แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย wuna เมื่อ 2021-5-9 14:04
เรื่องนี้เป็นเหตุการณ์ในโลกคู่ขนาน ของ ปxาบนฟ้า อีกเช่นเคย โดยตอน0นี้จะเป็นแค่บทนำเฉยๆ ยังไม่มีอะไรมาก เชิญอ่านและติชมเสนอแนะได้เลยนะครับ ——————————————————
ผมมองดูเงาสะท้อนในกระจกบานใหญ่ของห้องน้ำ ที่ตั้งอยู่สุดรั้วมหาวิทยาลัยใจกลางกรุง คนที่จ้องกลับมาคือเด็กหนุ่มท่าทางเนิร์ดๆห่วยๆคนหนึ่ง
ผมเองก็คงไม่ต่างจากห้องน้ำแห่งนี้ ทั้งที่อยู่ในมหาลัยหรูหรา แต่เพราะความทรุดโทรมและซ่อนอยู่ชายขอบทำให้ไม่มีใครสนใจ
“ผม....” “ไอ้ปี้ คุยกับใครอยู่อ่ะ” เสียงหนึ่งขัดจังหวะ ผมเหลือบตาดูแม้จะรู้แต่แรก ว่าอีกฝ่ายคือใคร
“กูชื่อปี ไอ้สัต”
“กูก็ชื่อสัตยา มึงเรียกให้มันเต็มๆหน่อย หรือเรียกกูว่าพี่หมอกสุดหล่อก็ได้ ไง ซ้อมสารภาพรักกับเมืองน่านอีกแล้วเหรอวะ มึงอ่ะวันๆคิดแต่จะปี้เมืองน่าน มึงต้องชื่อปี้ถูกแล้ว”
ครับ นี่เป็นบทสนทนาระหว่างผมกับไอ้หมอก นิสิตแพทย์ดีเด่น ดีเด่นเหี้ยอะไร พูดจากวนตีนยังกะเด็กช่างกล
แล้วนิสิตทันตะอย่างผมไปรู้จักกับมันได้ยังไงน่ะเหรอครับ คือมันใช้แอดหลุมชื่อว่า’มนุษย์คณะข้างๆ’ทักผมมา แต่เสือกไม่ปิดโนติ๊ไง ผมสงสัย ก็เลยแชตไป เดินหาไป ทั่วห้องเรียนรวม จนจับได้ว่าคือมัน มันสารภาพว่าเห็นผมชอบอ่านการ์ตูนเลยอยากคุยด้วย เพราะพวกคณะแพทย์มีแต่เด็กเรียน บ้าวิชาการ อ่านแต่ตำรา ไม่อ่านการ์ตูน แล้วบังเอิญเราคุยกันถูกคอก็เลยสนิทกัน ถึงขั้นปรึกษากันได้ทุกเรื่อง ทำให้มันรู้ว่าผมแอบชอบเมืองน่าน เดือนมหาลัยที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ตอนกลางเทอม ซึ่งด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่รู้ เมืองน่านดันมาสนิทกับไอ้หมอกซะงั้น
ความสัมพันธ์ของเราก็เลยเป็นแบบ3Pมาตลอด ก็คือผมชอบเมืองน่าน ส่วนเมืองน่านเหมือนจะชอบไอ้หมอก ถ้าไอ้หมอกมาชอบผมอีกก็จะครบวงพอดี แต่คงไม่หรอกมันดูพยายามช่วยอวยผมกับเมืองน่านอยู่ แปลว่ามันไม่น่าจะชอบทั้งผมทั้งเมืองน่าน
“มาๆ ไอ้ปี้ มึงมาซ้อมกับกูนี่ ซ้อมกับกระจกจะไปได้เรื่องอะไร ต้องคนจริงถึงจะรู้รีแอคชั่นของอีกฝ่าย”
ไอ้หมอกดึงผมจากหน้ากระจกให้มาเผชิญหน้ากับมัน ถึงมันจะไม่ได้หน้าตาดีเท่าเมืองน่าน แต่ตำแหน่งเดือนคณะของมันก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย พอต้องจ้องหน้ามันตรงๆ ผมเลยอดประหม่าไม่ได้ ถึงอย่างนั้นก็ยังพยายามรวบรวมความกล้าพูดออกไป
“ผมชอบเมืองน่านครับ” “พ่อมึงเป็นผู้ดีเก่าเหรอ จะสุภาพไปไหน”
“เมืองน่าน ชั้นรักแกว่ะ” “มาบอกอะไรป่านนี้ พี่ซันนี่เขาเป็นพ่อมึงได้แล้วนะ”
“I love you 3000” “เนิร์ด เหี้ยๆ แถมฟังแล้วเหมือนมึงจะให้ค่าตัวมันสามพัน”
“นี่มึงจะช่วยกูซ้อม หรือมาซ้อมด่ากูเนี่ย ขัดได้ทุกคำ ชาติก่อนมึงเป็นไหมขัดฟันเหรอ”
“เปล่า เพิ่งมาเป็นชาตินี้ 55 โอ๋ๆ ไม่แกล้งละ แบบแรกแล้วกัน ธรรมดาๆ เข้าใจง่ายดี มึงก็แค่จ้องตาเขาอ่ะ ” ไอ้หมอกไม่ได้แค่พูดเฉยๆ แต่ทำให้ผมดูเป็นตัวอย่างด้วย มันจับมือแล้วก็จ้องตาผมอย่างจริงจัง
“แล้วก็บอกไปตรงๆว่า... ผมชอบคุณครับ ชอบมานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอก เป็นแฟนกับผมนะครับ”
....หลังจากสตั๊นท์ไปห้าวิ สติผมก็กลับคืนมา แหมอยู่ดีๆมีคนมาสารภาพรักใครๆก็เขินทั้งนั้น ถึงรู้ว่ามันแค่พูดเล่นก็เถอะ
“ไอ้สัต ขนลุกเลย เออๆ เอาแบบนี้แหล่ะ ขนาดกูยังเกือบเคลิ้ม ต่อให้เป็นเมืองน่านแม่งก็ต้องหวั่นไหวบ้างล่ะวะ ขอบใจมึงมากนะไอ้หมอก เดี๋ยวกูจะไปซ้อมต่อเอง” ผมพยายามร่ำลาแต่โดนไอ้เดือนคณะแพทย์ดึงมือเอาไว้
“เดี๋ยวก่อนไอ้ปี้ มึงจะไปสารภาพรักเมืองน่าน มึงจูบเป็นรึยัง” “เกี่ยวไรวะ กูจะไปสารภาพรักไม่ได้ไปปล้ำเขา” “ตอบมาเหอะ” “เป็นสิ กูเคยจูบแล้ว” “กับใคร” “ไอ้มึน ไซบีเรียนที่บ้าน นับไหม” “หมาเลียปาก ไม่เรียกว่าจูบ” “กูรักเมืองน่านด้วยใจบริสุทธิ์ กูไม่ทำให้เขาแปดเปื้อนหรอก” “บริสุทธิ์ใจมาก วันก่อนบ่นกับกูว่าอยากจะปี้เมืองน่านให้สลบ”
“แต่ถ้าเกิดเมืองน่านเป็นฝ่ายจะจูบมึงล่ะ แล้วถ้ามันเห็นว่ามึงจูบไม่ได้เรื่อง มันอาจจะไม่ตกลงรับรักมึงก็ได้”
“ขนาดนั้นเลยเหรอวะ แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ไปตะโกนในโรงอาหารว่าใครก็ได้ช่วยสอนผมจูบทีรึไง ใครมันจะไปบ้ายอมวะ” “กูไง” “มึงบ้าเหรอ ไม่เอา จูบแรกของกูเก็บไว้ให้เมืองน่านเท่านั้น”
“ก็แค่ฝึก ไม่นับหรอก เหมือนสอบพรีเทสไม่เก็บคะแนน ถ้าเราไม่คิดว่ามันเป็นการจูบ มันก็แค่คนสองคนเอาปากประกบกัน มีค่าเท่ากับหมาเลียปากนั่นแหล่ะ”
“ถ้ามึงไม่คิดกูไม่คิด ก็ไม่นับว่าเป็นจูบใช่ไหม ก็พอฟังได้อยู่นะ” “แต่กูคิดนะ…คิดว่ามึงเป็นหมาไง 555” “มึงสิหมา ไอ้สัต…”
สุดท้ายแล้วผมก็ยอมให้ไอ้หมอกสอนวิธีจูบให้ ผมขอให้มันบรีฟ ทฤษฎีและขั้นตอนการปฏิบัติก่อน แต่มันบอกว่า “นี่ไม่ใช่ห้องเรียนLabนะโว้ย ของแบบนี้มันต้องลองทำจริงเลย”
“มึงแปรงฟันรึยัง” “แปรงแล้วเมื่อเช้า มึงอย่าเรื่องมาก คิดว่าถึงจุดนั้น จะมีใครเขาบอกว่า มาแปรงฟันกันก่อนนะครับ แล้วค่อยจูบ รึไง”
ผมนั่งลงสูดลมหายใจลึกๆ ในขณะที่ไอ้หมอกค่อยๆเอียงหน้าโน้มเข้ามาใกล้
ผมเปลี่ยนใจจะลุกหนี แต่โดนไอ้หมอกกดไหล่เอาไว้ ตัวมันก็ไม่ได้ใหญ่กว่าผมมากมายทำไมแรงเยอะนักวะ
“กู ไม่..” พูดได้แค่นั้น ปากเราก็ประกบกัน ผมพยายามภาวนาในใจว่า นี่คือการฝึก ปากของไอ้สัตยา ก็คือปากของสัตหมา นี่คือหมาเลียปากไม่นับว่าจูบ แล้วไอ้สัตยาก็สอดลิ้นเข้ามาในปากผม
ลีลาการบดขยี้ริมฝีปากและโลมไล้ด้วยปลายลิ้นของมันทำให้ผมแทบเคลิ้ม แต่อยู่ดีๆมันก็หยุดทำ เปลี่ยนมาใช้ลิ้นแตะย้ำๆตรงปลายลิ้นของผม เหมือนจะเชิญชวนให้ผมเป็นฝ่ายบุกไปบ้าง ผมเลยลองทำเลียนแบบที่มันทำให้เมื่อครู่ ผมจึงได้รู้ว่าลีลาของการเป็นฝ่ายรับจูบของมันก็เด็ดดวงอีกเช่นกัน ผมไม่แน่ใจว่าพวกเราจูบ ไม่สิ ฝึกจูบ อยู่นานแค่ไหน แต่หลังจากผลัดกันรุกรับหลายรอบ ผมก็รู้สึกมั่นใจมากขึ้น ว่าคืนนี้จะสามารถทำให้เมืองน่านพอใจได้แน่นอน ถ้าเขายอมให้ผมจูบนะ
ผมผลักอกมันเบาๆเป็นสัญญาณจบคาบเรียน ไอ้หมอกถอนปากออกอย่างอ้อยอิ่งเหมือนไม่เต็มใจ “พรีเทสนี้กูได้กี่คะแนน” ผมถาม “แปดเต็มสิบ” “กดคะแนนฉิบ ยังไงก็ขอบคุณมึงมากนะ ที่คอยช่วยกูตลอด เดี๋ยวว่างๆพาไปเลี้ยงข้าว ไปก่อนนะ ต้องเตรียมไปงานคืนนี้"
คราวนี้ไอ้เดือนคณะแพทย์ ไม่รั้งผมไว้อีก ผมเก็บข้าวของแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำร้าง ซึ่งอยู่ห่างไกลจากทุกๆที่ในมหาลัย ทำให้ไม่มีใครใช้ ผมบังเอิญมาเจอก็เลยยึดไว้เป็นเซฟเฮาส์ส่วนตัว นอกจากผมแล้วก็มีแค่ไอ้หมอกที่รู้จัก ทำไมผมต้องมีเซฟเฮาส์เหรอ บอกตรงๆเลยก็ได้เอาไว้นั่งร้องไห้ครับ
ถ้าเปรียบเมืองน่านหรือไอ้หมอกเป็นเดือนคณะที่อยู่บนฟ้า คนอย่างผมมันก็คือดินคณะนั่นเอง ชนชั้นที่อยู่ได้แต่ใต้ตีน ทุกวันต้องโดนด่าโดนแกล้งสารพัด
เป้าของเมืองน่านก็เลยไม่ต่างจากเป้าบนฟ้าที่สวะบนดินอย่างผมคงยากที่จะอาจเอื้อม แต่ความรักมันเลือกกันได้ที่ไหน
ดินอย่างผมถ้ายอมระเบิดตัวเองก็อาจจะลอยขึ้นไปถึงดวงจันทร์ได้เหมือนกัน เรื่องนี้ผมไม่ได้คิดเองหรอก แต่ไอ้หมอกมันบอก เพื่อให้ผมลองพยายามดูสักครั้ง
ถ้าไม่มีมันคอยช่วย เรื่องของผมกับเมืองน่านคงเป็นได้แค่ความฝัน แม้แต่งานที่คลับวันนี้ก็เป็นไอ้หมอกหาบัตรเชิญมาให้ ผมไม่มีปัญญาเข้าหรอกครับ คลับหรูหราไฮโซใจกลางเมือง อย่างไอ้โรยัลไดมอนด์คลับ อะไรเนี่ย เกิดมายังไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ ผมหยิบบัตรเชิญเข้างานมาอ่านรายละเอียดอีกรอบก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ
รอก่อนนะ เมืองน่าน เป้าบนฟ้าของผม ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหนผมก็จะพยายามคว้านายมาให้ได้ ต่อให้ต้องระเบิดตัวเองก็ยอม
เอาใจช่วยผมด้วยนะครับทุกคน
|