเขาจึงรีบทำให้การแข่งขันดำเนินการไปอย่างเร็วที่สุดจะได้กลับโรงเรียนเปรมปรีดาเสียที
กลายเป็นว่าทีมชายหนุ่มนักว่ายน้ำต้องมาแข่งว่ายน้ำกับทีมกะเทยสาวของโรงเรียนปัญญาอนุสรณ์ซึ่งทีมนักเรียนชายโรงเรียนเปรมปรีดาต่างยิ้มหยันและคิดว่าเป็นการแข่งขันที่หวานหมูสำหรับพวกเขาซึ่งในผลัดแรก ๆ ของการแข่งฟรีสไตล์ 4 คูณ 100 เมตรผลก็เป็นดังนั้น ทีมกะเทยสาวปัญญาอนุสรณ์ตกเป็นรองและถูกทิ้งห่างอย่างเห็นได้ชัดจนมาถึงผลัดสุดท้ายที่ไอ้โอ๊ตเป็นคนว่ายกลับเกิดเหตุกลับตาลปัตรที่มันโดนกะเทยสาวของปัญญาอนุสรณ์แซงได้ใน 50 เมตรสุดท้าย และว่ายแตะขอบสระได้ก่อน สร้างความเจ็บใจและอับอายให้กับทีมโรงเรียนเปรมปรีดาที่คุยข่มเอาไว้มากก่อนการแข่งขัน
สุดท้ายอาจารย์พลวิทย์ต้องเข้ามาเป็นกันชนและขอตัวกลับหลังความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น แต่อยู่ ๆ เสียงของจีน่าก็ดังขึ้น
“ยังกลับไม่ได้นะคะเพราะมีบทลงโทษสำหรับผู้แพ้”
อาจารย์พลวิทย์และสมาชิกชมรมว่ายน้ำที่เดินผละออกไปแล้วต่างหันกลับมามองสมาชิกของโรงเรียนปัญยอนุสรณ์ด้วยความงงงวยเพราะก่อนหน้านี้ไม่มีการพูดถึงบทลงโทษให้รู้มาก่อน
“ในใบยินยอมการลงแข่งมีบอกเรื่องการลงโทษคนแพ้ไว้ด้วยนะคะต้องมีตัวแทนทีมคนหนึ่งเข้าแข่งขันกับทีมของเราอีกครั้ง แค่คนเดียวเท่านั้นถ้าคุณชนะ คลิปการแข่งขันอันน่าอัปยศจะถูกลบไป ถ้าแพ้หรือคุณไม่ทำตามเงื่อนไขเราจะลงคลิปการแข่งขัน และพวกคุณจะถูกประจาน หนุ่ม ๆ อย่างพวกคุณแพ้กะเทยอย่างพวกเรา”
สมาชิกทีมโรงเรียนเปรมปรีดาต่างไม่ยอมให้คลิปถูกเผยแพร่ท่าเดียวเพราะมันจะสร้างความอับอายให้พวกเขา โดยเฉพาะไอ้โอ๊ตที่เป็นคนพาทีมแพ้อย่างยับเยิน มันเข้าไปหาอาจารย์พลวิทย์และบังคับข่มขู่ให้พลวิทย์ลงแข่งในนามตัวแทนทีม ทำให้พลวิทย์ปฏิเสธไม่ได้เขาเดินออกมาหาจีน่า บอกเงื่อนไขไปว่าเขาไม่มีชุดว่ายน้ำมาเปลี่ยนจีน่าจึงขอถุงกางเกงว่ายน้ำมาจากทีมงานอีกคนส่งให้พลวิทย์ไปเปลี่ยนชุด
กว่าพลวิทย์จะออกมาจากห้องเปลี่ยนเครื่องแต่งกายได้ก็กินเวลานานโขจนไอ้โอ๊ตต้องเข้าไปตาม เขาเดินออกมาใชขุดว่ายน้ำแบบ tong ที่เป็นสายรัดอันนิดเดียวด้านหน้าจึงปล่อยกลุ่มสาหร่ายที่อยู่ตามง่ามขาให้ออกมาเชยชมโลกภายนอกดีที่ขนเขาไม่ยาวมากเพราะเขาต้องตัดแต่งมันอย่างดีเพราะไม่อยากประเจิดประเจ้อยามต้องใส่กางเกงว่ายน้ำต่อหน้าเด็กๆ ที่ฝึกสอน แต่เขาก็ไม่ได้แต่งมันสำหรับต้องมาใส่กางเกงว่ายน้ำที่เว้าสูงแบบนี้ขณะที่ด้านหลังเป็นแค่เชือกเส้นเดียวปล่อยให้ตูดทั้งหมดออกมาเชยชมโลกภายนอกพวกเด็กสมาชิกชมรมต่างร้องแซวที่เห็นพลวิทย์ในชุดที่แสนเซ็กซี่ขนาดนี้ระหว่างพลวิทย์เดินออกมาเขาถูกทีมสื่อของโรงเรียนปัญญาอนุสรณ์รุมถ่ายรูปถ่ายคลิปเอาไว้ เขาจึงขอให้รีบแข่งขันให้เสร็จโดยไวแต่กลับกลายว่าการแข่งขันแก้ตัวนี้ ไม่ใช่การแข่งว่ายน้ำแต่เป็นการแข่งอย่างอื่นแทน ทั้งหมดพากันมาที่ห้อง ๆหนึ่ง ทันทีที่เห็นสมาชิกจากชมรมว่ายน้ำต่างร้องเสียงหลงเพราะตรงหน้าคือสนามแข่งมวยปล้ำ และคนที่พลวิทย์จะต้องแข่งด้วย เป็นชายร่างเล็กที่แต่งชุดสำหรับแข่งมวยปล้ำแบบเต็มยศรวมทั้งหน้ากากที่ปิดคลุมใบหน้าไว้ แต่ถึงจะปิดขนาดนั้นสมาชิกทุกคนของบ้านเปรมปรีดาก็จำได้ว่านั่นคือ
“อาจารย์เพชร”
อาจารย์เพชรทำไมมาแข่งในนามโรงเรียนปัญญาอนุสรณ์เป็นสิ่งที่ทำให้ใครต่อใครต่างแปลกใจ แต่สมาชิกชมรมว่ายน้ำต่างรู้สึกสนุกกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นและลุกขึ้นเชียร์ให้อาจารย์พลวิทย์จัดการอาจารย์เพชรให้จงได้แต่กลายเป็นว่าพอลงสนามจริง ชายร่างใหญ่กว่ากลายเป็นผู้ได้เปรียบแค่ในตอนต้นเท่านั้นพอแข่งไปสักพักเขากลับตกเป็นรองเพราะอาจารย์เพชรแลดูเป็นผู้เชี่ยวชาญและออกท่าออกทางของการแข่งมวยปล้ำได้ราวกับเป็นมืออาชีพขณะที่อาจารย์พลวิทย์รู้บ้างเท่าที่ได้เคยเรียนทฤษฎีมาหากแต่ไม่เคยได้ลงมือปฏิบัติ สุดท้ายเขาก็กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบอาจารย์เพชร อาจารย์เพชรจับอาจารย์พลวิทย์ทำท่าสะพานโค้งจนควยของอาจารย์พลวิทย์โด่ขึ้นมานางเปลี่ยนท่าเพื่อโจมตีอาจารย์พลวิทย์ที่จุดสำคัญของผู้ชายจนทำให้อาจารย์พลวิทย์รู้สึกจุกและท่าทีเด็ดคือการจับอาจารย์พลวิทย์พลิกตัวให้หัวทิ่มลงกับพื้นสนามและตัวงอขาชี้ฟ้าตอนนี้ก้มกลมกลึงอาจารย์พลวิทย์ปรากฏอยู่ต่อหน้านางแล้ว อาจารย์เพชรค่อย ๆจับขาที่ชี้ฟ้านั้นแยกออกจากกัน รูตูดของอาจารย์หนุ่มในฝันจ่ออยู่ที่หน้านางขนตูดที่ขึ้นหรอมแหรมนั้นสร้างความรัญจวนใจจนนางต้องเอาลิ้นลงไปโลมเลียอาจารย์พลวิทย์พยายามใช้กำลังที่มีสะบัดหวังให้ตัวหลุดจากการถูกจับพันธนาการแต่ทำยังไงก็ไม่หลุดอาจารย์พลวิทย์จึงถูกสั่งสอนกลับด้วยการถูกจับแก้ผ้าจนกลายเป็นชีเปลือยต่อหน้าทุกคนทันที
@@@@@
เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือปลุกให้อัครตื่นจากการหลับไหลในห้องเริ่มมืดแล้ว แต่ไฟไม่สว่างแสดงว่าไอ้โอ๊ตยังไม่กลับมาเขาเอามือควานหาโทรศัพท์มือถือและหยิบมันขึ้นมาเช็คข้อความก็เห็นการแจ้งเตือนเฟสบุ๊คว่ามีเพื่อนของเขาที่อยู่ชมรมว่ายน้ำสี่คนกำลังไลฟ์สดกันอยู่ เขากดเข้าไปดูของไอ้โอ๊ตก็เห็นมันถ่ายทอดการแข่งขันมวยปล้ำอยู่ตอนแรกเขาจะกดทิ้ง จนเห็นว่าชายหนุ่มที่กำลังเพลี่ยงพล้ำอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าทั้งตัวไม่มีเสื้อผ้าปกปิดเลย เขารู้สึกสงสัยว่าไอ้โอ๊ตโพสต์คลิปนี้ทำไมจึงดูที่ชื่อคลิปพบว่าเขียนกำกับว่า
“โค้ชวิทย์กับงานอดิเรกเล่นมวยปล้ำแก้ผ้าแม่งแก้ผ้าให้กูถ่ายตัวเองโดนปล้ำ 555”
พออัครเพ่งมองดี ๆก็เห็นว่าคนที่แก้ผ้าอยู่นั้นคืออาจารย์พลวิทย์จริง ๆนั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก จำนวนคนดูไลฟ์นั้นพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับคอมเม้นท์แสดงความตลก ขบขัน วิจารย์ควย ตูดและการโดนกระทำของอาจารย์พลวิทย์กันอย่างสนุกปากหนึ่งในนั้นคือวาโยที่ส่งข้อความมาว่า
“ความโรคจิตที่ติดตัวเขาอยู่เสมอเรื่องแก้ผ้าโชว์ขอให้บอก ทำประจำจนชิน ติดเป็นนิสัยชอบโชว์”
พอวาโยโพสต์ข้อความคราวนี้แต่ละคนต่างส่งข้อความให้อาจารย์พลวิทย์โดนลงโทษหนักๆและเหมือนคนที่เป็นคู่ปล้ำจะรู้จึงจัดหนัก ทั้งบีบควย เอาตีนนาบหน้าเอาตีนเหยียบลงไปทีควย จับอาจารย์พลวิทย์สาวควยโชว์ จับถอนขนรักแร้ ขนหมอย ขนตูดแล้วเอาขนเหล่านั้นให้อาจารย์พลวิทย์กินลงไปอาจารย์พลวิทย์โดนกระทำกระหน่ำจนตั้งตัวไม่ติดและอ่อนกำลังลงจากตอนแรกที่โดนตัดกำลังจากท่าล็อกคอ ทำให้เขาหมดทางสู้และกลายเป็นเหมือนซากที่ยังหายใจให้ฝ่ายตรงข้ามกระทำอย่างเดียวแล้วสุดท้ายสิ่งที่ทุกคนต่างเรียกร้อง
“เย็ดมันเย็ดมัน เย็ดโชว์ เย็ดสด แตกในเลย”
ข้อความขึ้นมาเป็นคำนี้ไม่ขาดสายจนสุดท้ายมหกรรมเย็ดโชว์สด ๆ จึงเกิดขึ้นจริง ๆ
“เหี้ยเอ๊ยอาจารย์วิทย์กู ยอมโดนเย็ดออกสื่อจริง ๆ”
“หมดกันความแมนที่มี”
“ยังจะกล้ามาสอนนักเรียนอยู่อีกไหม”
“อยากเห็นน้ำเงี่ยนออกจากรูตูดอาจารย์”
“เย็ดนานๆ เอาหนัก ๆ เลยนะ เอาให้อาจารย์ต้องคลานเป็นหมามาสอนเลย”
อัครอ่านข้อความไปใจเขาก็สั่นเต้นแรงไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น แต่ไอ้โอ๊ตเหมือนจะอยากเพิ่มความสะใจเช่นเดียวกับกลุ่มสมาชิกชมรมเปรมปรีดาที่เหลือ ที่ต่างวิ่งกรูเข้าไปถ่ายทอดสดการเย็ดอย่างชิดติดจอเคลื่อนกล้องไปที่รูตูดของอาจารย์พลวิทย์ที่กำลังโดนกระหน่ำเย็ดอย่างหนักก่อนจะเคลื่อนมาถ่ายที่ใบหน้าเหยเกแสดงความเจ็บปวดจากการซอยไม่ยั้งของอาจารย์เพชรเสียงของคนที่คุยกันดังลอดเข้ามาในไลฟ์ บอกให้อาจารย์วิทย์ครางออกมาดังๆจะช่วยลดความเจ็บ ขอให้อาจารย์วิทย์ทำหน้าเสียวให้สุด ๆ แต่ก็ยังให้เก็กหล่อไปด้วยเพราะตอนนี้หน้าขณะโดนเย็ดกำลังออกสื่อให้ทุกคนทั้งโลกได้ดู สาว ๆเหล่ากะเทยมาช่วยซับหน้า และแต่งผมให้อาจารย์วิทย์กันใหญ่และมีคนหนึ่งเอามือลงไปสาวควยชักให้อาจารย์วิทย์
“อาจารย์ไหน ๆ ก็โดนเย็ดท่าหมาแล้ว หอนแบบหมาให้ได้ยินหน่อย”
แล้วอาจารย์พลวิทย์ก็หอนออกมาจริงๆ หอนไปเสียวไป เผลอครางออกมาให้ฝ่ายตรงข้ามเย็ดแรงกว่านี้ เอาอีก ๆทุกคนตรงนั้นต่างหัวเราะสมเพชกับอาการเหมือนหมาติดสัตว์ของอาจารย์พลวิทย์แล้วภาพที่เห็นก็สร้างความน่าสมเพชเพราะมีกะเทยสาวนางหนึ่งลุกขึ้นฉี่ใส่ตัวอาจารย์พลวิทย์สร้างความตลกขบขันให้คนอื่น ๆ กันยกใหญ่สุดท้ายอาจารย์พลวิทย์โดนกระหน่ำเย็ดแล้วแตกในจริง ๆช่างภาพต่างเคลื่อนกล้องไปถ่ายภาพน้ำคาวกามไหลล้นออกมาจากร่องตูดอาจารย์พลวิทย์กันยกใหญ่บางคนเอามือรองแล้วเอามาป้ายใส่กัน สร้างความขยะแขยงและคนหนึ่งรองน้ำเงี่ยนนั้นเอาไปป้อนใส่ปากอาจารย์พลวิทย์
แล้วการไลฟ์สดก็จบลงตรงที่สมาชิกทีมว่ายน้ำช่วยกันหามอาจารย์พลวิทย์ที่หมดสภาพในสภาพแก้ผ้าน้ำเงี่ยนไหลย้อยจากตูดเป็นทางกลับขึ้นรถตู้ไป
อัครมองภาพหน้าจอที่ดับลงพร้อมใจที่สั่นของเขาก็ดับลงตามไปด้วย
[โปรดติดตามตอนต่อไป]
|