บทนำ ณ วิทยาลัยแห่งหนึ่ง อั้ม เจ้าหน้าที่แผนกการตลาดหนุ่มวัย 24 ร่างสูงใหญ่กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อสรุปเป็นรายงานการประชุมในวันพรุ่งนี้อย่างขะมักเขม้นไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนขยันแต่เป็นเพราะถูกโยนงานมาให้ทำโดยเพื่อนๆร่วมแผนกของเขาเขาเป็นชายหนุ่มคนเดียวในแผนกทำให้งานใช้แรงงานจึงตกไปอยู่กับไม่ว่าจะเป็นการขนสื่อต่างๆ เข้าห้องวิ่งถ่ายเอกสารใบสมัคร ฯลฯ จนทำให้เขาไม่มีเวลาในการทำงานของตัวเองเขาเหลือบมองนาฬิกาก็เป็นเวลาเกือบสามทุ่มแล้วเขาจึงรีบปั่นงานจนเสร็จและรีบเดินทางกลับบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อนระหว่างทางกลับบ้าน เขาบังเอิญพบหญิงชราคนหนึ่งนั่งขอทานอยู่ตรงสะพานลอยหน้าปากซอยบ้านเขาด้วยความสงสารอั้มเลยล้วงกระเป๋าสตางค์หยิบแบงค์สีแดงให้คุณยาย “ยายครับเอาเงินนี่ไปทานข้าวนะครับ” หญิงชรามองหน้าชายหนุ่มด้วยความดีใจก่อนจะเอ่ยถามชายหนุ่ม “ขอบคุณนะพ่อหนุ่มเราอายุเท่าไหร่แล้วเหรอ” ยายถาม “มะรืนนี้อายุ 25 แล้วครับ” ชายหนุ่มตอบยายยิ้มก่อนจะตอบกลับเป็นคำกลอนชวนขนลุกว่า “พึงระวังอายุครบจบรอบ องค์ประกอบเหมาะสมฤทัยหมาย คืนเดือนดับวังเวงชวนเหงากาย วายุพรายเงียบสงัดมิมาเยือน จักมีสิ่งเปลี่ยนแปลงในเรือนร่าง ตากระจ่างพร่างพรายมิเสมือน มีอำนาจบันดาลดลจนสะเทือน อย่าลืมเลือนมีสติทุกเวลา” อั้มฟังด้วยความสงสัยแต่ก่อนที่จะได้เอ่ยถามอะไรกับคุณยาย “พี่อั้มจ๋า” เสียงดังของเด็กสาววัยสดใสตะโกนทักมาจากข้างหลังจนทำให้อั้มต้องหันไปหาต้นเสียงต้นเสียงไม่ใช่ใครที่ไหน กิ๊ฟ รุ่นน้องนักเรียนม.ปลายโรงเรียนเดียวกับอั้ม ที่อั้มยังคงเป็นที่ปรึกษาให้กับค่ายที่ตัวเองเป็นคนสร้างมา “อ้าว กิ๊ฟ ยังไม่กลับบ้านอีกเรอะนี่มันสามทุ่มแล้วนะ”อั้มทำสีหน้าและน้ำเสียงตำหนิเมื่อเห็นรุ่นน้องคนสนิทกลับในเวลานี้ “แหะๆ พอดีพวกหนูเตรียมจะทำค่ายกันค่ะเจอพี่อั้มพอดีเลยยังไงอย่าลืมมาช่วยพวกหนูดูเรื่องกิจกรรมด้วยนะคะส่วนกำหนดประชุมเดี๋ยวหนูทักในไลน์อีกทีนะคะ” กิ๊ฟยิ้มตอบอย่างร่าเริง “โอเคจ้า ยังไงก็รีบกลับบ้านได้แล้ว” “ได้ค่ะ ว่าแต่เมื่อกี้พี่อั้มคุยกับใครอยู่เหรอคะ” “อ๋อ ก็คุณย...” อั้มหันไปหาคุณยายแต่อั้มกับพบความประหลาดใจเมื่อเขาเจอแต่ความว่างเปล่า “อะ เอ่อ คุยกับคุณยายในโทรศัพท์น่ะ” โชคยังดีที่มีหูฟังข้างหนึ่งเสียบไว้ที่หูของเขา “ไปๆกลับบ้านได้แล้วไปดึกแล้ว” อั้มรีบไล่กิ๊ฟกลับบ้านก่อนจะนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่นี้ วันต่อมาที่แสนวุ่นวายอั้มยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานจนเย็นวันนี้เขาเลิกงานเร็วเนื่องจากมีนัดกินวันเกิดกับเพื่อนๆของเขาที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งหนึ่งใกล้ๆบ้านของกลุ่มอั้มทุกคนต่างมารวมตัวกันถึงแม้ว่าวันนี้จะมากันไม่ครบทุกคนแต่อั้มก็มีความสุขเพราะเป็นกลุ่มเพื่อนที่อั้มสนิทที่สุดตั้งแต่เรียนจบและทำงานถือว่าเป็นการรวมตัวกันในรอบปีเลยทีเดียว ทุกคนสนุกสนานกันจนถึงเวลาสี่ทุ่มกว่าพนักงานที่ร้านได้เดินมาบอกว่าใกล้จะปิดร้าน ทุกคนจึงทำการเคลียร์บิลและเดินทางต่อไปยังร้านอาหารกึ่งบาร์ใกล้มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งร้านนี้เป็นร้านของรุ่นพี่อั้มเอง “Hi เด็กๆ Long time to see นะคะไม่เจอกันนานเลยนะหนูๆ” เมื่อไปถึงร้านเจ๊จิ๊น เจ๊กะเทยวัยกลางคนผู้เป็นรุ่นพี่ของพวกอั้มได้เอ่ยทักทายด้วยความดีใจเมื่อเห็นรุ่นน้องสุดที่รักกำลังทยอยกันเข้ามาในร้าน “สวัสดีค่ะคุณเจ๊สบายดีนะคะเจ๋เจ๊” อั้มเข้าไปสวมกอดแม่ด้วยความคิดถึงอั้มกับเจ๊จิ้นมีความสนิทกันเนื่องจากเจ๊จิ้นเป็นผู้สอนอะไรต่างๆให้กับอั้มและเป็นที่ปรึกษาปัญหาชีวิตให้กับอั้มอยู่เสมอ “สบายดีจ้าสบายดีแหละระดับนึง เออนี่ๆโต๊ะที่จองไว้อยู่ทางนู้นนะคะเจ๊เตรียมทุกอย่างไว้รอละเดี๋ยวขอเจ๊ไปรับแขกก่อนเดี๋ยวตามไปนะคะ” เจ๊จิ๊นชี้ไปทางมุมหนึ่งของร้านที่เป็นมุมส่วนตัวสามารถพูดคุยกันได้อย่างเต็มที่โดยไม่รบกวนใคร คณะอั้มสนุกสนานกับงานเลี้ยงวันเกิดของตัวเองอย่างเต็มที่จนเวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้อั้มรู้สึกปวดเบาจึงขอตัวมาเข้าห้องน้ำ พอดูนาฬิกาถึงรู้ว่าตอนนี้ห้าทุ่มห้าสิบเก้านาทีระหว่างที่ยืนถ่ายเบาและคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้นเอง ติ๊ง!! 23:59:40น. อั้มได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งร่างกายสูงโปร่งหุ่นแน่นหน้าคมผิวขาวกำลังเดินเข้าห้องน้ำและมายืนถ่ายเบาข้างๆอั้มติ๊ง!! 23:59:50น.อั้มมองตาค้างด้วยความหล่อคมคายของเขาดูจากเสื้อผ้าที่ใส่น่าจะเป็นนักศึกษาของมหาลัยใกล้ร้านนี่เองติ๊ง!! 23:59:55น.หนุ่มน้อยมองหน้าอั้มก่อนจะยิ้มอ่อนๆให้เป็นการทักทายและหันไปมองทางอื่นติ๊ง!! 00:00:00น.อั้มได้ยินเสียงนาฬิกาดังขึ้นมาในหัวเป็นเสียงนาฬิกาแบบโบราณเรือนใหญ่มีลูกตุ้มที่ตั้งโชว์ไว้ในบ้านเสียงนั้นก้องดังอยู่ในหัวตลอดเวลา อั้มพยายามประคองสติก่อนจะหมดสติไปอั้มตื่นขึ้นมาอีกทีพบว่าเจ๊จิ้นกำลังปฐมพยาบาลให้อยู่อั้มรู้สึกว่ากำลังพิงกับใครสักคนจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองปรากฏเป็นน้องเทพบุตรปริศนาคนเดิมกำลังประคองอั้มด้วยแขนอันกำยำพร้อมกับเอายาดมมาอังที่จมูกให้ โดยมีเจ๊จิ้นและคณะเพื่อนๆคอยปฐมพยาบาลอั้มอยู่พอได้สติอั้มรีบดีดตัวลุกขึ้นยืนแต่เกิดอาการเซอีกครั้งทำให้น้องนักศึกษาต้องช่วยพยุง “เป็นอะไรไหมครับพี่” น้องนักศึกษาถามด้วยความเป็นห่วงทำให้อั้มเขินหน้าแดง โชคดีที่ฤทธิ์เหล้าทำให้ไม่มีใครรู้ว่าอั้มกำลังเขิน “คนอะไรหล่อฉิบหายเลยถ้าพรวิเศษมีจริงขอให้น้องคนนี้เป็นแฟนกับเราด้วยเถิด” อั้มคิดอยู่ในใจขณะที่สบตากับน้องเขา “อั้มเป็นยังไงมั่งลูก หนูโอเครึเปล่า ดีนะที่ได้น้องสุดหล่อเขาช่วยเอาไว้ไม่งั้นหัวหนูกระแทกพื้นง่อยรับประทานไปแล้วนะค” เจ๊จิ้นสาธยายตามภาษาของเจ๊ “ขอบคุณนะคับน้อง” อั้มหันไปขอบคุณน้องนักศึกษาหนุ่มพลางคิดในใจถ้าได้รู้จักชื่อน้องก็คงจะดี “ไม่เป็นไรครับพี่ผมชื่อ ป๊อด ครับ” ป๊อดตอบพร้อมส่งยิ้มมหาสเน่ห์ใส่อั้ม ทำเอาใจอั้มสั่นไปหมดแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมน้องถึงบอกชื่อกับคนแปลกหน้าอย่างตัวเอง “เอาล่ะๆไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วไปค่ะ แยกย้ายค่ะไปสนุกกันต่อค่ะ” เจ๊จิ้นให้คณะไทยมุงกระจายตัวกันกลับเพื่อนๆอั้มต่างมาพยุงพาอั้มเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองอั้มหันไปมองป๊อดอีกครั้งขณะที่ป๊อดเองก็สบสายตามาทางอั้มเช่นกัน “ขอให้ตอนกลับบ้านได้เจอกับป๊อดอีกครั้งเถอะ” อั้มคิดในใจก่อนจะสนุกกับเพื่อนๆต่ออั้มสนุกสนานกับปาร์ตี้ต่อสักพักจู่ๆไฟในร้านก็ดับลงยังไม่ทันที่อั้มจะได้ตกใจอะไรมากมาย “Happy Birthday to you Happy Birthday to you Happy Birthday HappyBirthday Happy Birthday to you” ไฟจากเค้กก้อนโตได้ถูกถือมาตรงหน้าอั้มพร้อมกับเพื่อนๆและคนในร้านต่างกันร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้อั้ม “เอาล่ะค่ะน้องที่น่ารักของเจ๊อธิษฐานและเป่าเทียนวันเกิดได้เลยค่ะ” เจ๊จิ้นกล่าว อั้มหลับตาอธิษฐาน “ขอให้วันเกิดปีนี้มีสิ่งอัศจรรย์ตื่นเต้นๆเกิดขึ้นกับตัวเอง ที่จะทำให้เปลี่ยนไปตลอดชีวิตด้วยเถิด” อธิษฐานเสร็จอั้มได้เป่าเค้กวันเกิด จากนั้นทุกคนได้สนุกกันต่อจนร้านปิด อั้มแยกกับเพื่อนที่หน้าร้านเพราะร้านอยู่ไม่ไกลจากคอนโดที่อั้มพักอยู่เท่าไหร่นักระหว่างจะออกจากร้านอั้มได้เห็นชายกลุ่มหนึ่งกำลังยืนคุยกันอยู่หน้าร้านอั้มไม่ได้สนใจอะไรเดินผ่านชายกลุ่มนั้นไปสักพัก “พี่ครับ” มีเสียงเรียกไล่หลังมา อั้มจึงหันไปหาเจ้าของเสียงปรากฏว่าเป็นน้องป๊อดสุดหล่อนี่เอง “กลับบ้านแล้วเหรอครับพี่” ป๊อดถามพร้อมส่งยิ้มมาให้อั้ม เด็กอะไรน่ารักเป็นบ้าเลย “ใช่เลิกแล้วกำลังจะกลับน่ะ” อั้มตอบเขินๆ “แล้วพี่โอเคแล้วใช่ไหมครับ” ป๊อดถามด้วยความเป็นห่วง “ก็โอเคแล้วแหละ ขอบใจที่เป็นห่วงนะ พี่พักอยู่คอนโดตรงนี้เองแล้วเราล่ะกลับยังไง” อั้มตอบ “ผมเอามอไซค์มาครับขี่กลับหอแถวๆมอ ถ้างั้นกลับบ้านดีๆนะครับ” ป๊อดยิ้มตอบ “พูดให้อยากและจากไป ช่วยชวนกูกลับบ้านด้วยกันสิไม่ได้เหรอ หรือผมขอไปส่งพี่กลับบ้านได้ไหมไรงี้” ในจังหวะที่ทั้งสองสบตากันอั้มได้คิดในใจ “เอ่อ..พี่ครับจะเป็นอะไรไหมพี่ถ้าผมจะขอไปส่งพี่ที่คอนโด” ป๊อดถามด้วยอาการเขินๆ “เมื่อกี้เราพูดว่าอะไรนะ” อั้มถามอย่างแทบไม่เชื่อหูตัวเอง “ผมอยากไปส่งพี่ที่คอนโดจะได้ไหมครับ” ป๊อดรวบรวมความกล้าก่อนจะขออนุญาตไปส่งอั้ม “ก็ได้นะ” อั้มอนุญาต “งั้นพี่รอผมตรงนี้สักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปบอกเพื่อนและไปเอามอไซค์ก่อน” ป๊อดยิ้มอย่างลิงโลดก่อนจะรีบเดินไปคุยกับเพื่อนสองสามประโยคเพื่อนในกลุ่มป๊อดหันมามองที่อั้มเป็นตาเดียวก่อนจะมีเสียงแซวป๊อดเป็นการใหญ่อั้มได้แต่หน้าแดงเขินจนต้องเดินหลบไปอีกมุมนึงอั้มคิดทบทวนกับตัวเองว่านี่มันความฝันหรือความจริงทำไมทุกครั้งที่สบตาและคิดถึงสิ่งที่อยากให้เขาทำทำไมคนๆนั้นถึงทำแบบเดียวกับสิ่งที่เราอยากให้เขาทำจริงๆนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย “ปี๊น ปี๊น” ความคิดในหัวหยุดลงเพราะเสียงแตรมอเตอไซค์ ที่ดังมาจากข้างหน้าเขา “พี่อั้มค้าบ” อั้มหันไปพบกับป๊อดในลุค ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีดำแขนยาวสวมหมวกกันน็อคทำให้ดูเท่ห์อย่างบอกไม่ถูกในสายตาอั้ม “ว่าแต่ เรารู้จักชื่อพี่ได้ยังไงอ่ะ” อั้มสงสัย “ก็เห็นเพื่อนพี่เขาเรียกกันน่ะครับ มาพี่มาซ้อนผมเลยครับ” ป๊อดตอบ “จ้าๆจะให้พี่ซ้อนมอไซค์เราจริงๆเหรอ” อั้มถาม “จริงสิพี่กลัวผมจะพาไปซอยเปลี่ยนเหรอครับ อิอิ” ป๊อดตอบอย่างร่าเริง “ก็ลองดูสิ” อั้มหัวเราะก่อนจะยอมซ้อนมอไซค์ของป๊อดแต่โดยดี “ผมไปละนะพี่ เกาะแน่นๆนะค้าบ” ป๊อดพูดก่อนที่จะเร่งเครื่องออกขณะที่อั้มคิดในใจว่าคืนนี้น่าจะมีอะไรสนุกๆแน่ๆ ) g* P5 i: k* K
ปล.ถ้าชอบอย่าลืมคอมเมนต์มานะคร้าบ ติชมกันได้นะครับผมเป็นนักเขียนมือใหม่แหะๆ # ~( |5 {, J7 B, q& W+ p
|