ครั้งที่3 หลังจากที่หมู่บ้านไฟดับครั้งนั้นบอยกับน้าครามก็ห่างก้นไปเลยอาจเป็นเพราะเวลาไม่ตรงกัน และชีวิตของเด็กชายที่เริ่มโตขึ้น รู้จักสังคมกว้างขึ้นพอขึ้นป.2 ก็รู้จักการไปเล่นนอกบ้านกับเพื่อนวัยเดียวกันแล้ว อีกทั้งชีวิตของเด็กวัยนั้นไม่ได้หมกหมุ่นกับเรื่องเพศเพียงเรื่องเดียวอาจเป็นส่วนน้อยที่สุดในชีวิตด้วยซ้ำสำหรับบอย แต่ก็พอจะแจ่มชัดกับตัวเองแล้วว่าบอยชอบเพศเดียวกัน โดยเฉพาะกับชายหนุ่มที่มีวัยหรือพัฒนาการทางร่างกายเป็นผู้ใหญ่เต็มวัยอย่างน้าครามบอยจะรู้สึกอยากเป็นที่รักของผู้ชายที่โตกว่าเริ่มมีสเปคเป็นของบอยเองว่าผู้ชายแบบไหนคือคนหล่อ แบบไหนคือเฉยๆ ถ้าเป็นชายหนุ่มผิวคล้ำๆตัวโปร่งๆหน่อยบอยก็จะชอบเป็นพิเศษ อยากสัมผัส อยากดมกลิ่น อยากเห็นความเป็นชายอยากดูดอม ทำรักด้วยปากให้หนุ่มๆพวกนั้น เหมือนที่เคยทำให้น้าครามความต้องการเหล่านี้จะเกิดขึ้นเป็นพักๆ ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลาส่วนเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับน้าครามจะแจ่มชัดเป็นบางเรื่องดังที่เล่าไปตามช่วงเวลาข้างต้นที่ได้เล่าไปเท่าที่บอยจำได้ผ่านไปอีกเป็นปีที่บอยไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นกับน้าครามอีกเลย ไม่ใช่ไม่เจอกันเพียงแต่บอยดูออกว่าน้าครามพยายามทำตัวห่างเหินออกไปไม่ปล่อยให้เกิดโอกาสแบบนั้นอีก คงเป็นเพราะความรู้สึกผิดและละอายใจส่วยบอยก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรและปล่อยให้มันผ่านไปโดยหลอกตัวเองเหมือนกันว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นแต่ในใจยังโหยหาและจดจำรสชาติ กลิ่น และความรู้สึก“เต็มปาก”เวลาที่ได้ครอบครองลิปสติกหนังของน้าครามได้ และยิ่งโตขึ้น รู้เดียงสามากขึ้นความรู้สึกโหยหายิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับ เวลานั้นเด็กบอยอายุ 9 ขวบแล้วและแก่แดดมากกว่าใครในวัยเดียวกัน เมื่อมีสังคมในโรงเรียนประถมสังคมเล็กๆของเด็กชายยิ่งเปิดกว้างขึ้น บอยจำได้ว่าในห้องเรียนชั้นประถม3ของบอยมีเพื่อนคนนึงที่ดูโตกว่าใครเพื่อน เป็นเด็กโข่งที่เรียนซ้ำชั้นสองปีไม่ใช่เพราะสอบตก แต่เพราะต้องย้ายตามพ่อแม่ที่ทำงานไม่เป็นหลักเป็นแหล่งบ่อยครั้ง“ไอ้โจ้” เด็กชายวัย 11 ขวบ ตัวสูงกว่าใครในห้อง และเป็นหัวโจกของเพื่อนๆผู้ชาย ใครๆต่างเกรงใจและเกรงกลัวเมื่อเริ่มมีเด็กในห้องเรียนคนนึงเรียกมันว่า “พี่โจ้”เด็กทุกๆคนในห้องก็เรียกตามราวอุปทาน เพื่อนที่ห่ามห้าวก็จะเข้ากับมันได้ดีส่วนเพื่อนที่อ่อนแอ หรือกลางๆก็อาจจะตกเป็นเหยื่อการกลั่นแกล้ง ส่วนตัวบอยเองก็แค่หลีกเลี่ยงไม่ค่อยกล้าเข้าใกล้หรืออยากเสวนาอะไรด้วยนัก เพราะไม่ค่อยอยากหาเรื่องใส่ตัวรวมทั้งบอยชอบเล่นกับเพื่อนผู้หญิงมากกว่าโจ้มักใช้กำลังได้ดีกว่าใครๆในห้องเพราะตัวโตที่สุดแถมยังก้าวร้าวและห่ามตามประสาเด็กจากห้องแถวคนงานที่พ่อแม่ไม่มีเวลาใส่ใจมากนักและถูกหล่อหลอมให้เติบโตมาจากสังคมหลากหลายที่เคยผ่านมา บอยจำได้ว่าจะมีอยู่ช่วงนึงที่เพื่อนๆในห้องเรียนโดยเฉพาะผู้ชายจะรีบกินข้าวเที่ยงและมาล้อมวงฟังไอ้โจ้โม้อยู่หลังห้องไม่ออกไปวิ่งเล่นหรือเตะฟุตบอลเหมือนอย่างเคยบอยก็เคยไปร่วมวงกับเข้าครั้งนึงเพราะอยากรู้ว่าโจ้โม้อะไรเพื่อนๆผู้ชายในห้องถึงได้ตั้งใจฟังกันนักพอไปร่วมวงถึงได้รู้ว่าเป็นเรื่องลามกที่โจ้มีประสบการณ์จากการแอบดูคนในห้องแถวคนงานก่อสร้างที่โจ้พักอยู่เพิงสังกะสีเรียงแถวยาวติดกันเป็นตับแบบนั้นความห่ามและสอดรู้สอดเห็นเจาะห้องโน้นแอบดูห้องนี้ทำให้โจ้มีโอกาสได้พบเจอสิ่งแปลกๆประสบการณ์ใหม่ๆโดยเฉพาะเรื่องเพศมาเล่าให้เพื่อนๆในห้องฟังสร้างความตื่นเต้นให้กับเหล่าเพื่อนร่วมห้องวัยนั้นเป็นอย่างมาก จากที่ไปร่วมฟังกับเขาด้วยครั้งหนึ่งบอยก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันคืออะไร โจ้พูดถึงการสอดใส่ พูดถึงการน้ำแตกบอยก็ไม่เห็นภาพ จนโจ้เอาหนังสือปกขาวมากางเปิดให้ดูในห้องเรียนนั่นแหละบอยถึงเข้าใจ ภาพในหนังสือเป็นชายหญิงฝรั่งคู่หนึ่ง ร่วมเพศกันอย่างโจ่งครึ้มฝ่ายชายมีลิปสติกแท่งใหญ่ ขาว ปลายหัวแดงสดอย่างที่บอยไม่เคยเห็นมาก่อน มันสร้างคาวมตื่นเต้นเร้าใจแก่บอยเป็นอย่างมากโดยเฉพาะรูปนึงที่แสดงให้เห็นภาพผู้หญิงกำลังใช้ปากอมอวัยวะเพศฝ่ายชายและดูดอมอย่างน่าเอร็ดอร่อย ภาพนั้นเป็นเฟรมต่อๆกันสามสี่ภาพ จากดูดเลียจนถึงภาพสุดท้ายที่มีหยาดน้ำขาวข้นพุ่งจากปลายท่อนลิปสติกของผู้ชายพุ่งเข้าปากเข้าหน้าฝ่ายหญิงเลอะเทอะไปหมด บอยถึงได้เข้าใจว่าสิ่งที่น้าครามทำกับบอยมันก็มีคนอื่นๆในโลกเขาทำกันเป็นปกติและภาพในหนังสือเหล่านั้นเองที่ปลุกความกระหายอยากของบอยขึ้นมาอีกครั้งนึงจนน้ำลายสอ อยู่มาวันนึงโจ้เองก็มามุกใหม่ เที่ยงวันนั้นบอยเห็นเพื่อนเข้าคิวกันเป็นแถว ตรงหัวแถวมีโจ้นั่งอยู่บนเก้าอี้นักเรียนเห็นเพื่อนเวียนเข้าเวียนออกแล้วหัวเราะกันคิกคักพอถามเพื่อนที่รอปลายแถวก็ได้ความว่า “พี่โจ้เก็บตังค์คนละบาทถ้าใครอยากจับหำพี่โจ้ เพื่อนที่เคยจับแล้วบอกว่าเหมือนของผู้ใหญ่เลยทั้งแข็งแล้วก็มีขนด้วย” พอได้ยินดังนั้น บอยใจเต้นตึกตัก แทบกระเด็นออกมานอกอกรู้ตัวอีกทีก็กำเงินหนึ่งบาทเหงื่อเต็มมือ ไปต่อไปต่อคิวกับเค้าด้วยยิ่งใกล้ถึงคิวตัวเอง เด็กน้อยยิ่งใจระรัว หน้าร้อนผะผ่าว เหงื่อแตกด้วยความตื่นเต้นต่างจากเพื่อนคนอื่นๆที่เหมือนจะไปเสียเงินหนึ่งบาท เพื่อดูด้วยความอยากรู้และจับเล่นขำๆเมื่อถึงคิวบอยเท่านั้นแหละ พอโจ้รับเงินไป เสียงกร๊งออดเข้าเรียนก็ดังขึ้นเพื่อนๆแตกกรูกันออกจากแถวรีบไปนั่งโต๊ะเรียนของใครของมันโจ้คว้าหมับเอาเงินเหรียญบาทของบอยไปแล้วเรียบร้อยแล้วแต่ดูเหมือนบอยจะยังไม่ทันได้ดูจับต้องในสิ่งที่ตนเองต้องการ โจ้ก็รีบแต่งตัวจับเสื้อยัดใส่กางเกงจนเรียบร้อยบอยใจแป้ว นี่คงอดดูแล้ว แถมยังต้องเสียเงินให้ไอ้เพื่อนจอมเกเรไปตั้งบาทนึง โจ้มองหน้าเด็กชายที่ทำหน้าเจื่อนอยู่ก็บอกว่า“กูไม่โกงมึงหรอกอีตุ๊ด เดี๋ยวเลิกเรียนค่อยไปดูที่ห้องน้ำหลังอาคาร”พูดจบก็แยกไปนั่งที่ตัวเอง ตลอดบ่าย บอยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเรียนก็ไม่รู้เรื่อง ใจจดจ่ออยู่แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นตอนเย็นในใจก็จินตนาการถึงลิปสติกหนังของน้าครามอันเลือนลางในความทรงจำคาดหวังว่าของโจ้ก็น่าจะเหมือนๆกันกับของน้าคราม หรือที่เห็นในหนังสือ บอยใจร้อนรนเฝ้าแต่เร่งเวลาให้เลิกเรียนไวๆและแล้วเสียงออดเลิกเรียนก็ตังขึ้นระเบียบของโรงเรียนบอยในเวลานั้นคือจะต้องมีคนทำเวรกวาดถูห้องเรียน ทิ้งขยะเคาะแปรงลบกระดาน แล้ววันนั้น โจ้ก็เป็นเวรเสียด้วย เด็กชายบอย รีๆรอๆทำตัวลับๆล่อรอโจ้อยู่หน้าห้องเรียน ไม่ยอมแยกย้ายกลับบ้านเหมือนเพื่อนคนอื่นโจ้คงสงเกตเห็นเลยมาบอกให้บอยไปรอที่ห้องน้ำหลังอาคาร พอทำเวรเสร็จแล้วจะตามไปเด็กน้อยลิงโลด วิ่งไปรอพี่โจ้ในห้องน้ำด้วยใจระทึกห้องน้ำโรงเรียนประถมสมัยนั้นเป็นห้องน้ำที่สร้างด้วยไม้เรียงกันอยู่ 5 ห้อง ด้านหลังห้องน้ำจะจะมีโถปัสสาวะของเด็กชายเรียงกันอยู่ติดคลองน้ำตื้นมีต้นบอนขึ้นรกเต็มไปหมด บอยไม่เลือกตรงนั้น เพราะมันไม่มิดชิดกลับวกมารอภายในห้องน้ำแทนเพราะจะได้บังสายตาคนได้รู้สึกเวลาแต่ละนาทีผ่านไปช้ามาก ทั้งๆที่ไม่น่าจะเกิน 15 นาทีพี่โจ้ของเพื่อนๆก็เดินตามลงมาแล้ว “พี่โจ้ ทางนี้ๆ”เด็กชายบอยโผล่หน้ามากวักมือเรียกจากห้องน้ำห้องในสุดที่ใครๆก็รู้ว่าห้องน้ำห้องนั้นเป็นห้องที่น้ำไม่ไหล จึงไม่มีใครเลือกเข้าพี่โจ้เดินส่ายอาดๆเข้ามาหาอย่างเซ็งๆเหมือนด้านชาไม่ได้ตื่นเต้นยินดียินร้ายอะไรนัก ในสายตาบอยขณะนั้น โจ้ คือเด็กชายผู้ที่มีความก้ำกึ่งระหว่างเด็กกับวัยรุ่นตัวโตสูงกว่าทุกคนในชั้นเรียน คงเป็นเพราะเรียนช้ากว่าใครเพื่อน โจ้ตัวโตสูสีหรืออาจจะมากกว่าพี่ ป.หกทุกคนด้วยซ้ำ ทั้งๆที่เพิ่งเรียน ป.สาม หน้าตาดุเข้มฟันหน้าบิ่นไปซี่นึง ไม่รู้ไปโดนอะไรมา ขายาวๆกว่าเด็กวัยเดียวกันนั้น เริ่มมีขนอ่อนๆให้เห็นทั่วทั้งขาแล้วหรือที่เรียกกันว่าขนหน้าแข้งนั่นแหละ พอพี่โจ้เบียดตัวเข้ามาในห้องน้ำเจ้าบอยก็กุลีกุจอไปลงกลอนประตูให้เรียบร้อยก่อนจนโจ้แปลกใจ “ต้องล็อคเลยเหรอมึงจะกลัวอะไร” “กลัวใครมาเห็นน่ะ” บอยบอกลนลานติดนิสัยมาจากตอนสมัยที่น้าครามพาทำ คือต้องมิดชิดเข้าไว้ โจ้หัวเราะเหมือนเห็นว่าการกระทำของบอยไร้สาระเป็นเด็กๆและรู้สึกเหมือนตัวเองโตกว่าเด็ก ป.สามคนนี้เสียเต็มประดา พอบอยหันหลังกลับมาเผชิญหน้าโจ้เท่านั้นแหละถึงรู้ว่าตัวเองตัวเล็กมาก สูงเพียงแค่คางของโจ้เท่านั้นไม่แปลกหรอกหากโจ้จะคิดว่าบอยเป็นเพียงตุ๊ดเด็กใสๆอยากรู้อยากเห็นทั่วไป “เอ่า จะแกะดูเองหรือจะให้กูเอาออกมาให้ดู”โจ้บอก บอยใจเต้นตึกตัก ทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าต่อหน้าโจ้จ้องแขม็งไปยังเป้ากางเกงขาสั้นสีกากีโป่งนูน ใกล้เสียจนจมูกจะชนอยู่แล้ว “ อ่อ..แกะเองซินะ” โจ้พึมพำและออกจะแปลกใจเมื่อเห็นเด็กชายวัยอ่อนกว่าเริ่มเอามือลูบไล้แผ่วเบาผ่านหน้าเป้ากางเกงไปมาอย่างหลงไหลแต่ยังไม่ยอมรูดซิบกางเกงของมันลงเสียทีทีท่าของบอยช่างต่างจากเพื่อนๆคนอื่นในวัยเดียวนักโจ้ปล่อยให้บอยลูบไล้ขย้ำท่อนเนื้อน้อยๆผ่านกางเกงไปมาเบามือจนเกิดความรู้สึกแปลกๆ ท่อนเนื้อน้อยๆของโจ้สู้มือเด็กชายตัวเล็กขาวบางตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เล่นเอาโจ้หายใจติดขัด หวาบหวิวขึ้นในใจได้เหมือนกันนะบอยเนี่ย “โห...มึงเล่นเป็นด้วยเหรอเนี่ย”โจ้รำพึงอย่างแปลกใจ บัดนี้ลิปมันแท่งน้อยของมันแข็งต้านมือของบอย กลายเป็นฝักมะขามอวบภายใต้กางเกงนักเรียนแล้วบอยไม่ว่าอะไร แต่กลับใช้มือเล็กๆรูดซิบกางเกงขาสั้นสีน้ำตาลตรงหน้าลงดังแคว่กแล้วล้วงมือเข้าไปสัมผัสเป้ากางเกงในตัวน้อยสีหม่นตึงเปรี๊ยะตรงหน้าแล้วขย้ำไปมาอย่างมันมือ “เอาออกมาสิ ดูๆจะได้เสร็จๆไป” โจ้เร่งจากด้านบนรู้สึกแปลกๆแล้วในตอนนั้น เด็กชายบอยใจเต้นแรงขึ้นๆแม้ว่าการประเมินจากสายตานอกกางเกงในก็รู้ว่าโจ้ไม่มีทางเทียบได้กับน้าครามแต่ก็สร้างความตื่นเต้นให้บอยมากพอดูเพราะนี่จะเป็นครั้งแรกที่บอยได้เห็นของคนอื่นนอกจากน้าคราม และของตัวเอง เด็กชายค่อยๆรั้งขอบกางเกงในสีหม่นของโจ้ลงแล้วเจ้าฝักมะขามน้อยก็ดีดผึงออกมาตรงหน้า จะเรียกว่าโตเต็มวัยก็ไม่ใช่แต่ก็ไม่เหมือนของบอยซะทีเดียวถึงจะมีขนาดย่อมกว่าของน้าครามมากแต่หัวก็เปิดบานถอกแล้ว และเต็มกำมือของบอยดี แถมยังมีขนเส้นสั้นๆตรงโคนแล้วยังแข็งปั๋งดีเสียด้วย ติหน่อยก็แค่กลิ่นฉี่ที่แรงไปหน่อยเด็กชายถอกเข้าออกเล่นสนุกมือ แม้ความตื่นเต้นจะลดลงอย่างมากก็ตาม “พอยังมึง คนอื่นเคาจับเสร็จเขาก็พอแล้วนะ”โจ้เริ่มเร่งเวลา แต่เด็กชายบอยเหมือนจะไม่สนใจ แล้วจู่ๆ ไม่รู้ว่าคิดอะไรเด็กชายก็อ้าปากงับหัวเจ้าฝักมะขามอวบของเด็กชายโจ้เข้าปากแล้วดูดจ๊วบบบ โจ้สดุ้งโหยงหน้าเหวอ ทำอะไรไม่ถูก “อีกะเทย!!! มึงทำอะไร” โจ้สบถด้วยความตกใจ แต่เด็กบอยก็ไม่ได้จะหยุดยังคงใช้ปากดูดเจ้าท่อนมะขามน้อยเข้า-ออก ด้วยความสาแก่ปาก “โอ้ย จ๊กจี้!!!” โจ้ร้อง ถดก้นหนีพันวัน ขนลุกเกลียวทั้งตัวความรู้สึกสับสนปนเปไปหมด ทั้งเสียว ทั้งจี๊กจี้ ทั้งตกใจกลัวแต่ดูเหมือนเจ้าเด็กบอยจะไม่ยอมหยุดการกระทำของตัวเองลง เจ้าโจ้ที่หนีไม่ได้เพราะหลังติดผนังห้องน้ำแล้วเสียวจนตัวงอเกร็งกระตุกไปมา ร้อง ปล่อยๆ อีกะเทยปล่อยอยู่อย่างงั้นด้วยความตกใจ ร่วมนาทีที่บอยล็อคตัวโจ้แล้วใช้ปากดูดเจ้ามะขามฝักน้อยเล่นนั้นเจ้าโจ้ก็ทำท่าจะไม่ไหวจากเสียงร้องปล่อยๆ กลายเป็นเสียงสะอื้นก่อนจะปล่อยโฮร้องไห้เป็นเด็กเล็กๆ บอยตกใจมากยอมคายเจ้ามะขามน้อยออกจากปากซึ่งตอนนี้หดจู๋เหลือนิดเดียวเท่าหนอนปลาแดกแล้ว บอยหันไปปลอบโยนโจ้ซึ่งตอนนั้นนั่งทรุดตัวลงบนพื้นห้องน้ำหน้าเหยเกน้ำหูน้ำตาไหลพรากน่าเวทนา บอยปลอบสักเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหยุดร้อง ทำเอาบอยตกใจจนหน้าเสียซักพักใหญ่เสียงสะอื้นก็คลายลง “พี่โจ้อย่าบอกใครนะ บอยก็จะไม่บอกใคร” บอยละล่ำละลักบอก “มึงอีกะเทย กุต้องติดเอดส์จากมึงแน่ๆ”โจ้โตแต่ตัวซะเปล่า ที่ผ่านมาแอคท่าเสียใหญ่โตนึกว่าจะเป็นผู้ใหญ่กว่านี้แต่ความรู้ความเข้าใจยังเหมือนเด็กไม่รู้เดียงสาอยู่เลยบอยตัดสินใจยัดเงินอีกบาทหนึ่งใส่มือโจ้ แล้วทิ้งเด็กโข่งไว้อย่างงั้น โจ้ซึมไปมากหลังจากวันนั้นแต่ไม่นานก็กลับมาร่าเริงได้ตามปกติ แต่ก็ไม่ยอมพูดและไม่ยอมเข้าใกล้บอยอีกเลย เหตุการณ์ระหว่างบอยกับโจ้กลายเป็นสิ่งกระตุ้นให้ความอยากของเด็กชายกลับมาอีกครั้งและดูเหมือนจะมากกว่าเดิมช่วงนั้นบอยเอาแต่หมกมุ่นว่าจะทำยังไงถึงจะมีโอกาสได้เข้าใกล้น้าครามแล้วได้ทำอะไรๆกับน้าครามเหมือนที่เคยทำเพราะนี่ก็ห่างหายกันไปเป็นปีแล้ว เจอกันก็ทักทายกันธรรมดาเด็กบอยโตเกินกว่าจะเป็นเด็กชายติดน้าเขยเหมือนวันเก่าๆ บอยครุ่นคิดแผนอยู่หลายวันว่าจะทำยังไงใจก็เร่าร้อนคิดถึงแต่ลิปสติกหนังของน้าครามซึ่งตอนนี้บอยก็รู้แล้วว่ามันไม่ใช่ลิปสติก แต่จะทำยังไงถึงจะได้ดูดอมมันอีกสักครั้งให้สาแก่ใจ พักหลังบอยจึงไปปรากฏตัวที่บ้านน้าดาวบ่อยๆเพื่อแสดงตัวให้น้าครามเห็นเผื่อจะโชคดีโดนเรียกใช้ โดยอ้างว่าไปเล่นกับน้องน้อย ซึ่งมันก็ไม่แปลกอะไรนักเพราะบอยเข้านอกออกในบ้านน้าดาวเป็นปกติอยู่แล้ว ด้วยความเป็นน้าหลานเพียงแต่ตอนหลังอ้อยอิ่งทิ้งเวลานานเป็นพิเศษหรือบางทีก็จะหาโอกาสอยู่ใกล้น้าครามมากขึ้นเหมือนตอนเป็นเด็กน้อยแต่ดูเหมือนน้าครามจะไม่เอะใจอะไร แถมยังไม่แสดงสัญญาณอะไรที่ส่อไปในทางนั้นให้บอยได้ชื่นใจเลยสักนิดจนบอยชักอ่อนใจ จนกระทั่งครั้งเดียวที่เหมือนบอยจะเข้าใกล้ความฝันที่สุด วันนั้นบอยแกล้งไปเล่นกับน้องน้อยเหมือนเคย ซักพักก็เห็นน้าครามก็กลับบ้านแล้วผลัดผ้ามานอนหน้าทีวีส่วนน้าดาวกำลังทำกับข้าวในครัว ครัวดูเหมือนจะเป็นที่ประจำของน้าดาวไปซะแล้วส่วนยายที่ย้ายเข้ามาเพื่อช่วยน้าดาวเลี้ยงน้องน้อยก็ง่วนอยู่ในครัวช่วยน้าดาวปล่อยให้บอยดูน้องน้อยอยู่หน้าทีวีเพียงลำพัง สักพักน้าครามที่นอนเหยียดยาวอยู่ก็ดูเหมือนจะหลับตานิ่งไป เสียงกรนเบาๆดังขึ้น บอยสองจิตสองใจชั่งใจอยู่นานเหลียวซ้ายแลขวาให้แน่ใจว่าปลอดสายตาคนแน่ๆแล้วจึงค่อยๆเอื้อมมือสั่นเทาไปวางแนบลงตรงหว่างขาของน้าครามใจก็เต้นตูมตามด้วยความตื่นเต้น ใจนึงแค่อยากจับพอให้หายอยากแต่อีกใจนึงก็อยากให้น้าครามรู้ตัวจะได้รู้ว่าบอยยังจำได้ว่าครั้งนึงเคยได้เล่นสนุกกับเจ้าลิปสติกหนังของน้าครามบ่อยๆและนี่คือการส่งสัญญาณว่าบอยต้องการมันอีก เด็กชายค่อยๆใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งบีบไล่ไปตามลำกล้องนอกผ้าขาวม้าอย่างตื่นเต้นหน้าท้องแบนราบของน้าครามยังคงสะท้อนขึ้นลงเป็นจังหวะตามลมหายใจสม่ำเสมอจากสองนิ้ว เป็นสามนิ้ว สี่นิ้ว และเต็มกำ เด็กชายค่อยๆเพิ่มแรงบีบเค้นทีละน้อยๆอย่างได้ใจที่สุดแล้วเจ้าลิปสติกหนังท้วมๆก็เริ่มแกร่งขึ้น แข็งขึ้นสู้มือเด็กชายขึ้นมาบอยกลืนน้ำลายลงคอเอื้อกใหญ่ ใจอยากจะอ้าปากงับเข้าไปแล้วดูดดื่มให้หนำใจซักครั้งแต่ก็ไม่กล้าทำอะไรกระโตกกระตาก ในสมองคิดอยู่เป็นล้านอย่าง ถ้าน้าครามโวยวายล่ะไม่หรอกอย่างมากก็คงดุ หรืออาจจะไม่พูดอะไรเลย เพราะน้าครามก็มีชะนักเรื่องบอยติดหลังอยู่ในหัวบอยขณะนั้นคิดสับสนอยู่หลายล้านสิ่ง รวมถึงความคิดนึงที่ว่า ลองชิมเถอะมาถึงขั้นนี้แล้ว แว๊บขึ้นมาขึ้นในใจ ก่อนจะเหลียวซ้ายและขวาดูลาดเลาความปลอดภัยเสียงของยายกับน้าดาวยังคงคุยกันเรื่องปรุงอาหารอยู่ในครัว เสียงละครเย็นป่าสนธยาทางช่อง7ยังคงดังผ่านทีวีออกมาน้าครามก็ยังคงหลับตานิ่งอยู่ถึงแม้เสียงกรนจะหายไปแล้วบอยค่อยๆแหวกผ้าขาวม้าของน้าครามออกอย่างเบามือเผยให้เห็นเป้ากางเกงในสีเลือดหมูตุงคับเป็นดุ้นเด็กชายใจไม่กล้าพอที่จะงัดท่อนเนื้อแข็งนั้นออกมาจากกางเกงชั้นในจึงทำได้แต่ค่อยๆก้มลงจรดปลายจมูกลงสูดดมกลิ่นสาปชายของน้าเขยอย่างหลงไหลไปฟอดใหญ่ พอเงยหน้าขึ้นพ้นท่อนเนื้อเท่านั้นแหละก็เห็นน้าครามลืมตาตื่นขึ้นมาแล้ว สายตาที่ทอดมองบอยนั้นช่างว่างเปล่าไม่มีแม้คำพูดหรือการขัดขืนใดๆจากน้าคราม เด็กชายตกใจจนผงะลุกขึ้นยืนทันที แล้วผลุนผลันออกจากบ้านน้าดาวไปโดยไม่ทันร่ำลาใครซักคำ......... . บอยวิ่งกระหืดกระหอบถึงบ้านตัวเองในสามนาทีใจเต้นโครมคราม เริ่มตระหนักถึงสิ่งที่จะตามมาและรู้สึกโกรธตัวเองที่ไม่รู้จักห้ามใจหลังจากวันนั้นบอยหลบหน้าหลบตาไปจากบ้านน้าดาวเป็นอาทิตย์ รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้าครามจะโวยวายไหม จะมีใครตามมาเอาเรื่องบอยหรือเปล่า แต่ทุกอย่างก็เงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงแม้ความหวาดวิตกจะครอบงำจิตใจบอยอยู่แต่บอยก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปจนวันหนึ่ง หลังจากนั้นราวครึ่งเดือนได้แม่ใช้ให้บอยไปสับหน่อไม้ที่นาโคกใกล้ๆกับที่ปลูกหญ้าวัวของน้าครามทางเดินผ่านต้องผ่านบ้านน้าดาวบอยใจเสียคิดหาทางเดินลัดเลาะทางไหนถึงจะไม่ต้องผ่านบ้านน้าดาว ด้วยความละอายในใจของตัวเองทั้งกลัวว่าอาจจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ น้าดาวอาจรู้เรื่องแล้วน้าครามอาจจะเล่าให้ฟัง น้าดาวคงโกรธบอยมาก ในใจกังวลต่างๆนานา จนแล้วจนรอด ก็ต้องใช้ทางผ่านบ้านน้าดาวอยู่ดี วันนั้นเป็นวันเสาร์บอยรอจนแดดคล้อยแล้วจึงถือเสียมออกเดินไป พอผ่านบ้านน้าดาวมองเห็นทุกคนนั่งอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน “ถือเสียมไปไหนบอย” น้าดาวที่กำลังอุ้มน้องน้อยทักขึ้นบอยใจสั่นระรัว ก่อนจะทำใจดีสู้เสือบอกไปว่าแม่ให้ไปเอาหน่อไม้นาโคกน้าดาวเลยหัวเราะเสียงใสเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วบอกกลับว่าเห็นแม่บอกอยู่ว่าจะมาทำกินที่บ้านน้าดาว ไปสิ น้าครามเกี่ยวหญ้าวัวอยู่โน่นขากลับค่อยติดรถมาก็ได้ บอยได้ฟังก็ใจชื้นขึ้นดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกติ น้าครามไม่ได้ปูดอะไรออกไป แต่ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือบอยจะสู้หน้าน้าครามยังไงดีต่างหาก ถึงแม้จะแอบดีใจนิดๆที่จะได้อยู่ตามลำพังกับน้าครามอีกรอบก็ตาม เวลาเพียงไม่นานนักบอยก็มาถึงนาโคกที่หมายกอไผ่อยู่ห่างไปอีกทางหนึ่งพอจะเดินเลี่ยงน้าครามที่กำลังก้มๆเงยๆขนหญ้าขึ้นรถเข็นอยู่ให้เห็นลิบๆดูเหมือนน้าครามจะมองไม่เห็นเด็กชายที่เดินถือเสียมเดินลิ่วๆมานั้นและบอยเองก็เจตนาจะเดินเลี่ยงน้าครามไปทางอื่นเช่นกันเนื่องจากละอายใจกับการกระทำของตัวเองที่ผ่านมาล่าสุด เด็กชายตั้งหน้าตั้งตาขุดหน่อไม้ตามดงไผ่ห่างๆแถบชายป่าชุมชนพยายามทำใจด้วยความเสียดายว่าเหตุการณ์ระหว่างตนกับน้าครามคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้วตลอดชีวิต กำลังก้มหน้าก้มตาขุดเพลินๆพลันก็เกิดเสียงกิ่งไผ่กอหนึ่งสั่นระรัวขึ้นไม่ไกลนักมันเป็นการสั่นระรัวอย่างจงใจ พอบอยเอี้ยวตัวไปดู มันก็หยุด เป็นแบบนี้อยู่สองสามรอบเด็กชายเริ่มขนหัวลุก นึกถึงเรื่องผีที่คนในหมู่บ้านเล่าต่อๆกันมาหน่อไม้ก็ได้พอประมาณสำหรับทำกินแล้ว เห็นทีจะต้องเปิดหนีก่อน แต่แล้วจู่ๆกิ่งไผ่มันก็มาสั่นอยู่ที่ข้างๆตัวของบอย สั่นอยู่เสียใกล้จนบอยตกใจผงะล้มลงก้นจ้ำเบ้า ร้องกรี๊ดเสียงหลง พลันก็เห็นหน้าดำๆเขี้ยวขาวๆของน้าครามโผล่ออกมายิ้มทำหน้าทะเล้นใส่บอยใจหายแว่บ ก่อนจะคลายความตกใจลงแล้วแหวใส่ “นึกว่าผี น้าครามอะ ชอบแกล้ง”ได้ยินเสียงต่อว่าน้าครามก็หัวเราะชอบใจ “ได้หน่อไม้พอยัง กลับกับน้าไหม?” น้าครามบอกยืนเท้าเอวค้ำหัวเด็กชายอยู่ บอยใจชื้นขึ้นอีกนิด ทำไมน้าครามไม่ติดใจอะไรที่บอยได้กระทำการต่อเขาวันนั้นนะ “กลับด้วยก็ได้ ตั้งเกือบ3กิโลแหน่ะ”บอกน้าครามพลางลุกขึ้นยืนโดยมีน้าครามช่วยฉุดพอเด็กชายลุกขึ้นได้ก็โดนน้าครามรวบเอวเข้าประตัวสูงๆนั้น กลิ่นสาปหนุ่มผสมกลิ่นแป้งเย็นลอยเข้าจมูกบอยสร้างความรัญจวญให้เด็กชายอีกรอบ น้าครามเหล่ตาใส่บอยแล้วทำหน้าทะเล้นยิ้มมุมปากเป็นเชิงใส่บอยค้างสักห้าหกวินาที สองคนไม่ได้สื่อสารอะไรกันเลยนอกจากจ้องตากันนิ่งๆอยู่แบบนั้นน้าครามหลุบตาลงต่ำพยักเพยิดเป็นเชิงให้บอยมองตามสายตาที่น้าครามส่งสัญญาณให้เด็กชายมองตามก็พบเข้ากับเป้ากางเกงทหารตุงๆที่น้าครามใช้มือข้างหนึ่งบีบเค้นให้เด่นเป็นลำโชว์ให้เด็กชายเห็นอย่างจงใจ บอยมองสบตาน้าครามสลับกับมองดูเป้ากางเกงขึงเครียดในกำมือน้าครามไปมาพึ่งลุกขึ้นยืนแท้ๆแต่ก็ต้องทรุดตัวลงนั่งคุกเข่าลงไปใหม่ตอนนี้ใบหน้าของบอยอยู่ห่างจากเป้ากางเกงนูนๆนั้นไม่ถึงฝ่ามือ รู้สึกลมหายใจติดๆขัดๆน้าครามเองก็หายใจฟืดฟาดไม่แพ้กัน ทั้งคอยก้มมองดูการกระทำของหลานชายและคอยเหลียวซ้ายแลขวาเฝ้าระวังคนไปด้วย ในที่สุดฝันก็เป็นจริงอีกรอบเด็กชายไม่รอช้าบีบกำเค้นครึงเจ้าลิปสติกหนังภายนอกกางเกงไปมาอย่างสมใจแล้วรีบรูดซิปกางเกงของน้าครามลงลนลานซุกจมูกลงคลึงเคล้ากับเป้ากางเกงในอยากกระหายกลิ่น สูดดมสาปหนุ่มเข้าเต็มรัก แต่พอจะควักเข้าปากน้าครามก็ถดก้นถอยห้ามเสียก่อน “ใจเย็น ไปเพิงดีกว่าไหม” เด็กชายผงกหัวรับคำอย่างว่าง่ายน้าครามรีบจูงมือบอยเดินกึ่งวิ่งพาเข้าเพิงอย่างรีบร้อน พอถึงในเพิงที่สูงไม่พ้นหัวทำให้น้าครามต้องลดตัวลงนั่งแต่ยังไม่ทันได้นั่งดีเลยเด็กบอยก็ควักกำเจ้าลิปสติกวุ่นวายเสียแล้ว “เบาบอยเบา ใจเย็น มันไม่หนีไปไหนหรอก”น้าครามต้องกระซิบบอก แต่เด็กชายไม่ฟังอะไรเลย พองัดท่อนลำหัวยังไม่เปิดนั้นได้ยังไม่พ้นขอบกางเกงในดีปากเล็กๆก็ฮุบเข้าปลายหัวดูดจ๊วบฉกลิ้นซอกซอนเข้าปลายใส่ปลายหนังหารูน้ำนมโดยเร็วจนน้าครามตั้งตัวแทบไม่ทัน “อยากคักปานนั้นติ” น้าครามเปรยแต่ก็ไม่ช่วยอะไร เพราะความอยากของเด็กชายมันมาถึงขีดสุดแล้วน้ำลายสอเต็มปากไปหมดดูดกินอ้าอมอย่างสมใจ ปากก็ดูดจ๊วบๆมือน้อยๆก็พยายามร่นหนังหุ้มปลายลงเบาๆ จนหัวลิปสติกเข้าไปเบิ่งบานในปากบอยเต็มคำ จ๊วบบบบบ!!!! “อูย.....!!!” น้าครามสะดุ้งโหยงเพียงสัมผัสแรกจากริมฝีปากปะทะเข้ากับหัวหยักที่ถูกดูดเข้าไปทั้งหัว “บอย เบาๆน้าใจจะขาด”ต้องคอยปรามเด็กชายไม่ให้ตะกละเกินไปเดี๋ยวหัวใจจะวายเอาง่ายๆ แต่บอยดูเหมือนจะหูอื้อแล้วดูดดื่มหัวเปลือยอย่างสาใจพลางส่งเสียงครางอืออาในลำคอออกมาอย่างไม่รู้ตัวสร้างความเสียวซ่านและประหลาดใจให้แก่น้าครามอย่างยิ่ง ห่างหายไปตั้งแต่บ้านไฟดับครานั้นร่วมปีเศษเด็กชายเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ ที่สำคัญฝีปากพัฒนาไปไกลจนน้าครามรับมือแทบไม่ไหวนี่เขาได้สร้างตัวอะไรขึ้นมา “โอ้ยยย บอยยย ทำไมดูดเก่ง?”น้าครามรำพึงเหมือนคนไข้หนัก เมื่อเด็กชายไม่ยอมผ่อนฝีปากลงเลยแม้แต่น้อยกลับดูดกินหัวเปลือยอย่างตะกละตะกลามจนน้าครามเสียววูบวาบร้อนปลายเท้าแผ่ซ่านขึ้นมาถึงท้องน้อยจนควบคุมร่างกายไม่ให้กระตุกไม่ไหวต้องคอยดันงัดหัวของเด็กชายให้ถอยห่างจากกึ่งกลางลำตัว “พอก่อนๆ” น้าครามหอบเสียงกระเส่า หน้าตาแหยเก “ค่อยๆดูดบอย น้ายอมแล้วแต่ค่อยๆดูดมันเสียวใจจะขาดแล้ว” น้าครามบอกเสียงเกือบเขียวทำเอาเด็กชายอายม้วนยิ้มแหยๆ ก่อนจะค่อยๆใช้ปากงับหัวหยักเข้าไปใหม่แล้วดูดกินเบาปาก “อันนี้ก็เบาไป แรงอีกนิด...เออ แบบนั้นแหละ ลงลึกอีกนิดสิ เออออ ดี...ดี...”น้าครามคอยกำกับจากเบื้องบน แหงนหน้าคอเกร็งจนเอ็นขึ้นมือหนึ่งคอยเกาแก้มให้กำลังใจเด็กบอยอย่างอ่อนโยนอีกมือทิ้งลงข้างตัวข้างตัว พิงเสาเพิงกางขากว้างโดยมีเด็กชายนั่งคุดคู้ดูดอมอยู่ตรงกลาง “ อูยยยยยยยย ซี๊ดดดด!!! ดูดเก่งจังงไอ่หนู อร่อยไหม?”น้าครามถาม เด็กชายผงกหัวหงึกๆ ส่งเสียงอืออาในลำคออย่างพึงใจ แต่ปากก็คอยทำงานดูดดื่มเล็มเลียท่อนลำเข้าไปตั้งค่อนอย่างคนหิวกระหายเด็กชายห่างหายการได้กินลิปสติกหนังมาเป็นปี จนน่าจะลืมวิธีกินไปหมดแล้ว ถ้าไม่นับตอนที่ไปทำกับเด็กโจ้เข้าแต่ก็ต้องสร้างความประหลาดใจและตื่นเต้นให้กับน้าครามเป็นอย่างมากด้วยความที่เด็กชายดูดกริบ ดูดได้เก็บรายละเอียดไม่มีแม้แต่น้ำลายส่วนเกินเพียงหยดเพราะมันกลืนหายลงคอของเด็กชายพร้อมกับน้ำหล่อลื่นที่ไหลออกมาจากปลายรูท่อนลำของน้าครามเป็นระยะแถมเด็กน้อยวัยแค่ 9 ขวบกลับดูหลงใหลเจ้าลิปสติกหนังของน้าครามเป็นอย่างมาก ดูจากอาการหลับตาพริ้มและส่งเสียงในลำคอแสดงความพึงพอใจขณะที่สูบกินน้ำจากท่อนเนื้อไปด้วยมันสร้างความเสียวความตื่นเต้นและความน่าประหลาดใจให้น้าครามอย่างเพิ่มทวีคูณ ไม่นานเด็กชายก็เริ่มลืมคำบอกของน้าครามไปเสียแล้วลืมตัวดูดกินท่อนเนื้อหัวเปลือยอย่างแรงไม่ปราณี เพราะความถูกปากและความอยากที่สะสมมานาน ซึ่งก็ทำให้น้าครามที่อารมณืกำลังครุกรุ่นประทุโหมกระพือขึ้นความอ่อนโอนจากลิ้นสากในคราวแรก พอผ่านเวลามาระยะหนึ่งก็ทำให้น้าครามเริ่มคุ้นแรงน้ำหนักแห่งความเสียวอุณหภูมิอุ่นร้อนหยาบลื่นหนับจากโปรงปากเล็กๆ กำลังจะทำให้ลาวาของน้าครามประทุแล้ว “โอ้ยยย บอยยย น้าจะ..น้า..” เสียงครวญนั้นติดขัดระคนสะอื้นปรีเปรมแต่เจือไปด้วยความสุขสม น้าครามตัวเกร็งแอ่นขึ้นทุกทีๆ ลมหายใจหอบระทวยติดขัดกว่าเดิมโดยที่บอยไม่รู้เลยว่ากำลังจะต้องเผชิญกับอะไรตรงหน้า ท่อนเนื้อในอุ้งปากของเด็กชายกำลังเป่งยุบพองๆสู้กับปากและลิ้นอย่างหนักยิ่งมันเป่งพองใส่บอย บอยยิ่งดูดตอดมันแรงขึ้นอย่างสนุกลืมตัว ไม่นานนักจากที่เด็กชายเย่อดูดกับหัวหยักนั้นไอ่ท่อนเนื้อแข็งทื่อก็เป่งกระตุกหงึกๆใส่ปากน้าครามเกร็งตัวแอ่นสะโพกขึ้นสวนใส่ปากเด็กชาย “บอยยย ..โอยยย บอยยย ออก..ออกแล้วว ออกแล้ว!” สิ้นเสียงละล่ำละลักน้ำคาวข้นคลั่กก็กระฉูดเข้าปากเด็กชายระรัว น้าครามลืมตัวกดหัวเด็กชายอัดใส่หัวหน่าวจนเกือบมิดดีที่บอยใช้สองมือกำท่อนลำนั้นไว้แต่ต้น มันเลยได้หายใจหายคอไม่สำลักเสียก่อนเด็กชายตั้งตัวไม่ติดดูดกลืนน้ำคาวข้นลงคอเข้าไปโดยทำอะไรไม่ได้เลย เป็นน้ำแรกของบอยที่ได้กลืนลงคอและเป็นน้ำสุดท้ายของน้าครามที่สละให้เด็กบอยได้ดูดกิน บอยตาเหลือก ดูดกินน้ำรักของน้าครามแบบเลยตามเลยสิ้นสุดลูกสุดท้ายที่กระฉูด น้าครามก็ทิ้งมืออีกข้างลงข้างตัวเหมือนลูกไม้สุกหล่นจากต้น บอยถอนปากจากท่อนลำทันที แต่ไม่ยักกะอ้วกแม้จะผะอืดผะอมอยู่บ้าง คงจะเพราะอารมณ์ความปรารถนาอย่างท่วมท้นที่สะสมมานานเป็นเดือนๆ ปลายรูน้ำบนหัวมู่ทู่ยังมีเศษหยาดน้ำข้นทะเล็ดขึ้นมาอีกหนึ่งหยดอ๋อ น้ำแบบนี้เองที่บอยเห็นในหนังสือโป๊ แต่ส่วนใหญ่ลงคงบอยไปหมดแล้วน้าครามยังคงหอบเหนื่อยราวกับคนออกกำลังกายมาอย่างหนักเด็กชายเหลือบไปมองหน้าน้าเขยแล้วยิ้มให้เหมือนคนได้รับชัยชนะส่วนน้าครามก็ส่งยิ้มระโหยกลับมา เวลาไม่เกิน 15 นาทีที่ผ่านไปเด็กน้อยรู้สึกยังไม่หนำใจเท่าไหร่ ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปดูดดื่มท่อนความเป็นชายของน้าครามที่ยังคงแข็งบานอยู่อย่างหลงไหล “มักคักบ่? โคยนั่น” น้าครามถาม แต่เด็กบอยไม่สนใจดูดอมอย่างอร่อยให้สมอยาก น้าครามเลยปล่อยให้เด็กชายได้สมใจสักครู่ จบจากเพิงสังกะสี เวลาผ่านไปไม่เกินสามสิบนาทีน้าครามก็พาเด็กชายซ้อนรถกลับบ้าน ระหว่างทางยังคอยกำชับให้เด็กชายระวังการกระทำอย่าทำประเจิดประเจ้อกับน้าครามในบ้านอีก แถมยังกำชับให้ห้ามบอกคนอื่นโดยเด็ดขาดถ้าอยากได้แบบนี้อีกให้คอยมาดักอยู่แถวนี้เอา ไม่ให้แสดงออกแต่บอยก็ไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้กับน้าครามอีกเลยนับแต่นั้น.........
|