แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย มันอ้อย เมื่อ 2024-11-17 21:38
===== เต๋อ ===== "น้องเต๋อคะ พี่ขอถามอะไรที่มันเป็นเรื่องส่วนตัวของน้องหน่อยสิ? " พี่แป้นที่กำลังแต่งหน้าให้ผมถามขึ้นพร้อมยิ้มล้อเลียน หลังจากที่พี่แกพักเหนื่อยเม้าท์เรื่องชาวบ้านกับเพื่อนช่างแต่งหน้าที่นั่งถัดไปจากผมได้ไม่นาน ผมยิ้มรับพลางพยักหน้าให้ เพราะอยากรู้เหมือนกันว่าคนขี้เล่นขี้หยอกอย่างพี่แกจะถามอะไร ถึงขนาดต้องขออนุญาตผมก่อนที่จะถามขนาดนี้ "ถามได้เลยพี่" พอพี่แกได้ทีก็ทำท่าชะเง้อมามองหน้าจอโทรศัพท์ผมที่เปิดโปรแกรมแชทค้างไว้ แล้วยิ้มก่อนที่จะถามแซว "น้องเต๋อกำลังแชทกับแฟนอยู่เหรอ? เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มาสักพักหนึ่งแล้ว"
"ใช่ครับพี่" ผมขำท่าทางกระดี้กระด้าของพี่แก แล้วตอบกลับไปตรง ๆ จนพี่แกเอามือมาปิดปาก
"หูยยย แล้วแฟนสวยมะ? " ถามเสร็จก็เอามือทาบอกพลางพึมพำบ่นกับตัวเอง "เออชั้นก็ถามแปลกเนาะ ก็ต้องสวยน่ะสิ"
"..." ผมที่ได้ยินก็ส่ายหน้าพลางยิ้มขำ เพราะคนที่พี่แกพูดถึงอยู่นั้นเขาไม่ได้เข้าใกล้คำว่าสวยเลยแม้แต่นิดเดียว
"เอ้า! ทำไมส่ายหน้าล่ะ หรือไม่สวยฮึ? งั้นก็ต้องน่ารักล่ะสิ.. แหมมม น้องเต๋อแพ้คนน่ารักก็ไม่บอก สนใจพี่มั้ยล่ะจ้ะ พี่น่ะน่ารักมากนะรู้ไหม? " พี่แกพูดจีบปากจีบคอตบตีกับตัวเอง และปิดท้ายด้วยการวกเข้ามาเสนอขายอย่างเช่นทุกที ผมยิ้มตาหยีให้กับท่าตีก้นชวนสยิวของพี่แก พลางรีบโบกมือปฏิเสธ "ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร คนนี้แหละดีแล้วพี่แป้น" "จ่ะพ่อคุณ ไม่สนก็ไม่สน เชอะ! " พี่แกคว่ำปากทำหน้างอนเชิดหน้าใส่ แต่มือก็ยังแต่งหน้าให้กับผมเรื่อย ๆ จนผู้จัดการพีชที่แม่ผมจ้างนั้นเดินเข้ามา "เต๋อ พี่เคยพูดแล้วนะ พี่จะไม่พูดซ้ำอีก แถมเต๋อตกลงกับแม่แล้วหนิว่าจะจัดการเรื่องนี้" พอมาถึงพี่แกพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง ซึ่งแตกต่างออกไปจากทุกทีที่เคยพูดถึงเรื่องนี้ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่ "เต๋อเชื่อพี่เถอะนะ ยิ่งเราตัดเค้าได้เร็วเท่าไหร่ เรื่องนี้มันก็จะยิ่งดีต่อทุกฝ่าย"
ผมมองหน้าแกอย่างกล้ำกลืน เพราะไม่ได้อยากทำอย่างที่พี่แกบอกเลยสักนิด "ผมพี่ ผมจะรีบจัดการ"
ผมอยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมันเป็นเพียงแค่ฝันร้าย เพราะตอนนี้ผมไม่ได้อยากดังอีกต่อไปแล้ว ผมอยากเป็นเพียงคนธรรมดาที่สามารถมีแฟนเหมือน ๆ กับคนอื่นได้
แต่ทุกอย่างมันกลับไม่เป็นในแบบที่ผมต้องการเอาเสียเลย เพราะตอนนี้ธุรกิจที่บ้านผมกำลังมีปัญหาจนเป็นหนี้อยู่หลายล้าน ผมที่ไม่อยากให้พ่อต้องยื่นล้มละลายจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหาเงินมาให้ได้
แม้ว่ามันจะต้องเชือดเฉือนหัวใจของผมออกไปก็ตาม..
...
ถ่ายรายการให้สัมภาษณ์เสร็จผมก็รีบกลับห้อง และเก็บของเท่าที่จำเป็นลงกระเป๋าเดินทางหนึ่งใบจะทำได้
เก็บเสร็จก็ยืนพิจารณาว่าไม่ได้ลืมอะไรอีก ห้องไม่กี่ตารางเมตรที่ผมอยู่ด้วยกันกับอีกคนมาตั้งแต่ตอนปีสอง มันมีช่วงเวลาดี ๆ ร่วมกันมากมาย
แจกันปูนพลาสเตอร์รูปสัตว์ที่ถูกแต่งแต้มสีจนเป็นตุ๊กแกมีชื่อเล่นที่ผมตั้งให้มันว่า 'น้องกระต่ายป่าหิมพานต์' ...
แก้วกาแฟสองใบที่ยังวางเอ้งเม้งไม่ได้ล้างตั้งแต่ตอนเช้าที่กินเสร็จ ถึงรสชาติจะไม่ดีเด่เท่าร้านดัง แต่ผมกลับมีความสุขทุกครั้งที่ได้นั่งจิบมันพร้อมกับอีกคน…
กีต้าร์โปร่งตัวโปรดของซันที่วางนอนคว่ำบนโซฟา สภาพมันเก่าคร่ำครึแต่กลับมีเสียงอันไพเราะในยามที่อีกคนเล่นให้ผมฟัง...
เตียงนอนสภาพ… ยับยู่ยี่ เพราะได้ผ่านสมรภูมิกายเนื้ออันเร่าร้อนของเราทั้งสองคน...
ผมยืนพิจารณาข้าวของต่าง ๆ นานจนเกินไป…
หันหลังกลับอีกครั้งก็เจอเข้ากับเจ้าของห้องที่กำลังขมวดคิ้วมองผมด้วยสายตาที่มีแต่คำถาม ผมเดินเข้าไปหาเขามือพลางลากกระเป๋าไปด้วย ก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของอีกคน เพื่อจะจดจำใบหน้าของคนที่ผมรักเป็นครั้งสุดท้าย แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ "กูขอโทษนะ" แล้วเดินออกมา
"เดี๋ยว ! อะไรของมึงวะเต๋อ !? " อีกคนรั้งแขนผมไว้ถามเสียงเกือบจะตวาด
"ปล่อยกูเถอะซัน กูขอโทษมึงจริง ๆ " ผมตอบกลับแต่ไม่กล้าหันกลับไปมองเจ้าของห้อง
อีกคนเริ่มคลายแรงที่รั้งข้อมือผมลง "กูทำอะไรผิดวะเต๋อ ? " ก่อนถามขึ้นอย่างสงสัยที่แฝงนัยความเจ็บปวด
ผมปล่อยให้ความเงียบงันเป็นคำตอบ ผมไม่รู้จะพูดบอกอีกคนอย่างไร ให้เขาอภัยกับสิ่งผมได้ตัดสินใจไปแล้ว…
ผมไม่อยากเยื้อเขาเอาไว้ให้เจ็บปวด ผมอยากให้เขามีความสุขโดยการไปเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน
ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ผม
เพราะผมไม่สามารถมอบความสุขและความอบอุ่นให้เขาได้อีกต่อไป
"...อย่ารั้งกูไว้เลย ไม่ต้องตามหากู ไม่ต้องติดต่อกู มึงทำได้นะ ? " ผมสั่งเขาแต่สายตาจดจ้องอยู่ที่ประตู รองเท้าที่ถอดอยู่บ้าง หยากไย่ ไม้กวาด อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คนที่ผมสั่ง
ก่อนจะเอ่ยคำอำลาที่พาให้หัวใจผมปวดไปทั้งดวง "กู… ขอโทษนะ" มันมีอีกประโยคที่ผมอยากพูดบอกอีกคนแทน 'ขอโทษ' เหลือเกิน แต่ผมก็ทำได้แค่เก็บมันไว้ในใจ เพราะกลัวว่าหากกล่าวมันออกไป มันจะเป็นเยื่อใยระหว่างกัน ผูกพันธการอีกคนไว้ไม่ให้เขาไปเริ่มต้นใหม่ ทั้งที่ผมอาจจะไม่สามารถกลับมาคบกับเขาอีก
'กูรักมึงนะ'
ในที่สุดมือของอีกคนที่จับยึดผมไว้ก็ปล่อยออก ก่อนผมจะรีบเดินออกมาจากห้องแล้วก็ลงบันไดไปให้ไวที่สุดเท่าที่จะไวได้...
กลัวเหลือเกิน
ผมกลัวว่าจะได้ยินเสียงร้องไห้ของซัน
...
สมาธิผมไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเห็นซีกหน้าที่คุ้นเคยเดินผ่านห้องที่ผมมาตกลงเป็นพรีเซ็นเตอร์เสื้อผ้าคอลเล็คชั่นล่าสุด ผมนั่งฟังผ่าน ๆ ปล่อยให้พี่พีทจัดการตกลงไป
"เต๋อ โอเคนะ ? " ผมหันไปมองหน้าพี่แก อยากจะถามกลับไปเหมือนกันว่าโอเคเรื่องอะไร
"ครับ" แต่ผมก็ตอบรับไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเห็นอีกคนถือแก้วใบเดิมเมื่อตอนอยู่ด้วยกัน ผ่านห้องนี้อีกรอบ "พี่ป่านครับ ห้องน้ำไปทางไหนครับ ? " ผมมองตามแผ่นหลัง พลางถามคนจัดหาพรีเซ็นเตอร์ของบริษัทเสื้อผ้า
"ออกจากห้องแล้วตรงไปทางขวาเลยค่ะคุณเต๋อ เกือบ ๆ จะสุดทางเดินจะมีป้ายบอกอีกทีค่ะ" ผมก้มหัวให้ก่อนจะรีบเดินออกจากห้อง ใครจะมองว่าผมมีท่าทีแปลกประหลาดก็ช่างมัน เพราะตอนนี้นั้นผมเจอใครบางคนที่ไม่ได้เห็นหน้าเขาอีกเลยตั้งแต่ตอนนั้น
ผมเดินตามเขาจนทัน อีกคนหันกลับมามองผม เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว ผมจึงทำได้เพียงส่งยิ้มเจื่อนกลับไป ก่อนจะลอบมองอีกคนอย่างสังเกตุ
ใบหน้าหล่อแบบเกาหลีตอนนี้มีตอหนวดขึ้นทำให้ดูคมเข้มขึ้นกว่าเดิม ไหนจะตัวที่หนาขึ้นกว่าตอนที่เรียนมหาลัย แต่เหนืออื่นใด คนคนนี้ทำให้หัวใจที่ปิดตายไม่เคยเปิดรับใครสั่นรุนแรงอีกครั้ง
เพราะมันรู้ว่าคนตรงหน้าคือเจ้าของมันตลอดมา
อีกคนหันหลังกลับ ผมที่คิดคำพูดไม่ออก จึงทำได้เพียงก้าวเท้าตามจนเขาหยุดเติมน้ำ ผมจึงโพล่งถามประโยคที่โง่ที่สุดออกไป "สบายดีนะ ? "
มีเพียงเสียงน้ำดังจ๊อกที่ไหลจากตู้กดที่ตอบกลับมา ผมรู้แล้วว่าไม่ควรมาเสนอหน้าอยู่ตรงนี้ แต่สุดท้ายอีกคนก็ตอบกลับมาเสียงเรียบหลังจากเติมน้ำเสร็จ "ครับ สบายดี" ก่อนจะหมุนตัวกลับ แล้วเดินผ่านผมไป
ผมเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อรั้งไหล่หนาไว้โดยไม่รู้ตัว อีกคนหันกลับมามองหน้า ยิ่งอยู่ใกล้กับอีกคนความรู้สึกมันยิ่งพรั่งพรูออกมา อยากจะขอโทษกับเรื่องทั้งหมดที่ผมทำ ผมจึงไม่รอช้าพูดมันออกไป "กูขอโทษนะ กูขอโทษจริง ๆ มึ-" แต่พูดยังไม่ทันจบอีกคนก็พูดขัดขึ้นเสียงเรียบ
"อือ ผมไม่เป็นอะไรแล้ว ปล่อยเถอะ ผมไม่ชอบ" มือของผมหลุดลงข้างตัวตั้งแต่อีกคนขมวดคิ้วมองด้วยสายตารังเกียจ
ก่อนเขาจะหันหลังให้แล้วเดินจากไป ผมทำได้เพียงมองแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ ก่อนขอบตามันจะมีหยดน้ำใสไหลออกมา
ผมอยากเข้าไปสวมกอดเขาไว้เหลือเกิน แต่ไม่ใช่ผมหรือที่เป็นปล่อยเขาให้หลุดมือ
…
ผมนั่งมองแชทที่อยู่ของซันซึ่งถูกส่งมาจากแม่ของเจ้าตัว ก่อนจะถอนหายใจออกมารอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ผมเริ่มเหนื่อยหน่ายเพราะมารออีกคนตั้งแต่บ่ายสามจนตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วก็ยังไม่กลับมาสักที
ผมนั่งคิดทั้งวันเรื่องของอีกคน มีไม่กี่เหตุผลที่เขาจะไม่ยกโทษให้ผม เมื่อผมเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ผมจึงตัดสินใจขอโอกาสกลับเข้ามาในชีวิตของคนที่ผมมานั่งรออีกครั้ง
และครั้งนี้ผมขอสัญญามั่นว่าจะไม่ปล่อยมือจากเขาอีกแล้ว
ผมดีดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงเมื่อขอบสายตาเห็นเข้ากับซัน ก้าวเท้ายาว ๆ ก่อนจะเรียกอีกคนดังลั่นเพราะกลัวจะไม่ทันเขา "ซัน ! "
อีกคนหันกลับมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง "มีอะไรครับ ? "
คำพูดสุภาพน่าฟังเมื่อใช้กับทุกคน แต่เมื่อใช้กับผมกลับให้ความรู้สึกเหินห่าง "กูขอเคลียร์เรื่องมึงกับกูได้มั้ย ? "
"เหอะ กี่ปีแล้ววะเต๋อ ? มึงเพิ่งจะมาขอเคลียร์" ผมทำได้เพียงมองเขาอย่างคาดคั้น เพราะมันเป็นความผิดของผมทั้งนั้นจึงไม่มีข้อแก้ตัว "มันไม่นานไปหน่อยเหรอวะ ? "
แต่เมื่อโดนถามกลับมาอย้างนั้น ผมเองจึงพูดไม่ออก สามปีมานี้ผมพยายามอย่างมากเพื่อไม่คิดถึงเขา รับเกือบทุกงานที่เข้ามา ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่าน ต้องหักห้ามใจตัวเองทุกครั้งไม่ให้พิมพ์ข้อความส่งไปหา บล็อคทุกช่องทางโซเชี่ยลไม่ใช่กลัวเขาจะติดต่อมา แต่กลัวว่าตัวเองจะติดต่อไป
อีกคนไม่รอฟังคำตอบจากผม หันหลังเดินไปทางลิฟต์ ผมที่ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้จะจัดการเรื่องนี้ให้ได้ จึงก้าวเท้าเร็ว ๆ ตามอีกคนไป มือยันขอบประตูลิฟต์เพื่อไม่ให้มันปิดลง ก่อนจะรีบโพล่งบอก "กูขอโทษ มึงฟังกูก่อน"
อีกคนมองหน้าผม ก่อนจะพยักหน้าให้ "ไปคุยในห้อง"
เปิดเข้ามาในห้องที่ไม่ได้กว้างขวางอะไร "ไปนั่งรอที่เตียงก่อน" เจ้าของห้องพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบเครื่องดื่มแก้แฮงค์ออกมากระดกซด
ผมนั่งมองเขาเงียบ ๆ อยู่อย่างนั้น จนอีกคนเลิกคิ้วมอง ก่อนจะส่งขวดน้ำเปล่าในตู้เย็นมาให้ "ไม่เป็นไร" ผมส่ายหน้า ก่อนจะฉีกยิ้มขอบคุณ
อีกคนวางขวดลงบนหลังตู้ดังปึก ก่อนจะหันมาถาม "มีอะไรก็ว่ามา"
"คือกู… คือ… สัตว์เอ้ย มีเบียร์มั้ยวะ ? " ผมอึกอักพูดไม่ออก เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี ก่อนจะสบถเสียงดังแล้วพยักเพยิดไปทางตู้เย็นเพื่อขอแอลกอฮอลเย็น ๆ เป็นตัวช่วย
ซันเลิกคิ้วให้กับคำขอของผม ก่อนจะเปิดตู้เย็นแล้วก้มหยิบมันมายื่นให้
ผมรับเบียร์กระป๋องมาพิจารณาอย่างกับเป็นของแปลก ก่อนจะแกะฝากกระป๋องออกดังแกร๊ก แล้วยกขึ้นซดในทันที
ส่วนอีกคนก็หันหลังหนีไปถอดเสื้อเชิ้ตขนาดพอดีตัวออก แผ่นหลังกว้างที่มีรอยมือเค้นเต็มไปหมดทำให้ผมขมวดคิ้วมองอย่างไม่พอใจ
ตอนแรกที่เจอกันข้างล่าง ผมก็สงสัยแล้วว่าทำไมอีกคนเหมือนเพิ่งจะอาบน้ำมา แต่ตอนนี้เขาก็เฉลยให้ผมได้รับรู้ ด้วยเนื้อตัวของเขาเอง
ซันหันกลับมาหลังจากดึงเสื้อออกจากทางด้านหลัง แผ่นหลังที่ว่าเต็มไปด้วยรอยมือแล้ว แต่ข้างหน้านี่สิแดงเถือกไปทั้งแผงอกหนา ๆ จนผมต้องลอบกลืนน้ำลาย เพราะได้เห็นความร้อนแรงที่แสดงผ่านรอยดูดดึงจนเต็มทั้งสองตา
อีกคนคงจะเห็นปฏิกิริยาของผมจึงยกยิ้มขึ้นอย่างลำพอง แล้วเดินท่อนบนเปลือยเปล่าเข้ามาหา ก่อนจะคร่อมตัวผมโดยใช้แขนทั้งสองข้างยันไว้กับเตียง
ใบหน้าอีกคนโน้มลงมาใกล้ สายตาเราจ้องมองกัน โดยเป็นผมที่รู้สึกสั่นอย่างบอกไม่ถูก ลมหายใจร้อนผสมกลิ่นเหล้าที่เป่ารด ทำให้ผมยิ่งสั่นกว่าเดิมจนต้องเบือนหน้าหนี
ก่อนคนที่ยืนอยู่นั้นจะจูบลงตรงมุมปากผม "อยากได้ผมเหรอเต๋อ ? "
ซันถามขึ้น เมื่อผละออกจากริมฝีปากของผมอย่างอ้อยอิ่ง ส่วนผมทำได้แค่นิ่งแล้วพยักหน้าตอบกลับไป "แล้วในฐานะอะไร ? "
เขาถามผมอีกครั้งหลังจากจูบปลายคาง สายตาของอีกคนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด มันสั่นร้าวจนเหมือนมีน้ำตาคอ ผมไม่รอให้หยาดใสนั้นไหลออกมา ก็ยื่นปากไปจูบซับให้ แขนทั้งสองก็ตะกรองกอดเขาไว้ แล้วเป็นผมเองที่พูดออกมาทั้งน้ำตา "ไม่ใช่ กูสิต้องถามมึงว่าอยากให้กูกลับมารึเปล่า แต่กูตอบให้เลยนะว่ากูโคตรอยากจะกลับมาเลยว่ะ จะฐานะอะไรก็ได้ทั้งนั้น ขอให้มีมึงอยู่ใกล้ ๆ ก็พอ เพื่อนบนเตียงก็ได้ คนรู้จักกูก็เอา หรือห่าเหวอะไรกูได้หมด ขอแค่ ฮึก ขอแค่อย่างเดียว มึงอย่ากีดกันให้กูออกไปก็พอ"
ผมซบหน้าลงกับลาดไหล่หนาที่เปลือยเปล่า แล้วปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลออกมา "กูเหนื่อยแล้ว กูพอแล้ว กูหมดหน้าที่ของกูแล้ว กูจะไม่ทำเพื่อใครอีกแล้ว" ผมเงยขึ้นไปมองเจ้าของลาดไหล่ ดวงตาเขามีแต่คำถาม ผมปิดตาแล้วซุกหน้าหาที่พึ่งอีกครั้งก่อนจะพูดออกมา "ซัน.. กูสัญญา"
มือที่อีกคนค้ำตัวไว้ถูกยกมาลูบหัวผมเพื่อปลอบ สัมผัสแผ่วเบาแต่อบอุ่นนั่นทำให้ผมเริ่มสงบลง
อีกคนก็เปลี่ยนจากยืนเป็นนั่งลงข้าง ๆ แล้วดึงผมเข้าไปซบอก ปลายนิ้วที่ปาดไปบนแก้มผมอ่อน ๆ ทำให้ผมรู้สึกแล้วว่าตัวเองคิดถูกแล้วที่จะกลับมาหาคนคนนี้อีกครั้ง
คนที่เป็นเจ้าของหัวใจของผมแต่เพียงผู้เดียว
ผมผละออกจากแผงอกที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ มามองหน้าคมที่มองออกไปนอกระเบียงผ่านช่องม่านที่ปิดกันไม่สนิท ก่อนผมจะพูดบอกเรื่องราวทั้งหมดที่ผมต้องทนมาตลอดหลายปีให้อีกคนฟัง
…
ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็เป็นวันใหม่ คำพูดของซันเมื่อคืนนี้ยังวนเวียนอยู่ในหัว ซึ่งมันทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้
'อือ ผมจะเชื่อเรื่องทั้งหมดที่เล่ามา'
'ทำไมมองแบบนั้น ? '
'ผมก็ไม่รู้จะโกรธต่อไปอีกทำไม… เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่อยู่ในหัวใจของกูมาตลอดก็คือมึง'
สมองผมก้องกังวาลไปด้วยคำว่า 'มึง' อยู่นาน ก่อนจะโดนทักจนหลุดออกจาภวังค์ จากคนที่เกากีต้าร์โปร่งตัวเก่าอยู่บนหัวเตียง "ตื่นแล้วเหรอวะ ? "
ผมฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิมแล้วพยักหน้าให้กับเจ้าของห้อง และที่ผมยิ้มกว้างนั้น ก็เพราะว่าซันมันกลับมาใช้คำหยาบกับผมแล้ว !
"กาแฟมั้ย เดี๋ยวกูชงให้" ใบหน้าคมเงยขึ้นจากสายที่กำลังดีด ก่อนจะพยักหน้าซื่อ ๆ ให้ ที่ทำเอาหัวใจผมเต้นแรงแทบบ้า
ผมจึงยันตัวขึ้นจากเตียงที่ไม่คุ้นเคย รู้สึกทุลักทุเลเล็กน้อยน่าจะมาจากน้ำเมากระป๋องนั้นที่กินเข้าไปเมื่อคืน ก่อนผมจะเซล้มลงตรงหน้าขาขวาของอีกคนที่ทับเท้าซ้ายและเหยียดยาวอยู่ ซันก็หัวเราะในลำคอ ก่อนจะถามเย้า ที่ทำเอาผมเขินจนต้องเบี่ยงหน้าไปอีกทาง "หึ ๆ อยากมอนิ่งคิสกูขนาดนั้นเลยเหรอวะ"
เพราะผมรู้ว่ามันความว่าอะไร จึงรีบยันตัวขึ้น ก่อนจะบอกปัด "คะ ใครจะไปอยากวะ ? "
"แน่ใจนะ ? " มันวางกีต้าร์คว่ำลงกับเตียง ก่อนจะยันตัวขึ้นมาคล้องเอวผมไว้ แล้วซุกหน้าลงตรงท้องของผม "แต่กูอยากว่ะ ล้างหน้าไก่หน่อยมั้ย ? "
พูดจบมันก็เป่าลมร้อนผ่านเสื้อยืด ก่อนจะใช้ฟันกัดดึงให้ชายเสื้อเลิกขึ้น มือหนาเริ่มปัดป่าย ลิ้นร้อนก็แลบเลียลอนท้องของผม ก่อนจะย้ายไปแหย่ที่สะดือ "ซะ ซัน อย่า"
ผมรั้งหัวเจ้าของห้องไว้ มันก็เงยมามองหน้าผมอย่างสื่อความหมาย ก่อนจะเผยยิ้มร้ายออกมา แล้วเอ่ยถามอย่างล้อเลียน "อย่าอะไรเหรอครับ คุณเต๋อ? "
"มะ มึงก็รู้ว่ากูหมายถึงอย่าอะไร" ผมตอบตะกุกตะกัก ส่วนมันก็ยิ้มร่า แล้วก้มหน้าไปจูบหน้าท้องผมทีหนึ่ง ก่อนมันจะผละออกมามองหน้าผมด้วยสายตาออดอ้อน "จะเอาจริงเหรอวะ ? " ผมถามมันอีกครั้ง ส่วนซันก็พยักหน้าซื่อ ๆ ที่ทำให้ผมเปลี่ยนใจ 'เอาวะ เอาก็เอา'
ผมที่ยืนเข่าบนเตียงก็ย่อลงเป็นนั่งเข่าบนเตียง แล้วรั้งอีกคนให้มารับจูบ พอได้สัมผัสกับปากของอีกคนที่ไม่ได้สัมผัสมานานก็เริ่มเกิดอาการถวิลหา ผมรีบร้อนส่งลิ้นเข้าไปกวาดต้อนปากของอีกคน ก่อนจะผละออกมาทันที "มึงแปรงฟันแล้วนี่หว่า"
"หึ ๆ " มันยิ้มพลางหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ เมื่อเห็นผมป้องปากแล้วเป่าลมเช็คลมหายใจของตัวเอง
"มึงเตรียมตัวเองเรียบร้อยซะขนาดนี้ มึงไม่ได้คิดแค่ล้างหน้าไก่แล้วแน่" มันพยักหน้าทันทีอย่างไม่ปิดบัง ก่อนจะรั้งหัวผมให้เข้าไปหา แต่ผมกลับดันตัวมันไว้
"ดะ เดี๋ยวกูแปรงฟันก่อน ฟังสิวะ" มันไม่ฟังผมสักนิด เพิ่มแรงดึง จนผมต้องตีหน้าผากมันไปหนึ่งครั้งเบา ๆ
"โอ๊ย! กูเจ็บนะ! "
"เออ" ผมตอบมันเสร็จก็รีบเดินไปทางห้องน้ำ เปิดประตูเข้าไปก็เห็นแปรงอันใหม่ที่บีบยาสีฟันไว้ให้เรียบร้อยวางอยู่บนอ่างล้างหน้า ก่อนผมจะเผยยิ้มออกมาแล้วส่ายหัวให้กับความน่ารักของไอซันมัน
เดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากเคลียร์ทุกอย่างเสร็จ ก็เห็นไอ้ซันมันหลับไปแล้ว พอมันหลับแล้วน่ารักขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ไม่หื่นเหมือนตอนตื่น ผมจึงไม่คิดจะปลุกมัน หันหลังแล้วไปต้มกาแฟดั่งที่หวังไว้ตั้งแต่ตอนแรก
กาแฟสองแก้ววางลงตรงโต๊ะข้างเตียง ก่อนผมจะก้มลงปลุกอีกคนด้วยปาก
ริมผีปากหยักลึกถูกผมปล้นสัมผัสโดนเจ้าของมันไม่รู้ตัว ลมหายใจอุ่น ๆ ที่พ่นออกมาจากจมูกของอีกคนถูกผมสูดเข้าไปอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มรุกล้ำปากคนที่หลับอยู่อย่างรุนแรง
ผมครอบปากดูดดึงจนในที่สุดซันมันก็เริ่มรู้สึกตัว มือหนึ่งสาวสางเส้นผม อีกมือค้ำตัวไว้กับหัวเตียง
บดเบียดได้ไม่นานคนที่หลับอยู่ก็ลืมตาตื่น ก่อนมันจะยื่นลิ้นเข้ามาเกี่ยวพันกับลิ้นผม
มันทั้งรุนแรง! เอาแต่ใจ! และไม่รู้จักพอ!
อย่างกับรอเวลานี้มาเป็นปี ๆ
หยาดน้ำใสไหลเชื่อมเมื่อผมผละออกจากซันอย่างเหนื่อยหอบ ก่อนผมจะละสายตาจากวงหน้าไปมองตามมือที่อีกคนรั้งไป
มันหยุดวางลงที่แท่งร้อนอันใหญ่ซึ่งกำลังเกรี้ยวกราด จนกางเกงที่ปิดบังมันอยู่แทบจะขาดอยู่แล้ว !
ผมจำขนาดได้ดี ว่ามันร้ายกาจขนาดไหน และสิ่งที่น่ากลัวกว่าขนาด ก็คือความดิบเถื่อนของเจ้าของมัน
หากผมไม่สลบคาอก เจ้าของมันไม่คิดจะหยุดหรอก
"จะเอาจริงเหรอ ? "
"เอาจริงดิ่ มึงทำมันตื่นเอง"
"สัญญากับกูได้มั้ยว่าจะไม่รุนแรง"
".. ไม่สัญญา"
"..." "แต่กูจะทำให้มีความสุขไปด้วย ไม่ตักตวงมึงอยู่ฝ่ายเดียวอย่างเมื่อก่อน"
"..."
"เชื่อกูนะ"
"..."
ซันมันพูดจบ มุมปากก็ยกยิ้ม ก่อนจูบผมแผ่วเบาแล้วผละออก อย่างกับกำลังออดอ้อนให้ผมเชื่อมันก็ไม่ปาน
มันยันตัวขึ้น แล้วดึงเหวี่ยงผมลงบนเตียง เสื้อยืดเนื้อบางบนตัวมันถูกถอดออกทางหัว เนื้อตัวแน่น ๆ ของมันทำให้ผมเริ่มหายใจไม่ออก
วงแขนขาวเนียนที่มีขนรักแร้เป็นแพเส้นตรง และถูกเบียดโดยกล้ามหน้าอก ยามที่มันดึงเสื้อออกมันดูเซ็กซี่จนผมแทบขาดใจ ก่อนที่ภาพทั้งหมดจะหายไป เมื่อมันโยนเสื้อที่เต็มไปด้วยกลิ่นตัวของมันลงปิดหน้าผม
มือหนาที่ไม่รู้ว่าไปหยาบมาตอนไหน ให้สัมผัสแปลกไปแต่กลับทำให้รู้สึกซาบซ่านยิ่งกว่าเดิม มันกำลังปัดป่ายบ้างก็บีบขย้ำไปทั่วทั้งลำตัวผม
"อาห์ ซัน"
"อะไรหื้ม เต๋อ ? "
สายตา น้ำเสียง ที่ใช้กับผม มันทำให้ผมรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว ก่อนจะสะดุ้งเมื่อมือหยาบที่ซอกซอนไปทั่วหยุดลงที่กลางตัวของผม
แล้วบีบขยำคลำคลึงเบา ๆ ที่พวงสวรรค์จนผมบิดเร่า ปากก็พรมจูบซ้ำ ๆ บริเวณซอกคอจนผมแทบคลั่ง
"ซัน อือ ซัน ซัน ยะ ซัน อือ ซัน" ทั้งห้องดังจึงก้องไปด้วยเสียงผมเรียกชื่อซัน และเสียงปากหยักลึกที่กำลังดูดดึงเนื้อตัวผม
ก่อนซันมันจะผละออกมามองหน้า แล้วดึงเสื้อผมอย่างรุนแรง !
"ฮะ ๆ ยังน่ารักเหมือนเดิมเลยนะ รอคอยกูสัมผัสอยู่ตลอดเลยสิท่า ปิดมันทำไมน่ารักดีออก"
สายตามันวาวที่ใช้มองมาทำให้ผมรู้สึกขวยเขิน จนต้องยกมือขึ้นปิดยอดอก ก่อนซันมันจะพูดอย่างลำพองพร้อมส่งมือหนามาดึงรั้งไม่ให้ผมปกปิดยอดอกจากสายตาอันหยาบโลนของมัน
|