เด็กบอยนอนหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองถูกทิ้งไว้บนฟูกที่นอนในห้องคนเดียวโดยมุ้งถูกกางเรียบร้อยแล้ว คงเป็นน้าครามนั่นแหละที่กางมุ้งให้เด็กชายงัวเงียเดินออกจากห้องนอนมาก็พบว่าน้าดาวกลับมาถึงบ้านแล้วเลยวิ่งตื๋อเข้าไปออดอ้อนน้าดาวมีขนมกับของเล่นเด็กมาฝากสองสามอย่างจำได้ว่าเป็นม้าหมุนพลาสติกอันเล็กๆสีสันสดใส กับรถของเล่นราคาถูกๆเด็กน้อยก็เพลิดเพลินกับของเล่นถูกใจจนดูเหมือนจะลืมเลือนเหตุการณ์ก่อนหน้าเสียสิ้น เวลาผ่านไปจนเกือบเป็นปีด้วยความทรงจำอันเลือนราง บอยจำได้ว่าได้เล่นลิปสติกเนื้อของน้าครามอีกไม่บ่อยนักเพราะไม่ค่อยมีโอกาสที่เหมาะสมเวลาที่เจอกันบ่อยคือทุกเช้าก่อนน้าครามไปทำงาน ซึ่งก็มีน้าดาวอยู่ในบ้านด้วยวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บอยก็จะอยู่บ้านกับแม่ แต่สองครอบครัวของบอยกับบ้านน้าครามก็มีกินข้าวมื้อเย็นด้วยกันบ่อยๆ ไม่ไปบ้านนั้น ก็มาบ้านนี้ มีบางเช้าที่น้าดาวคลาดสายตาจากการไปทำครัวหรือไม่อยู่ในตัวบ้านเด็กชายถึงได้มีโอกาสสัมผัสแท่งเนื้อของน้าครามนอกกางเกงในบ้างแต่ก็ไม่บ่อยส่วนเวลาเย็นตามปกติแล้ว แม่จะมารับบ้านกลับบ้านก่อนน้าครามกลับถึงบ้านเสียอีกเว้นเสียแต่วันไหนน้าครามกลับถึงบ้านเร็ว ซึ่งก็คือเวลาประมาณบ่ายสามน้าครามจะกลับบ้านเร็วอาทิตย์ละสองสามวัน วันไหนที่น้าครามกลับบ้านเร็วบางทีจะไปเกี่ยวหญ้าให้วัวจะมีบ้างที่เด็กบอยตามน้าครามออกไปเกี่ยวหญ้าให้วัวกินซึ่งมันเป็นหญ้าพันธุ์พิเศษปลูกไว้ที่นาดอนต่างหาก อยู่ไกลจากตัวบ้านน้าดาวราวสามกิโล ติดๆกับพื้นที่ป่าชุมชนรกร้างแถวนั้นไม่ค่อยมีชาวบ้านมากนัก เพราะเสียงลือว่าผีดุ แต่จริงๆแล้วคือมันเป็นที่ดอนไม่ค่อยมีเช้าบ้านใช้ทำการเกษตร แถมยังไกลจากแหล่งน้ำ เด็กชายบอย ทวนความจำจากวัยเยาว์อันเลือนลางว่ามีประสบการณ์ได้ดูดลิปติกเนื้อของน้าครามอีกสามครั้งซึ่งจริงๆมีมากกว่านั้น แต่ที่จำได้แม่นๆคือสามครั้งนี้ 1.คือ ไปเกี่ยวหญ้าให้วัวบ่ายวันหนึ่ง ราวๆ ต้นเดือนมีนาคม ปีพศ.2526 เด็กชายบอยอายุย่างหกขวบแล้วน้าครามกลับบ้านเร็วกำลังเตรียมรถเข็นพ่วงหลังใส่จักรยานยนต์เตรียมจะออกไปเกี่ยวหญ้าที่นาดอนเด็กบอยนึกสนุกจึงปูเสื่อนั่งเล่นบนรถเข็นไม้ที่น้าครามกำลังพ่วงท้ายจักรยานยนต์อยู่โดยมีน้าดาวคอยช่วย แต่พอจะออกรถ เด็กชายไม่ยอมลงจากรถพ่วงเพราะกำลังสนุกอยู่น้าดาวเลยถามว่าจะไปเกี่ยวหญ้ากับน้าครามไหม ตอนแรกน้าครามก็เกี่ยงอยู่เหมือนกันเพราะกลัวเด็กชายจะไปเกะกะแต่สักพักก็เหมือนคิดอะไรออก เลยถามเด็กชายว่า “อ่าวว่าไง จะไปกับน้า หรืออยู่กับน้าดาวถ้าอยู่กับน้าดาวน้าดาวก็จะลงสวนไปรดน้ำผักนะ”เด็กบอยเลยจะไปกับน้าครามเพราะคิดว่าจะได้นั่งรถเข็นที่พ่วงหลังรถมอเตอร์ไซด์ ซึ่งมันคงจะสนุกดีแต่แล้วก็ไม่ได้นั่ง เพราะยังเล็กมาก น้าดาวกลัวว่าเด็กชายจะตกรถระหว่างทางเลยให้ไปนั่งด้านหน้ารถมอเตอร์ไซด์แทน เด็กบอยบ่นอุบ ทีแรกจะไม่ยอมน้าสาวกับน้าเขยก็หัวเราะชอบใจ จนแล้วจนรอด เด็กชายบอยก็ได้มานั่งหน้ารถให้น้าครามคร่อมซ้อนอยู่ดี พอโตขึ้นมาถึงเข้าใจว่าได้นั่งหน้ารถมอไซด์ตอนน้าครามขับอยู่มันดีกว่าเป็นไหนๆ เพราะพอรถเคลื่อนตัวออกจากเขตบ้านได้ไม่เท่าไหร่บอยก็สัมผัสได้ถึงพลังงานทรงแท่งบางอย่างดุนอยู่แถวๆก้นกบของมันเด็กชายแทบจะแน่ใจได้เลยว่าไม่ใช่สิ่งใดอื่นเลยเอื้อมมืออ้อมหลังตัวเองล้วงเข้าไปบีบทักทาย ปิ๊บๆ “แน่ะๆ เดี๋ยวมันก็ตอดเอาหรอก” น้าครามล้อขำๆเด็กชายหัวเราะคิก แล้วบีบมันเล่นต่ออย่างคุ้นเคย น้าครามก็ปล่อยตามสบายแถมยังจงใจขับรถช้าลงกว่าเดิมอีก ระยะทางสามกิโลจากบ้านน้าดาวไปถึงนาโคกระยะแรกก็ยังพอมีผู้คนสัญจรให้เห็นอยู่บ้างแต่ยิ่งใกล้ถึงจุดหมายก็ยิ่งดูเงียบเชียบ รกร้างผู้คน เริ่มเห็นละเมาะไม้ริมทางลูกรังแคบๆพอรถมอเตอร์ไซด์สวนกันได้เท่านั้นเบื้องหน้าที่ปรากฎต่อสายตาเด็กชายเป็นทุ่งหญ้าสูงไม่เกินสามงานกลางทุ่งเขียวนั้นมีเนินกลุ่มต้นหว้าอยู่สามต้นพอให้ร่มเงาได้พร้อมเพิงหมาแหงนเล็กๆกับเตาดินก่อเป็นโพรงสำหรับเผาถ่าน พอถึงที่หมายน้าครามก็อุ้มเจ้าบอยลงจากรถส่วนตัวเองก็จัดแจงขนอุปกรณ์ตัดหญ้า เจ้าบอยยังไม่เลิกวุ่นวายอยู่กับเจ้าแท่งลิปสติกหนังยืนประจันหน้าเป้ากางเกงทหารของหน้าครามที่โป่งจนนูนออกมาเป็นสันเก้ๆกังๆจะรูกซิบลงมาให้ได้ ขณะที่น้าครามก็ง่วนขนของท่าเดียว ในที่สุดความพยายามของเด็กชายก็สำเร็จรูดซิบกางเกงจนร่นลงสุดเป้าพร้อมกับพยายามล้วงควักเจ้าตัวดีในกางเกงในของน้าครามให้มันออกมาทักทายกันหน่อย “เอาล่ะๆบอยมันไม่หายไปไหนหรอก”หน้าครามปรามพร้อมแกะมือซุกซนของเด็กน้อยออกจากจากของสงวน “เดี๋ยวน้าไปตัดหญ้าก่อน บอยนั่งรอน้าตรงเพิงนะ”น้าครามปล่อยเด็กชายให้นั่งรอในเพิงหมาแหงนก่อน เพราะแดดยังแรงอยู่มาก ส่วนตัวเองพอได้หมวกฟางกับเครื่องตัดหญ้าก็ลงกลางทุ่งเริ่มตัดหญ้าในทันที เด็กชายเชื่อฟังว่าง่ายในขณะที่รอน้าครามก็ปีนป่ายต้นหว้าเล่นไปตามประสาพักใหญ่น้าครามก็เดินกลับมาที่เพิงแล้วถอดเสื้อชุ่มโชกเหงื่อพาดตากไว้ที่หลังคาเพิงแล้วโปกหมวกฟางใส่ตัวคลายร้อน เจ้าบอยโดดแผ๊วลงจากกิ่งหว้ามาถึงตัวน้าเขยก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง ตรงเข้าหากึ่งกลางลำตัวน้าครามทันที “ว้าย น้าครามซิบไม่รูด” น้าครามหัวเราะขัน “อ่าวก็ตะกี้หมาน้อยตัวไหนมารูดมันลงล่ะ?” พอโดนถามย้อนก็หัวเราะคิกแต่ก็ยังไม่เลิกคุกคาม ล้วงมือเข้าขย้ำเจ้าลิปสติกหนังอย่างมันมือน้าครามที่ยืนโบกลมให้ตัวเองอยู่ก้มลงมาดูพร้อมหายใจฟืดฟาด ครู่เดียวหนอนด้วงกล้วยนุ่มนิ่มก็กลายสภาพเป็นกล้วยหอมลูกเขื่องเจ้าหนูบอยงัดมันออกมาพ้นช่องซิปกางเกงโดยไม่บอกกล่าวซักคำกลิ่นฉุนเค็มปนกลิ่นอับเหงื่อผสมกับกลิ่นยางยืดกางเกงในอวลเข้ามูกเด็กชายมันเป็นกลิ่นแปลกประหลาดที่เด็กชายชอบก่อนหน้านี้เด็กชายเคยติดกลิ่นน้ำมันเบนซนตามปั้มน้ำมัน แต่ตอนนี้มันชอบกลิ่นพวงหำของน้าครามมากกว่าเด็กน้อยถอกมันเล่นไปมาอย่างตื่นเต้น รู้สึกตื่นเต้นและใจหวิวทุกครั้งที่ได้สัมผัส จับ กำเจ้าบอยได้ยินเสียงหน้าครามหายใจหนักๆอยู่ด้านบนพอเงยหน้าดูก็เห็นหน้าครามชะเง้อมองขวาทีซ้ายทีอย่างระแวดระวัง ที่น้าครามต้องทำแบบนั้นก็เพราะกลัวใครผ่านมาเห็นเข้าน่ะเองแต่เวลาบ่ายจัดของเดือนมีนาแบบนี้ คงหาคนมาแถวนี้ยากถ้าเป็นน้าฝนคงมีคนมาหาของป่าที่ป่าชุมชนอยู่บ้างแต่ถึงกระนั้นก็ยังคงต้องคอยระวังใครมาเห็นเข้าอยู่ดี กำลังมองกวาดสายตาอยู่เพลินๆน้าครามก็รู้สึกเสียวร้อนวาบๆที่หัวหยักกลางลำตัวพอก้มลงมองดูก็ไม่เกินความคาดหมาย เมื่อเห็นเจ้าหลานชายตัวน้อยกำลังใช้ปากเขมือบหัวถอกของตัวเองเข้าไปทั้งเงี่ยงมือน้อยๆทั้งสองมือกำที่โคนท่อนจนแน่น หัวกลมๆเล็กๆของเด็กชายโยกเข้า-ออกสั้นๆช้าๆอย่างสุดความสามารถของเด็กวัยเกือบหกขวบเด็กชายออกแรงดูดจนแก้มตอบลิ้นเล็กๆในปากก็ตอดรูเยี่ยวไปด้วยเป็นจังหวะ “เอ๋า ลักดูดหำน้าเฉยเลยเดี๋ยวนี้ไม่ขี้เดือด(รังเกียจ)แล้วเหรอ?” น้าครามแซวแต่เด็กบอยไม่รู้ความหมายประชดอะไรหรอก รู้แต่ชอบอมลิปสติกหนังของน้าครามไว้ในปากความรู้สึกแบบนี้ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน “ไม่เค็มเหรอ? มีแต่เหงื่อ”...เงียบ...ไม่มีคำตอบจากเด็กวัยกำลังกินเจ้าบอยยังคงตั้งหน้าตั้งตาดูดหัวเงี่ยงอย่างตั้งใจ จนน้าครามเสียวตัวงอเผลอซู๊ดปากเบาส่วนหัวเปลือยของท่อนลำนี้เป็นส่วนที่อ่อนไหวที่สุดของน้าครามแล้วเพราะน้าครามเป็นคนที่มีหนังหุ้มปลายยาวกว่าชาวบ้านเขา และโดยปกติส่วนหัวของน้าครามรูดไม่ค่อยออกอยู่แล้วถ้าไม่ตั้งใจรูดลงจริงๆแต่นี่เด็กบอยกลับถอกรั้งลงจนสุดแล้วเล่นดูดแบบออมแรงจึงเล่นเอาน้าครามเสียอาการไปเลย ทั้งเสียวแบบรู้สึกดีและเสียวแบบหัวใจจะวายสลับกับกันบางแรงดูดก็เล่นเอาเขาตัวกระตุกแบบบังคับไม่ได้แต่บางแรงดูดก็ทำให้น้าครามแอ่นแท่งลำให้อย่างเต็มใจ การทำรักด้วยปากแบบนี้ น้าดาวไม่เคยทำให้และไม่มีทางจะทำด้วย เลยถือเป็นเรื่องหายากที่จะมีใครมาดูดให้อย่างเด็กบอย แล้วตอนนี้ก็ดูเหมือนเด็กน้อยจะดื่มด่ำกับการได้เอาปากดูดหัวเงี่ยงซึ่งมันก็สร้างความสุขให้กับน้าครามได้เป็นอย่างดี จากทีแรกแค่ว่าจะมาตากเสื้อเปียกเหงื่อเฉยๆแล้วไปตัดหญ้าต่อแต่ตอนนี้เห็นทีต้องให้นมเด็กก่อนแล้วล่ะ ไม่งั้นงอแงแย่ แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะเลยเถิดจนมีคนผ่านมาเห็นเข้าน้าครามก็พาเจ้าตัวเล็กเข้าหาที่หลบกำบังในเพิงสังกะสีดีที่ฝั่งโล่งยังพอมีสังกะสีกั้นสายตาคนไอ้เจ้าบอยก็ไม่ยอมปล่อยเวลาให้เสียเปล่าเลย ขณะที่เคลื่อนตัวเข้าเพิงปากยังคาบหัวเงี่ยงไม่ยอมคาย น้าครามค่อยๆย่อตัวนั่งลงบนตั่งไม้พิงเสาเพิงในขณะเดียวกันเจ้าบอยก็โน้มหัวตามรังคราญต่อเนื่องจนค่อยๆทรุดลงไปนั่งคุกเข่าซุกหน้าดูดอยู่ตรงกลางหว่างขาของน้าคราม
“บ๊ะ!! ชอบขนาดนั้นเลยเหรอ ไม่คายเลยเนี่ย”น้าครามรำพึงออกมา ทึ่งกับเจ้าหลานชายตัวน้อย ที่ตอนนี้กลายเป็น “อีดูด” (คำเรียกตุ๊ดยุคแรกๆของคนอีสานแถบๆบ้านนอก)ไปแล้ว คนโดนดูดเริ่มวิตกในตัวเจ้าหลานชายบ้างแล้วในตอนนี้ คิดโทษตัวเองเหมือนกันที่สอนเรื่องพรรณนี้ให้หลานที่ยังไม่รู้เดียงสาจนตอนนี้ดูเหมือนจะกู่ไม่กลับแล้ว พอเข้าที่เข้าทาง เด็กบอยก็ทำงานง่ายขึ้นปากน้อยๆของมัน เล่นดูดเล็มหัวเงี่ยงบานแบบที่เล็มอมยิ้มเสียบไม้ดูดรูตาน้ำสลับเอียงคอดูดเงี่ยงซ้ายขวาบางครั้งก็กล้าดีขนาดเขมือบหัวบานๆทั้งหัวแล้วดูดดังจ๊วบ เล่นเอาน้าครามร้องเสียงหลงก็มีแต่ด้วยสรีระที่เล็กของเด็กบางทีก็เหมือนมันทำเรื่องเกินตัวเลยต้องถอนปากขึ้นมาหายใจเป็นระยะๆ แต่ไม่มีการงอแงบ่นเหนื่อยเหมือนครั้งแรกๆแล้วเมื่อเหลือบมองน้าครามก็เห็นว่าคิ้วขมวดหน้าตาแหยเกไปหมดเนื้อตัวเกร็งแน่นไปทุกจังหวะที่โดนเด็กน้อยใช้ปากรังแกหัวเปลือย เจ้าบอยไม่ได้เร่งเร้าจังหวะอะไรมันเพียงแค่เล็มเนิบๆดูดนาบๆตามขีดจำกัดความสามารถของปากเด็กแต่ดูเหมือนน้าครามเสียอีกที่ท่าทางกำลังจะถึงจุดหมายเต็มที อาจเป็นเพราะเด็กชายเล่นงานในส่วนที่ประสาทไวอ่อนไหวต่อความเสียวที่สุดในร่างกายบวกกับความตื่นเต้นแปลกที่แปลกทาง ทำให้ภายในเวลาไม่ถึงสิบนาทีที่โดนเจ้าบอยกินหัวเงี่ยงน้าครามก็เริ่มหอบถี่ หายใจติดขัดแล้ว “โหบอย เสียวมากเลยง่ะ..โอยเบาๆ เบาๆ ใจเย็นเดี๋ยวน้ำแตก” น้าครามพูดงึมงำเหมือนเพ้อ ตัวกระตุกส่ายไปมาไม่อยู่นิ่งคล้ายๆดิ้นรนจะหนีจากการรังแกของเด็กบอย แต่เด็กชายก็ไม่เข้าใจความหมาย -น้ำแตก-คืออะไร? มันรู้เพียงเบื่อเมื่อไหร่ก็เลิกดูด ตอนนี้ บอยยังไม่เบื่อ แถมยังรู้สึกอร่อยแบบบอกไม่ถูกทั้งที่ๆเจ้าลิปสติกเนื้อของน้าครามในตอนแรกที่เค็มแต่ตอนนี้ไม่เหลือรสชาติอะไร “อูยยย บอยย” น้าครามครางยาวเป็นคำสุดท้าย ในจังหวะที่เด็กชายเขมือบหัวบานเปลือยเข้าไปทั้งหัวแล้วดูดชิมรสหนักหน่วงแล้วจู่ๆก็ยกสะโพกแอ่นสวนท่อนเนื้อเข้าปากเด็กชายเกือบครึ่งลำ ในขณะที่มือใหญ่ๆของน้าครามก็กดหัวเด็กชายแน่นไม่ให้ขยับไปไหนก่อนจะแอ่นค้างกลางอากาศ แล้วตัวกระตุกหงึกหงัก ส่วนเจ้าบอยก็รับรู้ได้ว่าท่อนเนื้อในปากของตนมันกำลังกระดกสู้ปากอยู่พวงใข่ของน้าครามที่เคยยานๆ ตอนนี้กลับหดเป็นตุ้มเล็กๆ ของเหลวข้นคลักเหนียวคาวกระฉูดปรี๊ดลงคอชนลูกกระเดือกของเจ้าบอยลูกแล้วลูกเล่าเด็กชายพยายามดิ้นรนจะหนีจากเงื้อมมือของน้าเขย แต่ก็จนปัญญาทำได้แค่อยู่นิ่งๆปล่อยคอให้รองรับความเกรี้ยวกราดที่มาในรูปแบบของเหลวข้น หน้าครามร้อง “อา......”ยาวๆตัวเกร็งค้างแบบนั้นจนของเหลวหยาดสุดท้ายพุ่งเข้าปากเด็กชายก่อนจะทิ้งสะโพกลงดื้อๆ เมื่อน้าครามปลดเปลื้องเสร็จ ก็เมองห็นเด็กชายบอยน้ำหูน้ำตาไหลอีกแล้วปากเลอะเทอะเต็มไปด้วยของเหลวขาวข้นมันเยอะจนย้อยเป็นทางตามลำคอเล็กๆนั่นบางส่วนมันคงไหลลงคออย่างช่วยไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่เด็กชายจะปล่อยให้ไหลออกมานอกปากไม่เผลอกลืนเข้าไปเหมือนครั้งแรกๆ “ไม่อ้วกแล้วนี่ เก่งแล้ว” น้าครามบอกเสียงโรยๆพลางลูบหัวเด็กชายเบาๆ ในขณะที่บอยถ่มน้ำลายปริ๊ดๆลงข้างตัวแต่พอเด็กชายจะใช้ชายเสื้อเช็ดคราบน้ำส่วนเกิน น้าครามกลับห้ามไว้แล้วใช้มือตัวเองปาดคราบเลอะให้เด็กชายแทนตอนนั้นเด็กชายรู้สึกว่าตัวเองคงเป็นที่รักของน้าคราม แต่เมื่อโตขึ้นถึงรู้ว่าน้าครามแค่ไม่อยากให้มีหลักฐานหลงเหลือตอนแม่ของบอยเอาเสื้อไปซักเท่านั้นเอง .......... ไว้มาต่อครับ
|