แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย orama เมื่อ 2024-6-15 17:53 ; f1 m0 e- m' o) t g
2 M2 C& @2 y. u& X
บทหนึ่งของชีวิต ตอน นึกว่าผีอำ 1 โดย Orama ผมกลับมาจากประชุมพอเลี้ยวรถเข้าที่ทำงานและจอดสนิทยังไม่ทันได้ดับเครื่อง เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น “rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr” ผมเปิดกระเป๋าเอามือถือมาดู เป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก คิดว่าคงเป็นเรื่องประชุมในวันพรุ่งนี้แน่ ๆ “สวัสดีครับ” ผมสวัสดีก่อน “เฮ้ย...เบอร์ต๊ะเปล่าครับ” “ใช่ครับ….นั่นใครครับ” “เออ…..กูเอง…..จำกูได้ป่ะ” พูดแบบนี้แสดง่าต้องเป็นเพื่อนกัน ผมเลยสวนกลับไปทันที “กูเองนะ...คนหรือหมา” “ไอ้ห่านี่...กูไอ้โอ่ง” “เออ….มึงก็แค่บอกชื่อ...ได้ยินแต่เสียงใครจะไปจำได้….ว่าแต่มีไรโทรมา...แล้วเบอร์เก่ามึงล่ะ” “เบอร์เก่าก็ยังใช้แต่นี่อีกเบอร์ของออเร้น โปรดีเมียเลยซื้อให้ใช้” “ว่าแต่มีไรโทรมาหากู” “พวกเราคุยกันว่าหนาวนี้จะจัดเลี้ยงรุ่นที่เขาใหญ่ว่ะ...ไปทุกคน...โดยเฉพาะมึงห้ามขาด” “เมื่อไหร่” “รายละเอียดเดี๋ยวกูส่งให้” “เออ ๆ” ผมกับไอ้โอ่งคุยรายละเอียดเบื้องต้นอีกนิดหน่อยก่อนที่มันจะวางสาย บอกว่าจะรีบไปรับลูกกับเมีย ไอ้โอ่งเพื่อนที่เรียนมหาลัยด้วยกัน ตั้งแต่จบมาเจอกันสองครั้งตอนมันบวชตามประเพณี และตอนที่มันแต่งงาน จริง ๆ แล้วเพื่อนๆผมมันสังสรรกันบ่อยมาก แต่ผมเองที่ไม่ค่อยมีเวลาไปสังสรรด้วย พวกมันกำหนดจัดงานเลี้ยงรุ่นที่เขาใหญ่ในช่วงฤดูหนาว 3 วัน 3 คืน เพราะตรงกับวันหยุดยาว พักที่โรงแรมดัง และให้แต่ละคนเอาเต้นไปกางนอนด้วย โดยงานนี้เพื่อน ๆ กำหนดธีมเป็นการชุมนุมของลูกเสือ อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งว่างั้นเถอะ 555555 และขอความร่วมมือให้ทุกคนแต่งตัวเป็นลูกเสือ หากใครจะพาลูกเมีย เพื่อน หรือมีพี่มีน้อง หรือจะพาพ่อแม่ลุงป้าน้าอา ญาตโยมคนไหนสามารถพาไปร่วมงานนี้ได้หมด แต่มีข้อแม้ว่าต้องแต่งตัวเป็นลูกเสือด้วยเท่านั้น ผมคิดอยู่สองสามวันว่าจะไปดีมั้ยเพราะไม่มีชุด เลยลองเข้าห้างหาซื้อชุดลูกเสือ แรก ๆ ก็อาย แต่พนักงานเข้าใจว่าเป็นอาจารย์เลยลดความอายลงไปได้บ้าง “อาจารย์สอนที่ไหนคะ” “ที่ต่างจังหวัดครับ พอดีมาทำธุระที่กรุงเทพเลยแวะมาซื้อชุดลูกเสือด้วย” “จะมีพู่เขียวกับพู่แดง อาจารย์จะรับแบบไหนคะ” “ลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ครับ” “ได้ค่ะ” พนักงานพูดเสร็จก็จัดชุดให้ ผมเรียนจบมัธยมมานานเลยไม่รู้ว่าต้องใช้พู่ไหนลูกเสือมีกี่แบบลืมหมด ตอนนั้นก็รีบซื้อเลยตัดสินใจเอาพู่แดง พนักงานจัดให้ครบชุด จริง ๆ แล้วผมเองก็มีชุดข้าราชการสีกาแขนสั้นอยู่แล้วและเป็นสีเดียวกับชุดลูกเสือ จะซื้อเฉพาะเสื้อไปก็กลัวสีจะต่างกันกับกางเกงมาก เลยตัดสินใจซื้อยกชุด หมดไปหลายพันบาท กลับมาถึงอพาร์ทเม้นยังนึกขำตัวเองว่าช่างกล้าลงทุนเนาะ ผมคิดในใจว่าใครกำหนดธีม ถ้าคนกำหนดไม่แต่งชุดลูกเสือมึงโดนกูกระทืบไส้แตกแน่ ถึงวันนัดหมายผมขับรถออกจากกรุงเทพประมาณ 7 โมงเช้า ใช้เวลาขับรถจากกรุงเทพถึงเขาใหญ่ ประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะนัดรวมกัน 10 โมงเช้าเลยไม่รีบ โดยกำหนดการที่ตั้งกันไว้ เวลา 10.00 - 12.00 น. นัดรวมพล แต่งกายตามสบาย เวลา 12.00 - 14.00. น. รับประทานอาหารเที่ยง เวลา 14.00 - 16.00 กางเต้น เวลา 16.00 - 18.00 พักผ่อนตามอัธยาศัย เวลา 18.00 - 21.00 รับประทานอาหารเย็น (สังสรรเล็กๆ) ส่วนวันที่ 2 เวลา 9.00 น. ทุกคนพร้อมกันที่ลานกิจกรรม โดยแต่งชุดลูกเสือ (จัดกิจกรรมลูกเสือโดยทีมวิทยากรที่จ้างมา” ตั้งแต่เวลา 18.00 เป็นต้นไปจัดกิจกรรมเล่นรอบกองไฟ วันที่ 3 จัดกิจกรรมลูกเสือต่อ โดยช่วงเย็นจัดกิจกรรมเล่นรอบกองไฟต่อ แต่เป็นการจัดงานในอาคารแทน (แต่งตัวตามสบาย...แต่มีผ้าพันคอลูกเสือ ตอนแรกเพื่อน ๆ มันบอกอยากให้แต่งเป็นชุดแฟนซี แต่โดนเพื่อนอีกกลุ่มนึงรุมด่า โดยเฉพาะกลุ่มที่มีลูกหลายคนเพราะต้องเสียเงินซื้อชุดเพิ่ม) ผมขับรถถึงโรงแรมที่พักประมาณเกือบเก้าโมงเช้า เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่ผมรู้จัก เพราะเคยมาสัมมนากับหน่วยงานราชการอื่น ผมหาที่จอดรถเรียบร้อย ก็เดินไปถามเจ้าหน้าที่ตรงร็อบบี้ พนักงานบอกทุกคนไปรวมตัวกันที่ลานกิจกรรมแล้ว ซึ่งห่างจากตัวโรงแรมประมาณ 2 กิโลเมตร เดี๋ยวจะให้พนักงานเอารถกอล์ฟขับไปส่ง แต่ยังไม่ทันได้ไป ไอ้ดำหรือดำรงมาตบบ่าจากข้างหลัง “ว่าไงต๊ะ...กูนึกว่ามึงจะไม่มา” “รับปากว่าจะมากูก็ต้องมาดิ….แล้วเพื่อนๆไปไหนหมด” “เขาไปที่ลานกิจกรรมเกือบหมดแล้ว….กูมารอบอกเพื่อนๆ” “กูกำลังจะไป เห็นพนักงานบอกจะเอารถไปส่ง” “ส่งทำไม……. มึงเอารถมาไม่ใช่หรอก็ขับรถไปดิ” “เอารถไปได้หรอ” “ใครห้ามมึงล่ะ” “อ้าว……” “หรือมึงจะแบกของไปก็แล้วแต่….แต่กูแนะนำเอารถไปดีกว่า ที่จอดรถเยอะแยะ” “เออ ๆๆ ตามนั้น” “เฮ้ย……..งั้นเดี๋ยว ไหน ๆ มึงก็มาแล้ว มึงอยู่ช่วยกูก่อน” “อ้าว….ช่วยอะไร” “ไม่ต้องอ้าว….มึงมานี่” ไอ้ดำมันพาผมไปที่รอบบี้ ให้ช่วยตรวจสอบรายชื่อว่ามีใครมาแล้วบ้าง ผมเพิ่งรู้ว่าเพื่อนที่เรียนมหาลัยคณะผมมาเกือบ 80 คน รวมทั้งรายชื่อที่ผมไม่คุ้นเคย แต่นามสกุลคุ้นเคย น่าจะเป็นบรรดาญาต ๆของเพื่อน รวมแล้วงานนี้มีคนเกือบ 200 ผมช่วยไอ้ดำตรวจสอบรายชื่อ โดยมีเพื่อนๆทยอยมาลงทะเบียนกันอย่างต่อนนื่อง ทักทายปราศัยกันเป็นที่สนุกสนานผมคอยแนะนำเพื่อนๆที่มาหรือบรรดาญาตๆของเพื่อนว่าต้องไปตรงไหน เพื่อนบางคนพามาครอบครัวใหญ่ ทั้งพ่อแม่ตัว พ่อแม่แฟน ลูกเต้ายกโขยงกันมาเต็มที่ พ่อแม่บางคนก็นั่งวิวแชร์มาก็มีใจสู้กันจริง ๆ แต่ก็ดีเหมือนกัน เพราะถือโอกาสพาครอบครัวมาพักผ่อน ผมช่วยไอ้ดำสักพักจนคนเริ่มลงทะเบียนน้อยลงก็ไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่ลานกิจกรรม พอมาถึงลานโล่งอากาศเย็นสบาย บางคนก็ใส่เสื้อกันหนาวสีสันสดใส บางคนก็แต่งตัวยังกะอยู่ขั้วโลกเหนือ ทั้งขนมิ้ง ทั้งผ้าพันคอ ถุงมือถุงเท้าเต็มตัว ผมถูกไอ้ดำลากออกจากกลุ่มแล้วมันก็แต่งตั้งผมให้เป็นกรรมการโดยปริยาย ไม่ต้องไปรวมกลุ่มกับเพื่อน ๆ หน้าที่หลักคือคอยดูแลความเรียบร้อย และคอยปฐมพยาบาลคนแก่ มันบอกว่าผมเหมาะที่จะทำหน้าที่นี้ ผมใส่เสื้อยืดแขนยาวแบบมีฮูด มีเสื้อยืดเข้ารูปข้างใน สวมกางเกงยีนส์ตามสไตร์ แถมใส่แว่นกันแดดสีชายี่ห้อเรย์แบน บางคนก็จำผมไม่ได้ คิดว่าผมมากับทีมวิทยากรที่จ้างมา ผมวิ่งวุ่นแทบไม่ได้หยุด โดยเฉพาะบรรดาคุณตาคุณยายทั้งหลาย เดี๋ยวขอผ้าห่มเพราะหนาว เดี๋ยวคืนผ้าห่มเพราะเริ่มร้อน เดี๋ยวขอน้ำดื่ม เดี๋ยวขอเข้าห้องน้ำ จริง ๆ ก็มีหลายคนที่คอยดูแล แต่ดูเหมือนผมจะโดนเรียกใช้บริการเยอะสุด บางคนเรียกไปคุยเพราะอยากรู้จัก ถามโน่นถามนี่กว่าจะปลีกตัวออกมาได้เล่นเอาหาคำตอบแก้ตัวแทบไม่มี พอรวมกลุ่มกันเสร็จก็ถึงเวลารับประทานอาหารเที่ยง โดยวันนี้ทางโรงแรมจัดให้เป็นแบบบุฟเฟ่ ซึ่งก็หนีไม่พ้นผมต้องพาคนแก่ไปนั่ง แล้วก็ถามว่าจะรับประทานอะไร พร้อมกับไปตักอาหารมาให้ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สูงอายุที่ลูก ๆ เป็นกรรมการจัดงานนั่นแหละ เพราะไม่มีเวลามาดูแลพ่อแม่ตนเอง แต่งานนี้ดีอย่างคือไม่มีใครแบ่งแยกว่านั่นพ่อแม่กูนั่นพ่อแม่มึง คุณตาคุณยาย จะเรียกใช้สอยใครในงานได้หมด ยกเว้นเด็กเล็ก ๆ ทุกคนจะได้กางเต้นเป็นกลุ่มใหญ่ตามที่ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัย จะมีอยู่ประมาณ 5-6 เต้นที่กางออกมาห่างประมาณ 10 เมตร อยู่วงนอก เพื่อดูความปลอดภัยโดยรอบ และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ใครที่โดนเลือกให้มาอยู่วงนอกเพื่อดูแลความปลอดภัยส่วนใหญ่จะเป็นคนโสดหรือคนที่มาคนเดียวไม่ได้พาครอบครัวมาด้วย ซึ่งงานนี้คนที่มาคนเดียวก็มีอยู่ประมาณ 20 กว่าคนเห็นจะได้ แต่จะคัดเลือกเฉพาะผู้ชาย ส่วนผู้หญิงที่โสดก็ให้กางเต้นนอนในวงใน คนโสดบางคนก็จับกลุ่มนอนด้วยกัน บางคนก็นอนเดี่ยว ซึ่งผมเองก็นอนเดี่ยว เพราะเอาเต้นขนาดนอนสามคนมา เพราะซื้อตอนไปกางเต้นนอนกับเพื่อน ๆ ที่ทำงานตอนปีใหม่เมื่อสองปีที่แล้ว แต่มันเป็นแบบทึบช่องระบายอากาศน้อย แต่ถ้านอนสองคนก็สบาย ๆ แต่ถ้านาน ๆ ก็เหมือนจะแย่งอากาศกันหายใจ เลยขอนอนคนเดียวดีกว่า ผมกางเต้นเสร็จก็เดินดูรอบ ๆ เพื่อความปลอดภัย โดยมีเจ้าหน้าที่ของโรงแรม มาช่วยแนะนำว่าโซนไหนควรเฝ้าระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ ด้านหลังที่เป็นสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ซึ่งโรงแรมใช้สำหรับเล่นกิจกรรมทางน้ำ เช่น พายเรือ ผมเดินมาเรื่อย ๆ เห็นเรือหงษ์แบบปั่นสองคน 7-8 ลำ สงสัยชาวคณะจะไม่เห็น หรือไม่มีใครอยากเล่นเพราะอากาศค่อนข้างเย็น “นั่นเรือหงษ์ของโรงแรมหรือเปล่าครับ” ผมถามเจ้าหน้าที่ของโรงแรม “ของทางโรงแรมครับ สามารถเล่นได้ แต่ต้องอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่หรือถ้าเป็นเด็กก็จะอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองอีกที” “แล้วถ้าคณะผมจะลงไปถีบเรือเล่นต้องขออนุญาตที่ไหนครับ” “สามารถเล่นได้เลยครับ โดยจะมีเจ้าหน้าที่ประจำอยู่ตรงโน้นอยู่แล้ว” ผมเพ่งสายตาไปตามที่พนักงานบอก เป็นเพิงเล็ก ๆ มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมนั่งอยู่ 1 คน “ไปประสานเจ้าหน้าที่ตรงโน้น ลงชื่อเสร็จก็จะได้รับเสื้อชูชีพ แล้วก็ลงไปเล่นได้เลย ถ้ามีคนเล่นน้อยก็ตามอัถยาสัย แต่ถ้ามีคนเล่นมากก็ให้เล่นได้คนละกี่นาทีทางคระก็กำหนดได้เลยครับ เพราะในช่วงนี้มีแค่กรุ๊บคุณกรุ๊บเดียว” “ลองวีคเอ็นทำไมมีกรุ๊บเดียวละครับ” ผมถามด้วยความสงสัย “ส่วนใหญ่ชอบกางเต้นนอนบนเขา เรื่องกิจกรรมทางน้ำไม่ค่อยมีคนอยากจะเล่นครับ...เพราะมันหนาว” “อ๋อ…………………” ผมถึงบางอ๋อทันที “งั้นตามสบายครับ เดี๋ยวผมเดินไปทักทายพนักงานดูแลสักนิด” “ตามสบายครับ..ผมขอตัวก่อน” ผมเดินมาหาพนักงาน เป็นชาย ซึ่งอายุน่าจะประมาณ 40 กว่า ๆ แต่ร่างกายดูบึกบึนแข็งแรง “หวัดดีครับพี่” “หวัดดีครับ...มีอะไรให้ผมช่วยครับ” “คือถ้าผมหรือคณะอยากจะลงไปถีบเรือเล่นต้องทำยังไงบ้างครับ” “โห...คุณ หนาว ๆ อย่างนี้ยังจะลงไปเล่นอีกหรอ” “ไม่มีคนเล่นหรือครับ” “ตั้งแต่เข้าหน้าหนาวมานี่ แทบไม่มีใครมาเล่นเลยครับ มีแต่เดินมาถามแล้วก็เบ้ปาก บอกว่าหนาว แล้วก็ไป 55555555555” “ผมก็ถามเผื่อไว้นะครับ เพราะกรุ๊บผมมากันเกือบ 200 คน มีทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ แล้วก็สูงอายุ เผื่อใครอยากจะเล่นจะได้แนะนำถูก” “ได้เลยครับ...ถ้าจะเล่นก็มาลงชื่อที่ผม มีทั้งหมด 10 ลำ ครับ ลำละ 2 คน ถ้าไม่มีใครเล่นก็ตามสบายครับ จะเล่นทั้งวันก็ได้ แต่ถ้ามีคนเล่นเยอะก็กำหนดเวลาเล่นนะครับ” “ได้ครับ” “พี่ครับ...ลงไปเล่นเรือได้มั้ยครับ” ผมหันไปตามเสียง เป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นหน้าตาสดใส ตัดผมรองทรงสูง น่าจะอยู่ระดับมัธยมปลาย หน้าตาออกแดง ๆ คงจะโดนแดด แต่ผิวขาว รูปร่างลีน ๆ สูงน่าจะประมาณผมหรือเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย 3 [& p9 ]9 a8 S) Z
3 q1 N$ }6 I; N. G& W# ^0 k/ Z% f
Q" v4 R1 P# ?1 Q7 n
|