แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย wuna เมื่อ 2021-5-16 20:02
ความเดิมตอนที่แล้ว (เรื่องนี้มี EP.0) ปี้ เอ้ย ปี ดินคณะผู้ต่ำต้อย ใฝ่ฝันที่จะคว้าดาวมหาลัยอย่าง เมืองน่าน มาเชยชม โดยมี หมอก เพื่อนสนิทคอยช่วยเหลือ วันนี้เขาจะถือโอกาสไปสารภาพรักกับเมืองน่าน ในงานเอกซ์คลูซีฟปาร์ตี้สุดหรูที่โรยัลไดมอนด์คลับ
----------------------------------------------------------
เมื่อกลับมาถึงหอ ผมอาบน้ำแต่งตัวสวมชุดใหม่เอี่ยม เตรียมจะออกไปหาเมืองน่าน พอดีกับที่ไอ้เดือน พี่ชายจอมเถื่อนของผมกลับมาจากมหาลัย มันเห็นผมแต่งตัวเต็มยศก็เลยถามว่าจะไปไหน
“ไปเที่ยวสังสรรค์กับเพื่อนอ่ะเฮีย แล้วเฮียอ่ะไปไหนไหม ไม่กลับบ้านหน่อยเหรอ เดียวป๊าม้าคิดถึงนะ”
“มึงจะพาใครมาค้างเหรอถึงได้ไล่กู แต่งตัวเชยเหี้ยๆแบบนี้ กูว่าสุดท้ายต้องกลับมานอนชักว่าวคนเดียวมากกว่า”
“เกลียดคนรู้ทัน”
“ตกลงใครวะ เมืองน่านเหรอ”
“อือ วันนี้จะไปสารภาพรักเมืองน่าน” ผมพยักหน้าเขินๆ ไอ้เดือนเข้ามาโอบไหล่ผม "อย่าหาว่ากูแช่งนะ แต่มึงก็ต้องเผื่อใจไว้เจ็บบ้าง มึงกับเขาต่างกันเหมือนสวรรค์กับอเวจี คงต้องมีปาฏิหาริย์เท่านั้นถึงจะสำเร็จ”
“ใช่ซิ ผมไม่เหมือนเฮียกับเฮียวันนี่ ฮอทกันทั้งคู่ หัวกะดอไม่เคยแห้ง พี่น้องกันแท้ๆ ทำไมฟ้าไม่ยุติธรรม” ผมตัดพ้อแล้วเผลอทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะนิสัยลูกคนเล็กกำเริบ จนไอ้เดือนต้องเข้ามาปลอบ
“ขี้แงชิปหาย มาๆเห็นแก่ที่มึงจะสารภาพรัก วันนี้กูจะเปิดเผยความลับที่สืบทอดมาของตระกูลเราให้ ” พี่ชายผมทำเสียงเลียนแบบโดเรม่อน แล้วล้วงของออกมาจากกระเป๋า “ท้าด๊า ควยวิเศษ”
“ของวิเศษรึเปล่าเฮีย” ผมพยายามตบมุขให้มัน เพราะมีกันอยู่แค่สองคน แต่พอดูของในมือมันก็เป็นควยจริงๆ เอ่อ ไม่ได้หมายถึงควยของมันนะ ถึงพี่ชายผมจะทั้งโง่ทั้งบ้า แต่ยังไม่ถึงขั้นควักควยมาโชว์น้อง ของในมือมันคือควยที่ทำจากแก้วใสๆเหมือนกับแท่งปลัดขิก ขนาดประมาณนิ้วชี้ที่ฐานมีรูร้อยเชือกเป็นสร้อยพร้อมใส่ได้
“นี่เป็นของที่ตกทอดกันมาในตระกูลของเรา ปู่ให้พ่อ พ่อให้พี่ พี่ให้กู และวันนี้กูจะให้มึง ไอ้น้องlove รับประกันความศักดิ์สิทธิ์ ใครเห็นใครรัก ใครเห็นใครหลง สาลิกายังอาย ขุนแผนยอมแพ้พ่าย แต่ของขลังแบบนี้ จะให้กันเฉยๆไม่ได้มันจะเสื่อม ต้องมีค่าบูชาครู สักเล็กน้อย….”
ถุย อุตส่าห์ฟังมันบรรยายสรรพคุณตั้งนาน ที่แท้แม่งก็จะหลอกไถตังผมอีกตามเคย สุดท้ายผมเลยจ้างมันพันนึงให้กลับบ้านไปซะ ช่วงนี้มันช๊อตเพราะโดนตัดเงินค่าขนมหลังจากติดFแล้วต้องเรียนซ้ำอีกปี มันเลยยอมกลับไปแต่โดยดี ผมเอาสร้อยปลัดขิกมาสวมเผื่อจะเพิ่มความมั่นใจได้บ้าง
ก็ไม่คิดหรอกนะว่าเรื่องของผมกับเมืองน่านจะสำเร็จ แต่มีอะไรพอช่วยได้ก็ลองทำไว้ก่อนไม่เสียหาย ดีกว่าต้องมานั่งเสียดายทีหลัง
ในที่สุดผมก็ฝ่ารถติดของพื้นที่ใจกลางทองหล่อมาถึงได้ ก่อนเวลาเริ่มงานหวุดหวิด โรยัลไดมอนด์คลับตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า ตึกหรูหราสไตล์ยุโรปประดับประดาด้วยเพชรพลอยจนวิบวับสมชื่อ ผมเดินเข้าไปหาคนเฝ้าประตู ล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบบัตรเชิญออกมา ด้วยท่าที่คิดว่าเท่ที่สุด แต่ไม่เจอ! เพราะผมลืมมันไว้ในกระเป๋าชุดนิสิต ตั้งแต่ตอนที่แล้ว! ผมพยายามอธิบายคนเฝ้าประตู แต่อีกฝ่ายยืนกรานว่าเข้าได้เฉพาะคนที่มีบัตรเชิญเท่านั้น
ถ้าต้องกลับหอไปเอาบัตรแล้วมาอีกรอบงานคงเลิกพอดี ผมเลยได้แต่โทรหาไอ้หมอก เคราะห์ซ้ำกรรมซัด มือถือเจ้ากรรมแบตก็ใกล้จะหมดเพราะผมลืมชาร์จอีก หลังจากเล่าเรื่องให้มันฟังคร่าวๆ ไอ้หมอกก็ตอบกลับมาว่า
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูจัดการให้ มึงไปที่ประตูหลังนะ จะมีคนเฝ้าอีกคน มึงบอกเขาว่ามาหานายน้อย….ตื๊ด” นั่นล่ะครับ มือถือผม ดับสนิทกลายเป็นสากกระเบือเรียบร้อย อยากจะปาทิ้งอยู่นะ แต่ไม่มีตังซื้อใหม่
ผมทำตามที่ไอ้หมอกบอก เดินเข้าซอยเลี้ยวไปที่ประตูหลัง บอกคนเฝ้าว่านายน้อยให้มาหา แต่โดนถามกลับมาว่า “นายน้อยเล็ก นายน้อยกลาง หรือ นายน้อยใหญ่” นายน้อยหรือกางเกงในวะ มีหลายไซส์เหลือเกิน กูจะรู้กับมึงไหม ผมลองบอกชื่อไอ้หมอกไป แต่คนเฝ้าบอกว่ามันเป็นแค่ลิ่วล้อไม่รู้จักชื่อจริงชื่อเล่นของนายน้อยหรอก นายน้อยก็คือนายน้อย ผมเลยตอบมั่วไปว่านายน้อยกลาง คนเฝ้าประตูก็ดีใจหาย พาผมขึ้นลิฟต์ไปส่งถึงที่ ไอ้ตึกนี้ระบบรักษาความปลอดภัยดีมาก ถ้าไม่มีคีย์การ์ดนี่เข้าลิฟต์ไม่ได้นะ ผมโดนเอามาปล่อยไว้ที่ชั้นหก ว่าแต่เท่าที่จำได้งานมันอยู่ชั้นห้ารึเปล่าหว่า สงสัยจำผิด
ระหว่างที่กำลังเดินเงอะงะเปะปะ ผมก็เจอพนักงานสาวคนหนึ่งผ่านมาพอดี กะว่าจะถามทางแต่เธอกลับถามผมก่อนว่าเป็นคนที่นายน้อยสั่งให้มาใช่ไหม ผมเลยพยักหน้า
“อ้อ น้องนี่เอง กำลังตามหาอยู่เลย มาเกือบไม่ทันแล้วเนี่ย” แล้วเธอก็จูงมือผมไปที่…ห้องแต่งตัวเหรอ? มันเป็นห้องที่ฟากนึงเป็นกระจกกับโต๊ะวางเครื่องสำอาง ฟากนึงเป็นราวแขวนเสื้อผ้าและตู้ล็อคเกอร์เรียงราย เหมือนกับที่นักแสดงใช้เปลี่ยนชุดแต่งหน้าอยู่หลังเวทีตามโรงละครต่างๆ แต่ตอนนี้มีเราอยู่แค่สองคน
“เอ้า ถอดเสื้อผ้าได้แล้ว”
“เอ๋ ! ถอดทำไมครับ?” หรือว่าปลัดขิกจะแผลงฤทธิ์ เกิดมานอกจากแม่แล้วไม่เคยมีผู้หญิงที่ไหนมาบอกให้ผมถอดเสื้อผ้าเลย
“ตรวจอาวุธค่ะ”
เห้อ โล่งอก ที่แท้ก็แค่ตรวจอาวุธ คงเป็นมาตรการของคลับ เพราะผมเข้าทางประตูหลังที่ไม่มีเครื่องสแกนมั้ง
ผมแก้ผ้าจนเหลือแต่บอกเซอร์ แล้วก็กางแขนออกให้ตรวจ
“น้องนี่หุ่นดีใช้ได้เลยนะเนี่ย ทั้งขาว ทั้งมีกล้าม ตอนใส่ชุดอยู่นี่ดูไม่ออกเลย สมแล้วกับที่ทำงานแบบนี้”
พี่เขารู้ว่าเราเป็นนิสิตทันตะก็เลยดูแลสุขภาพตัวเองด้วยเหรอวะ สงสัยไอ้หมอกเป็นคนบอก
“ไหน ขอดูอาวุธหน่อยซิ” แล้วเธอก็ดึงบอกเซอร์ผมลงดังพรวด จนเราทั้งคู่แทบจะกรี๊ดออกมาพร้อมๆกัน
“ว้าย นี่มันของจริงเหรอคะเนี่ย ไม่นึกเลยว่าจะซ่อนรูป ใหญ่ไม่เบานะเรา”
ผมเอามือปิดควยแปดนิ้วของตัวเองไว้ ถึงแม้จะไม่มิดแต่ก็ช่วยกันมือของพี่คนนั้นไม่ให้ยื่นมาจับได้ มีแต่ไอ้นี่แหล่ะที่พ่อให้พวกเราสามพี่น้องมาอย่างเท่าเทียมกัน
“หวงอีก โอเคๆเจ้เข้าใจ ของซื้อของขายอะเนอะ งั้นนั่งลงก่อน เดี๋ยวแต่งหน้าทำผมให้ จะได้เริ่มแสดง ใกล้ถึงคิวแล้ว”
“เอ๊! แสดงอะไรครับเจ้” คือเห็นควยกันก็ถือว่าสนิทแล้วไง เรียกเจ้แม่งเลย
“อ่าว ก็น้องเป็นนักแสดงแก้ผ้าโชว์ที่นายน้อยจ้างมาไม่ใช่เหรอคะ”
“ไม่ใช่! ผมเป็นแขก”
“แขกน้ำตวย เหรอคะ”
“ผวนเก่ง! ไม่ได้ล้อเล่นนะเจ๊ เอาของผมคืนมา” ผมพยายามยื้อแย่งเสื้อผ้าจากมืออีกฝ่าย ซึ่งก็สู้แรงผมไม่ได้หรอก ระหว่างที่กำลังจะใส่เสื้อผ้าแล้วคิดว่าจะหนีออกไปยังไง อีเจ้นั่นก็หยิบขวดอะไรก็ไม่รู้ออกมา แล้วพ่นน้ำสเปรย์ในนั้นใส่หน้าผมเต็มๆ
หลังจากนั้นสมองผมก็เบลอๆไปหมด ภาพทุกอย่างมันเหมือนอยู่ในม่านหมอกของความฝัน แม้แต่แสงหลอดไฟก็ยังฉายเป็นเฉดสีพาสเทล
ในสติอันเลือนราง ผมได้ยินอีเจ้นั่นพูดว่า “โชคดีที่นายน้อยให้พกยาเคด่วยรุ่นสเปรย์มาด้วย โทษทีนะ จะเป็นนักเต้นไหมไม่รู้ล่ะ แต่งานนี้จะพลาดไม่ได้ ยังไงก็ช่วยกันหน่อย ของดีๆจะเก็บไว้ดูคนเดียวรึไง” นางไม่พูดเปล่า แต่เข้ามาจับลำควยของผมไปด้วย ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันแข็งขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ส่วนมือผมน่ะอ่อนไปเรียบร้อย เสื้อผ้าที่จะใส่ตกลงพื้นไปหมดแต่แรก
“เห็นแก่ว่าเราไม่ใช่มืออาชีพ เดี๋ยวเจ้ช่วยเซนเซอร์ให้แล้วกัน เดี๋ยวคลิปหลุดขึ้นมาจะกลายยุ่ง” เจ๊เดินไปที่ราวเสื้อผ้าแล้วเลือกหยิบหน้ากากแบบปิดบังแค่บริเวณตา มาสวมให้ผมแทนแว่น ตอนนี้สิ่งที่อยู่บนตัวผมจึงมีแค่ บอกเซอร์ย้วยๆหน้ากาก แล้วก็สร้อยคอปลัดขิกแค่นั้น
“อูย ถ้าไม่ใช่ต้องทำงานนะ ควยใหญ่แบบนี้ เจ้จะขอจัดก่อนสักดอกสองดอก“ อีเจ้นั่นยังคงลูบคลำควยผมไม่เลิก แต่ตัวผมกลับได้แต่ยืนงง เหมือนซากศพที่ไร้วิญญาณ
ประตูฝั่งเวทีเปิดออก ชายหนุ่มในร่างเปลือยอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับพูดว่า “พักครึ่งสิบนาที คู่แสดงผมมารึยังครับเจ๊”
“มาแล้วจ้า ขอแต่งหน้าทำผมแป๊บ” อีเจ้เลิกเล่นควยผม แล้วดันผมไปนั่งหน้ากระจก
“เมืองน่าน” ผมอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา รีบดึงบอกเซอร์ขึ้นมาปิดควย
ชายหนุ่มคนนั้นเดินเข้ามาหาผมด้วยสีหน้างุนงง
“เราปีไง บังเอิญเนาะ ไม่นึกว่าจะมาเจอน่านที่นี่”
“อ้อปีเองเหรอ” อีกฝ่ายยิ้มแห้งๆ ก็นะมาเจอกันในสถานการณ์แบบนี้ ไม่น่าเชื่อว่าเดือนมหาลัยจะมีงานอดิเรกแก้ผ้าโชว์ในคลับด้วย
ระหว่างที่เราคุยกันอีเจ้ก็แต่งหน้าทำผมให้ผม ไม่น่าเชื่อว่าภาพในกระจกของผมตอนนี้ดูดีไม่แพ้พี่ชายทั้งคู่ คนงามเพราะแต่งแม่งเป็นเรื่องจริงเหรอวะเนี่ย
“หล่อใช่เล่นเหมือนกันนะปี” ไม่น่าเชื่อเลยว่าเมืองน่านจะชมผม แค่นี้ผมก็ใจฟูจนรู้สึกคุ้มค่าที่ได้มางานนี้แล้ว
ในที่สุดก็ได้เวลาแสดง ผมลุกขึ้นยืน เมืองน่านมองควยที่ตุงบ็อกเซอร์ของผมแล้วหัวเราะ
“พร้อมมากอ่ะปี” เมืองน่านพูดแล้วเอามือมาจูงควยผมออกจากห้องแต่งตัว แวะกระซิบกับพิธีกรที่ควบตำแหน่งดีเจอยู่บูธด้านข้างก่อนจะขึ้นไปบนเวที
“….show ถัดไปพบกับน้อง nancy และ เอ่อ..ปี แปดนิ้ว ครับผ้มมมมม” พิธีกรประกาศ ดนตรีบีทโคตรมันส์ดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรี๊ดจากฝั่งผู้ชม
ว้าวเมืองน่านมีชื่อในวงการด้วย ว่าแต่ไม่คิดจะปกปิดชื่อผมบ้างเลยเหรอแถมตั้งฉายาใหม่ให้เสร็จสรรพ
เมืองน่านเห็นผมยืนงงเลยกระซิบบอกให้ผมเต้น แต่ผมไม่เคยแสดงอะไรแบบนี้ ก็เลยเต้นแบบเก้ๆกังๆ
ดูเหมือน เมืองน่านจะดูออก เลยเข้ามาเต้นคู่กับผม “ปีเต้นตามเรานะ”
ท่าเต้นบดๆยั่วๆของเมืองน่าน ทำให้เป้าตุงของผมยิ่งโดดเด่นจนผู้ชมสังเกตเห็น เรียกเสียงเชียร์ได้ไม่น้อย แต่ตอนนี้ผมไม่สนใจอย่างอื่น ในสายตาของผมมีแค่เมืองน่าน ผู้เป็นดั่งนางฟ้าในดวงใจเท่านั้น
หลังจากเต้นมาสักพักพอได้วอร์มอัพ เสียงเพลงก็เปลี่ยนเป็นท่วงทำนองโรแมนติก ไฟภายในฮอลล์มืดลง มีเพียงแสงสปอร์ตไลท์ส่องมาที่เราบนเวที
เมืองน่านเข้ามาคลอเคลียแล้วเสนอริมฝีปาก ทำให้ผมได้ใช้วิชาจูบที่เรียนมาเมื่อตอนเย็น ดูจากเสียงตอบรับของผู้ชมและอาการของเมืองน่าน ผมมั่นใจว่าครั้งนี้ตัวเองได้คะแนนเต็ม
เมืองน่านเลื่อนปากลงมาที่ซอกคอ แวะทักทายหัวนมของผมด้วยปลายลิ้นพอให้เสียวซ่าน ก่อนจะไล้ผ่านซิกแพคของผมลงมา
อีกมือก็ปลดบอกเซอร์ของผมออกอย่างชำนาญ ควยแปดนิ้วของผมชูหัวบานร่าทักทายนางฟ้าและฝูงชน
เมืองน่านไม่รอช้าจุมพิตมันอย่างแผ่วเบาก่อนจะอ้าอมเข้าไปทั้งลำ ทำให้ผมเสียวจนต้องซี๊ดปาก หลับตา แหงนหน้าร้องครวญครางออกมา
ด้านล่างเวทีเงียบกริบ ราวกับว่าทุกคนกำลังดูลีลาการดูดควยของนางฟ้าอย่างตั้งอกตั้งใจ
ผมเสียวจนไม่รู้จะบรรยายยังไง ทั้งๆที่มันเสียวมากกว่าตอนชักว่าวไม่รู้กี่เท่า แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมน้ำมันไม่ยอมแตกออกมาเสียที
อยู่ดีๆเมืองน่านก็หยุดใช้ปาก ทำให้ผมต้องลืมตามอง เห็นช่องบนพื้นเวทีเปิดออกพร้อมกับที่มีแท่นสีแดงเลื่อนขึ้นมา
เมืองน่านจูงควยผมเดินไปที่แท่นนั้น ก่อนจะขึ้นไปนอนแหกขาออกอย่างเชิญชวน
“เย็ดเลยๆๆ” เสียงเชียร์จากผู้ชมดังขึ้น ผมมองนางฟ้าตรงหน้าอย่างตื่นตะลึง แทบไม่เชื่อว่าสิ่งที่เคยฝันเอาไว้จะกลายเป็นจริง
ยกเว้นส่วนที่จะต้องเย็ดโชว์คนนับร้อยนะ ผมยังไม่เคยจินตนาการแบบนั้น แต่ด้วยบรรยากาศที่เป็นใจ บวกกับความเงี่ยนเป็นกำลัง ทำให้ตอนนี้ผมหน้ามืดจนไม่สนแล้วว่าที่นี่คือที่ไหน แล้วทำไมผมต้องมาทำแบบนี้
ผมค่อยๆก้าวเดินเข้าไปหานางฟ้าราวกับถูกมนต์สะกด ควยแปดนิ้วชี้ตรงเข้าหาเป้าหมาย
ผมมองหน้าเมืองน่านด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึก “เมืองน่าน เราชอบนายนะ ชอบมานานแล้ว แต่ไม่กล้าบอก” ถึงจะดูประหลาดไปหน่อย แต่ถ้าไม่สารภาพรักตอนนี้จะให้สารภาพตอนกำลังเย็ดหรือเย็ดจนเสร็จแล้วรึไง
“เราก็ชอบไอ้นั่นของปีนะ ใหญ่ดี ใส่เข้ามาเถอะ คนดูลุ้นแย่แล้ว” มืออาชีพมากนางฟ้าของผม ยังจะห่วงคนดูอีก
ถึงจะบ่นในใจแต่ผมก็ไม่อิดออดที่จะทำตามคำสั่ง ผมลองแตะปลายหัวควยที่ปากทางเข้า สัมผัสได้ว่ารูสวาทของเมืองน่านทาเจลหล่อลื่นเอาไว้แต่แรก ทำให้ผมยัดเยียดความเป็นผัวให้กับเมืองน่านได้ไม่ยากจนเกินไป
ผมรู้สึกได้ถึงความคับแน่นและตอดรัดเมื่อหัวควยเข้าไปในรูสวรรค์สำเร็จ เมืองน่านบิดตัวร้องครวญครางอย่างกระสันต์เสียว ผมดันปีแปดนิ้วลึกเข้าไปจนสุดลำ จนร่างของเมืองน่านสั่นสะท้าน
ผมโน้มใบหน้าเข้าไปกระซิบถามนางฟ้าว่าเจ็บไหม เมืองน่านส่ายหน้าตอบว่า “ดีมากเลยปี เอาเราแรงๆ เราชอบ”
ทั้งๆที่ผมอยากจะให้sexครั้งแรกเป็นไปอย่างนิ่มนวลละมุนละไม แต่เมื่อนางในฝันสั่งมาแบบนี้ผมก็ไม่กล้าขัดขืน
อย่างไรก็ตามจะให้ทำเร็วๆแรงๆแต่แรกมันก็ไม่ไหว เพราะรูของนางฟ้ามันตอดรัดดีเหลือเกิน ถ้าเร่งเครื่องตอนนี้ผมคงได้ล่มกลางอ่าวแน่
ผมค่อยๆขยับท่อนลำเข้าออกช้าซึมซับความเสียวที่แล่นจี๊ดขึ้นถึงสมอง ก่อนจะเร่งความเร็วขึ้น
ดีเจก็ช่างเป็นใจคอยจัดเพลงที่เข้าจังหวะให้อย่างแนบเนียน ผู้ชมด้านล่างเฝ้ามองการโชว์เย็ดสดครั้งนี้ด้วยใจระทึก นางฟ้าของผมเด้งเอวร่อนใส่ลำควยผมอย่างช่ำชอง เพิ่มความเสียวซ่านให้ผมจนแทบทนไม่ไหว ได้แต่โต้กลับด้วยการกระหน่ำเย็ดด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่มี
“อ้าส์ น่าน เก่งจังเลย แบบนี้เราจะทนไม่ไหวนะ” “ไม่ไหวก็แตกมาเลยปี แตกในใส่เราได้เลย”
“แตกเลยๆ” ผู้ชมที่ได้ยินเมืองน่านร้องต่างก็ช่วยกันเชียร์ โดนไซโคจากทุกด้านแบบนี้ ผมเองก็หมดหนทางสู้ หลังจากซอยเอวเข้าออกเน้นๆได้อีกไม่กี่ครั้งก็ต้องยอมแพ้ น้ำแตกออกมาคารูของนางฟ้า
ผมซบหน้าลงบนอกของเมืองน่านพักเอาแรงแต่ยังคาท่อนเอ็นเอาไว้อย่างนั้น ลูกชายของผมวันนี้ก็ช่างคึกเหลือเกิน ขนาดแตกไปแล้วหนึ่งน้ำก็ยังไม่ยอมอ่อนตัวลง
“เอาอีกๆๆ” ดูเหมือนฝูงชนด้านล่างเวทีจะยังอารมณ์ค้างกันไม่หาย ถึงได้เรียกร้องเป็นเสียงเดียวกัน
“ไหวนะปี?” เมืองน่านถามด้วยจิตวิญญาณของนางโชว์ มีหรือที่ผมจะกล้าปฏิเสธ ทั้งยังจำนนด้วยหลักฐานที่ยังแข็งค้างคารูอยู่อย่างนั้น
เมื่อผมพยักหน้า นางฟ้าก็จับผมลุกขึ้นจากอ้อมอก ท่อนเอ็นหลุดออกจากร่องสวาทดังผลุบ
ผมถูกพลิกตัวหันหน้าเข้าหาผู้ชม ท่อนเอ็นแข็งโด่ผงกหัวหงึกหงัก ชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำเงี่ยนตั้งแต่ปลายถอกจนจรดโคน
ผมถูกเมืองน่านบุกจู่โจมจากด้านหลังในทุกจุดยุทธศาสตร์พร้อมๆกัน ทั้งใช้ปากซุกไซร้ซอกคอแล้วขบที่ติ่งหู มือหนึ่งลูบไล้ที่หัวนม อีกมือก็เล่นอยู่ที่พวงไข่ แถมยังบดเบียดหลังของผมด้วยร่างกายที่หอมกรุ่น
ผมเสียวจนต้องแอ่นเอว ทำให้ผู้คนด้านหน้าเวทีได้ยลโฉมปีแปดนิ้วกันอย่างชัดเจน พวกเขาต่างยื่นมือออกมาราวกับจะไขว่คว้าหาควยของผม
นางฟ้าก็ช่างกระไร ไม่ห่วงหวงกันบ้างเลย กดตัวผมให้คุกเข่าลงซะงั้น มหกรรมคืนกำไรให้ฝูงชนจึงบังเกิด เมื่อผู้ชมหน้าเวทีต่างพากันต่อคิวเข้ามาสัมผัสควยของผม เพื่อให้แน่ใจว่ามันเป็นของแท้จริงรึเปล่า แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้แค่จับเฉยๆหรอก มีทั้งคนที่ลองบี้หัวเล่น รูดมันขึ้นลง หรือแม้แต่แลบลิ้นเลีย ราวกับมันเป็นของสาธารณะ คนที่ทนต่อคิวไม่ไหวก็หันมาลูบไล้กล้ามท้องและพวกไข่ของผมแทน
แต่ความเสียวแบบกระปริบกระปรอยแบบนี้ ทำให้ผมทนทุกข์มากกว่าที่จะมีความสุข เพราะควยมันแข็งเกร็งจากการโดนกระตุ้นอยู่ตลอด แต่ไม่ต่อเนื่องพอที่จะทำให้น้ำแตก
ความทรมานทำให้ผมต้องวิวอนขอความเห็นใจจากนางฟ้า “น่าน เราเงี่ยนไม่ไหวแล้ว ทำให้เราน้ำแตกที”
นางในฝันของผมตอบรับด้วยการยกตัวผมยืนขึ้น คนดูที่มาไม่ทันต่างพากันเสียดายที่อดได้สัมผัสปีแปดนิ้ว
ในที่สุดการแสดงก็มาถึงฉากฟินาเล่ เมื่อเสียงดนตรีเร่งเร้าจังหวะขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับที่มือนุ่มๆทั้งสองของเมืองน่านเกาะกุมท่อนลำของผมเอาไว้แน่น ก่อนจะรูดมันขึ้นสุดลงสุดด้วยลีลาอันแสนเย้ายวนใจ
“อ๊ะ อ๊า น่าน เราจะเสร็จแล้ว” ผมทนได้ไม่นานเพราะถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอด นางฟ้าของผมเร่งมือขึ้นอีก ผมประคองหน้าเธอเข้ามาจูบอย่างดูดดื่ม
ในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว น้ำแตกออกมากลางเวที น้ำกามกระฉูดพวยพุ่งเข้าหาฝูงชนด้านล่าง ท่ามกลางเสียงปรบมือ
ผมรู้สึกเหมือนวิญญาณออกจากร่าง ดวงตาพร่ามัวไปหมด เข่าอ่อนจนต้องให้เมืองน่านประคอง นางฟ้าจับผมโค้งขอบคุณผู้ชมแล้วพยุงผมกลับไปหลังเวที จากนั้นผมก็หมดสติไป
|