แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย KennyAsuji เมื่อ 2021-8-24 14:03
แรกๆเมื่อสึกออกมาเป็นฆราวาสทำให้ต้อมต้องปรับตัวยกใหญ่เพราะไม่คุ้นเคยกับชีวิตแบบชาวบ้านปกติตั้งแต่เริ่มหัดใส่กางเกงชั้นในซึ่งกว่าจะปรับตัวจนชินให้หายอึดอัดก็ใช้เวลาพักใหญ่ถึงอย่างนั้นก็มีบางวันที่ต้อมแอบไม่ใส่กางเกงในเพราะความเคยชินที่สบายตัวกว่าครั้งแรกๆ ที่ใส่กางเกงในชายหนุ่มรู้สึกเหมือนไอ้หนูมันจะตื่นตัวตลอดเวลาจะจัดการให้มันสงบก็ไม่รู้จะทำยังไงด้วยการใช้วิถีชีวิตเป็นพระตั้งแต่ยังเด็ก ทำให้ชายหนุ่มไม่เคยมีประสบการณ์กับการ “จัดการ”ให้เจ้าหนูมันอ่อนตัวเลย
ทิดต้อมไม่ค่อยสนิทกับหมู่ญาติ แม้กระทั่งแม่และพี่น้องของตัวเองเพราะไม่เคยใช้ชีวิตด้วยกันมาก่อน จะพอคุ้นเคยบ้างก็มีแต่แม่ใหญ่กับเด็กแอมลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยที่เคยติดสอยห้อยตามแม่ใหญ่เวลาที่ไปวัดคอยถวายอาหารทั้งเช้าเพลอยู่ทุกวันในขณะที่ชายหนุ่มบวชเป็นพระกับเด็กแอมนั้นชายหนุ่มจะคุ้นเคยเป็นพิเศษ ด้วยความที่เป็นเด็กช่างฉอเลาะผิดกับเด็กชายทั่วไปและเมื่อมีธุระอันใดจากทางบ้านคนทางนี้ก็มักจะให้เด็กแอมไปส่งข่าวหลวงพี่ต้อมเสมอและด้วยความที่พระมักจะมีของขบฉันจากญาติโยมเหลือเฟือเด็กแอมก็มักจะได้รับขนมจากหลวงพี่มากินเล่นบ่อยๆ ทำให้ลูกพี่ลูกน้องตัวน้อยของหลวงพี่ติด และเทิดทูนหลวงพี่เป็นพิเศษ อะไรๆ ก็หลวงพี่ต้อมๆ
จวบจนเมื่อสึกออกมาเป็นทิดน้องแอมก็ติดทิดต้อมแจ อาจเป็นเพราะเห่อพี่ชายคนใหม่หรือเพราะไม่มีเพื่อนเล่นแถวบ้านมากนักคนที่คอยใส่ใจ เด็กแอมก็มีเพียงแต่แม่ใหญ่คนเดียวส่วนแม่แท้ๆที่เป็นน้าสาวของทิดต้อมนั้น นานๆจึงจะได้กลับมาเยี่ยมบ้านทีกลับมาก็เพียงสองสามวันช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวต่อกันทิดต้อมจึงเป็นเรื่องแปลกใหม่และความตื่นเต้นเดียวในชีวิตเด็กแอม ประกอบกับชายหนุ่มเป็นคนเงียบๆง่ายๆ ยังไงก็ได้ไม่เคยดุว่าเด็กแอมเหมือนผู้ใหญ่คนอื่นๆ ในรั้วบ้าน
เนื่องจากแม่ใหญ่แก่มากแล้วและอาศัยอยู่ในเรือนทรุดโทรมเพียงสองคนกับเด็กแอมถึงแม้ว่าจะปลูกอยู่ในอาณาบริเวณเดียวกันกับบ้านลูกๆอีกสองหลังแต่ด้วยความที่มีเพียงเด็กแอมคนเดียวซึ่งยังเด็กนักไม่รู้ประสาทิดต้อมจึงถูกไหว้วานจากบรรดาญาติๆให้ไปอยู่ที่เรือนแม่ใหญ่เพื่อที่จะได้คอยอำนวยความสะดวกเวลาแม่ใหญ่ต้องการใช้สอยอะไรเช่น การตักน้ำใส่ตุ่มที่ชานเรือนเพื่อคอยอุปโภคบริโภคเป็นต้นหรือหากแม่ใหญ่เรียกหาตอนดึกดื่นหากเจ็บป่วยไม่สบายขึ้นมาลำพัง เด็กแอมคงไม่มีปัญญาทำอะไรนับแต่สึกทิดต้อมเลยต้องมาอาศัยอยู่เรือนแม่ใหญ่เรื่อยมา
เรือนของแม่ใหญ่เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวยกพื้นไม่สูงนัก ใต้ถุนสูงกว่าหัวทิดต้อมไม่เกินฝ่ามือ ชั้นบนเป็นชานกว้างตีฝาบ้านเพียงฝั่งเดียวเป็นโถงโล่งและมีการกั้นห้องเพียงห้องเดียวคือห้องนอนแม่ใหญ่ถัดไปเป็นเรือนครัวไฟแยกจากตัวบ้านไปต่างหากชานบ้านด้านหน้าติดต้นมะเฟืองตั้งโอ่งมังกรสองใบไว้ใส่น้ำอาบปกติแล้วเด็กแอมจะนอนกับแม่ใหญ่ในห้อง แต่พอมีพี่ทิดต้อมมาอาศัยด้วยด้วยความเห่อพี่ชายจึงขอมานอนมุ้งเดียวกันกับทิดต้อม ที่ปูที่นอนอยู่โถงข้างนอกซึ่งทิดต้อมก็ไม่มีปัญหาอะไรดีเสียอีก เพราะมันหวิวๆ โล่งๆ แปลกที่อยู่พอดีถึงแม้จะเคยผ่านการบวชเป็นพระมานานแต่ขณะบวชก็มีกุฏิส่วนตัว มิดชิด ไม่โล่งวังเวงเหมือนโถงติดชานบ้านแม่ใหญ่
ในบ้านสามหลังอาณาบริเวณเดียวกันนั้นมีเพียงบ้านแม่ใหญ่หลังเดียวที่ไม่ได้ต่อไฟฟ้ามาใช้ยังคงใช้ตะเกียงน้ำมันแบบเดิม แต่ตั้งแต่ทิดต้อมย้ายมาแม่ของเขาก็สัญญาว่าจะต้องต่อไฟมาสักวันเพราะอยากให้ลูกชายสะดวกสบายบ้างโดยเฉพาะหน้าร้อน หากไม่มีพัดลม ทิดสึกใหม่คงแย่ส่วนแม่ใหญ่กับเด็กแอมคุ้นกับวิถีชีวิตแบบนี้ดีเสียแล้ว
คืนหนึ่งในฤดูฝนอันอบอ้าวหลังจากที่ฝนทิ้งช่วงหลายวันวันนี้ดูเหมือนฝนจะตั้งเค้ามาแต่บ่ายฟ้าครึ้มร้องครืนๆ จนทิดต้อมต้องรีบรามือจากงานไร่นาเพราะดูท่าว่าฝนจะตกหนักหลังจากทิดต้อมกลับจากนา ก็รีบตักน้ำจากบ่อขึ้นมาเติมใส่ตุ่มจนเต็มเพื่อให้แม่ใหญ่ใช้อาบจะได้ไม่ต้องลงบันไดไปตักอาบที่บ่อเองพอเสร็จจากงานก็บ่นเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวโดยเฉพาะปวดหลังเพราะไม่คุ้นกับฟูกนุ่มๆที่ใช้นอนในปัจจุบันหรืออาจจะเพราะกรำงานนามากไปก็ไม่อาจรู้ได้
“ไปนวดบ้านพ่อใหญ่ทองซิ” แม่ใหญ่บอกขณะตำหมากปุกปุกอยู่ภายใต้แสงจอมแวมๆของไฟตะเกียงดวงเล็ก “หมอจับเส้นทั้งหมู่บ้านก็มีพ่อใหญ่ทองคนเดียวคอตกหมอน ขาเคล็ดไปหาพ่อใหญ่ทองจับแป็บเดียวก็หาย” แม่ใหญ่ว่า พร้อมควักคำหมากเข้าปากเคี้ยวหยับๆ
ทิดต้อมนึกถึงพ่อใหญ่ทองที่ว่าก็เห็นภาพชายแก่ง่อมร่างเล็ก อายุราว 70 กว่าปีฟันขาวเรียบเป็นระเบียบทั้งแผงเพราะเป็นฟันปลอมทั้งชุด ท่าทางอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิง ชอบพูดจาตลกสองแง่สามง่ามเรียกเสียงหัวเราะจากผู้คนในหมู่บ้านงานวัดงานบุญไม่เคยเว้นแกต้องไปร่วมสร้างสีสันด้วยเสมอ พ่อใหญ่ทองคนนี้แกเป็นโสดตัวคนเดียว เคยไปใช้ชีวิตอยู่ถึงเมืองกรุงเพิ่งกลับมาอยู่ในหมู่บ้านตอนแกอายุซัก 50 กว่านี่เองถึงพ่อใหญ่ทองจะตัวคนเดียว แต่หลังจากกลับจากกรุงเทพฯแกก็มีเงินทองมากมายอาศัยออกเงินกู้ ให้คนเช่าที่นาและตระเวนรับจ้างนวดตามบ้านคนเลี้ยงตัวเรื่อยมา ไม่เคยเห็นเดือดร้อนเงินทองชาวบ้านซะอีกที่เวลาเดือดร้อน มักจะไปขอหยิบยืมเงินพ่อใหญ่ทองเสมอๆ เมื่อถึงเวลาชำระคืนแล้วถ้าคนไหนไม่มีให้ก็จะโดนแกไปตามด่าประจานให้อายจนชาวบ้านขยาดไปตามๆ กันว่าแต่ พักหลังๆมานี้ ก็ไม่เห็นพ่อใหญ่ทองจะตระเวนนวดตามบ้านเหมือนเคยถึงแม้จะเป็นหมอจับเส้นฝีมือดีก็จริงแต่ตกมาปีนี้พ่อใหญ่ทองน่าจะแก่ตัวมากแล้วเพราะก่อนสึกทิดต้อมยังเห็นแกไปวัดประจำ
“แกแก่ขนาดนั้นแกยังนวดอยู่เหรอ จะมีแรงจับเส้นไหวหรือแม่ใหญ่ ไม่เห็นออกมาตระเวนรับจ้างนวดเหมือนเคยนี่”
ทิดต้อมถามก่อนจะเรียกเด็กแอมซึ่งกำลังก้มหน้าก้มตาทำการบ้านเสียใกล้แสงตะเกียงจนน่ากลัวจะไหม้ผมให้วางมือลงก่อน แล้วมาช่วยนวดหลังให้ตนพอให้อาการปวดมันทุเลาลง เด็กแอมกุลีกุจอรีบมานวดให้พี่ชายคนโปรดอย่างเต็มใจถึงแม้มือเล็กๆจะนวดไม่ได้เรื่องอะไรแต่ก็ดีกว่าปล่อยให้หลังมันปวดตึงขึ้นเรื่อยๆ
“นวดสิ แกยังนวดเหมือนเดิม แค่ไม่ออกมาหาเดินรับจ้างตามบ้าน แกบอกว่าแกแก่แล้วขี้เกียจเดินไกลถ้าใครอยากนวดให้ไปหาแกเองที่บ้าน ของอย่างงี้อย่าไปให้คนไม่รู้วิชานวดนะ คนไม่รู้นวดเสียเส้นเสียเอ็นเป็นง่อยไปหลายคนแล้วพ่อใหญ่ทองแกเป็นหมอเส้นของแท้แกมีวิชา พรุ่งนี้บ่ายๆ ไปหาแกเลย อย่าปล่อยไว้นาน”
สิ้นคำแม่ใหญ่ฝนที่ตั้งเค้ามาแต่บ่ายก็ตกเทครืนๆลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทิดต้อมนึกถึงเรือนไม้หลังใหญ่ของพ่อใหญ่ทองที่ไปปลูกเสียไกลอยู่แถวนาดอนท้ายๆ หมู่บ้านแกไปปลูกเรือนไว้กลางที่นาของแกเองเป็นเกือบ 50 ไร่ สงสัยต้องเดินไกลกันล่ะทีนี้
|