ความทรงจำอันเลือนรางที่สุดของบอยเริ่มต้นเมื่อปีพ.ศ. 2525 ในตอนที่เขาอายุได้ 4 ขวบ บอยเป็นลูกชายคนสุดท้องจากลูก 3 คนของแม่และมีพี่สาวอีก2คน ครอบครัวของบอยแวดล้อมไปด้วยผู้หญิงและบอยเติบโตมาจากบุคคลรอบข้างเหล่านั้นจนอดคิดไม่ได้ว่าทำไมตนเองถึงแตกต่างจากคนอื่นๆในบ้าน เนื่องจาก พ่อกับแม่หย่าขาดกันตั้งแต่บอยยังจำความไม่ได้ ผู้ชายจึงเป็นความแปลกใหม่และพิเศษ ผู้ชายคนเดียวที่บอยรู้จักเห็นจะเป็น“น้าคราม” สามีของน้าดาว น้าสาวแท้ๆของบอยผู้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงตั้งแต่บอยยังแบเบาะ จนถึงตอนนี้ เพราะแม่ต้องไปทำงานสอนหนังสือน้าดาวที่แต่งงานออกเรือนไปเป็นแม่บ้านให้น้าครามได้ปีเศษแล้ว แต่ยังไม่มีลูกจึงรับหน้าที่เลี้ยงดูบอยต่อไป ทุกๆเช้าก่อนไปทำงาน แม่จะมาส่งบอยไว้กับน้าดาวที่ปลูกบ้านไว้ในสวนผักติดหนองน้ำ ท้ายหมู่บ้าน พร้อมขวดนมและตะกร้าเครื่องใช้และของเล่นอีกอีกสองสามอย่างน้าดาวที่ง่วนกับการทำงานบ้านจะวางบอยไว้กลางบ้านและปล่อยให้น้าครามที่กำลังแต่งตัวไปทำงานดูแลบอยต่อ น้าครามก็จะคอยดูบอยอยู่ห่างๆพร้อมกับแต่งตัวไปด้วยเป็นแบบนี้ทุกวัน น้าคราม ชายหนุ่มวัยฉกรรณ์ รูปร่างโปร่งแต่กำยำล่ำสัน ที่ในเช้าบางวันจะมีเพียงผ้าเช็ดตัวพันรอบกายท่อนล่างผืนเดียว เพราะเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ น้าครามมักจะมาแต่งตัวที่หน้าจะจกบานเล็กตรงเสากลางบ้านในทุกเช้าวันนี้ก็เช่นกันกับทุกวัน บอยเฝ้ามองดูน้าครามใส่กางเกงชั้นในสีดำตัวเล็กจิ๋ว จากปลายเท้าทั้งสองข้างก่อนจะถูกรูดขึ้นแนบลำตัวภายใต้ผ้าเช็ดตัวผืนเปียกชุ่มนั้นไม่วางตา แล้วผ้าเช็ดตัวก็จะโดนเหวี่ยงหวือออกจากร่างกายไปพาดที่ขอบหน้าต่างพอดีอย่างชำนาญความเพลิดเพลินของบอยคงเริ่มจากตรงนี้ต่างหาก ตอนที่น้าครามผู้เกือบเปลือยสวมใส่เพียงกางเกงในตัวเล็กๆตัวเดียวแอ่นหน้า แอ่นหลังส่องกระจกหวีผมไปมา น้าครามคงจับสังเกตได้ จึงหันมามองหน้าบอยแล้วยิ้มขำโชว์เขี้ยวเล็กๆที่มุมปากแม้ว่าน้าครามจะไม่ได้เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาโดดเด่นอะไร หน้าตาดูบ้านๆพบเจอได้ทั่วไปแต่เมื่อไหร่ที่ยิ้มโชว์เขี้ยวขาว กลับดูหล่อเป็นพิเศษ น้าครามคงรู้ข้อดีตรงนี้เลยขยันยิ้มบ่อยๆ “ชอบดูน้าแต่งตัวเหรอบอย?” น้าครามหันมาถามเด็กน้อยบอยสะดุ้งโหยงเหมือนทำอะไรผิดแล้วโดนจับได้ พลางหลบตาลงต่ำพร้อมดูดจุกนมอย่างรุนแรง เหมือนเพิ่งนึกได้ว่ามีมันอยู่คาปาก น้าครามหัวเราะร่วนพลางแต่งตัวต่ออย่างไม่ได้สนใจอะไรนักปล่อยให้เด็กน้อยลอบมองเป็นระยะๆ สักพักน้าดาวก็ยกข้าวเช้ามาปลงลงกลางบ้านรอน้าครามแต่งตัวเสร็จ “เนี่ยเพราะที่บ้านไม่มีผู้ชายหนูเลยอยากรู้อยากเห็นเฉยๆหรอกเนาะ ใช่ไหมๆ” น้าดาวอุ้มบอยมานั่งตักอย่างรักใคร่พอน้าครามแต่งตัวเสร็จก็ทรุดลงนั่งร่วมวงกินข้าวเช้า น้าครามเป็นทหารที่ค่ายประจำจังหวัดว่ากันว่าที่ได้รับราชการทหารก็เป็นเพราะน้าครามเป็นนักมวยชื่อดังมาก่อนถึงแม้จะไม่ได้ดังมากมายอะไร แต่ก็พอมีชื่อในแถบภาคอีสานอยู่บ้างพอทานข้าวเช้าเสร็จ น้าครามก็จะขับมอเตอร์ไซด์คู่ใจออกไปทำงานทั้งบ้านก็จะเหลือแค่น้าดาวและเด็กบอยเพียงสองคนแล้ว สายๆ มักจะมีสาวๆมากหน้าหลายตารุ่นราวคราวเดียวกันกับน้าดาวแวะเวียนมานั่งคุยเล่นที่บ้านนี้ประจำเด็กบอยก็คลุกคลีและคุ้นเคยกับทุกคนเป็นอย่างดีบางครั้งก็อยู่เลยจนถึงทำกับข้าวเที่ยงทานด้วยกันเด็กชายก็รู้สึกสนุกสนานที่มีคนเยอะแยะไปหมดบางครั้งเพื่อนน้าดาวก็พาลูกอายุรุ่นเดียวกันกับบอยมาด้วย พอได้มีเพื่อนเล่นกันจึงนับว่าเป็นชีวิตที่ไม่ได้เงียบเหงานัก หลังบ้านของน้าดาว เป็นที่กว้างสามไร่ติดหนองน้ำของหมู่บ้านไว้ใช้ทำนาเวลาหน้านา และพอพ้นหน้านาก็จะใช้ปลูกผัก อย่างปีนี้ น้าดาวก็ลงหอมแดงและกระหล่ำปลีไว้ ตรงท้ายไร่จะเป็นคอกวัวคอกควาย ถูกเลี้ยงไว้แยกกันแต่ไม่ห่างนักควายนี้บอยเคยเห็นบอย เพราะมันอยู่ในวิถีชีวิตคนในชนบทสมัยนั้นทุกบ้านต่างมีควายอย่างน้อยบ้านละหนึ่งตัวไว้ทำนา ส่วนวัว บอยไม่ค่อยได้เห็นนักนี่น้าครามก็เพิ่งจะได้วัวมาใหม่สองตัว เป็นวัวนมแม่ลูก ตัวมีลายดำๆข่าวว่าเจ้านายฝากมาเลี้ยงไว้ นับเป็นความแปลกใหม่ของบอยเพราะมันทั้งตัวใหญ่และเหมือนในทีวี บอยชอบไปเล่นกับวัวตัวลูกเพราะรู้สึกมันน่ารักมากสำหรับเด็กวัยสี่ขวบอย่างเขา ตกบ่ายของทุกวัน น้าดาวจะกล่อมบอยให้นอนบนเปลเพราะเป็นเวลานอนกลางของเด็กวัยกำลังโต และพอคล้อยเย็น น้าดาวก็จะเริ่มรดน้ำผักบางทีที่บอยตื่นทันก็จะออกไปรดน้ำผักกับน้าดาวด้วยแต่พักหลังคือไปเล่นกับวัวน้อยซะมากกว่า บ่ายวันนั้น กว่าเพื่อนสาวๆของน้าดาวจะแยกย้ายก็เกือบบ่ายสองโมงเย็นและบอยเองก็รู้สึกสนุกเพลิดเพลินไปกับผู้คนมากหน้าหลายตาจนแทบไม่ง่วงแต่พอทุกคนแยกย้ายกันไปเด็กชายก็เริ่มโยเยเพราะรู้สึกเหมือนความสนุกของวันจะจบลงตรงนั้น น้าดาวต้องคอยปลอบประโลมว่าให้นอนให้หลับก่อนพอตื่นมาจะได้ว่าไปเล่นกับ “อีลาย” วัวน้อยท้ายสวนด้วยความเหนื่อยบอยจึงเคลิ้มหลับไปคาจุกขวดนมในปากนั่นแหละ หลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้รู้แต่พองัวเงียตื่นขึ้นมาบนแปล ก็ไม่เห็นน้าดาวแล้ว มองรอบตัวพอไม่เห็นใครเด็กชายก็เริ่มร้องโยเยอีกครั้งเพราะนึกว่าตัวโดนปล่อยทิ้งไว้ในบ้านคนเดียว นี่น้าดาวคงออกไปรดน้ำผักแล้วไม่รอให้บอยตื่นก่อน เสียงแผดร้องจ้าของเด็กชายทำเอาน้าครามที่นอนหลับอยู่ข้างแปลของเด็กน้อยตื่นชะโงกขึ้นมาดูเด็กบอยรู้สึกแปลกใจทีเห็นน้าครามกลับบ้านเร็วแต่ก็รู้สึกอุ่นใจขึ้นมาหน่อยว่าไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว “อ้าว ตื่นละเหรอ นอนต่อๆเร็วเดี๋ยวนอนไม่อิ่ม” น้าครามบอกเด็กชายพลางไกว้เปลเบาๆเพื่อกล่อมให้นอนหลับแต่ไม่มีทีท่าว่าเด็กบอยจะนอนต่อแต่อย่างใด ยังคงร้องให้สะอึกสะอื้นน้ำตาหยดย้อยเป็นทาง “หาน้าดาว ...หาน้าดาว...” สะอื้นพลางจะลงจากเปล จนน้าครามต้องลุกมาอุ้มไว้แนบอก “ไม่ไปหรอกหรอกไม่ไป น้าดาวไปดูเค้าถอนหอมมีคนมาซื้อเจ้าใหญ่”น้าครามปลอบเบาๆพลางผลักหัวเด็กชายมาแนบอกแน่นๆเปลือยเปล่าของตัวเองแต่เด็กชายยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดร้องแต่อย่างใด “ไปเล่นกับอีลาย ไปเล่นกับอีลาย” “อีลายมันนอนอยู่ บอยไปเล่นกับมันไม่ได้หรอกเห็นไหม อีลายมันยังนอนกลางวันเลย มันเป็นเด็กดี” “อยากเล่นกับอีลาย อยากเล่นกับอีลาย..”เด็กชายยังคงไม่ยอมแพ้ “ไปเล่นไม่ได้ โน้นน้าเอาไปผูกไว้ใกล้ๆหนองให้มันกินน้ำโน้น หนูจะไปดูมันทำไม” “ไปดูอีลายกินนม” “หนูจะดูมันทำไมมันก็กินนมทุกวันแหละ”น้าครามพูดอย่างเหนื่อยอ่อน คงเพราะเพิ่งงัวเงียตื่นเด็กชายก็เอาแต่จะวิ่งลงไปสวนท่าเดียวจนน้าครามต้องจับมานั่งลงบนหน้าท้องแล้วยึดไว้ไม่ให้ขยับไปไหน เพราะตอนนี้น้าครามทิ้งตัวลงนอนบนหมอนขิตใบเดิมข้างๆเปลของเด็กชายแล้ว “ไปกินนมวัวกับอีลายง่ะ” เด็กบอยยังไถไปต่อเพื่อจะได้ลงไปสวน “ไปแย่งมันกินทำไม นี่นมของหนูก็มี”น้าครามบอกพลางคว้าขวดนมจากในแปลมายัดใส่ปากเด็กชาย แต่บอยยังฟึดฟัดหนี “ไม่เหมือนนมแม่อีลายง่ะ” “มันจะไปเหมือนได้ยังไงนมคนกับนมวัว”น้าครามบอกพลางหัวเราะ แต่เจ้าบอยยังไม่หยุดโยเยยังคงร้องสะอึกสะอื้นจะไปเล่นกับอีลายให้ได้ “จะไปรีดนมวัว จะไปรีดนมวัว”พอกินนมเหมือนกันกับอีลายไม่ได้ เด็กชายก็หาช่องไปเรื่อยตามประสาเด็ก “ไม่มีหรอกนมวันวันนี้ น้ารีดไปแล้วเมื่อเช้า”น้าครามบอกพลางหัวเราะชอบใจ “มี” “ไม่มี๊” “มี” แหน่ะ ยังคงเถียงข้างๆคูๆมีเล็กๆนั่นก็คอยทุบอกหน้าครามไปด้วย ตัวเล็กๆก็โยกโหยงๆบนท้องน้าครามอย่างไม่พอใจก้นเล็กๆของเด็กชายวันสี่ขวบ โยกคลึงไปกับหน้าท้องชายหนุ่มอย่างเป็นจังหวะมันสร้างความเพลิดเพลินแปลกๆให้กับน้าครามในเวลานี้ แก้มเล็กๆจมูกเล็กๆนั้นแดงไปหมดเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาหยกๆตากลมๆ ขนตายาวงอนงั้นเต็มไปด้วยแพน้ำตาเด็กคนนี้ดูน่ารักน่าใคร่เกินกว่าเป็นเป็นเด็กชายแถมน้าครามไม่ค่อยเห็นว่าหลานตัวน้อยนี้เคยเล่นแบบเด็กชายคนอื่นๆเลยแต่ชอบเล่นหม้อข้าวหม้อแกงกับดินลานกลางบ้าน บางครั้งก็เล่นตุ๊กตาเคยซื้อรถของเล่นที่เด็กชายอื่นเค้าชอบเล่นกันมาให้ก็สนใจเพียงแป๊ปเดียวก็หันไปเล่นขายของเหมือนเดิมบางทีก็ใส่รองเท้าส้นสูงของน้าดาวเดินรอบบ้าน ชายหนุ่มรู้สึกแปลกแล้วในเวลานั้นอันที่จริงก็รู้สึกแปลกทุกครั้งที่เห็นเด็กชายเฝ้ามองตาแป๋วเวลาเขาใส่เสื้อผ้าทุกเช้า “ไม่มี๊ น้ารีดเองหมดไปกับมือ” “มี๊!!!” ว่าแล้วก็ปล่อยโฮแล้วโถมตัวลงซุกหน้าอกน้าครามร้องไห้สะอึกสะอื้น จนแผงอกเปลือยแกร่งๆนั้นชุ่มไปด้วยน้ำตา “ไม่มี มีแต่นมคนนี่แหละจะรีดไหม?” น้าครามพลั้งปากออกมาพร้อมกับหัวเราะเบาๆคิดว่าเด็กบอยจะไม่ได้สนใจ แต่... “ไหนอ่า นมคน?” เด็กชายมองบนยอดอกแกร่งของน้าครามแล้วเอามือตบดังแปะๆ “ไม่มี๊ อันนี้ไม่ได้ มันรีดไม่ได้”แล้วก็ร้องไห้อย่างขัดใจ น้าครามหัวเราะเบาๆ คงเพราะตลกในความไร้เดียงสาของเด็กชาย “มี๊!!รีดได้ อันที่รีดได้มันอีกอันนึง”พลั้งปากเป็นครั้งที่สองพลางหัวเราะ และคิดตลกไปเองในใจเพราะคิดว่าเด็กเล็กเท่านี้คงไม่คิดอะไร “ไหน อันไหน?” อ่าวเวรแล้วนึกว่าเด็กบอยจะปล่อยผ่าน เพราะน้าครามพูดแค่เบาๆรัวๆ ไม่ใช่คำบอกเล่าด้วยซ้ำแต่เป็นเหมือนคำสบถมากกว่า “ไม่มี พูดเล่นๆ” น้าครามปฏิเสธพลางหัวเราะอันที่จริงเลี้ยงเด็กคนนี้ก็สนุกดีแฮะ “พูดเล่นทำไม โตแล้วต้องไม่พูดเล่น”เด็กชายทุบอกน้าครามเบาๆอย่างขัดใจ “โอ้ยๆ ยอมแล้ว อย่าทุบๆ” “แล้วไหนอะนมที่รีดได้อ่า”เด็กชายยังเซ้าซี้ไม่หาย เพราะนึกว่าน้าเขยจะพาไปหาวัวที่รีดนมได้จริงๆในขณะที่น้าครามยังคงอิดออด หัวเราะกลบเกลื่อนไปเรื่อย แต่ร่างเล็กๆที่นังควบหว่างกลางท้องน้อยของเขาขณะนี้กำลังจะทำให้เขาปกปิดความลับบางอย่างไม่อยู่ ด้วยความเสียดสี และน้ำหนักเล็กๆของเจ้าเด็กตัวหอมมันสามารถปลุก “นมพ่อวัว”อย่างน้าครามให้พองแข็งแทบจะดันทะลุผ้าขาวม้าขึ้นมาแล้ว “ไหนล่า?” เด็กชายลากเสียงยาว น้าครามยิ้มแห้งๆไม่รู้จะตอบเด็กชายอย่างไรดี “ลองหาดูดีๆ อยู่กับตัวน้านี่แหละ”น้าครามพูดจบ เด็กบอยก็รู้สึกถึงบางอย่างแข็งอุ่นๆ กระดกดุ๊บๆทักทายแก้มก้นน้อยๆของเขาอยู่ด้านหลัง เด็กบอยหันขวับเอี้ยวตัวกลับหลังไปมองดูสิ่งที่กระดกหงึกหงักอยู่ใต้ผ้าขาวม้าอย่างสงสัยในที่สุดสองมือน้อยๆก็ตะบบลงไปอย่างแรง ทำเอาน้าครามถึงกับจุกจนตัวกระดกจนเจ้าบอยที่นั่งบนกึ่งกลางลำตัวเกือบหัวคะมำแต่มือน้อยๆนั่นกลับเหนียวอย่างตีนตุ๊กแกพอคว้าหมับเข้าให้ก็กำเจ้าท่อนแปลกประหลาดภายใต้ผ้าขาวม้านั้นไว้ไม่ยอมปล่อย “ โอ้ยๆ บอย น้าเจ็บๆ ปล่อยก่อนๆ” น้าครามครวญเสียงกระเส่า จากทีแรกคิดว่าจะล้อเด็กชายเล่นพอสนุกและดึงดูดความสนใจพอไม่ให้ลงไปกวนน้าดาวที่สวนกลับกลายเป็นเรื่องบานปลายไปกันใหญ่แล้ว เด็กชายไม่จับเปล่า ว่าแล้วก็ถึงกลับหันหลังกลับมาเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งแปลกประหลาดนั้นตรงๆโดยยังคงนั่งทับลงบนท้องของน้าครามที่นอนเยียดยาวอยู่เช่นเดิม เจ้าบอยน้อยใจเต้นระทึกนี่มันน่าจะเป็นสิ่งที่อัดแน่นอยู่ในกางเกงในตัวจิ๋วที่มันเฝ้าจ้องดูทุกเช้าไม่น่าจะใช่นมวัวรีดได้อย่างน้าครามว่า บางวันก่อนหน้านี้น้าครามเห็นมันจ้องมองบ่อยๆ ยังเคยเค้นให้มันดูนอกกางเกงในพร้อมพูดว่า “หำ นี่หำรู้จักไหมนี่” พร้อมหัวเราะขำอยู่เลย “บอยปล่อย ไอ่หนู ปล่อยก่อนๆ” น้าครามบอกเสียงหลงระคนกลั้วหัวเราะแก้เขินหลังจากประเมินสถานการณ์ว่ามันอาจจะเลยเถิดไปไกล แต่เด็กชายเหมือนหูอื้อไม่ได้ยินคำทัดทานจากน้าเขยแม้แต่นิด ความอยากรู้อยากเห็นรวมทั้งไอ้เจ้าสิ่งกระดกได้ใต้ผ้าขาวม้ามันช่างล่อตาล่อใจของเด็กบอยเหลือเกิน ไวกว่าการทัดมานของน้าเขยมือน้อยๆของบอยล้วงเข้าทางช่องโหว่ของผ้าขาวม้าแล้วคว้าหมับเข้าให้เต็มกำมือ น้าครามสะดุ้งวาบเด้งตัวขึ้นนั่งโดยอัตโนมัติเมื่อมือน้อยๆขย้ำเข้ากับท่อนลำของตนอย่างแรง เพิ่งนึกได้ว่าได้ถอดกางเกงในไปแล้วหลังจากผลัดชุดทำงานออกเป็นผ้าขาวม้าเช่นนั้นแล้วขณะนี้ก็คือมือของเด็กน้อยได้กำเข้ากับท่อนเนื้อสุดหวงของน้าครามเต็มๆโดยไม่มีเครื่องห่อหุ้มใดๆ “เดี๋ยวๆๆบอย ใจเย็นไอ่หนู น้าล้อเล่นๆ มันไม่ใช่นมวัว!” น้าครามร้องเสียงหลง แต่ดูเหมือนการห้ามปรามจะช้าไปเสียแล้วเมื่อบัดนี้ เจ้าแท่งเอ็นทรงเขื่องแข็งปั๋งนั้นได้ออกมาตั้งตระหง่านชูชั้นอยู่นอกร่มผ้าอวดอยู่ต่อหน้าเจ้าเด็กบอยผู้ซึ่งใช้สองกำมือประคองมันอยู่ เด็กน้อยตกตะลึง ใจเต้นตึกตักราวกับได้จ้องมองสิ่งอัศจรรย์เพ่งพิศสันฐานกำยำนั้นอย่างฉงนสนเท่ ไม่เหมือนนมวัวอย่างที่น้าครามว่าจริงๆมันใหญ่และแข็งกว่ามาก สีออกน้ำตาลเกือบเข้ม ตรงหัวนั้นมนกลมใหญ่เหมือนดอกบัวตูม ยังมีหนังบางๆหุ้มอยู่เกือบมิดปลายหัวมนนั้น มีน้ำใสๆปริ่มอยู่ นี่น่ะเหรอน้ำนมวัวที่น้าครามแกว่า “ทำไมน้ำนมมันใสๆล่ะน้าคราม?” เด็กบอยถามอย่างอดสงสัยไม่ได้พร้อมกับก้มหน้าลงไปพินิจจนเกือบจะแนบไปกับเจ้าท่อนเอ็นใหญ่ใกล้เสียจนเด็กชายได้กลิ่นหอมอับๆปนเค็มคาวอ่อนๆลอยฉุยเข้าจมูก สองกำมือน้อยๆของมันกำลังพยายามทำอะไรบางอย่างราวกับค้นหาว่าไอ้เจ้าแท่งเนื้ออุ่นๆในกำมือของมันนั้นทำอะไรได้บ้าง “มันไม่ใช่โน้มมม โถ่..บอย พอแล้วไม่เล่นน”น้าครามครวญเสียงหลง แต่ดูเหมือนจะหยุดความซุกซนของเจ้าหนูบอยไม่ได้เมื่อเด็กซนกำลังสนุกกับการพยายามกระถอกสิ่งที่อยู่ในกำมือขึ้นลงแต่ดูเหมือนว่าเด็กชายจะต้องออกแรงกระถอกอยู่ถึงสามสี่ครั้งเจ้าแท่งนมประหลาดของน้าครามจึงเผยความอัศจรรย์อีกอย่างให้เด็กบอยได้เห็นและตื่นตาตื่นใจเมื่อจู่ๆแท่งนมประหลาดของน้าครามก็หนังร่นลงต่ำจนสุดคอหยัก ส่วนปลายกลมเหมือนดอกบัวตูมในคราวแรกกลายเป็นดอกเห็ดบานแดงคล้ำ และมีกลิ่นที่โชยขึ้นมาแรงกว่าเดิมมันเป็นกลิ่นประหลาดที่ทำให้เด็กชายทั้งชอบและอยากอาเจียนในเวลาเดียวกัน ส่วนหัวที่เพิ่งเปิดเผยออกมาใหม่นั้นมันทั้งบานป้านแดงค้ำมันวาวอย่างบอกไม่ถูก “ลิปสติกนี่นา เหมือนของแม่เลย” เด็กบอยเปรยออกมาทั้งจ้องไม่วางตาทั้งสูดดมกลิ่นเย้ายวนประหลาดพลางโก่งคอจะอ้วกแต่ก็หยุดดมและหยุดถอกมันเล่นขึ้น-ลงไม่ได้ น้าครามนิ่งเงียบไปตั้งแต่ตอนที่เด็กชายถอกแท่งเนื้อเล่นไปครู่ใหญ่แล้วบอยไม่รู้เลยว่าน้าเขยรู้สึกอย่างไร เพราะไม่ได้หันหลังกลับไปมองเลยสักนิด “....มันไม่ใช่ลิปสติก” น้าครามครวญขึ้นเบาแผ่วน้ำเสียงเยือกๆประหลาดมากๆ แต่บอยไม่ได้เอะใจอะไรยังคงสนุกและตื่นเต้นกับสิ่งที่อยู่ในกำมือ จนลืมเรื่องอยากลงท้ายสวนไปหาน้าดาวไปแล้ว “แล้วทำไมมันแดงแล้วมีปลอกเหมือนลิปสติกเลย?”เด็กชายถามอยากอยากรู้จริงจังเพราะในความคิดของเด็กสี่ขวบขณะนั้นรู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่เหมือนกันเหลือเกิน “...นี่แหละนมรีดได้ นมพ่อ รู้จักบ่ นมพ่อ?”น้าครามโน้มปากลงมากระซิบที่ข้างหูเด็กชายเสียงแผ่ว จนลมหายใจอุ่นผ่าวๆผ่านใบหูเด็กชายบอยรู้สึกจั๊กจี้จนต้องเอียงคอหัวเราะคิกแต่ก็ยังไม่ละมือออกจากเจ้าแท่งเนื้อแสนอัศจรรย์นั้นได้เลย “ไม่ช่ายย ลิปสติก” เด็กชายยังเถียงขรม “......ถ้าคิดว่ามันเป็นลิปสติกก็ลองเอามันทาปากดูสิปากจะแดงไหม?.....” น้าครามกระซิบกระซาบ เด็กบอยรู้สึกลังเลขึ้นมาในใจนิดหน่อย เออเอาจริงแล้วก็ไม่เห็นเหมือนลิปสติกเท่าไหร่ แถมยังมีกลิ่นเหม็นๆอีก แต่ลองเอาถูปากดูก็คงไม่เสียหายอะไรไม่รู้คิดอะไรอยู่ เด็กชายจึงโน้มริมฝีปากลงไปหาเจ้าแท่งเนื้อหัวบานนั้นแล้วค่อยๆจรดริมฝีปากลงไปแล้วถูมันเข้ากับเจ้าหัวบานจนรอบปากเหมือนที่เคยเห็นแม่ทาปากตอนเช้า น้าครามสดุ้งกระตุกเฮือกเป็นครั้งๆในขณะที่เด็กชายกำลังใช้ริมฝีปากถูเข้ากับปลายท่อนเนื้อของเอาเสียงโอนรอดไรฟันออกมาแผ่วเบาบ่งบอกถึงความพึงพอใจอยู่ใช่น้อย “ไหน..ทีนี้ดูปากซิ มันแดงไหม?”น้าครามเอี้ยวหน้ามาถาม ในขณะที่ใช้สองแขนของเขาใช้ท้าวไปกับพื้นด้านหลังเพื่อการทรงตัวส่วนเด็กบอยนั่งหันหลังตรงท้องของน้าครามที่นั่งเหยียดเท้าใช้แขนยันพื้นอยู่ เจ้าบอยส่ายหน้าดิกโดยที่ไม่หันหลังกลับไปมองน้าเขยแต่อย่างใดดวงตายังเอาแต่จ้องเขม็งจดจู่อยู่กับสิ่งที่ตนกำลังกระตุกเล่นในกำมือ “บอกแล้วมันเป็นนม เชื่อยัง?” “ไม่เห็นจะมีน้ำนมเลย” เจ้าตัวเล็กยังเถียงคอเป็นเอ็น “.....ก็มันต้องรีดก่อน” “รีดยังไง”เจ้าบอยถามพร้อมกับใช้มือข้างนึงปาดไปที่ปากเพราะรู้สกว่าตอนที่ใช้ลิปสติกของน้าครามทาปากโดนเจ้าน้ำใสๆปลายลิปสติกติดปากเข้าไปเต็มๆ.....แต่ไม่ยักกะมีสีแถมยังรสชาติปะแล่มๆ “ก็ทำแบบที่บอยทำอยู่น่ะแหละ..........หรือ......หรือจะใช้ปากดูดเหมือนนมแม่เลยก็ได้นะ”น้าครามบอกเสียงแผ่ว ความอยากรู้มันชั่งหยั่งลึกในใจเด็กชายเหลือเกินจะถอนแล้วถ้ามันไม่ใช่ลิปสติก มันก็คงจะเป็นนมอย่างที่น้าครามว่าจริงๆแล้วละ เด็กบอยโน้มปากลงไปหาเจ้าหัวบานนั้นอีกครั้งก่อนจะขบหมับเข้าไปที่หัวบานนั้นไปทั้งคอหยักโดยมีน้าครามเอียงตัวมามองจากด้านหลัง เมื่อเจ้าหัวบานเข้าไปบานอยู่เต็มปากของเด็กน้อย เจ้าบอยก็ไม่รอช้าออกแดงดูดดังจุ๊บใหญ่ แต่ปากของมันคงจะเล็กเกินไปจึงดูดได้ไม่ถนัดประเคยทั้งปากทั้งฟันเข้าใส่เนื้ออ่อนๆนั้นอย่างไม่ตั้งใจ “อูยยย บอยย!!” น้าครามตัวกระตุกหงึกๆตามแรงขบของฟันแต่ในความเจ็บปวดนั้นกลับสร้างความซ่านเสียวเล็กๆให้กับน้าครามได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อลิ้นอุ่นๆสากๆเล็กๆของหลานชายดุนตอดเข้าไปตรงรูตาน้ำดุบๆ เด็กชายดูดดุนอยู่เพียงสาม สี่จ๊วบก็รู้สึกทั้งขื่นทั้งแปลกในปากแถมยังไม่มีน้ำนมออกมาอย่างที่น้าครามว่าไว้สักนิดเดียว เลยถอนปากออกมา แต่มันกลับมีความรู้สึกแปลกใหม่ก่อขึ้นภายในใจเด็กๆของเด็กชายเข้าแล้ว มันเป็นความรู้สึกซู่ซ่า แปลกประหลาดทำให้อยากดูดดูอีก แม้จะไม่มีน้ำนมออกมาให้กิน “ไม่เห้นจะมีนมเลย” เด็กชายบ่นอุบแต่น้าครามไม่ตอบอะไร กลับหัวเราะหึหึในลำคอแรงดึงดูดแปลกประหลาดบางอย่างทำให้เด็กบอยละจากเจ้าท่อนเนื้อนั้นไม่ได้เจ้าหนูจึงอ้าอมและดูดดุนหัวบานกลิ่นเค็มนั้นอีกครั้ง คราวนี้ก็ดูดได้อีกสองจุ๊บก่อนจะคายออก แล้วก้มลงไปดูดใหม่แบบนั้นซ้ไปมาสี่ห้ารอบ “แบบนั้นแหละ มักบ่?” น้าครามคอยเชียร์อยู่ด้านหลังเด็กชายส่ายหน้าดิก แต่ก็ติดใจก้มลงไปดูดๆอมๆซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่นานเกินสิบนาทีที่สองน้าหลานเล่นสนุกกันอยู่ก็ได้ยินสียงฝีเท้าของน้าดาวพร้อมกับคนมาเหมาผักเดินเดินพูดคุยกันใกล้เข้ามา “บอย! พอก่อน พอแล้ว น้าดาวมาแล้ว” บอกพลางรีบยกเด็กชายออกจากกึ่งกลางตัวพลางเหลียวซ้ายแลขวา น้าครามรีบจัดการกับตัวเองแต่เจ้าท่อนกลางลำตัวยังตั้งเด่จนทะลุอหวกผ้าขาวม้าออกมาอยู่ดี เมื่อนึกว่ายังไงคงกลบเกลื่อนไม่ไหวน้าครามเลยผละออกจากเด็กชาย หนีเข้าห้องน้ำไปดื้อๆ พักเดียวน้าดาวก็เดินเข้าบ้านมา “อ่าวน้องบอยตื่นแล้วเหรอลูก...น้าครามไปไหนล่ะทำไมหนูอยู่คนเดียว” เด็กชายที่นั่งงงอยู่ยังไม่ทันได้ตอบอะไรก็มีเสียงตักน้ำราดตัวดังมาจากในห้องน้ำพร้อมกับเสียงน้าครามที่ดังออกมา “อาบน้ำอยู่ๆ เดี๋ยวเดียว” น้าครามร้องบอกพลางร้องเพลงกลบเกลื่อน น้าดาวคงประหลาดใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้จะหาความอะไรเดินเลยไปในครัวปล่อยให้เด็กชายนั่งเล่นอยู่กลางบ้านต่อไป ครู่ใหญ่น้าครามก็ตัวเปียกมะล่อกอออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขาวม้าพันกายผืนเก่า แต่ต่างไตรงที่ตรงกลางผ้าขาวม้าไม่ชี้โด่เหมือนตอนก่อนเข้าไปทีแรกแล้ว เด็กบอยยิ้มแฉ่งให้น้าเขย ก่อนจะทักเสียงใส “น้าครามมมม..”เสียงใสๆนี้ทำเอาน้าครามรีบสาวเท้าเข้ามาหาเด็กชายอย่างหน้าตื่น รีบอุ้มเด็กชายขึ้นมาแนบอกพาเดินลิ่วๆมาทางหน้าบ้านให้ไกลจากน้าดาวที่อยู่ในครัว “บักหล่า บอย อย่าบอกใครนะเรื่องที่เราเล่นกันตะกี้” เด็กชายทำหน้าฉงน งง “บักหล่าอยากเล่นลิปสติกของน้าครามอีกไหม?” เด็กชายผงกหัวหงึกๆ “งั้นหนูห้ามบอกใครนะ โดยเฉพาะน้าดาว น้าดาวเค้าจะหวงแล้วหนูจะไม่ได้เล่นอีกเลยนะ” น้าครามบอกเด็กชายก็เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างตามประสาเด็กสี่ขวบ แต่กระนั้น เรื่องนี้ก็ไม่เคยเล็ดลอดออกจากปากของเด็กชายเลยตลอดชีวิต ไว้มาต่อนะครับ รีบเขียนยังไม่มีเวลาเรียบเรียง น่าจะมีผิดเยอะพอควร เพิ่งได้ข้อมูลในการเขียนมาใหม่จากเพื่อนๆในกลุ่มเด็กแอมนะครับ คราวนี้เป็นเรื่องของบอย วางไว้ไม่เกิน 15 ตอนเช่นเดิมครับ
|