แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย orama เมื่อ 2024-6-15 17:52 ; o! l5 @, x; d6 W" T3 |
: u3 H7 ]7 O/ s% y& ]
บทหนึ่งของชีวิต ตอน นึกว่าผีอำ 2 โดย Orama น้องเดินตรงมาที่ผม โดยไม่มองเข้าไปในเพิง “ว่าไงครับพี่….ผมจะลงไปถีบเรือเล่นได้มั้ยครับ” “ได้ครับ...แต่ต้องลงชื่อก่อน...กับพี่คนนั้น” ผมชี้ไปที่พนักงานหุ่นล่ำ “อ้าวขอโทษครับ นึกว่าพี่เป็นพนักงานที่นี่” “ไม่เป็นไรครับ” “มาลงชื่อตรงนี้ครับ มากี่คนครับ” พนักงานบอกให้เด็กหนุ่มไปลงชื่อพร้อมกับถามว่ามากี่คน “มาคนเดียวครับ” “เออ...คนเดียวไม่น่าจะได้ครับ เพราะเป็นการถีบคู่ ถ้าไม่ชำนาญมันจะหมุนวนอาจทำให้เรือล่มได้ อีกอย่างเพื่อความปลอดภัยด้วย อยากให้ลงเป็นคู่นะครับ” “อ้าว...หรอครับ...ผมไม่มีเพื่อนมาด้วย เอาไงล่ะทีนี้” “งั้นคุณลงไปเป็นเพื่อได้มั้ยครับ” พนักงานหันมาถามผม “เออ…..” “นะครับพี่….แปบเดียว….กางเต้นเสร็จไม่รู้จะทำอะไร” “มากับกรุ๊บนี้หรอ” ผมชี้ไปทางกรุ๊บผม ซึ่ง ณ เวลานี้ บางคนยังกางเต้นไม่ได้เลย “ครับ….พี่ละครับ” ผมไม่ตอบ แต่กำลังนึกว่าเด็กคนนี้เป็นใคร จะว่าลูกเพื่อนก็ไม่น่าจะใช่เพราะโตเกินไป น่าจะเป็นน้องมากกว่า แต่จะเป็นน้องเพื่อนหรือน้องแฟนเพื่อนเท่านั้น “นะครับพี่…..” “ได้ครับ” ผมลงชื่อเสร็จก็รับเสื้อชูชีพมาใส่ พร้อมกับเดินลงไปที่ท่าน้ำที่มีเรือหงษ์จอดอยู่ เพื่อลงไปนั่งที่เรือหงษ์ และนี่เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตที่ลงมานั่งเรือถีบแบบนี้ เด็กหนุ่มดูกระดี้กระดาที่ได้เล่นเรือแบบนี้ “พี่ยังไม่ตอบผมเลยว่าพี่มากับกรุ๊บนี้หรือเปล่า” เด็กหนุ่มถามหลังจากที่เราสองคนถีบเรือออกมาได้สักระยะ “ครับ……” ผมขานรับแบบงง เพราะกำลังคิดอะไรเพลิน ๆ “พี่ชื่อไรครับ...ผมชื่อนัท” “พี่ชื่อต๊ะ เรียกพี่ต๊ะก็ได้” “พี่เพิ่งมาหรอ ตอนรวมกลุ่มกันผมไม่เป็นพี่” “ครับ……” ไม่รู้จะอธิบายยังไงก็ได้แต่ครับ คงเพราะตอนจัดแถวผมเอาฮูดคลุมหัว แถมยังใส่แว่นกันแดดด้วย “ผมโดนพี่สาวลากมาเป็นเพื่อน จริง ๆ แล้วผมว่าลากผมมาให้ช่วยดูแลหลานมากกว่า...เซ็งเลย อุตส่าตั้งใจว่าจะไปนอนดูดาวกับเพื่อน ๆ” “แล้วเพื่อน ๆ ไปนอนดูดาวที่ไหน” “พวกมันบอกจะไปเพชรบูรณ์” ผมนึกถึงรีสอร์ทเชิงเขาที่เพชรบูรณ์ที่ผมมีโอกาสไปพักเมื่อหลายปีก่อน “จริง ๆ แล้วถ้าพูดถึงบรรยากาศ ที่เขาใหญ่น่าเที่ยวกว่านะ” “จริงง่ะ...ทำไมละครับ” “จริง” “พี่เคยไปมาแล้วหรอถึงบอกว่าที่นี่ดีกว่า” “ครับ...เคยไปมาแล้ว ที่เพชรบูรณ์ก็จะเป็นภูเขาจริง ๆ ขึ้นไปกางเต้นแล้วก็นอน รอดูว่าเมื่อไหร่ฟ้าจะเปิดให้เห็นดาว พอเช้าก็พากันลง เพราะไม่มีกิจกรรมอะไรให้เล่น” สมัยที่ผมไปทำได้แค่นั้นจริง ๆ กางเต้นเพื่อรับลมหนาว “แค่นั้น” “อืม...มาที่นี่ยังมีเรือให้เราถีบเล่น หรืออยากจะลงไปว่ายน้ำก็ได้ และมีกิจกรรมให้เล่นเยอะแยะ ที่โน่นไม่มีอะไรให้เล่นแบบนี้” “ใครจะบ้าลงไปว่ายน้ำ...หนาวจะตาย” “555555555555” “แต่….มันไม่มีเพื่อนนะดิ” “งั้นแสดงว่าเราไม่ได้อยากดูดาวหรอก เราติดเพื่อนมากกว่า” “ก็ประมาณนั้นแหละพี่….ที่นี่มีแต่คนแก่กับเด็ก...สนุกตรงไหน” “อยู่ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็สนุกเอง….เดี๋ยวกลับไปเล่าให้เพื่อนฟังรับรองเพื่อน ๆ อิจฉาแน่นอน” “ว่าแต่พี่มาจากไหน” “พี่มาจากกรุงเทพ...แล้วเราละ” “ผมมาจากยุทยาพี่” ผมพยายามนึกว่าเพื่อนคนไหนอยู่ที่ยุทยาบ้าง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก “เรียนปีไหนแล้ว” “โหพี่..เพิ่ง มอ.6 เอง หน้าผมดูแก่ขนาดนั้นหรอ” “เปล่าหรอก...ดูจากทรงผม” สมัยนั้นมอปลายถึงให้ตัดรองทรงสูง แต่ก็ใกล้เคียงกับ มอ.ต้น จะมีไม่กี่คนที่ปล่อยรองทรงสูงได้จริง ๆ แต่เวลาสอบก็ต้องตัดสั้นเหมือนเดิม “อ้าว….แล้วมากับใคร...รุ่นพี่ไม่มีหน้าเด็กแบบนี้นะ” “จะบ้าหรอพี่….ดูไงว่าผมรุ่นเดียวกับพี่” “ฮึ ฮึ ฮึ” “ผมมากับพี่สาวและพี่เขย...พี่เขยผมคงจะรุ่นเดียวกับพี่แหละ” ผมว่าแล้วถึงไม่คุ้นเลยว่ามีเพื่อนที่เรียนด้วยกันคนไหนอยู่ที่ยุทยา “เออ….แล้วพี่เคยไปยุทยาปะ” “ก็ไปมา 2-3 ครั้ง” “ไปเที่ยวหรอครับ” “ไปประชุม กับไปอบรมสัมมนา” “ดีเนาะ….ได้ไปเที่ยว” “บอกตรงไหนว่าไปเที่ยว…” “ก็เมื่อกี้พี่บอกเคยไปไง” “พี่บอกว่าเคยไปประชุม หรือไปอบรมสัมนา...ไม่ได้บอกว่าไปเที่ยว” “แหม..พี่ไปถึงที่ขนาดนั้นก็มีแอบเที่ยวบ้างล่ะ” “เออ……..เที่ยวก็เที่ยว” “ก็แค่นั้นแหละ…..” พูดเสร็จนัทก็ปั่นเร็วขึ้น “เรือคว่ำลงมาแล้วพี่ไม่ช่วยนะ” “โหพี่….น้ำแค่นี้ ผมว่ายสบาย...ว่าแต่พี่เหอะ...ว่ายไหวปะ” พูดเสร็จก็หันมามองผมด้วยหางตา ผมคิดในใจว่ามึงวอนโดนซ๊ะแล้วไอ้เด็กคนนี้ เถียงกันเสร็จเราก็ต่างคนต่างเงียบ แต่ขาก็ยังปั่นไปเรื่อย ๆ จนมาอยู่กลางน้ำ แล้วก็ปล่อยให้มันลอยปกติ ผมค่อย ๆ หลับตาสูดอากาศเข้าปอด เพราะอากาศตอนนี้เย็น ๆ และสดชื่น ผิดกับกรุงเทพที่ผมอยู่ นอกจากไม่หนาวแล้วมันมีแต่มลพิษ สูดอากาศเข้าปอดทีแทบสำลัก “เริ่มหนาวแล้วพี่” ผมลืมตาขึ้นช้า ๆ หันไปมองน้องนัท น้องนัดใส่เสื้อยืดบาง ๆ แขนสั้น แล้วสวมทับด้วยเสื้อคลุมผ้าร่มบาง ๆ ผิดกับผมที่ใส่เสื้อยืดข้างในค่อนข้างหนา แถมมีเสื้อคลุมผ้าสำลีและยังมีฮูดอีก จากที่ปั่นมาก็เริ่มร้อนเหมือนกัน แต่ตอนนี้กำลังสบาย “หนาวหรอ” “ครับ” “กลับมั้ย….” “เพิ่งจะบ่ายสี่กว่า ๆ กลับไปก็ไม่มีอะไรกว่าจะกินข้าวก็ตั้ง หกโมงเย็นโน่น” “งั้นอีกสักครึ่งชั่วโมงดีมั้ย” “ดีครับ...แต่หนาวเนาะ” ผมถอดเสื้อคลุมแล้วยื่นให้น้องนัท โดยน้องนัดถอดเสื้อคลุมผ้าร่มออกแล้วใส่เสื้อผมอย่างรวดเร็ว น้องนัดยื่นเสื้อคลุมน้องนัดให้ผม ผมเอามาใส่ ตัวเล็กไปนิดแต่แค่ใส่คลุมก็พอได้ ถ้ารูดซิบสงสัยได้ปริกันบ้างล่ะงานนี้ “ขอบคุณครับ..อุ่นขึ้นเยอะเลยแบบนี้เล่นต่อถึงเย็นก็ได้นะ..แฮะ แฮะ แฮะ” “........................” ผมหันหน้าไปมองได้แต่ยิ้มโดยไม่พูดอะไร เราสองคนถีบเรือหงษ์วนเล่นไปอีก 2-3 รอบ มองขึ้นไปบนฝั่งยังคงได้ยินเสียงโหวกเหวกจากการกางเต้นดังมาเป็นระยะ มองไกล ๆ ออกไปมีคนถีบเรือหงษ์อยู่ประมาณ 2-3 ลำ ไม่รู้ว่าลงมาตอนไหน เราถีบเรือต่ออีกสักพัก อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ ก็ถีบกลับเข้าฝั่ง ผมดูนาฬิกาประมาณ 5 โมงกว่า ๆ เราขึ้นไปส่งเสื้อชูชีพคืน “พี่ต๊ะพักอยู่เต้นไหน” “อ๋อพี่พักฝั่งโน้น” ผมชี้เลยหัวไปเพราะผมพักห่างออกไปอีก “พี่มากับใคร” “มาคนเดียว”
* M" F% R, A( _8 z8 }( p
2 _ e' B5 e/ a8 [
+ R3 w' F Q" h! S# `4 _ |