อาร์ทลงมาจากรถ ส่งยิ้มมาให้ ''สวัสดีคุณ'' ''คุณมาทำอะไรอะ'' ''ก็บังเอิญขับผ่านมาแถวนี้แล้วคิดถึงคุณ เลยแวะมาหา'' อาร์ทมองการแต่งตัวของพสุตั้งแต่หัวจรดเท้า ''คุณกำลังจะออกไปทำงานหรอ'' ''อืม ใช่'' ''ไม่ไปได้มั้ย อยู่กับผมก่อน'' ''วันนี้ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้ผมต้องจ่ายค่าห้องแล้ว'' ''เท่าไหร่'' ''หืม'' ''ค่าห้องคุณเท่าไหร่ เดี๋ยวผมจัดการให้ แต่วันนี้คุณไม่ไปทำงานได้มั้ย'' พสุขำ รู้สึกขอบคุณความหวังดีของอาร์ท ''ไม่เอาล่ะคุณ ผมเกรงใจ'' ''แล้วต้องทำยังไงคุณถึงจะอยู่กับผม'' พสุมองหน้าอาร์ทแล้วถอนหายใจ ''ขอไวน์สักขวดละกัน'' หลังจากที่ทั้งตู่ขับรถไปซื้อไวน์ก็กลับมาบนห้องของพสุ ''คุณแน่ใจนะว่าจะจอดรถไว้ข้างหน้าแบบนั้น ในซอยโจรเยอะมากนะ'' ''ไม่เป็นไรหรอก ผมสั่งให้มันขับตัวเองกลับไปที่บ้านแล้ว'' อาร์ทนั่งลงที่ขอบเตียง พสุเดินไปหยิบแก้วลงมาล้าง มานั่งข้างๆอาร์ท เปิดขวดแล้วเทไวน์ส่งให้ ''ขอบคุณครับ'' อาร์ทรับมา พสุเทให้ตัวเอง ทั้งคู่ชนแก้วกัน พสุยกไวน์ขึ้นจิบ ''วันนี้คุณไม่มีงานหรอ'' พสุถาม อาร์ทส่ายหัว ''ไม่มีหรอก ผมกำลังจะกลับบ้านจากไปข้างนอกมา'' ''ผมอาจจะอยู๋ได้ไม่นานนะ เดี๋ยวมันจะดึกเกินไป ผมต้องรีบออก'' อาร์ทควักกระดาษออกมาจากกระเป๋าเสื้อสูทด้านใน หยิบปากกาขึ้นมาเขียนอะไรสักอย่างแล้วฉีกกระดาษใบนั้นส่งให้พสุ ''มันน่าจะพอค่าห้องคุณไปได้สัก5-6เดือนนะ วันนี้ไม่ต้องทำงานหรอก'' พสุมองตัวเลข6หลักที่อยู่บนเช็คใบนั้น ''คุณ แต่มันเยอะเกินไป'' ''ถือซะว่าเป็นทิป'' ''ทิปบ้าอะไรของคุณเป็นแสนเล่า'' ปกติทุกอย่างที่ได้เงินพสุจะรับหมด แต่กับอาร์ทไม่รู้ทำไมพสุถึงได้เกรงใจ ''รับไปเถอะ ถ้ามันจะทำให้คุณไม่ต้องออกไปเสี่ยงอันตรายแบบนั้นตอนกลางคืนผมจ่ายได้'' อาร์ทยิ้ม พสุเก็บเช็คใบนั้นลงกระเป๋าเงิน ''ฝูงโฬมเป็นยังไงบ้าง'' ''ถามทำไมหรอ'' ''ถามเฉยๆ มันดูแลคุณดีมั้ย'' ''ช่วงแรกๆก็ปรับตัวกันยากอยู่ แต่ตอนนี้โอเคกันมากแล้ว'' ''ในนั้นมีอัลฟ่าตั้งสามตัว คุณไม่รู้สึกกดดันหรอ'' ''มีกดดันอยู่แล้วล่ะ มันเป็นไปตามธรรมชาตินี่นา แต่พวกเค้าก็ไม่ได้กดขี่ข่มเหงผม ผมอยู่สบายดี คุณล่ะ ไม่คิดจะมีฝูงบ้างหรอ'' ''แต่ก่อนก็ไม่คิดหรอก'' ''คุณคิดยังไงกับการล่าอำนาจระหว่างฝูงหรอ'' ''มันคือเรื่องธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าย่อมเหนือกว่าผู้ที่อ่อนกว่า ถ้าเราไม่สู้ ก็จะมีคนอื่นมาสู้อยู่ดี มันอยู่ในสายเลือดเรานี่'' ''ก็จริงของคุณ'' อาร์ทเหลือบไปเห็นกล่องใบหนึ่งที่มีรูปบ้านติดอยู่ ลุกขึ้นเดินไปดูใกล้ๆ ''นี่กล่องอะไรหรอคุณ'' ''กล่องใส่เงินที่ผมจะเก็บไว้ซื้อบ้านน่ะ'' อาร์ทหยิบรูปนั้นขึ้นมาดู มันเป็นรูปบ้านชั้นเดียวที่ดูอบอุ่น ด้านหน้ามีสวนดอกไม้สีม่วง ''นี่คือบ้านที่คุณอยากได้หรอ'' ''อืม ผมไม่อยากหวือหวาอะไรมากหรอก แค่ดีกว่าที่นี่ก็พอแล้ว'' พสุขำ อาร์ทนิ่งมองรูปนั้นเหมือนคิดอะไรสักอย่าง พสุชี้อาร์ท ''คุณอย่าคิดที่จะเปย์ผมด้วยบ้านเลยนะ'' ''กำลังนึกอยู่เลยว่ารู้จักนายหน้าที่ดินตรงไหนบ้าง'' อาร์ทหัวเราะ กลับมานั่งลงข้างพสุ ''ผมถูกใจคุณจริงๆนะ คุณไม่อยากย้ายไปอยู่กับผมหรอ'' ''คุณรู้จักผมดีพอแล้วจริงๆหรอ'' ''แล้วคุณให้ผมรู้จักมากแค่ไหนล่ะ'' ''ปกติผมไม่คุยเรื่องส่วนตัวกับลูกค้าหรอก'' ''งั้นผมก็วีไอพีอะดิ'' ''จะว่างั้นก็ได้'' พสุยิ้ม ''คุณไม่ต้องเรียกผมว่าคุณแล้วก็ได้นะ เรียกแค่พสุก็ได้'' ''มีคนอื่นนอกจากผมมั้ยที่เรียกคุณว่าคุณ'' พสุนึก ''ไม่มีนะ'' ''งั้นผมเรียกคุณว่าคุณแบบนี้แหละ ดีแล้ว'' คำพูดของอาร์ททำให้พสุเขินนิดหน่อย อาร์ทเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ลุกขึ้นไปหยิบรูปบ้านนั้นมานั่ง ''คุณจะทำอะไรหรอ'' ''คุณอยากเห็นบ้านของคุณก่อนซื้อจริงมั้ย'' พสุพยักหน้าอย่างงงๆ ดวงตาของอาร์ทกลายเป็นสีทองส่องสว่าง จู่ๆรูปบ้านหลังนั้นก็ดูมีชีวิตขึ้นมา ต้นไม้ใบหญ้าในสวนหน้าบ้านพลิ้วไหวเบาๆไปตามลม แสงแดดสาดส่องตัวบ้านดูอบอุ่น พสุมองภาพตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ รอยยิ้มกว้างสดใสของพสุที่อาร์ทไม่เคยเห็นมาก่อนทำให้อาร์ทถึงกับเสียอาการ ปกติจะได้เห็นพสุในมุมที่เท่และเซ็กซี่ซึ่งอาร์ทชอบมาก แต่พสุตอนนี้นั้นดูน่ารักและอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยห็นมาก่อน ''ถ้าได้ไปอยู่เร็วๆก็ดีสิ แต่ต้องเก็บเงินอีกพักใหญ่เลย'' ''ผมช่วยคุณได้นะ'' ''ผมไม่ได้รังเกียจหรือไม่ชอบคุณนะ แต่ผมอยากสู้ด้วยตัวเองก่อนน่ะ'' อาร์ทเข้าใจพสุถึงจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตาม ''คุณอยากลองทำงานอื่นมั้ย'' ''ผมทำงานอย่างอื่นไมไ่ด้หรอก เป็นโอเมก้าที่ไม่มีการศึกษาแบบนี้จะไปทำอะไรได้อีกล่ะ'' ''ทำได้สิ คุณทำอะไรได้เยอะกว่าที่คุณคิดนะ เดี๋ยวผมจะช่วยคุณเอง'' ''ปกติคุณใจดีกับคนที่ยังไม่รู้จักดีแบบนี้ตลอดเลยหรอ'' ''ไม่หรอก แค่คุณนั่นแหละ'' พสุยิ้ม ถ้ารอดกลับมาก็จะได้เจออาร์ทอีกสินะ พสุมองอาร์ทด้วยสายตาที่ยั่วยวน เลื่อนตัวขึ้นมานั่งบนตักอาร์ท แขนหนาของอาร์ทโอบเอวของพสุเข้าไปชิดตัว กลิ่นลาเวนเดอร์แสนเย้ายวนแผ่กระจายออกมาจากตัวพสุ พสุเป็นคนที่มีกลิ่นฟีโรโมนแรงกว่าโอเมก้าปกติ ซึ่งใช้เรียกลูกค้าให้ติดได้เป็นอย่างดี และกลิ่นลาเวนเดอร์ก็กลายเป็นหนึ่งในกลิ่นโปรดของอาร์ทเช่นกัน ''คุณอยากทำมั้ย'' พสุถามยิ้มๆ ''คุณจะถามทำไมในเมื่อคุณรู้คำตอบอยู่แล้ว''
พสุโน้มหน้าลงมาจูบอาร์ท อาร์ทกดหัวของพสุเข้ามาแนบชิดขึ้นอีกแล้วจูบตอบอย่างหนักหน่วง ''อืออ'' พสุคราในลำคอ ทั้งคู่จูบกันอย่างดูดดื่ม บดขยี้ริมฝีปากกันอย่างไม่มีใครยอมใคร พสุสอดลิ้นเข้าไปพัวพันกับอาร์ท แลกลิ้นแลกน้ำลายกันอย่างเร่าร้อน พสุขบกัดริมฝีปากล่างของอาร์ทแล้วดึงๆเบา ทำเอาอาร์ทอารมณ์พลุ่งพล่าน ยื่นหน้าไปเลียหูของพสุ ลากลิ้นเลียลงมาตามลำคอ ''อะ อาา'' ดูดคอขาวๆของพสุจนเป็นรอยแดง ถอดเสื้อของพสุออก เผยให้เห็นหุ่นลีนๆและเอวบางๆอันยั่วยวน ผิวขาวซีดเนียนน่าสัมผัส อาร์ทยื่นหน้าไปเลียหัวนมของพสุ ''อะ อ๊ะ'' อาร์ทตวัดลิ้นเลียรัวๆเน้นๆหัวนมของพสุสลับข้างไปมา จูบไปทั่วเรือนร่างของพสุ กลิ่นตัวหอมๆของพสุยิ่งทำให้อาร์ทเงี่ยนยิ่งกว่าเดิม อาร์ทถอดเสื้อสูทของตัวเอง หุ่นของอาร์ทนั้นล่ำสมกับเป็นอัลฟ่า อกหนาไหล่กว้าง กล้ามแขนแน่นเป็นมัดๆ ซิกแพคที่หน้าท้องเรียงกันเป็นแพดูเซ็กซี่ ยืนขึ้นถอดกางเกงออก ควยอาร์ทแข็งเป็นลำอยู่ในกางเกงใน พสุขบกัดเบาๆไปตามลำควย ดึงกางเกงในของอาร์ทลง ควยใหญ่ยาว15นิ้วเด้งออกมา หัวยังไม่เปิดดี กองหมอยดกดำ กลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าของอาร์ทกระจายเข้าจมูกพสุจนทำให้เงี่ยนไปหมดพสุเอาควยอาร์ทเข้าปากแล้วดูดอย่างเมามันส์ ''ซี้ดดด'' พสุอมควยของอาร์ทอย่างหิวกระหาย สอดลิ้นเข้าไปเลียวนๆตรงหัวควย กินน้ำหล่อลื่นที่เยิ้มอยู่ตรงหัว ถอกควยของอาร์ทลง หัวควยบานแดงโผล่ออกมา พสุเลียไปตามแง่งควยของอาร์ท ตวัดลิ้นเลียรัวๆเน้นๆตรงหัวควย จับลำควยของอาร์ทตั้งตรง ลากลิ้นเลียลงไปตามลำควยยาว เลื่อนลงไปดูดเลียไข่ของอาร์ทจนชุ่ม อาร์ทจับหัวของพสุไว้ เอาควยยัดปากแล้วเด้งเอวเย็ดอย่างเมามันส์ ''อาาา'' ''อ๊อก ออก อ๊อก'' ควยอาร์ทใหญ่คับปากของพสุไปหมด อาร์ทกระแทกควยเข้ามาในปากพสุไม่ยั้ง สายตาของพสุที่มองมาทำให้อาร์ทยิ่งเงี่ยนขึ้นไปอีก แทงเข้ามาลึกจนพสุสำลักน้ำตาเล็ด อาร์ทถอนควยออก น้ำลายพสุไหลเยิ้มติดควยอาร์ทมา อาร์ทจับควยแฉะๆตีหน้าของพสุรัวๆ อาร์ทผลักพสุนอนลงไป ถอดกางเกงของพสุออกอย่างง่ายดาย ควยพสุแข็งเต็มที่เพราะความเงี่ยน อาร์ทยกขาของพสุขึ้นสูง เอามือแหกตูดของพสุออก รูหีสีชมพูระเรื่อของพสุขมิบไปมาเพราะความเงี่ยน อาร์ทยื่นหน้าไปเลียหีของพสุ ''งึก อ๊ะ'' อาร์ทตวัดลิ้นเลียหีของพสุไปมา ลิ้นอุ่นๆหนาๆของอาร์ททำเอาพสุเสียววาบไปทั้งตัว อาร์ทใช้ลิ้นดุนรูของพสุ เลียหีของพสุอย่างมูมมามจนแฉะชุ่ม นั่งขึ้นเอาควยถูไปมาตรงรูพสุ มองใบหน้าที่เว้าวอนแทบรอไม่ไหวของพสุ ''คุณแม่งโคตรสวยเลย'' อาร์ทดันควยเข้าไปในหีพสุจนสุดลำ ''อึก อ๊ะ'' ควยอาร์ทใหญ่คับหีของพสุไปหมด แทงเข้ามาลึกจนพสุทั้งจุกทั้งเสียว ''ซี้ดด แน่นชิบ'' หีพสุนั้นทั้งแน่นทั้งอุ่น ตอดขมิบควยอาร์ทอย่างบ้าคลั่ง อาร์ทเด้งเอวเย็ดหีของพสุเป็นจังหวะ ''อ๊ะ อะ อาาา'' ''ซี้ดดด'' อาร์ทจับเอวของพสุไว้แล้วกระแทกควยเข้ามาไม่ยั้ง สอดควยเข้าออกหีของพสุอย่างเร็วและแรง กลิ่นฟีโรโมนของทั้งคู่ผสมกันคละคลุ้งไปทั่วห้อง อาร์ทดึงแขนของพสุไว้แล้วซอยอย่างเมามันส์ ''อะ อาาา'' ควยอาร์ทแทงเข้ามาลึก กระแทกจุดเสียวของพสุไปมาจนเสียวไปหมด ควยพสุแข็งกระดกขึ้นลง อาร์ทโน้มตัวลงมาจูบพสุ เร่งจังหวะเร็วขึ้นอีก '''อือออ อื๊ออ'' พสุควยกระตุกน้ำแตกออกมา อาร์ทเด้ารัวๆ ''อะ อาาาา ซี้ดด!'' อาร์ทกระแทกควยเข้ามาสุดลำ น้ำแตกเข้ามาในหีของพสุ น้ำควยมากมายไหลเข้ามาเรื่อยๆ พสุกอดอาร์ทแน่น ดึงอาร์ทเข้ามาจูบ ดันให้อาร์ทนั่งแล้วขึ้นไปนั่งคร่อมตัก จับควยอาร์ทยัดเข้าไปในรูตัวเองอีกครั้ง ''ซี้ดด อาาา'' น้ำควยในรูพสุทำเอาอาร์ทอุ่นควยไปหมด พสุเอามือกอดคออาร์ทไว้แล้วขย่มตัวเป็นจังหวะขึ้นลง นั่งเทียนควยอาร์ทอย่างเมามันส์ ร่อนเอวใช้หีบดควยอาร์ทอย่างเร่าร้อน กลิ่นฟีโรโมนของทั้คู่ฟุ้งกระจายปนกันอยู่ทั่วห้อง ความรู้สึกเหมือนดอกลาเวนเดอร์ที่สวยงามท่ามกลางป่าสนดิบชื้นอันเงียบสงบ อาร์ทจับพสุไว้แล้วเด้งตัวตอกควยเข้าไปในหีพสุอย่างเร็วและแรง ''อะ อ๊ะ อือออ'' ''ซี้ดดดด'' ควยอาร์ทแทงเข้ามาลึก กระทุ้งจุดเสียวของพสุย้ำๆจนพสุหัวหมุนไปหมด ''อะ อ๊ะ อาาาา!'' พสุน้ำแตกออกมาไม่หยุด อาร์ทเร่งความเร็วขึ้นอีก เด้าหีของพสุรัวๆ ''อ้าาา ผมจะแตก อาาา ซี้ดดด!'' อาร์ทตอกควยเข้ามาสุดแรง ควยอาร์ทขยายใหญ่ขึ้นล็อคกับหีของพสุ ปล่อย้นำควยกระฉูดเข้ามาในหีพสุจนอุ่นไปหมด อาร์ทค้างอยู่อย่างนั้นพักใหญ่จึงจะสามารถถอนควยออกได้ รูหีพสุบานเป็นร่องควยอาร์ท ขมิบหุบอ้าน้ำควยขาวขุ่นไหลเยิ้มออกมาเลอะพื้น อาร์ทวางพสุลงบนเตียงแล้วลงมานอนข้างๆ วันนี้อาร์ทปล่อยออกมาเยอะมาก ดีที่พสุฉีดยาคุมเอาไว้แล้ว โทรศัพท์ของอาร์ทดังขึ้น อาร์ทเอามากดรับ ''ฮัลโหลครับพ่อ....อยู่ข้างนอกครับ...คิดดูก่อนนะ'' อาร์ทตัดสาย ''อะไรหรอคุณ'' ''มีงานประมูลการกุศลน่ะ พ่อจะให้ผมไปด้วย'' ''คุณก็ไปสิ'' อาร์ทโอบกอดพสุ ''ไม่ล่ะ ผมจะนอนนี่คืนนี้'' ''ไม่ได้ คุณต้องไปทำงานสิ'' ''คุณก็ไปกับผมสิ'' ''ไม่ได้หรอก พรุ่งนี้ผมมีธุระสำคัญ'' ''ธุระอะไรหรอ'' พสุบอกอาร์ทไม่ได้ ''นิดหน่อยน่ะ ไปเถอะ เดี๋ยวผมลงไปส่งคุณ'' อาร์ทดูอิดออดแต่ก็ลุกขึ้นแต่งตัวแต่โดยดี พสุลงมาส่งอาร์ทข้างล่าง ''อาทิตย์หน้ามีงานประมูลเครื่องเพชรการกุศล คุณอยากไปกับผมมั้ย'' ''ไม่ดีกว่า ผมไม่เข้ากับงานแบบนั้นหรอก'' ''แค่ไปเดินข้างๆผมก็พอ นะ'' ''ขอคิดดูก่อนนะ'' ''โอเค ผมไม่บังคับคุณหรอก'' อาร์ทยิ้ม ยื่นหน้ามาจูบพสุเบาๆ รถของอาร์ทขับเคลื่อนตัวเองมาจอดหน้าอพาร์ทเม้นท์ของพสุ อาร์ทขึ้นไปบนรถ ''กลับดีๆนะคุณ'' ''เจอกันนะครับ'' อาร์ทขับรถออกไป พสุถอนหายใจ พรุ่งนี้แล้วสินะ เดินกลับขึ้นไปบนห้องแล้วปิดไฟเข้านอน
เวลาประมาณหกโมงครึ่ง เลิฟยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก อีกครึ่งชั่วโมงจะเป็นการออกสู้ล่าอำนาจครั้งแรกของเลิฟแล้ว มันไม่ใช่การต่อสู้ธรรมดาเท่านั้น เพราะคู่ต่อสู้คือแก๊งค์ที่ตั้งใจจะเอาชีวิตเลิฟและฝูงมาตลอด การต่อสู้กับแก๊งค์หงษ์ผงาดยังเป็นหตุการณ์ที่เลิฟจำฝังใจ เพราะนอกจากเลิฟจะถูกจับตัวไปทำให้ทุกคนลำบากตามมาช่วยแล้ว เลิฟยังไม่สามารถต่อสู้ช่วยคนในฝูงได้เลยสักนิด นั่นเป็นแรงผลักดันหลักที่ทำห้เลิฟอยากฝึกและแข็งแกร่งขึ้น เพื่อปกป้องตัวเองและเป็นแรงให้กับฝูง เลิฟไม่มีแผนใดๆในการต่อสู้ครั้งนี้เพราะยังไม่มีสไตล์การต่อสู้เป็นของตัวเองที่ชัดเจน รวมถึงต้องสู้คู่กับรัมที่มีสไตล์การต่อสู้ที่คาดเดาไม่ได้ด้วย การวางแผนไปก่อนคงจะไม่ได้ช่วยอะไร การต่อสู้ด้วยมือเปล่าเลิฟก็ไม่เก่ง พละกำลังก็ไม่ได้เยอะ คงทำได้แค่วิ่งหนีถ่วงเวลาตามที่ราคานสั่งแล้วรอให้รัมช่วยจัดการ เลิฟมองนาฬิกา ใกล้ได้เวลานัดของทุกคนแล้ว เลิฟที่อยู่บ้านฝูงไปช้าคงจะดูไม่ดี เลิฟนึกขึ้นมาได้ เดินไปเอาชุดที่รัมให้มาใส่ เดินมาดูตัวเองหน้ากระจก ลังเลว่าจะใส่ดีมั้ย แต่ถ้าไม่ใส่รัมคงเสียน้ำใจแย่ อะไรบางอย่างทำให้เลิฟรู้สึกตะขิดตะขวงใจ เลิฟเดินไปที่ชั้นแล้วหยิบหีบสีเขียวลงมาเปิดออกหยิบมีดสั้นอันสวยงามข้างในออกมา เลิฟเอามันใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง เดินลงมาข้างล่าง ทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่หน้าบ้านแล้ว หมอกนั่งดูดบุหรี่อยู่โดยมีพสุนั่งอยู่ข้างๆ รัมนั่งแกว่งขาอยู่บนหลังคา ราคานและโฬมยืนคุยกันเรื่องการบุกครั้งนี้ ''มึงแน่ใจใช่มั้ยที่จะให้เลิฟสู้ด้วย ให้รออยู่ที่รถไม่ดีกว่าหรอ'' โฬมถาม ''น้องอยากสู้ขนาดนั้น มึงจะไม่ให้น้องสู้จริงๆหรอ'' ''แต่น้องมันทักษะการต่อสู้ไม่พอ ยังเป็นนักเรียนอยู่เลยด้วยซ้ำ'' ''กูรู้ แต่พอน้องพูดว่าอยากสู้ด้วยสายตาที่มุ่งมันแบบนั้นกูให้น้องรอบนรถไม่ได้จรงๆว่ะ ที่ผ่านมาน้องพยายามพัฒนาตัวเองมาตลอด ให้น้องได้ลองดูก่อน เลิฟเป็นเด็กฉลาด เอาตัวรอดได้แน่นอน ถ้าไม่ได้ ก็ช่วยกันดูแล'' โฬมถอนหายใจ ''เออ แล้วแต่ละกัน'' ปะตูบ้านเปิดออก คนที่ถูกพูดถึงมารวมตัวเป็นคนสุดท้าย ทั้งสองหันไปมองเลิฟแล้วก็ต้องชะงัก เลิฟใส่เสื้อครอปครึ่งตัวรัดรูป โชว์เอวบางๆหน้าท้องขาวเนียน ใส่แจ็คเกตหนังทับด้านนอกกับกางเกงตัวโคร่ง ดูเซ็กซี่ผิดไปจากเลิฟปกติมาก ราคานเดินเข้าไปหาเลิฟ ''ขอโทษครับที่มาช้า'' ''ไม่ช้าหรอก'' ราคานมองเลิฟตั้งแต่หัวจรดเท้า ''พี่เคยซื้อชุดแบบนี้ให้ด้วยหรอ'' ''ของพี่รัมให้มาน่ะครับ ราคานหันไปมองรัม รัมที่เห็นเลิฟยิ้มกว้าง เดินกระโดดโลดเต้นเข้ามาหา ''เห็นมั้ย เข้าจริงๆด้วย'' จัดแจ็คเกตของเลิฟให้เข้าที่เข้าทาง โฬมที่มองเลิฟอยู่เบือนหน้าไปอีกทางเพื่อปิดบังสีหน้าของตัวเอง ทำไมเลิฟถึงใส่เสื้อผ้ารัมได้ขึ้นขนาดนี้ ''ถ้าแต่งตัวแบบเลิฟตามปกติคงเคลื่อนไหวไม่สะดวก อีกอย่างเวลาออกกล้องจะได้เท่ๆด้วย'' ราคานมองสมาชิกทุกคน ''ครบแล้วเนอะ ไปกันเถอะ'' ทั้งหมดเดินออกมาด้านหน้า มีรถตู้สีดำคันหนึ่งจอดอยู่ ''เราจะใช้รถตู้ที่คล้ายกับที่ลูกน้องมันใช้ ถ้าใช้รถส่วนตัวพวกมันจะจับได้'' โฬมบอก ทุกคนขึ้นรถ โฬมขับไปที่ย่านตัวเมืองซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนเดินกันขวักไขว่ ห้างสรรพสินคาและร้านค้าตั้งเรียงรายดูเจริญกว่าย่านอื่น ''แน่ใจหรอว่าพวกมันอยู่ที่นี่ ไม่เหมาะกับการตั้งบ้านฝูงเลยสักนิด'' สุมองไปด้านนอกหน้าต่าง ''บางทีนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่มันมาซ่อนที่นี่ก็ได้'' ราคานบอก เลิฟเดินมานั่งลงข้างๆพสุที่ทำหน้าเครียด พสุหันมามองเลิฟแล้วยิ้มให้ ''วันนี้แต่งตัวเท่จังเลยนะ'' ''ของพี่รัมเค้าน่ะครับ ยังไม่ค่อยมั่นเลย'' เลิฟเอามือลูบท้องเขินๆ ''กังวลมั้ย'' พสุถาม ''แน่นอนว่ากังวลสิครับ แต่อีกใจก็พร้อมสู้มาก'' พสุอิจฉาเลิฟ ตัวเองอายุมากกว่าแถมยังสู้เก่งกว่าแต่กลับกลัวกว่าเลิฟซะอีก ''พี่พสุล่ะครับ กังวลมั้ย'' ''ก็นิดหน่อย'' ''ให้ผมช่วยนะครับ'' เลิฟเอามือแตะที่ขมับทั้งสองข้างของพสุ ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเขียว ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายไหลแล่นไปทั่วร่าง ความเครียดที่มีก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น ''โอเคขึ้นมั้ยครับ'' ''อืม ขอบใจนะ'' โฬมขับเข้ามาในซอยเล็กๆที่มืดและวังเวง มันยาวไปเรื่อยไม่มีที่สิ้นสุด จนกระทั่งมาถึงทางตันที่มีกำแพงสูงกั้น ''ที่นี่หรอวะราคาน'' โฬมเอาแผนที่ของราคานขึ้นมาดูเพื่อความแน่ใจ ราคานหันมาหาหมอก ''ช่วยไปดูให้หน่อยได้มั้ย'' หมอกพยักหน้า ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเทาส่องสว่าง ซีกหน้าด้านบนและด้านล่างของหมอกขาดออกจากกันเป็นกลุ่มควัน ลอยขึ้นไปด้านบนเหนือกำแพง หมอกพบกับบ้านฝูงของฝูงเขี้ยวพยัคฆ์อย่างที่ราคานบอก ''บ้านฝูงพวกมันอยู่หลังกำแพง รอบๆมีพวกโอเมก้านักฆ่าของBlack Spiderประมาณเกือบ100คน'' ปากของหมอกรายงานทุกคน ''ทางเข้าล่ะ'' ''ไม่เจออะไรที่ดูเป็นประตูเลย'' ราคานคิด มองไปยังกำแพงข้างหน้า ''ไอโฬม มึงคิดว่ามึงเจาะกำแพงนี่ให้เป็นรูได้มั้ย'' โฬมยิ้มมุมปาก ''สบาย'' ราคานหันมามองทุกคน ''พร้อมกันใช่มั้ย'' ทุกคนพยักหน้า ''ไปกันเถอะ''
' C q+ K' M! L0 g2 g: D7 w$ w
ภายในห้องน้ำขนาดใหญ่ชั้น4 คิน จ่าฝูงเขี้ยวพยัคฆ์กำลังแช่อ่างอย่างสบายใจ จิบไวน์ไปด้วย คินเป็นอัลฟ่าร่างใหญ่ที่แข็งแกร่ง บุคลิกน่าเกรงขาม เกิดในตระกูลอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ที่มีชื่อเสียง รับช่วงต่อตำแหน่งจ่าฝูงเขี้ยวพยัคฆ์ต่อจากพ่อ ฝูงเขี้ยวพยัคฆ์เป็นฝูงที่แข็งแกร่งและอยู่มานานหลายรุ่น พ่อของคินเป็นนักธุรกิจที่มีอำนาจกว้างขวาง เบื้องหน้าเป็นนักธุรกิจใจบุญที่ทำบุญการกุศลช่วยเหลือผู้อื่นมากมาย แต่เบื้องหลังพ่อของคินเป็นสมาชิกชั้นสูงของแก๊งค์มาเฟียBlacck Spiderที่โหดเหี้ยมอำมหิต ทำธุรกิจผิดกฏหมายมากมายทั้งค้ายา ค้ามนุษย์ รับจ้างฆ่า ทุกอย่างที่นึกออก และคินก็ได้รับส่วนนั้นมาจากพ่อด้วย ฝูงเขี้ยวพยัคฆ์เป็นหน่วยงานย่อยของแก๊งค์ที่ถูกตั้งขึ้นมาบังหน้าเพื่อทำงานลอบฆ่าและค้าทาส คินหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาดูแล้วยิ้มมุมปาก ไม่คิดเลยว่าเป้าหมายในครั้งนี้จะเป็นเพื่อนเก่าสมัยเรียนอย่างโฬม คินโฬมและราคานเรียนรุ่นเดียวกัน คินเป็นนักเรียนดีเด่นที่เก่งในทุกด้าน แต่ไม่ว่ายังไงก็สู้กับราคานและโฬมไม่ได้ โดยเฉพาะโฬมที่สมัยเรียนชอบพูดจากดขี่ข่มเหงคนอื่น แถมยังดูถูกเหยียดหยามคินอีกด้วย ถ้าไม่หน้าตาดีพ่อรวยก็คงไม่มีใครชอบโฬมหรอก คินเก็บความแค้นนั้นเรื่อยมา จนวันนี้จะได้เวลาล้างแค้นของคินแล้ว เดอมทีงานนนี้เป็นของฝูงหงษ์ผงาด แต่ดันโดนโค่นซะเละแตกกระเจิงไปซะขนาดนั้น ทางองค์กรเลยให้งานนี้แก่คินแทน คินรู้อยู่แล้วว่าอย่างเฟลมไม่น่าดูแลฝูงหงษ์ผงาดรอด หลังจากเหตุการณ์นั้นทำให้เจ้าของแก๊งค์ไม่พอใจเป็นอย่างมาก จากตอนแรกที่คำสั่งคือเก็บโฬมเพราะมีปัญหาเรื่องธุรกิจกับพ่อโฬม กลายเป็นกวาดล้างฝูงROMEแทน คินทำงานอย่างเงียบๆมาเรื่อยๆ ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่ จากข้อมูลในฐานทะเบียบสมาชิกฝูงของโฬมไม่ได้ดูเก่งอะไรขนาดนั้น แต่ทำไมเวลาส่งนักฆ่าไปเก็บรายคนถึงไม่เคยทำสำเร็จ ล่าสุดทหารรับจ้างฝีมือดีอย่างเพชรก็หายสาปสูญ ลูกน้องที่ส่งไปก็ตายเป็นเบือออกข่าวใหญ่โต ดีที่ไม่สาวมาถึงฝูงของคินไม่งั้นคงโดนจับ แถมเมื่อไม่นานมานี้ส่โอเมก้านักฆ่าไปจัดการสมาชิกที่อ่อนที่สุดก็ทำได้ไม่สำเร็จ แถมเสียมือดีอย่างกริชไปอีก แต่คินก็ไม่ได้หวังให้พวกนักฆ่าชั้นต่ำแบบนั้นทำสำเร็จหรอก แค่ส่งออกไปอุ่นเครื่องเท่านั้น ชั่วครู่หนึ่งดวงจิตที่แรงกล้าและรังสีพลังที่แข็งแกร่งโผล่ขึ้นมา ''ตู้มมมม!!!! ครืน!!!!'' เสียงดังมาจากด้านนอก คินลุกขึ้นเดินไปดู ประตูห้องน้ำเปิดออก การ์ดคนหนึ่งวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ''มีผู้บุกรุกเจาะกำแพงครับ!'' ไม่น่าเชื่อ ที่ผ่านมาไม่มีใครเคยหาบ้านฝู.ของคินเจอมาก่อน แต่พลังเมื่อกี๊ต้องไม่ผิดแน่ ต้องเป็นโฬมแน่นอน ''ตั้งรับ ฆ่าพวกมันทิ้งให้หมด บอกให้ทุกคนไปประจำตำแหน่งด้วย'' ''ครับ!'' ลูกน้องคนนั้นวิ่งออกไป คินเอาเสื้อคลุมมาใส่ ฉีกรูปของโฬมทิ้ง ''ตายยากจริงๆเลยนะ'' คินเดินออกไปจากห้องน้ำ
& V7 U' O: u- W1 }% Z7 `- ?
พวกการ์ดทุกคนยืนมองไปที่รูด้วยความตกใจ พลังแรงกดดันเมื่อกี้ทำเอาทุกคนขนลุกไปหมด ตรงรูกำแพงนั้นมีหินถล่มลงมาก่อให้เกิดฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วบริเวณ กลุ่มควันสีดำลอยผ่านสายตาของการ์ดเข้ามาทางช่องใต้ประตูหน้าบ้าน ก่อนจะก่อตัวขึ้นเป็นหมอก พร้อมๆกับที่พสุโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน โฬมราคานและเลิฟเดินอ้อมมาด้านหลัง โฬมเดินไปหน้ากำแพง ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท แขนข้างหนึ่งขยายใหญ่ขึ้น ง้างหมัดต่อยไปที่กำแพงเต็มแรง ''ครืนนนนน!!!'' กำแพงเกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นอีกครั้ง พวกการืดที่เฝ้าอยู่ด้านหลังตื่นตระหนก ''ดูแลตัวเองด้วยนะ'' ราคานย้ำ เลิฟพยักหน้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น เลิฟตั้งท่าแล้ววิ่งเข้าไปในรู ''เฮ้ย ไอนั่น จับมัน'' เลิฟวิ่งด้วยความเร็วสูงพร้อมกับพวกการ์ดที่วิ่งตามเลิฟไป โฬมและราคานอาศัยจังหวะนี้เข้าไปในตัวบ้านจากทางด้านหลัง เจอกับหมอกและพสุที่รออยู่ก่อนแล้ว ''เดี๋ยวกูกับราคานจะขึ้นไปชั้น4 มึงสองคนสำรวจชั้น2และ3'' ''อืม เข้าใจแล้ว'' พสุตอบ หมอกพยักหน้า ทั้งสี่ขึ้นบันไดไป ตอนนี้พวกการ์ดอยู่ข้างนอกกันหมดทำให้ในตัวบ้านนั้นปลอดโปร่ง โฬมและราคานพุ่งตรงไปชั้น4ส่วนพสุกับหมอกเดินสำรวจชั้นสอง ทางด้านหน้าบ้าน ภายในกลุ่มควันนั้นมีจิตสังหารอันแรงกล้าแผ่ออกไปทั่วบริเวณ ดวงตาสีเหลืองอำพันเหมือนงูที่กำลังมองหาเหยื่อส่องสว่างภายในกลุ่มควันนั่น ''ทุกคน เตรียมตัว'' พวกมันคนหนึ่งสั่ง การ์ดหลายคนเปลี่ยนร่างกายของตัวเองเป็นอาวุธต่างๆพร้อมสู้ ''คิกคิกคิกคิกคิก'' เสียงหัวเราะชวนขนหัวลุกดังออกมาจากควันนั่น ''ออกมาเดี๋ยวนี้!'' รัมก้าวเท้าเข้ามาข้างใน ใส่กางเกงหนังสีดำเปลือยท่อนบนโชว์รอยสัก ยิ้มกว้างให้กับทุกคน ''ได้เวลาสนุกแล้วสิ'' พวกมันรัวปืนใส่รัมทันที รัมพุ่งตัวเข้ามาหลบกระสุนได้ทุกนัดเหมือนจับวาง ท่วงท่าพลิ้วไหวจนพวกการ์ดตกใจ รัมถีบเข้าที่หน้าของการ์ดคนหนึ่งจนหน้าหงาย เตะเข้าไปที่หน้าท้องของการ์ดอีกคน พวกมันคนหนึ่งง้างแขนที่เป็นดาบจะแทงรัมแต่รัมใช้ขาอีกข้างเตะกลับหลังอัดท้องมันจนกระเด็น พวกมันเข้ามารุมรัม แต่รัมกลับหายไปในกลุ่มพวกมันจนหาไม่เจอ จับจิตสัมผัสหรือกลิ่นที่แปลกไม่ได้เลย รัมไล่หักคอพวกมันในช่วงที่ชุลมุนทีละคนๆ ''เฮ้ย แยกตัว! อย่าอยู่รวมกัน หามันไม่เจอ!'' ทุกคนแยกออกจากกัน รัมหายไปแล้ว พวกมันมองซ้ายมองขวาอย่างระมัดระวัง ''ตัวเหี้ยอะไรวะ'' ''กูก็ไม่รู้'' ทุกคนอยู่ในอาการหวาดผวา ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกสัตว์ร้ายล่ายังไงยังงั้น รัมลอยตัวพุ่งมาจากบนฟ้าถีบเข้าที่หน้าพวกมันคนหนึ่งจนคอหักหมุนไปอีกทาง พวกมันใช้พลังใส่รัมทันที ทั้งดาบทั้งมีดต่างพุ่งเข้าใส่รัม รัมกระโดดลอยตัวหลบได้อย่างสบายๆ ร่อนลงสู่พื้นอย่างสวยงาม รัมยิ้มกว้าง ใจเริ่มเต้นแรง รัมเริ่มสนุกมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว ดวงตาของรัมตอนนี้นั้นดูน่ากลัวมาก เส้นเลือดที่ข้างหัวปูดโปน ปากฉีกยิ้มกว้างไปถึงใบหูเผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมในปาก ''ฆ่าแม่งสิวะ!'' พวกมันรัวปืนใส่รัมทันที รัมยิ้มกว้างวิ่งผ่ากระสุนปืนโดยไม่สนใจความเจ็บปวดจนเข้าถึงตัวพวกมัน กัดปืนพวกมันจนแหลก กัดแขนพวกมันจนขาด กระโดดขึ้นคร่อมหน้าใช้กรงเล็บอันแหลมคมข่วนจนหน้าเละ รัมหันไปมองพวกการ์ดที่เหลือ จากตอนแรกที่นึกสู้ตอนนี้พวกมันกลับเป็นฝ่ายหนีรัมซะแล้ว ''เฮ้ย! ถอย!'' พวกมันวิ่งหนี หันไปมองข้างหลังก็ต้องขนลุก รัมวิ่งสี่เท้าตามมาท่าทางเหมือนสัตว์ป่าที่กำลังบ้าคลั่ง หน้าตาของรัมตอนนี้เลยคำว่ามนุษยไปมากแล้ว พวกที่วิ่งไม่ทันถูกรัมขย้ำกัดหัวเคี้ยวเหมือนกินขนม ''อั๊ก!!'' บางคนถูกมือของรัมทะลุกลางลำตัว จากตอนแรกที่มีการ์ดประมาณ50คนด้านหน้า ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียวที่นั่งอยู่บนพื้น ถอยหลังหนีรัมที่กำลังย่างเท้าเข้ามาหาด้วยความหวาดกลัว ''อย่าทำอะไรผมเลยครับ ผมโดนบังคับมา'' รัมเอียงคออย่างงงๆ ลิ้นยาวสิงแฉกห้อยลงมา รัมใช้ลิ้นเลียหน้าของโอเมก้านักฆ่าคนนั้น ''ไม่ใช่ปัญหาอะไรของกูนี่'' รัมอ้าปากกว้างกัดหัวของมันจนขาดแล้วถุยทิ้งไปบนพื้น หน้าบ้านตอนนี้เต็มไปด้วยศพที่เละเทะของพวกการ์ด เลิฟวิ่งหนีพวกการ์ดเข้าไปในสวนต้นไม้ ทิ้งห่างพวกมันอย่างไม่เห็นฝุ่น ถ้าสู้ตรงๆเลิฟต้องตายแน่ หนีถ่วงเวลาไปก่อนน่าจะเ็นวิธีที่ดีที่สุด เลิฟหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ พวกมันตามเข้ามาในสวน เลิฟดับจิตและกลิ่นของตัวเองให้ได้มากที่สุด ''หาแม่งให้เจอแล้วจับตาย'' เลิฟพยายามหายใจให้เบาที่สุด พวกมันคนหนึ่งใช้พลัง ตาของมันขยายใหญ่ขึ้นมองไปทั่วบริเวณ เลิฟเลื่อนตัวเข้าไปในซอกระหว่างต้นไม้ เสียงพวกมันเงียบไป ดวงจิตโผล่ขึ้นที่หลังเลิฟ เลิฟรีบเบียดตัวออกจากช่องนั้น ''ปัง!!!!'' ต้นไม้นั้นถูกยิงจนขาดออกสองท่อน เลิฟออกวิ่งต่อทันที ''ตามมันไป!'' พวกมันวิ่งไล่หลังเลิฟมา สาดกระสุนมาไม่ยั้ง เลิฟวิ่งหลบหลีกกระสุนของพวกมันได้เกือบหมด แต่ก็มีบางนัดที่โดน ดวงตาของเลิฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว วิ่งไปด้วยรักษาแผลของตัวเองไปด้วย ''อ๊ะ!'' เลิฟตกลงไปในหลุมกับดักของพวกมัน การ์ดพวกนั้นมายืนล้อมแล้วหัวเราะเลิฟ ''ทำได้แค่วิ่ง สุดท้ายก็ต้องถูกจับได้แบบนี้นั่นแหละ ตายซะไอสัส'' มันเปลี่ยนแขนข้างหนึ่งของมันเป็นปืน เล็งมาที่เลิฟ แย่แล้ว เลิฟกำลังจะแย่แล้ว ''ฉึบ'' เงาอะไรบางอย่างพุ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว หัวของนักฆ่าคนนั้นหลุดจากบ่าท่ามกลางความตกใจของการ์ดที่เหลือ เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งดังไปทั่วบริเวณ รัมมาแล้วสินะ รัมที่จัดการทางด้านหน้าเสร็จเดินอ้อมมาข้างหลัง เนื้อตัวและใบหน้าของรัมชุ่มไปด้วยเลือด มีรูกระสุนตามตัวเลือดไหลไม่หยุด หน้าของรัมตอนนี้เหมือนอสูรกายมากกว่าที่จะเป็นมนุษย์ ดวงตาอสรพิษที่จ้องพวกการ์ดเต็มไปด้วยความหิวกระหาย พวกมันคนหนึ่งเอาวิทยุออกมาติดต่อกับการ์ดด้านหน้าแต่ติดต่อใครไม่ได้สักคน ทุกคนตั้งท่า เลิฟใช้โอกาสนี้ปีนออกมาจากหลุมแล้วรีบวิ่งไปหลบอยู่ในพุ่มไม้แถวนั้น รัมแลบลิ้นยาวออกมาเลียริมฝีปาก มือของรัมมีกรงเล็บยาวงอกออกมา ''ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่า'' รัมพูดคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา หัวเราะเหมือนคนเสียสติ จิตสังหารแรงกล้าทำเอาพวกการ์ดบางคนกลัวฉี่แทบราด ''เอายังไงกันดีวะ'' ''เราควรไปรายงานหัวหน้าก่อนหรือเปล่า'' ''ไม่ได้หรอก ถึงไม่สู้ เราก็ตายอยู่ดี'' ''อะถูกต้องนะครับ'' รัมพูดกวนๆ พุ่งเข้าใส่พวกมันทันที ใช้กรงเล็บแทงทะลุตัวพวกมันแล้วฉีกออก มันคนหนึ่งใจดีสู้เสือวิ่งมาล็อครัมจากด้านหลังแต่โดนรัมถีบกระเด็นไปกระแทกต้นไม้อย่างแรง และแน่นอนว่ารัมฆ่าพวกมันไปจนหมดอีกเช่นเคย เลิฟออกมาจากที่ซ่อน รัมหันมาหาเลิฟ พุ่งตรงเข้ามาหาเลิฟ เลิฟยืนนิ่งไม่หนีไปไหนเพราะความกลัว หลับตาปี๋ รัมหยุดวิ่งแล้วล้มลงไป เลิฟลืมตาขึ้นมาก็ตกใจ รีบวิ่งเข้าไปดูรัม ''พี่รัม พี่รัมครับ!'' เลิฟมองร่างกายของรัมที่โดนยิงจนพรุน น่าจะเสียเลือดมากเกินไป เลิฟรีบลากตัวของรัมมาหลังพุ่มไม้ที่ลับตาคน เอามือจับตัวของรัม ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเขียวสว่าง ดึงกระสุนออกจากร่างกายของรัมและสมานแผล ค่อยๆฟื้นฟูร่างกายของรัมที่ได้รับการบาดเจ็บอย่างหนัก
$ }& R8 w. t L7 k4 Q- K( I5 D% I0 T
พสุกับหมอกเดินอยู่ที่ชั้นสอง ชั้นนี้นั้นดูเงียบสงบเหมือนไม่มีคนอยู่ เป็นทางเดินตรงหักมุมเลี้ยวไปเรื่อยๆ ''จับสัมผัสอะไรได้บ้างมั้ย'' หมอกถามเสียงเรียบ พสุส่ายหัว ''ไม่มีใครเลย'' จู่ๆก็มีเสียงดนตรีรำมวยดังขึ้น ทั้งคู่หยุดเดิน ดับจิตเอาไว้ ค่อยๆเดินตามเสียงเพลงนั้นไปจนมาถึงห้องหนึ่ง ข้างในเป็นเหมือนค่ายมวยขนาดใหญ่ มีเวทีมวยอยู่กลางห้อง สมาชิกฝูงเขี้ยวพยัคฆ์ที่ชื่อสิงห์กำลังรำมวยอยู่บนนั้น สิงห์เหลือบตามามองทั้งคู่ ''กำลังรออยู่เลย'' สิงห์ลงมาจากสังเวียน สิงนั้นเป็นเบต้าหุ่นกำยำ ท่าทางทะมัดทะแมง ''จะเอายังไง'' หมอกถามพสุ ''ไปชั้น3เถอะ'' หมอกพยักหน้าก่อนจะสลายร่างลอยออกไป เหลือเพียงพสุที่ยืนประจันหน้าอยู่กับสิงห์ สิงห์มองพสุด้วยสายตาที่แข็งกร้าว ''มีแต่พวกสิ้นคิดเท่านั้นแหละที่คิดจะมาล่าอำนาจกับฝูงเรา แต่ต้องขอชื่นชมที่หาบ้านฝูงนี่เจอและผ่านการ์ดเข้ามาได้'' แค่มองยังรู้ว่าสิงห์นั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน สิงห์นำมือทั้งสองข้างที่ใส่นวมประกบกันแล้วโค้งคำนับให้พสุ ''แต่คงให้ผ่านไปลึกกว่านี้ไม่ได้แล้ว'' พูดจบสิงห์ก็กระโจนง้างหมัดต่อยใส่พสุทันที พสุหลบได้อยางฉิวเฉียด เตะสวนใส่สิงห์แต่สิงห์ตั้งศอกรับได้อย่างง่ายดาย จับขาของพสุเหวี่ยงขึ้นไปบนสังเวียน พสุยันตัวเองลุกขึ้น สิงห์กระโดดเข้ามาใช้ขาถีบใส่หน้าพสุอย่างแรงโดยไม่ทันตั้งตัวจนพสุกระเด็นไปติดขอบสังเวียน สิงห์พุ่งเข้ามาง้างหมัดจะซ้ำพสุทันทีแต่พสุเอี้ยวตัวหลบได้ทัน เอามือเช็ดเลือดที่ขอบปาก สิงห์ยิ้ม ''ไม่คิดจะสวนกลับบ้างหรือไง'' สิงห์พูดขำๆ พสุตั้งหมัด พุ่งเข้าสิงห์ ต่อยไปที่หน้าของสิงห์ สิงห์หยุดหมัดของพสุได้ด้วยมือข้างหนึ่ง ใช้อีกข้างต่อยเข้าที่ท้องของพสุอย่างแรงจนพสุจุกตัวงอ สิงห์หัวเราะชอบใจ ถีบพสุลงไปกองกับพื้น เตะเข้าไปที่ท้องของพสุครั้งแล้วครั้งเล่า ''นี่อะหรอฝูงไอโฬมอะไรนั่น กากชิบหาย'' สิงห์หัวเราะอย่างสะใจ ะสุคิดว่าตัวเองสู้ไปยังไงก็สู้ไม่ไหวอยู่ดี ถ้างั้นยอมโดนอัดแบบนี้ซื้อเวลาให้ได้มากที่สุดน่าจะเป้นทางเลือกที่ดีกว่า จู่ๆภาพของบ้านหลังที่พสุฝัน ใบหน้าของอาร์ทที่คอยเป็นกำลังใจให้พสุอยู่ตลอดก็ผุดขึ้นมา 'คุณทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิดอีกนะ' ดวงตาของพสุเปลี่ยนเป็นสีม่วงสว่างวาบ รังสีพลังของพสุแผ่ออกจนน่าตกใจ ตัวจมลงไปในสังเวียน สิงห์ตกใจนเพราะไม่ทันตั้งตัว ''อะไรวะ!'' มือของพสุโผล่ขึ้นมาจับข้อเท้าของสิงห์ขัดให้สิงห์นั้นล้มลง แขาของพสุโผล่ขึ้นมาล๊อคคอของสิงห์กดลงกับสังเวียนแน่นจนสิงห์หายใจไม่ออก ร่างกายของสิงห์ร้อนขึ้นจนพสุต้องปล่อยมือ สิงห์กระโดดขึ้นไปยืนบนเชือกสังเวียนทันที ตัวของสิงห์มีไอความร้อนปล่อยออกมา พสุโผล่หน้าขึ้นมาจากพื้น สิงห์ยิ้ม ''มึงจับตัวกูไม่ได้หรอกน่า'' สิงห์กระโดดถีบไปที่สังเวียนจนมันพัง พสุที่อยู่ข้างล่างกระโดดออกมา สิงห์พุ่งเข้าใส่พสุทันที ต่อยไปที่หน้าของพสุอย่างแรงแต่สิงห์ก็ต้องตกใจเพราะมันทะลุตัวของพสุไป พสุยิ้ม ''มึงก็จับตัวกูไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละ'' พสุเอามีดออกมาจากกระเป๋าแล้วแทงเข้าที่คอของสิงห์ ถีบสิงห์นอนลงไปบนสังเวียน สิงห์เอามือจับมีดตรงคอตัวเองเอาไว้ พสุนั่งลงข้างๆ ดวงตาของสิงห์มองพสุอย่างเคียดแค้น พสุยิ้มให้ ''ถ้าน้องผมมาเจอเค้าคงจะรักษาคุณให้ ถ้าทันนะ'' พูดจบพสุก็ล้มวูบลงไปเพราะร่างกายข้างในช้ำไปหมดจากการเตะต่อยของสิงห์ อวัยวะภายในหลายชิ้นถูกเตะจนได้รับความเสียหาย กระอักเลือดออกมา นี่พสุจะต้องมาตายแบบนี้จริงๆงั้นหรอ ยังมีอะไรอีกหลายอย่างเลยที่พสุยังไม่ได้ทำ พสุพยายามคลานลงมาจากสังเวียน ลมหายใจเริ่มรวยรินขึ้นทุกที ดวงตาของพสุค่อยๆปิดลง ภาพสุดท้ายที่พสุเห้นคือคนตัวเล็กที่กำลังวิ่งเข้ามาหา
: a k; n6 r3 G+ D7 D. z! I1 p
หมอกในสภาพก้อนควันสีดำลอยขึ้นบันไดมา นี่เป็นครั้งแรกที่หมอกจะได้สู้จริงๆจังๆเพราะปกติแล้วหมอกเป็นคนที่รักสงบมากๆ โลกส่วนตัวสูง บุคลิกภายนอกดูเย็นชาและเข้าถึงยาก ทำให้ไม่มีคนรู้เรื่องของหมอกมากนัก หมอกเกิดมาในตระกูลอัลฟ่าที่มีอิทธิพลกว้างขวาง แถมยังเป้นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลทำให้ถูกหลายคนจับตามอง หมอกเป็นอัลฟ่าทั่วไปที่เอาตัวเองเป็นใหญ่และเอาแต่ใจ แต่กลับไม่เคยไปหาเรื่องชกต่อยกับใครเลย จนหลายคนคิดว่าหมอกนั้นสู้ไม่เป็นหรือเปล่า ยิ่งพอหมอกเข้ามาในฝูงนี้ซึ่มีอัลฟ่าถึงสองคน รวมหมอกด้วยก็เป็นสาม ยิ่งทำให้หมอกดูดรอปและหายไปในแบ๊คกราวด์เนื่องจากโฬมและราคานเป็นอัลฟ่ารุ่นใหม่ที่แแข็งแกร่งและถูกจับตามองจากสื่อเป็นจำนวนมาก ทำลงานเยอะมากกว่าหมอกที่เก็บตัวอยู่อย่างสันโดษ หมอกมักจะโดนพ่อเอาไปเปรียบเทียบกับสองคนนี้อยู่เสมอเพราะพ่อของหมอกและพ่อของโฬมกับราคานสนิทกันมาก พ่อไม่เห็นด้วยตั้งแต่แรกที่หมอกตัดสินใจจะเข้าฝูงนี้ อยากให้หมอกตั้งฝูงขึ้นเป็นจ่าฝูงมากกว่า แต่หมอกก็ไม่ได้สนใจคำคัดค้านและเข้าฝูงนี้อยู่ดีเพราะรัมชวน ตอนที่เข้ามาแล้วหมอกได้พบว่าโฬมนั้นไม่ได้เก่งอย่างที่ใครเค้าร่ำลือกันเลย ก็แค่บารมีจากพ่อเท่านั้นแหละ แม้กระทั่งตอนที่เรียนอยู่ก็ตาม ราคานที่ทุกคนบอกว่าเป็นรองโฬมยังดูเก่งกว่าโฬมในทุกเรื่องซะอีก มีบางครั้งที่หมอกแอบคิดว่าอยากจะให้ราคานขึ้นมาเป็นจ่าฝูงแทนโฬม แต่พอเวลาผ่านไปเรื่อยๆโฬมก็เริ่มมีความเป็นผู้นำมากขึ้น เริ่มใช้เหตุผลในการทำสิ่งต่างๆมากขึ้นต่างจากตอนแรกที่คิดว่าตัวเองเก่งกว่าใครและใช้แต่อารมณ์ความรุนแรง เพราะงั้นให้โฬมเป็นจ่าฝูงต่อไปก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ หมอกลอยขึ้นมาจนถึงชั้นสาม ชั้นนี้ต่างจากชั้นอื่นโดยสิ้นเชิง เป็นพื้นที่โล่งเหมือนสวนวัดในญี่ปุ่นที่มีต้นไผ่และก้อนหินประดับ มีกระท่อมเล็กๆตั้งอยู่รอบๆ ทางเดินเป็นไม้เงาวับ บรรยากาศที่นี่ดูสงบ หมอกไม่สามารถสัมผัสได้ถึงดวงจิตของสิ่งมีชีวิตที่นี่ได้ หมวกรวมตัวขึ้นกลายเป็นร่างกายหยาบอีกครั้ง มองไปรอบๆ ''ฉึก!'' ลูกธนูเฉียดหน้าของหมอกลอยไปปักอยู่ด้านหลัง ดวงจิตหนึ่งได้ปรากฏขึ้น หมอกหันไปทางที่ลูกธนูถูกยิงมา
สมาชิกฝูงที่ชื่อเคนอยู่บนหลังคากระท่อมหลังหนึ่ง ในมือถือคันธนูอยู่ เคนมีร่างกายกำยำ หน้าตาคมเข้ม ดวงตาคมเหมือนกับเหยี่ยว ทั้งคู่จ้องตากันด้วยสีหน้านิ่งๆ เคนยิ้มมุมปากแล้วยืนขึ้น ''พวกสิ่งชั่วร้ายสินะ'' ''สิ่งชั่วร้าย คนอย่างพวกมึงเรียกกูว่าสิ่งชั่วร้ายงั้นหรอ'' หมอกถามเสียงเรียบ เคนโค้งคำนับให้หมอก ''สวัสดีครับ ผมชื่อเคน ฉายาพญาเหยี่ยว มือขวาของท่านคิน ผู้ที่ไม่เคยยิงธนูพลาดมาก่อนเลยสักครั้ในชีวิต'' ''แล้วดอกเมื่อกี๊ล่ะ'' ''ผมตั้งใจให้มันถากน่ะครับ เป็นการทักทายผู้มาเยือน'' เคนยิ้ม ''ไม่เคยมีใครเข้าถึงตัวผมได้มาก่อน เพราะไม่มีทาเลยที่จะหลบลูกธนูของผมพ้น'' หมอกดูไม่ได้สนใจสิ่งที่เคนพูดเลยสักนิด ทำให้เคนนั้นหงุดหงิด หมอกที่เห็นว่าเคนหยุดพูดแล้วเหลือบตามามอง ''พล่ามเสร็จหรือยัง ไม่ได้มีเวลาทั้งวันหรอกนะ'' ''ไร้มารยาท ไม่มีความเป็นมืออาชีพ'' ''ถ้าตัวเองเป้นมืออาชีพจริงก็ควรศึกษาคู่ต่อสู้มาสักหน่อยใช่มั้ยล่ะ'' ''ไม่จำเป็นหรอก เพราะคุณจะต้องตายเพราะลูกดอกของผมก่อนจะได้ทำอะไรเสียอีก'' เคนนั่งลง ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ง้างธนูแล้วยิงเข้าใส่หมอก พลังของเคนคือความแม่นยำเหืนอมนุษย์ ไม่ว่าจะทำอะไรถ้าเล็งแล้วจะเข้าเป้าอยู่เสมอ ลูกธนูดอกนั้นพุ่งตรงมาที่หน้าผากของหมอก ดวงตาของหมอกกลายเป็นสีเทาส่องสว่างก่อนที่ลูกธนูดอกนั้นมันจะทะลุไปปักอยู่ที่กำแพงข้างหลัง กลางหน้าผากของหมกโบ๋เป็นรู ควันสีดำลอยออกมา ''นั่นเป็นลูกแรกที่พลาดสินะ'' พูดจบยังไม่ทันที่เคนจะได้ตอบอะไรหมอกก็เข้ามาประชิดตัวของเคนแล้ว ต่อยเข้าที่หน้าท้องของเคนอย่างแรงจนทะลุลงไปในกระท่อม แรงของหมอกนั้นมหาศาลมาก ตอนแรกที่หมอกเข้ามาพลังยังไม่มากขนาดนี้เลยนี่นา อยู่ๆดวงจิตและรังสีพลังของหมอกก็แข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งกว่าอัลฟ่าที่เคนเคยเจอมาเสียอีก หมอกยืนมองเคนจากรูบนหลังคา สายตาของหมอกนั้นดูถูกเหยียดหยามเคนเป็นอย่างมาก ''นี่น่ะหรอคู่ต่อสู้ที่กูได้'' หมอกพูดอย่างไม่พอใจนัก ''มันทำไม'' ''มันคนละชั้นกันยังไงล่ะ'' หมอกพูดจบก็ร่างสลายกลายเป็นกลุ่มควันลอยหายไป เคนรีบยืนขึ้น หยิบคันธนูวิ่งออกมาข้างนอก ''ถ้าแน่จริงขนาดนั้นก็อย่างแปลงร่างหนีสิวะ'' กลุ่มควันบนหลังคาลอยลงมารวมตัวก่อขึ้นเป็นร่างหมอก ''ไม่ได้จะหนี ก็แค่ลงมาข้างล่าง'' หมอกพุ่งเข้ามาต่อยหน้าของเคนจนหน้าหัน เตะเข้าที่หน้าท้องของเคนจนกระเด็น พุ่งตัวอ้อมไปด้านหลังแล้วถีบเข้าที่กลางหลังจนเคนกระเด็นทะลุกระท่อมไป หมอกเดินไปที่กระท่อมนั้น ธนูจำนวนมากกว่าพันดอกลอยขึ้นมาบนท้องฟ้าแล้วพุ่งลงใส่ตัวหมอก หมอกยืนนิ่งไม่ไหวติง ธนูพวกนั้นปักลงที่พื้นเต็มไปหมด หมอกตัวขาดแยกออกเป็นควันหลายส่วน ก่อนจะลอยมารวมตัวกันกลับเป็นอย่างเดิม เดินเข้าไปในในซ่กกระท่อม เคนนอนหอบ ร่างกายสะบักสะบอม หมอกนั่งยองๆเอามือเท้าคาง ''พอเข้าถึงตัวได้ก็หมดประโยชน์เลยสินะ โอเมก้าฝูงกูยังเก่งกว่ามึงอีก'' พูดจบหมอกก็เดินลงไปจากชั้นสาม หมอกเดินหลับไปที่ห้องมวยเพื่อดูพสุก็เจอกับเลิฟที่นั่งรักษาให้พสุอยู่ หมอกเดินเข้าไปหา มองไปที่สิงห์ซึ่งนอนแน่นิ่งไปแล้ว ''เป็นยังไงบ้าง'' ''อวัยวะภายในได้รับแรงกระแทกจนเสียหายหนักมากเลยครับ แต่ผมรักษาให้อยู่ในระดับอาการที่ปลอดภัยแล้ว ต้องใช้เวลาและพลังร่างกายในการรักษาเยอะมาก ตอนนี้คงช่วยให้ไม่ได้เพราะเพิ่งรักษาพี่รัมไป'' หมอกพยักหน้า ใช้มือช้อนร่างของพสุอย่างเบามือขึ้นมาอุ้มไว้แล้วเดินลงไปข้างล่างพร้อมกับเลิฟที่เดินตามหลังมา แวะอุ้มรัมขึ้นมาด้วยแขนข้างเดียว เดินกลับไปที่รถ เอาทั้งสองคนที่ตอนนี้นอนไม่ได้สตินอนอยู่ที่หลังรถ ''ไปช่วยโฬมกับราคานเถอะ เดี๋ยวพี่อยู่ที่นี่เอง ให้นั่งรักษาอยู่นี่ถ้าโดนใครมาเจอจะอันตรายกันหมด'' ''ครับ'' เลิฟรีบวิ่งกลับเข้าไปในตัวบ้าน กำลังจะขึ้นไปข้างบน ''เลิฟ!'' เลิฟหันไปตามเสียง ราคานวิ่งเข้ามาหา ''พี่ราคาน'' ''เลิฟเป็นยังไงบ้าง เจ็บตรงไหนหรือเปล่า'' ''ผมโอเคดีครับ แต่พี่รัมกับพสุนอนพักร่างกายอยู่ในรถ พี่หมอกเฝ้าอยู่ แล้วพี่โฬมล่ะครับ'' ''น่าจะสู้อยู่ข้างบนนั่นแหละ พี่ลงมาเคลียร์พวกลูกน้องที่เหลือ พี่หนีพวกมันมา พวกมันเยอะมาก เลิฟไปช่วยพี่สู้กับพวกมันหน่อยได้มั้ย'' เลิฟรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆแต่ก็พยักหน้าตกลง วิ่งตามราคานออกไปทางด้านหลัง
. ~2 s$ T% @6 q/ s( G4 Z Q; Y2 Q
โฬมและราคานขึ้นมาถึงชั้น4 เดินไปตามทางเดินที่ปูพรมสีดำ ''มึงจับจิตได้บ้างหรือยัง'' ราคานพยักหน้า ''มีคนอยู่บนนี้หนึ่งคน'' ทั้งคู่เดินมาหยุดหน้าประตูเหล็กบานหนึ่ง มันดูต่างจากประตูอื่นทุกบาน รังสีพลังที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากหลังประตูบานนี้ จู่ๆราคานก็เหมือนมีลางสังหรณ์อะไรที่ไม่ดี ''โฬม มึงจัดการตรงนี้คนเดียวได้ใช่มั้ย'' ''มึงจะไปไหน'' ''กูจะลงไปช่วยคนอื่นข้างล่าง'' ''อืม ได้ ดูแลทุกคนให้ปลอดภัย'' ราคานพยักหน้าแล้วเดินลงไปชั้นล่างทันที อีกด้านหนึ่ง เลิฟเดินออกมากับราคานด้านหลังบ้าน ''นั่งตรงนี้กันก่อนเถอะ'' เลิฟไปนั่งลงข้างๆราคานบนม้านั่ง ''เราไม่ต้องไปช่วยพี่โฬมหรอครับ'' ''ไม่ต้องหรอก โฬมมันจัดการได้อยู่แล้ว'' ราคานพูดยิ้มๆ ''แล้วเลิฟล่ะ โอเคใช่มั้ย'' ''โอเคครับ ผมรักษาตัวเองด้วยระหว่างที่ว่างอยู่'' ''เรากลับไปที่รถกันเลยมั้ย'' ''เราจะไม่เข้าไปช่วยพี่โฬมจริงๆหรอครับ'' ''ไม่ต้องหรอก กลับไปรอที่รถนั่นแหละดีแล้ว'' เลิฟพยักหน้า ''เดินนำไปเลย'' "ให้ผมนำ'' ''ใช่ ไปที่รถไง'' ''พี่ราคานไม่รู้หรอครับว่ารถจอดอยู่ตรงไหน'' ''รู้สิ'' ''แล้วทำไมต้องให้ผมนำล่ะครับ'' ''พี่ก็พูดไปงั้นแหละ'' ราคานหัวเราะ เลิฟหยุดชะงักแล้วถอยห่างออกจากราคาน ''คุณไม่ใช่พี่ราคาน'' ''พูดอะไรน่ะเลิฟ เราไม่มีเวลามาเล่นไร้สาระกันหรอกนะ รีบไปสมทบกับทุกคนที่รถกันเถอะ'' ''กลิ่นของคุณไม่ใช่พี่ราคาน'' คนตรงหน้านี้ภายนอกเหมือนราคานทุกประการก็จริง แต่กลิ่นและรังสีพลังที่แผ่ออกมาไม่ได้เป็นมิตรแบบของราคานที่เลิฟจดจำได้ดีขึ้นใจ กลับเป็นจิตสังหารอ่อนๆและกลิ่นที่คล้ายกับดินแทน ราคานหน้านิ่ง แสยะยิ้มออกมา ''เฮ้อ ก็อปกลิ่นไมไ่ด้จริงๆแฮะ'' ใบหน้าและร่างกายของราคานเริ่มบิดเบี้ยว ปั้นตัวไปมาเหมือนดินเหนียว ค่อยๆก่อตัวขึ้นมาเป็นรูปร่างคนที่ไม่ใช่ราคาน
โอเมก้าหุ่นล่ำตัวสูงใหญ่ที่ไม่ใส่อะไรเลยส่งยิ้มมาให้เลิฟ เลิฟจำหน้าได้ทันทีจากการประชุมว่าชื่อมอป หนึ่งในสมาชิกเขี้ยวพยัคฆ์ ''เห็นหน้าใสๆนึกว่าจะโง่ซะอีก ดันไหวตัวทันซะงั้น'' มอปยืดแขนบิดตัว ''งั้นเดี๋ยวจะฆ่าแกก่อน แล้วไปหารถเองก็ได้'' มอปพุ่งเข้าใส่เลิฟทันที เลิฟหลบแล้วออกตัววิ่ง ''เร็วจริงๆเลยนะ'' มอปวิ่งตามเลิฟมา แขนของมอปยืดยาวมาจิกผมของเลิฟดึงไปข้างหลังแล้วใช้อีกมือตบหน้าของเลิฟอย่างแรงจนกลิ้งไปกับพื้น เดินเข้ามาเอาเท้าเหยียบหน้าของเลิฟไว้ กดเท้าลงมาแรงขึ้นเรื่อยๆ ''โอเมก้าพลังรักษา ก็แค่ขยะเองไม่ใช่หรอ ทำไมพวกการ์ดถึงกันกันไม่ได้นะ'' เลิฟที่โดนด่าแบบนั้นจู่ๆความโกรธก็พุ่งขึ้นมาในใจ เลิฟควักมีดสั้นในกระเป๋าออกมาแทงที่ข้อเท้าของมอปจนมอปตกใจยกเท้าออก เลิฟกลิ้งตัวออกแล้วลุกขึ้นมาถือมีดตั้งท่าพร้อมสู้ ''จะสู้งั้นหรอ น่าสมเพชจริงๆเลยนะ'' มอปพุ่งเข้าใส่ ง้างหมัดต่อยสีข้างของเลิฟ เลิฟใช้ความเร็วหลบ ลอดใต้หว่างขาของมอปแล้วเตะเข้าที่สีข้าง มอปยืดแขนขึ้นมาต่อยเสยคงเลิฟจนหน้าหงาย ถีบหน้าท้องของเลิฟเต็มๆจนกระเด็นมีดหลุดมือกระเด็นไป เดินมาเอาเท้าหยียบหน้าอกเลิฟ ''ก็ทำได้แค่นี้นั่นแหละ'' มอปหยิบปืนออกมาจ่อที่หัวของเลิฟ ''ดูซิ ว่าจะรักษาได้ทันกระสุนปืนเจาะเข้าสองมั้ย'' แสงสีแดงสว่างวาบขึ้นมา มอปเงยหน้าขึ้นไปดู จู่ๆกระสุนก็ยิงไม่ออกซะงั้น เลิฟใช้โอกาสนี้เอาเท้ายันมอปออกไป มอปยืนขึ้นมาเอาปืนยิงใส่เลิฟ เลิฟวิ่งหนีหลบได้ทุกนัด มอปหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เมื่อกี๊มันใครกัน แล้วทำไมมอปถึงได้ชะงักไปชั่วคราวแบบนั้น มอปรีบตามเลิฟไป จนกระทั่งมาชิดมุมกำแพง แขนของมอปยืดออกแผ่เป็นกำแพงโอบล้อมตัวทั้งคู่ไว้ตรงมุมไม่ให้ออกไปได้ ''คราวนี้จะหนีไปไหนได้อีก รีบๆตายๆให้มันจบๆไปได้แล้ว'' เลิฟไม่ตอบอะไร ดวงตาเปล่งแสงสีเขียวเจิดจ้า จู่ๆแขนที่แผ่อยู่ของมอปก็ฉีกขาด มีดสั้นที่ตอนนี้กลายเป็นดาบยาวสีเงินและเขียวลอยตัดผ่านเนื้อของมอปเข้ามาที่มือของเลิฟ มอปมองเลิฟอย่างฉุนเฉียว หดแขนตัวเองกลับ ''ลูกเล่นเยอะจริงๆเลยนะ'' เลิฟเอาดาบพาดบ่า ดวงตาของเลิฟตอนนี้ดูเปลี่ยนไปจากตอนแรกจนมอปหวั่น เลิฟพุ่งมาด้วยความเร็วแสงจนมอปไม่ทันตั้งตัว เงื้อดาบฟันแขนของมอปจนขาด ''อั๊ก'' มอปร้องด้วยความเจ็บปวด ''กูงอกออกมาได้ใหม่หรอกน่า'' แล้วมอปก็ต้องตกใจ เพราะแผลตรงที่เลิฟฟันมันไม่สามารถงอกใหม่ได้ ''อะไรวะ!'' รู้ตัวอีกทีคมดาบของเลิฟก็ทะลุผ่านตัวของมอปไปแล้ว มอปจับดาบแล้วมองใบหน้าของเลิฟ ''ผมขอโทษนะครับ'' ดาบของเลิฟชยายตัวใหญ่ยาวขึ้นอีก มอปกระอักเลือดและแน่นิ่งไป เลิฟถอนดาบออก มันหดตัวกลับลงเป็นมีดสั้นดังเดิม เลิฟรีบนั่งลงจะผสานแผลให้มอป แต่พอนึกถึงรัมและพสุแล้วเลิฟกลับเปลี่ยนใจ ลุกขึ้นเดินออกมาจากตรงนั้น รู้สึกผิด โกรธ ตีกันไปหมด ''เลิฟ!'' ราคานตัวจริงวิ่งเข้ามา เลิฟเห็นก็ปล่อยโฮทันที ''พี่ราคาน'' ราคานดึงเลิฟเข้าไปกอดแน่น ''ผมฆ่าคนไปแล้ว'' ''ไม่เป็นไรนะๆ ใจเย็นๆก่อน'' ราคานลูบหัวของเลิฟ ''ถ้าเราไม่ฆ่า เค้าก็ฆ่าเรา มันไม่ผิดหรอก'' ราคานบอกเลิฟ ''พี่โฬมล่ะครับ'' ''เดี๋ยวก็น่าจะตามลงมา เราไปที่รถกันก่อนเถอะ'' ''ครับ'' แต่พอก้าวขาเลิฟก็จะล้ม ราคานรีบเข้ามาคว้าตัวไว้ ''ไหวมั้ย'' ''ไหวครับ'' วันนี้เลิฟใช้พลังไปมากจริงๆ ทั้งพลังกายพลังการรักษา เลิฟที่ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเลยหมกเรี่ยวแรง ราคานแบกเลิฟขึ้นขี่หลังแล้วเดินกลับไปที่รถ รัมตอนนี้ฟื้นตัวแล้วกำลังนั่งรอเลิฟให้กลับมา พอเห็นก็กระโดดเดินเข้ามาหาทันที ''ใครมันทำ'' ''เรียบร้อยไปแล้วล่ะ รัมเถอะ เป็นไงบ้าง'' ''ผมเพิ่งตื่น ส่วนนู่นยังหลับอยู่'' รัมชี้ไปที่พสุ หมอกนั่งอยู่ด้านในตัวรถ ''โอเคกันใช่มั้ย'' ราคานถา หมอกพยักหน้า ''โฬมล่ะ'' ราคานมองไปยังชั้นบนสุดของบ้าน
โฬมเปิดประตูเหล็กเข้ามา ในห้องนี้เป็นห้องโล่งที่พื้นปกคลุมไปด้วยทราย มืดสนิทมีเพียงไฟสีเหลืองดวงเดียวบนเพดาน ดวงจิตอันแข็งกล้าอยู่ในห้องนี้แน่นอน ''ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเพื่อน'' คินก้าวออกมาจากความมืด ส่งยิ้มมาให้ คินนั้นเปลี่ยนไปจากเดิมที่หมอกจำได้มาก หล่อขึ้น ล่ำขึ้น และยังดูเก่งขึ้นด้วย ''ใครเป็นเพื่อนมึง'' ''เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ ยังแบ่งชนชั้นกันอยู่เหมือนเดิม'' ''มึงก็ยังเป็นไอขี้แพ้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยน'' ทุกอย่างที่คินคิด ที่บอกว่าโฬมเป็นอันธพาลในโรงเรียน พูดจาถากถางเหยียดหยามคนอื่น จริงๆแล้วทั้งหมดนั่นคือคินเองต่างหาก คินอิจฉาโฬมที่เกิดมาเพรียบพร้อมทุกอย่าง มีเพื่อนฝูงและคนเคารพนับถือเยอะ ต่างจากตัวเองที่ไม่ค่อยมีเพื่อนเพราะนิสัยเสียของตัวคินเอง คินพยายามที่จะตีสนิทกับโฬมแต่โฬมเองก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ชอบคิน แถมยังไล่ตะเพิดจนคินนั้นอับอาย เลยสร้างภาพจำของโฬมที่ไม่ดีขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเอง ''ทำไมมึงถึงมาทำงานให้ไอพวกนี้'' ''พ่อกูเป็นสมาชิกคนสำคัญยังไงล่ะ ตอนแรกกูก็ไม่ได้อยากทำนักหรอกนะ แต่พอรู้ว่าเป้าหมายใหม่เป็นเพื่อนรักโฬมก็อยากทำขึ้นมาเลย'' ดวงตาของคินเปลี่ยนเป็นสีส้ม เส้นเอ็นบนกล้ามแขนของคินกลายเป็นโซ่ตรวนอันใหญ่หลายเส้น ''ที่นี่มันไม่ใช่โรงเรียนแล้ว ไม่มีใครเค้ามาคอยเลียแข้งเลียขาชมมึงอีกแล้วโฬม'' คินฟาดโซ่ใส่โฬมทันที โฬมหลบ พุ่งเข้ามาง้างหมัดต่อยใส่คิน คินถไลไปบนพื้นทราย พยายามยันตัวเองเอาไว้ แรงต่อยของโฬมนั้นมหาศาลมาก โฬมยังไมไ่ด้ใช้พลังเลยด้วยซ้ำ คินวิ่งเข้ามาใส่โฬมอีกครั้ง ง้างหมัดต่อยใส่โฬม โฬมเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดาย คินต่อยัวๆเหมือนไม่ได้เล็ง โฬมจับแขนของคินไว้เตรียมที่จะเหวี่ยง ''ไม่เล็งแล้วมันจะโดนได้มั้ยล่ะ'' คินยิ้ม ''นี่ไง โดนแล้ว'' โซ่ตรวนที่แขนของคินเลื้อยมาพันตัวของโฬมและล็อคทำให้โฬมล้มนอนลง คินหัวเราะสะใจ เตะเข้าที่ใบหน้าของโฬมอย่างแรง ''มึงมีอะไรอย่างอื่นบ้างมั้ยนอกจากพละกำลัง แถมดูมันจะไม่พัฒนาขึ้นด้วยเลยนะ'' โฬมดูไม่สนใจคำด่าของคินเลย ยิ่งทำให้คินนั้นโมโห ''ตอนนี้มึงกากกว่ากูแล้ว มึงไม่มีสิทธิ์มาด่าอะไรกูอีกแล้ว'' ''ทำตัวเป็นเด็กไปได้'' ''เหอะ มึงนั่นแหละที่ทำตัวเป็นเด็ก มีใครเค้าเคารพมึงบ้างมั้ยในฝูงน่ะ'' คำพูดของคินแทงใจดำโฬมนิดๆ ''ตอนแรกกูว่าจะค่อยๆไล่เก็บฝูงมึงไปทีละคน แต่คิดๆดูแล้วเก็บมึงไปก่อนเลยคนแรกก็น่าจะดีเหมือนกัน ขนาดไอโอเมก้าหน้าโง่นั้นยังไม่พลาดท่าแบบนี้แบบมึงเลยตอนที่กูส่งนักฆ่าไป'' เหมือนโฬมถูกปลุกอะไรบางอย่างในตัวจากคำพูดนั้น ''มึงว่าไงนะ'' ''ฝีมือกูเองแหละ ที่ไอโอเมก้ารักษามึงเกือบตายน่ะ นี่ถ้าไอกริชมันไม่ใจร้อนมันคงฆ่าได้ไปแล้ว'' แคร๊ก!! โซ่ที่พันตัวโฬมอยู่แตกออก คินตกใจมาก โฬมยืนขึ้น ภาพของเลิฟในสภาพปางตายในวันนั้นทำให้โฬมโมโหขึ้นกว่าเดิม รังสีพลังและความกดดันแผ่กระจายไปทั่วห้อง ดวงตาของโฬมกลายเป้นสีดำสนิท ร่างกายขยายใหญ่โตขึ้น กล้ามแน่นเห็นเส้นเอ็นปูดไปทั้งแขน ''ฝีมือมึงเองสินะ'' คินถึงกับถอยหลังไปนิดหน่อย ''เออ แล้วมึงจะทำไม'' โฬมไม่ตอบแต่พุ่งเข้ามาต่อยเข้าที่หน้าของคินทันที ฟันของคินหักหลุดร่วงจากปาก เลือดกกปาก คินขึ้นมานั่งค่อมคิน ต่อยหน้าคินไม่ยั้ง คินไม่สามารถตอบโต้อะไรโฬมได้เลย โฬมบีบคอของคินอย่างแรง โยนขึ้นไปบนฟ้าแล้วดีดตัวลอยขึ้นมาเตะที่หน้าท้องของคินจนพุ่งลงมาที่พื้นพื้นยุบเป็นรูลงไป ''มึงจะทำอะไรกู จะตามฆ่ากูยังไงก็ได้ แต่ห้ามยุ่งกับคนในฝูงของกู'' โฬมเอาโซ่ของคินที่พื้นมารัดคอของคินแน่น คินหายใจไม่ออกน้ำตาไหล ทั้งโกรธทั้งกลัว ทำไมกัน ทำไมถึงยังสู้โฬมไมไ่ด้อีก โฬมรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆจนคินลิ้นจุกปาก โฬมคลายออก คินเป็นลมหมดสติตาค้างไป ร่างกายของโฬมค่อยๆหดตัวลง หอบหายใจอย่างแรงเพราะความเหนื่อย หยิบเข็มกลัดรูปแมงมุมตรงอกของคินมาบดทิ้งด้วยมือเปล่า มอไปที่กล้องวงจรปิดตรงมุมห้อง ''พวกกูจะไม่ยอมให้พวกมึงล่าอยู่ฝ่ายเดียวหรอก มึงตัวการที่ดูอยู่ สักวัน กูจะไปฆ่ามึงด้วยมือของกูเอง'' โฬมพูดกับกล้อง ยืนขึ้นหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้งกับทางเขตว่าได้โค่นล้มฝูงเขี้ยวพยัคฆ์แล้ว และเรียกนักข่าวกับตำรวจมาด้วย โฬมเดินลงมาข้างล่าง ทุกคนที่นั่งรออยู่รีบเดินเข้ามาหาโฬม โฬมมองทุกคน ''จบแล้ว'' ราคานพยักหน้า ''มึงโอเคมั้ย'' โฬมจับใบหน้าของตัวเองที่มีรอดโซ่เลือดซิป ''โอเค กลับกันก่อนเถอะ เดี๋ยวนักข่าวกับตำรวจจะมา'' โฬมขึ้นมาบนรถ ขับออกมาจากบ้านฝูงเขี้ยวพยัคฆ์ที่โดนกวาดล้างจนสูญสิ้น จบการออกสู้ล่าอำนาจครั้งแรกของฝูงROMEอย่างเป็นทางการ
หลังจากนำพสุส่งโรงพยาบาลเสร็จหมอกกับรัมก็ขอตัวกลับเอง ที่เหลือทั้งหมดขับรถตู้กลับมาที่บ้านฝูง ตำรวจเข้ามาที่บ้านของฝูงเขี้ยวพยัคฆ์ คินและมอปหายตัวไป ส่วนสิงห์และเคนถูกคุมตัวไปโรงพัก เลิฟทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาด้วยสภาพที่อิดโรยจากการใช้พลังเกินตัว ''โอเคมั้ย'' ราคานถามด้วยความเป็นห่วง เลิฟพยักหน้า ''ไหวครับ คงต้องนอนพักสักหน่อย'' ''วันนี้เก่งมากเลยนะ'' เลิฟยิ้มอย่างอ่อนเพลีย ''จริงหรอครับ ผมมีประโยชน์ใช่มั้ย'' ''มีสิ เลิฟมีประโยชน์มาก ถ้าไม่มีเลิฟรัมกับพสุก็คงตายไปแล้วนะ'' ''ขอบคุณพี่ราคานที่มาช่วยนะครับ'' ''ยังไงพี่ก็ต้องมาช่วยอยู่แล้วมั้ยล่ะ'' เลิฟยิ้มหันไปหาโฬม ''พี่โฬมเท่มากเลยครับ'' โฬมรู้สึกเขินนิดหน่อยที่ถูกชม ''ไปพักเถอะ พูดอยู่ได้ เดี๋ยวก็เป็นอะไรไปอีกคน'' ''งั้นผมขึ้นห้องก่อนนะครับ'' ''พรุ่งนี้จะหยุดเรียนมั้ย เดี๋ยวพี่ทำเรื่องให้'' ''ไม่เป็นไรครับ ผมไปไหว'' ''แน่ใจนะ'' ''ครับ'' เลิฟกลับขึ้นมาบนห้อง ทิ้งตัวนอนลงบนเตียง รู้สึกภูมิใจในตัวเองที่วันนี้ไม่เป็นภาระให้ใครเท่าครั้งก่อนๆ แต่เลิฟจะต้องเก่งกว่านี้ ต้องแข็งแกร่งกว่านี้ ต้องทำประโยชน์ได้กว่านี้อีก สุดท้ายเลิฟก็ทนความเหนื่อยล้าไม่ไหว ผลอยหลับไป ราคานเลื่อนตัวมานั่งข้างโฬม เอามือโอบไหล่โฬมที่ทำหน้าเครียด ''เป็นอะไร'' ''ถ้ากูจัดการไอคินได้เร็วกว่านี้คงลงมาช่วยไอรัมกับพสุทัน'' โฬมรู้สึกผิดที่ปล่อยให้คนในฝูงบาดเจ็บสาหัสอีกครั้งแล้ว ราคานเข้าใจเพื่อนดี โฬมดูเป็นคนไม่สนใจใครก็จริง แต่การมาเป็นฝูงเดียวกันก็เท่ากับว่าตอนนี้ทุกคนเป็นพวกเดียวกันแล้ว โฬมเป็นคนที่ใส่ใจและเป็นห่วงเพื่อนฝูงมากๆ ''มึงทำได้ดีมากแล้วโฬม มันไม่ใช่่ความผิดของมึงสักหน่อย'' โฬมดึงราคานเข้ามากอด ราคานกอดตอบแล้วเอามือลูบหลังเพื่อน เพราะโฬมเกิดมาในตระกูลใหญ่ พ่อของโฬมเป็นอัลฟ่าที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆในประวัติศาสตร์ ก่อตั้งฝูงที่แข็งแกร่งมีอำนาจมากมาย ลูกชายอย่างโฬมเลยโดนกดดันจากทั้งสังคมคนรอบข้าง จากที่บ้าน จากพ่อ และจากตัวเองว่าต้องทำให้ดี โฬมมุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งและอยู่เหนือกว่าใคร คอยทำตามที่พ่อสั่งจนบางครั้งโฬมก็ลืมไปแล้วว่าตัวตนจริงๆของตัวเองเป็นยังไงกันแน่ โฬมพัฒนาตัวเองในฐานะจ่าฝูงมาตลอดแต่ก็ไม่เคยได้รับคำชมจากพ่อตัวเองเลยสักครั้ง คนในฝูงก็ไม่รู้ว่ามองโฬมเป็นยังไงกัน ''กูทำได้ดีขึ้นแล้วใช่มั้ย'' ''มึงทำได้ดีแล้วโฬม'' ''ถ้ามึงอยากออกไปตั้งฝูงเองกูก็ไม่ว่านะราคาน'' ราคานขำ เอามือยีหัวของโฬม ''ย้อนกลับไป กูก็เลือกมาอยู่ฝูงมึงอยู่ดีนั่นแหละ มึงเป้นจ่าฝูงแหละเหมาะสมแล้ว'' โฬมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ''อยากแดกเหล้า'' ราคานหัวเราะ ''ไปแดกมั้ยล่ะ'' ''บ้านมึง'' ''เออ บ้านกูก็ได้'' ทั้งคู่ลึกขึ้น เดินกอดคอกันออกมาจากบ้าน ขับรถออกไปจากบ้านฝูงที่ถูกปกคลุมป้องกันด้วยหมอกสีดำ