แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย jokecup เมื่อ 2021-10-30 03:13
เส้นทางของคนร่าน ตอนที่ 6
มินนี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของเธอหลังจากที่ได้มีโอกาสเจอกับผู้กองอรรถวิทย์โดยบังเอิญเมื่อวานนี้ใจของเธอก็เฝ้าครุ่นคิดถึงแต่นายตำรวจหนุ่มตลอดเวลา
ใบหน้าที่หล่อเหลารอยยิ้มที่แสนมีเสน่ห์ วาจาที่สุภาพเป็นกันเอง และเรือนกายที่กำยำล่ำสันภาพตอนที่อรรถวิทย์เดินขึ้นจากสระน้ำยังคงติดตรึงในความทรงจำเหมือนเกิดขึ้นตรงหน้าตอนนี้
“เป็นยังไงบ้างยายหนูเมื่อวานไปเที่ยวกับพ่อชาติสยาม”
คำถามนั้นปลุกมินนี่ตื่นจากภวังค์หญิงสาวจ้องมองผู้เป็นแม่ที่เป็นผู้ตั้งคำถามกับเธอ
“มีอะไรรึเปล่าแม่เห็นเอาแต่เขี่ยข้าวไปมาอยู่นานแล้ว”
หญิงสาวอมยิ้มส่ายหัวน้อย ๆ ก่อนจะบอกกับแม่ของเธอไปว่า
“ไม่มีอะไรค่ะก็ปกติ เมื่อวานนี้มินเจอผู้กองอรรถวิทย์ด้วยค่ะคุณพ่อ”
ประโยคท้ายมินนี่เปลี่ยนไปคุยกับพ่อของเธอแต่ผู้เป็นแม่เกิดความสนใจเมื่อได้ยินชื่อของผู้ชายที่หล่อนไม่รู้จักจากปากผู้เป็นลูกสาวคนเดียว
“ใครกันคะผู้กองอรรถวิทย์”
คุณมาลีเอ่ยปากถามสามีผู้กำกับจักรตอบคำถามของภรรยาโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคำถามของภรรยานั้นไม่ได้ถามแค่เพียงแค่อยากรู้ธรรมดาแต่ต้องการซักไซ้เพื่อสำรวจอะไรบางอย่าง
“นายตำรวจใหม่ที่มาจากส่วนกลางรับตำแหน่งที่ สภ. เดียวกับพ่อชาติสยาม”
“เหมือนที่นั่นเขาจะจัดงานต้อนรับผู้กองตอนที่สารวัตรก้องเกียรติกลับจากราชการที่กรุงเทพใช่มั้ยคะคุณพ่อจะไปร่วมงานด้วยไหมคะ”
“มีอะไรรึเปล่ามินนี่”
ผู้เป็นแม่เป็นฝ่ายถามแทนเพราะเธอเห็นความไม่ปกติของลูกสาว
“มินอยากไปงานด้วยค่ะ”
เมื่อตอบคำถามไปแล้วหญิงสาวเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยของผู้เป็นแม่ มินนี่จึงตอบกลับไปอีกว่า
“อยากไปเจอพี่ชาติน่ะค่ะเดี๋ยวพอกลับไปทำงานที่กรุงเทพแล้ว คงไม่ค่อยได้เจอพี่ชาติอีกตอนนี้มีโอกาสก็อยากเจอเขาบ่อย ๆ”
ผู้เป็นแม่ยังไม่หายคลางแคลงใจนางคิดว่าเมื่อถึงวันจัดงาน นางอาจจะต้องขอให้สามีไปร่วมงานนี้ด้วยเพราะหล่อนเริ่มอยากรู้จักผู้กองอรรถวิทย์เสียแล้ว
“เบื่อจังเลยอีกสองอาทิตย์ก็ต้องกลับกรุงเทพแล้ว วันหยุดนี่มันทำไมผ่านไปไวขนาดนี้”
มินนี่ส่งเสียงบ่นกับเพื่อนสนิทที่อยู่ปลายสาย
“แกไม่ดีใจเหรอที่จะได้เจอชั้น”
เสียงที่ตอบกลับมาเจือเสียงหัวเราะเบาๆ
“คิดถึงสิคะคุณปองพล”
“แต่คิดถึงแฟนมากกว่าล่ะสิอยากอยู่กับพี่ชาตินานกว่านี้”
อีกฝ่ายเย้ากลับมาแล้วบอกต่อไปอีกว่า
“กลับไปเรียนเทอมสุดท้ายให้จบไวๆ พี่ชาติจะได้มาขอแต่งงาน จะได้อยู่กันจริง ๆ จัง ๆ เสียที”
พอพูดจบประโยคปองพลก็ได้ยินเสียงถอนหายใจจากฝ่ายเพื่อนสนิทได้อย่างชัดเจน
“เกิดอะไรขึ้นยะยายมินนี่หรือหล่อนจะเขี่ยพี่ชาติของชั้นทิ้งแล้ว”
“เปล่าสักหน่อยปองเพียงแต่ชั้นยังไม่พร้อมที่จะแต่งงาน แต่ไม่รู้จะบอกชาติเขายังไงดี เจอกันเมื่อวานนี้เขาก็รบเร้าชั้นหนักยิ่งกว่าเดิม”
มินนี่คบหากับชาติสยามมาเกือบครบหนึ่งปีแล้วเธอพอจะรู้นิสัยใจของของคนรักได้เป็นอย่างดี พอคยกันนาน ๆนิสัยบางอย่างของชาติสยามก็ทำให้เธออึดอัด อย่างเมื่อวานมินนี่รู้สึกได้เพราะหลังจากที่เจอกับผู้กองอรรถวิทย์แล้วดูเหมือนชาติสยามจะเปลี่ยนท่าทีจากที่ตอนแรกดูช่างพูดช่างคุยและเอาอกเอาใจเธฮสารพัดกลายเป็นคนหงุดหงิดง่าย ตอนที่ทั้งสองไปกินข้าวกันต่อชาติสยามรบเร้าให้เธอรับปากเขาว่าหลังเรียนจบจะยอมให้เขาเข้าไปคุยกับคุณพ่อของเธอเรื่องการหมั้นหมายมินนี่รู้สึกรำคาญเธอจึงตัดบทรับคำตามที่คนรักขอแต่หญิงสาวคิดว่ากว่าจะถึงวันนั้นเธอคงมีข้ออ้างที่จะถ่วงเวลาการหมั้นหมายออกไปได้
“ปองเธอจะขึ้นมารับชั้นกลับกรุงเทพวันไหน เธอมาถึงก่อนที่เรานัดกันได้ไหมชั้นมีใครบางคนที่อยากแนะนำให้เธอรู้จัก”
คำพูดนี้ทำให้ปองพลรู้สึกแปลกใจแต่ความที่คบหากันมานานจนรู้นิสัย ปองพลรู้ว่าถึงถามไปมินนี่ก็ยังไม่ยอมบอกตอนนี้หล่อนจึงตัดสินใจไม่เอ่ยถามอะไรเพื่อนรักออกไป คิดว่ารอให้อีกฝ่ายพร้อมคงจะบอกทุกอย่างกับเธอเอง
พอวางสายปองพลนึกถึงคำพูดของของมินนี่ที่เคยบอกกับเธอตอนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ ๆ
“ชั้นไม่ชอบคบกับพวกผู้หญิงด้วยกันพวกนี้มีแต่คอยอิจฉาริษยา แต่เวลาอยู่ต่อหน้าชอบทำเป็นคนดีชั้นสบายใจกว่าที่มีเธอเป็นเพื่อนนะปอง”
เกือบสี่ปีเต็มที่คบกันมาพวกเขาทั้งคู่แทบไม่เคยมีเรื่องทะเลาะกันเลย ต่างคนต่างเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของกันและกันมินนี่ไม่ชอบสังคมผู้หญิงที่ปากอย่างใจอย่าง ขณะที่ปองพลที่ภายนอกดูเป็นผู้ชายแต่ตัวตนจริง ๆ เป็นผู้หญิงไม่ต่างจากมินนี่ เขาจึงไม่เป็นที่ยอมรับของใครต่อใครมีเพียงมินนี่คนเดียวเท่านั้น ที่ปองพลสัมผัสได้ถึงความจริงใจในการคบหากันปองพลคิดเสมอว่ามิตรภาพนี้จะยาวนานตลอดไป
ว่าแล้วปองพลก็รีบทำหน้าที่เพื่อนที่แสนดีของมินนี่ทันทีหล่อนเปิดไลน์ของชาติสยามแล้วส่งข้อความไปหาเขา
‘พี่ชาติครับ เป็นจริงอย่างที่พี่ชาติกังวลจริงๆ ครับ ว่างแล้วคอลหาปองนะครับ’
เวลาเดียวกันนั้นอรรถวิทย์เดินทางมาถึงบ้านของหมู่ดำเกิงที่นัดเขาให้มาทานอาหารกลางวันด้วยกัน
“เมียผมเขาทำอาหารถิ่นอร่อยอย่างนี้ผมอยากให้ผู้กองมาลอง ถือโอกาสให้ผมเลี้ยงต้อนรับผู้กองด้วย”
อรรถวิทย์ถือของฝากที่เขาซื้อมาจากห้างสรรพสินค้าที่เขาไปมาเมื่อวานส่งให้หมู่ดำเกิง
เจ้าของบ้านดูเหมือนจะถูกอกถูกใจกับของที่ได้มาเป็นอย่างมากเพราะมันเข้ากับอาหารถิ่นรสจัดฝีมือของภรรยาเป็นอย่างมากขณะที่ผู้เป็นแขกก็ชื่นชอบรสชาติอาหารจนออกปากชมไม่หยุด ยิ่งผสมผสานกับการสนทนาที่ออกรสออกชาติเพียงไม่นานทั้งอาหารและของฝากก็พร่องไปจนเกือบหมด
ขณะที่วงอาหารกลางวันกำลังดำเนินไปเด็กชายวัยประมาณสิบขวบคนหนึ่งก็เดินลงมาจากชั้นบนของตัวบ้านตรงเข้าไปกอดหมู่ดำเกิง
“พ่อครับปุกขอตังค์หน่อย”
เอ้า เจ้าปุกจะไปแล้วเหรอลูก”
“ครับ”
หมู่ดำเกิงควักแบงค์ร้อยส่งให้ลูกชายตัวน้อยขณะที่ผู้เป็นแม่รีบบอกลูกชาย
“ปุก ไหว้ผู้กองอรรถสิลูก”
เด็กชายทำตามอย่างว่าง่ายอรรถวิทย์รับไหว้แล้วเอ่ยถามออกไป
“จะไปไหนครับปุก”
เด็กชายไม่ได้เป็นคนตอบแต่เป็นผู้เป็นพ่อที่บอกกับอรรถวิทย์แทน
“จะออกไปซ้อมบอลกับเพื่อนๆ ครับ นี่เขาเป็นนักกีฬาของโรงเรียนรุ่นชั้นประถมนะ แต่ไม่ได้ออกไปซ้อมกับเพื่อนๆ มาเกือบเดือนแล้ว เพราะบาดเจ็บตอนซ้อม หมอเพิ่งตัดเฝือกแล้วอนุญาตให้ไปซ้อมได้เดี๋ยวคุณครูคงจะมารับ”
พูดไม่ทันขาดคำเสียงแตรรถก็ดังขึ้นจากหน้าบ้านเด็กชายรีบผละจากผู้เป็นพ่อวิ่งออกไปทางหน้าบ้านขณะที่หมู่ดำเกิงก็ลุกจากที่นั่งเดินไปทางหน้าบ้าน ทำให้นายตำรวจหนุ่มจำต้องลุกตามไปด้วย
“ฝากด้วยนะครูแชมป์”
อรรถวิทย์พอได้ยินชื่อนั้นก็รู้สึกตกใจนั่นเป็นเวลาเดียวกับที่ครูแชมป์เดินมาถึงตัวบ้านหมู่ดำเกิง แล้วชายหนุ่มทั้งสองก็ปะหน้ากันครูแชมป์จำอรรถวิทย์ได้เช่นกัน เขารีบทักทายนายตำรวจหนุ่มทันทีขณะที่อรรถวิทย์ก็รับคำทักทายอย่างเจื่อน ๆ
“นี่รู้จักกันเหรอ”
หมู่ดำเกิงถามออกไปด้วยความรู้สึกแปลกใจ
“ครับเจอกันที่สนามบอล ผู้กองช่วยดูเด็ก ๆ ให้ตอนที่ผมยังไม่ได้ไปรับ เด็ก ๆคงดีใจที่เจอผู้กองอีกนะครับ”
ว่าแล้วครูแชมปฺก็ตะโกนบอกเด็กๆ ที่อยู่ในรถ ที่ทันทีที่เห็นนายตำรวจหนุ่ม พวกเขาแสดงท่าทีลิงโลดออกมาอย่างเต็มที่
“ไว้ว่าง ๆไปที่สนามซ้อมกับเด็ก ๆ อีกสิครับผู้กอง เด็ก ๆ ต้องดีใจแน่ ๆ”
ว่าแล้วครูแชมป์ก็ลาทุกคนแล้วกลับขึ้นรถพาเด็ก ๆ ไปฝึกซ้อม
อรรถวิทย์เหงื่อตกไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้ ชายหนุ่มไม่รู้ว่าความลับระหว่างเขากับเด็ก ๆตอนนี้มันยังเป็นความลับอยู่อีกไหม
“เกิดอะไรขึ้นปอง”
ชาติสยามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันทีที่ปองพลรับสายวิดีโอคอลของเขานายตำรวจหนุ่มอยู่ในห้องพักในคอนโด เพิ่งออกกำลังกายเสร็จพอเขาได้เปิดอ่านข้อความที่ปองพลส่งมาให้ เขาก็รีบต่อวิดีโอคอลไปหาอีกฝ่ายทันที พอรับสายปองพลก็เห็นนายตำรวจหนุ่มที่กำลังเหงื่อโทรมกายท่อนบนสวมเพียงเสื้อกล้ามตัวเดียว หัวใจของชายหนุ่มใจสาวก็เต้นตูมตามขึ้นมาทันทีแต่เขาก็ต้องควบคุมอารมณ์ตอบอีกฝ่ายกลับไป
“ปองเพิ่งคุยกับมินนี่เสร็จครับพี่ชาติ”
ปองพลรีบเล่าเรื่องที่เพิ่งคุยกับมินนี่ให้ชาติสยามฟังโดยระหว่างเล่าก็มีการแต่งเติมเสริมแต่งขยายเรื่องราวออกไปเองบ้าง
ต่อหน้าชาติสยามปองพลพยายามทำตัวให้เป็นผู้ชายให้มากที่สุด เพราะคิดว่าจะได้รับความไว้วางใจจากชาติสยามได้มากกว่าการแสดงท่าทีออกสาวตามที่เป็นอยู่และเขาก็ได้รับความไว้วางใจจากชาติสยามจริง ๆ นอกจากชาติสยามจะขอให้เขาช่วยดูแลมินนี่ตอนที่เขาไม่อยู่แล้วยังขอให้ปองพลช่วยรายงานทุกความเคลื่อนไหวของมินนี่ให้เขาได้รับรู้ด้วย
และทุกครั้งเมื่อปองพลรายงานเรื่องของมินนี่กับชาติสยามจบนายตำรวจหนุ่มต้องถามกลับด้วยประโยคที่ร้อนรนเหมือนเดิมทุกครั้งว่า
“แล้วพี่จะทำยังไงดีปองต้องช่วยพี่นะ”
“ปองต้องช่วยพี่อยู่แล้วครับพี่ชาติเหมือนที่ปองช่วยพี่ทุกครั้ง พี่ชาติไม่ต้องตกใจนะครับปองแค่คิดว่ามินนี่คงมีอารมณ์ไม่มั่นคงเพราะอะไรหลายอย่าง ทั้งกลัวว่าจะเปิดเรียนแล้วต้องห่างจากพี่ชาติแล้วอาจจะอารมณ์แปรปรวนเพราะเมนส์จะมาด้วย เดี๋ยวอีกสองสามวันปองจะขึ้นไปรับมินนี่กลับมินมันยังชวนปองให้ไปหาพี่ชาติเลยครับ”
“จริง ๆเหรอครับ ดีใจจังที่จะได้มินก่อนกลับกรุงเทพ”
“ครับ....”
เสียงของปองพลขาดห้วงไปจนชาติสยามรู้สึกได้ เขาจึงพูดกับอีกฝ่ายไปว่า
“ขอบคุณนะครับปองให้พี่ได้ตอบแทนความช่วยเหลือของปองเหมือนทุกครั้งนะครับ”
ว่าแล้วภาพในกล้องที่ปองพลได้เห็นก็คือชาติสยามลุกขึ้นยืน เดินออกห่างจากกล้องเพื่อให้ภาพของเขาได้เต็มตัว ว่าแล้วนายตำรวจหนุ่มก็ค่อยๆ ถอดเสื้อกล้ามสีขาวที่ชุ่มเหงื่ออกจากตัว เผยให้เห็นเรือนร่างที่หนั่นแน่นด้วยมัดกล้าม
ปองพลเผลอเลียริมปากไม่รู้ตัว
แล้วชาติสยามก็เอามือทั้งสองข้างรูดกางเกงขาสั้นรัดรูปสีขาวที่สวมอยู่ออกอย่างช้าๆ มันเผยให้เห็นว่านายตำรวจหนุ่มไม่ได้สวมกางเกงชั้นใน เพราะทันทีทีกางเกงร่นลงไปถึงหน้าขาท่อนควยกึ่งแข็งกึ่งอ่อนก็ดีดตัวผึงออกมาทันที
ปองพลกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากทันที
“พี่ชาติอย่าทรมานปองนานสิครับปองใจคอไม่ดี”
พอปองพลพูดคำนี้เสร็จชาติสยามก็จัดการใช้มือข้างขวารูดท่อนควยของเขาขึ้นลง ขึ้นลงจนท่อนควยกึ่งแข็งกึ่งอ่อนค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นมาจนเต็มไม้เต็มมือผู้เป็นเจ้าของ
“พี่ชาติปองขึ้นไปครั้งนี้ จะมีโอกาสได้เจอพี่ชาติ ได้รับใช้พี่ชาติไหมครับ”
“ได้สิครับปองยิ่งปองชวยพี่เท่าไร ปองจะได้คืนมากขึ้นเท่านั้น”
ปากไม่พูดเปล่าชาติสยามชักท่อนควยของเขารัวแรงขึ้น แรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อย ๆ
ปองพลได้ยินเสียงครางของนายตำรวจหนุ่มดังข้ามมาถึงเขาอย่างชัดเจนมันทำให้เขาเผลอส่งเสียงร้องครวญครางตามไปด้วย ชายหนุ่มหวังว่าสักวันเขาจะไม่แค่ได้ดูชาติสยามทำสิ่งนี้ผ่านหน้าจอมือถือแต่เขาจะได้สัมผัส ได้ดื่มด่ำกับทุก ๆ การกระทำกับนายตำรวจหนุ่มไม่เว้นแม้แต่การกลืนกินน้ำรักที่พุ่งออกมาจากท่อนควยของนายตำรวจหนุ่ม แบบที่มันเกิดขึ้นต่อหน้าเขาตอนนี้
หน้าจอที่ปองพลกำลังมองอยู่พร่าเลือนเพราะน้ำรักของชาติสยามที่พุ่งกระแทกมา
ปองพลเผลอเอาลิ้นของเขาเลียที่หน้าจอด้วยความกระหายอยาก
[โปรดติดตามตอนต่อไป]
|