|
ฟ้าสวย ทะเลใส ที่มัลดีฟส์เมืองไทย เกาะหลีเป๊ะ
ไม่ต้องไปไกลถึงต่างแดนในประเทศไทยเราเองก็มีทะเลสวยๆ ที่น่าหลงใหลชวนให้ไปเยือนอยู่มากมายหลายแห่ง ฉบับนี้คู่หูเดินทางขอพาท่านผู้อ่านทุกท่านมุ่งหน้าสู่ภาคใต้มายังจังหวัดสตูล จังหวัดที่มีเกาะน้อยใหญ่ที่สวยงามขึ้นชื่ออยู่หลายเกาะ แต่ที่ขึ้นชื่อและเป็นที่รู้จักกันดีก็ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา มีเกาะน้อยใหญ่มากถึง 51 เกาะ อยู่ห่างจากชายฝั่งทะเลประมาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากกรุงเทพมหานครกว่า 900 กิโลเมตร เรียกว่ากว่าจะถึงก็ต้องใช้เวลากันเป็นวันเลยทีเดียว เพื่อแลกกับความสวยงามที่น่าประทับใจ วันนี้เราจะพาคุณผู้อ่านมาเที่ยว “เกาะหลีเป๊ะ” หรือที่เค้าเรียกกันว่า “มัลดีฟส์เมืองไทย” มาทำความรู้จักกับเกาะน้อยใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนฤดูกาลเปิดเกาะจะมาเยือนในกลางเดือนนี้
1.jpg (72.67 KB, 680x430 - ดู 1211 ครั้ง.)
2.jpg (105.83 KB, 680x430 - ดู 1130 ครั้ง.)
3.jpg (137.83 KB, 680x430 - ดู 1129 ครั้ง.)
4.jpg (86.4 KB, 680x430 - ดู 1122 ครั้ง.)
เกาะหลีเป๊ะ
เกาะหลีเป๊ะ หมายถึง เกาะที่ราบเรียบคล้ายกระดาษ ซึ่งมีที่มาจากภาษาท้องถิ่นชาวเล(ชนเผ่าอุรักลาโว้ย)บนเกาะ ซึ่งส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง รอบเกาะเต็มไปด้วยปะการังอันสมบูรณ์ มีเวิ้งอ่าวที่สวยงาม หาดทรายขาวละเอียด เป็นศูนย์กลางของความสะดวกสบายมากมายทั้งที่พัก ที่กิน ที่เที่ยวยามค่ำคืนครบครัน บนเกาะเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้านกลุ่มชาวเลในอดีตที่มีการตั้งชุมชนนานกว่า 100 ปี กิจกรรมที่นิยมบนเกาะหลีเป๊ะ ได้แก่ การดำผิวน้ำ และการดำน้ำลึก เพราะเพียงแค่ออกจากชายหาดก็สามารถสนุกกับการดำผิวน้ำได้ทันที น้ำใส หาดทรายขาว เวลาน้ำลงสามารถเดินเล่นดูปลาการ์ตูนและดอกไม้ทะเลได้สบาย เพียงคุณก้มหน้ามองลงไปในน้ำเท่านั้น แต่ควรระวังเวลาเดินอาจจะพลาดเหยียบหอยเม่นได้เพราะค่อนข้างมีเยอะอยู่เคียงคู่กับดอกไม้ทะเลเลยก็ว่าได้ หรือบางทีอาจจะมีปลากระเบนว่ายหลงเข้ามาบ้าง แต่จุดดำน้ำที่ดีที่สุดจะถูกรวมอยู่ในทริปดำน้ำแบบวันเดียวที่ถือว่าเป็นทริปยอดนิยม มีการนำชมเกาะต่างๆ ใกล้เคียง รวมถึงการรับประทานอาหารเที่ยงบนชายหาดที่สวยงาม ร้านดำน้ำ และรีสอร์ทต่างๆ จะมีอุปกรณ์ดำน้ำให้เช่า และสามารถจัดเรือให้บริการสำหรับทริปดำน้ำได้
6.jpg (78.25 KB, 680x430 - ดู 1123 ครั้ง.)
5.jpg (74.64 KB, 680x430 - ดู 1116 ครั้ง.)
7.jpg (170.63 KB, 680x430 - ดู 1119 ครั้ง.)
8.jpg (122.85 KB, 680x430 - ดู 1103 ครั้ง.)
บนเกาะหลีเป๊ะแห่งนี้จะมีชายหาด อยู่ 3 แห่ง คือ หาดพัทยา(บันดาหยา) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ เป็นหาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ชายหาดยาวเป็นโค้งเว้ารูปครึ่งวงกลม หาดขาวสะอาดตลอดแนว และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุด เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก มีความหลากหลายทั้งที่พัก อาหาร และเครื่องดื่ม ต่อมาคือ หาดซันไรส์ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าเกาะหลีเป๊ะ ร่มรื่นไปด้วยทิวมะพร้าวน้อยใหญ่ที่ขึ้นเรียงรายตลอดแนวหาด สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงาม มองเห็นหน้าเกาะอาดังได้อย่างดี มีบ้านเรือนชาวเลอาศัยอยู่กระจัดกระจายไม่หนาแน่น และมีรีสอร์ทที่พักริมหาดให้เลือกบริการพอสมควร สุดท้ายคือ หาดซันเซ็ท เป็นหาดที่มีขนาดเล็กที่สุดและมีที่พักอยู่น้อยกว่าหาดอื่นๆ เน้นบรรยากาศความเงียบสงบเป็นส่วนตัว
9.jpg (125.11 KB, 680x430 - ดู 1130 ครั้ง.)
10.jpg (92.66 KB, 680x430 - ดู 1109 ครั้ง.)
11.jpg (65.95 KB, 680x430 - ดู 1097 ครั้ง.)
12.jpg (94.61 KB, 680x430 - ดู 1100 ครั้ง.)
เกาะอาดัง
เป็นเกาะที่ขนาดใหญ่ที่สุด อยู่ห่างจากเกาะหลีเป๊ะไปเพียง 1.6 กิโลเมตร มีเนินทรายสีขาวแหลมยื่นออกมารับลมทะเล พร้อมแนวต้นสนที่ขึ้นกันเรียงรายอยู่บริเวณชายหาด และหน้าที่ทำการอุทยานฯ เรียกว่า ชายหาดแหลมสน เป็นจุดที่ตั้งศูนย์บริการนักท่องเที่ยว มีบ้านพัก ลานกางเต็นท์ บรรยากาศเงียบสงบเป็นส่วนตัว เพราะเป็นเกาะของอุทยานแห่งชาติจึงไม่มีการตั้งชุมชน ชายหาดแหลมสนนี้ถือเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นจุดหนึ่งที่สวยงามมาก เหมาะสำหรับที่จะเล่นน้ำ พักผ่อนนอนเปลญวนที่บริเวณชายหาด อ่านหนังสือเล่มโปรด สูดอากาศบริสุทธิ์ เกี่ยวก้อยหวานแหวกับคนรู้ใจ ตกดึกก็ออกมานอนนับดาวบรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติก
13.jpg (161.76 KB, 680x430 - ดู 1123 ครั้ง.)
14.jpg (69.62 KB, 680x430 - ดู 1084 ครั้ง.)
15.jpg (77.19 KB, 680x430 - ดู 1087 ครั้ง.)
16.jpg (84.99 KB, 680x430 - ดู 1069 ครั้ง.)
หรือถ้าใครชอบผจญภัยท้าทายเล็กน้อยก็ให้เดินมายังภูเขาด้านหลังที่ทำการฯ หรือ “ผาชะโด” ขึ้นมาข้างบนจะเป็นจุดชมวิวซึ่งสามารถมองเห็นเกาะหลีเป๊ะและเกาะรังกาวีของมาเลเซียได้ มีอยู่ด้วยกัน 3 จุด คือ จุดเหนื่อยน้อย เหนื่อยมาก และเหนื่อยมากที่สุด ความสูงถึงจุดสุดท้ายประมาณ 700 เมตร ความสวยงามก็แตกต่างกันไปตามความพยายามและความฟิตของร่างกาย เพราะทางขึ้นค่อนข้างลาดชันบางช่วงต้องปีนก้อนหินขึ้นไป ควรพกน้ำและเสบียงไปด้วยเพื่อเป็นการเติมพลังระหว่างทาง
17.jpg (188.53 KB, 680x430 - ดู 1070 ครั้ง.)
18.jpg (126.65 KB, 680x430 - ดู 1060 ครั้ง.)
19.jpg (70.24 KB, 680x430 - ดู 1063 ครั้ง.)
เกาะราวี
เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงอีกเกาะหนึ่งโดยเฉพาะ หาดทรายขาว ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่แวะพักรับประทานอาหารกลางวัน ก่อนที่จะออกเดินทางไปดำน้ำดูปะการังต่อ
20.jpg (142.75 KB, 680x430 - ดู 1074 ครั้ง.)
21.jpg (151.39 KB, 680x430 - ดู 1068 ครั้ง.)
22.jpg (141.05 KB, 680x430 - ดู 1053 ครั้ง.)
23.jpg (90.85 KB, 680x430 - ดู 1052 ครั้ง.)
หาดนี้เหมาะแก่การเล่นน้ำเพราะหาดไม่ลาดเทมาก มีปะการังอ่อนและดอกไม้ทะเลที่อุดมสมบูรณ์ มีปลาการ์ตูน ปลาบูลแท๊งค์ ปลานกแก้ว ปลาสิงโต และปลาอื่นๆ อีกสารพัด นอกจากนี้ยังมีมุมสวยงามจุดถ่ายรูปยอดฮิตที่ใครได้ไปเป็นต้องถ่ายรูปนี้มาทั้งนั้น นั่นคือ รูปขอนไม้สีขาวนวลที่ลอยมาติดที่เกาะแห่งนี้มีลักษณะกิ่งก้านทอดยาวยื่นเข้าไปในทะเลตัดกับสีฟ้าของน้ำได้อย่างงดงาม
24.jpg (102.94 KB, 680x430 - ดู 1073 ครั้ง.)
25.jpg (98.51 KB, 680x430 - ดู 1051 ครั้ง.)
26.jpg (93.25 KB, 680x430 - ดู 1040 ครั้ง.)
27.jpg (99.43 KB, 680x430 - ดู 1046 ครั้ง.)
เกาะหินงาม
อยู่ห่างจากเกาะอาดังไปทางทิศตะวันตกไม่ไกลนัก มีความโดดเด่นแปลกตาด้วยหาดหินก้อนกลมรีผิวเนียนเรียบ มีขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันไปเรียงรายให้ชมลานตา เมื่อคลื่นสาดใส่เนื้อหินจะเป็นเงาวาววับให้สีพื้นเข้มสลับกับริ้วรายสีอ่อนที่แฝงอยู่ในเนื้อหินให้งดงามจับตา อย่างไรก็ตามเป็นที่เชื่อกันว่ามี “คำสาปของเจ้าพ่อตะรุเตา” สำหรับผู้ที่ทำการเคลื่อนย้ายหินงามออกไปจากเกาะแห่งนี้ จะพบแต่ความทุกข์และโชคร้ายนานา เพราะฉะนั้นเก็บได้เฉพาะความทรงจำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
28.jpg (105.03 KB, 680x430 - ดู 1041 ครั้ง.)
29.jpg (110.61 KB, 680x430 - ดู 1041 ครั้ง.)
30.jpg (125.65 KB, 680x430 - ดู 1028 ครั้ง.)
31.jpg (88.41 KB, 680x430 - ดู 1030 ครั้ง.)
32.jpg (116.63 KB, 680x430 - ดู 1024 ครั้ง.)
33.jpg (161.13 KB, 680x430 - ดู 1026 ครั้ง.)
ร่องน้ำจาบัง
เป็นจุดดำชมปะการังอ่อนหลากสี อยู่ห่างจากเกาะอาดังประมาณ 5 กิโลเมตร จาบังมีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำมี 5 ยอด แต่ละยอดตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน ยอดเขาใต้น้ำ 4 ใน 5 ยอดนั้นปกคลุมด้วยปะการังอ่อนที่มีสีสันสวยงาม ดอกไม้ทะเล และฝูงปลาหลากหลายชนิด อีกทั้งยังพบดาวขนนกเกาะอยู่ในบริเวณนี้ด้วย ข้อควรระวังเป็นอย่างมากคือ สายน้ำค่อนข้างแรง เวลาดำน้ำต้องเกาะเชือกไว้ตลอดเวลา มิฉะนั้นอาจหลุดลอยไปตามกระแสน้ำได้
34.jpg (69.06 KB, 680x430 - ดู 1034 ครั้ง.)
35.jpg (87.04 KB, 680x430 - ดู 1014 ครั้ง.)
เกาะหินซ้อน
เป็นไฮไลท์เกาะหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เรือนำเที่ยวจะพาอ้อมชมลักษณะการทับซ้อนของก้อนหินโดยรอบ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพเป็นที่ระลึกกัน เกาะนี้เป็นเกาะเล็กๆ มีลักษณะเป็นก้อนหินขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาจากน้ำ บางก้อนก็ทับซ้อนกันประหนึ่งงานศิลปะกลางท้องทะเล มีปะการังหลากหลายสีกระจายตัวอยู่ทั่วไป
36.jpg (169.53 KB, 680x430 - ดู 1036 ครั้ง.)
37.jpg (94.78 KB, 680x430 - ดู 1027 ครั้ง.)
เกาะไข่
อยู่ตรงจุดกึ่งกลางระหว่างเกาะตะรุเตา กับ เกาะอาดัง มีสัญลักษณ์ที่โดดเด่นคือ เป็นที่ตั้งของซุ้มประตูหินธรรมชาติ อันเป็นสัญลักษณ์ของตะรุเตา นอกจากจะมีซุ้มประตูหินแล้ว เกาะไข่ยังมีชายหาดที่สวยงามสามด้าน คือ ด้านทิศตะวันตก ทิศตะวันออก และด้านทิศใต้ ยกเว้นด้านทิศเหนือ หรือ ด้านหลังซุ้มหิน ซึ่งเต็มไปด้วยก้อนหินระเกะระกะ แนวหาดทรายทิศตะวันตกและทิศใต้ ถูกคลื่นซัดมาพบกันที่กลางน้ำเกิดเป็นสันทรายยาวลงไปในทะเล ทั้งสองด้านของหาดทรายเหมาะสำหรับเล่นน้ำมากเพราะน้ำไม่ลึก เชื่อว่าคู่รักใดได้ลอดซุ้มประตูหินแห่งนี้ แล้วอธิษฐานจะมีความรักเป็นนิจนิรันดร์
39.jpg (47.96 KB, 680x430 - ดู 1035 ครั้ง.)
38.jpg (115.25 KB, 680x430 - ดู 1019 ครั้ง.)
การเดินทางมาเที่ยวที่นี่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานขับรถผ่านหลายจังหวัด เพราะฉะนั้นเราขอแนะนำให้คุณผู้อ่านออกเดินทางแต่เช้ามืด แล้วมาจอดแวะพักดื่มชากาแฟที่อำเภอหัวหินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ณ ร้านกาแฟข้างบ้าน กันก่อน เพราะมีเมนูอาหารเช้าแบบง่ายๆ พร้อมเครื่องดื่มร้อนและเย็นที่อร่อยและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ให้บริการ ร้านอยู่เยื้องๆ กับสถานีรถ บขส. เมื่ออิ่มหนำสำราญแล้วค่อยออกเดินทางกันต่อ แล้วแวะหามื้อกลางวันตามจังหวัดที่ผ่าน เรารับรองว่าเที่ยวทริปนี้ทริปเดียวได้ครบทุกบรรยากาศ และยิ่งเมื่อเดินทางมาถึงยังเกาะหลีเป๊ะแล้ว คุณจะได้พบกับความสวยความของธรรมชาติที่เหมือนรางวัลของชีวิตสำหรับการพักผ่อน ฉันรักเธอมัลดีฟส์เมืองไทย!
40.jpg (62.78 KB, 680x430 - ดู 1066 ครั้ง.)
41.jpg (70.16 KB, 680x430 - ดู 1009 ครั้ง.)
42.jpg (134.78 KB, 680x430 - ดู 1015 ครั้ง.)
43.jpg (100.38 KB, 680x430 - ดู 999 ครั้ง.)
TIPS รู้ก่อนเที่ยว
การเดินทาง
• รถยนต์
จากกรุงเทพฯ ขับมายังจังหวัดเพชรบุรี ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4 ผ่านจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 41 ผ่านเข้าเขตจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง จากพัทลุงไปอำเภอรัตนภูมิ จังหวัดสงขลา ให้ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 แล้วแยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 406 ถึงจังหวัดสตูล ระยะทาง 973 กิโลเมตร
• รถโดยสารประจำทางสถานีขนส่งสายใต้
- รถโดยสารปรับอากาศวีไอพี 24 ที่นั่ง กรุงเทพฯ-สตูล รถออกเวลา 18.00 น. ระยะเวลา 12 ชั่วโมง
- รถโดยสารปรับอากาศ ม.4(ข) 50 ที่นั่ง 2 ชั้น กรุงเทพฯ-สตูล รถออกเวลา 18.35 น. ระยะเวลา 13.30 ชั่วโมง
- สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 1490 หรือ www.transport.co.th
• ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการท่องเที่ยวคือ ตั้งแต่ 15 พฤศจิกายน ถึง 15 พฤษภาคมของทุกปี
• ท่าเรือข้ามเกาะมี 2 ท่า คือท่าเรือปากบารา และท่าเรือตำมะรัง ในทุกๆ วัน จะมีเรือเฟอร์รี่และเรือสปีดโบ๊ทให้บริการ ใช้ระยะเวลาในการเดินทาง ประมาณ 1.30 ชั่วโมง สำหรับเรือสปีดโบ๊ท ส่วนเรือเฟอร์รี่ ประมาณ 2.30 ชั่วโมง เมื่อลงรถ บขส. แล้วสามารถต่อรถสองแถวไปยังท่าเรือได้
• สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ททท.สำนักงาน โทร. 0-7471-1055
ประชาสัมพันธ์จังหวัด โทร. 0-7472-1375
อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โทร. 0-7478-3485, 0-7472-8027-8
|
|