พอรู้ว่าไอ้ภพอาการแย่ลง ผมก็รีบบึ่งกลับไปที่หอผู้ป่วยทันที ระหว่างทางคุณป้าร้านเบเกอรี่ที่ผมซื้อประจำคิดว่าผมมีคนไข้ฉุกเฉิน เลยยัดเค้กมาให้หนึ่งกล่องเพราะกลัวว่าผมจะไม่มีข้าวเย็นกิน
ที่หน้าห้องของไอ้ภพ ผมเจอกับอาจารย์หมอเกษม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยากำลังเดินออกมาพอดี “นัทพล คุณเป็นทั้งเจ้าของไข้และญาติผู้ป่วยรายนี้ใช่ไหม ผมจะไม่อ้อมค้อมนะ อาการของนายพิภพอยู่ดีๆก็แย่ลง ตอนนี้เข้าสู่ ภาวะสมองตายแล้ว ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ด้วยเครื่องช่วยหายใจที่ผมใส่ให้เมื่อครู่เท่านั้น หัวใจเขาอาจจะหยุดเต้นเมื่อไหร่ก็ได้”
“ไม่มีทางช่วยเลยเหรอครับ” ผมถามด้วยน้ำตาคลอเบ้า
“ถ้าคุณจำเลคเชอร์ของผมได้ คุณจะรู้คำตอบนะ ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ผมทำได้แล้ว คุณไปอยู่กับเขาในช่วงเวลาสุดท้ายให้ดีเถอะ” อาจารย์ตบไหล่ผมแล้วเดินจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ
ผมเดินคอตกเข้าไปในห้อง รู้ดีว่าภาวะสมองตายหมายถึงไม่มีทางรักษา ผมมองดูร่างของไอ้ภพที่นอนอยู่บนเตียงอย่างโรยแรง มีท่อช่วยหายใจคาอยู่ในปาก สายน้ำเกลือระโยงระยางทั่วตัว เสียงเครื่องมือวัดค่าต่างๆดังเป็นระยะ รู้สึกสิ้นหวังจนต้องยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้น คิดวนเวียนอยู่ในใจว่าเพราะผมเองรึเปล่า ที่เป็นต้นเหตุทำให้อาการของมันแย่ลง
“ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก…” เสียงหนึ่งดังขึ้น ภาพของชายในชุดราชปะแตนสีดำค่อยๆปรากฏตัวขึ้นข้างหน้าผม เขามีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนคนตาย และมีแววตาสีนิลเหมือนกับท้องฟ้าในคืนเดือนมืด
“คุณเป็นใคร…” ผมถามแล้วขยับตัวไปยืนขวางระหว่างเขากับไอ้ภพตามสัญชาตญาณ
“พวกเจ้าเรียกเราว่าอะไรนะ ยมทูต ใช่แล้ว” “คุณมารับตัวภพ?” ยมทูตเปิดสมุดบัญชีในมือแล้วอ่านให้ผมฟัง “นาย พิภพ xxx ชาตะ xxx มรณะ xxx…”
“นั่นมันตั้งแต่สี่ปีที่แล้วนี่ครับ”
“มันก็มีผิดพลาดกันได้ แล้วนี่ก็เป็นเหตุผลที่ข้าต้องมาคุยกับเจ้า ตามกฎของโลกวิญญาณ ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากระบบยมทูต จะได้รับการเยียวยา โดยให้โอกาสกลับไปทำสิ่งที่ค้างคาใจในอดีต ได้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง นายพิภพเพิ่งจะได้ใช้สิทธินั้นไปเมื่อครู่นี่เอง”
ทันใดนั้นผมก็เข้าใจทุกอย่าง ทำไมผมคิดไม่ได้มาก่อนนะ ตามเอกสารแล้ววันที่เกิดอุบัติเหตุคือวันสุดท้ายที่ผมเจอมัน แสดงว่ามันกลายเป็นเจ้าชายนิทราแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ไอ้ภพที่ผมเจอคือไอ้ภพที่ย้อนเวลากลับไป นั่นคือเหตุผลของพฤติกรรมแปลกๆทั้งหมดที่มันทำ
“นายพิภพ เดิมพันกับข้าว่าจะทำให้เจ้าบอกรักเขาเองให้ได้ ภายในหนึ่งวันนั้น อย่างที่เจ้ารู้ ข้าแพ้ จึงต้องมาถ่ายทอดคำสั่งเสียของเขาให้เจ้าฟัง”
ยมทูตยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงแหบทุ้มต่ำ ราวกับดังมาจากก้นบึ้งของนรกภูมิ
“ให้ผมฟังจากปากเขาเองไม่ได้เหรอครับ”
“พวกเจ้าอยู่กันคนละโลก ที่จริง ฝนายพิภพก็อยู่ตรงนี้ แต่เจ้ามองไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงของเขาเอง”
“ไม่มีวิธีไหนเลยเหรอครับ” ผมมองไปรอบๆ หยิบเข็มฉีดยากระตุ้นหัวใจที่วางอยู่ข้างเตียง มาจ่อเส้นเลือดที่คอของตัวเอง “ถ้าผมฆ่าตัวตายตอนนี้ ช่วยให้วิญญาณผม ได้เจอกับภพเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหมครับ”
ยมทูตทำตาเหลือก แล้วบอกว่า “ใจเย็นๆก่อน ข้าแพ้เดิมพันอีกแล้ว นายพิภพบอกว่าเจ้าจะยอมตาย ….พวกเจ้านี่มัน…บ้าจริงๆ”
ยมทูตยื่นนิ้วมาแตะหน้าผากของผมแล้วท่องคาถาบางอย่าง ผมรู้สึกร้อนที่ตาทั้งสองข้างจากนั้นผมก็มองเห็นมัน ร่างโปรงแสงของไอ้ภพที่ยืนอยู่ข้างๆยมทูต มันสบตาแล้วส่งยิ้มให้ แต่ผมทำได้เพียงร้องไห้
“ข้าเบิกเนตรวิญญาณให้เจ้าตามสัญญาแล้ว อีกสามสิบนาทีข้าจะมารับ” ยมทูตบอกผมก่อนจะหายตัวไป
ไอ้ภพยื่นมือเข้ามาทำท่าเช็ดน้ำตาให้ผม แต่มันผ่านเลยไปเหมือนกับเป็นอากาศ เราสองคนไม่อาจสัมผัสกันได้ ผมกอดวิญญาณที่ไร้ร่างของมันเอาไว้ พูดอะไรไม่ออก
“เรามีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเองนะ มึงไม่มีอะไรจะคุยกับกูเลยเหรอ”
“แล้วทำไมวันนั้นมึงไม่บอกอะไรกูเลย รู้ไหมสี่ปีมานี้กูทรมานแค่ไหน”
“นี่ มึงยังไม่ได้อ่านจดหมายที่กูเขียนเหรอ?”
ผมเงยหน้ามองมันแล้วส่ายหัว
“มึงก็ยังจะยอมตายเพื่อกูนะ กูเลยนึกว่ามึงอ่านแล้วทำตามแผนในนั้น” ไอ้ภพชี้ให้ผมนั่งที่โซฟา มันเองก็มานั่งข้างๆ
“กูพึ่งกลับมาจากอดีต เมื่อครู่นี้เอง ตอนแรกกูดีใจมากนะที่เจอมึงเมื่อสามวันก่อน ตั้งแต่กูเป็นเจ้าชายนิทรา วิญญาณของกูก็อยู่ที่นี่มาตลอด ไปไหนไกลเกินห้าเมตรก็ไม่ได้ ก่อนจะเจอมึงไม่นานกูรู้ว่าตัวเองใกล้ตายแล้ว เพราะมีนักสืบยมโลกมาหา”
ไอ้ภพเขี่ยเส้นใยบางๆที่เชื่อมระหว่างร่างวิญญาณกับร่างเนื้อของมัน ถ้าไม่สังเกตดีๆก็แทบมองไม่เห็น
“พอมึงมาเล่าเรื่องวันสุดท้ายเมื่อสี่ปีก่อนให้กูฟัง กูตกใจมาก นึกว่ามึงคิดถึงกูจนเป็นบ้าแยกความจริงกับความฝันไม่ออกแล้ว เพราะกูไม่เคยทำอะไรแบบนั้นเลย ตอนที่พ่อกูหนีหนี้ กูไม่อยากให้มึงเสียใจเลยตั้งใจจะจากมึงมาแบบเงียบๆ จนเมื่อยมทูตบอกว่ากูมีสิทธิกลับไปแก้ไขอดีตได้หนึ่งวัน กูถึงรู้ว่ากูต้องกลับไปวันไหน กูอยากจะสารภาพทุกอย่างให้มึงฟังใจแทบขาด แต่กฎของยมทูตคือห้ามบอกเรื่องนี้กับใคร ตอนนั้นหลังจากที่เรา…”
ไอ้ภพหยุดนิดนึง ผมที่จ้องมันอยู่ เลยได้รู้ว่าวิญญาณก็หน้าแดงได้ด้วย
“…หลังจากที่มึงหลับ กูก็ลุกมาเขียนจดหมายเล่าทุกอย่าง รวมถึงแผนการของวันนี้ให้มึงฟัง แล้วเสียบไว้ในหนังสือโป๊รุ่น กูอุตส่าห์บอกให้มึงศึกษาอนาโตมี่แถมยังทำท่าเหมือนนายแบบให้มึงดูนะ มึงไม่คิดจะไปเปิดดูเลยเหรอ”
“ไอ้บ้า ของที่มึงทิ้งไว้ เห็นแล้วจะร้องไห้ทุกที กูเลยเก็บเข้าตู้หมดเลย ถ้าอยากให้กูอ่านมึงต้องเสียบในหนังสือเรียน”
“ก็จริง กูไม่ทันนึกถึงเรื่องนั้น”
“ตกลงแผนการของมึงคืออะไรนะ”
“ไม่จำเป็นแล้วล่ะ แค่ได้คุยกับมึง ได้บอกลามึง กูก็พอใจแล้ว”
“มึงอย่ายอมแพ้ดิภพ มึงบอกแผนการมา มึงก็เห็นแล้วว่ากูยอมตายเพื่อมึงได้”
“งั้นก็….” ……
ผมนั่งล่อนจ้อนอยู่บนเตียงคนไข้ มองดูร่างเปลือยของไอ้ภพ วิญญาณของมันยืนทำหน้ากวนตีนอยู่ข้างๆ
“เป็นไงมึงหุ่นกูดีไหม เห็นตั้งกี่ครั้งแล้ว ยังไม่ชินอีกเหรอ ควยลุกเชียว” มันไม่พูดเปล่า เอายื่นหน้าโปร่งแสงเข้ามาพิจารณาใกล้ๆ
“เส้นสองสลึงขาดแล้วเหรอมึง”
“กูไม่เคยมีอะไรกับคนอื่นนะโว้ย ขาดตั้งแต่ตอนทำกับมึงเมื่อสี่ปีก่อนแล้ว “
“กูรู้ กูแค่แซวมึงเล่น เลือดมึงยังติดที่ตัวกูเลย”
ผมแยกขาของไอ้ภพออกจากกัน เผยให้เห็นร่องรูของมัน ผมลองใส่นิ้วที่หล่อลื่นเควายเจลเข้าไปเพื่อเบิกทาง
“มึงจะไม่ตายแน่นะ” ผมถาม
“โถ ตัวมึงแค่นี้จะเย็ดใครตายได้ กูจะตายก็ต่อเมื่อยมทูตมาเอาวิญญาณไป แหม ทีตอนกลางวันมึงข่มขืนกู ไม่เห็นจะกลัว”
“กูไม่ได้ข่มขืน ลืมแล้วเหรอ มึงเป็นคนขอกูเอง กูแค่ทำตามสัญญา”
“ก็จริง งั้นรอบนี้มึงข่มขืนกูนะ กูไม่ได้ยอม”
“ช่างหัวมึง รูมึงหลวมขนาดนี้ มิน่าถึงอยากโดนข่มขืนนัก” ผมชี้ให้มันดูรูตัวเองที่ใส่สามนิ้วเข้าไปได้สบายๆ
“เห้ย กูไม่เคยโดนเย็ดนะ” ไอ้ภพร้องอย่างตกใจ
“กูรู้ มึงแค่โดนฉีดยาคลายกล้ามเนื้อตอนใส่เครื่องช่วยหายใจ หูรูดมันเลยคลาย”
“โอย ไม่เจอกันสี่ปีมึงแสบขึ้นเยอะ กูรักมึงนะนัท” ร่างวิญญาณของไอ้ภพจูบที่แก้มของผมแล้วกระซิบว่า “ใส่เข้ามาเลย กูพร้อมเป็นของมึงแล้ว”
ผมยกขาไอ้ภพพาดบ่าแล้วค่อยๆสอดใส่ควยเข้าไปในรู โดยมีวิญญาณของมันคอยเชียร์อยู่ข้างๆ “อ๊าส์ ซี๊ด ดันเข้ามาอีกค่ะ ผัวขา ใหญ่คับแน่นดีเหลือเกิน เมียเสียวไปหมดแล้ว”
“มึงอย่ามาเวตลกดิวะ เดี๋ยวกูหมดอารมณ์พอดี” ผมพยายามกลั้นหัวเราะ แล้วดันควยเข้าไปจนสุด ไอ้ภพที่ตอนแรกทำหน้าล้อๆเปลี่ยนเป็นเม้มปากแน่น “ซี๊ด เสียววะ ถึงกูจะเป็นวิญญาณแต่ก็ยังเชื่อมโยงกับร่าง เมื่อกี้ตอนเย็ดมึงกูก็รู้สึกนะ”
ทันใดนั้นยมทูตก็ปรากฎตัวขึ้น พอเขาเห็นสภาพในห้องก็ทำตาโต “พวกเจ้า! จะตายอยู่แล้วยังจะทำเรื่องแบบนี้อีกรึ”
“ก็จะตายแล้วไงครับ ถึงต้องทำ คือขอต่อเวลาอีกสักยี่สิบนาปี เอ้อ ทีนะครับท่าน ตรงนี้มีเค้กอยู่ถุงนึง ท่านจะรับไปทานรอก็ได้นะครับ” ผมต่อรอง
ยมทูตส่ายหัวอย่างเอือมระอา แต่ก็หยิบถุงเค้กแล้วหายตัวไปอีกครั้ง
“สำเร็จแล้ว มึงเอาควยออกไปได้” ไอ้ภพเร่ง ผมค่อยๆถอนควยออกมาแล้วยัดเข้าไปใหม่อีก “อ่า.. อะไรของมึงเนี่ย”
“เอาน่า ไหนๆก็มีเวลาแล้ว มึงก็ยอมให้กูเย็ดสักครั้งนะ” ผมตอบค่อยๆขยับควยเข้าออกรูของมัน
วิญญาณของไอ้ภพไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่ยืนครางด้วยความเสียว มองดูร่างของตัวเองโดนผมเย็ดอย่างเมามันส์
ไอ้ภพคงเงี่ยนมากมันพยายามเข้ามากอดจูบลูบคลำผม ผมก็จูบตอบมันแม้จะเป็นแค่อากาศก็ตาม แต่ระหว่างนั้นอยู่ดีๆร่างกายของผมก็เริ่มรู้สึกได้ถึงสัมผัสจากร่างวิญญาณของมัน
“เชี่ยภพ วิญญาณมึงจับของได้แล้ว”
“เออว่ะ เป็นผีมาตั้งนานเพิ่งทำได้” ไอ้ภพกอดผมแน่นอย่างดีใจ ควยวิญญาณของมันก็แข็งจนทิ่มเอวผม
“นัทมึงยกก้นขึ้นหน่อยดิ” มันไม่รอให้ผมตอบ จัดแจงท่าให้ผมเสร็จสรรพ จากนั้นก็จ่อควยยัดเข้ามาในรูของผม ควยวิญญาณมันทั้งแข็งทั้งหยุ่นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นลูกโป่งอัดอากาศ ทำให้มันแน่นพอดีแต่ไม่มีแรงเสียดทาน สอดใส่ได้โดยไม่ต้องหล่อลื่นแต่อย่างใด
ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมกำลังเย็ดร่างเนื้อของไอ้ภพ และโดนร่างวิญญาณของไอ้ภพเย็ดไปด้วยในเวลาเดียวกัน
เสียงครางด้วยความเสียวของเราดังระงมลั่นห้อง น่าจะเป็นครั้งแรกในสามโลกที่คนสองคนสามารถเย็ดและถูกเย็ดไปพร้อมๆกันได้
ยิ่งไอ้ภพเด้งเอวถี่เท่าไหร่ยิ่งทำให้จังหวะการโดนเย็ดของตัวมันเองเร็วขึ้นเท่านั้น
“ซี๊ด อ่าส์ นัท กูเสียวเหี้ยๆเลยว่ะ โดนทั้งตูดทั้งควย”
“กูก็เหมือนกัน อ่าส์ภพ มึงหยุดไซ้คอกับเล่นนมกูก่อนได้ไหม กูจะแตกแล้วเนี่ย”
“ซี๊ด แตกมาเลยไอ้นัท กูก็ไม่ไหวแล้ว อ๊าส์”
หลังจากนั้นเราสองคนก็น้ำแตกในเวลาไล่เลี่ยกัน ผมนอนซบลงบนตัวไอ้ภพโดยมีร่างวิญญาณของมันนอนทับอยู่อีกที
“กูไม่มีอะไรคาใจแล้วล่ะนัท พร้อมไปสู่สุขคติทุกเมื่อ”
“ภพมึงยังไปที่ชอบๆไม่ได้ ต้องอยู่กับกูก่อน”
“ที่ที่กูชอบก็คือที่ที่ได้อยู่กับมึงนะ”
“เชี่ยยยหวานสัด “ผมเขินจนหน้าแดง
“อะแฮ่ม” เสียงกระแอมดังขึ้นขัดจังหวะ “สวีทกันพอรึยัง ได้เวลาไปแล้ว” ยมทูตปรากฎตัว ในมือของเขาถือเคียวยาวเงื้อขึ้น พร้อมจะตัดสายใยวิญญาณจากร่าง
“เดี๋ยวก่อนครับท่าน” ผมลุกขึ้นห้าม
“อะไรอีกล่ะ ข้าไม่มีอะไรต้องคุยกับเจ้าแล้ว”
“ท่านรับเครื่องเซ่นของผมไปแล้ว ตามกฎของโลกวิญญาณต้องทำตามที่ผมขอใช่ไหมครับ”
ยมทูตชะงักไปชั่วขณะแล้วตอบว่า “ก็ใช่ แต่ข้าทำไปแล้วไง ข้าต่อเวลาให้ตามที่เจ้าขอแล้ว เจ้าไม่มีสิทธิ์ขออะไรอีก”
“เอ แต่ยี่สิบที่ผมขอมันเป็นยี่สิบนาปีนะครับ ส่วน ทีตรงท้ายคือคำขอร้อง เหมือนช่วยที อะไรแบบนั้น ไม่ใช่ยี่สิบนาที ท่านพูดแล้วว่าจะต่อเวลาตามที่ผมขอ งั้นอีกยี่สิบนาปี ค่อยมาเจอกันนะครับ”
“พวกเจ้า…แล้วยี่สิบนาปีมันคืออะไรกัน”
“ก็ทำนาปียี่สิบครั้ง นาปีทำได้ปีละครั้ง ก็รวมเป็นยี่สิบปีพอดี”
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมเหรอ”
“พาเราไปขึ้นศาลยมโลกก็ได้นะครับ แต่เรื่องที่ท่านรับสินบนจากมนุษย์ก็จะแดงขึ้นมาด้วย ไหนๆก็ลืมมาตั้งสี่ปีแล้ว จะลืมต่อไปอีกหน่อยก็ไม่ต่างกันรึเปล่าครับท่าน”
ยมทูตโดนผมทั้งขู่ทั้งปลอบจนเถียงไม่ออก ได้แต่ฮึดฮัดกลับไป
“นี่เราทำสำเร็จ จริงเหรอวะนัท”
“อย่างน้อยมึงก็ยังไม่ตายชั่วคราว กูจะหาทางช่วยมึงเอง กูไม่อยากเห็นมึงทรมานแบบนี้”
“แค่มึงอย่าจากกูไปก็พอ กูเป็นแค่ผีกึ่งสำเร็จรูป ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง”
“ทำได้สิ”
“ทำอะไรวะ”
“เป็นแฟนกูไง”
ผมมองไอ้ภพยิ้มเขินๆ สัญญากับตัวเองว่าจะใช้เวลาที่ได้มาอยู่กับมันให้คุ้มค่าที่สุด
จบ
|